เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๔๙
จิตดับเหลือแต่ความรู้ล้วนๆ
การได้รับการอบรมจากครูจากอาจารย์อยู่เสมอเป็นความดีงาม เป็นความที่มีขอบเขตเหตุผลมีหลักมีเกณฑ์ ไม่ใช่ต่างคนต่างรู้ ก็เข้าใจว่าตัวรู้ๆ ปฏิบัติไปตามความรู้ของตน มันเป็นความรู้อันธพาลไปเสียมากต่อมาก ถ้าเป็นความรู้มีแบบมีฉบับมีครูมีอาจารย์ก็มีสถานที่เคารพยำเกรงระมัดระวัง แล้วก็ค่อยเป็นคนดีไปเรื่อยๆ การได้ยินได้ฟังการอบรมอยู่เสมอเหมาะสมแล้ว
ถ้าพระทางภาคปริยัติไม่ค่อยได้อบรมกัน ใครก็ถือว่าต่างคนต่างศึกษาเล่าเรียนด้วยกันๆ จึงไม่ค่อยมีการอบรมกันนัก การปฏิบัติก็เป็นไปตามส่วนแห่งการอบรมมากน้อย ส่วนวงกรรมฐานนี้การอบรมถือเป็นอันดับหนึ่ง พอถึงกาลเวลาแล้วเหมือนเด็กหิวนม จะได้มาฟังเทศน์ครูบาอาจารย์ จิตใจยิ้มแย้มแจ่มใส หน้าตาผ่องใส มาจากที่ต่างๆ ที่ท่านไปภาวนาอยู่ไม่ไกลนัก สถานที่ ๔ กิโลบ้าง ๕-๖ กิโลบ้าง พอถึงวันประชุมท่านอบรมนี่ พระมาจากที่ต่างๆ บางแห่งถึง ๙ กิโล ๑๐ กิโลก็มา ท่านอบรมตอนบ่ายโมง คือกลางคืนจะมีเฉพาะภายในวัด แต่สำหรับข้างนอกท่านมีการประชุมอบรมกันตามวัน บ่ายโมง ท่านถือเอาวันลงปาฏิโมกข์รวมตามหลักธรรมหลักวินัย
คือปาฏิโมกข์นั้นสวดหลักเกณฑ์ของพระวินัย สำหรับพระผู้ปฏิบัติตามพระวินัย วัน ๑๕ ค่ำ มีผู้สวดปาฏิโมกข์ ปาฏิโมกข์เป็นข้อยืนยันของพระผู้รักษาพระวินัย มายืนยันสวดปาฏิโมกข์ สำหรับวงกรรมฐานถึงวันเช่นนั้น พระอยู่ในที่ต่างๆ หลั่งไหลมาด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนเด็กหิวนมแม่นั่นแหละไม่ผิดอะไรกัน ด้วยความพออกพอใจ วันนี้จะได้ยินได้ฟังการอบรมจากท่าน เพราะที่อยู่ห่างๆ จะได้มาเป็นบางเวลา ไม่เหมือนที่อยู่ในวัดกับท่าน อยู่ในวัดก็เรียกว่าเป็นกรณีพิเศษอยู่โดยดี แต่อยู่นอกๆ จะได้มาในวันอุโบสถ ท่านก็อบรมเวลานั้น
ท่านผู้อบรมก็เป็นธรรมทั้งองค์เลย มองเห็นแล้วน่ากราบไหว้บูชา หมอบแล้วตั้งแต่มองเห็น จิตใจมันลงแล้ว พอมองเห็นพับนี้จิตมันหมอบด้วยความลงใจ เคารพนับถือเลื่อมใส พอท่านแย้มธรรมะออกมานี่ซึ้งๆ เข้าในใจ ฟังแล้วเป็นเวลาหลายๆ วันยังอิ่มเอิบอยู่ภายในธรรมที่ได้เข้าสู่ใจจากการอบรมของครูบาอาจารย์ ยกตัวอย่างเราเห็นได้อย่างชัดๆ ก็คือพ่อแม่ครูจารย์มั่นเรา นี่เรียกว่าอาจารย์ชั้นเอกทีเดียวไม่ใช่ธรรมดา ไม่ใช่เอกตาเดียว คือทางนี้บอด ทางนี้ดีแล้วเรียกว่าเอกตาเดียว ถ้าตานี้บอดอีกเสร็จเลย เอกก็ไม่มี โทก็ไม่มี มีแต่บอดไปเลย พอมองเห็นจิตมันลงแล้ว จิตลงเสียอย่างเดียวอะไรเรียบไปหมด ถ้าจิตไม่ลงเสียอย่างเดียวเป็นไฟเผากันได้ ที่เป็นไฟก็คือกิเลสตัวเป็นไฟมันอยู่ในจิต มันไม่ยอมรับธรรม
(รอช่วงฝนตกผ่านไป) กรรมฐานโดนเรื่อยนะ พอออกพรรษาตอนนี้ละท่านเข้าป่า ตอนนั้นไม่มีที่มุงที่บังกำลังหนาว พอหยุดหนาวปั๊บฝนตกปุ๊บเลยอย่างนี้ละ เรานี้โดนเรื่อยแต่ก็ชินไม่เคยถือเป็นอารมณ์ แน่ะ หยุดแล้ว(ฝน) เท่านี้ก็ชุ่มเย็นเพราะมันตกหนักพอสมควร นักเรียนมีเท่าไร ครูมีเท่าไรลืมแล้ว (นักเรียน ๕๓๐ ครู ๓๖ ครับ) นักเรียนก็มาก พ่อแม่มีสองคน ลูกยั้วเยี้ยๆ มันก็แบบเดียวกัน นี่ครูไม่กี่คน นักเรียนยั้วเยี้ยๆ
วันโอกาสอำนวยที่พอจะเข้าวัดเข้าวาฟังศีลฟังธรรมได้เป็นมงคลแก่เราชาวพุทธทั่วหน้ากันในประเทศไทย เพราะพุทธศาสนานี้เป็นศาสนาที่เลิศเลอสุดยอดแล้ว เราไม่ได้เอาอะไรมาเป็นคู่แข่งเหยียบย่ำทำลายศาสนาใด เราเอาความจริงออกพูด พุทธศาสนาสอนโดยหลักธรรมชาติตามหลักความจริง ไม่ปั้นไม่ยอไม่เสกไม่สรร ของไม่มีไม่หามาพูดว่ามี จะพูดตามสิ่งที่มีที่เป็นดีชั่วต่างๆ คือพุทธศาสนา อย่างที่เราทั้งหลายได้ฟังเสียงสวดหรือเราเองก็สวด สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม แปลว่า พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ชอบแล้ว
คือคำว่าชอบไม่มีบกพร่องหรือเกิน เสมอ ถูกต้องแม่นยำ จึงเรียกว่าสวากขาตธรรม ตรัสไว้ชอบ ผู้มาตรัสไว้ชอบก็คือผู้บริสุทธิ์ในพระทัย จิตใจไม่มีกิเลสความผิดพลาดแฝงอยู่ในนั้นเลย มีแต่ธรรมคือความถูกต้องเป็นมงคลมหามงคลล้วนๆ ในพระทัยของพระพุทธเจ้า เวลาแสดงออกต่อบรรดาสัตว์ทั้งหลาย พวกทวยเทพเทวบุตรเทวดา เราจะว่าแต่มนุษย์เราเป็นเจ้าของศาสนาเหรอ พวกทวยเทพทั้งหลายเขามากมายกว่าเรา เขาเคารพนับถือพุทธศาสนา เวลาครูบาอาจารย์ที่ปฏิบัติเป็นศีลเป็นธรรมจริงๆ และมีญาณหยั่งทราบกันภายนอกภายใน เหมือนเรามาหากันมองเห็นกันอย่างนี้ แต่งตัวแต่งตัวยังไงต่อยังไงมองเห็นกันชัดเจน
พวกเทพทั้งหลายมีการแต่งเนื้อแต่งตัวหยาบละเอียดไปตามขั้นภูมิของตัว แต่ส่วนมากมีกฎตามหลักธรรมชาติ คือเทวดาชั้นใดภูมิใดการแต่งเนื้อแต่งตัวจะแบบเดียวกันๆ ไม่ได้เหมือนมนุษย์เราชาวพุทธ มนุษย์เราชาวพุทธแต่งตัวแบบพิสดารมาก แต่งตัวจะเห็นหีก็มี จะเห็นหำอยู่ก็มี เจ้าของไปได้อย่างสบายเลย ให้เขาได้มองดูหำมองดูหีครู่เดียวก็เอา นี่มนุษย์เราแต่งตัวมนุษย์ชาวพุทธ เข้ามาในวัดนี่แหละ จนจะดูไม่ได้นะ ดูเหมือนไม่ดูแต่ความคิดนี้ไม่หยุดถึงเรื่องความต่ำทรามของจิตใจ หมายอย่างนั้นนะ
ถ้าเป็นความมีธรรมของจิตใจ จะมีกฎมีระเบียบสวยงามตา นั่นต่างกัน ธรรมไปที่ไหนจึงเรียบไปหมด สวยงาม พวกเทวดาทั้งหลายมาฟังเทศน์ของครูบาอาจารย์นี่ละสดๆ ร้อนๆ ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้เป็นพุทธกิจ ๕ พุทธกิจนี้คืองานของพระพุทธเจ้าเป็นประจำ ๕ อย่าง เราจะไม่ยกบาลีมา พอบ่าย ๓ โมง ประชาชนทั้งหลายมีพระมหากษัตริย์ เป็นต้น เสด็จมาสดับพระธรรมเทศนาของพระพุทธเจ้า พอตกค่ำพระสงฆ์ก็รวมตัวเข้ามาฟังพระโอวาทของพระพุทธเจ้า นี่เป็นวาระที่สอง
วาระแรกตอนบ่ายสามสี่โมง เลิกการเลิกงานแล้วนั้นแหละ ส่วนมากจะอยู่ใน ๔ โมง ๕ โมง ประชาชนพลเมืองทั้งหลายมีพระราชา เป็นต้น วงราชการใหญ่ๆ มาเป็นหัวหน้า เป็นผู้นำของประชาชนทั้งหลาย ซึ่งเป็นแบบฉบับที่สวยงามตามากทีเดียว ไม่ได้เหมือนแบบฉบับของเมืองไทยเราทุกวันนี้ ไปที่ไหนใหญ่เท่าไรขวดเหล้าเต็มไปหมด มีแต่ของเลวๆ ประดับคนที่มีหน้าที่การงานปกครองบ้านเมือง แต่เอาความเหลวแหลกแหวกแนวต่ำช้าเลวทรามมาปกครอง คือขวดเหล้า ความประพฤติเนื้อประพฤติตัว มาแสดงให้ประชาชนผู้ดีทั้งหลายเขาดูไม่ได้ เขาสลดสังเวช
เพราะฉะนั้นจึงควรมีกฎมีระเบียบของพี่น้องชาวไทยเรา เราเป็นลูกชาวพุทธอย่าเย่อหยิ่งจองหอง อย่าเอากิเลสซึ่งเป็นตัวมูตรตัวคูถเข้าไปทำลาย ไปเหยียบหัวพระพุทธเจ้า ไปโปะหัวพระพุทธเจ้าซึ่งเป็นที่สูงสุด เทวบุตรเทวดาอินทร์พรหมสามโลกธาตุกราบพระพุทธเจ้าทั้งนั้น แต่กิเลสมันขึ้นไปเหยียบหัวพระพุทธเจ้า อย่าให้เป็นประเภทเอากิเลสไปเหยียบหัวพระพุทธเจ้านะเราเป็นลูกชาวพุทธ ให้มีความเคารพ ตั้งใจประพฤติปฏิบัติตัวเอง ความดีงามทั้งหลายก็เรานั้นละจะเป็นผู้ได้ผู้ถึง พระพุทธเจ้าท่านพอทุกอย่างแล้วท่านไม่เอาอะไร มีแต่พวกเราซึ่งมีจะได้จะเสียอยู่อย่างนั้น เรียกว่าอยู่ด้วยความเสี่ยง ถ้ามีศีลมีธรรมก็ไปในทางดี ถ้าลืมตัวเสียอย่างเดียวก็ไปในทางชั่ว ตกนรกหมกไหม้ทั้งเป็นทั้งตาย เป็นมนุษย์แล้วไปเป็นผีอยู่ในนรกมีเยอะนะคนที่ไม่มีธรรม
วันเวลาว่างควรได้มีการอบรม อบรมธรรมนั้นเป็นความถูกต้องดีงาม ฟังแล้วซึ้งใจๆ เราจะนำมาพูดเราเป็นเองในหัวใจของเรา ไปฟังเทศน์พ่อแม่ครูจารย์มั่นนี้ หมู่เพื่อนก็คงจะเป็น แต่หมู่เพื่อนคงไม่พูด เหมือนกับเราไม่พูดให้ใครฟัง เป็นอยู่ในหัวใจของเรา พึ่งมาพูดเวลามาสัมผัสนานๆ มา ที่เรามาพูดนี้เราพูดแต่ว่านานแสนนานมาแล้ว ในระยะนั้นไม่พูด เป็นอยู่ในหัวใจ เวลาฟังเทศน์ท่าน เทศน์ท่านหมุนติ้วๆ มีแต่ธรรมะแกงหม้อเล็กหม้อจิ๋ว ธรรมะขั้นเยี่ยมๆ เพราะเทศน์สอนพระผู้มุ่งต่อมรรคผลนิพพานโดยตรง ธรรมะจึงจะเอาธรรมะสะเปะสะปะ ธรรมะชาวบ้านชาวเมืองไปฟังไม่ได้ ผู้ฟังมุ่งหน้ามุ่งตาต่อมรรคผลนิพพาน ผู้แสดงก็ทุ่มเทลงจากมรรคผลนิพพานเต็มเม็ดเต็มหน่วย จึงมีตั้งแต่อรรถแต่ธรรมที่เลิศเลอล้วนๆ
เวลาฟังที่นี่นะ พระเต็มศาลาเหมือนไม่มีพระสักองค์เลย เงียบกริบเลย มีแต่เสียงท่านองค์เดียว แว้วๆ แต่ก่อนไม่มีเครื่องกระจายเสียงแต่ก็ดังชัดเจน เพราะสงัดมาก พระทั้งหลายท่านสงบ นั่งเหมือนหัวตอ เพราะจิตใจสงบแน่วต่อธรรมอยู่ตลอดเวลา แล้วร่างกายกิริยาอาการมันจะกระดุกกระดิกไปไหนได้เมื่อใจสงบ ใจไม่พาดีดพาดิ้นมันจะดิ้นไปไหน ทีนี้เวลาฟังไปๆ ธรรมะท่านเทศน์นี้หมุนติ้วๆ
เราฟังด้วยหัวใจของเราเองได้นำมาพูดให้พี่น้องทั้งหลายฟัง ฟังด้วยความซึ้งใจ วันไหนจะได้ฟังท่านจากท่านนี้แหม มันเหมือนลูกหิวนมแม่นั้นแหละ มองเห็นแม่นี้วิ่งใส่ทั้งเกาะหน้าเกาะหลัง ลูกมันหิวนมแม่ อันนี้มองเห็นครูบาอาจารย์มันลงแล้วนะ มันซึ้งๆๆ พอถึงเวลาท่านนี่นั่งเงียบเลย พระจำนวนไม่น้อยอยู่วัดนั้นวัดนี้เข้ามารวมกันฟัง ธรรมะท่านจะขึ้นตั้งแต่แกงหม้อเล็กหม้อจิ๋วไปละ ทั่วๆ ไปท่านจะไม่แสดง ศีลท่านก็ไม่ค่อยแสดง เพราะต่างองค์ต่างเข้มงวดกวดขันในศีลของตน บริสุทธิ์เต็มส่วนอยู่แล้ว ท่านจะเทศน์ตั้งแต่สมาธิเป็นขั้นๆ ปัญญาเป็นภูมิๆ จนกระทั่งถึงวิมุตติหลุดพ้น นี้คือโอวาทของพ่อแม่ครูจารย์มั่นที่เทศน์สอนบรรดาพระเจ้าพระสงฆ์ ที่ได้มาเป็นครูอาจารย์ของเราทั้งหลาย ที่ว่าลูกศิษย์ขั้นผู้ใหญ่ๆ ของหลวงปู่มั่นมีมาก มีอยู่ทุกภาคก็เพราะไปได้ยินได้ฟังอย่างนี้แหละ
ทีนี้ก็มาถึงบทเราเองเราก็ไม่พูด เป็นอยู่ที่หัวใจ พอฟังเข้าไปจิตมันเพลินๆๆ มันดูดมันดื่มๆ ธรรมะนี้เหมือนว่าป้อนเข้าไปๆ จิตเวลานั้นดับหมดเลย หายเงียบหมด ทั้งๆ ที่ฟังเทศน์ท่าน ออกมาแล้วยังดับหมดเลย นี่เราเป็นเอง แต่ไม่กล้าพูดให้ใครฟัง ท่านเหล่านั้นก็คงจะเป็นแบบเดียวกัน เพราะมีความตั้งใจเหมือนกัน ภูมิอรรถภูมิธรรมนี้มีความเหลื่อมล้ำต่ำสูงต่างกัน ท่านจะเป็นสัมผัสสัมพันธ์ในธรรมทั้งหลายแบบต่างๆ เช่นเดียวกันกับเราเป็น อะไรๆ มันก็มองเห็นอยู่นะ ต้นไม้ภูเขาทุกสิ่งทุกอย่างเป็นปรกติ แต่จิตนี้มันดับไปหมด เหลือแต่ความรู้ล้วนๆ อยู่สามวัน
นี่ละฟังเทศน์พ่อแม่ครูจารย์มั่นเห็นประจักษ์ต่อใจจนอัศจรรย์นะ อ๋อ ท่านเทศน์เทศน์อย่างนี้เองผู้ฟังได้สำเร็จมรรคผลนิพพาน โอ๋ เป็นอย่างนี้เองๆ เข้าเลยนะ ทั้งๆ ที่เราก็ไม่ได้ยืนยันละว่าได้สำเร็จมรรคผลนิพพาน แต่มันเป็นพยานกันได้กับท่านผู้สำเร็จมรรคผลนิพพาน มันยืนยันกันได้ จิตดับถึงสามวัน หูก็มีตาก็มีมันก็เห็นก็รู้ธรรมดา แต่จิตนี้ดับจากอารมณ์ทั้งหลายหมด เหลือแต่ธรรมชาติอัศจรรย์อยู่ภายในใจล้วนๆ เลย ถึงสามวัน นี่ละฟังเทศน์ท่านจะไม่อัศจรรย์ยังไง ทีนี้มันก็หยั่งลงไปถึงว่าเวลาพระพุทธเจ้าแสดงธรรม เทวบุตรเทวดาอินทร์พรหมและมนุษย์มนาทั้งหลายบรรลุมรรคผลนิพพานเป็นหมื่นๆ แสนๆ
จะไม่สำเร็จได้ยังไง ผู้มีหูมีตาผู้มีอุปนิสัยมีอยู่ ธรรมนี้เป็นธรรมที่เลิศเลอสุดยอดแล้ว ควรแก่อุปนิสัยของคนทุกขั้นทุกภูมิไป เมื่อฟังแล้วจะไม่สัมผัสสัมพันธ์จะไม่เข้าถึงใจได้ยังไง นี่ละที่เรายอมรับ อ๋อ ที่ท่านว่าสำเร็จมรรคผลนิพพานสำเร็จอย่างนี้เอง เพียงเท่านี้ละมันหยั่งไปถึงท่านผู้สำเร็จมรรคผลนิพพาน นี่พ่อแม่ครูจารย์มั่นเราแสดง เพราะท่านแสดงท่านเอาแต่มรรคผลนิพพานออกจากใจล้วนๆ ไม่มีคำว่าลูบว่าคลำ เป็นธรรมที่ล้วนๆ ออกมาจากใจที่บริสุทธิ์ของท่านเต็มที่แล้ว ฟังแล้วเพลินๆ ไปถึงท่านทีแรกเทศน์ ๔ ชั่วโมง จากนั้นมาก็ลดลง ๓ ชั่วโมง ลดลง ๒ ชั่วโมง พอถึง ๒ ชั่วโมงแล้วหยุด จากนั้นไม่ได้เทศน์อีกเลย ลงมาแค่ ๒ ชั่วโมง ตั้งแต่ ๔ ชั่วโมง ๓ ชั่วโมง ๒ ชั่วโมงลงมาท่านเทศน์
นั่นละธรรมของท่านผู้บริสุทธิ์ไหลเหมือนน้ำมหาสมุทรทะเลหลวง ไหลไม่มีที่สิ้นที่สุดไหลตลอด ธรรมในหัวใจ แม่น้ำมหาสมุทรทะเลหลวงจะกว้างยิ่งกว่าธรรมในใจ ใจกับธรรมเป็นอันเดียวกันได้อย่างไร อันนี้กว้างขวางมากทีเดียว เพราะฉะนั้นท่านถึงเทศน์สอนโลกได้ถึงสามโลกซิ แม่น้ำมหาสมุทรก็มีอยู่ในมนุษย์เรานี้ ไม่ได้อยู่ชั้นฟ้าดาวดึงส์ที่ไหน แต่ธรรมนี้กระจายทั่วไปหมดเลย นี่เราอัศจรรย์เรื่องธรรมของพระพุทธเจ้า จึงขอให้พี่น้องลูกหลานทั้งหลายเอาไปฟัง กระแสของธรรมที่เราสวดทุกวัน อิติปิโส สวากฺขาโต สุปฏิปนฺโน สวดมนต์ไหว้พระ นี้ล้วนแล้วตั้งแต่ธรรมอันเลิศ ขอให้เข้าไปสัมผัสในใจเป็นบางเวลาเถอะ อย่าปล่อยเนื้อปล่อยตัวตั้งแต่วันเกิดจนกระทั่งวันตายไปเฉยๆ ไม่เกิดประโยชน์อะไรมนุษย์เรา
สิ่งที่เลิศเลอนี้คือธรรมแท้ พระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ตรัสรู้ธรรม ไม่ได้ตรัสรู้พวกมูตรพวกคูถกิเลสตัณหา ตรัสรู้ธรรมจ้าขึ้นภายในพระทัยนี้ต่างหาก แล้วเอาธรรมเหล่านี้มาสอนโลก เพราะฉะนั้นบรรดาประชาชนเทวบุตรเทวดาอินทร์พรหมมาฟังจึงได้รับมรรคผลนิพพาน สำเร็จมรรคผลนิพพานเป็นหมื่นๆ แสนๆ นะ ท่านบอกไว้ในตำรา ท่านเอาความจริงมาหลอกเหรอ การสอนก็เป็นธรรมของจริง ผู้ฟังก็ฟังเพื่อความจริง แล้วธรรมเป็นของจริงอยู่แล้ว จริงต่อจริงก็เข้ากันได้สนิทซิ ทำไมจะไม่สำเร็จมรรคผลนิพพานได้ ผู้เทศน์เพื่อให้สำเร็จประโยชน์ ผู้ฟังก็เพื่อได้รับประโยชน์ เจตนาอันเดียวกันอย่างเดียวกันแล้วมันรับกันได้ง่าย เป็นอย่างนั้นแหละ
เวลานี้ศาสนาห่างเหินไปมากนะ หนังสือเทศน์ธรรมะนี้ก็มีอยู่ในตำราในกระดาษ เรียนมา สุดท้ายเรียนก็เป็นกิเลสไปหมดเสีย ไม่ได้เป็นธรรมนะ ที่เป็นธรรมมีน้อยมากทีเดียว ผู้ที่ไม่เป็นธรรมการเรียนเป็นเครื่องมือของกิเลสเสียมากต่อมาก เรียนเอาชั้นเอาภูมิ ชั้นนั้นชั้นนี้ สอบได้ชั้นนั้นชั้นนี้มาโอ่อ่าแล้ว ว่าตัวได้ชั้นนั้นชั้นนี้ เพียงความจำมันเป็นสมบัติได้อะไร ความจริงจากการปฏิบัติต่างหาก ท่านสำเร็จพระโสดา สกิทา อนาคา อรหันต์ ท่านสำเร็จจากการปฏิบัติ ท่านไม่ได้สำเร็จจากความจำอันเป็นหนอนแทะกระดาษอย่างนี้มาอวดโลกเฉยๆ ได้ชั้นนั้นชั้นนี้มาคุยกัน กิเลสต่อกิเลสมันก็คุยกันฟังกันได้วันยังค่ำมันไม่เบื่อละ ถ้าพูดถึงภาคปฏิบัติ อ้าๆ มันจะตาย ถ้าล้มลงหมอนแตก เหมาะพวกนี้น่ะ แล้วธรรมจะปรากฏในใจได้อย่างไร ก็เมื่อธรรมเข้าสู่ใจไม่ได้มีแต่กิเลสเต็มหัวใจ
ครูบาอาจารย์ทั้งหลายปัจจุบันนี้ก็คือหลวงปู่มั่นเรา ประสิทธิ์ประสาทลูกศิษย์ลูกหาผู้ใหญ่ๆ ที่เรากราบไหว้บูชาทุกวันมีตั้งแต่ลูกศิษย์ลูกหาหลวงปู่มั่นนะ ยกตัวอย่างย่อๆ เช่นอย่างหลวงปู่พรหม หลวงปู่ขาว หลวงปู่ฝั้น หลวงปู่กงมา หลวงปู่เหล่านี้มีแต่ลูกศิษย์หลวงปู่มั่น แล้วท่านเหล่านี้เป็นเพชรน้ำหนึ่งทั้งนั้น นั่นเห็นไหมล่ะท่านสอน สอนสดๆ ร้อนๆ ทีนี้ผู้ต่อกันมาก็เรื่อยๆ อย่างที่เราปฏิบัติกันมาทุกวันนี้ มีครูมีอาจารย์สอนมาเรื่อยๆ อย่างนี้ละ ปฏิบัติไปเถอะ ธรรมะเป็น อกาลิโก สดๆ ร้อนๆ ตลอดเวลาสำหรับผู้ปฏิบัติบำเพ็ญตาม ผู้ไปทางกิเลสก็เป็นสดๆ ร้อนๆ อกาลิโก ทำบาปเมื่อไรไม่ว่าที่ลับที่แจ้งเป็นบาปได้ด้วยกัน ทำความดีงามที่ไหนไม่ว่าที่ลับที่แจ้งเป็น อกาลิโก เป็นบุญได้ด้วยกันทั้งนั้น ให้พากันตั้งใจปฏิบัติ
การศึกษาเล่าเรียนก็เพื่อความรู้ความฉลาด ปกครองตนไปด้วยความราบรื่นดีงาม ไม่ด่างพร้อยในทางความชั่วช้าลามก อันจะเป็นความเสียหายและเป็นภัยแก่ตนเอง ให้ตั้งใจเรียน เรียนแล้วให้ปฏิบัติตัวให้เป็นคนดี การฝึกตนให้เป็นคนดีต้องเป็นแบบฉบับของผู้น้อย ครูก็ต้องเป็นแบบฉบับของนักเรียน ไม่ใช่นักเรียนดีครูโกโรโกโสใช้ไม่ได้นะ พอพูดอย่างนี้เราก็เป็นนักเรียนมาแล้วนี่ ได้เป็นนักเรียนมาแล้ว ครูบางรายโกโรโกโสเข้าไม่สนิท แม้แต่เป็นเด็กก็ไม่ค่อยสนิท
ครูบางรายบางครูสนิทสนมรักเคารพเลื่อมใส เพราะปฏิบัติตัวดีเป็นแบบเป็นฉบับ เดินผ่านนักเรียนนี่นักเรียนเคารพเรียบ เพราะปฏิบัติตัวเป็นคนดี แต่ครูที่โกโรโกโสนักเรียนไม่อยากมองหน้า อยากมองขึ้นฟ้า มีเยอะนะ เราเป็นครูแบบไหนน่ะ ให้ถามตัวเราให้ถามทั้งนักเรียนด้วย เป็นนักเรียนแบบไหนน่ะ เราเป็นครูแบบไหนน่ะ เมื่อต่างคนต่างปรับตัวเองแล้วก็เป็นคนดี ครูดีนักเรียนดีไปด้วยกัน ให้พากันจำเอาทุกคนๆ ท่านทั้งหลายได้มาฟังการอบรมก็ดีแล้ว การอบรมนี้เราก็ไม่สงสัยในธรรมทั้งหลายที่นำมาอบรมพี่น้องทั้งหลาย นำมาเต็มเม็ดเต็มหน่วยตามที่ได้ปฏิบัติเต็มกำลังความสามารถ ถึงขนาดรอดล้มรอดตายมาเดนตายมา
เราปฏิบัติศีลธรรม เฉพาะอย่างยิ่งสมาธิภาวนา นี่เอาเดนตายมาเลย กว่าจะได้มาเป็นครูเป็นอาจารย์ เดี๋ยวนี้ดูว่ากระเทือนไปทั่วประเทศไทยแล้วธรรมะของเรา เทศน์ในเวลานี้ก็ออกทั่วประเทศไทย เราก็ไม่เคยคิดเคยคาดว่าธรรมะอย่างนี้จะออกทั่วประเทศไทย มันหากเป็นเองในจิตใจ เมื่อจิตใจมีแล้วกระจายออกมันก็ถึงกันไปหมดนั่นละ พระพุทธเจ้าก็เป็น สาวกทั้งหลายก็เป็น ดำเนินไปทำประโยชน์ให้แก่โลกตามนิสัยวาสนาของตนๆ นั้นแหละ นี้เราก็ไม่เคยคิดเคยคาดว่าจะได้เป็นอาจารย์สอนพี่น้องทั้งหลายตลอดช่วยชาติบ้านเมือง เราก็ได้เป็นไปแล้วเห็นประจักษ์ต่อหน้าต่อตา ตั้งแต่เราประกาศป้างๆ ที่เมืองไทยจะล่มจมปี ๒๕๔๐ มองไปที่ไหนยุบยอบไปหมด เหมือนบ้านร้างเมืองร้าง
คืออะไรเหมือนบ้านร้างเมืองร้าง มันไม่มีอะไรมีสาระ คนก็มีแต่เศษมนุษย์ๆ เพราะจิตใจต่ำทราม แล้วสมบัติเงินทองข้าวของเครื่องประดับมนุษย์ให้มีค่ามีราคาไม่มีติดตัวเลย มนุษย์ก็เลยเป็นเศษมนุษย์ไป นั่นละปี ๒๕๔๐ ที่ว่าเด่นมากที่สุด เมืองไทยเรายุบยอบลงมาก เราก็ไม่ลืม เราเกิดความสลดสังเวชถึงได้ออกปากพูดไปว่า เอ้าๆ จะช่วย เมืองไทยเรา ปู่ย่า ตายาย บรรพบุรุษของเราพาถ่อพาพายมาด้วยความสงบร่มเย็น สมบูรณ์พูนผล แล้วมาคราวนี้ก็ลูกหลานไทยยังมีอยู่ พ่อไทยแม่ไทยตายไป หลานไทยยังมีอยู่จะไม่สืบทอดพ่อแม่ได้หรือ เอ้า จะช่วย
นี่ละจึงได้ช่วยกันมาตั้งแต่บัดนั้นจนกระทั่งป่านนี้ ทองคำเราก็ได้ถึง ๑๑ ตัน ๓๘๐ กว่ากิโลแล้ว ดอลลาร์ก็ได้ ๑๐ ล้านกว่า ส่วนที่ได้มาจากนั้นกระจายทั่วประเทศไทย การก่อการสร้างช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ออกจากการช่วยชาติทั้งนั้น สำหรับเราเองเราไม่เอาอะไร สมชื่อสมนามว่าเราจะช่วย เราไม่เอาเลย เอาละเอาแค่นี้
รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th
และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร
FM 103.25 MHz |