เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๔๙
เผลอเมื่อไรหงายเมื่อนั้น
(คณะศรัทธาจังหวัดอุทัยธานี กราบถวายสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน จ.อุทัยธานี ณ สำนักสงฆ์ป่าสักทอง หมู่ที่ ๙ บ้านละมาด ต.ห้วยแห้ง อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี เริ่มออกอากาศตั้งแต่วันที่ ๕ ตุลาคม ๔๙ โดยกำหนดให้เป็นเครือข่ายของวัดป่าบ้านตาดร้อยเปอร์เซ็นต์ ขอน้อมถวายแด่องค์หลวงตาและยกให้เป็นสมบัติของสงฆ์) เราเคยไปจังหวัดอุทัยธานีหลายครั้งแต่ไม่ทราบจุดที่ตั้งวิทยุอยู่จุดไหน เรายังไม่เคยเห็นที่ จำไม่ได้ว่าอยู่จุดไหน ทั้งๆ ที่ไปอุทัยธานีไม่รู้กี่ครั้ง ไปเกี่ยวกับเรื่องสัตว์
เมื่อวานไปห้วยทราย ตั้งแต่วันบรรจุพระธาตุของแม่ชีแก้วแล้วเลยไม่ได้ไปอีก ไปในจุดที่เขานิมนต์ไป ไม่ใช่จุดของเรา เขานิมนต์ไป เมื่อวานเราตั้งใจไปจุดของเราโดยเฉพาะ ผ่านมาถึงศรีธาตุ เขาย้ายโรงพยาบาลมาใหม่ ทีแรกอยู่ติดกับตัวอำเภอ คับแคบมาก เราไปสร้างอะไรให้ลืมแล้วแหละที่โรงพยาบาลเก่า ทีนี้เขาย้ายมาตั้งโรงพยาบาลใหม่ ห่างกันดูเหมือนหนึ่งกิโล เออ เหมาะเราว่างี้เลย อันนี้ก็ให้ไม่น้อยนะ ให้รถยนต์ อัลตราซาวด์ อะไรบ้าง เมื่อวานผ่านมานั้นแหละ ไปดูที่ห้วยทรายตั้งแต่วันพิธีเขาเปิดเจดีย์ผู้เฒ่าแม่แก้วแล้วก็ไม่ได้ไปอีก เมื่อวานนี้ตั้งใจไปดูโดยเฉพาะ ไปถึงนั้นแล้วกลับมาเลย
แม่ชีแก้วนี้ละเรื่องความรู้แก โหย พิสดารมาก พอเราไปถึงทีแรก วันนี้เปิดเสีย เพราะความจริงเขาก็เปิดกันมาตั้งแต่ก่อนเราไปแล้ว ความรู้ของแกแปลกอยู่ พอออกพรรษาแล้วปีเราจะไป เอ้อ ปีนี้จะมีครูบาอาจารย์ทั้งหลายมาโปรด คล้ายคลึงกันกับหลวงปู่มั่น จำนวนพระเณรนี้มากคล้ายคลึงกัน จะมีปีนี้ละว่างั้นมา ตั้งแต่นั้นมาพวกที่คอยฟังแกก็จ้อแหละ ครูบาอาจารย์องค์ไหนมาพักที่วัดห้วยทราย วัดป่าแหละ ออกไปดูใช่ไหม ไม่ใช่ๆ เรื่อย พอมาถึงเราเข้ายอมรับทันที นี่แหละองค์นี้แหละที่จะสั่งสอนพวกเรา แต่คอยดูไปท่านจะสั่งสอนหรือเปล่า คอยดูไปก็แล้วกัน
ต่อจากนั้นไป ก็เราทราบแล้วตั้งแต่ต้น พอเวลาไปถึงแกก็เล่าว่าหิวกระหายอรรถธรรมจากครูอาจารย์มานานแสนนานแล้ว คือเวลาจะจากไปหลวงปู่ท่านห้ามไม่ให้ภาวนา เราสะดุดกึ๊กเลยทันที เอา จะคอยดูที่ว่าห้ามไม่ให้ภาวนาเพราะเหตุผลกลไกอะไรจะออกเวลาใดเวลาหนึ่งจนได้แหละ มาแกก็แย็บออกมาจริงๆ โอ๋ ใช่แล้ว ความรู้นี่พิสดารมาก ความรู้ของแกที่แม่นยำที่สุดนี้ คือการไปการมาของเรา ไม่ผิดเลย
วัดเขาอยู่ทางฟากบ้านทางโน้น บ้านอยู่จุดศูนย์กลาง วัดเราก็อยู่ทางโน้นไม่เคยเกี่ยวข้องกัน คือปรกตินิสัยของเราจะไปไหนมาไหนเป็นอย่างนั้นละ ปุ๊บไปเลยมาเลย มาพะรุงพะรังตอนมาอยู่วัดป่าบ้านตาด นี่เราก็ไม่เคยเห็น ไปไหนรุมเลย แต่ก่อนเราไปไหนเป็นอย่างนั้น นี่แม่นยำมากทีเดียว เราจะไปไหน พอฉันเสร็จแล้วปุ๊บปั๊บเตรียมไปเลย ทางโน้นทราบแล้ว ไปแล้ววันนี้ บอก ไปแล้วนะวันนี้ บางทีก็แย็บออกมาว่าเย็นหมดเลยแถวนี้ เวิ้งว้างเหมือนขาดความอบอุ่น ไปแล้ววันนี้ ให้คนไปดู ไปแล้ว อันนี้แม่นยำมาก
ทีนี้พอมาถึงปั๊บ มาถึงแล้วนะวันนี้ เตรียมอะไรไปเลยละ อันนี้แม่นยำมากการออกการเข้าของเรา โดยไม่ได้สนใจกันละ อันนี้แม่นยำ ความรู้นี่พิสดารมากทีเดียวที่ท่านห้ามไม่ให้ภาวนา เราก็จับจุดนี้ละคอยดู แล้วก็ออกจริงๆ ทีนี้สรุปเอาเลย ความรู้ของแกพวกเปรตพวกผี พวกเทวบุตรเทวดาอินทร์พรหมนี้ชัดเจนมากทีเดียว กว้างขวางมาก พวกเปรตพวกผีมาเล่าขบขันก็คือว่า พวกผียังมีผีอันธพาลแกว่านะ แปลกอยู่ ผีอันธพาลต้องถูกขังเอาไว้ พวกผีด้วยกันอันธพาลด้วยกัน แต่นี้เป็นหัวหน้าอันธพาลต้องได้ใส่กรงขังไว้แกว่า แกไปดู แล้วขังไว้ทำไมคนนี้ นี่หัวหน้าอันธพาลปล่อยไม่ได้มันอาละวาดเขา นั่น ผีจริงๆ ก็ยังมีอยู่ในกรงขัง ถูกขังเอาไว้ คือผีอันธพาลหัวหน้าใหญ่ แกพูดแปลกๆ อยู่นะ
ถ้าพูดถึงเรื่องความรู้ภายนอกนี้จนติด แต่มันไม่ใช่ความรู้แก้กิเลสละซิ เราฟังไปๆ จากนั้นก็ตีตะล่อมเข้ามาๆ ให้มาแก้กิเลส เรื่องภายนอกก็เหมือนเราไปไหนมาไหน ไปที่นั่นเห็นที่นั่น ไปที่นี่เห็นที่นี่ ได้ยินสิ่งนั้นเห็นสิ่งนี้ เหมือนหูตาเราไปไหน ภายในใจก็เป็นแบบเดียวกัน ไม่ใช่เรื่องแก้กิเลส ทีนี้ก็ประมวลเข้ามา ไล่เข้ามาๆ ให้แกงดอันนั้นบ้าง งดบ้าง เข้าก็ได้ออกก็ได้ แกมีแต่ออกท่าเดียว พอรู้แล้วออกเลย พอจิตรวมปั๊บออกรู้ไป อันนี้เราก็ห้าม ให้เข้าก็ได้ออกก็ได้ เอ้า เอาไปปฏิบัติ คือเวลาจะออกก็ออกได้ เอ้า เวลามันจะออกไม่ให้ออกก็ได้ เอ้า เอาไปปฏิบัติ
มันติดละซีที่นี่ ถ้าภาวนาไม่ได้รู้เห็นอะไรนี้เหมือนไม่ได้ภาวนา ถือนู้นเป็นมรรคผลนิพพาน เป็นเรื่องแก้กิเลสไปแล้ว แกไม่รู้ตัวนะ ทีนี้ค่อยตีตะล่อมเข้ามาๆ เข้ามาถึงจุดที่ว่า ทิฐิแก ติดอันนี้ติดมากจริงๆ จนจะลืมครูลืมอาจารย์ไป แกถือว่านั้นเป็นของจริงเป็นมรรคเป็นผลไปหมดเลย ทีนี้ก็ตีเข้ามา เอาขนาดที่ว่าไม่ให้ออก เอาละที่นี่ บีบเลยไม่ให้ออก เอ้า ไปปฏิบัติ คือออกก็ได้ไม่ออกก็ได้ เข้ามาๆ ไม่ให้ออกก็ได้ จนกระทั่งวาระสุดท้ายบอกไม่ให้ออก แกเถียงทันทีเลย เอาใหญ่เลยเชียวเถียงเรา ทีนี้จะเอาละเอาเข้าด้ายเข้าเข็มละ เถียงใหญ่เลยเชียว เหมือนแกมาเป็นอาจารย์เราเลย
อยู่บนภูเขาตะวันตกบ้านห้วยทราย เราจำพรรษาอยู่กับเณรหนึ่ง ให้หมู่เพื่อนอยู่ข้างล่าง เพื่อความสะดวกสบายสำหรับเราเองกับเณร ให้เพื่อนฝูงอยู่ข้างล่าง เวลาประชุมเราก็ลงไปประชุมกลางคืน ๗ วันในพรรษาประชุม ที่รู้ว่าแกติดมากก็คือว่าไม่ให้ออกนี้แกไม่ฟัง เถียงใหญ่เลยเชียว พอถึงจุดนี้แล้วก็แสดงว่าจะไม่ฟังเสียงละที่นี่ จะมาเป็นอาจารย์สอนเรา ครูบาอาจารย์รู้สึกจะไม่มีค่าอะไรเลย ก็ไล่ลงภูเขาละซิที่นี่ เอาจริงเอาจังไล่ลงภูเขา ร้องไห้ลงภูเขาไปเลย เราเฉย เพราะน้ำตานี้ไม่เกิดประโยชน์ ลงไปก็ร้องไห้ลงภูเขาไป พอไปถึงที่พักแล้วก็ มันเป็นยังไง นี่เราก็หวังว่าจะพึ่งครูอาจารย์องค์นี้ แล้วก็ถูกท่านไล่ลงภูเขาอย่างนี้ จิตใจว้าเหว่ไม่มีที่ยึดเกาะเราจะไปยึดอะไร
แกก็ยังมีปัญญานะ ที่ท่านไล่ลงภูเขาเป็นเพราะเหตุไรท่านถึงไล่ แกมาจับจุดนี้ ลงสุดท้ายก็ว่าไม่ฟังเสียงท่าน ดื้อรั้นว่างั้นนะ ที่ท่านไล่ลงภูเขานี้ เอ้อ เหมาะสมแล้ว เอ้า ทีนี้ให้ปฏิบัติตามท่านดูซิน่ะ ก็ฝืนท่านไม่ปฏิบัติตามท่านท่านถึงได้ไล่ลงภูเขา เอา ปฏิบัติตามท่านดูซิน่ะ ปฏิบัติตามเราที่ท่านห้ามๆ แล้วไม่ยอมฟังเสียงท่านน่ะได้ผลแค่ไหนก็เห็นมาแล้ว ทีนี้คราวนี้ท่านห้ามถึงขนาดไล่ลงภูเขาเพราะไม่ฟังเสียงท่าน เอ้า ปฏิบัติดูซิท่านสอนว่ายังไง ทีนี้แกก็ปฏิบัติตามนั้นละ ปล่อยละที่นี่เรื่องความรู้ความเห็นของแกที่เป็นมาทุกสิ่งทุกอย่างปัดออกหมด เอาตั้งแต่คำสอนของเรา เอ้าๆ ให้มันรู้เหตุรู้ผลกันในวันนี้แหละ ท่านไล่ลงภูเขาท่านมีเหตุมีผลเพราะไม่ปฏิบัติตามท่าน เอ้า ปฏิบัติตามท่านดูซิเป็นยังไง
พอปฏิบัติตาม ในวันนั้นเลยเชียวแกว่า ปฏิบัติตามมันก็ลงผึงเลยทีเดียว จ้าคราวนี้มันไม่ได้เหมือนแต่ก่อน มันจ้าออกหมดเลย เทวดาอินทร์พรหมก็เหมือนคนธรรมดา ส่วนธรรมไม่ได้เหมือนคนธรรมดา ไปรู้ไปเห็นตรงที่สอนน่ะซิ พอออกจากที่ภาวนาแล้วก็กราบไปทางภูเขานั้น พอตอนบ่ายก็ไป สี่วันเราไม่ลืมนะ เราไล่ลงจากภูเขาแกร้องไห้ลงไป พอสี่วันขึ้นมาเรากำลังปัดกวาดอยู่กับเณร พอโผล่ขึ้นมา ขึ้นมาอะไรอีก เดี๋ยวๆ ให้พูดเสียก่อนๆ กำลังปัดกวาดอยู่นี่นะ มันขึ้นมาอะไรอีกนี่น่ะ ขนาบใหญ่เลย เดี๋ยวๆ ให้พูดเสียก่อน ตกลงก็เลยไปนั่งลานหินนั่นละ เราก็นั่งลานหินเขาก็นั่งลานหิน ไม้กวาดก็วางที่นั่น เณรก็เลยมานั่งด้วยกัน
แกก็เล่าเหตุผลกลไกให้ฟังตามที่เราสอน แล้วผลได้เป็นอย่างนั้นๆ จึงได้กลับขึ้นมานี้อีก ยอมรับละที่นี่ เอ้า ให้พิจารณาอย่างนั้นๆ ทีนี้ลงหมดเลยนะ นั่นละเป็นอย่างนั้น ลงหมดตามที่เราสอนยังไงจับติดๆ เลย ไม่ช้านะ เร็ว นี่ละเรื่องครูบาอาจารย์ผู้สอนไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย คิดดูอย่างแม่ชีแก้วนี่แกถกเถียงกับเรา ทีแรกก็ว่าเราเป็นอาจารย์ สุดท้ายเราก็เป็นลูกศิษย์แกซิ บทเวลาลูกศิษย์ได้ฟัดทางนี้ไล่ลงภูเขา ยอมรับ จากนั้นมายอมรับหมดเลยที่นี่ ก็ความถูกต้องมีอยู่มันไม่เอา มันแฉลบออกไปรู้ข้างนอก ตีเข้ามามันไม่ยอม จากนั้นมาแกก็รวดเร็ว
เราจำพรรษาที่หนองผือ ๒๔๙๓ ๒๔๙๔ นั่นละไปจำที่ห้วยทราย ๙๕ แกก็ผ่านได้ ๙๔ เอากันทั้งปีเลยทั้งพรรษา ถึง ๙๕ เอากันหนัก ผ่านได้ ไปอยู่นั้นสองพรรษาแกก็ผ่านได้ ๙๖-๙๗ อยู่ห้วยทราย ๔ ปี พอ ๙๘ ก็ลงไปจันท์ ไปจำพรรษาที่สถานีทดลอง ๙๙ ก็ย้อนมาสร้างวัดนี้จนกระทั่งบัดนี้ นี่เราพูดถึงเรื่องความรู้ที่พิสดาร แกพิสดารมาก และที่แม่นยำคือการเข้าการออกของเรา ไปไหนมาไหนไม่ต้องบอก ไปแล้วนะวันนี้ ไปดูวัดร้างไปเลย นี่เรียกว่าแม่นยำ มาแล้วนะวันนี้ อย่างมากแกก็บอกว่าจวนจะถึงแล้ว แกไม่ค่อยพูดละจวนจะถึง มีแต่ว่ามาแล้วนะๆ บางทีแกก็พูดจวนจะถึงแล้วนะ
บทเวลาแกพูดถึงเรื่องที่ว่าจวนจะถึงแล้วเพราะอะไร มันอบอุ่นเข้ามาโดยลำดับๆ พออบอุ่นมาถึงขั้นแล้วก็เรียกว่ามาถึงแล้ว มาถึงแล้วนะ ไปดู ถึงจริงๆ นี้แกแม่นยำ มาถึง ไปแล้วเมื่อไรรู้หมด แต่อันนี้เป็นสิ่งภายนอกไม่ได้ละเอียดลอออะไร เราจึงไม่ค่อยชมเชยสรรเสริญ ถ้าเข้าภายในแก้กิเลสนี้ทันทีเลย ก็สอนเพื่อแก้กิเลส ที่ไล่แกลงจากภูเขาก็เพราะสอนให้แก้กิเลส นี้แกไปส่งเสริมกิเลสด้วยทิฐิมานะสำคัญว่าตนรู้ตนเห็นไปเสียมันไม่ใช่ของจริงนี่ ปัดออกๆ แล้วเถียงเรา ไล่ลงภูเขาร้องไห้เลย
คือเวลามันรู้อะไรมันติดจริงๆ นะจิตนี้ เพราะสิ่งไม่เคยรู้เคยเห็น เวลารู้เข้าไปมันดูดดื่มมันติด เราก็ยังถกเถียงพ่อแม่ครูจารย์มั่น แต่ก็ยังดีอยู่อันหนึ่งมันใช้ปัญญา ซัดกับท่านเสียจนแหลกแล้วกลับมาก็เอามาพิจารณา พิจารณาแล้วก็ปฏิบัติตามนั้นรู้แล้วเลยยอมรับท่านๆ พ่อแม่ครูจารย์กับเรานี้เป็นเวทีแชมเปี้ยนแหละ บรรดาพระทั้งหลายที่มาอยู่นั้นบอกว่า คือลูกศิษย์ของหลวงปู่มั่นเรานี้นะ บรรดาลูกศิษย์ของท่านผู้ใหญ่ๆ มีองค์ใดบ้างที่ได้ต่อสู้กันกับท่านแบบเวทีแชมเปี้ยนนี้ไม่มี มีแต่ท่านอาจารย์องค์เดียว ก็เป็นจริงๆ เรา
มีเราองค์เดียวก็คือว่า เมื่อมันไม่ลงอะไรนี้มันลงไม่ได้นะ มันคาราคาซังอยู่อย่างนั้น วกไปเวียนมาลงไม่ได้ นี่ละที่เถียงกัน เถียงเพื่อหาจุดเพื่อหาที่ลง พอยอมรับปั๊บลงตูมเลย ทีนี้เอาได้เต็มเหนี่ยว นั่น ถ้ามันไม่สนิทใจมันไม่ลง จึงต้องได้ถกได้เถียงกันกับท่าน เอาเรื่อยแหละ แต่ท่านก็รู้นิสัยท่านไม่เคยมีอะไร ฟัดกันนี้ โอ๋ย เหมือนแชมเปี้ยน กลางคืนฟัดกันเหมือนแชมเปี้ยน ออกมาตอนเช้าท่านก็เฉยเราก็เฉย เพราะท่านเป็นปรมาจารย์ เราเป็นจอมโง่ ท่านเป็นจอมปราชญ์ละซิ อะไรๆ ก็มีแต่ท่านทั้งนั้นๆ พอมองเห็นท่าน อย่างที่ติดไว้นั่น รูปท่านยืนนั่น พอออกมาปั๊บมองเห็นปั๊บจิตลงแล้ว น้อมรับๆ
ไม่เคยชินชานะ สดๆ ร้อนๆ พ่อแม่ครูจารย์มั่น ท่านยืนอยู่ข้างนอก เราออกมาจากนั่น พอมองเห็นปั๊บจิตมันจะหมอบทันทีเลย ไม่มีความเคยชิน สดๆ ร้อนๆ จึงเรียกว่าจอมปราชญ์โดยแท้ ท่านตีตรงไหนนั่นละผิดตรงนั้น เรายอมรับตรงไหนก็ได้ทีๆ เพราะฉะนั้นจึงต้องได้ยอมรับท่าน กราบไหว้ท่านถึงใจๆ ตลอดมานี้ สดๆ ร้อนๆๆ ตลอดมา นิสัยเรามันไม่ค่อยเหมือนใคร ถ้าว่าทิฐิมานะจะไม่ยอมลงใครง่ายๆ ก็ไม่ใช่ คือทิฐินี้หาความถูกต้องหาจุดที่ลง จุดที่ลงใจได้ตายใจได้
อย่างเถียงท่าน มันลงไม่ได้ก็ซัดกัน พอลงปั๊บหมอบปุ๊บเลย ทีนี้ลงเต็มเหนี่ยวเลย ลงเต็มเหนี่ยว ถ้าไม่ลงมันก็คาราคาซังอยู่นั้น ต้องเอากันหาที่ลงจนได้นั่นแหละ เราจึงยกให้เป็นครูเอก พ่อแม่ครูจารย์มั่นยกเป็นครูเอก แล้วทีนี้มันก็ย้อนมาถึงเวลาอยู่กับท่านปฏิบัติท่านนี้ ตามธรรมดาท่านก็มักจะออกอยู่เสมอ อยู่ในวัดเงียบๆ อย่างนี้ บางทีท่านคงจะเป็นความเมตตาสนิทใจอันหนึ่งอยู่ลึกๆ นั้นแหละ คือเราอยู่กับท่านนี้มันเหมือนผ้าพับไว้นะ ไม่ได้บ๊งเบ๊งๆ เหมือนอยู่กับพวกอันธพาลนี้ นี่พวกอันธพาลเข้าใจไหม มันต้องได้ใช้หมัดหนักๆ บ๊งเบ๊งๆ เรื่อย อยู่กับท่านเหมือนผ้าพับไว้ กิริยาเหล่านี้ไม่มี เรียบตลอดอยู่กับท่าน
เพราะท่านจอมปราชญ์ เราจอมโง่ เรามาศึกษาเพื่อเอาอรรถเอาธรรมเอาความดิบดีจนกระทั่งถึงดีเยี่ยมใส่หัวใจเรา อันใดที่จะได้ประโยชน์มันก็ซอกแซกซิกแซ็กหาจนได้นั่นละ กิริยาท่าทางทุกอย่างกับพ่อแม่ครูจารย์มั่นนี้จึงเป็นเหมือนผ้าพับไว้เลยเชียว บางทีอยู่เฉยๆ ในวัด ท่านคงจะเมตตา เงียบๆ นี่ อยู่ๆ ท่านก็ถามขึ้นมา เราก็อยู่ที่นั่นแหละ ในวัดนั้นแหละ เวลาตอนบ่ายๆ พระขึ้นไปหาท่าน อยู่ๆ ท่านก็ถาม ท่านมหาไปไหน ท่านไม่ไปไหนละอยู่นี้ เหอ เท่านั้นละ มันหากมีอะไรไปสะดุดจิตท่าน อยู่ๆ ขึ้นไปหาท่าน พระเณรทั้งหลายขึ้น เราก็อยู่นั้นไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหน ท่านมหาไปไหน อย่างนั้นก็มี รู้สึกจะชินปากชินใจท่านกับเรา
ท่านเมตตามากอยู่นะ เราไม่ได้ยอเรา เพราะมันเข้ากับเจตนาของเราที่เข้าไปหาท่าน ตั้งแต่เริ่มแรกเข้าไปเพื่อมรรคผลนิพพาน ถึงขนาดที่ว่าถ้ามีท่านผู้ใดมาบอกเราว่ามรรคผลนิพพานมีอยู่อย่างสดๆ ร้อนๆ นี้ ไม่ว่าฆราวาสไม่ว่าพระเราจะมอบกายถวายตัวต่อท่านผู้นั้น แล้วเอาตายเข้าว่าเลยเพื่อมรรคผลนิพพาน เข้าไปหาพ่อแม่ครูจารย์มั่นก็แบบนี้ละ ลงเลย ตั้งแต่บัดนั้นมาก็เอาใหญ่เลย การอยู่กับท่านนี้ โถ จอมปราชญ์ของง่ายเมื่อไร ชินไม่ได้นะ อยู่กับพ่อแม่ครูจารย์มั่นชินไม่ได้ ต้องระวังตัวตลอด เผลอเป็นหงายเลย เผลอเมื่อไรหงายเมื่อนั้น จอมปราชญ์ว่าไง เป็นจอมปราชญ์ฉลาดแหลมคมตลอดเวลารอบด้าน ไอ้จอมโง่ก็รอบตัว กำแพงกั้นหนารอบตัวจอมโง่ เมื่อไปอาศัยท่านอย่างนั้นก็เพื่อจะชำระจอมโง่กำแพง ๗ ขั้นนี้ออกก็ต้องได้ใช้ความพยายาม
จอมปราชญ์สมัยปัจจุบันคือหลวงปู่มั่น เราได้ไปเห็นสัมผัสสัมพันธ์ ไปอยู่กับท่านตั้งแต่ทีแรกจนกระทั่งถึงท่านมรณภาพจากไปก็เป็นเวลา ๘ ปี ถึงจะออกไปโน้นไปนี้ก็ถือที่ท่านอยู่นั้นเป็นบ้านเป็นเรือนของตน ออกไปเที่ยวนั้นเที่ยวนี้กลับมาบ้านๆ ได้ ๘ ปีนี้จึงสนิทใจ ลงสุดขีดลงพ่อแม่ครูจารย์มั่น ไม่ได้มีอะไรที่จะให้เกิดความสงสัย หลักธรรมหลักวินัยนี้เก็บหอมรอมริบไม่ให้มีคำว่าเรี่ยราดสาดกระจาย ตั้งแต่ไปอยู่กับท่านไม่เคยเห็น เพราะการเรียนหลักธรรมหลักวินัยก็เรียนมาด้วยกันจะว่าไง ท่านก็เรียนเราก็เรียน ท่านทำผิดพลาดประการใดทำไมจะไม่รู้ แต่นี้ท่านไม่มีผิด ทำอะไรปั๊บถูกตามหลักธรรมวินัยข้อนั้นๆ แน่ะ มันก็ลง ถ้าพูดถึงทางด้านจิตใจใส่ตูมใดนี้หงายเลยๆ เพราะเราไม่เคยคิด ท่านใส่เข้ามาตรงนั้น คือกิเลสมันอยู่ตรงนั้น ใส่ตูมเลยถึงรู้ตัว เป็นอย่างนั้นละ เอาละ
รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th
และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร
FM 103.25 MHz |