เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๔๙
สมบัติที่พระพุทธเจ้าทรงมอบให้
พูดอย่างนี้ก็ออกทางวิทยุทั่วประเทศไทยนะ ทุกเช้าๆ ก็ดีอย่างหนึ่งพี่น้องชาวพุทธเราในเมืองไทยจะได้ยินได้ฟังอรรถธรรมบ่อยๆ ก็คือระยะนี้ละ เริ่มต้นมาตั้งแต่หลวงตาออกช่วยชาติปี ๒๕๔๑ (ปี ๒๕๔๐ หลวงตาฉันยาหมอเติ้งแล้วหายจากโรคถ่ายท้อง) เออ หลวงตาก็หายพอดีกับบ้านเมืองกำลังจะล่มจะจม หน้าจ่อลงทะเลแห่งความจม เราอยู่ในท่ามกลางแห่งเมืองไทย เป็นลูกหลานไทย เมื่อได้เห็นได้ยินต่อหน้าต่อตา เหมือนว่าบ้านร้าง อะไรก็ล้มเหลวๆ งบเงียบไปตามกันด้วยอำนาจแห่งความจนปี ๒๕๔๑
เราก็ได้ออกปากพูดจริงๆ ไม่ได้ลืม เพราะอำนาจแห่งความสงสารชาติไทยเราซึ่งพ่อแม่ปู่ย่าตายายพาถ่อพาพายมาด้วยความสงบร่มเย็น สมบูรณ์พูนผลเรื่อยมา มาระยะ ๒๕๔๐-๔๑ นี้ มีแต่ความเดือดร้อนวุ่นวายในระยะนั้นเกิดขึ้น อะไรๆ ก็มีแต่เรื่องจะล่มจม ไม่ว่าแต่คน แม้หมูหมาเป็ดไก่ก็หันหน้าลงสู่ความล่มจมๆ ความล่มจมคือทะเลหลวง คนไทยทั้งประเทศเราตลอดสัตว์สาราสิงหันหน้าเข้าสู่ความล่มจม มันก็เกิดความสลดสังเวช ปีนั้นละเราได้ออกช่วยพี่น้องทั้งหลาย
เราพูดจริงๆ ว่า เอ้า จะช่วย คนไทยไม่ได้พาให้จมทุกคน ผู้พาฟื้นยังมี ไม่มีลูกก็มีหลานแหละ ตั้งแต่นั้นมาเราก็ได้ช่วยพี่น้องทั้งหลายเต็มกำลังความสามารถ พร้อมกับท้องของเรานี้หมอเขาตรวจ เขาไม่กล้าจะบอก คือท้องมันเป็นมะเร็งในลำไส้ หมุนตัวลงเรื่อยๆ ที่จะตาย ภาษาของเรา แล้วเขาเอายามาให้ฉัน ยานี้ก็เป็นเหมือนกับยาเทวดา พอฉันลงไปก็ดีดผึงเลย ถ่ายทีแรกถ่ายเท่าไรยิ่งอ่อนยิ่งเพลีย ยาหมอเขาเป็นหมอจีนเขาให้เราฉัน
เขามาร้องขอจริงๆ เขาบอกว่ายาขนานนี้เขาเคยหายมาแล้ว ไปหาหมอเกือบทั่วประเทศไทย หมอไหนมองดูคนไข้คนนี้แล้ว ลักษณะเขาจะบอกว่าสุดวิสัยๆ เขาก็ให้ยามาพอเป็นมารยาทๆ เท่านั้น แล้วก็มาเจอยาหมอคนนี้ เขาหายเด็ดขาดเลย อาการของโรคเหมือนกันกับหลวงตาเป็นอยู่เวลานี้ แต่เขาหายได้ จึงขอให้ฉันยาขนานนี้ เราก็เลยปลงใจลง เอา ยาขนานนี้เป็นขนานสุดท้ายของเรา เราจะปล่อยไปหมดแล้วแหละ เอา ลองดู เป็นยังไงก็เป็น นั่นละพอฉันยานี้ลงไปดีดผึงเลยเทียว แต่ก่อนถ่ายเท่าไรๆ จมลงๆ เจ้าของอ่อนลง
หมอเขาบอกว่า ฉันยาคราวนี้ก็จะถ่ายเหมือนกัน แต่การถ่ายคราวนี้ถ่ายโรคถ่ายภัยออกจากร่างกาย จะถ่ายเหมือนกันแต่ไม่อ่อนเพลียเขาว่า เรามาฉันก็ถ่ายเหมือนกัน ค่อยแข็งขึ้นๆ แล้วดีดขึ้นได้เลย นี่ละที่ได้ช่วยพี่น้องทั้งหลาย เทศน์ทั่วประเทศไทยก็มีคราวนี้แหละ ตั้งแต่ ๒๕๔๑ มา เรียกว่าเทศน์ทั่วประเทศไทยเทศน์ช่วยชาติ วัตถุปัจจัยไทยทานได้มามากน้อยเพื่อชาติๆ คือทองคำ ดอลลาร์ เข้าคลังหลวงๆ ตลอดมาจนกระทั่งป่านนี้ ทองคำนี้ร้อยทั้งร้อยจะไม่แยกไปไหนเด็ดขาด ตั้งแต่บัดนั้นจนกระทั่งป่านนี้ได้ทองคำ ๑๑ ตัน กับ ๓๘๓ กิโล เข้าคลังหลวงไปแล้ว ๑๑ ตัน ๓๗ กิโลครึ่ง ที่ยังไม่เข้าก็คือรอ ควรจะหลอมก็จะหลอม หลอมแล้วควรเก็บเก็บไว้ก่อน เมื่อพอที่จะมอบแล้วก็มอบๆ
เวลานี้รวมทั้งเข้าแล้วและยังไม่เข้าเป็นทองคำ ๑๑ ตัน ๓๘๓ กิโล ก็เป็นที่อบอุ่นแก่ชาติไทยของเราไม่น้อยไม่ใช่เหรอ ทองคำถึง ๑๑ ตันกับ ๓๘๐ กว่ากิโล เป็นเครื่องหนุนชาติไทยของเราได้มากน้อยเพียงไร พี่น้องทั้งหลายจะทราบทั่วถึงกันที่หัวใจทุกคน ออกมาจากหูที่ได้ยินได้ฟังว่า หลวงตานี้พาพี่น้องทั้งหลายช่วยชาติ และช่วยช่วยจริงๆ ด้วย
การปฏิบัติต่อเจ้าของเพื่ออรรถเพื่อธรรมฉันใด การปฏิบัติต่อโลกเพื่อช่วยโลกเราก็ปฏิบัติฉันนั้นเหมือนกัน เรื่องความสุจริตนี้เต็มหัวใจ เต็มไปด้วยเมตตาแล้วก็ออกทางสุจริต เงินทุกบาททุกสตางค์ที่พี่น้องทั้งหลายบริจาคนี้เปิดได้เลย บอกว่าเราช่วยชาตินี้เราช่วยด้วยความพอแล้ว ด้วยความเลิศเลออีกทีหนึ่ง คำว่าพอแล้วด้วยความเลิศเลอ คือหัวใจกับธรรมเป็นอันเดียวกันจากภาคประพฤติปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าที่ท่านหลุดพ้นจากทุกข์ ตรัสรู้ธรรมขึ้นมา นำธรรมนี้มาสอนโลก รื้อฟื้นขึ้นมา โลกก็เป็นผู้เป็นคน จนกลายเป็นเทวบุตรเทวดาอินทร์พรหม ถึงนิพพานเพราะคำสอนของพระพุทธเจ้า
การปฏิบัติเราก็ได้ปฏิบัติตะเกียกตะกายมา เราไม่อยากพูดถึงเรื่องอดีตความเป็นมาของเราที่ตะเกียกตะกาย จนกระทั่งได้มาเทศนาว่าการอยู่ในปัจจุบันนี้ เราเรียกว่าเดนตายมา คำว่าเดนตายคือเอาจริงเอาจัง ข้อหนักแน่นที่สุดในหัวใจไม่เคยลดละเลยก็คืออยากเป็นพระอรหันต์ พูดให้พี่น้องทั้งหลายฟังอย่างชัดเจน อ่านในตำรับตำราท่านก็กล่าวถึงมรรคผลนิพพาน ไอ้เราที่อ่านนี้เป็นผู้มีกิเลส เอ๊ มรรคผลนิพพานมีหรือไม่มีน้า ทั้งๆ ที่อ่านธรรมะของพระพุทธเจ้าที่เต็มไปด้วยมรรคผลนิพพานจากตำรานั้นแหละ แต่กิเลสมันขัดมันแย้งมันทำให้สงสัย ว่ามรรคผลนิพพานมีอยู่หรือไม่มีน้า
เอา ถ้ามีท่านผู้ใดไม่ว่าฆราวาสไม่ว่าพระมาบอกด้วยความสัตย์ความจริง ว่ามรรคผลนิพพานมีอยู่โดยสมบูรณ์ เราจะมอบกายถวายตัวต่อท่านผู้นั้น แล้วจะเอาตายเข้าว่า คือความเพียรเพื่อมรรคผลนิพพาน พอเรียนจบตามความมุ่งหมาย คือเราตั้งสัจจะเอาไว้ว่า เราจะเรียนให้ได้เปรียญ ๓ ประโยค นักธรรมตรี โท เอก ก็แล้วแต่จะได้แค่ไหนๆ แต่เปรียญ ๓ ประโยคนี้ให้ได้พอเป็นปากเป็นทางในการดำเนิน ประพฤติปฏิบัติเพื่อกำจัดกิเลส เพียงเท่านี้ก็พอเป็นเข็มทิศทางเดินได้แล้ว จึงพุ่งใส่หลวงปู่มั่นเลยเทียว
หลวงปู่มั่นท่านทั้งหลายที่ยังไม่เคยพบเคยเห็น ได้ยินแต่ชื่อท่านก็เป็นมหามงคลแล้วแหละ เราได้ไปเห็นด้วยตาของเราเอง เพราะการไปของเรานี้ไปด้วยความเต็มอกเต็มใจเต็มเม็ดเต็มหน่วย หวังชีวิตจิตใจฝากเป็นฝากตายกับหลวงปู่มั่นจริงๆ เกี่ยวกับเรื่องมรรคผลนิพพาน จะเป็นผู้ยืนยันให้เราทราบอย่างถึงใจว่า มรรคผลนิพพานมีอยู่หรือสูญไป พอหยุดจากการเรียนก็ถึงท่านเลย ไปก็เหมือนว่าท่านกางเรดาร์ไว้เลย นี่ที่มันรับกันมันจึงได้ถึงใจ
พอเข้าไปก็โดนตั้งแต่เข้าไปทีแรก แต่ไม่พูดมากนะ พอเข้าไปปั๊บก็โดนเลย ท่านใส่เปรี้ยงเข้าเลยกลางคืนมืดๆ ท่านเดินจงกรมอยู่เราไม่เห็น เราเดินเซ่อซ่าๆ ไปกลางคืน ไปหาท่านที่บ้านโคก นามน เอา สรุปความ พอขึ้นไปท่านก็จี้เลย ท่านมาหาอะไร ขึ้นเลยนะ นี่เรียกว่าท่านกางเรดาร์ไว้แล้ว ท่านมาหามรรคผลนิพพานเหรอ มาหาธรรมมาหามรรคผลนิพพานเหรอ ชี้ไปตามต้นไม้ภูเขาดินฟ้าอากาศที่ไหน ไม่ใช่กิเลสไม่ใช่มรรคผลนิพพาน ไล่ไปจนกระทั่งท้องฟ้ามหาสมุทร ไม่ใช่กิเลสไม่ใช่มรรคผลนิพพาน กิเลสแท้มรรคผลนิพพานแท้อยู่ที่ใจ ว่างั้นเลย เอา พิจารณาทางด้านจิตใจตามทางของศาสดา พระพุทธเจ้าทรงแสดงจิตตภาวนา จนได้ตรัสรู้เป็นศาสดาเอกของเราขึ้นมา ทางนี้เป็นทางที่จะบุกเบิกเพิกถอนกิเลสตัณหาออก เพื่อให้ได้เห็นแจ้งในมรรคผลนิพพาน
ท่านใส่เปรี้ยงๆ เลย นั่นละมันถึงใจจริงๆ มุ่งหน้ามุ่งตาไปหาท่านอย่างเต็มหัวใจ ท่านก็เหมือนว่ากางเรดาร์เอาไว้ ท่านเปรี้ยงเลยทันที รับกันตั้งแต่บัดนั้น ทีนี้ความเพียร ลงมาจากศาลาเล็กๆ ยังไม่ถึงที่พักเลย มันฟังเทศน์ของท่านอย่างถึงใจมาแล้ว แล้วนิสัยนี้ก็เป็นนิสัยจริงจังเราพูดจริงๆ เราไม่เหลาะแหละ ถ้าลงอะไรแล้วลง ถ้าไม่ลงไม่ลง แม้แต่ครูบาอาจารย์อย่างหลวงปู่มั่นนี้ก็ถกเถียงกันเสียจนพระแตกมาทั้งวัดเราลืมเมื่อไร คำว่าถกเถียงคืออะไร ถกเถียงหาเหตุหาผลหาความสัตย์ความจริงไม่ได้ถกเถียงเพื่อแพ้เพื่อชนะ ซัดกันนี้พระเณรเต็มใต้ถุนกุฏิกระจายออกไปเต็มวัดหนองผือ ใส่กันเปรี้ยงๆ เลยละ
นิสัยนี้มันเป็นอย่างนั้นถ้าไม่ลงไม่ลง ถ้าลงแล้วหมอบเลยๆ อันนี้ก็ได้เรื่องหมอบเลยจากท่านมาแล้วทีนี้ก็ซัดกันเลย ภาวนาแบบเอาเป็นเอาตายตามทางเดินของศาสดา และครูบาอาจารย์ที่พาดำเนินมาไม่ให้เคลื่อนคลาด เพราะจิตใจมุ่งต่อมรรคผลนิพพานคือแดนพ้นทุกข์ ย่นเข้ามาหาตัวเราจะให้ได้เป็นพระอรหันต์ในชาตินี้ อย่างไรก็ให้เป็น เมื่อท่านแสดงถึงว่ามรรคผลนิพพานมีอยู่ มีอยู่นั้นสาเหตุเป็นมาอะไร เป็นมาจากข้อปฏิบัติ สวากขาตธรรม ตรัสไว้ชอบแล้ว ตรัสไว้ชอบเพื่อมรรคผลนิพพาน เราก็ดำเนินตามนั้นจะไปไหน นั่นละที่นี่มันถึงได้เอากันใหญ่ เรื่อยมาจนกระทั่งได้มาเป็นผู้นำพี่น้องทั้งหลายทุกวันนี้
การสอนธรรมแก่พี่น้องทั้งหลายเราจึงไม่มีคำว่าความสงสัย เต็มหัวใจทุกอย่าง ที่ว่ามรรคผลนิพพานมีอยู่หรือไม่มีน้าที่อ่านในตำรา ตำรานั้นออกมาจากท่านผู้บริสุทธิ์คือพระพุทธเจ้า แสดงออกมาว่ามรรคผลนิพพานมีอยู่ แต่เราอ่านเราเป็นคลังกิเลส ไปอ่านมันก็สงสัยวันยังค่ำ จึงไปหาหลวงปู่มั่นให้ท่านเปิดให้ พอท่านเปิดให้ก็ซัดกันเลย ตั้งแต่บัดนั้นมาจนเปิดโล่งหัวใจ เราหายสงสัยเรื่องมรรคผลนิพพาน เอาหัวใจนี้ออกเลย ไม่ต้องว่าที่อื่นที่ใดละ
มรรคผลนิพพานมีหรือไม่มี มีอยู่กับผู้ปฏิบัติตามทางของศาสดาที่สอนไว้ ไม่มีสำหรับโมฆบุรุษกินแล้วนอน กอนแล้วนิน ไม่สนใจในอรรถในธรรม พวกนี้ไม่มี ยังขาดอยู่อย่างหนึ่ง ถ้าจะว่าให้เต็มยศจริงๆ มันก็ไม่เต็ม ถ้าเป็นหมามันก็ไม่มีหางเสีย ถ้ามีหางก็หางกุดไปเสีย นี่มันสะเทินน้ำสะเทินบกพวกเรา จะเข้าวัดเข้าวากลับมาบ้านแฉลบไปแล้ว ยิ่งเป็นผู้ใหญ่ผู้โตๆ ฟากกรุงเทพฯนะไม่ใช่ผู้ใหญ่ผู้โตในศาลานี้ พอหันหลังจากคู่พึ่งเป็นพึ่งตายคือเมีย หันได้แล้วอีสาวอยู่ไหนตาจ้อตาใสยิ่งกว่าตาแมว พวกนี้มันเป็นอย่างนั้น เพราะฉะนั้นมันถึงได้ก่อกวนกันอยู่เรื่อยหัวใจ
ผู้หญิงก็มีหัวใจผู้ชายก็มีหัวใจ เมื่อต่างคนต่างมีหัวใจต้องรักษาน้ำใจกันด้วยการประพฤติปฏิบัติให้ถูกต้อง เรารักฉันใดเขารักฉันนั้น เรารักเมียเมียรักเรา เป็นเนื้ออันเดียวกันแล้วอย่าปล่อยอย่าเถลไถล นี่คือผู้ซื่อสัตย์สุจริตต่อกัน สมบัติเงินทองมีมากมีน้อยไม่สำคัญ อยู่ที่ธรรม ความสัตย์ความจริงความรักที่มีต่อกันด้วยความสุจริต อันนี้มีค่ามาก อยู่ที่ไหนก็ชุ่มเย็นเป็นสุข เงินทองข้าวของมีกี่หมื่นกี่ล้านร้อนเป็นไฟเห็นไหมทุกวันนี้ เพราะความโลภมากได้ไม่พอ ได้เท่าไรไม่พอมันเผาหัวใจคนผู้โลภมากๆ ผู้ไม่โลภมากเข้าศีลเข้าธรรมเข้าวัดเข้าวามีเมียเดียวพอ ไม่ต้องไปหา ๒๐-๓๐ เมียเพราะเราไม่ใช่หมา
หมาไม่มีกำหนด มีกี่เมียก็ได้หมา หางมีหรือไม่มีก็ได้ทั้งนั้น เข้าใจไหม เราไม่ใช่หมาเราไม่หาอย่างนั้น เมียเรามีคนเดียวพอ ผัวเรามีคนเดียวพอไม่ต้องยุ่ง ชุ่มเย็นที่สุด นี่ละสมบัติที่พระพุทธเจ้าทรงมอบให้คู่สามีภรรยาให้อยู่เย็นเป็นสุขด้วยกัน ไม่ได้เอากองเงินกองทองกองเท่าภูเขามามอบให้นะ สามีคนนี้ภรรยาคนนี้ให้เงินก้อนนี้ภูเขาก้อนนี้ เอาไปแล้วภูเขาสองลูกชนกันแหลก ด้วยความประพฤติเหลวแหลกแหวกแนว ท่านมอบศีลมอบธรรมมอบความไว้วางใจต่อกันเท่านั้น เอา อยู่ด้วยกันไปเถอะ เป็นตายก็ชุ่มเย็นที่จิตใจ อย่าให้บอบช้ำที่จิตใจคนเรา ดี ถ้าลงบอบช้ำที่จิตใจสมบัติเงินทองข้าวของมีมากน้อยไม่มีความหมายนะ มันมีความหมายที่จิตใจ จึงต้องรักษาน้ำใจกัน
เอาธรรมเข้าไปรักษาอย่างอื่นรักษาไม่ได้ ต้องเอาธรรมความซื่อสัตย์สุจริตต่อกัน ความพึ่งเป็นพึ่งตายต่อกันรักษากันได้ทั้งนั้น เข้าใจไหมล่ะ เอาละวันนี้พูดเพียงเท่านี้ พูดมากมันก็เหนื่อยแล้วแหละ นี่ท่านทั้งหลายมาวันนี้ก็ตอนรับท่านทั้งหลายทุกคน ลูกๆ หลานๆ ละนี่ นี่บวชเหล่านี้ยังไม่เกิดละ หลวงตาบวชได้ ๗๓-๗๔ ปี เกิดแล้วยัง จึงเรียกว่าสอนลูกสอนหลานละซิ บวชก่อนแล้ว ให้พากันไปปฏิบัติ ปฏิบัติต่อหน้าที่การงานเพื่อแผ่นดินของเรา
คนทั้งชาติเขามอบอำนาจบาตรหลวงทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อเชิดชูอุ้มชูบ้านเมืองของเราด้วยการให้มีหัวหน้าๆ ให้มีเจ้ามีนาย มีอำนาจในทางศีลทางธรรมเพื่อจะยกชาติไทยของเราขึ้นไป ให้มีความซื่อสัตย์สุจริตต่อหน้าที่การงาน และประพฤติตัวให้เป็นคนดีเสมอ แล้วชาติไทยของเราจะมีความเจริญรุ่งเรือง หันเข้ามาในบ้านเมียก็ตายใจได้ ผัวก็ตายใจเมีย เมียก็ตายใจผัว หันไปที่ไหนมีแต่ความสงบร่มเย็น นี้คือความเป็นมงคลจากธรรมที่เราปฏิบัติตามธรรมของพระพุทธเจ้านะ เอาละที่นี่จะให้พร
รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th
และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร
FM 103.25 MHz |