พระอรหันต์ท่านตายง่าย
วันที่ 15 พฤศจิกายน 2549 เวลา 8:20 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
  วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๔๙

พระอรหันต์ท่านตายง่าย

ก่อนจังหัน

โลกมันไม่มีหลัก ไขว่คว้าๆ ไม่มีหลักเกณฑ์ โลเล โลกทั้งโลก โลกกิเลสต้องเป็นโลกโลเล ไม่มีหลักมีเกณฑ์เป็นที่ยึดที่เกาะที่เป็นสาระสำคัญๆ นั่นละธรรมอยู่ที่นั่น เกาะตรงไหนจับติดปั๊บๆ แล้วเป็นสาระประโยชน์ ถ้ากิเลสแล้วโลเลๆ ใช้ไม่ได้นะ ให้พร

หลังจังหัน

         รถเข้ามาอะไร เอาข้าวเข้าในโกดังแจก พื้นฐานก็แจกโรงพยาบาล มาจากทางไหนๆ มานี้ เราจัดไว้ที่โกดังเต็มเอี๊ยด มาจากโรงพยาบาลไหนๆ มาเอาที่นั่น พระท่านจัดให้เสมอกันหมด คือเป็นขั้นเป็นตอน ถ้าธรรมดาทั่วๆ ไปแถวใกล้เคียงนี้ก็ให้เสมอกันหมดขั้นหนึ่ง ทีนี้เรากำหนดให้ว่า ตั้งแต่อุบล โคราช อุตรดิตถ์ ไปทางโน้นให้พิเศษ คือตั้งแต่อุบลออกไปทางโน้น อุตรดิตถ์ออกไปทางโน้น ให้พิเศษ รอบๆ โคราชเหมือนกัน ถ้าอยู่ข้างในนี้ให้อีกขั้นหนึ่งๆ มีพิเศษอยู่ที่จังหวัดชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมินี้ เทพสถิต ภักดีชุมพล อันนี้ได้ให้พิเศษ ไกลมากนะ

เราไปไหนเรามีเข็มไมล์นี่ ตั้งเข็มไมล์ดู โรงพยาบาลเทพสถิตและโรงพยาบาลภักดีชุมพล อยู่เทียบกับเราไปโคราช จากอุดรไปโคราชนี้ ไปถึงสูงเนิน สีคิ้ว ๓๓๔ ถึง ๓๓๕ อยู่จุดนั้นละ ภักดีชุมพล เทพสถิตนี้เหมือนกัน ไกลขนาดเดียวกัน จากชัยภูมิไป ไกลอยู่ อย่างนี้ก็ให้เป็นพิเศษ ในจังหวัดชัยภูมินี้ก็ให้เป็นพิเศษสองโรง เขตขนาดไหนก็จัดเสมอกันหมดจำพวกพิเศษ ธรรมดาก็เสมอกันหมดจำพวกธรรมดา มากี่โรงๆ  พระท่านรักษาศาลามีวาระละอาทิตย์ๆ ผู้นี้รับผิดชอบ ในบริเวณนั้นทั้งหมดพระรับผิดชอบ ใครมาจากไหนๆ มาติดต่อกับพระที่รับผิดชอบในศาลา ตั้งแต่โกดังมา ไม่ว่าใกล้ว่าไกลโรงพยาบาลไหนมาจัดให้ ส่วนเราไปอีกอันนี้เป็นพิเศษอันหนึ่งของเรา

อย่างเราไปทุกวันนี้เราไปโรงพยาบาลนะ เราพลิกดูแคตตาล็อก ประมาณหนึ่งเดือนแล้วไปทีหนึ่งๆ แต่ละโรงๆ ประมาณหนึ่งเดือน เราก็เขียนไว้เรียบร้อย ทางนี้เขามารับพระท่านก็เขียนไว้ให้ทราบ ทางไหนมารับเมื่อไรๆ โรงไหนมารับเมื่อไร ถ้าใกล้ชิดเกินไปก็ไม่ให้โรงนั้น นั่น คือมีแคตตาล็อกไว้หมด เวลาเราไปนี้เราจะเป็นพิเศษอยู่หน่อยก็คือว่า พวกอาหารพวกไก่พวกอะไรที่ผ่านไป เช่น เขาสวนกวาง มีเท่าไรเอาหมด ไปทางด้านไหนอุดร หนองคาย มีเท่าไรเอาหมดๆ เลย แล้วก็มอบให้โรงพยาบาลละสองหมื่นๆ ถ้าเราไปส่งเองเป็นอย่างนั้น ให้โรงละสองหมื่นๆ เป็นประจำ มันเป็นอยู่ในหัวใจนี่

เพราะฉะนั้นใครจะถามอะไรๆ กับเราเราจึงไม่ตอบ เราตอบเรารับของเราเอง พิจารณาเรียบร้อยแล้วไปเลยๆ จะรอคำปรึกษาคนนั้นคนนี้ไม่ได้ คิดดูตั้งแต่ช่วยบ้านเมืองนี้เราไปปรึกษาใครเมื่อไร ไม่ปรึกษา ปรึกษาที่หัวใจกับธรรมอยู่ด้วยกัน สมควรมากน้อยเพียงไรเราจะพิจารณาของเราแล้วออก จัดตามนั้นๆ เลย ก็ไม่เห็นผิดพลาดนี่ คนนั้นว่าอย่างนั้น  คนนี้ว่าอย่างนี้  รอคำปรึกษาปรารภกับคนนั้นคนนี้เสียเวล่ำเวลา และมีทางผิดพลาดได้ด้วย อันนี้ประหนึ่งว่าเหมือนยืนยันในตัว เพราะออกแล้วไม่ผิดเลย

นี่ก็คือความเมตตาครอบเอาไว้หมดเลย เมตตาครอบหมด จะหนักเบาแค่ไหนก็เมตตาครอบไว้ทั้งนั้นๆ เราจึงทำเต็มเม็ดเต็มหน่วยของเรา เวลาเราตายแล้วเราก็บอกตามความจริง ตามที่รู้ที่เห็นไว้ในใจไม่ผิดว่างั้นเลย ถึงวาระเราจะไปแล้วดีดผึงเลย ไปเลย นี่เป็นความจริง เราไม่ได้วัดรอยที่ว่าพระอรหันต์ท่านตายง่ายนิดเดียว สมควรที่ตรงไหนท่านเข้าในร่มไม้ร่มไหนๆ เข้าแล้วดีดผึงไปเลย เพราะฉะนั้นข่าวพระอรหันต์จึงไม่ค่อยมี ในตำรับตำราไม่ค่อยมี ว่าพระอรหันต์นิพพานที่นั่น องค์นั้นนิพพานที่นั่นๆ จึงไม่ค่อยมี เพราะท่านตายง่าย ท่านเข้าอยู่ในป่าในเขา นิพพานปั๊บไปเลยๆ

ที่ปรากฏก็มีผู้ปรากฏชื่อลือนาม เช่นอย่างพระอานนท์ พระกัสสปะในตำรายังบอกไว้ว่ายังไม่ได้เผา ศพพระกัสสปะนี่ ท่านมีกรรมอะไรๆ เกี่ยวโยงกับพระอริยเมตไตรย ดูว่าพระอริยเมตไตรยจะเอาอัฐิของพระกัสสปะมาเผาที่ฝ่าพระหัตถ์เลยว่างั้นใช่ไหม ในปฐมสมโพธิ เราอ่านนานแล้วมันลืม เหล่านี้ผ่านมาหมดแล้วแต่มันลืม ท่านมีกรรมเกี่ยวโยงกัน พระกัสสปะเป็นช้างบอกนอนสอนง่ายทุกอย่างๆ ท่านก็อยากชมเชยช้างตัวเองว่างั้นใช่ไหม แล้วได้ยินไปถึงหูพระราชา พระราชาก็พระราชาเทวทัต เรียกเข้ามาเฝ้า ช้างเธอนั้นบอกนอนสอนง่ายทุกอย่างได้หมดใช่ไหม ใช่ บอกเลย ถ้างั้นบอกให้จับเหล็กแดงได้ไหม ได้ สั่งทำอะไรได้อย่างนั้นๆ พระราชาก็เลยสั่งเผาเหล็กแดงให้ช้างจับ ดูซิน่ะ

เจ้าของช้างก็เลยน้ำตาร่วง มาพูดให้ช้างฟังให้ช้างตัดสินใจเอง เพราะความรักช้าง บอกอะไรได้อย่างนั้น เลยมาเล่าให้ช้างฟัง เอ๊อ เราได้ผิดพลาดไปแล้ว ไปหาพระราชาก็เพราะความดีของเธอนั่นแหละ ว่าอะไรๆ ไม่เคยขัดเคยแย้ง ทำตามหมดทุกอย่าง พระราชาก็มารับสั่งถามเราว่าให้จับเหล็กแดงได้ไหม ก็บอกว่าได้ ให้ฝืนนี้ไม่ฝืน มาเล่าให้ช้างฟัง ถ้าหากว่าเธอไม่จับเราก็คอขาด ถ้าจับเธอก็ตายเราก็ยังอยู่ ให้เธอเลือกเอา บอกให้ช้างเลือก ช้างเลือกทางจับ นั่นเห็นไหม เพราะรักนายเข้าใจเหรอ จับเหล็กแดงก็เลยตาย เรื่องราวเป็นอย่างนั้น

ดูว่าพระกัสสปะนี้ยังไม่ได้เผาศพนะ อยู่ในเขาสามลูก วิสัยของธรรมใครจะไปคาดไม่ได้นะ พระพุทธเจ้ารื้อฟื้นขึ้นมาจากความจริงทั้งนั้น เป็นวิสัยของธรรม เราจะไปคาดด้นเดาด้วยอำนาจของคลังกิเลสนี้ไม่ได้ พระกัสสปะเวลานี้ก็ยังไม่ได้เผาศพ มันเกี่ยวโยงกันกับพระศรีอาริยเมตไตรยที่ให้ช้างจับเหล็กแดง แล้วพระอริยเมตไตรยจะเอาอัฐิของพระกัสสปะมาเผาที่ฝ่าพระหัตถ์แก้กันที่ให้ช้างจับเหล็กแดง มีอย่างนั้นในหนังสือปฐมสมโพธิ แต่เรามันดูมานานสมัยเรียนหนังสืออยู่นั้นดูจริงๆ เวลาออกปฏิบัติแล้วไม่เอาเลย จนกระทั่งทุกวันนี้ก็จะดูเล่มนั้นเล่มนี้ไปบ้างเล็กๆ น้อยๆ ไม่เป็นจริงเป็นจังเหมือนแต่ก่อน ทุกวันนี้ดูอะไรก็ไม่จริงทั้งนั้นแหละ ชั่วประเดี๋ยวประด๋าว แต่ก่อนดูจริงๆ จำจริงๆ

นี่พูดถึงเรื่องพระกัสสปะที่ยังไม่ได้เผาศพ พระอริยเมตไตรยมาตรัสรู้จึงจะได้เอาอัฐิของพระกัสสปะมาเผาที่ฝ่าพระหัตถ์แก้กรรมกัน คือพระพุทธเจ้าก่อนที่จะรับสั่งอะไรออกมานี้เล็งญาณดูเรียบร้อยแล้วไม่ผิด คิดดูซิว่า มีรายใดที่ปรารถนาพุทธภูมิ ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้านี้ ให้ท่านเล็งญาณดู ถ้าองค์ไหนได้รับลัทธพยากรณ์ว่า เท่านั้นกัปเท่านี้กัลป์จะได้เป็นพระพุทธเจ้า ชื่อว่าอย่างนั้นๆ สาวกข้างซ้ายข้างขวาชื่อว่าอย่างนั้นๆ แล้วแก้ไม่ตก แก้ยังไงก็ไม่ตก ต้องได้เป็นพระพุทธเจ้า เป็นอย่างที่ว่า นี่เรียกว่าพระญาณหยั่งทราบ หนึ่งไม่มีสอง ท่านเรียกว่า เอกนามกึ คือหนึ่งไม่มีสอง พระญาณหยั่งทราบอะไรแล้วเป็นอย่างนั้นๆ

ท่านรับสั่งไว้นี้ออกจากพระญาณหยั่งทราบแล้ว ใครจะไปแก้ยังไงแก้ไม่ตก ผิดกันอย่างนี้ละ จึงเรียกว่าเอก ของศาสดาแต่ละองค์ๆ ไอ้เรามันหยั่งทราบตั้งแต่ไข่หวานตามนี้ วันละสี่ถ้วยห้าถ้วย ต่อไปมันจะเป็นสิบถ้วยขึ้นไปละ มันหยั่งทราบไปเรื่อย ตรงนั้นก็หยั่งทราบมา เห็นฉันนี้ อันนั้นก็ดีอันนี้ก็ดี แม้แต่หมา เขาเห็นเรารักหมาเขาก็ส่งมาจากเมืองชลใส่เครื่องบินมา เป็นอย่างนั้นนะ ก็รักธรรมดารักหมาก็ดี ไม่ถึงให้เอาขึ้นเครื่องบินมาละ

เรื่องพระอรหันต์ไม่ค่อยมีประวัติแต่ก่อนเพราะท่านตายง่าย ท่านพิจารณาของท่านเรียบร้อยแล้วเข้าร่มไม้ร่มไหน หรือถ้ำเงื้อมผาใดก็ตาม ท่านเข้าไปพักดีดผึงไปเลยๆ แล้วก็ไม่ค่อยมีนักข่าวนักแข่วเหมือนทุกวันนี้ จดนั้นจดนี้จดลมๆ แล้งๆ เพื่อโกหกโลกได้เงินใส่กระเป๋าก็เอา เป็นอย่างนั้น ท่านไม่มีข่าว พระอรหันต์ท่านตายง่ายมาก ท่านครองขันธ์อยู่นี้ท่านผ่านไปหมดแล้ว เพียงแต่รับผิดชอบในธาตุในขันธ์เพื่อทำประโยชน์แก่โลกได้มากน้อยตามนิสัยวาสนาของท่าน ถึงวาระแล้วท่านก็ดีดผึงเลยไปเลย ท่านไม่ได้เป็นกังวลว่าตายแล้วจะไปเกิดที่ไหน อดีตอนาคตท่านไม่มี อดีตเคยเป็นมายังไงท่านไม่คำนึงไม่ยุ่ง

ปัจจุบันบริสุทธิ์เต็มที่แล้วหมดเงื่อนสืบต่อ ภพหน้าภพหลังไม่มี ถึงวาระที่ท่านจะไปแล้วท่านพิจารณาเรียบร้อยแล้วเข้าร่มไม้ร่มไหนดีดผึงไปเลยสบาย พระอรหันต์ท่านตายง่าย ดูไม่ค่อยมีนะในประวัติ ก็มีอย่างพระอานนท์ พระสารีบุตร พระโมคคัลลาน์ องค์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังก็มีประวัติมา นอกนั้นไม่ปรากฏ พระสารีบุตรก็อัครสาวกข้างขวา พระโมคคัลลาน์อัครสาวกข้างซ้าย นี่มีในประวัติบอก มาทูลลาพระพุทธเจ้าจะปรินิพพาน จะปรินิพพานที่ไหน ที่บ้านเกิดบอกอย่างนั้น พระโมคคัลลาน์ก็จะปรินิพพานแหล่งแห่งโจร นั่น พระองค์ก็รับสั่งเลย เปิดประตูวัดพระเชตวันรอบด้าน เอ้า ใครจะไปส่งพี่ชายของเธอทั้งหลายให้ไปได้เลย วัดพระเชตวันเปิดหมดประตูเปิดโล่งหมด จะไปส่งพี่ชายของเธอทั้งหลายก็ไป

พระสารีบุตร พระโมคคัลลาน์ไปแบบเดียวกัน ดูว่าพระเจ้าพระสงฆ์ติดตามไปตั้ง ๕๐๐-๖๐๐ ไปถึงก็อย่างว่าละ นั่นเป็นอย่างนั้นนะ นอกนั้นไม่ค่อยปรากฏ องค์ไหนถึงเวลาของท่านแล้วท่านเข้าดีดปั๊บๆ ไปเลย เพราะคำว่าเรื่องนิพพานเรื่องขันธ์สลายจากกันกับวิมุตติ ขันธ์นี้เป็นสมมุติ ธรรมชาติที่บริสุทธิ์นั้นเป็นวิมุตติจิต รับผิดชอบกันอยู่เพียงแค่นั้น ถึงกาลเวลาที่จะใช้ไม่ได้แล้วก็ปล่อยพับดีดผึงไปเลย ท่านเรียกว่านิพพาน

นี่ละจิตถ้าลงได้ทำให้บริสุทธิ์เต็มเหนี่ยวแล้วไม่ต้องไปทูลถามพระพุทธเจ้า ว่าความบริสุทธิ์ของเรากับความบริสุทธิ์ของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย เรียกว่าทุกพระองค์ตลอดถึงพระอรหันต์ทั้งหลายต่างกันยังไงบ้างท่านไม่ถาม เพราะท่านอยู่ในท่ามกลางแห่งพระพุทธเจ้าทั้งหลายที่มีพระจิต และสาวกทั้งหลายที่มีจิตบริสุทธิ์แล้วด้วยกัน เสมอกันหมด เรียกว่าพระอรหันต์แต่ละองค์ท่านอยู่ท่ามกลางแห่งความบริสุทธิ์ของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย และพระอรหันต์ทั้งหลายเหมือนกันหมด นั่นละท่านอยู่ท่ามกลาง เหมือนว่าเราอยู่ท่ามกลางมหาวิมุตติมหานิพพานจะไปถามใคร มันเป็นอันเดียวกัน รู้อย่างเดียวกัน

นั่นละธรรมแน่นอนขนาดนั้น เข้าถึงจิตปั๊บไม่ต้องไปถามใคร ไม่มีใครมาเป็นสักขีพยาน รู้ชัดเจน อย่างพระอรหันต์พอบรรลุธรรมถึงนิพพานบริสุทธิ์ปึ๋งนี้ก็ถึงพระพุทธเจ้าทั้งหลายแล้ว อยู่ในท่ามกลางพระพุทธเจ้า คือท่านผู้ที่หลุดพ้นจากทุกข์โดยสิ้นเชิงแล้วเหมือนกันหมดเลย ท่านไม่ต้องไปถามกัน ท่านบอกไว้ว่า นตฺถิ เสยฺโยว ปาปิโย บรรดาท่านผู้บริสุทธิ์แล้วเสมอกันหมด ไม่มีความยิ่งหย่อนต่างกัน เรียกว่าอยู่ในท่ามกลางแห่งวิมุตติด้วยกัน ท่านจะไปถามหากันอะไร นั่นละธรรมแน่นอนขนาดนั้น ธรรมพระพุทธเจ้า มีเหตุมีผลมีหลักมีเกณฑ์มาตลอด ไม่ได้ไปคว้าเอานี่ศาสนาเรา นั้นก็พ่อเรานี้พ่อเรา คว้าเอาตามที่ไหนก็เอาเป็นพ่อเป็นแม่ทั้งหมดใช้ไม่ได้ เป็นหลักกรรมของใครของเรา เอาละ จะให้พร

 

รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร

FM 103.25 MHz


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก