เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๔๙
ไปที่ไหนให้เย็นไปซิ
เราแก่เท่าไรยิ่งลำบากมากนะทุกวันนี้ ลำบากมากทีเดียว ไม่มีเวลาว่างเลย เทศน์นี่ละสำคัญมาก ไปที่ไหนมีแต่เทศน์ตลอดเวลา เทศน์นี้เหนื่อยนะไม่ใช่ธรรมดา ถ้าอยู่ในวัดนี้ก็ออกมาไม่ได้ ต้องปิดประตูตีหมา ขี้แตกอยู่ในห้องไปไหนไม่ได้ ออกมานี้มันรุมเอา มาไม่ได้นะ ต้องออกมาตอนเย็นๆ ถึงเวลาที่สั่งเสียเรียบร้อยแล้วว่า ตั้งแต่ ๔ โมงครึ่งไปแล้วให้เลิกกัน ไม่ให้เข้าออกยุ่งตลอดเวลา เพราะวัดนี้เป็นวัดปฏิบัติ ขัดขวางต่อการปฏิบัติมากทีเดียว เราจึงแก้ไขใหม่เพราะทนดูมานานแล้วมันจะเสียหมดวัดเลย ตอน ๔ โมงครึ่งให้เลิกกัน เข้าออกให้หยุดกัน อย่ายุ่งกันมากไป
ตอนนั้นละเราจะด้อมๆ ออกมา ถ้าเห็นใครมาตอนนั้นเอากันละ มาก็ไล่เบี้ยกัน มาอะไร ถ้าเรามันหมดละ จะว่าอะไรสามโลกธาตุขาดสะบั้นไปหมดเลย มาก็ถาม ถ้ามาเก้อๆ กังๆ ไล่เดี๋ยวนั้นเลย เห็นท่าไม่ได้การไล่เดี๋ยวนั้นเลย มีเหตุมีผลอะไรมาผิดเวล่ำเวลา ตอน ๔ โมงครึ่งเรามักจะออกมาถึง ๕ โมงเย็น ออกมาดูเหตุการณ์ต่างๆ เพื่อความเรียบร้อยของวัด กลางวันไม่มา ยั้วเยี้ยๆ อยู่นี้ตลอด ออกมาไม่ได้ ต้องออกมาตอนนั้นละ ตอนเย็นๆ ออกมาดู
นี่ก็ตกลงไปกรุงเทพวันที่ ๕ ไปค้างคืนที่วัดเขาใหญ่ ๑ คืน วันที่ ๖ เข้าสวนแสงธรรม วันที่ ๗ ย้อนออกมารังสิต ถ้าไม่ขัดข้องแล้วก็เอาละ ลงตัวแล้วก็ไปตามนั้น โถ เหนื่อยมากเราวันหนึ่งๆ เหนื่อยมากทีเดียว พูดอยู่นี้ก็ออกทั่วประเทศไทย พูดอยู่เวลานี้ออกทั่วประเทศไทยเรา ไม่ใช่ธรรมดาออกวิทยุนี่ ตอนเช้าทุกเช้าๆ ออกทั่วประเทศไทยเลย เราจึงเหนื่อยมาก
เดี๋ยวนี้ไปเทศน์ที่ไหนออกวิทยุทั้งนั้นแหละ ไปเทศน์ที่ไหนก็ตามวิทยุเขาเตรียมพร้อมแล้ว พอปั๊บก็ขึ้นวิทยุเลย เป็นอย่างนั้นละ เราก็กำลังไม่อำนวย มันอ่อนลงทุกวันๆ เรื่องอรรถเรื่องธรรมแล้วไม่ต้องพูดกันแหละ เรื่องกำลังวังชาซึ่งเป็นเครื่องมือของอรรถของธรรมที่จะแสดงออกมันอ่อนลงทุกวัน ร่างกายอ่อนลง เทศน์แต่ก่อนตั้งชั่วโมงกว่าๆ ไปเทศน์ที่ไหนเรายังจำได้ ไปเทศน์ที่สนามหลวงชั่วโมง ๒๓ นาที ได้ขนาดนั้นละ ที่สูงที่สุดก็คือสูงเนินชั่วโมง ๒๙ นาทีนี่สูงสุด จากนั้นมาก็ชั่วโมง ๑๘ บ้าง ๒๐ บ้าง ชั่วโมง ๑๔-๑๕ นาที ลดลง เดี๋ยวนี้เพียง ๔๕-๕๐ นาทีก็จะไม่ไหวแล้ว คือกำลังไม่พอ มันหมดเองนะกำลัง พอเทศน์ไปๆ มันจะบอก เหนื่อยลงๆ แล้วก็เหยียบเบรก หยุด เป็นอย่างนั้นละ
เรายิ่งแก่ก็ยิ่งเป็นห่วงบรรดาพี่น้องชาวพุทธเราในเมืองไทย มากขึ้นทุกวันๆ เพราะเล่อๆ เร่ๆ มองดูมันจะดูไม่ได้ เราไม่ได้ดูถูก แต่เราเป็นลูกชาวพุทธด้วยกันต้องเตือนกัน มองไปที่ไหนมันจะดูไม่ได้นะเวลานี้ เพราะอำนาจของกิเลสมันเหยียบตลอดเวลา ธรรมะออกไม่ค่อยได้และออกไม่ได้ นี่ละที่เป็นห่วงมาก ในวัดก็เหมือนกัน วัดก็เลอะเทอะไปหมด ยิ่งวัดที่อยู่ตามเมืองไม่ว่าวัดเขาวัดเรา มันเลอะเทอะไปตามๆ กันหมด วัดเลยกลายเป็นส้วมเป็นถาน พระเณรกลายเป็นมูตรเป็นคูถอยู่ในส้วมในถานคือวัดนั้นแทบทุกแห่งทุกหนไป
เวลานี้ก็ยังพอดูได้ เราไม่ยกไม่ยอไม่เหยียบย่ำด้วยเจตนาที่ผิดจากธรรมไป ก็พอดูได้อยู่ในวงกรรมฐาน พูดให้ชัดเจนในวงกรรมฐาน แต่วงกรรมฐานต้องอยู่ในกรอบที่เราดูแลทั่วถึง เฉพาะอย่างยิ่งวงกรรมฐานสายพ่อแม่ครูจารย์มั่น สายนี้เราดูแลอยู่ทั่วถึง ไปที่ไหนไม่ดีไม่งามยังไงเราว่าได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย สายนี้ดูได้อยู่ ไปที่ไหนเรียบร้อยๆ นอกจากนั้นมักจะเลอะเทอะๆ ไป นี่ที่น่าวิตก ยิ่งแก่เท่าไรยิ่งน่าวิตกมาก
ลงพระเราข้ามเขตของศีลของธรรมไปแล้วไม่น่าดูเลย ความงามของพระไม่มีที่ไหนยิ่งกว่าเพศของพระที่ปฏิบัติตนตามหลักธรรมหลักวินัย ซึ่งประจำเพศของพระนี้เท่านั้น ถ้าอันนี้มีอยู่ที่ไหนงามตางามใจ ชื่นตาชื่นใจ ถ้านอกเหนือไปจากนั้นแล้วดูไม่ได้นะ พระเราจะหาความสวยงามด้วยรูปร่างเครื่องแต่งเนื้อแต่งตัวไม่ได้ ต้องหาความสวยงามน่าดูยิ้มแย้มแจ่มใสต่อกัน ด้วยการประพฤติปฏิบัติตามหลักธรรมหลักวินัยเท่านั้น ถ้านอกจากนี้แล้วดูไม่ได้นะพระเรา ไอ้หัวโล้นๆ นั่นมันตัวสำคัญ ตัวทิฐิมานะคือตัวหัวโล้นๆ ว่าให้มันเต็มเม็ดเต็มหน่วย
เราก็เป็นพระด้วยกัน พวกเดียวกันเลวว่ากันไม่ได้มีอย่างเหรอ คนอื่นเขาจะมาว่าได้ยังไงเขาไม่กล้าพูด ต้องพวกเดียวกันว่ากัน เอ้าว่ามาว่ามาหาเรา เราก็หัวโล้นๆ เหมือนกัน เราพอใจที่จะรับฟังด้วยเหตุด้วยผลอันดีงามทุกอย่าง การแสดงทุกอย่างเราก็แสดงด้วยเหตุด้วยผลอรรถธรรมเหมือนกัน พูดเกี่ยวกับเรื่องพระเจ้าพระสงฆ์ของเรา ที่มันเลอะเทอะตรงไหนก็บอกว่าเลอะเทอะ ความเลอะเทอะไม่ใช่ของดี เป็นสิ่งทำลายทั้งนั้น ตามองเห็นทำลายตา หูได้ยินทำลายหู เข้าไปสู่ใจก็ทำลายใจ ด้วยความไม่ดีงามของกิริยาแสดงออกแห่งพระทั้งหลายนั้นแหละ มันเสียตรงนี้
เมืองไทยเราเป็นเมืองพุทธด้วยซ้ำ มองเห็นพระให้เป็นที่ชื่นตาชื่นใจ เย็นอกเย็นใจ ตัวเองก็เย็นอยู่แล้ว ออกไปที่ไหนให้เย็นไปซิ จิตใจนี้ลงได้อบรมให้เต็มเม็ดเต็มหน่วยแล้วนี้ไปที่ไหน พูดให้มันชัดเจน จ้าตลอด ยืนก็จ้า เดินก็จ้า นั่งก็จ้า นอนก็จ้า สว่างไสวครอบอยู่ในหัวใจ เป็นอย่างนั้นพระงามด้วยศีลด้วยธรรม ไม่ได้งามด้วยเครื่องแต่งเนื้อแต่งตัวอะไรพระเรา งามด้วยความประพฤติตามหลักธรรมหลักวินัย ถ้านอกเหนือไปจากนี้แล้วหาความงามไม่ได้เลย เลวที่สุดคือพระเรา ที่เหยียบหัวพระพุทธเจ้าไปด้วยการข้ามเกินธรรมวินัย เสียอันนี้แหละ
พูดอย่างนี้ก็ไม่มีใครพูด เราพูดด้วยหลักธรรม เราไม่ได้ไปดูถูกเหยียดหยามผู้หนึ่งผู้ใด เราเอาหลักธรรมมากางแล้วพูดไปตามหลักธรรม จึงพูดได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย สมกับธรรมนี้เป็นธรรมสอนโลก สอนได้หมดนั่นแหละ สำหรับวัดนี้เราก็ได้พยายามเต็มเม็ดเต็มหน่วยตลอดมา เท่าที่ดูในสายตาแล้วไม่บกพร่องในวัดนี้นะ นี่ขอบเขตเฉพาะบริเวณศาลากลับไปนี้ให้เป็นที่สาธารณะ มาได้รอบๆ เข้าไปข้างในห้ามไม่ให้เข้าเลย หากว่าจะเข้าด้วยความจำเป็น มีเหตุผลกลไกสมควรที่จะเข้า ให้มีพระผู้สำคัญๆ นำเข้าไปดูสถานที่สำคัญเป็นยังไงๆ ไปดู แต่จะไปเพ่นพ่านห้ามไม่ให้ไป ไม่ว่าประชาชนญาติโยมและพระก็ดี พระแบบเพ่นๆ พ่านๆ ก็ไม่ให้เข้า เรารักษาขนาดนั้นเรื่อยมาวัดป่าบ้านตาด
ข้างนอกตั้งแต่ศาลาลงไปนี้เพื่อเป็นสาธารณะ แต่เข้าไปข้างในนั้นเพื่อพระล้วนๆ ท่านบำเพ็ญประโยชน์ของท่านตลอดเวลา พระวัดนี้ไม่ให้มีงาน มีแต่งานเดินจงกรมนั่งสมาธิภาวนาชำระกิเลสโดยถ่ายเดียว เต็มไปด้วยสติที่ติดแนบอยู่กับตัว และสัมปชัญญะ สติปัญญาจะออกไปตามๆ กันอยู่อย่างนั้นตลอดเวลา การปฏิบัติในวัดนี้เราไม่ให้บกพร่องสำหรับพระเรา เราทำงานข้างนอกเราก็ทำอยู่ข้างนอก ไม่เข้าไปให้กระทบกระเทือนพระ พระจึงควรปฏิบัติตัวให้ดีตลอดไป
แล้วเราไม่เหมือนใครด้วย ถ้าเห็นแสลงหูแสลงตาแล้ว อย่างน้อยเรียกมาเตือน มากกว่านั้นไล่หนีเลยไม่ว่าใครก็ตามอยู่ในนี้ ธรรมเหนือหมด ไม่มีอะไรเหนือธรรม ธรรมต้องเป็นใหญ่เสมอ พระพุทธเจ้าก็ยังกราบธรรมว่าไง เป็นศาสดาเอกขึ้นมาก็เป็นขึ้นด้วยธรรม แล้วไม่กราบธรรมจะกราบอะไร พระเราก็เหมือนกันต้องถือธรรมเป็นหลักใจในการประพฤติปฏิบัติ
ทำแหลกๆ เหลวๆ อู๋ย ดูไม่ได้นะ มันเลอะเทอะไปหมดแล้วเวลานี้ วัดวาอาวาสก็กลายเป็นส้วมเป็นถาน พระเณรก็กลายเป็นมูตรเป็นคูถไปหมดแล้วดูได้ยังไง ก้าวเข้าสู่วัดมองดูวัดดูวา มองดูกิริยามารยาทการประพฤติของพระ ตลอดข้อวัตรปฏิบัติ สถานที่อยู่อาศัย รื่นเริงไปด้วยความถูกต้องตามหลักธรรมหลักวินัยนั่นชื่นใจอย่างนั้น ถ้าไปดูแล้วเลอะๆ เทอะๆ ไม่ได้นะ วัดนี้จึงต้องเข้มงวดกวดขันตลอดมาไม่เคยบกบางการปฏิบัติของพระ นี่เขตของพระใครเข้าไปยุ่งไม่ได้ ตั้งแต่สร้างวัดมาจนกระทั่งป่านนี้ ไม่ให้ใครเข้าไปยุ่ง ให้มาอยู่บริเวณนี้แล้วออกๆ เราสั่งเอง นั่นเขียนไว้แล้ว ห้ามเข้า เขียนไว้หมดห้ามเข้า เป็นสถานที่บำเพ็ญของพระ ไม่ให้มีใครเข้าไปรบกวน ท่านปฏิบัติของท่านอย่างนั้น
องค์นี้สำเร็จพระโสดา องค์นี้สำเร็จสกิทาคา องค์นี้สำเร็จพระอนาคา องค์นั้นสำเร็จพระอรหันต์จากอะไร ถ้าไม่ใช่จากหลักธรรมหลักวินัยจะไปจากอะไร จากเทวทัตก็พาลงนรกอเวจีเท่านั้นซี นี่ก็ตามหลักธรรมหลักวินัย เราเข้มงวดกวดขันในการประพฤติปฏิบัติของพระ แล้วการงานต่างๆ ไม่ให้เข้าไปยุ่งพระนะ เราสงวนมากทีเดียวการประพฤติปฏิบัติของพระทางด้านจิตตภาวนา นี่เราพูดให้พี่น้องทั้งหลายทราบทั่วหน้ากัน
เวลาบ่าย ๔ โมงไปแล้วควรจะเคลื่อนไหวพวกที่อยู่ข้างในครัวควรออก พวกที่เข้าให้รีบเข้าในระยะนั้น จากนั้นออกไม่ได้ วัดนี้จะเสียหมด เลอะๆ เทอะๆ ไปหมดไม่ได้นะ เราเป็นผู้ปกครองวัดนี้หัวอกกำลังจะแตกแล้ว มันหากมีในแง่ต่างๆ เราเป็นคนรับผิดชอบแต่ผู้เดียวเสียด้วย เพราะฉะนั้นจึงได้เตือนไว้ข้างใน ข้างนอกไม่ค่อยมีอะไร สำหรับพระเณรไม่เคยมีอะไร ท่านเรียบตลอดไม่ใช่ชม พระเณรวัดป่าบ้านตาดที่เข้ามาอยู่ในนี้ปฏิบัติเรียบเหมือนกันหมด แต่ในครัวนั่นซิมันดูไม่ทัน มันมีทุกแบบทุกฉบับ ไปกัดกัน ไปเรียนวิชาหมาอยู่ในครัว
เข้าใจไหมวิชาหมา เรียนวิชามาแล้วก็เห่ากันว้อๆ แล้วกัดกัน หมาหมู่อยู่ในนั้นเห็นไหม พวกหมาอยู่ในครัวนั่น มันกัดกันทะเลาะกัน อวดดีอวดเก่งทั้งๆ ที่มันเลวที่สุด ถ้าเราจับได้ตรงไหนออกทันทีเราไม่มีข้อแม้นะ จับได้คาหนังคาเขาด้วยเหตุด้วยผลชัดเจนไล่ทันทีไม่ให้อยู่ ไม่มีอะไรเหนือธรรมที่เลิศเลอ การให้คนชั่วอยู่นั้นเป็นการเหยียบย่ำทำลายธรรม ต้องให้หนี เป็นเนื้อร้ายเอาไว้ทำไมมันจะทำส่วนดีทั้งหลายให้เสียไปหมด แล้วต้องออกๆๆ ข้างในให้ระวังให้ดี
ใครตัวเก่งๆ อยู่นั้น กำลังจับไว้นะเดี๋ยวนี้ ยังไม่ถึงกาลเวลา ให้ระวังให้รีบกลับตัวนะ ถ้าไม่กลับตัวเอาจริงๆ เวลานี้กำลังจับไว้แล้วๆ หลายรายอยู่ข้างในนั่น พอถึงเวลาแล้วสั่งเลยทันที เป็นอย่างนั้นไม่ได้เหมือนใครนะ การปฏิบัติตามหลักธรรมหลักวินัยต้องจริงจัง หลักธรรมหลักวินัยจริงจัง พระพุทธเจ้าศาสดาเอกจริงทั้งองค์เลย ธรรมที่นำมาสอนโลกเป็นธรรมที่โลกกราบไหว้ทั่วถึงกันหมด เราจะไปหาที่ต้องติธรรมได้ยังไง พระพุทธเจ้าก็เหมือนกัน นอกจากจะปรับตัวของเราให้เข้าสู่อรรถสู่ธรรมเท่านั้น พากันจำเอานะ เอาละพอ
รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th
และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร
FM 103.25 MHz |