เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๓๐ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๙
เอานี้เป็นสถานที่พักเพื่อท่องเที่ยว
(โรงพยาบาลที่ได้รับการช่วยเหลือเฉพาะเครื่องมือตาจำนวน ๑๔ โรงพยาบาล มูลค่า ๑๒๐,๖๕๐,๐๐๐ บาท) นี่เพียงตาที่ปุบปับขึ้นอย่างรวดเร็ว เงินในวัดป่าบ้านตาดจะไปไหน ออกช่วยโลกทั้งหมด บอกว่าทั้งหมดเลย เราไม่เคยเก็บเอาไว้สำหรับเราอะไรไม่มี ก็เหลือเฟือ เห็นไหมอาหารกินให้ตายมันก็ตาย เครื่องใช้ไม้สอยเต็มห้องเต็มหับ เอาไปแจกวัดนั้นวัดนี้ยังเหลือ ยังมาอีกเรื่อยๆ แจกเรื่อย เพราะวัดนี้บอกชัดเจนแล้วว่าไม่เก็บอะไรทั้งนั้น ไม่มีเก็บ
อย่างปัจจัยที่บริจาคว่าหมื่นล้านก็ยังไม่สนิทใจ มากกว่านั้นจะสนิทใจ เพราะออกหมด เงินที่เขามาถวายเราโดยเฉพาะหรือในงานอื่นใดก็ตาม รวมเข้ามาหาวัดป่าบ้านตาดแล้วออกหมดเลย ไม่มีอะไรที่เราเก็บ จึงว่าสงสารทั่วโลกไปเลย หนักเบามากน้อยเพียงไรตามแต่ความจำเป็นๆ เป็นระยะๆ ที่ให้ก็เรียกว่าทั่วประเทศไทย ไม่ว่าภาคไหนช่วยทั้งนั้น ก็เราไม่มีอะไรในหัวใจ คือเอาความสัตย์ความจริงออกมาพูดจากหัวใจ ไม่มีลี้ลับ พูดได้ตามความเป็นจริงๆ เรื่อยมา
เราไม่เก็บอะไร ไม่มีที่จะเก็บ ในใจก็เปิดออกหมดแล้วในสมมุติทั่วแดนโลกธาตุ ปล่อยหมดโดยสิ้นเชิง เหลือแต่ธาตุขันธ์ที่รับผิดชอบกันอยู่นี้ ทั้งๆ ที่ปล่อยมันแล้วเหมือนกัน หากยังมีความเกี่ยวโยงกับความรับผิดชอบก็รับผิดชอบกันไป พาอยู่พากินพาหลับพานอนพาขับพาถ่าย นี่เรียกว่ารับผิดชอบ
อย่างที่บรรดาลูกศิษย์ลูกหามาขอสร้างเจดีย์เรา เราบอกว่ายังไม่เห็นด้วย ให้เอาคติธรรมความเคลื่อนไหวของเราที่เป็นศีลเป็นธรรมแสดงออกต่อโลกนี้ เขียนเป็นประวัติศาสตร์ไปเลยจะดีกว่าทำเจดีย์หลวงตาบัว ไม่เห็นได้เรื่องอะไร ถ้าเป็นคติเครื่องเตือนใจออกเป็นลายลักษณ์อักษรเขียนไว้ ก็จะเป็นที่ระลึกได้นานทีเดียว ถ้าจะทำให้ทำอย่างนั้นเราว่า ถ้าไม่ทำก็ไม่ทำหมด เพราะเราไม่เคยสนใจอะไรเป็นอารมณ์ เราทำเพื่อประโยชน์แก่โลก ทำแล้วผ่านๆ ไม่เคยสนใจมายุ่งว่าได้ทำประโยชน์ให้โลกเท่านั้นๆ ลงชื่อหลวงตาบัว อยากได้ชื่อได้เสียงไม่มี
ชื่อพ่อแม่ตั้งให้แล้วตั้งแต่วันเกิด ชื่อ บัว เรื่อยมาอย่างนี้ นอกนั้นไม่เอา คือเราทำเพื่อประโยชน์แก่โลกไม่ได้เพื่อเรา แล้วจะมาเขียนอะไรเรื่องของเรา ไม่เห็นจำเป็น ถ้าเขียนก็ให้เป็นประโยชน์แก่โลกไปเสีย คือเป็นคติเครื่องเตือนใจสอนโลกไปเสีย สำหรับเราเราไม่มี การช่วยโลกก็เรียกว่าทั่วประเทศไทย ไม่เก็บคืออะไร ออกทั่วประเทศตามแต่ความจำเป็นหนักเบามากน้อยที่ผ่านเข้ามาๆ เราก็ออกช่วยๆ อย่างนั้นเรื่อยมา เราไม่มีความรู้สึกว่าได้หนักที่แง่ไหน เบาในแง่ไหน ไม่มี ความเมตตามันครอบไปหมด แล้วก็ให้ตามนั้น นี่ก็คือผลประโยชน์ที่เราได้ตะเกียกตะกายมาตั้งแต่ออกปฏิบัติ
คือการศึกษาเล่าเรียนเราก็จำตามตำรับตำราแบบแปลนแผนผังมา ทีนี้นำแบบแปลนแผนผังที่ได้ศึกษาเล่าเรียนมาออกทางภาคปฏิบัติ เรียกว่าเป็นการปลูกสร้างบ้านสร้างเรือน แปลนก็เอาออกมาจากห้อง บ้านหลังไหนจะเอาขนาดไหนๆ เอาแปลนมากาง นายช่างเขาก็ทำตามแปลน อันนี้เราก็นำออกมาจากปริยัติที่ศึกษาเล่าเรียนมามากน้อยมากางออกเป็นภาคปฏิบัติ เพื่อมรรคเพื่อผลตลอดเพื่อพระนิพพาน ปฏิบัติตามนั้นละจนกระทั่งทุกวันนี้
นี่ละธรรมะพระพุทธเจ้า ตั้งแต่ตะเกียกตะกายล้มลุกคลุกคลานมาเรื่อย จนกระทั่งถึงเป็นที่พอใจหายสงสัยทุกอย่าง จิตบรรจุไว้ซึ่งธรรมกับใจเป็นอันเดียวกันเลยนี้หายสงสัย ว่าพระพุทธเจ้ามีกี่พระองค์ พระพุทธเจ้าที่ตรัสรู้มาๆ ไม่ใช่น้อยๆ ยังจะไปต่อไปอีกเรื่อยไม่หยุดไม่ถอย ตั้งแต่เริ่มแรกมามีกี่พระองค์ ฟังซิ ถ้าเราจะนับนับไม่ได้เลยพระพุทธเจ้าที่ตรัสรู้ธรรมแล้วมาสอนโลกเป็นระยะๆ
อันนี้เราก็ไม่เคยคาดเคยคิด ก็คิดธรรมดาว่า พระพุทธเจ้ามีกี่พระองค์ เท่านั้นพระองค์ เท่านี้พระองค์ แต่ก่อนเราก็ไม่คิด มันเป็นขึ้นในจิตนี้จ้าขึ้นไปนี้มันวิ่งถึงกันหมด ไม่ต้องถามใครเลย เรียกว่าอยู่ท่ามกลาง พระพุทธเจ้าทรงมหาวิมุตติมหานิพพานฉันใด อันนี้ก็เข้าเป็นอันเดียวกันแล้ว เป็นมหาวิมุตติมหานิพพานเช่นเดียวกันแล้วอยู่ท่ามกลางแห่งพระพุทธเจ้าและสาวกทั้งหลาย ไม่มีอะไรยิ่งหย่อนกว่ากัน เป็นอันเดียวกันหมด เหมือนน้ำในมหาสมุทร จ่อลงไปตรงไหนก็ถูกน้ำมหาสมุทร
มันเป็นขึ้นในใจเองไม่ต้องถามใครแหละ หายสงสัยทันที พระพุทธเจ้ามีกี่พระองค์ มันจ้าอยู่ในท่ามกลางพระพุทธเจ้าทั้งหลาย เป็นอันเดียวกันหมด แล้วถามหาองค์ไหน มันก็อันเดียวกันนี่ นั่น ท่านจึงว่า นตฺถิ เสยฺโยว ปาปิโย บรรดาพระพุทธเจ้าและสาวกทั้งหลายที่ถึงความบริสุทธิ์เต็มที่แล้วเหมือนกันหมดว่างั้นเลย ไม่มียิ่งหย่อนกว่ากัน อันนี้เข้าปั๊บไปแล้วก็เป็นอันเดียวกัน
การพูดทั้งนี้ไม่มีคำว่าเจตนาที่จะโอ้จะอวด เราไม่มี ไม่ว่าใครจะมาชมเชยสรรเสริญเยินยออะไร ติฉินนินทา มันก็มีน้ำหนักตกออกไป มันเป็นส่วนเกินๆ หมด ธรรมชาติที่พอดีอันเลิศเลอมันเหนือหมดแล้ว แล้วจะเอาอะไรมาเทียบ ว่าพระพุทธเจ้ามีกี่องค์ ก็อยู่ท่ามกลางแห่งความบริสุทธิ์ของพระพุทธเจ้าและสาวกทั้งหลาย มันเป็นอันเดียวกันแล้ว นี่จะว่าวัดรอยท่านเหรอ ไม่ได้วัด เอาความจริงมาพูดเป็นอย่างนั้น ใครเป็นเข้าไปก็เป็นแบบเดียวกัน เมื่อเป็นแบบเดียวกันแล้วจะให้พูดว่ายังไงถ้าไม่พูดแบบเดียวกัน ก็เป็นอย่างนั้น แล้วถามหาพระพุทธเจ้าที่ไหนก็อยู่ในท่ามกลางพระพุทธเจ้าแล้ว ถ้าพูดถึงมหาวิมุตติมหานิพพานก็อยู่ในท่ามกลางมหาวิมุตติมหานิพพานด้วยกัน เหมือนแม่น้ำมหาสมุทร ไม่ว่าขอบว่าเขตไหนเป็นมหาสมุทรด้วยกันหมด ก็อย่างนั้นละ
นี่ละการปฏิบัติธรรม พระพุทธเจ้านี่ชี้นิ้วทุกพระองค์ สอนโลกไม่มีผิดมีพลาด จึงเรียกว่าสวากขาตธรรม ตรัสไว้ชอบแล้วๆ ทุกพระองค์ นอกนั้นเหลวไหลทั้งนั้น เพราะเรื่องของกิเลสมีแต่ความเหลวไหลเต็มตัว เรื่องของธรรมจริงตลอด ไม่ว่าพระพุทธเจ้าพระองค์ใดมาตรัสรู้ อย่างท่านทายไว้ว่า ข้างหน้านี้พระอริยเมตไตรยจะมา ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ บอกไว้ว่าพรุ่งนี้ พรุ่งนี้ก็จะมีจริงๆ ใช่ไหมล่ะ จะเป็นอื่นไปไม่ได้ พรุ่งนี้ วันนี้ เมื่อวานนี้ ผ่านมาจริงด้วยกัน พรุ่งนี้ผ่านไปก็จริงด้วยกันหมด พระพุทธเจ้าทรงทำนายด้วยพระญาณก็อย่างเดียวกันไม่ผิดกัน
เวลาถึงขั้นมันรู้แล้ว มันเลยความคาดความคิดทุกสิ่งทุกอย่างที่เราเคยคิดเคยอ่านมาแต่ก่อน คว่ำไปเลย ธรรมชาติที่เป็นความจริงโผล่ขึ้นมาเต็มสัดเต็มส่วน ลบไปหมดในบรรดาสิ่งสมมุติอันจอมปลอมทั้งหลายไม่มีเหลือเลย เหลือแต่ธรรมชาติวิมุตติคือพ้นแล้วจากสมมุติทั้งปวงเท่านั้นเอง เหมือนกัน จิตดวงใดก็ตามเข้าถึงนั้นแล้วเหมือนกันหมดเลย ไม่ได้ถามหากันละ ถามหาพระพุทธเจ้า พระสงฆ์ หรือพระธรรมที่ไหน อยู่ในนั้นหมดแล้ว นี่ละธรรม มีพระพุทธเจ้าเท่านั้นที่มาสอนธรรมแบบนี้ให้โลกได้รู้ได้เห็น นอกนั้นไม่มี เพราะสอนอย่างแน่นอนๆ
ให้พากันระวังนะ บาปบุญสดๆ ร้อนๆ อยู่ในตัวของเราทุกคน ใครทำบาปเมื่อไรเป็นบาปเมื่อนั้น อกาลิโก ไม่เลือกกาลสถานที่เวล่ำเวลา ไม่ว่าบาปว่าบุญทำเมื่อไรเป็นบาปเป็นบุญไม่มีที่ลับที่แจ้ง ทำเมื่อไรเป็นเมื่อนั้นทั้งบาปทั้งบุญ ท่านจึงเรียกว่า อกาลิโก อกาลิโก ไม่มีกาลสถานที่เวล่ำเวลามาตัดรอนได้เลย ขอให้ทำลงไปเถอะ ไม่ว่าดีว่าชั่ว ทำลงไปผลขึ้นไปพร้อมกันเลย
พุทธศาสนาเป็นศาสนาที่เลิศเลอสุดยอดแล้ว พิสูจน์กันทางด้านจิตตภาวนา อย่าอ่านเพียงตำรับตำรา ทั้งอ่านไปทั้งสงสัยไป อ่านนิพพานนั่นแหละว่า เอ๊ นิพพานนี้มีจริงหรือไม่จริงนา ทั้งๆ ที่อ่านนิพพานของพระพุทธเจ้าทั้งหลายท่านชี้ความจริงออกมา ตัวจอมปลอมคือผู้อ่านนี้มันก็สงสัยตลอดเวลา พอมันก้าวเข้าถึงนั้นปั๊บทีนี้หมดเลย หายสงสัย จะไปถามใคร แน่ะ ถามท่านเหมือนเรา เราเหมือนท่านถามหาอะไร นั่นละความจริงเมื่อถึงกันแล้วเป็นอันเดียวกัน จะไปถามใคร
ธรรมเหล่านี้ใครพูด พูดให้มันชัดๆ เสียว่า พูดอย่างหลวงตาพูดอยู่เวลานี้ ท่านผู้รู้นั้นยอมรับว่าท่านรู้ แต่ท่านไม่ค่อยพูดหนึ่ง หรืออำนาจวาสนาบุญญาภิสมภารกว้างแคบลึกตื้นหนาบางต่างกันหนึ่ง ที่จะนำมาแสดงได้ละเอียดลออมากน้อยเพียงไรขึ้นอยู่กับนิสัยวาสนา แต่แก่นนั้นบริสุทธิ์นั้นเหมือนกันหมด เหมือนต้นไม้ ต้นไม้ต้นนี้ก็ชื่อเดียวกันแต่กิ่งก้านมันก็แตกออกไปต่างๆ กัน หากเป็นต้นไม้ต้นนั้นละ เช่นไม้ตะเคียน ต้นนี้เป็นอย่างนี้ ต้นนั้นเป็นอย่างนั้น แต่ต้นเป็นต้นตะเคียน นั่นหลักใหญ่อยู่ตรงนั้น
พวกที่เข้ามาศึกษาอบรมธรรมะภายในวัดนี้ก็ดี ก็อย่ามาเที่ยวเพ่นๆ พ่านๆ นักนะ เรารำคาญมากไม่พูดเฉยๆ มานี้มันเป็นวัดป่าบ้านตาด เฉพาะอย่างยิ่งในครัว มันเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ท่องเที่ยวก็มาพักที่วัดป่าบ้านตาด จากนั้นก็ออกท่องเที่ยวเร่ๆ ร่อนๆ หาหลักหาเกณฑ์ไม่ได้ แทนที่จะฝึกหัดดัดแปลงจิตใจตัวมันดีดมันดิ้นให้เข้าสู่ความสงบ เพื่อเป็นความสุขความสบายบ้างนั้นมันไม่สนใจ มาก็เลยเอานี้เป็นสถานที่พักผ่อนเพื่อท่องเที่ยวที่นั่นที่นี่ เรารู้หมดคิดหมดหากไม่พูด วันนี้พูดเสียบ้าง เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วมันจะไม่หนักใจยังไงผู้เป็นหัวหน้าของวัดน่ะ ก็เรารับผิดชอบทั้งหมด
พระเณรท่านเพ่นพ่านที่ไหน เอ้า ดูพระเณรซิ พระเณรในวัดป่าบ้านตาดมีองค์ไหนไปเที่ยวเพ่นพ่านที่ไหนๆ ไม่มี นอกจากกิจการงานที่ทำด้วยความจำเป็นๆ ที่จะให้เที่ยวเพ่นพ่านไม่มี ถ้ามาเป็นอย่างนั้นไม่ได้เราไล่หนีจากวัดเลยทันทีไม่ให้อยู่ นี่ละรักษาความดิบความดีเอาไว้ให้กุลบุตรสุดท้ายได้ไต่เต้าไปตามนั้น ถ้าเอาตั้งแต่ความนรกจกเปรตมานั้นมันก็มีแต่สัตว์นรกเต็มบ้านเต็มเมือง ไม่มีสัตว์ทรงอรรถทรงธรรมไว้ในใจเลยก็ไม่มีอะไรน่าดูในโลกนี้ มนุษย์ก็มีแต่เพียงว่ามันต่างจากเขาที่ไม่มีหางเท่านั้นเอง ถ้าไม่มีธรรมในใจมันก็ไม่ผิดอะไรกับสัตว์ เลวกว่าสัตว์ก็มีเยอะมนุษย์ เลวร้ายที่ทำความเดือนร้อนให้แก่ส่วนรวมมีมากทีเดียว อันนี้เลวกว่าสัตว์
เวลามาก็ให้ตั้งใจภาวนาบ้างซิ มาเพ่นๆ พ่านๆ เที่ยวนู้นเที่ยวนี้ยุ่งนั้นยุ่งนี้ ฟังแล้วมันฝังใจนะ เอามาคิดอ่านไตร่ตรอง มันไม่เป็นเจตนาของวัดที่รับไว้เพื่ออบรมศีลธรรม แต่รับไว้เพื่ออบรมลิง ค่าง บ่าง ชะนี เพ่นๆ พ่านๆ นู่นๆ นี่ๆ ไม่ได้เรื่องได้ราวอะไรเลย พากันจำหรือยังพวกนี่ เราอยู่ในท่ามกลางที่แบกอยู่คับหัวอกนะ ทั้งหมดในวัดนี้เรารับผิดชอบทั้งนั้น อะไรจะต้องเข้ามาถึงเราๆ นอกจากพูดหรือไม่พูด เก็บความรู้สึกไว้เหมือนไม่มีๆ แต่เรื่องคิดไม่ต้องบอก เอาละพอ จะให้พร
รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th
และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร
FM 103.25 MHz |