เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๒๕ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๙
สร้างเจดีย์ให้โลก
(คณะชาวมาเลเซียและสิงค์โปร์มากราบนมัสการ) ประเทศไหนๆ ก็ตาม ใจมีภาษาเดียว รับบุญรับบาปได้ด้วยกันทั้งหมด ภาษาไหนก็ตามพูดกันไม่รู้เรื่อง แต่ใจรู้เรื่อง เรื่องความดีความชั่วใจรับได้ทั้งนั้น ใจนี้มีภาษาเดียวแต่รับได้ทั้งบุญทั้งบาป ไม่ว่าชาติชั้นวรรณะภาษาใด บุญกับบาปเข้ากันได้สนิทกับใจแต่ละดวงๆ
พระพุทธศาสนาของเรานี้เป็นศาสนาที่เลิศเลอสุดยอดแล้ว พี่น้องทั้งหลายให้จำเอาไว้ เราจวนจะตาย แต่ก่อนก็ไม่เคยพูด เรื่องอันนี้ผ่านมาได้ ๕๖-๕๗ ปี ตั้งแต่ ๒๔๙๓ ที่มันจ้าครอบโลกธาตุ นี้มันจวนจะตายแล้วก็เลยพูดเสีย พุทธศาสนานี้คือตลาดแห่งมรรคผลนิพพานสมบูรณ์แบบจากสวากขาตธรรมของพระพุทธเจ้า ไม่ผิดไม่พลาด ชี้นำตรงไหนตรงแน่วๆ เรียกว่าพุทธศาสนา เป็นคำสอนของท่านผู้รู้ เป็นคำสอนของท่านผู้บริสุทธิ์จริงๆ สอนตรงไหนถูกต้องๆ ที่เรียกว่าสวากขาตธรรม ตรัสไว้ชอบแล้วๆ
เราให้ตื่นเนื้อตื่นตัวนะ มาได้พบพุทธศาสนานี้เรียกว่าเลิศเลอแล้ว ให้บึกบึนไปตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่เป็นพิษเป็นภัยแก่ผู้ใดที่ปฏิบัติตาม ยากลำบากก็คือรบกับความชั่วนั้นแหละที่ว่ายากๆ ความดีท่านไม่ยาก ได้ความดีเท่าไรก็ยิ่งทะลุๆๆ ความดีสุดขีดแล้วความชั่วไม่มีในใจ หมด พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ ไม่มีทุกข์ในใจตั้งแต่วันตรัสรู้และบรรลุธรรม สิ่งที่ทำให้ได้รับความทุกข์ก็คือกิเลสเป็นสาเหตุสร้างความทุกข์ขึ้นมา พอกิเลสตัวสาเหตุสร้างความทุกข์ทั้งหลายขาดสะบั้นไปจากใจแล้ว ทุกข์ภายในใจของพระพุทธเจ้า ของพระอรหันต์ไม่มีเลย มีแต่อยู่กับธาตุกับขันธ์ซึ่งเป็นสมมุติเท่านั้น ยอมรับเสมอหน้ากันทั้งปุถุชนทั้งพระอรหันต์ในเรื่องธาตุเรื่องขันธ์ เป็นแต่เพียงมันไม่ซึมซาบจิตใจท่านเท่านั้น
เรื่องธาตุเรื่องขันธ์ยอมรับความสุขความทุกข์ ไอ้เรื่องสุขในเรื่องธาตุขันธ์ไม่ค่อยเห็นมี แต่เรื่องทุกข์นั้นเด่นตลอดเวลา นี่เราจวนจะตายแล้วเปิดออกๆ จวนจะตายเท่าไรแทนที่จะมาห่วงเจ้าของ กลับเป็นห่วงโลกมากเข้าๆ สำหรับในตัวเองไม่มีเลย เรียกว่าไม่มีเลย มีแต่ห่วงโลกเท่านั้น งุ่มง่ามต้วมเตี้ยม ภายในจิตมีแต่กิเลสตัวพาคนให้งุ่มง่ามต้วมเตี้ยม แต่กิเลสฉลาดแหลมคมมาก นี่ละมันชักมันจูงมันลากมันเข็นไปทุกวันนี้ โลกทั้งหลายจึงตื่นไปตามมัน ตื่นไปทุกแบบทุกฉบับ ตามกิเลสทั้งนั้น ที่จะตื่นไปตามอรรถตามธรรมนี้มีน้อยมาก ให้ท่านทั้งหลายจำเสีย
ให้รีบปฏิบัติตัว จิตดวงนี้เลิศเลอสุดยอดได้ เลวสุดยอดได้ ตัวสมบุกสมบันนักเกิดตายๆ ก็คือจิตดวงนี้ แต่จิตนั้นไม่เคยตาย ออกจากร่างนี้เข้าสู่ร่างนั้นๆ ที่ว่าเกิดว่าตาย คือจิตเคลื่อนย้ายจากสถานที่อยู่คือเรือนร่างของมัน แล้วไปเกิดไปตายตามอำนาจแห่งกรรมดีกรรมชั่ว ผู้ที่มีกรรมชั่วก็ลงทางต่ำ ความชั่วหนุนดันลงไป ผู้มีความดีความดีก็พยุงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งสองนี้อยู่กับใจ นอกนั้นไม่มีอะไรอยู่กับใจ ติดใจได้ กดขี่บังคับหรือส่งเสริมใจได้นอกจากบุญและบาปเท่านั้น สิ่งเหล่านั้นเราอาศัยเพียงเป็นกาลเป็นเวลา พอลมหายใจขาดเท่านั้นสิ่งทั้งหลายขาดไปพร้อมๆ กันเลย แต่บุญกับบาปในหัวใจนี้ไม่ขาดนะ ติดแนบไปกับหัวใจ
เพราะฉะนั้นสัตว์ทั้งหลายจึงไปเกิดในที่ต่างๆ สูงๆ ต่ำๆ ลุ่มๆ ดอนๆ ท่านจึงเรียกว่า กมฺมํ สตฺเต วิภชติ ยทิทํ หีนปฺปณีตํ กรรมเป็นเครื่องจำแนกแจกสัตว์ให้ประณีตเลวทรามต่างกัน กรรมก็คือกรรมดีกรรมชั่วนั้นแหละ มันจำแนกแจก คือพาสัตว์ไปทางดีทางชั่ว ใครสร้างความชั่วก็ไปทางชั่ว ใครสร้างความดีก็ไปทางดี จิตยังไม่เป็นอิสระของตัว ต้องอาศัยสิ่งเหล่านี้ไสไป ถ้าเป็นทางดีหนุนขึ้น ถ้าเป็นทางชั่วกดลง เราจะให้เป็นไปได้อย่างใจเราไม่ได้ สิ่งเหล่านี้เหนือเรา จึงต้องสร้างความดีให้ดี
พุทธศาสนานี้เป็นศาสนาที่เลิศเลอสุดยอดแล้ว พิสูจน์กันทางด้านจิตตภาวนา นี่พิสูจน์ได้ชัดเลย พระพุทธเจ้าสอนโลกแล้วพระอรหันต์เป็นผู้รับมรดกอันนี้ไว้โดยสมบูรณ์แบบตามนิสัยวาสนาของท่าน ลึกตื้นหยาบละเอียดตามนิสัยวาสนา แต่ความบริสุทธิ์ของจิตนั้นเหมือนกันหมดเลย พระอรหันต์ก็ดี พระพุทธเจ้าก็ดี นี่ละเลิศเลออยู่ที่ใจดวงนี้ ใจดวงนี้ไม่เคยตาย ลงไปตกนรกหมกไหม้กี่กัปกี่กัลป์ทุกข์ขนาดไหนยอมรับว่าทุกข์ แต่จิตไม่เคยยอมฉิบหาย ไม่มี ได้รับความทุกข์ก็ยอมรับว่าทุกข์
แต่โลกนี้เป็นโลกอนิจจังแปรปรวนทั้งช้าทั้งเร็วได้ทั้งนั้น อยู่ในนรกอเวจีมันก็เปลี่ยนตัวของมันขึ้นมาได้ เพราะเป็นโลกวัฏวน มีความเปลี่ยนแปลงได้ช้าหรือเร็ว เปลี่ยนขึ้นมาก็รู้สึกตัวและเปลี่ยนขึ้นมาในทางที่ดีๆ เปลี่ยนจนสุดขีดแล้วเป็นจิตบริสุทธิ์คือจิตพระพุทธเจ้า-จิตพระอรหันต์ นั่นถึงธรรมธาตุแล้ว คำว่าธรรมธาตุได้แก่นิพพานเที่ยง ทีนี้หมดกฎ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา อันเป็นเรื่องของสมมุติเข้าเกี่ยวข้อง ไม่มีเลย ท่านจึงเรียกว่านิพพานเที่ยง เที่ยงอยู่ที่ใจ
ที่ใจนี้เอนเอียงๆ เพราะยังมีสมมุติอยู่ภายในใจ ทางดีก็หนุนขึ้นไป ทางชั่วกดลง ถ้าใครพยายามบำรุงรักษาตัวดีก็หนุนขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงที่สุดวิมุตติพระนิพพาน จากนั้นก็เป็นธรรมธาตุ ไม่มีสูญ ใจดวงนี้ละ คนทั้งคนสำคัญอยู่ที่ใจ ถ้าใจเลวเสียแล้วอะไรจะดีขนาดไหนก็ไม่มีความหมาย ผู้มีความหมายก็คือใจ ให้พยายามบำรุงรักษาใจ อบรมใจให้ดี อย่าตื่นไปกับกิเลส ตื่นมากับมันไม่รู้กี่กัปกี่กัลป์ ให้เข็ดหลาบอิ่มพอบ้าง
พระพุทธเจ้าประกาศธรรมสอนโลกมานาน โก นุ หาโส กิมานนฺโท นิจฺจํ ปชฺชลิเต สติ อนฺธกาเรน โอนทฺธา ปทีปํ น คเวสถ. ก็เมื่อโลกสันนิวาสนี้เป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้สัตว์โลกอยู่ตลอดเวลามานานแสนนาน ด้วยอำนาจแห่งความโง่เขลาเบาปัญญาของตนนั้นแล ทำไมจึงพากันหัวเราะรื่นเริงบันเทิงไม่รู้เนื้อรู้ตัวบ้างเลย ทำไมจึงไม่เสาะแสวงหาที่พึ่ง พระองค์กระตุกเอาบ้าง ทำไมจึงรื่นเริงบันเทิงกับโลกที่เป็นฟืนเป็นไฟ โลกที่ปราศจากฟืนไฟมีอยู่ ซึ่งพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ฉุดลากขึ้นไปเพื่อธรรมชาติอันนี้จนกระทั่งถึงนิพพาน ทำไมไม่พากันฟังเสียงบ้าง นี่ก็เพราะกิเลสมันมีอำนาจมาก
ในหัวใจของแต่ละคนๆ มีแต่กิเลสเป็นศาสดาสอน ธรรมที่จะเข้าสอนไม่มี แทบว่าไม่มีหรือไม่มี บางคนเกิดมาจนตายเปล่าๆ ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย เห่อไปตามโลกตามสงสารไม่รู้เนื้อรู้ตัว ตายทิ้งเปล่าๆ บางคนก็พอรู้เนื้อรู้ตัวมีนิสัยปัจจัย สะดุดใจสร้างคุณงามความดี รู้ดีรู้ชั่ว ละบาปบำเพ็ญบุญ ผู้นั้นมีทางได้เป็นสุคโต อยู่ก็ดี ไปก็ดี เกิดในภพใดชาติใดดีๆๆ คนสร้างความดีอยู่ที่ไหนดีหมด คนสร้างความชั่วอยู่ที่ไหนก็ชั่วหมดนั้นแหละ ให้พากันตั้งอกตั้งใจปฏิบัติตัวให้ดี คำสอนที่สอนสัตว์โลกให้มีความสุขความเจริญและฉุดลากออกจากทุกข์ ไม่มีคำสอนใดเกินคำสอนของพระพุทธเจ้า
ให้พากันนำไปปฏิบัติ ไม่เช่นนั้นจะตายทิ้งเปล่าๆ ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย ตั้งแต่วันเกิดมาจนกระทั่งถึงวันตายธรรมไม่ค่อยแทรกถึงใจ ผู้นั้นหมดค่าหมดราคาตลอดไป โลกนี้ก็หมด โลกหน้าก็หมด คนไหนที่มีธรรม มีความดีงามแฝงอยู่ในใจสร้างความดีงามผู้นั้นมีหวังๆ ตลอด มีความดีงามมากเท่าไรความหวังยิ่งมาก สมบูรณ์แบบถึงนิพพานได้เลยด้วยอำนาจแห่งความดี พากันตั้งอกตั้งใจปฏิบัติ อย่าอยู่เฉยๆ
เวลานี้กิเลสกล่อมโลก โลกกว้างแสนกว้างใครไปถามหาซิน่ะ ทั้งๆ ที่ต่างคนต่างวิ่งหาความสุขความเจริญ ความสมหวัง ครั้นได้มามีแต่ความทุกข์ ความผิดหวังๆ เต็มโลกเต็มสงสาร เพราะไม่ได้วิ่งไปตามทางของธรรมท่านสอนไว้ โฆษณาสอนไว้มันไม่ยอมฟังเสียง มันฟังแต่เสียงกิเลสที่เป็นศาสดาองค์เอกอยู่ในหัวใจของทุกคน ถ้ากิเลสกระซิบเท่านั้นยอมหมอบราบๆ นั้นแหละที่เราได้รับความทุกข์เพราะเชื่อตามกิเลส ไม่ได้เชื่ออรรถเชื่อธรรมของพระพุทธเจ้า ความหวังในทางที่ถูกที่ดีจึงไม่มี ขอให้พากันตั้งอกตั้งใจปฏิบัติ แก้ไขดัดแปลงตัวเอง ใจเป็นของสำคัญ ธรรมเป็นเครื่องซักฟอกจิตใจให้สง่างาม กิเลสเป็นฟืนเป็นไฟ เป็นของสกปรก ถ้าลงได้เข้าจิตดวงใดนี้หมดค่าหมดราคานะกิเลส ธรรมนี้เข้าจิตดวงใดมีค่ามีราคาขึ้นมา
ให้พากันจดจำเอา วันนี้เทศน์เพียงเท่านี้ ขอความสวัสดีจงมีแก่บรรดาพี่น้องลูกหลานทั้งหลายโดยทั่วกันเทอญ
จตุปัจจัยไทยทานที่พี่น้องทั้งหลายบริจาคมานี้ออกช่วยโลกทั้งนั้นๆ เราไม่เอา เราไม่สนใจ ได้ธรรมที่เลิศเลอครองใจแล้วพอ นอกจากนั้นเป็นเครื่องส่งเสริมให้ได้รับความสะดวกบ้างเป็นบางกาลเวลา ได้มาเท่าไรกระจายออกทั่วโลก เราไม่เอา เราพอทุกอย่างแล้ว ไม่มีอะไรที่จะเลิศเลอยิ่งกว่าพอในธรรมทั้งหลาย หัวใจกับธรรมเป็นอันเดียวกันเรียกว่าพอ พออย่างเลิศเลอ เราไม่เอาอะไรอีก ไม่มีอะไรเกินอันนี้
คำว่าธรรมนี้มีพอเป็นขั้นๆ ธรรมมีความพอ แต่กิเลสไม่มีพอ จมไปด้วยกันเลย แต่ธรรมนี้พอๆๆ เช่นเราบำเพ็ญภาวนา พอถึงขั้นความสงบแล้วก็พอใจอยู่ในความสงบเย็น ก้าวขึ้นไป พอ เย็นไปเรื่อย เรียกว่าพอๆ พอถึงขั้นใจบริสุทธิ์แล้วพอหมด ขึ้นชื่อว่าสมมุติในสามแดนโลกธาตุนี้ปล่อยวางโดยสิ้นเชิง ไม่มีอะไรเลิศเลอยิ่งกว่าความพอในธรรมทั้งหลาย
(วันนั้นไปกราบพระสังฆราชท่านก็ไม่พูด) ก็เห็นมิใช่หรือรูปเรากับท่าน เราจับพระหัตถ์ท่าน เขาถ่ายรูปไว้ อายุเท่ากันนะสมเด็จสังฆราช (วันที่ ๓ ตุลาที่แล้วมาไปกราบ นายกฯคนใหม่จะถวายอำนาจคืนให้ท่าน) อำนาจไหนก็ตามเถอะขอเอาธรรมตัดบทสักหน่อย ไม่มีอะไรมีอำนาจเหนือธรรม อำนาจธรรมนี่ตัดกิเลสขาดสะบั้นจากใจแล้วดีดผึง ให้ไม่ให้ไม่สนใจอำนาจ เข้าใจไหม อำนาจอะไรไม่เหนือธรรม กิเลสหมอบราบไปแล้วก็นั่นละธรรมดีดเลย หาอำนาจในตัวซิ ไปหาอำนาจจากผู้นั้นจากผู้นี้ใช้ไม่ได้
พูดเขาว่าขวานผ่าซาก เราเอาความจริงมาพูด คือภาษาธรรมเป็นอย่างนี้ พูดอย่างอื่นไปไม่ได้ ภาษาธรรมตรงแน่วๆ ไปเลย อย่างเราเขาตั้งให้เป็นพระครู เราไม่เอาส่งคืน ตั้งเป็นพระครูสัญญาบัตรเลยแหละ เราไม่เอา เราคืนทั้งพัดทั้งอะไรคืนหมด ยศเราพอแล้วเราว่า ใครจะว่าบ้าก็ตาม อยู่ๆ ฟาดคราวสองนี่ตั้งขึ้นเป็นเจ้าคุณไม่ชั้นธรรมดา ฟาดขึ้นชั้นราชเลย ตั้งชั้นราช จากชั้นราช ชั้นเทพไม่อยู่ ฟาดขึ้นชั้นธรรม พอถึงขั้นนั้นเราขู่ ระวังนะนี่น่ะ มันจวนแล้ว พอชั้นธรรมแล้วชั้นพรหมจะไม่อยู่ มันจะขึ้นชั้นสมเด็จ ไม่เอา เราบอกอย่างนี้เลย อย่ามาตั้งอีกนะ นี่เราเห็นแก่ทั้งสองพระองค์ต่างหาก ที่เรารับไว้ แต่นี้ต่อไปอย่า จะอย่าไปถึงไหนก็ไม่รู้ละ อ้าว จริงๆ นั่นแล้ว ถ้าสั่งตูมมาทีเดียวมันก็หมดไปเลย ก็มันพอแล้วนี่
ใครประกาศกันว่าจะสร้างเจดงเจดีย์อะไรให้เรา อย่ามายุ่งนะ เจดีย์ให้โลกเราสร้างพอแล้วให้เอาไปเป็นที่ระลึก เป็นคติเครื่องเตือนใจ นั้นเป็นผลอันยิ่งใหญ่ เจดีย์นี้มีประโยชน์อะไร เรากำลังสร้างเจดีย์ให้โลกเวลานี้ ที่ว่าช่วยโลกๆ นำโลก เราแทบเป็นแทบตายทุกวันนี้ ช่วยโลกนี้เป็นเจดีย์ ให้เป็นคติเครื่องเตือนใจแก่โลก เรียกว่าเราไม่เอาอะไรเลย ทุกสิ่งทุกอย่างเราไม่เอา เราเปิดออกหมดเลย เงินถ้าหากว่าจะคิดถึงเป็นเงินในวัดนี้ ไอ้พันล้านเราไม่อยากพูดนะ ถ้าว่าหมื่นล้านขึ้นไปนี้จะพอพูดได้ ปัดออกหมดเลย ไม่เอา เอาธรรมเข้าสู่ใจนี้ผึงพอ นั่นเอาตรงนั้นแหละ เอาละที่นี่เลิกกัน
รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th
และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร
FM 103.25 MHz |