เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๒๔ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๙
อย่าประมาทกรรม
ก่อนจังหัน
เรื่องบุญเรื่องกรรมเป็นธรรมชาติประจำพุทธศาสนา ทุกพระองค์ของพระพุทธเจ้าไม่มีใครจะลบล้างได้เลย คือยอมรับกรรม กรรมดีกรรมชั่ว นตฺถิ กมฺมสมํ พลํ ไม่มีอานุภาพใดที่จะเหนือกรรมไปได้ คือกรรมดีกรรมชั่ว พุทธศาสนาทุกพระองค์ของพระพุทธเจ้ายอมรับตลอดมา กรรมคือการกระทำของสัตว์ กระทำลงไปแล้วก็เป็นของคนที่ทำทั้งทำดีและทำชั่ว ถ้าทำชั่วก็เป็นภัยแก่ตัวเอง ถ้าทำดีก็เป็นคุณแก่ตัวเอง ติดกับตัวไป ยกตัวอย่างเช่นพระ โผเผอะไรได้มาเกิดเป็นมนุษย์และมาบวชเป็นพระ ตัวตระหนี่ถี่เหนียว ตัวเห็นแก่ตัว มีแต่เอารัดเอาเปรียบเพื่อนฝูง เป็นสัตว์ก็เอารัดเอาเปรียบสัตว์ เป็นมนุษย์ก็เอารัดเอาเปรียบมนุษย์
มันโผเผอะไรมาเกิดเป็นมนุษย์และได้มาบวชเป็นพระ บวชเป็นพระไปบิณฑบาตที่ไหนก็ไม่ได้ ให้ไปข้างหน้าก็มันดลบันดาลให้เขาไม่เห็นเสีย ไปอยู่ในท่ามกลางควรจะได้ก็ไม่ได้ ยิ่งอยู่สุดท้ายแล้วข้าวหมด เป็นอย่างนั้นละจนร่ำลือ ถึงกับพระสารีบุตรและพระโมคคัลลาน์มา เขาร่ำลือว่าพระองค์นี้ฉันจังหันไม่เคยอิ่ม พระสารีบุตรจึงเตรียมอาหารมาพร้อมเลยกับพระโมคคัลลาน์ มาก็ซักถามว่า ท่านฉันจังหันไม่เคยอิ่มเลยตั้งแต่วันบวชมา เป็นความจริงเหรอ เป็นความจริง เพราะเหตุไร ไม่มีใครเหลียวแลหรือ ครูบาอาจารย์หรือพระเณรทั้งหลาย ตลอดเจ้าอาวาสผู้เป็นหัวหน้า ไม่ได้ดูแลหรือ ดูแล แล้วเป็นเพราะเหตุไร ไม่ทราบเป็นเพราะเหตุไร จัดของเต็มบาตรครั้นฉันไปๆ มันดลบันดาลหายไป ยังไม่อิ่ม..หมดแล้ว
วันนั้นพระสารีบุตรจัดเองทีเดียว เอาบาตรพระองค์นั้นไปจัด ท่านจัดให้เรียบร้อยเต็มบาตร เอ้า วันนี้จะเอาให้เห็นต่อหน้าต่อตากัน จะอิ่มหรือไม่อิ่ม ผมจัดให้เองท่านว่า ข้าวเต็มบาตรก็เห็นกันอยู่ ท่านจะอิ่มหรือไม่อิ่มจะเห็นเองวันนี้ ทีนี้เวลาฉันพระสารีบุตรต้องจับขอบปากบาตรไว้ นี่ในตำราหลอกโลกเมื่อไร คือถ้าท่านปล่อยมือไปมันหากเป็นเองกรรม ฟังว่ากรรม สุดวิสัยของโลกจะวินิจฉัยได้ วันนั้นก็จับขอบปากบาตรเอาไว้ พระสารีบุตรจับ เอา ฉันให้อิ่ม ท่านก็ฉันอิ่มในวันนั้นละ เลยตายในคืนวันนั้น คงจะฉันมากเกินไป
ทีนี้พระสีวลีไปไหนเอาอีกแหละ พระพุทธเจ้าก็ยกประกาศคุณของสาวกองค์นี้ขึ้น พระองค์จะไปเยี่ยมพระเรวัตตะซึ่งเป็นน้องชายพระสารีบุตร เป็นพระอรหันต์ ชอบอยู่ในป่าลึกๆ เราตถาคตจะไปเยี่ยมพระเรวัตตะเราว่างั้น อยู่ในป่า โอ๋ย อดอยากขาดแคลน ไปแล้วจะได้ขบได้ฉันอะไรๆ อู๊ย จะไปยากอะไร ก็เอาพระสีวลีเราไปด้วยซี นั่นท่านยกคุณสมบัติของสาวก ใครจะไปเกินพระพุทธเจ้ามีเหรอ นี่ท่านยก ไปก็เหลือเฟืออย่างว่า เป็นอย่างนั้นละพระสีวลีไปไหนหากบันดลบันดาล ทุกสิ่งทุกอย่างบันดลบันดาลจิตใจของคน นี่ละกรรมดีกรรมชั่ว
พระที่อดอยากขาดแคลนก็มีพระองค์นั้น ตั้งแต่ฉันจังหันมาอิ่มวันเดียวก็ตาย ฉันจังหันไม่เคยอิ่ม ของในบาตรใครใส่ให้ๆ หากเป็นเอง ทีนี้ผู้ที่เหลือเฟือผู้ที่ร่ำลือก็คือพระสีวลี ไปที่ไหนร่ำลือ นี่เป็นกรรมของท่าน ปุพเพนิวาสของท่านเป็นนักเสียสละ นักทำบุญให้ทาน แม้ที่สุดมีงานอะไรเขาก็มาเชิญท่านไปเป็นประธานในงานต่างๆ เพราะท่านเป็นนักเสียสละ ตั้งแต่คราวท่านดำเนินสร้างบารมีมาพระสีวลี เพราะฉะนั้นไปไหนจึงเหลือเฟือๆ ท่านเป็นนักเสียสละ ผู้ที่เป็นคนตระหนี่ถี่เหนียวฉันจังหันไม่อิ่ม ฟังซิน่ะ นี่ละอยู่กับกรรมของแต่ละคนๆ
ใครอย่าประมาทใครต่อใครนะ จะประมาทหรือชมให้ชมเจ้าของประมาทเจ้าของ กรรมดีกรรมชั่วอยู่กับผู้ทำด้วยกันทุกคน พระพุทธเจ้าไม่ว่าพระองค์ใดไม่เคยหลอกลวงโลก ตรัสคำไหนเป็นจริง เอกนามกึ คือพระวาจาของพระพุทธเจ้ารับสั่งคำไหนออกมาจริงทั้งนั้นไม่มีสอง นี่เราพูดถึงเรื่องกรรม ใครอย่าประมาทกรรมนะ ไปทำในที่ลับๆ มันไม่ลับสำหรับเจ้าของผู้ทำเอง ทำในที่มืดก็คือการทำ ทำในที่แจ้งก็คือการทำ ทำดีทำชั่วในที่ไหนๆ ก็คือเจ้าของเองเป็นผู้ทำ สมบัติทั้งดีทั้งชั่วเป็นของเจ้าของวันยังค่ำ ท่านจึงสอนว่ากรรมไม่มีลี้ลับ นตฺถิ โลเก รโห นาม ขึ้นชื่อว่าที่ลับไม่มีในโลก จะลับใครๆ ก็ตามแต่ไม่ลับสำหรับตัวเองผู้ทำ เปิดเผยตลอดเวลา ให้พากันจำเอา
เราเกิดมาได้พบพระพุทธศาสนา เรียกว่ามีวาสนามากที่สุดแล้ว พุทธศาสนานี้ชี้นิ้วเลยไม่มีสอง เป็นศาสนาของท่านผู้สิ้นกิเลส นอกนั้นที่ประกาศกันยกยอกันว่าเป็นศาสนาๆ ก็เป็นธรรมดายกยอกันไปอย่างนั้น ผู้เป็นเจ้าของศาสนาคือคลังกิเลส พระพุทธเจ้าคือคลังแห่งธรรม มันต่างกัน พุทธศาสนาเป็นคลังแห่งธรรม ตรัสไว้ชอบทุกอย่างๆ ให้พากันจำเอาไปปฏิบัติ อย่ามีที่ลับที่แจ้ง ความดีความชั่วอยู่กับผู้ทำ ทำที่ลับที่แจ้งเป็นดีเป็นชั่วทั้งนั้น ให้พร
หลังจังหัน
วันนี้วันขึ้น ๓ ค่ำ เขตกฐินก็ถึงวันเดือน ๑๒ เพ็ญ ทอดได้ถึงเดือน ๑๒ เพ็ญ นี่ก็ขึ้น ๓ ค่ำแล้ว
เขาใหญ่วัดนั้นเขาถวายที่ให้เรา ที่ ๗๐ ไร่อยู่เขาใหญ่ เขาถวายที่ให้เรา เราก็พิจารณาดูบริเวณนั้น มีพระกรรมฐานที่ตั้งใจประพฤติปฏิบัติพอเป็นหลักเป็นเกณฑ์ให้ความร่มเย็นแก่ชาวพระชาวบ้านบ้างขนาดไหน พอดีว่างๆ เราก็เลยรับให้ ที่ ๗๐ ไร่เขาถวาย เลยปรึกษากับท่านอุทัย ท่านอุทัยอยู่วัดถ้ำภูวัวมานาน เป็นพระที่สงบเสงี่ยมราบรื่นดีงามมาตลอด ท่านอยู่สององค์สามองค์ อยู่ในภูวัว จากนั้นก็เลยให้ท่านมาปรึกษาขอให้ท่านไปอยู่ที่นั่น ท่านก็ยินดีรับให้
เราจึงที่ได้รับที่นั้นแล้วก็ให้ท่านอุทัยไปอยู่ ที่ ๗๐ ไร่ มันโล่งไปหมด ต่อไปนี้เขาปลูกต้นไม้ให้เป็นดงเป็นป่าแถวนี้ เขาถวายที่นี้ให้เรา เรามองหาพระที่จะมาเป็นหลักเป็นเกณฑ์ก็เห็นแต่ท่านอุทัย สั่งให้ท่านอุทัยไปปรึกษา ท่านก็รับให้ วัดภูวัวก็ให้ท่านเสถียรอยู่รองกันลงมา ให้ท่านอุทัยไปอยู่ที่วัดเขาใหญ่ เขาก็เลยไปทอดกฐินที่นั่น แล้วนิมนต์เราไปเป็นประธานในงานทอดกฐินเหมือนว่าเป็นปฐมฤกษ์ที่สร้างวัดนี้ขึ้นมา คุณสุรเกียรติ เสถียรไทย กับท่านผู้หญิง ไปถวายกฐิน มานิมนต์เราไปเป็นประธาน เราจึงได้รับให้เพราะมันเกี่ยวกันกับเรา ที่เขาถวายเราให้ท่านอุทัยไปอยู่ ทางนั้นก็มาทอดกฐิน เราก็เลยไป
กฐินคราวนี้ก็ดูว่าได้เงินตั้ง ๖ ล้าน เพื่อปลูกสร้างอะไรๆ ที่จำเป็นๆ เราได้กำชับกำชากับท่านอุทัย แล้วท่านก็เคยปฏิบัติอย่างนั้นมาแล้ว ก็คิดว่าเราไม่หนักใจ ท่านจะปลูกสร้างเฉพาะที่พระอยู่ อย่างพระอยู่ทุกวันนี้ท่านก็ทำกระต๊อบๆ แล้วมีทางจงกรมมุงด้วย ฝนตกก็เดินได้ ทำกระต๊อบๆ เมื่อเช้าวานนี้ตั้งแต่เช้าพอสว่างเราออกจากที่ก็ไปเที่ยวดูกระต๊อบๆ ที่พระอยู่ ไปหมดนั่นละไปทางพระอยู่ จนกระทั่งได้เวลากลับมาก็มาฉันจังหัน ๗ โมงเช้า ที่นั่นก็ดี เราอยากให้พระที่เป็นหลักเป็นเกณฑ์ จะให้ความร่มเย็นแก่ประชาชนได้มาก เราคิดอย่างนั้น จึงได้รับที่ที่นั่นแล้วนิมนต์ท่านอุทัยไปอยู่ แล้วก็มาเกี่ยวโยงกับเราอีกแหละ มานิมนต์ไปเป็นประธานกฐิน เราจึงได้ไป
พอทอดกฐินวันที่ ๒๒ เสร็จแล้วก็ไปปากน้ำ อันนั้นก็ลูกศิษย์เสีย เผาศพวันที่ ๒๒ เขานิมนต์ให้ไป พอถวายกฐินเสร็จเราก็ออกเดินทางไปปากน้ำ เรียกว่าทั้งวัน พอไปถึงนั้นพักนิดหน่อยเขาก็นิมนต์เทศน์แล้วก็เผาศพ แล้วเราก็มาเขาใหญ่ ไปคราวนี้เทศน์ย่อมๆ ๓ กัณฑ์ ไปวัดเขาใหญ่คืนแรกเทศน์ คืนที่สองมาก็เทศน์ กับไปเทศน์ที่ปากน้ำ เทศน์ย่อมๆ เรียกว่า ๓ กัณฑ์ ไป ๒ คืนเทศน์ ๓ กัณฑ์ ออกทางวิทยุเหมือนกันนะ เดี๋ยวนี้เราไปเทศน์ที่ไหนออกวิทยุทั้งนั้นทั่วประเทศไทยเรา อย่างเดี๋ยวนี้ก็ออกทางวิทยุ คือออกทุกวัน ตอนฉันเสร็จแล้วก็ได้เทศน์อย่างนี้ละ นี่ก็ออกๆ ทุกวันๆ
แต่เราเป็นที่แน่ใจถึงเรื่องที่ออก เราเทศน์นี้ออกทางวิทยุ เราเป็นที่แน่ใจว่าธรรมสอนโลกนี้ทุกขั้นของธรรม เป็นที่แน่ใจว่าถอดออกจากหัวใจที่ได้ปฏิบัติมาเต็มเม็ดเต็มหน่วย เต็มกำลังความสามารถ หาที่สงสัยไม่ได้ในธรรมทุกขั้น ที่เทศน์สอนโลกนี้เทศน์ด้วยความแน่ใจของเรา ควรจะเป็นประโยชน์แก่โลกที่ตั้งใจฟังและตั้งใจนำไปปฏิบัติ เพราะเทศน์นี้ก็เทศน์ด้วยความเมตตาสงสาร เราไม่ได้เทศน์ด้วยความโกหกมดเท็จ โอ้อวด ไม่มีในหัวใจ มีตั้งแต่ความเมตตาล้วนๆ
เวลานี้หัวใจดวงนี้มันอ่อนนิ่มครอบโลกธาตุ มีแต่ความเมตตาสงสาร ความเมตตากับธรรมชาติของจิตที่บริสุทธิ์เป็นอันเดียวกันอ่อนนิ่มไปหมดเลย นี่เราก็ทำประโยชน์แก่โลกอย่างนี้ทุกวันนี้ เราไม่สงสัยในธรรมทุกขั้นที่ได้นำมาสอนโลก เป็นธรรมสดๆ ร้อนๆ เหมือนครั้งพุทธกาลที่พระพุทธเจ้าและสาวกทั้งหลายแสดงธรรมแก่โลก นี้ก็ธรรมสดๆ ร้อนๆ อยู่ภายในหัวใจจากการปฏิบัติตามธรรมของพระพุทธเจ้า เราจึงไม่สงสัย เพราะฉะนั้นจึงได้รีบประกาศให้บรรดาพี่น้องทั้งหลาย กลัวจะลืมเนื้อลืมตัวเห็นพระพุทธเจ้าเป็นของไม่สำคัญ แต่เห็นมูตรเป็นคูถเป็นของสำคัญไปเสีย แล้วเอามูตรเอาคูถไปโปะพระพุทธเจ้า
ศาสนาเลยมีแต่มูตรแต่คูถ ไอ้มูตรคูถคือกิเลสตัณหาเลยกลายเป็นทองคำทั้งแท่ง แล้วพาคนให้จมๆ อันนี้แหละที่เราวิตกวิจารณ์มาก คือธรรมนี้เป็นสวากขาตธรรม สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม ที่ตรัสไว้ชอบยิ่งแล้ว คือศาสดาองค์เอกสอนธรรมแก่โลกด้วยพระทัยที่บริสุทธิ์ ให้พากันฟังให้ดี ไม่มีคำพูดผู้ใดเป็นคำพูดที่สิ้นกิเลสและแม่นยำเหมือนคำพูดของพระพุทธเจ้า จึงเรียกว่าสวากขาตธรรม หรือตรัสไว้ชอบแล้วทุกขั้นทุกภูมิของธรรม จนกระทั่งถึงวิมุตติหลุดพ้น
ใครอย่าประมาทพระพุทธเจ้าทรงแสดงอะไร ทรงรู้ทรงเห็นด้วยพระญาณหยั่งทราบตลอดทั่วถึงแล้ว ที่เรียกว่าโลกวิทูรู้แจ้งโลก โลกนอกโลกในตลอดทั่วถึง ไม่มีอะไรปิดบังลี้ลับพระญาณของพระพุทธเจ้าได้เลย แล้วนำสิ่งที่ทรงรู้ทรงเห็นออกมาแจงให้สัตว์โลกหูหนวกตาบอดให้ได้เห็นได้ยินได้ฟัง แล้วก็ได้เกาะธรรมของพระพุทธเจ้าพอเป็นที่พึ่งเป็นพึ่งตาย เป็นอนาคตที่ผ่องใสต่อไป เรียกว่าสุคโต ไปดีอยู่ดี กินดี ภพชาติดีถ้าได้เกาะธรรมพระพุทธเจ้า
นอกนั้นมีแต่เรื่องของกิเลสหลอกลวงต้มตุ๋นสัตว์โลก แต่สัตว์โลกก็ชอบในสิ่งที่เป็นอย่างนั้น เพราะฉะนั้นจึงหาคนดีได้ยาก หาคนมีความสุขความเจริญได้ยาก ร่ำลือลมๆ แล้งๆ กัน ร่ำลือทั่วโลก วัตถุต่างๆ ในโลกนี้มันอดอยากเมื่อไร เกิดมาก็เกิดมากับวัตถุ แม่ก็วัตถุเราก็วัตถุ เกิดออกมาก็อยู่กับวัตถุสถานที่ต่างๆ เรื่อยมาอย่างนี้ อดอยากขาดแคลนที่ไหน แต่โลกหาความสุขไม่ได้ นี่ละสำคัญ จึงต้องมีพระพุทธเจ้านำความสุขมาสอนโลก นำธรรมมาสอนโลก ธรรมสอนโลกนี้คือธรรมเพื่อความสุขความเจริญทั้งปัจจุบันและอนาคตของใจที่มีผู้ปฏิบัติตาม
ให้มีที่เกาะที่ยึดนะ ลำพังใจเรานี้อย่าว่ามีที่เกาะ มันไขว่คว้านะ คือจิตไม่มีที่ยึดที่เกาะนี้ไขว่คว้า ล้มเหลวไปหมด ไขว่คว้าตรงไหนพังๆ ไม่มีที่จะเกาะติดยึดได้พอพ้นภัยไปได้ ไม่มี อารมณ์เหล่านี้เป็นอารมณ์กิเลส เป็นฟืนเป็นไฟ อารมณ์ที่หลอกลวง ทำสัตว์ให้หลง เกาะแล้วพังลงไปด้วยกันหมด ส่วนธรรมของพระพุทธเจ้านี้เป็นธรรมที่แม่นยำ ฉุดลากให้หลุดพ้นจากทุกข์โดยลำดับ เพราะฉะนั้นการให้ทานอย่าพากันตระหนี่ถี่เหนียว พระพุทธเจ้าทุกพระองค์เลิศเลอด้วยการให้ทาน เรียกว่าทานบารมี การให้ทานเป็นที่หนึ่งของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
นี่ละขึ้นนี่ เป็นนักเสียสละคือพระพุทธเจ้า ไปที่ไหนจึงเกลื่อนไปด้วยวัตถุไทยทาน เทวบุตรเทวดา อินทร์ พรหม มาทำบุญให้ทาน เกลื่อนไปหมดพระพุทธเจ้าเสด็จไปไหน อันนี้เพราะอะไร จนประชาชนทั้งหลายเขาวิพากษ์วิจารณ์กัน ว่าทำไมพระพุทธเจ้าเสด็จไปไหนจึงมีตั้งแต่ประชาชน เทวบุตรเทวดา อินทร์ พรหม ถวายทานเกลื่อนกล่นไปหมด บางคนก็ว่าเป็นเพราะอำนาจของพระพุทธเจ้า ก็แล้วแต่ใครจะเป็นความคิดความเห็นอะไรแสดงมา แต่พระพุทธเจ้าทรงตัดบทตามหลักความจริงทันทีเลย ว่าเพราะท่านเป็นพระพุทธเจ้าอย่างนี้ไม่ใช่ นั่นเห็นไหมท่านตัดนะ วัตถุทานทั้งหลายที่เกลื่อนมานี้ จะเป็นเพราะอำนาจเราเป็นพระพุทธเจ้าไม่ใช่ แต่เป็นเพราะอำนาจแห่งทานของเรา นั่นเห็นไหมล่ะ
ทานเป็นพ่อเป็นแม่ของเราให้เป็นพระพุทธเจ้าขึ้นมาอีก นั่น ทานจึงใหญ่โตยิ่งกว่าพระพุทธเจ้า ฟังซิน่ะ เราได้เป็นพระพุทธเจ้าก็เพราะการให้ทาน ไม่ใช่อำนาจของพระพุทธเจ้าที่เขามาถวายเหล่านี้ เป็นเพราะอำนาจแห่งทานของเราที่เสียสละมาเป็นลำดับลำดา เพราะฉะนั้นจึงอย่าพากันตระหนี่ถี่เหนียว แบ่งกินแบ่งทานให้เป็นคู่เคียงกันไป ร่างกายมีความจำเป็นที่ต้องอาศัยตั้งแต่วันอ้อนวันออกมา จนกระทั่งวันตายต้องอาศัยวัตถุ เอา หามาเพื่อเยียวยารักษาเข้าไป ส่วนจิตใจก็ไขว่คว้าหาอรรถหาธรรม หาความดีงาม ให้หาคุณงามความดีเข้าสู่ใจ อย่าหากิเลสตัณหาอันเป็นฟืนเป็นไฟเข้ามาเผาใจ
ร่างกายตายไปแล้ว ไฟคือบาปกรรมนี้ก็เผาหัวใจให้จมลงในนรก เผาลงในนรกไม่มีที่สิ้นสุดยุติ เพราะใจนี้ไม่เคยตาย จะทุกข์ยากลำบากขนาดไหนตกนรกอเวจีหลายกัปหลายกัลป์ยอมรับว่าทุกข์ ทุกข์ขนาดไหนยอมรับว่าทุกข์ แต่ไม่ยอมฉิบหายคือใจ เรื่องโลกนี้เป็นโลกอนิจจัง ไม่เปลี่ยนช้าก็เปลี่ยนเร็ว ไปอยู่ในนรกก็มีเปลี่ยน เปลี่ยนช้าไปตามกรรมของสัตว์แล้วก็ฟื้นตัวขึ้นมา มาสร้างคุณงามความดี ใจดวงนี้ก็พลิกตัวขึ้นไปทางฝ่ายดีๆ สูงขึ้นๆ ทะลุถึงนิพพาน แล้วก็เป็นบรมสุขในนิพพาน เป็นธรรมธาตุ ใจดวงนี้สูญที่ไหน ไม่สูญ ไปลงนรกก็ไม่สูญ ถึงนิพพานก็ไม่สูญ เป็นธรรมธาตุ นี่ละใจดวงนี้
จึงพยายามบำรุงรักษาใจตัวให้ดี ร่างกายนี้ไม่ว่าท่านว่าเรามันตายด้วยกันถึงกาลเวลาแล้ว ไม่มีใครจะอยู่ค้ำฟ้า แต่เรื่องคุณงามความดีซึ่งเป็นที่พึ่งเป็นพึ่งตาย นำเจ้าของให้หลุดพ้นจากทุกข์นี้เป็นธรรมจำเป็นสำหรับเราทุกคน ให้เสาะแสวงหา เอา ร่างกายก็หามาเยียวยา เพราะเป็นความจำเป็น มีความบกพร่องต้องการตลอดเวลาก็คือธาตุคือขันธ์ของเรา ทีนี้จิตก็มีความจำเป็นบกพร่องต้องการความดีงามทั้งหลาย ความสุขความเจริญ ให้เสาะแสวงหาคุณงามความดีเข้าสู่ใจ เมื่อความดีเข้าสู่ใจแล้วทีนี้ความดีนี้ละจะพาหนุนใจให้ไปสู่สุคติโลกสวรรค์พรหมโลกกระทั่งถึงนิพพาน หนีจากคำว่าบุญนี้ไปไม่ได้ ไม่พ้นจากบุญ บุญนี้ละหนุนใจ บาปนั่นละกดใจลงไป จำเอาไว้ เพียงเท่านี้ละ เอาละวันนี้พูดเพียงเท่านี้ ต่อไปนี้จะให้พร
โถ เหนื่อยนะเราเหนื่อยมาก ๓ วันนี้เหนื่อยมากจริงๆ ตั้งแต่วันออกเดินทางไปเขาใหญ่ พอตื่นเช้าก็ไปปากน้ำ กลับมาตั้งทุ่มหรืออะไร มาก็มาเทศน์ที่ศาลาอีก ตื่นเช้าฉันเสร็จแล้วถึงจะออกเดินทางมา เพลียมากเมื่อวานนี้ เพราะ ๓ วันเราไม่ได้หยุดเลย ราชการเขาหยุดแต่เราไม่ได้หยุด
ดูว่าวันที่ ๓ ละมังบ้านแพงนิมนต์ไปรับผ้าป่า ทุกปีเราเคยไปทอดกฐินให้บ้านแพง ปีละสองกองๆ มาหลายปี ปีนี้เราไม่ไป เขานิมนต์ไปรับผ้าป่าช่วยชาติดูว่าเป็นวันที่ ๓ ไปค้างที่นั่นคืนนึง ค้างที่บ้านแพงคืนนึง เราทอดปีละสองวัด วัดล่าง วัดข้างบน ปีนี้เราไม่ไปเราบอกอย่างนั้น พักเสียหน่อยก่อน หมุนปัจจัยไปทางอื่น ปีนั้นหมุนทางนั้น ปีนี้หมุนทางนี้ อย่างนั้นละ
วัดเรานี้เป็นวัดเสียสละ มีเท่าไรหมดสำหรับวัดนี้ เราทำประโยชน์เพื่อโลกล้วนๆ เราไม่เอาอะไรเลย เราตั้งหน้าตั้งตาทำประโยชน์ให้โลกจนกว่าชีวิตหาไม่ ถึงวาระแล้วดีดผึงเลย ทำให้เต็มเม็ดเต็มหน่วยในเวลามีชีวิตอยู่นี้ ตายแล้วก็ดีดผึง หายห่วงไปเลย (วันที่ ๒๘ หลวงตามีอีกรายการหนึ่งเจ้าค่ะ วัดถ้ำเกียน้อย หนองแสง เขานิมนต์หลวงตาเป็นองค์ประธานรับกฐิน) เรายังรับไม่ได้นะ เกียน้อยเกียใหญ่ก็ให้เราแบก เกียน้อยก็เรา เกียใหญ่ก็เรา ตายมันก็ต้องเราละซี ไปไหนเอาเราไปเป็นหัวหน้าๆ เราจะตายรู้ไหมล่ะของเล่นเมื่อไร หนัก
ไปที่ไหนๆ เราก็ไปเพื่อโลก แล้วสุดท้ายมันจะตายเพื่อโลกนั่นแหละไม่มีเวลา เหนื่อยมาก เช่นไปเมื่อวานนี้เหนื่อยมากที่สุดเลย พอไปถึงปั๊บตกค่ำมาก็เทศน์ ตื่นเช้ารับกฐินเสร็จแล้วก็ไปปากน้ำ ไปนั้นก็ไปเทศน์ จากปากน้ำใกล้เมื่อไรไปหาเขาใหญ่ พอเทศน์จบแล้วกลับมาวัด ตื่นเช้าก็เดินทางมา ๕ ชั่วโมง จากเขาใหญ่มาที่นี่ ๕ ชั่วโมง มีเวลาเมื่อไร เราเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้านะเราจะตาย
ใครก็จะเอาเราไปเป็นเครื่องมือใช้ไม่ได้ละ ให้คิดบ้างนะใครก็ดี ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ควรที่จะยุ่งกันตลอดเวลา อย่างงานเล็กๆ น้อยๆ เรื่องใหญ่คือเราที่เกี่ยวกับโลกทั่วโลกนี้เสียไปมันดีแล้วเหรอ ให้พากันพิจารณาบ้าง ไม่จำเป็นก็ไม่ควรกวนกันบ่อยๆ วันนี้เปิดให้ชัดเจน บวกลบคูณหารดูซิผลได้ผลเสีย น้ำหนักทางไหนเบาทางไหนหนัก ให้ทดสอบบ้าง อย่าเห็นแก่ได้แก่เอา อะไรเอะอะก็เอาไปเป็นหัวหน้าๆ ให้พิจารณาบ้าง เราคิดหมดเรื่องเหล่านี้ เป็นแต่เรายังไม่พูด วันนี้ออกเสียบ้างให้รู้เรื่องรู้ราว ไม่จำเป็นไม่ควรไปรบกวนทุกเวลา ไปที่นั่นแล้วไปที่นั่น เป็นเครื่องมือยุ่งไปหมด เราจะตายไม่รู้อยู่เหรอ
เรายังไม่แน่นะ วันที่ ๒๘ ไม่แน่ อย่าเอาความแน่มาใส่เราทั้งหมดไม่ได้นะ อะไรก็แน่ๆ ตายได้นะ เวลาควรจะพักให้พักบ้างซิ เราทำนี้ก็เพื่อประโยชน์แก่โลกเต็มกำลังอยู่แล้ว จะให้ไปเพื่อประโยชน์แก่ใครอีกล่ะ มันจะตายอยู่แล้วเพื่อประโยชน์แก่โลกทั้งนั้นแหละ เราไม่เอาอะไรเราบอกแล้ว ในโลกทั้งสามเราปล่อยวางโดยสิ้นเชิง เหลือแต่ความเมตตาสงสารห่วงใย เราก็บืนอยู่อย่างนี้แหละ เอาละไป
รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th
และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร
FM 103.25 MHz
|