เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๘ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๙
การประพฤติปฏิบัติไม่ฝืนไม่ได้
(คณะศรัทธาจังหวัดตรัง ขอถวายสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชนจังหวัดตรัง ตั้งอยู่ที่บ้านคุณอนันต์ นาคใน อ.ห้วยยอด จ.ตรัง แด่หลวงตาให้เป็นสมบัติของสงฆ์วัดป่าบ้านตาด)
สรุปทองคำน้ำไหลซึมวันที่ ๗ ตุลา ทองคำที่หลอมแล้ว ๓๑๒ กิโลครึ่ง เท่ากับ ๒๕ แท่ง ทองคำที่ยังไม่หลอม ๑๓ กิโล ๔ บาท ๓๙ สตางค์ รวมทองคำที่หลอมแล้วและยังไม่ได้หลอมเป็น ๓๒๔ กิโล ๓๗ บาท ๒๘ สตางค์ ถ้ารวมกับ ๓๗ กิโลครึ่งที่มอบคลังหลวงแล้วก็เป็นจำนวนทองคำ ๓๖๒ กิโล ๔ บาท ๓๙ สตางค์ นี่เศษจาก ๑๑ ตันนะ
สมบัติวัตถุที่เป็นเครื่องประดับชาติและเป็นหัวใจของชาติไทยเรา เราก็ได้อุตส่าห์พยายามเต็มกำลังความสามารถ ไปพร้อมกันกับการประกาศศาสนธรรมต่อพี่น้องชาวพุทธเราทั่วประเทศไทย สำหรับธรรมก็รู้สึกว่ากว้างขวางไปมากมาย เวลานี้ก็ทั่วประเทศแล้วธรรมที่เรานำออกแสดง เป็นสถานีวิทยุก็ตั้งร้อยกว่าสถานีแล้ว เราอยากให้เสียงธรรมเข้าสู่จิตใจของประชาชนชาวพุทธเรา มันเหือดแห้งจากศีลจากธรรมมาแทบว่าเป็นประจำ ส่วนมากเป็นอย่างนั้น ส่วนน้อยมีเราก็ยอมรับว่ามี แต่ว่าน้อยมาก เพราะฉะนั้นโลกถึงเดือดร้อนวุ่นวาย เพราะไม่มีธรรมคือน้ำดับไฟ ไฟ ราคคฺคินา โทสคฺคินา โมหคฺคินา เป็นไฟทั้งนั้น
ราคะก็เป็นไฟ โทสะก็เป็นไฟ ความลุ่มหลงเป็นพื้นฐานยิ่งเป็นไฟกองใหญ่ที่มันเผาอยู่ในหัวใจของสัตว์โลก ไม่มีสิ่งใดที่จะดับไฟเหล่านี้ได้นอกจากธรรมอย่างเดียวเท่านั้น ธรรมเท่านั้นดับได้ พระพุทธเจ้าทรงดับมาเป็นตัวอย่างแล้ว ตรัสรู้ธรรมผางขึ้นมาในพระทัย ก็เรียกว่าดับไฟกองใหญ่หรือวัฏวนตายเกิด แบกหามกองทุกข์ไปด้วยตั้งกัปตั้งกัลป์ ได้ดับลงในคืนวันเดือนหกเพ็ญ หรือวันวิสาขะนั่นละ จึงได้นำวิธีการนั้นมาสอนพวกเราให้ดับมันบ้าง ไฟกองนี้ใหญ่มาก เป็นไฟเรื้อรังภายในใจ จะดับลงได้ด้วยน้ำคือธรรม นอกนั้นดับไม่ได้
เวลาได้ดับไฟลงจากหัวใจนี้หมดหรือมอดไปโดยสิ้นเชิงแล้ว หัวใจดวงนั้นเป็นดวงใหม่ขึ้นมาครอบโลกธาตุด้วยความจ้าสว่างไสว จิตพระพุทธเจ้า จิตพระอรหันต์ท่านเป็นอย่างนั้น ทรงบรมสุขไว้เต็มเหนี่ยวและเป็นนิพพานเที่ยงด้วย ไม่มีคำว่าเปลี่ยนแปลงไปที่ไหนอีกเลย ท่านเรียกว่านิพพานเที่ยง
นี่ละธรรมก็เห็นกันอยู่นี้ ได้ยินได้ฟังกันอยู่ ควรจะวิ่งเต้นขวนขวายเช่นเดียวกับวิ่งไปตามกิเลสมาตั้งกัปตั้งกัลป์ไม่มีวันอิ่มพอ ให้อิ่มพอเสียบ้าง แล้วหมุนตัวเข้าสู่ธรรม อย่างน้อยเป็นคู่เคียงคู่ฟัดคู่เหวี่ยงกันไป จะพอมีความสุขในวันหนึ่งๆ ของบุคคล ไม่ต้องพูดถึงเรื่องสัตว์ละ ชาวพุทธเราให้มีธรรมเข้าสู่ใจบ้างเถอะ เวลานี้มันมีแต่กิเลสล้ำยุคล้ำสมัยมันถึงร้อนกันมาก ธรรมไม่ได้ปรากฏขึ้นมา พอธรรมปรากฏจ้าขึ้นมาภายในใจนี้กิเลสเรียบวุธเลย ทุกข์ดับโดยสิ้นเชิง
อย่างพระอรหันต์ท่านพอกิเลสดับโดยสิ้นเชิงแล้ว ทุกข์ที่เป็นเงาตามตัวของกิเลสก็ดับโดยสิ้นเชิง บรมสุขขึ้นแทนที่แล้ว นั่นละธรรมเป็นยังไง ล้ำยุคล้ำสมัยมานานสักเท่าไรแต่ไม่มีใครนำมาใช้ซิ ให้แต่กิเลสเหยียบย่ำทำลายธรรม มันจึงไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร ให้ปฏิบัติธรรมมันก็ปฏิบัติกิเลสเสีย ไม่ได้ปฏิบัติธรรม คำพูดละว่าปฏิบัติธรรมๆ แล้วมันปฏิบัติตามกิเลส พวกเรามันพวกปฏิบัติตามกิเลส
ตาเราฝ้าฟางมองไปนี้ไม่ค่อยเห็น พวกนี้มันพวกเอาเสื่อเอาหมอนติดหลังติดคอมาหรือเปล่าไม่รู้ ดูให้หน่อยน่ะ เครื่องความสะดวกของกิเลสเข้าใจไหม มันมีหรือไม่เหล่านี้ ไปเดินจงกรม ไปนั่งสมาธิ ไปภาวนา ก็เอาเสื่อเอาหมอนมัดติดคอไปเพื่อความสะดวก อย่างนี้ละสะดวกมากนะกิเลสไม่ให้ขัดข้องเลย
เอาให้มันขาดสะบั้นลงไปซิ ธรรมพระพุทธเจ้าเป็นยังไงไม่ต้องไปทูลถามท่าน พูดแล้วสาธุเราไม่ทูลถามพระพุทธเจ้าตั้งแต่วันกิเลสขาดสะบั้นลงจากหัวใจ วันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๔๙๓ จ้าขึ้นมาในท่ามกลางมหาวิมุตติมหานิพพาน ถามพระพุทธเจ้าทำไม นั่น พอมันจ้าขึ้นไปเรียกว่า สนฺทิฏฺฐิโก รู้ผลงานของตนๆ จนกระทั่งวาระสุดท้ายจ้าขึ้นมาแล้วถามพระพุทธเจ้าหาอะไร ก็จิตดวงนี้อยู่ในท่ามกลางวิมุตติพระนิพพานเหมือนกันแล้ว เหมือนน้ำในมหาสมุทรจ่อลงตรงไหนก็เป็นน้ำมหาสมุทร แล้วถามหาน้ำมหาสมุทรไปทำไม พอจิตผางขึ้นมาแล้ว จ่อลงตรงไหนก็เป็นมหาวิมุตติมหานิพพานไปหมด แล้วถามหาพระพุทธเจ้าทำไม
พิจารณาให้ดี ต้องฝืนนะ การประพฤติปฏิบัติไม่ฝืนไม่ได้ กิเลสนี่ชอบสะดวกที่สุด เอะอะให้สะดวกๆ เป็นเรื่องของกิเลสทั้งนั้น การที่จะฝ่าฝืนกิเลสนี้รู้สึกว่ามันฝืนใจไม่อยากฝ่าฝืน ให้มันลากไปกลิ้งไปถลอกปอกเปิกไป หนังออกเนื้อยัง เอ้า ลากไป เนื้อหมดแล้วอะไรยังอีก ยังกระดูกยังเอ็น เอ้า ลากไปอีกๆ จนกระทั่งแขนขาดแขนข้างซ้ายหมดแล้วข้างขวายัง เอา ลากไปอีก ฟาดเสียจนคอขาด ขาดหมดทั้งตัว ตายแล้วจม เพราะไม่มีธรรมในใจ นี่ละทุกข์ในโลกนี้ก็เห็นอย่างที่ว่านี่ อันนั้นขาดไปอันนี้หลุดลอยไปเป็นทุกข์ทั้งนั้นๆ จนกระทั่งถึงวาระสุดท้ายตายก็ไปจมอีก นั่น ถ้ามีอรรถมีธรรมแล้ว เอา ตาย เท่านั้นพอ
ไม่มีอะไรที่จะเลิศเลอยิ่งกว่าใจ ใจไม่เคยตายไม่เคยฉิบหาย ตกนรกหมกไหม้กี่กัปกี่กัลป์ยอมรับว่าทุกข์ แต่ไม่ยอมฉิบหายคือใจ พอฟื้นตัวจากนั้นมาได้แล้วก็ฟื้นตัวขึ้นมาๆ ขึ้นสู่ความดิบความดีสวรรค์ชั้นพรหม ฟาดขึ้นถึงนิพพาน ถึงธรรมธาตุแล้ว นั่นเป็นธรรมธาตุไม่สูญ เห็นไหมล่ะ จิตดวงนี้ไม่เคยสูญ ถึงนิพพาน นิพพานเที่ยงก็ธรรมชาติอันนี้เอง ธรรมธาตุหรือนิพพานเที่ยงอันเดียวกัน นี่ละทุกข์ดับโดยสิ้นเชิง จากความดีทั้งหลายที่เราอุตส่าห์พยายาม
อย่าเห็นแก่สิ่งนั้นว่าดีสิ่งนี้ว่าดี มันเอามาหลอกมนุษย์ตาฝ้าตาฟางจนหาทางออกไม่ได้ กิเลสหลอกมนุษย์นี้หลอกได้ง่ายมากนะ มนุษย์นี้โง่มาก เฉพาะมนุษย์ในวัดป่าบ้านตาดโง่เป็นเบอร์หนึ่ง อาจารย์ของลูกศิษย์ทั้งหลายอยู่ในวัดป่าบ้านตาด คือหลวงตาบัวนี้ก็โง่เป็นอันดับหนึ่ง เพราะฉะนั้นลูกศิษย์ตัวไหนมามันมีแต่ตัวโง่ๆ เซ่อๆ เข้าใจไหม ตัวที่จะเฉลียวฉลาดบ้างไม่ค่อยมีนะ โห พูดไปมากมันก็ขายตัวเอง เราไม่อยากขายมากเอาแค่นี้แหละ ให้พากันจำเอานะ โธ่ ธรรมนี้เหมือนอย่างแร่ธาตุอยู่ใต้ดิน เหยียบย่ำไปมาๆ ผู้เฉลียวฉลาดเขาไปค้นแร่แปรธาตุขึ้นมาเป็นประโยชน์ อันนี้ธรรมก็เป็นธรรมธาตุค้นขึ้นมาจากการประพฤติปฏิบัติความดีทั้งหลาย พอมันจ้าขึ้นมาในใจนี้แล้ว นั่นล่ะที่นี่เอาออกมาใช้ประโยชน์แล้วเป็นประโยชน์มหาศาล
การเทศนาว่าการในวิทยุตั้งร้อยกว่าแห่งนี้เราพอใจ การเทศนาทั้งหมดนี้ เราไม่ได้สงสัยในคำเทศน์ของเราว่าจะผิดไปตรงไหน ไม่ผิด เพราะถอดออกจากหัวใจที่ได้กลั่นกรองเต็มกำลังความสามารถแล้ว นับแต่วันออกปฏิบัติ จนกระทั่งวาระสุดท้ายที่พูดให้ท่านทั้งหลายฟัง กิเลสขาดสะบั้นลง วันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๔๙๓ หลังเขาวัดดอยธรรมเจดีย์เราลืมเมื่อไร แล้วไม่จืดไม่จางด้วยนะธรรมชาตินี้ไม่จืดไม่จาง พอกิเลสนี้ขาดสะบั้นลงไปบรมสุขไม่ต้องถาม ถามพระพุทธเจ้าถามหาบรมสุขหาอะไร จ้าแล้วเป็นอันเดียวกันหมดเลย นี่ละธรรมให้พากันอุตส่าห์พยายาม
การปฏิบัติธรรมไปวัดไปวาไปทางศาสนา เลยกลายเป็นเรื่องของกิเลสพาไปๆ ไม่ได้เป็นธรรมพาไป ไปพอเป็นพิธีรีตอง ไปเพื่อเอาหน้าเอาตา มันไปอย่างนั้นนะเดี๋ยวนี้ไปวัดไปวา ไปเอาจริงเอาจังกับความดีงามทั้งหลายซิ ฟัดกิเลสให้มันขาดสะบั้นลงไปจากใจ นั่นละไปวัดไปวาไปแท้ ไปหาศีลหาธรรมจริงๆ ไม่ใช่ไปขวางอรรถขวางธรรมขวางวัดขวางวาขวางครูขวางอาจารย์นะ ไปแบบนั้นเป็นเทวทัตเข้าวัด เข้าใจเหรอ เข้าไปวัดแล้วเป็นเทวทัตไปละ จำให้ดีเราไม่อยากพูดมากเทวทัตมันเต็มวัดป่าบ้านตาด ตั้งแต่หลวงตาบัวลงไปเป็นเทวทัตเป็นขั้นๆ ตอนๆ ไปเลย พูดไปมากมันก็ขายหน้าตัวเอง วันนี้พูดเพียงเท่านี้ละ เอาละพอ
รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th
และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร
FM 103.25 MHz |