เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๖ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๙
คำสอนของผู้สิ้นกิเลส
(นายสุดสยาม จันทรทิพย์ ทำจดหมายขออนุญาตนำเสียงและภาพหลวงตาลงในเคเบิลทีวีที่อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่) ตะกี้นี้ว่าศาสนาอะไรทะเลาะกัน (ที่อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ พวกกะเหรี่ยงเขานับถือสองศาสนา มีคริสตศาสนากับพุทธศาสนา ฝ่ายคริสตศาสนาไม่เข้าใจเรื่องพุทธศาสนาแล้วทำบางสิ่งบางอย่างเป็นการดูหมิ่น พวกกะเหรี่ยงพุทธศาสนาสงสารจึงอยากให้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง ไม่เป็นบาปเป็นกรรม จึงขออนุญาตสร้างสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน เพื่อฟังกันได้ทั้งคริสต์ทั้งพุทธ)
เรื่องศาสนานี่มีมาดั้งเดิม ของจริงกับของปลอมเคียงข้างกันมาตลอด จะตำหนิอะไรก็ตำหนิไม่ลง เช่นใจของเรากิเลสกับธรรมก็อยู่ในใจดวงเดียวกัน ถ้าตำหนิว่ากิเลสก็พยายามเร่งธรรมที่เป็นมงคลโดยลำดับจนกระทั่งมงคลสูงสุด เข้าในกายวาจาใจฝึกหัดดัดแปลงตนเอง นี่เรียกว่าสายของธรรม สายของกิเลสมันบอกว่าขี้เกียจขี้คร้าน มันอยู่ในใจเรานี่ละ ขี้เกียจขี้คร้านไม่เชื่อถือ เรียกว่ามันเก่งกว่าศาสดา กิเลสต้องเก่งกว่าศาสดาเสมอ ทั้งๆ ที่ไม่เก่งมันก็ยกเอาว่าเก่งของมันอย่างนั้น อันนี้ก็มีมาดั้งเดิม
พระพุทธเจ้าเวลาสุภัททปริพาชกที่เข้ามาทูลถามปัญหานั้น ก็มีเรื่องศาสนานี่เหมือนกัน พระองค์ก็ไม่ว่าเพราะไม่พ้นคำว่ากรรมของสัตว์ สุภัททะคนนั้นก็เป็นพวกชาวอริยกะเหมือนกันกับพระพุทธเจ้า แต่เป็นรุ่นลูกรุ่นหลาน พราหมณ์คนนั้นถืออายุแก่กว่าเป็นขั้นปู่ขั้นทวดไปนั่นแหละ ครั้นเวลาจะถามปัญหากับพระพุทธเจ้าก็เห็นว่าเป็นรุ่นลูกรุ่นหลาน ไม่สมเกียรติเราที่เป็นพราหมณ์อริยกะด้วยกัน แต่เราแก่กว่า ก็เลยถือทิฐิมานะไม่ถาม พระองค์ไม่ถือสานะ จวนจะถึงวันปรินิพพานแล้วพระองค์ก็เสด็จเข้าไปที่จะปรินิพพานที่กุสินารา
พราหมณ์แก่คนนี้ก็เลยพิจารณาทบทวนเรื่องวัยเรื่องอะไร ว่าแก่ว่าอ่อนว่าอะไรกับเรื่องคุณธรรม คุณธรรมนี่สูงสุดอยู่แล้ว โลกเขาร่ำลือกันว่าศาสดาองค์นี้เป็นศาสดาเอกในโลกทั้งสามไม่มีใครเสมอ เพียงเราชาติอริยะด้วยกันแก่กว่าเพียงเท่านี้เราจะไปแข่งคุณธรรมของพระพุทธเจ้าที่เป็นชาติอริยกะด้วยกัน แต่เป็นลูกเป็นหลานนี้ไม่สมควร วันนี้ท่านก็จะมาปรินิพพานด้วย พระพุทธเจ้ารับสั่งอะไรไม่เคยผิดเคยพลาด วันนี้ท่านจะเสด็จมาปรินิพพานที่นี่ด้วย ก็ต้องเป็นวันนี้เป็นวันนิพพานของพระพุทธเจ้าโดยตรง
ถ้าเราจะถือทิฐิมานะอยู่อย่างนี้ก็จะเสียเวล่ำเวลาตายทิ้งเปล่าๆ เลยตัดสินใจ เรื่องแก่เรื่องอ่อนอะไรไม่เอา เอาคุณธรรม ว่าศาสดาองค์เอกนี้มีคุณธรรมสูงส่ง เทวบุตรเทวดา อินทร์ พรหม กราบไหว้ทั้งนั้น แต่เราว่าเป็นอริยกะอายุพรรษาแก่กว่าเท่านี้ไม่เห็นใครมากราบ เขากราบพระพุทธเจ้า เทวบุตรเทวดาอินทร์พรหมทั้งหมดกราบทั้งนั้น เราที่ว่าแก่กว่าๆ ว่าเก่งกว่าดีกว่านั้นไม่เห็นใครมากราบ ว่าอย่างนั้นนะ เป็นคติดี ถ้าเราจะถือทิฐิมานะอยู่อย่างนี้แล้วเราก็จะเป็นอย่างนี้ตลอดไป วันนี้ก็เป็นวันปรินิพพานของพระพุทธเจ้าจะเสียผลประโยชน์อันยิ่งใหญ่ไปเสีย อย่างไรตัดสินใจ เอาคุณธรรมเป็นเหตุ ไม่เอาอริยกะ เอาวัยเอาอายุพรรษามาเป็นใหญ่
พอเข้าไปหาก็ทูลถามเรื่องศาสนา ศาสนานี้ก็มีมากมายไม่ทราบจะให้นับถือศาสนาใด ใครก็ว่าศาสนาของตัวดีๆ พระองค์ก็ตรัสเป็นกลางๆ นะ เออ เอาละไม่ต้องถามเรามาก เวลาเรามีน้อย นั่นฟังซิน่ะ เวลามีน้อย ถึงสว่างก็เป็นระยะที่จะนิพพานแล้ว อย่าถามมากนัก ศาสนาใดมีมรรคแปด มีอริยสัจ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค มรรค ๘ ก็มีสัมมาทิฏฐิ เป็นต้น ศาสนานั้นจะเป็นศาสนาที่ทรงไว้ซึ่งมรรคซึ่งผล สมณะที่หนึ่งพระโสดา สมณะที่สองพระสกิทาคา สมณะที่สามพระอนาคา สมณะที่สี่คือพระอรหัตบุคคลจะอยู่ในศาสนานี้
แล้วก็รับสั่งให้ปฏิบัติตามที่สอนย่อๆ แล้วให้ไปบำเพ็ญ ให้ได้เป็นปัจฉิมสาวกของเราตถาคตในคืนวันนี้ พร้อมกันกับการปรินิพพานของเรา พอสอนแล้วรับสั่งให้พระอานนท์บวชให้ พอบวชแล้วก็ปฏิบัติ อย่ามายุ่งกับเราตถาคต ความเป็นความตายมีหนักเต็มตัวอยู่ทุกคน ความเป็นความตายนี้แลเป็นหินลับปัญญา ให้นำความเป็นความตายเป็นเครื่องกระตุกใจไม่ให้ลืมเนื้อลืมตัวนี้ไปปฏิบัติตน ให้ได้เป็นสาวกองค์สุดท้ายในคืนวันนี้ ว่าอย่างนั้น ให้ไปปฏิบัติประกอบความพากเพียร อย่ามายุ่งกับการเป็นการตายของเรา ให้ดูการเป็นการตายของเจ้าของนั้นแหละจะเป็นหินลับปัญญา
ผู้นี้ก็ไปบำเพ็ญบรรลุธรรมขึ้นมา ในวันเวลาเดียวกันกับที่พระพุทธเจ้าปริพพาน ที่เรามาที่นี่เราก็มาเพื่อพราหมณ์คนนี้แหละ พระองค์ไม่ได้ถือสีถือสานะ ว่าพราหมณ์คนนั้นเป็นอริยกะ ท่านเป็นหลานอริยกะ ท่านไม่ได้ว่า ท่านเอาธรรมที่เลิศเลอมาสอน จนกระทั่งพราหมณ์คนนี้ได้บรรลุเป็นปัจฉิมสาวก นี่พูดถึงเรื่องศาสนา ความผิดความถูกมีติดกันมาดั้งเดิม เราจะไปตำหนิอะไร
แม้แต่ธนบัตรปลอมก็มี ธนบัตรจริงก็มี มีมาอย่างนี้แทรกกันมาให้คัดเลือกเอา ผู้มีสติปัญญานั้นน่ะเป็นผู้ที่จะคัดเลือกได้ของจริงมาใช้เป็นประโยชน์แก่ตน ถ้าสุกเอาเผากินแล้วจะไม่เกิดประโยชน์อะไร ให้พากันจำเอาเท่านั้นแหละ เรื่องศาสนานี้ใครก็ว่าของใครดีทั้งนั้นๆ แต่ถ้ารวมแล้วก็ว่าศาสนธรรมกับศาสนกิเลสนี้ต่างกัน ศาสนกิเลสคนมีกิเลสเป็นเจ้าของศาสนา ศาสนานั้นศาสนานี้มีเจ้าของของศาสนานั้นๆ แต่เจ้าของนั้นเป็นคนมีกิเลส ส่วนพระพุทธเจ้าเป็นเจ้าของพุทธศาสนานี้เป็นศาสนาของผู้สิ้นกิเลสแล้ว ต่างกันตรงนี้
เพราะฉะนั้นการแนะนำสั่งสอนจึงแม่นยำต่างกัน เช่นคำสอนของพระพุทธเจ้านี้ ออกมาปั๊บว่าสฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว ไม่มีที่คัดค้านต้านทานตรงไหนว่าจะบกพร่องไป เป็นความถูกต้องดีงาม ขอให้นำธรรมะนี้ไปปฏิบัติเถิด แล้วจะเห็นผลเป็นลำดับลำดาไป นี่เริ่มเป็นสวากขาตธรรมแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นคำสอนของผู้สิ้นกิเลส สอนคำใดออกมามีแต่คำสอนเพื่อสิ้นกิเลสๆ ให้ตามเสด็จพระพุทธเจ้า
จึงว่าพุทธศาสนาเป็นศาสนาของท่านผู้รู้ ใครจะคัดเลือกเอาอะไรให้พินิจพิจารณา คำว่าศาสนาใครชอบอะไรก็ว่าของตัวดีๆ กันทั้งนั้นแหละ แต่ถ้าใช้สติปัญญาแล้วจะได้ของดีมาเป็นประโยชน์แก่ตนนำเอาไปปฏิบัติ อย่างที่เขาคัดค้านกันอยู่เวลานี้ ที่ว่าศาสนานั้นศาสนานี้ก็คือไม่ลงกัน ถ้าสรุปลงแล้วคริสตศาสนาเป็นศาสนาของใคร เท่านั้นก็รู้แล้ว ใครเป็นเจ้าของศาสนา ต้นลำร่องรอยมาจากไหนๆ มาเป็นเจ้าของศาสนา เป็นตนเป็นตัวของศาสนานั้นเป็นใคร มีหลักมีเกณฑ์หรือไม่
ทีนี้พุทธศาสนาเป็นมาอย่างไร มีหลักมีเกณฑ์มีร่องรอยมาอย่างไร อ่านตามร่องรอยจนกระทั่งเข้าถึงตัวจริง ได้แก่พระพุทธเจ้าของเรา ถ้าเราพินิจพิจารณาตามนี้แล้วเราจะได้ของดีมาเป็นมงคลแก่เรา ถ้าคว้าเอาๆ ชอบใจแล้วคว้าเอา คว้าผิดๆ พลาดๆ ทั้งนั้นแหละ พวกเราทั้งหลายก็เหมือนกันว่าแต่ตัวถือพุทธศาสนาๆ ผีของศาสนามันอยู่ในใจรู้ไหมล่ะ ความขี้เกียจขี้คร้านก็เป็นผีตัวหนึ่ง ความท้อแท้อ่อนแอเป็นผีตัวหนึ่ง ความไม่เอาไหน วันนี้เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าพักนอนเสียก่อนดีกว่า นี่ก็เป็นผีตัวหนึ่ง ผีมาแทรกอยู่กับเราทุกคนจะไปตำหนิใครไม่ได้นะ แม้ว่าถือพุทธศาสนาผีมันก็แทรกอยู่ในพุทธศาสนา
พากันจำเอานะ ให้ไปคัดเลือกเอา จะให้เราบอกเราคัดเลือกนี้ทีนี้ลูกศิษย์มันหลายคน ถ้าคัดเลือกให้คนหนึ่ง คนหนึ่งก็จะเสียใจ ว่ารักคนนั้น ว่าเกลียดคนนี้ ว่าชังคนนั้น ตกลงบรรดาลูกศิษย์มันมากต่อมากเถียงอาจารย์ อาจารย์เลยเป็นเนื้อบนเขียงถูกสับถูกยำแหลกหมด เข้าใจไหม ในวงพุทธศาสนานั้นแหละ ให้จำเอานะ พูดย่อๆ เพียงเท่านี้
เรื่องเขาจะไปตั้งวิทยุเอาธรรมของเราออกเราเห็นด้วย เราไม่ได้แกล้งยอเรา คำยอคำติเป็นเรื่องโลกธรรม เป็นสมมุติทั้งหมด ธรรมที่สมบูรณ์แบบแล้วคือธรรมพระพุทธเจ้า สมบูรณ์แบบทุกอย่าง ตรัสออกมาก็เป็นสวากขาตธรรม ตรัสไว้ชอบ รื้อขนสัตว์ให้หลุดพ้นจากทุกข์ไปได้โดยลำดับถึงนิพพาน ด้วยคำสอนพระพุทธเจ้าทั้งนั้น ให้ยึดเอานี้เป็นหลักก็แล้วกัน วันนี้คนก็มามาก มากทุกวันแหละสำหรับวัดนี้คน มามากทุกวัน ตอนเช้าก็ต้องได้เทศนาว่าการให้ฟัง ออกวิทยุทั่วประเทศไทย พูดอยู่เวลานี้ออกทั่วประเทศไทย ออกเป็นระยะๆ จากนี้ก็ออกแล้ว พอสายๆ กว่านี้ออกอีก ตอนค่ำออกอีก ตอนเช้าออกอีกเรื่อยๆ ก็ดี
หูเรามีเสียงอรรถเสียงธรรมเข้าแทรกๆ หูเป็นมงคล ใจมีเสียงอรรถเสียงธรรมเข้าซึมซาบถึงใจ ใจก็เป็นมงคล อย่าให้มีแต่ความขี้เกียจขี้คร้านท้อแท้อ่อนแอเข้าไปแทรกไปแซงมันเผาหัวใจ ดังที่พูดตะกี้นี้เข้าใจไหม นั่นศาสนาผีไม่ใช่ศาสนาพุทธ พุทธมันขับไล่ออก ผีขี้เกียจขี้คร้านความท้อแท้อ่อนแอไม่เอาไหนเข้าแทน พวกเรามีแต่พวกศาสนาผีเข้าแทนทั้งนั้นแหละ พุทธเผ่นหนีไปไหนไม่รู้ เท่านั้นแหละ
สายแล้ว ออกจากนี้เราก็ทำประโยชน์ของเรา ทำตลอดจนกระทั่งหมดลมหายใจแล้วดีดผึงเลย ทำให้มันแน่ใจพี่น้องทั้งหลาย พระพุทธเจ้าเป็นที่แน่ใจของสัตว์โลก คำสอนเป็นที่แน่ใจของสัตว์โลก ให้นำคำสอนมาปฏิบัติตัวเองๆ โดยลำดับลำดาจะเป็นที่อบอุ่น แล้วต่อไปก็แน่ใจๆ ผึงเลย นี่ละคำสอนของพระพุทธเจ้าไม่ได้มีเอนมีเอียง ลูบๆ คลำๆ คว้าโน้นคว้านี้นะ คำสอนพระพุทธเจ้าขอให้ยึดเถอะจะเป็นหลักของใจ ดีดผึงเลย เอาละให้พร
รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th
และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร
FM 103.25 MHz |