เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑๘ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๔๙
เรื่องของเราอย่ามาวินิจฉัย
ก่อนจังหัน
พระที่ดีนี้หายากนะไม่ใช่หาง่ายๆ พระดีคนดีหายาก ให้ย้อนเข้ามาหาตัวเอง หาพระที่ไหนจะดีให้ดูตัวเอง หาคนดีใครจะดีให้ดูตัวเอง ไปดูที่อื่นเลอะเทอะไปหมด ถ้าย้อนเข้ามาดูตัวเองจะเจอคนดี คัดเลือกเฟ้นเจ้าของตลอดเวลาจนเคยชินต่อนิสัยในการเลือกเฟ้นตัวเองนั่นละจะดีๆ อยู่ที่ไหนดีหมดเย็นหมด ธรรมพระพุทธเจ้าท่านเรียกว่าเลิศเลอในโลกทั้งสาม อะไรเข้ามาสัมผัสใจนี้จะไม่ค่อยยอมรับแหละ สมบัติเงินทองข้าวของมีมากมีน้อยกองเท่าภูเขา เอามายกให้หัวใจ หัวใจรับไม่ได้ ไม่พ้นที่จะแบกกองทุกข์อยู่โดยดีๆ
ยศถาบรรดาศักดิ์มีมากน้อยเพียงไรก็เหมือนกัน ยกให้จิต แทนที่จิตจะรับด้วยความภาคภูมิใจ รับไม่ได้นะ รับไม่ได้ยังไง ก็พวกที่มีเหล่านี้มีแต่พวกแบกกองทุกข์ทั้งนั้น ย้อนเข้ามาหาธรรมปั๊บทีเดียว ธรรมมีมากน้อยในหัวใจชุ่มเย็นๆ ธรรมจึงเป็นที่ตายใจของโลก ถ้าธรรมได้เข้าสัมผัสใจเรียกว่าสมบัติอันล้นค่าได้เริ่มเข้าสู่หัวใจแล้ว หัวใจจะมีความสงบเย็นสบายๆ วัตถุภายนอกเอาอะไรไปป้อนมันก็เอาเถอะน่ะ ก็เหมือนไสเชื้อให้ไฟ ไสเข้าไปไฟจะดับด้วยเชื้อไม่มี มีแต่แสดงเปลวจรดเมฆๆ
ไสวัตถุต่างๆ เข้าไปสู่ความโลภได้ไม่พอนี้ ไสเข้าไปเท่าไรหมดๆ ไม่มีเหลือละ ให้เอาธรรมแก้กัน ถ้าธรรมมีภายในใจจะเริ่มสงบเย็น เริ่มพอๆ ๆ เรื่อยไปจนกระทั่งถึงนิพพานเมืองพอที่เลิศเลอ จุดที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนมีจุดที่พอ พอจนกระทั่งพออย่างเลิศเลอ ให้กิเลสพาหาไม่มีคำว่าพอ ไปที่ไหนมีแต่คนเสาะแสวงหาความสุข ดีดดิ้น แล้วมีตั้งแต่ความทุกข์เป็นฟืนเป็นไฟทั่วโลกดินแดน นี่กิเลสพาหาดูเอา ถ้าธรรมพาหาแล้วจะมีความสงบร่มเย็น
โลกเรานี้ขอให้มีธรรมเข้าแทรกในหัวใจของโลกเถอะ จะอยู่ร่วมกันเป็นผาสุกๆ ไม่มีคำว่าชาติชั้นวรรณะฐานะสูงต่ำ ธรรมแทรกเข้าตรงไหนจะตายใจกันทันที สงบร่มเย็น พึ่งเป็นพึ่งตายกันได้โดยไม่ต้องสงสัย ถ้าธรรมเข้าที่ตรงไหนชาติชั้นวรรณะไม่มี มีแต่ความเห็นอกเห็นใจซาบซึ้งถึงกันทันทีๆ นี่ละธรรมเข้าที่ไหน ถ้าเรื่องกิเลสเข้าไปตรงไหนเย่อหยิ่งจองหองพองตัว เหยียบย่ำทำลายคนอื่นเขามากเข้าๆ นี่ละกิเลสไปไหนพองตัวๆ ถ้าธรรมไปไหนไม่มีคำว่าพอง มีแต่ความเมตตาสงสาร ใครจะว่าอะไรๆ ก็ตามอำนาจแห่งความสงสารนี้เหมือนพ่อแม่กับลูกตัวเล็กๆ นั่นแหละ ทั้งจะกัดจะข่วนจะอะไร พ่อแม่มีแต่โอ๋ๆ ใครไปถือสากับเด็ก พ่อกับแม่มีแต่โอ๋ๆ ตลอด
นี่ละธรรมของผู้ทรงธรรมกับสัตว์โลกจึงเป็นเหมือนเด็ก ผู้ทรงธรรมนั้นเหมือนผู้ใหญ่เหมือนพ่อเหมือนแม่ของเด็ก มีแต่โอ๋ๆ ท่านจะไม่ถือสีถือสา มีแต่ความเมตตาสงสาร นี่ละธรรม ท่านทั้งหลายจำให้ดี ให้เสาะแสวงหาเหล่านี้เข้าสู่ตัวเอง กลางวี่กลางวันกลางค่ำกลางคืนที่ไหนก็ตาม อยู่ที่ไหนจิตสงบร่มเย็นๆ ให้มีธรรมติดกับหัวใจ เช่น พุทโธ เป็นต้น เย็นสบายๆ นะ
พระพุทธเจ้าก็เป็นจอมปราชญ์เสียด้วย มอบธรรมะให้มันไม่อยากรับ มันสู้กองมูตรกองคูถของกิเลสไม่ได้ ไปที่ไหนจึงมีแต่มูตรแต่คูถของกิเลส ขี้โลภ ขี้โกรธ ขี้หลง ขี้ราคะตัณหา นี่คือขี้ของกิเลส โลกชอบกันนักทีเดียว ชอบเท่าไรก็มีแต่ความทุกข์ ความทะเยอทะยานความดีดความดิ้น หาความสุขไม่มี ให้จำเอา เอาธรรมไปปฏิบัติ จะปรากฏเป็นความสงบร่มเย็นสบายขึ้นที่ใจเรา
ธรรมที่พระพุทธเจ้ามอบให้นี้เลิศเลอสุดยอดแล้ว ไม่มีผู้ใดศาสดาใดในโลกนี้ที่จะมอบอรรถมอบธรรมให้เหมาะสมแก่สัตว์โลกยิ่งกว่าพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ๆ ให้พากันจดจำนำไปปฏิบัติ เราจะได้ธรรมครองใจ จะสบาย ที่หาความสุขกัน ดิ้นเป็นบ้ากันตั้งแต่ตื่นนอนกระทั่งหลับไม่เจอนะ ถ้ามีธรรมแทรกเข้าไปๆ จะเริ่มเจอ สมบัติเงินทองข้าวของก็ได้ ธรรมก็ได้ ธรรมกับสมบัติเงินทองข้าวของอยู่ด้วยกันเย็นได้ ถ้ามีแต่สมบัติเงินทองชื่อเสียงอยู่ในตัว นั่นเรียกว่าตื่นอารมณ์บ้าอารมณ์ บ้าอำนาจบ้าวาสนา บ้ามั่งบ้ามีบ้าเหยียบคนอื่น กิเลสเป็นอย่างนั้น ถ้าธรรมไม่เหยียบ ไม่มีคำว่าเหยียบเลย มีแต่โอ๋ๆ เรื่อยแหละธรรม จำให้ดีทุกคน ให้พร
หลังจังหัน
เราคิดถึงเราเป็นไข้อยู่ในภูเขา ไข้มาลาเรีย ไข้มาลาเรียนี้ฉันพริกไม่รู้จักเผ็ด จนกระทั่งได้ทราบชัดเจนว่า อ๋อ พริกนี่มันฝาด ที่ว่าเผ็ดไม่มีฤทธิ์มีเดชเลย ปรากฏเด่นชัดว่าพริกนี้ฝาด แต่ก่อนรู้แต่ว่าพริกนี้เผ็ดๆ แต่อำนาจไข้มาลาเรียนี้ฉันพริกไม่เผ็ด แล้วสุดท้ายพริกนี้ฝาด นอกจากไม่เผ็ดแล้วยังฝาด รู้ชัดพริกนี้ฝาด เดี๋ยวนี้แตะไม่ได้นะ กับพริกนี้แตะไม่ได้ มันเปลี่ยนของมันเอง ที่จำไม่ลืมที่อยู่ในภูเขา เวลานั้นอดพริกด้วย พวกตลาดสกลนครเขาไปซื้อพริกที่ภูเขากับพวกอยู่ในภูเขา เขาขายช้อนละบาทพริกนะ ขายช้อนละบาท ช้อนละบาทก็เอา ก็มันไม่มีจริงๆ ทางสกลนครเขาบอกไม่มีจริงๆ จะทำไง เท่าไรก็เอา ช้อนละบาทก็เอา แต่เขาก็เห็นใจกันไม่ได้เอาช้อนละบาทแหละ ทีแรกเขาว่าจะเอาช้อนละบาท เท่าไรก็เอาเขาว่างั้น ก็มันไม่มีจริงๆ จะทำไง เงินบาทมันกินแทนพริกไม่ได้นี่นะ สุดท้ายเขาก็ให้กันมา
คือพวกในป่าในเขาเขาทำไร่พริก พริกมากที่สุด จึงได้ไปฉันพริกที่นั่น ตอนนั้นกำลังไข้มาลาเรียกำเริบ ไข้มาลาเรียนี้ฉันพริกไม่เผ็ด สุดท้ายพริกนี้ฝาด ตอนมันเก่งๆ ฉันพริกไม่เผ็ดก็เห็นแล้ว ตอนนี้แตะไม่ได้เลยก็เห็นประจักษ์ เผ็ดจริงๆ เป็นไฟไปเลยเดี๋ยวนี้ เป็นอย่างนั้น รู้ได้ชัดว่าเวลานี้แตะพริกไม่ได้ เผ็ดเป็นกำลัง จึงทำให้คิดถึงที่อยู่ในภูเขา ฉันพริกนี้ไม่รู้จักเผ็ด จนกระทั่งได้รู้ชัดรสของมันอย่างแท้จริงพริกที่ว่าเผ็ดนี้มันอยู่นอกๆ นะ รสมันจริงๆ ฝาด คือมันไม่เผ็ด ฝาดไปเลย จากสกลนครเขาขึ้นไปซื้อพริกบนภูเขา พวกเขาขายพริกอยู่บนภูเขา เขาก็ยอมรับว่าไม่มีจริงๆ จะทำไง ปีอดอยากมันอดจริงๆ บอกว่าไม่มีจริงๆ เท่าไรก็เอา เขาว่างั้น เขาบอกว่าจะขายให้ช้อนละบาท เท่าไรก็เอาจะทำไงมันไม่มี กินเงินแทนพริกไม่ได้นี่เขาว่า สุดท้ายเขาก็ขายกันธรรมดา เขาขู่กัน เอาช้อนละบาท โอ๊ย เท่าไรก็เอาทั้งนั้นมันไม่มีจะว่าไง
พริกรสของมันจริงๆ มันฝาด เผ็ดนี่อยู่นอกๆ ข้างในของมันจริงๆ ฝาด พริกนี้ฝาด เราได้ไปฉันแล้วในภูเขา จึงได้รู้ว่า เอ๊ พริกนี้จะว่าแต่มันเผ็ดๆ เวลาเข้าถึงตัวมันจริงๆ แล้วมันฝาดหนา มันไม่ได้เผ็ด ไข้มาลาเรียนี่ฉันพริกไม่เผ็ด เรานี้โดนอยู่ตลอด ฟังหมอเขาว่าถ้าอยู่ที่เก่าแล้วไข้มาลาเรียมันก็ไม่เป็นอีก แต่เรามันไม่อยู่ที่เก่านั่นซี เดี๋ยวย้ายโน้นย้ายนี้ มาลาเรียจึงติดตามตลอดเลย ไปที่ไหนมีแต่มาลาเรีย ไข้มาลาเรียเป็นที่หนึ่งละ
ตั้งแต่มาสร้างวัดนี้ดูเหมือนไม่เป็นนะ พระทั้งหลายก็ไม่เป็น วัดป่าบ้านตาดนี่ไม่ปรากฏว่าพระเป็นไข้มาลาเรียกัน ก็คือหมอลูกศิษย์ลูกหานั่นละเขาเอายากันไข้ป่ามาให้ เป็นกระปุกนะ เราแจกพระให้ฉันกันไข้มาลาเรียไข้ป่า ก็ไม่ปรากฏว่าไข้ป่ามีตั้งแต่นั้นมา อาจจะเป็นเพราะยานี้ก็ได้ เขาบอกว่าฉันกัน ไม่ใช่ฉันแก้นะ ฉันกัน จะไม่เป็นไข้มาลาเรีย ไข้ป่าไม่เป็น เรามานี่เขาเอามาถวายก็แจกพระทั่วทั้งวัด แล้วก็ไม่ปรากฏว่าวัดนี้เป็นไข้มาลาเรีย ไม่ค่อยเห็นมี
เราเองก็ตัวเก่งมาลาเรีย มาที่นี่เราก็ไม่เห็นเป็น แต่ก่อนเป็นทั้งนั้นแหละ ไปอยู่ที่ไหนมาลาเรียเต็มตัวๆ ก็มันไม่ได้สนใจกับไข้กับหนาวอะไร คือมันสนใจแต่อรรถแต่ธรรมๆ ที่ไหนสะดวก ที่ไหนภาวนาดีๆ นั่นละที่นั่นๆ ไอ้เรื่องเจ็บไข้ได้ป่วยด้วยโรคนั้นโรคนี้มันไม่ได้สนใจนะ คือน้ำหนักของจิตกับธรรมมันเต็มหัวใจ ทีนี้สิ่งภายนอกมันก็ไม่เป็นอุปสรรคได้ แต่ทุกวันนี้ดูไม่ค่อยมีนะมาลาเรีย ไปที่ไหนดูไม่ค่อยปรากฏว่ามีไข้มาลาเรีย แต่ก่อน โอ๋ย ชุม อยู่ในป่าในเขาพวกไข้มาลาเรีย ไอ้เราตัวเก่งละไข้มาลาเรีย
แม้แต่มาอยู่หนองผือก็เป็นไข้มาลาเรีย ระยะนั้นกำลังเป็นไข้ กลางคืนฝนตกฟ้าลงๆ ตกหนักเสียด้วย ไอ้เราก็อยู่แคร่เล็กๆ ลุกไม่ขึ้น นั่นละกำลังมาลาเรียฟัดเต็มเหนี่ยวละ ที่ไม่ลืมก็คือพอสว่าง เห็นไหมล่ะ นั่นละจอมปราชญ์ พอสว่างธรรมดาท่านจะได้ยินเสียงไม้กวาด แต่วันนั้นพอสว่างไม่ได้ยินเสียงไม้กวาดท่านลงมาเอง พระไปไหนหมดๆ นั่นเห็นไหมล่ะกลางวัดหนองผือ ทำไมไม่เห็นปัดกวาดกัน พระไปไหนหมดๆ เรื่อย
สักเดี๋ยวปั๊บมา พระเณรก็วิ่งไปหาท่าน ท่านมหาไปไหน ท่านเป็นไข้ ขึ้นทันทีเลย เหอ มหาป่วยคนเดียววัดร้างไปหมดเชียวเหรอ นั่นเอาละนะ ท่านมหาไปไหน ถามหาเรา พอว่าท่านเป็นไข้เท่านั้น เหอ ท่านมหาเป็นไข้คนเดียววัดร้างไปหมดเชียวเหรอ คือเราจะออกก่อนเพื่อนๆ ทีนี้พอสว่างไม่ได้ยินเสียงไม้กวาดท่านลงมาเอง เป็นอย่างนั้นละจอมปราชญ์ วันนั้นเราลุกไม่ขึ้น ทีนี้พอสายมานี่ดูจะตอนเที่ยงหรือตอนบ่ายท่านให้พระเอายามาให้เรา ยาแก้ไข้มาลาเรีย ท่านให้พระเอายามาให้เรา เรามันก็จะเด็ดจะดื้อจะด้านหรืออะไรก็แล้วแต่จะพิจารณาเถอะ เราไม่ฉัน พระก็ถือกลับไปหาท่าน
ท่านทราบว่าเราไม่ฉันท่านถือมาเอง มาในแคร่นั่นนะ มันถึงกันดีลูกศิษย์กับอาจารย์ ตัวนี้มันรุนแรงอยู่นะ กับพ่อแม่ครูจารย์ฟัดกันเหมือนมวยแชมเปี้ยน ของเล่นเมื่อไร เราสืบถามดูว่าบรรดาลูกศิษย์ของพ่อแม่ครูจารย์มั่นรุ่นต่างๆ มาโดยลำดับนี้ รุ่นไหนที่เถียงครูอาจารย์เก่ง บอกไม่มีรุ่นไหน มีองค์เดียวนี้ เราจริงๆ มีเรา เรายอมรับทันที คือหาของจริง เรื่องทิฐิมานะแพ้ชนะไม่มีละ แต่หาความจริง คือถ้ามันไม่ลงใจการปฏิบัติมันก็ไม่ลงใจ ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย คาราคาซัง ถ้าลงตรงไหนแน่แล้วทีนี้พุ่งเลย นี่ละที่เอาเอาตรงนี้นะ
ท่านเอายาให้พระมาให้เรา เราบอกไม่ฉัน พระนั่นถือกลับไป แล้วกลับมาท่านถือมาเองนะคราวนี้ ไหนมันไข้ยังไง มันจะเก่งกว่ายาไปไหน ท่านว่าอย่างนั้น ฟังซิอุบายจอมปราชญ์ มันจะเก่งกว่ายาไปไหนไข้นี่น่ะ เอา ยานี้ยาเมืองสวรรค์สู้ไม่ได้ หายหมดโรค เอ้า ฉันเดี๋ยวนี้หายเดี๋ยวนี้เลย ท่านว่าอย่างนั้นเราไม่ลืม ก็ท่านเอามาให้เอง ท่านยื่นให้เอง คนนอนอยู่ก็ฉัน เอาๆ หายเดี๋ยวนี้เลย เราก็เอามาฉัน พอฉันเสร็จแล้วตั้งแต่นั้นจนกระทั่งบัดนี้ท่านก็ไม่เคยถามถึงเรื่องยาเป็นยังไง ไอ้เราก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องยาว่าหายหรือไม่หาย มันพอๆ กัน ท่านก็พูดของท่านต่างหาก
นี่เราก็จำได้ตั้งแต่ที่เราเขียนในประวัติท่านหรืออะไร ที่ท่านอาจารย์มหาทองสุก นั่นน่ะเป็นมหาๆ บางคนอาจจะมาเข้าใจว่าเรา คือตอนนั้นเรายังไม่ได้เป็นมหา เวลาท่านไข้จิตใจท่านรู้สึกจะอ่อนเป็นธรรมดา นี่ท่านขู่ ดังที่เขียน ให้เอาเครื่องแต่งตัวของผู้หญิงมานุ่งห่มแทนเครื่องแต่งตัวของพระให้เป็นผู้หญิงไปเสีย ทำไมมันอ่อนแอนักหนา เป็นขนาดมหา ทางนั้นร้องไห้ ท่านอาจารย์มหาทองสุกร้องไห้ นี่อยู่บนภูเขาเชียงใหม่นะ
ท่านไปดู อ๋อ นี่ไม่ได้ผล เห็นไหมล่ะ ท่านทดลองดูอันนี้ไม่ได้ผล ดุใหญ่นึกว่าท่านจะได้กำลังใจ คือบอกให้เปลี่ยนเครื่องแต่งเนื้อแต่งตัวเอาของผู้หญิงมาใส่ ของพระนี่โละให้หมด เพราะเพศของพระเป็นเพศที่เด็ดเดี่ยวอาจหาญ อันนี้มันอ่อนแอเหลือเกินเหมือนผู้หญิง ให้เอาเครื่องแต่งตัวผู้หญิงมาเปลี่ยน ท่านว่าอย่างนั้น ท่านขู่ อย่างนั้นละจอมปราชญ์
ทีนี้ขู่แล้วทางนั้นร้องไห้เลย ท่านอาจารย์มหาทองสุกร้องไห้ ท่านดูไม่ได้ผล เปลี่ยนใหม่ ทีนี้ไอ้ที่เด็ดเดี่ยวไม่มี มีแต่อย่างนั้นอย่างนี้ดี นั่นเห็นไหม นี่ละนิสัยของจอมปราชญ์ฝึกฝนทรมาน ท่านจะเอาใจต่างหาก เรื่องเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นธรรมดา แต่ใจอ่อนแอเข้มแข็งเป็นสำคัญ เป็นถึงมหาใครก็อาจจะคิดว่าเป็นเรา ไม่ใช่เรา ก็ตอนนั้นเรายังไม่ได้เป็นมหา ท่านอยู่บนเขาด้วยกันกับพ่อแม่ครูจารย์มั่น
ที่เขาว่าท่านเป็นเสือเย็น เขาก็ไม่มีกี่หลังคาเรือน ๕-๖ หลังคาเรือนนั้นละ เขาอยู่บนเขา พวกขมุ มูเซอ เขาอยู่บนเขา เขาห้ามเขาประกาศกันเลย ห้ามไม่ให้ไป ที่นี่เวลานี้มีเสือเย็นมาอยู่นี้สองตัว เขาว่างั้น ก็คืออาจารย์มหาทองสุกกับพ่อแม่ครูจารย์มั่น มีเสือเย็นมาอยู่นี้สองตัวใครอย่าไปนะ แล้วก็นัดกันให้ผู้ชายมาดูเหตุการณ์ต่างๆ ไอ้เรื่องที่พักที่อยู่จะได้อยู่ยังไงเขาไม่สนใจแหละ ลงถึงขนาดเขาว่าเสือเย็นแล้ว ให้คนมาตรวจตราอยู่เรื่อยๆ ท่านก็อยู่ของท่านอย่างนั้น ท่านยังได้เตือน
เห็นไหมล่ะจอมปราชญ์ท่านเป็นไปตามโลกเมื่อไร นี้ท่านภาวนาท่านรู้ โอ๊ย พวกนี้จิตเป็นอกุศลทั้งหมดในหมู่บ้านเขา เป็นเพราะหัวหน้าบ้าน เขากล่าวตู่เราสององค์นี้ว่าเป็นเสือเย็นนะท่านมหา ทีนี้เราจะไปไหนไม่ได้ ถ้าเราไปเวลานี้เขาตายแล้วจะเป็นสัตว์เป็นเสือตกนรกหมกไหม้ไปหมด เราต้องอยู่แก้เหตุการณ์นี้เสียก่อน เพื่อไม่ให้เขาตกนรกหมกไหม้เป็นเสือเป็นสางอะไร ทนเอานะท่านว่า นั่นละท่านก็ทนเอา เขาก็ไปดูเหตุการณ์ ไปทีละสามคนสี่คน เขาไม่ได้เข้าไปไกลละ เขามายืนดู ดู แต่คนโง่ดูคนฉลาด เข้าใจไหมล่ะ คนโง่มาดูจอมปราชญ์คือพ่อแม่ครูจารย์มั่น มาดูแล้วเขากลับไปๆ
นานเข้าก็เลยถาม เป็นยังไงไปดูเหตุการณ์กับเสือเย็นสองตัวนั้นน่ะ ได้เหตุได้ผลอะไรบ้าง คนที่เขามาดูเขาคงจะรำคาญ เขาพูดออกมาอย่างเรียกว่าไม่พอใจ อำนาจแห่งความไม่พอใจมันท่วมท้น ดันออกมาอย่างรุนแรง แล้วเป็นยังไงไปดูเหตุการณ์ว่างั้น เขาก็ตอบว่า จะเป็นอะไรเขาว่างั้นนะ ไปดูเหตุการณ์ เหตุการณ์อะไรก็ไม่ทราบ เขาก็รู้นรกเหมือนกัน เหตุการณ์อะไรก็ไม่รู้ไปดูๆ นี้ เดี๋ยวพวกเราจะตกนรกหมดนะ ว่างั้น เขาก็รู้นรกเหมือนกัน ท่านจะเป็นอะไรท่านก็อยู่ของท่านเฉย เราไปหาท่าน ไปดูท่าน ท่านไม่สนใจกับเราเลย แล้วจะเป็นเสือยงเสือเย็นมาจากไหน ดีไม่ดีพวกเรานี้จะเป็นบาปเป็นกรรม เขารู้บาปกรรม จะตกนรกทั้งเป็นพวกเรานี้น่ะ
พวกที่เขามาดูเหตุการณ์ เวลาหัวหน้าบ้านเขาถาม เขาพูดกระแทกกัน ตอบรับกันออกมาอย่างไม่พอใจ แล้วไปดูท่านอย่างนั้นได้ประโยชน์อะไร ไปถามหาเหตุหาผลซิ ท่านที่มาอยู่อย่างนั้นท่านอยู่ยังไงให้ไปถามซิ ไปดูเฉยๆ นี้ไม่ได้เรื่องราว ดีไม่ดีตกนรกทั้งบ้านเรานะเขาว่า มีคนหนึ่งที่มีแข็งๆ อยู่นั่นมันรำคาญ ก็เลยแก้กันใหม่ เอ้า ถ้างั้นให้ไปถามท่านดู ท่านเป็นยังไงให้ไปถามท่านดู ไปดูเฉยๆ ได้เรื่องได้ราวอะไร แล้วอยู่ๆ ก็ว่าท่านเป็นเสือเย็น ท่านมาอยู่ที่นี่มีอากัปกิริยาของเสือเย็นที่เป็นภัยต่อบ้านเมืองที่ตรงไหนไม่เคยมีว่างั้นนะ ต้องไปถามเหตุถามผลท่านให้ชัดเจนซิ ก็เลยแต่งกันมาใหม่ ทีนี้เข้าถึงท่าน
นี่ตุ๊เจ้าทำอะไร นี่ละตอนต้นเหตุจะเกิดละ นี่ตุ๊เจ้ามาทำอะไร ตุ๊เจ้าเดินไปเดินมากับนั่งหลับตาอยู่นั้น ตุ๊เจ้าทำอะไร ตุ๊เจ้าหาพุทโธ พุทโธหาย นั่นเห็นไหมล่ะจอมปราชญ์ เอ๊ะ พุทโธเป็นยังไง บอกว่าดวงสว่างไสว แล้วหาช่วยได้ไหม ได้ ยิ่งดีๆ นั่นเอาละนะ ให้หาพุทโธช่วย ให้นึกพุทโธๆ อยู่ในนี้ อย่าไปหาไกลๆ ที่ไหน ให้หาตรงนี้ ให้หาตรงหัวอก อยู่กับพุทโธแล้วจะเจอพุทโธที่นั่น เขาก็เลยหมุนใจมาทางนี้ ตุ๊เจ้ายี่เขาเรียกหัวหน้าบ้าน มันเป็นจริงๆ ซิที่นี่ จิตมันเป็นขึ้นมามันสว่างไสว มันไปดูใจหลวงปู่เรา หลวงปู่มั่น พอจิตรวมลงไปแล้วมาดู โอ๊ย มันร้องโก้กเลยตื่นเช้าขึ้นมา
โธ่ๆ ว่าตุ๊เจ้าเรานี้เป็นเสือเย็นๆ ยังไง จิตของท่านสว่างครอบโลกธาตุ นั่นหรือเสือเย็นว่างั้น พวกนี้จะตกนรกกันหมดแล้วจะทำไง รีบไปขอขมาขอโทษขออภัยท่านนะ เราสร้างกรรมหนักแล้วนะ ใจของท่านไม่ได้เป็นอย่างนี้ สว่างไสวครอบโลกธาตุ จะเป็นเสือเย็นอะไร นั่นละเรื่องราวจึงได้มาถามท่าน ท่านก็บอกพุทโธหาย เอาพุทโธนี้ไปภาวนา พอพุทโธปรากฏมันเห็นจริงๆ เสียด้วย จิตตุ๊เจ้านี้สว่างจ้าหมดเลย จิตองค์นี้ยังก็บอก จิตตุ๊เจ้ายี่หัวหน้าบ้านเป็นเสียเอง โถ จิตอัศจรรย์ นั่นละพวกนั้นก็เลยลงกันใหญ่เลย
ทีนี้จิตมันรู้จริงๆ แม้แต่สัตว์เข้ามากินผลไม้ในสวนเขาในป่านะ มันภาวนามันมองไปเห็น มันกำหนดไฟเผา เผาหมูป่าว่างั้น ท่านก็เลยสอน อย่าไปเผาเขาซิ เขาไม่ได้มีเจตนามาทำลายเรา เขาหากินธรรมดา หือ อย่างนั้นหรือ อย่างนั้นแหละอย่าไปทำเขา เขาอยากกินอะไรก็ให้เขากินไป อย่าไปทำลายเขานะต่อไป ก็เลยปล่อยให้เขามากิน เขามากินพวกเผือกพวกมันอยู่ในสวน หมูป่า แต่ก่อนกำหนดจิตเผาเขา เผาจนกระทั่งเขารากแตกออกเลยทีเดียว นู่นน่ะอำนาจของจิต ตุ๊เจ้ายี่นี่ ท่านเลยสอนเสียใหม่ ให้เขากินให้อิ่ม อย่าไปทำเขาเขามาหากิน เขาไม่มีเจตนาอะไร พอแกรู้เรื่องแล้ว แต่มันตรงไปตรงมานะพวกนี้ ทำไปตามนั้นละ
พอวันหลังกำหนดดูเขามากิน ก็เลยทำจิตนี้กระซิบบอกเขา กินให้อิ่ม แน่ะฟังซิ มันน่าฟังไหมล่ะ กินให้อิ่มๆ นะถึงค่อยไป ทีนี้จิตของเจ้าของตุ๊เจ้ายี่นี่ เพ่งดูหมูเขากำลังหากิน เอ้า กินให้อิ่มนะ วันก่อนนั้นเพ่งไฟใส่เขาเผาพุงเขา จนอาเจียนออกมาตามทาง พ่อแม่ครูจารย์ห้าม อย่าทำอย่างนั้น เขาไม่มีเจตนาอะไรเขาหากิน เลยพลิกเสียใหม่ ทีนี้เวลาเขามาหากิน กินให้อิ่มนะ เข้าท่าดี นี่ละเห็นไหมจิต มันรู้หมด พวกนั้นเลยลงหมด พ่อแม่ครูจารย์มั่นเลยเป็นเทวบุตรเทวดา เป็นสรณะอันใหญ่หลวงขึ้นที่หมู่บ้านนั้น ลงใจหมด
ทีนี้ที่พักที่อยู่นี้เรียบหมดเลย เห็นไหมล่ะ ทั้งทำทั้งตำหนิ นี่มันที่อยู่ของคนนรก เขาติดคุกติดตะรางเขาไม่เห็นเป็นอย่างนี้ คือเขาตำหนิที่ท่านอยู่แต่ก่อนซึ่งไม่มีใครทำให้ ทีนี้เขาทำใหม่ เขาก็ตำหนิไปเรื่อยทำเรื่อย ท่านก็เฉย นั่นละเรื่องราวเป็นอย่างนั้น เห็นไหมล่ะใจ ท่านอาจารย์มหาทองสุก อยู่กับท่านเป็นคู่พึ่งเป็นพึ่งตายกัน พึ่งกัน ไปที่ไหนๆ มักจะมีอาจารย์มหาทองสุกไปด้วย เอาละที่นี่นะ ให้พร
ได้ยินไหมล่ะ จอมปราชญ์กับจอมโง่ พวกขมุ มูเซอไปดูไปตรวจการ ไปตรวจอะไรท่าน พ่อแม่ครูจารย์มั่นจอมปราชญ์ บทเวลาเขาพูดกันฟังซิ ไปดูไปยืนอยู่เฉยๆ มันได้เรื่องอะไร พวกชาวบ้านเขา ไปดูมีเหตุมีผลอะไรก็ไปถามเหตุถามผลซิ ว่าแต่ท่านเสือเย็นๆ เท่าที่ไปดูมานี้ไม่เห็นมีกิริยาเสือเย็นอะไร เราไปท่านก็ไม่เคยสนใจกับเรา ท่านเดินกลับไปกลับมา บางทีก็นั่งหลับตาอยู่ เสือเย็นทำไมจะเป็นอย่างนั้น ว่างั้นนะชาวบ้าน ไปหาท่านก็ถามเหตุถามผลให้รู้ความชัดเจนซิ
เขาจึงจัดกันมาใหม่ มาก็มาถาม ตุ๊เจ้าทำงั้นๆ เพราะอะไรๆ เห็นไหมจอมปราชญ์ตอบ บอกพุทโธหาย พุทโธใครหาย ก็พุทโธพวกนี้หาย นั่นเห็นไหมล่ะ เขาจะหาช่วยได้ไหม อู๊ย ได้ๆ ยิ่งดี เอ้า ให้พุทโธๆ พุทโธเป็นดวงสว่างไสว อย่าไปหาข้างนอก ให้พุทโธอยู่กับที่นี่ ให้ดูที่นี่ นั่นแหละตัวตุ๊เจ้ายี่หัวหน้าเขาเลยเป็นก่อนเพื่อน พุทโธๆ นี้ พอจิตรวมเข้าไปมันสว่างจ้ามันไปเห็นจิตพ่อแม่ครูจารย์มั่น โห เสือเย็นยังไง เป็นไฟขึ้นเลยละตุ๊เจ้ายี่ พวกเรานี้จะตกนรกกันทั้งหมด ไม่งั้นจะตายเป็นสัตว์เป็นเสือไปหมดนะ ไปตำหนิตุ๊เจ้าหลวงองค์นี้ จิตใจท่านสว่างไสวครอบโลกธาตุ เป็นเสือเย็นได้ยังไง ว่างี้เลย
ว่าพุทโธหาย เอาพุทโธไปภาวนา มันเป็นขึ้นในใจมันกลับมาเห็นใจหลวงปู่มั่นละซี ก็อย่างนั้นแล้ว พุทโธหาย อันนั้นเขาหาพุทโธ...ตุ๊เจ้ายี่ เขาหาพุทโธหาย ได้ พุทโธ กลับมา ไอ้พวกเราอยู่ที่ใต้ถุนศาลานี้มันหากันแทบล้มแทบตายมันได้อะไรมา เราก็อยากถามอย่างนั้น พวกนี้พวกพุทโธหายทั้งนั้น พุทโธหาย นั่นละจอมปราชญ์ท่านตอบ ฟังซิ เขาก็มาหาท่านแบบหลับหูหลับตา หูหนวกตาบอดมา เวลาท่านตอบ พุทโธหาย จะเอาดวงสว่างใส่หัวใจเขา ทีนี้มันก็เป็นจริงๆ ซิ ตุ๊เจ้ายี่คือหัวหน้าบ้านเขานั้น เขาไปทำ คนนี้เป็นเสียก่อน จึงกลับไปเห็นจิตหลวงปู่มั่นละซี โถ เสือเย็นยังไง อัศจรรย์ครอบโลกธาตุ ว่างั้นนะบอก โธ่ๆ เป็นบาปเป็นกรรมเรา พวกเราทั้งหลายเป็นบาปเป็นกรรมมากนะ เวลาได้พุทโธหายไปภาวนาแล้ว เขากลับมาเห็นคุณค่าของครูบาอาจารย์ของเขา อันนี้พุทโธเรานี้หาย ใครให้เสี่ยงวาสนานะ อย่ามาตำหนิเราว่ารักคนนั้นชังคนนี้ไม่ได้นะ เข้าใจไหม เราเสมอ จิตนี้เหมือนแผ่นดินพูดให้ชัดเจนเสีย เราไม่มีเอนมีเอียงกับผู้ใดเลยในสามแดนโลกธาตุนี้ อย่ามาคิดเอาบาปเอากรรมเผาหัวอกตัวเองนะ ได้จังหวะปั๊บแล้วมันจะลงปั๊บของมันเอง เข้าใจไหม อย่ามาวินิจฉัย เรื่องของเราอย่ามาวินิจฉัยนะ
เราสอนโลก ไม่ได้สอนให้โลกมาวินิจฉัยเรานะ หรือว่าเราเป็นเสือเย็นเหรอ เข้าใจหรือเปล่าล่ะ นี่ละมันสวยงามเสียด้วยนะนี่น่ะ มันควรแก่ใครจะได้นา ถ้าสามคนก็ต้องผ่าสาม ถ้าสี่คนก็ผ่าครึ่งกันครึ่งนี้ มีกี่คนที่นี่ นี่สามคนไม่ควรละ มันจะต้องผ่าสามเสี่ยง มันไม่เป็นสี่เสี่ยงผ่าครึ่ง ได้สี่คน หาคนที่สี่มา มีไหมพวกนี้น่ะ ไม่มีจะไม่ได้นะจะว่าไม่บอก เอ้า ให้ไปหาเอง ไม่ได้นะมันเกิดเหตุ..ว่าเรารักคนนั้นเราชังคนนี้ เสียหมดพวกนี้ พวกใจเป็นไฟ เราไม่ได้เป็นไฟนะ ครอบโลกธาตุมีแต่ความเมตตาธรรม เสมอเหมือนแผ่นดินนี้ ท่านทั้งหลายให้ดูเสีย เราพูดให้ฟังชัดเจน สอนโลกด้วยความเมตตาธรรมล้วนๆ จะไม่มีคำว่าเอนว่าเอียงแม้เม็ดหินเม็ดทรายต่อผู้ใด เข้าใจหรือเปล่าล่ะ ว่าท่านรักคนนั้นท่านชังคนนี้ พวกบ้า
รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th
และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร
FM 103.25 MHz |