เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑๗ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๔๙
อวดเก่งกว่าศาสดาแล้วพังทั้งนั้น
ก่อนจังหัน
เราเห็นพี่น้องทั้งหลายซึ่งเป็นชาวพุทธ เข้าวัดเข้าวาทำบุญให้ทานซึ่งเป็นความดีงามอย่างเลิศเลอ เราพออกพอใจ บาปบุญนรกสวรรค์สดๆ ร้อนๆ นะ พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ตรัสคำใดจะไม่มีคลาดเคลื่อนเลย อย่าไปลบลายพระพุทธเจ้า กิเลสมันชอบลบลาย อย่าทำบาปมันชอบทำบาป นี่กิเลส ให้ทำบุญมันไม่ชอบทำบุญกิเลสเป็นอย่างนั้น มันชอบทำแต่บาปหาบแต่กรรม ตายแล้วไปจมในนรกๆ พระวาจาที่พระพุทธเจ้ารับสั่งมาทุกแง่ทุกมุมนี้สดๆ ร้อนๆ ไม่ได้คลาดเคลื่อนเลย อย่าถือว่าเป็นของเล่น
ว่าบาปมีบุญมี นรกมี สวรรค์มี พรหมโลกมี นิพพานมี เปรตผีประเภทต่างๆ มี เป็นพระวาจาของพระพุทธเจ้าทั้งนั้นเลย ท่านจะไม่มีคำว่าโกหกหลอกลวงโลกในพระพุทธเจ้าทั้งหลาย สำหรับกิเลสหมดโคตรหมดแซ่ของกิเลส มีแต่โคตรแซ่หลอกลวงต้มตุ๋นสัตว์โลก ให้ท่านทั้งหลายจำเอา ปฏิบัติเข้าไปภายในจิตใจมันถึงได้รู้ได้ชัด พระพุทธเจ้ารับสั่งยังไงๆ ยอมรับภายในจิตตภาวนาเป็นสำคัญมาก จิตตภาวนาเบิกกว้างมาก ลึกซึ้งกว้างขวางไม่มีอะไรเกินจิตตภาวนา
พระพุทธเจ้าจะตรัสรู้ขึ้นมาเป็นศาสดาของโลกก็จากจิตตภาวนา บรรดาสาวกทั้งหลายที่เป็น สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ ของพวกเราก็จากจิตตภาวนา ที่ว่ามานี้สดๆ ร้อนๆ ท่านแน่นอน ที่สอนโลกสอนด้วยความแน่นอนทั้งพระพุทธเจ้าและสาวก เราอย่าเอากิเลสตัณหาเข้าไปลบลายพระพุทธเจ้า ลบลายพระสงฆ์สาวก จะเป็นการทำลายตัวเองไม่มีชิ้นดีเลย ให้พากันจำเอา
เวลานี้จิตใจของโลกกำลังต่ำทรามมากทีเดียว ต่ำเอามากจริงๆ จนกระทั่งถึงวิตกวิจารณ์สลดสังเวช เราตัวเท่าหนูเราไม่ได้ประมาทโลก เราก็เกิดในท่ามกลางโลก แต่ก่อนก็ไม่เคยเห็นไม่เคยรู้ แต่เวลามันรู้มันเห็นขึ้นมาแล้วปฏิเสธไม่ได้ ยอมรับ นี่ละที่ทำให้เกิดสลดสังเวชในสิ่งชั่วช้าลามกทั้งหลายที่สัตว์โลกชอบทำกันเอานักหนา อะไรที่เลวทรามที่สุดแล้วสัตว์โลกชอบมากที่สุด ยิ่งเป็นผู้ใหญ่ผู้โตมีอำนาจบาตรหลวงใหญ่ๆ แล้วยิ่งชอบความชั่วช้าลามกมาก ชอบทำมาก พวกนี้เป็นหัวหน้ามหาภัยทำลายตัวเองๆ แล้วจะยึดใครเป็นหลักล่ะ
ศาสนายึดพระพุทธเจ้าเป็นหลัก ยึดพระสงฆ์สาวกเป็นหลัก ทางโลกนี่ยึดใครเป็นหลัก ยึดใครก็มีแต่กอบแต่โกยแต่รีดแต่ไถแต่กินแต่กลืนตลอดเวลา ดูไม่ได้นะ อู๊ย น่าสลดสังเวชจริงๆ พระพุทธเจ้าสอนคำใดๆ นี้ไม่มีเคลื่อนคลาดเลย ที่ว่า สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีแล้วหรือตรัสไว้ชอบแล้ว หรือสรุปความลงว่าสวากขาตธรรม ตรัสไว้ชอบแล้ว ไม่มีผิดมีเพี้ยนไปไหนเลย ให้พากันปฏิบัติตามนั้น
องค์ศาสดามีพระองค์เดียวที่แม่นยำที่สุด สั่งสอนสัตว์โลกไม่มีการหลอกลวงต้มตุ๋น นอกนั้นกิเลสทั้งหมดหลอกเราทั้งวันทั้งคืนยืนเดินนั่งนอน ไปที่ไหนมีแต่กิเลสหลอกลวงๆ แต่ไม่มีใครพูดนะว่ากิเลส สรณํ คจฺฉามิ เอากิเลสเป็นที่พึ่งเป็นพึ่งตาย ก็มันพึ่งกันอยู่แล้ว เอาตายเข้าว่าเลยกับกิเลส พุทฺธํ ธมฺมํ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ นี้เป็นของที่หาได้ยาก เกิดขึ้นมาไม่ได้พบง่ายๆ นะ พุทฺธํ ธมฺมํ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ นี้เกิดขึ้นมาไม่พบไม่เจอ เจอแล้วก็ไม่สนใจไปเสีย ที่จะเจอแล้วชอบใจประพฤติปฏิบัติตามนี้รู้สึกว่ามีน้อยมาก
วาสนาเราอยู่ในแง่ใดมุมใดให้ถามตัวเอง ถ้ามันตำหนิของดี สรรเสริญของชั่วแล้ว นั่นละเราจะทำลายเราตลอดเวลา ให้พากันพินิจพิจารณาให้มาก ศาสนาพระพุทธเจ้าของเรานำมาสั่งสอนโลกนี้ สร้างพระบารมีมาเฉพาะพระองค์ ๔ อสงไขยแสนมหากัป นอกนั้น ๑๖ อสงไขยเป็นอันดับหนึ่ง ๘ อสงไขยเป็นอันดับหนึ่ง ๔ อสงไขยเป็นอีกอันดับหนึ่ง เป็น ๓ นี่ละพระพุทธเจ้า เพราะฉะนั้นความเลิศเลอของพระพุทธเจ้าสามารถที่จะขนโลกให้พ้นจากทุกข์ไปจึงมีจำนวนมากน้อยต่างกัน ประเภท ๑๖ อสงไขยรื้อขนสัตว์โลกให้พ้นจากทุกข์ไปได้มาก ๘ อสงไขยลดกันลงมา ๔ อสงไขยนี้ได้น้อย
ทีนี้ย่นลงมาหาตัวของเรา ตัวของเราในครอบครัวของเรา มันชั่วกันไปหมดแล้วหรือในครอบครัว ถ้าชั่วก็ให้เราเป็นคนดี เป็นหลักเป็นเกณฑ์ในครอบครัว ไม่มีมากก็ให้ได้เราเป็นหลักเกณฑ์ในครอบครัว บ้านหนึ่งให้มีผู้เป็นหลักเกณฑ์ในบ้านในเมืองก็ยังดี ดีกว่าไม่มีเสียเลย ให้ย้อนเข้ามาๆ คัดเลือกเข้ามาซิ พากันจำเอา
เราเห็นพี่น้องทั้งหลายหลั่งไหลเข้ามาวัดมาวา เรายิ้มแย้มแจ่มใสภายในใจ มันเป็นเองนะ หือ นี่ผู้ที่จะไปทางสุคติโลกสวรรค์เป็นจุดที่หมายมีอยู่เหรอๆ อยากถามว่างั้น นอกนั้นพังๆ ทั้งนั้น แล้วอวดดีอวดเด่นทั้งๆ ที่มันจะพัง นี่ละกิเลสอวดตัวเก่งกว่าศาสดาแล้วพังทั้งนั้นละ ทำลายตัวเอง เอาละให้พร
หลังจังหัน
ที่เทศน์เวลานี้ออกวิทยุทั่วประเทศไทย เราพูดอยู่เวลานี้ออกวิทยุทั่วประเทศไทยเลย เราก็สงสารเหมือนกันได้อุตส่าห์พูด เพราะพูดเสียจนจำเจบางทีก็เลยชินไป พูดสะเปะสะปะไปเลย เข้านี้หมดนะ พูดสะเปะสะปะก็เข้าวิทยุออกทั่วประเทศเหมือนกัน ถ้าหากตั้งใจจะเทศน์ก็เป็นสาระสำคัญๆ เป็นระยะๆ ไป ถ้าเทศน์แบบธรรมดามันชินมันชามันลืมไปแล้วก็สะเปะสะปะไปอย่างนั้นละ เดี๋ยวนี้ธรรมะของเราในวัดป่าบ้านตาดนี้ออกทั่วประเทศแล้วนะ ออกทั่วประเทศไทยเรา ๙๕ สถานี สถานีที่ออกวิทยุเวลานี้ถึง ๙๕ แห่งแล้ว
สถานีวิทยุนี้ตั้งเถอะเราพูดจริงๆ ท่านทั้งหลายยังไม่เคยได้ยิน ให้ฟังเสียนะคำพูดนี้ คำพูดนี้ออกมาจากเวทีคือหัวใจเราเอง ฟัดกันกับกิเลส วาระสุดท้ายปลายแดนก็หลังเขาวัดดอยธรรมเจดีย์ จังหวัดสกลนคร เวลา ๕ ทุ่ม นี่เรียกว่าฟ้าดินถล่ม ซัดกัน นี่ละผลแห่งการปฏิบัติทำไมพูดไม่ได้ เหตุทำแทบเป็นแทบตายยังทำได้ พระพุทธเจ้าสลบไสลๆ นี่คือต้นเหตุ พระองค์ก็ทำได้ เวลาผลปรากฏขึ้นมานี้ได้ตรัสรู้เป็นศาสดาเอกของโลก ประกาศธรรมสอนโลกสามแดนโลกธาตุ พูดได้หรือไม่ได้ฟังซิ ธรรมประเภทเดียวกันสอนคนให้เป็นคนดีด้วยกันผิดไปไหน
นี่ก็แบบเดียวกันลูกศิษย์ตถาคต ธรรมเป็นอันเดียวกัน รู้ในหัวใจอันเดียวกัน ถ้าพูดถึงเรื่องหัวใจที่บริสุทธิ์แล้วสะเทือนถึงกันหมด ไม่ว่าพระพุทธเจ้าพระองค์ใดตรัสรู้มากี่กัปกี่กัลป์แล้ว กับจิตของผู้ที่บรรลุธรรมปึ๋งเข้าถึงนั้นแล้วเป็นมหาวิมุตติมหานิพพานเสมอกันหมด ท่านบอกว่า นตฺถิ เสยฺโยว ปาปิโย ไม่มีความยิ่งหย่อนกว่ากันอะไรเลย ก็คือจิตของท่านผู้บริสุทธิ์ถึงแดนพ้นทุกข์อย่างเดียวกันแล้ว เป็นอันเดียวกัน ท่านเทียบเหมือนกับแม่น้ำในมหาสมุทร เวลาไหลเข้ามายังไม่ถึงมหาสมุทรก็เป็นแม่น้ำสายนั้นๆ พอเข้าถึงมหาสมุทรผางเท่านั้น ไม่ว่าหยดใดๆ เป็นแม่น้ำมหาสมุทรเสมอกันหมดเลย
อันนี้จิตใจของผู้บำเพ็ญธรรมมีความเหลื่อมล้ำต่ำสูงต่างกัน วาสนาบารมีก้าวเดินๆ จวนเข้าไปๆ คือบารมีได้แก่ธรรมเป็นเครื่องถึงฝั่ง เราสร้างมาๆ ก็ถึงฝั่งฟากโพ้นคือพระนิพพานได้ เวลาสร้างมามากเข้าๆ จวนเข้าไปๆ นี่ละที่ว่ามีวาสนาบารมีแก่กล้า เป็นอยู่ที่หัวใจนะ ไม่ได้เป็นอยู่กับดินฟ้าอากาศต้นไม้ภูเขา เป็นอยู่ที่หัวใจสัตว์โลกที่สร้างความดีและชั่วไม่ไปไหนนะ อยู่ที่หัวใจ
ทีนี้เวลามีอันนี้หนักเข้าๆ ความดีเต็มตื้นเข้ามาก็เรียกว่าไหลใกล้เข้าไป ใกล้มหาวิมุตติมหานิพพานเข้าไป พอเต็มที่แล้วผางเข้าไปถึงความบริสุทธิ์หลุดพ้นเป็นธรรมธาตุแล้วเป็นอันเดียวกันหมด มหาวิมุตติมหานิพพานแบบเดียวกันหมด เหมือนแม่น้ำมหาสมุทรทะเลหลวง พอไหลลงมาจากแม่น้ำสายต่างๆเข้าสู่มหาสมุทรทะเลหลวงเป็นอันเดียวกันหมด อันนี้จิตของพระพุทธเจ้า จิตของพระสาวกเป็นอันเดียวกันหมด ไม่ต้องถามหาพระพุทธเจ้า
นี่ละธรรมพระพุทธเจ้ายืนยันสอนโลกเราเชื่อได้หรือไม่ได้ หรือมีแต่ให้กิเลสเหยียบเอาหมอบๆ หรือ พระพุทธเจ้าประกาศธรรมสอนโลก โก นุ หาโส กิมานนฺโท นิจฺจํ ปชฺชลิเต สติ อนฺธกาเรน โอนทฺธา ปทีปํ น คเวสถ.ก็เมื่อโลกสันนิวาสนี้มันเป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้สัตว์โลกมาตั้งกัปตั้งกัลป์นานแสนนาน ด้วยความมืดมนอนธการของกิเลสครอบหัวใจสัตว์ แล้วทำไมจึงมามีหน้ามีตาหัวเราะรื่นเริงบันเทิงกันอยู่ได้ ทำไมไม่แสวงหาที่พึ่ง นี่พระพุทธภาษิต พระองค์กระตุกเอา แล้วหาหรือยังที่พึ่ง พระพุทธเจ้าแสดงไว้อย่างนี้
คือท่านมองดูสัตว์โลก ท่านผู้พ้นแล้วท่านหมดความได้ความเสีย ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับสัตว์โลก ดูเต็มหูเต็มตาแล้วสอนโลกด้วยความเมตตาสงสารล้วนๆ นี่ละธรรมพระพุทธเจ้าท่านสอนโลกท่านสอนอย่างนี้ พวกเราเป็นลูกศิษย์ตถาคตฟังให้ดีนะ เสียงธรรมนี้เป็นเสียงที่บริสุทธิ์พุทโธ รื้อขนสัตว์ให้พ้นจากทุกข์ได้โดยลำดับจนกระทั่งถึงพระนิพพานไม่สงสัย แต่เสียงกิเลสนี้จมลงๆ ใครเชื่อเสียงกิเลส เชื่อไปเท่าไรๆ ยิ่งจมลงๆ จมจนกระทั่งหมดความหมายเลย นั่นเห็นไหมล่ะจำเอานะ
ศาสนาพระพุทธเจ้ามีตนมีตัว มีร่องมีรอยมาโดยลำดับ ไม่ได้คว้าเอามานี้เป็นศาสนานั้นเป็นศาสนา ลูกใครเมียใครผัวใครก็ตาม ว่านั่นเป็นลูกของเรา เมียของเรา หลานของเรา ไม่คว้าอย่างนั้น เข้าใจไหม มันคว้าสุ่มสี่สุ่มห้า แม้แต่เด็กเป็นลูกของใครเขาก็รู้พ่อแม่เขา เราก็ควรจะรู้พ่อแม่ของตัวเอง คือใครเป็นศาสดาองค์เอกที่เป็นพ่อองค์เลิศเลอให้ยึดให้ดีตรงนี้ พากันไปประพฤติปฏิบัติ แล้วจับให้ดี คำสอนพระพุทธเจ้าจะไม่มีเคลื่อนคลาด เรียกว่าสวากขาตธรรม ตรัสไว้ชอบแล้วทุกอย่างไม่มีผิดมีเพี้ยนเลย ให้พากันยึดกันเกาะให้ดีแล้วก็จะก้าวไปๆ ถึงที่สุดแล้วก็เรียกว่าถึงฝั่งแห่งพระนิพพาน มหาวิมุตติมหานิพพาน เหมือนกันหมดเลย
บรรดาพระอรหันต์ทั้งหลายบรรดา พระพุทธเจ้าทั้งหลายท่านจะไม่ถามกัน เป็นอันเดียวกันหมดแล้วถามกันหาอะไร เหมือนแม่น้ำมหาสมุทรจ่อลงตรงไหนก็เป็นแม่น้ำมหาสมุทร แล้วแยกกันได้ยังไงว่าไหนไม่ใช่แม่น้ำมหาสมุทรน่ะ อันนี้ก็เป็นธรรมธาตุเหมือนกันหมด เมื่อสร้างบารมีให้เต็มภูมิแล้วเป็นธรรมธาตุ เป็นมหาวิมุตติมหานิพพานเหมือนกันหมด ให้พากันจำ อย่าพากันงมเงาเกาหมัดอยู่นะ มาปฏิบัติอรรถปฏิบัติธรรมมีแต่ความนอนใจ ฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมลืมเนื้อลืมตัว จิตส่งแต่ข้างนอก ตัวเหตุอันสำคัญๆ มันปรุงออกจากภายในคือใจ
มีสติจับเข้าไปที่หัวใจ มันปรุงเรื่องอะไรๆ จะรู้เรื่องของมันที่ปรุง ที่ไม่ดีดัดกันทันทีๆ ด้วยสติด้วยปัญญา นั่นละผู้ประกอบความเพียร อย่าไปหามองนู้นมองนี้ มองไปเท่าไรยิ่งหลอกไปเรื่อยๆ สุดท้ายมีแต่โลกเหลวไหลโลเล โลกสกปรก โลกเลวร้าย ตัวที่เลิศเลอคือตัวของเราคนเดียว นี้คือผู้ที่เลวร้ายที่สุด มองตั้งแต่ข้างนอกไม่ได้มองดูภายใน ธรรมพระพุทธเจ้าท่านให้ดูภายในหัวใจซึ่งเป็นมหาเหตุ ตัวนี้มันคิดมันปรุง มีตั้งแต่เรื่องของกิเลสตัณหาพาให้ปรุงออกเป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้ตัวเองแล้วไม่รู้ตัว แล้วเพลินไปยกโทษคนนั้นยกโทษคนนี้ ไม่ได้ยกโทษตัวเองที่เป็นมหาโทษมหาภัยนั้นบ้างเลย จนกระทั่งวันตายมันก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรคนประเภทนี้
ผู้มาปฏิบัติธรรมให้ดูหัวใจตัวเองซิ จะไปดูอะไรคนอื่นเขา ร้ายช่างชีดีช่างพราหมณ์ เกิดมาด้วยอำนาจแห่งกรรมของเขาของเรา ไม่มีใครช่วยใครได้ กรรมดีกรรมชั่วของตัวเองช่วยตัวเอง ช่วยปลดลงช่วยพยุงขึ้นก็กรรมดีกรรมชั่วของตัวเอง ให้ดูความคิดปรุงของเราที่เป็นกรรมดีกรรมชั่วอยู่ในหัวใจนี้ แล้วพยายามแก้ไขดัดแปลง ไม่งั้นจะจมไปหมด นักปฏิบัติต้องดูหัวใจตัวเอง จำให้ดีท่านทั้งหลาย
เราก็พอใจที่ทางวิทยุออกสถานีต่างๆ เวลานี้ตั้งเกือบร้อยสถานีแล้ว เพราะเหตุไรเราจึงพอใจ ก็เราพูดแล้วที่ว่าหลังวัดดอยธรรมเจดีย์ วันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๔๙๓ เวลา ๕ ทุ่มเป๋ง นั่นเวลาฟ้าดินถล่ม ได้แก่ระหว่างกิเลสกับธรรมอยู่บนหัวใจขาดสะบั้นจากกัน เหมือนหนึ่งว่าฟ้าดินถล่มเลย รุนแรงขนาดนั้นละ กายนี้สะดุ้งปึ๋งเลย แต่ส่วนดินฟ้าอากาศเขาก็อยู่ของเขา แต่มันรุนแรงอยู่ที่ร่างกายที่มีส่วนเกี่ยวโยงกับจิตกับกิเลสกับธรรม สามอย่างนี่เกี่ยวโยงกัน พอกิเลสกับธรรมขาดสะบั้นจากกันนี้เหมือนฟ้าดินถล่ม ร่างกายไหวปึ๋งเลยเชียว
แล้วน้ำตามาจากไหนไม่รู้นะ น้ำตาไหลพรากออกมาเลย โถ พระพุทธเจ้าตรัสรู้ ตรัสรู้อย่างนี้ละเหรอๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ธรรมแท้เป็นอย่างนี้ละเหรอๆ พระสงฆ์แท้เป็นอย่างนี้ละเหรอ เราก็ระลึกพุทโธ ธัมโม สังโฆ เป็นลำดับลำดามา จนถึงขั้นละเอียดสุดในขณะนั้นก็ยังมีพุทโธ ธัมโม สังโฆ ภายในจิตเป็นส่วนละเอียดเหมือนกัน แต่พอฟ้าดินถล่มคือกิเลสขาดสะบั้นไป ธรรมเป็นธรรมแท่งเดียวขึ้นมาอย่างชัดเจนแล้ว หือ พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์มาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ยังไง นั่นเห็นไหม มันเป็นแล้วนะนั่น ใครเคยบอกเคยสอนเมื่อไรมันจ้าขึ้นมาที่นั่น ธรรมแท้อันเดียวเท่านั้น
พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เป็นกิ่งแขนงของต้นไม้ต้นหนึ่งมีหลายกิ่งหลายก้าน กิ่งใดก้านใดก็ของต้นไม้ต้นนั้นแหละ พุทโธ ธัมโม สังโฆ เป็นกิ่งแห่งธรรมที่เป็นส่วนใหญ่ ครั้นแล้วก็คือธรรม นี่ละธรรมอันนี้ละที่มาสอนโลกอยู่เวลานี้ เราจึงไม่เคยสะท้านหวั่นไหวกับสิ่งใด ในสามแดนโลกธาตุจิตนี้ข้ามไปหมด เพราะเป็นจิตตวิมุตติหลุดพ้นไปแล้วจากสมมุติทั้งหลาย เหนือหมด แล้วจะไปสะท้านหวั่นไหว จะไปกล้าไปกลัวกับสิ่งใด ความกล้าความกลัวก็เป็นสมมุติ ธรรมชาตินั้นไม่ใช่สมมุติ ผ่านไปหมดแล้ว พระพุทธเจ้าพระอรหันต์ท่าน ท่านผ่านไปหมดแล้ว ท่านนำธรรมที่พ้นโลกพ้นสงสารมาสอนพวกเรา ให้พากันพินิจพิจารณา
จิตดวงที่หมอบอยู่ทุกวันนี้แหละ เพราะกิเลสเหยียบหัวมันมันก็หมอบ เอาธรรมมาพยุงขึ้นๆ พยุงเต็มที่แล้วกิเลสขาดสะบั้นลงไป ธรรมดีดผึงเลย นั่นละธรรมแท้ ธรรมธาตุ ให้พากันจดจำเอา บาปมีบุญมี อย่าให้กิเลสมาลบลาย จอมปราชญ์ทั้งหลายมีมาตั้งกัปตั้งกัลป์ ยอมรับบาปบุญ นรก สวรรค์ พรหมโลก นิพพาน มีมาตั้งกัปตั้งกัลป์ เรามีอำนาจบาตรหลวงมาจากไหนจะมาลบล้างสิ่งเหล่านี้ไม่ให้มี ทั้งๆ ที่จอมปราชญ์ทั้งหลายท่านยอมรับกันแล้ว แล้วสอนธรรมแก่โลกก็นำสิ่งที่เป็นความจริงทั้งหลายทั้งดีทั้งชั่วมาสอนโลก ควรละให้ละ ควรถอนให้ถอน ควรบำเพ็ญให้บำเพ็ญ แล้วเราไปเก่งกว่าจอมปราชญ์มาจากไหนอีก
ให้ดูตัวเองนะ อันนี้ก็ดี ไม่อย่างนั้นมันจะจมจริงๆ วันนี้ได้พูดเสียพอสมควร พูดถึงเรื่องว่าวิทยุออก ออกเถอะว่าอย่างนั้นเลย ธรรมเราไม่มีอะไรที่จะสะทกสะท้านว่าบกพร่องตรงไหน เราไม่มี ออกจากหัวใจที่บริสุทธิ์ล้วนๆ แล้ว ธรรมนี้ออกไม่ว่าจะธรรมขั้นใดๆ ไม่มีผิดมีพลาด เป็นธรรมที่แน่นอนถอดออกจากหัวใจ ขอให้ยึดไปปฏิบัติเถิดมหามงคลจะเป็นของท่านทั้งหลายเอง เอาละพูดเพียงเท่านี้พอ
รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th
และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร
FM 103.25 MHz |