ศาสนาเป็นคุณต่อโลก
วันที่ 15 กันยายน 2549 เวลา 8:30 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
  วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)   วิดีโอแบบ(Win High Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๑๕ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๔๙

ศาสนาเป็นคุณต่อโลก

ก่อนจังหัน

ท่านทั้งหลายเข้ามาในวัดนี้ดูให้ดีนะ วัดนี้มีแบบลอกมาจากพระพุทธเจ้า ธรรมและวินัยเอามาดำเนินอยู่นี้ พากันดูให้ดี สำหรับพระเณรในวัดนี้เราไม่เคยได้ดุด่าว่ากล่าว เพราะท่านเดินตามแบบฉบับของพระพุทธเจ้า ถ้าขัดข้องตรงไหนครูอาจารย์คอยแนะคอยบอกตลอด เมื่อไม่ผิดแล้วก็ไม่ต้องบอกเพราะเดินตามแถวตามแนว แล้วงามตางามหูงามใจ ศาสนาจึงเป็นคุณต่อโลกอย่างมากมาย เพียงว่าธรรมเท่านั้นโลกตายใจได้ ถ้าไม่ใช่ธรรมแล้วหาความตายใจไม่ได้ แม้ที่สุดสามีภรรยาอย่างน้อยก็ทะเลาะ มากกว่านั้นแตกจากกันได้เพราะไม่มีธรรม ไว้ใจกันไม่ได้

เรื่องธรรมนี่ไว้ใจกันได้ ตายใจๆ ให้ยึดเอานี้ไปเป็นหลัก เชื่อตัวเอง เกี่ยวข้องกับใครๆ ให้ต่างคนต่างปฏิบัติตามหลักธรรมแล้วจะเชื่อตัวเองได้ๆ ถ้าแยกจากหลักธรรมเสียเมื่อไรแล้วเชื่อไม่ได้เชื่อตัวเอง จึงต้องเอาธรรมที่เป็นธรรมชาติที่เลิศเลอสุดยอดและตายตัวแล้วด้วยความจริงนั้นมาปฏิบัติ อย่าเห็นแก่ความอยากความทะเยอทะยาน ตาหูจมูกลิ้นกายนี้มันดีดมันดิ้นทั้งวันทั้งคืนใครสงบได้เมื่อไร ตาอยากเห็นตั้งแต่ตื่นนอน หูจมูกลิ้นกายดิ้นอยู่ตลอดเวลา ต้องมีธรรมคอยกำกับรักษา ดูในสิ่งที่ควรดู ฟังในสิ่งที่ควรฟัง คิดในสิ่งที่ควรคิด กิริยาอาการทุกอย่างให้มีธรรมแนบๆ แล้วจะไม่เสียคน ถ้าไม่มีธรรมแล้วมีแต่กิเลสเอาไปถลุงฉิบหายหมดไม่มีอะไรเหลือเลย

กิเลสจะไม่มีทำใครให้ดีละ เรื่องความทะเยอทะยาน ความกินไม่อิ่มไม่พอนี้ไม่มีอะไรเกินกิเลส เรื่องธรรมนั้นพอเป็นลำดับลำดา จนกระทั่งถึงนิพพาน พอ ดังพระพุทธเจ้าพระอรหันต์ท่าน วุสิตํ พฺรหมฺจริยํ กตํ กรณียํ เมื่อสิ้นสุดลงไปแล้วพอ การประพฤติพรหมจรรย์ได้อยู่จบเรียบร้อยแล้วพอ ตั้งแต่นั้นแล้วท่านไม่มีงานที่จะชำระกิเลสฆ่ากิเลสอีกเลย เพราะธรรมปราบปรามเสร็จเรียบร้อยแล้วพอ นี่ละธรรมพอ ถ้ากิเลสไม่มีพอ เราไปที่ไหนไปแล้วเอามาท้าทายธรรมว่าธรรมนี้พูดไม่จริงสอนไม่จริง ให้ได้รู้กันเสียบ้างว่าธรรมนี้พอเป็นลำดับลำดา จนกระทั่งพอสุดยอด แต่กิเลสไม่พอ เอาจนตายก็ไม่พอ ไม่มีคำว่าพอ

ทุกคนบรรจุกิเลสไว้เต็มหัวใจมันจึงไม่พอ ทางตาไม่พอ หูไม่พอ จมูกลิ้นกายไม่พอ มีแต่ความหิวความโหยออกทุกด้านทุกทางแล้วกวนตัวเอง ใจนั่นละมันจะตาย เพราะกิเลสตัณหาอยู่ภายในใจมันผลักมันดันออกไปให้อยาก ให้ดีดให้ดิ้นทะเยอทะยาน ถ้าธรรมมีแล้วก็ตบมันไว้ๆ ให้อยู่ในความพอดี สุดท้ายก็พอ นั่น พากันจำเอานะ ธรรมท่านมีพอ ถ้ากิเลสไม่พอ ใครจะเก่งขนาดไหนก็ตามถ้าเก่งด้วยกิเลสแล้วจม ถ้าเก่งด้วยธรรมเลิศ พระพุทธเจ้า สาวกทั้งหลาย เก่งด้วยธรรม..เลิศ สรณํ คจฺฉามิ ของพวกเราคือท่านผู้เลิศนั่นเอง กิเลส สรณํ คจฺฉามิ ไม่มีใครประกาศออกหน้าออกตาแต่เต็มหัวใจมัน ต่างคนต่างดีดต่างดิ้น กิเลส สรณํ คจฺฉามิ ได้ไม่พอ สรณํ คจฺฉามิ กินไม่พอกินไม่อิ่ม สรณํ คจฺฉามิ มองเห็นหญิงเห็นชายรักไปเรื่อยเป็นบ้าไปเรื่อย สรณํ คจฺฉามิ ไปเรื่อย เข้าใจไหม ครั้นกลับมาก็มาทะเลาะกันผัวกับเมีย เมียไปตาก็สอด ผัวไปตาก็สอด ได้จากตานั่นละแล้วมาทะเลาะกันๆ นี่ละเรื่องกิเลสไปที่ไหนกินไม่พอ ไม่มีคำว่าอิ่ม จำเอานะ เอาละให้พร

หลังจังหัน

        พุทธศาสนาเริ่มแรกมีพระพุทธเจ้าพระองค์เดียวทรงสอนศาสนา สอนโลกสอนสงสาร เปิดธรรมที่จ้าขึ้นจากหัวใจนี้สอนโลก นั่นละธรรมแท้ ธรรมแท้กับใจเป็นอันเดียวกัน ถ้ายังไม่ถึงเต็มที่ก็ยังกระจายอยู่เป็นกิ่งก้านสาขาดอกใบออก พอเป็นธรรมทั้งแท่งแล้วจ้าไปหมดเลย ใจพระพุทธเจ้า ใจพระอรหันต์กับธรรมเป็นอันเดียวกัน ธรรมนี้ใครมาพูด ก็มีแต่หลวงตาบัวองค์เดียวพูด พูดอย่างอาจหาญชาญชัยเสียด้วย พูดเปิดออกมาจากหัวใจนี้ด้วย พระพุทธเจ้ากี่พระองค์คือพระองค์ไหนบ้างถามกันหาอะไร จ้าขึ้นนี้เป็นแบบเดียวกันหมดเลย ถามหาอะไร

         ดูอย่างเราเดินลงไปมหาสมุทรทะเลหลวง ก้าวลงไปนั้นน้ำเหล่านี้จุดไหนไม่ใช่มหาสมุทร จ่อลงไปจุดไหนเป็นมหาสมุทรด้วยกันหมด จ่อลงไปเป็นจุดไหนเป็นศาสดาองค์เอกไปหมดๆ เป็นผู้บริสุทธิ์ไปหมด เป็นมหาวิมุตติ-มหานิพพานไปหมด ท่านจะถามหาอะไร นี่ละข้อเปรียบเทียบพิจารณาเอาซิ ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเราตถาคต  ธรรมแท้นั่นละคือองค์ตถาคต ตถาคตแท้คือธรรม พระพุทธเจ้าไม่ได้มาสอนแบบงูๆ ปลาๆ ลูบๆ คลำๆ มาสอน มาเป็นครูสอนโลกทั้งหลาย พระพุทธเจ้าเป็นตนเป็นตัวจริงๆ มีแบบมีฉบับเป็นแถวเป็นแนวมาเลย

         แบบแถวแนวของพุทธศาสนานี้เป็นร่องเป็นรอยสืบทอดมาโดยลำดับ ไม่ได้ไปคว้าเอานู้นว่านี่ศาสดาของเรา คว้าอันนู้นเป็นศาสดาของเรา คว้าอันนี้เป็นลูกของเรา คว้าอันนั้นเป็นผัวของเรา คว้าอันนี้เป็นเมียของเรา แบบดะ อย่างนั้นโลกแตก คว้าที่ไหนก็ว่าเป็นเมียตัวเอง คว้าที่ไหนก็ว่าเป็นผัวตัวเอง คว้าที่ไหนก็ว่าเป็นลูกตัวเอง นี่คว้าดะ พวกนี้พวกหมากัดกัน ศาสนาก็ตามเถอะถ้าไม่มีหลักมีเกณฑ์เป็นศาสนาหมากัดกันทั้งนั้นแหละ ใครก็ว่าศาสนาของใครเก่งๆๆ เก่งต่อเก่งมากัดกัน ทั้งตัวแพ้ตัวชนะหมากัดกันเจ็บด้วยกันนั้นแหละ นักมวยขึ้นต่อยกันบนเวทีทั้งผู้แพ้ผู้ชนะเจ็บด้วยกัน

         ถ้าลงเป็นวิชาหมากัดกันแล้วเจ็บด้วยกัน ถ้าศาสนธรรมแท้ไม่เจ็บ ใครพอฟังเข้าไปยอมรับปั๊บๆ หมอบเลยๆ ลูกศิษย์ตถาคตมีองค์ไหนมาทะเลาะกัน ไม่เคยมี เพราะธรรมลงเป็นอันเดียวกันๆ ยอมรับกันเลย พระพุทธเจ้ามีกี่พระองค์จ้าขึ้นที่ใจนี้กระจายถึงกันหมด เหมือนแม่น้ำในมหาสมุทร มือจ่อลงไปซิแม่น้ำตรงไหนว่านี้ไม่ใช่น้ำมหาสมุทร จ่อลงไปปั๊บเป็นน้ำมหาสมุทรเหมือนกันหมด จ่อลงไปปั๊บนี้คือจิตที่บริสุทธิ์วิมุตติพระนิพพานเหมือนกันหมด

         ให้มันเห็นประจักษ์อยู่ในใจซิ พูดสุ่มสี่สุ่มห้าได้ยังไง ศาสนาพุทธไม่ใช่ศาสนาสุ่มสี่สุ่มห้า ให้ประจักษ์กับใจของผู้ปฏิบัติตามศาสนานั้นแหละมันถึงจ้าขึ้นมา แล้วไม่ต้องถามใครเสียด้วย พระพุทธเจ้าตรัสรู้ขึ้นมาท่านไปถามใคร สอนโลกมาจนกระทั่งป่านนี้ สาวกอรหันต์บรรลุธรรมหรือตรัสรู้ธรรมขึ้นมาท่านถามใคร แม้องค์ศาสดาท่านก็ไม่ไปถาม ท่านยอมกราบศาสดาแล้วประกาศธรรมสอนโลกเลย นั่นละของจริงเป็นอย่างนั้น ใครเจอเข้าจริงหมด

         จึงเรียกว่าพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่แท้ที่จริง ไม่จอมปลอม ไม่หลอกไม่ลวง ไม่คว้ามานั้นศาสนาของเรา นี้ศาสนาของเรา คว้าสุ่มสี่สุ่มห้านั่นเป็นพ่อของเรา นี่เป็นแม่ของเรา นั้นเป็นลูกของเรา นี่เป็นหลานของเรา คว้าสุ่มสี่สุ่มห้า ก็ลูกปลอม หลานปลอม ผัวปลอม เมียปลอมละซิ ไม่ใช่ของจริง ถ้าของจริงแล้วลูกมีกี่คนก็ของตัวเอง ก็เท่านั้นเอง ลูกมีกี่คนก็รู้ลูกของใครๆ ถ้าเป็นของจริงออกมาจากหัวใจ ธรรมขึ้นในหัวใจแล้วนี่ละธรรมของเราๆ ลูกศิษย์ตถาคตกี่คนๆ ลูกศิษย์ตถาคตหมดเลย อย่างนั้นซิ

         ลูกหลานทั้งหลายให้พากันไปตั้งใจปฏิบัติ อย่าอยู่สุ่มสี่สุ่มห้า อยู่ไม่มีเขตมีแดน ไม่มีข้อบังคับตัวเองเพื่อความเป็นคนดี ไม่มีแบบฉบับใช้ไม่ได้นะ ทุกสิ่งทุกอย่างเขามีแบบมีฉบับ เราเป็นคนทั้งคนต้องมีแบบมีฉบับประจำตัวเรา ถึงจะเป็นคนเต็มบาทเต็มเต็ง เดี๋ยวนี้มันมี ๕๐ สตางค์ ๗๐ สตางค์ หรือบางคนต่ำกว่า ๕๐ สตางค์ก็มี มีแต่พวกขาดบาทขาดตาเต็งทั้งนั้น การปฏิบัติตัวความเลวมีมากกว่าความจริง ความดีมีน้อยมาก ความเลวมีมาก นี่เรียกว่าคนขาดบาทขาดตาเต็ง มันมีสักกี่เปอร์เซ็นต์ล่ะ คนทั้งคนมีถึง ๗๕% ไหม หรือมีถึง ๕๐% ไหม มันมีแต่คนขาดบาทขาดตาเต็ง นอกนั้นความชั่วเอาไปกินหมดๆ พวกขาดบาทขาดตาเต็ง

         การปฏิบัติมันจึงแสลงหูแสลงตาแทงใจ เกิดความทะเลาะเบาะแว้งกัน คือความไม่สมดุลตามแบบตามฉบับ เขาเรียกคนขาดบาทขาดตาเต็งนั้นเอง ถ้าปฏิบัติตัวให้ตรงตามหลักความจริงแล้วคนเต็มบาทเต็มเต็ง เด็กก็น่าดู ผู้ใหญ่น่าดู ผู้หญิงผู้ชายน่าดูทั้งนั้นถ้าเต็มบาทเต็มเต็ง ใบละบาทก็น่าดู ใบห้าบาทใบสิบบาทใบละพันน่าดูทั้งนั้น ถ้าปลอมแล้วใบละหมื่นก็ไม่เป็นท่า เข้าใจไหมล่ะ เราเป็นใบละประเภทไหน ที่นั่งอยู่ในศาลานี่น่ะประเภทไหน ประเภทปลอมหรือประเภทจริง ถ้าประเภทปลอมเป็นใบละหมื่นห้าหมื่นก็อย่าเอามา ถ้าหากว่าวัดป่าบ้านตาดเป็นพระจริงแล้วหลวงตาบัวจะเขี่ย ออกหมดเลยไอ้ใบละหมื่นๆ นั่นน่ะ จะเอาแต่ใบละบาทสองบาท ใบละห้าบาทสิบบาทที่จริงนี้เท่านั้นมาใช้ พากันจำเอานะ

         วันนี้สอนอย่างนี้ละ ให้ลูกหลานนำไปปฏิบัติ ตื่นขึ้นมาให้ดูตัวเองก่อนอื่น อย่าไปดูนั้นดูนี้ อันนั้นไม่ดี อันนี้ไม่ดี ตัวเองไม่ดีเป็นอย่างไรไม่ดู เมื่อไม่ดูมันก็ไม่เห็นจุดบกพร่องที่ควรจะแก้ไขดัดแปลงละซิ ก็ไปตำหนิคนนั้นไม่ดีคนนี้ไม่ดี คนทั้งโลกเป็นคนไม่ดีหมด ดีแต่เราคนเดียว สุดท้ายก็เราเลวคนเดียว คนทั้งโลกเขาดีกันทั้งนั้น เราเลวคนเดียว ไปเที่ยวหาตำหนิคนนั้นคนนี้ เจ้าของไม่ตำหนิก็หาที่แก้ไขไม่ได้ก็เลวไปเลย จำให้ดีนะ เอาละวันนี้พูดเท่านั้น

         นี่ก็จะจวนเวลา จากนี้เราก็ไปธุระของเรา ไปทำธุระให้โลก ทำประโยชน์เพื่อโลกนั่นละ เมื่อวานไปไหนนะ อย่างนั้นละเดี๋ยวนี้หดเข้ามาความจำ ไปเช้ามาเย็นนี้ลืมแล้ว (หนองบัวระเหวครับ) เออ เมื่อวานนี้เอาของไปให้โรงพยาบาลหนองบัวระเหว อย่างนี้ละคือมันกุดมันด้วนเข้ามา จำไม่ได้นะ หดเข้ามาๆ ความจำ หดเข้ามาเรื่อยๆ ไปวันนี้ย้อนดูเจ้าของวันนี้ไปไหนนะจำไม่ได้

         (ทองคำ ๕ บาทสลึงครับผม) นั่น ได้ตั้ง ๕ บาทสลึงแล้ว ได้ไปทุกวันๆ เราพยายามเก็บหอมรอมริบกวาดเข้ามาสู่หัวใจแห่งชาติไทยของเรา ซึ่งเป็นจุดลมหายใจของพี่น้องชาวไทยเรา เราพยายาม เวลาพอเป็นไปได้นี้เราก็พาพี่น้องทั้งหลายตะเกียกตะกายหามา เวลาเราตายแล้วอันนี้ก็ยังได้เป็นลมหายใจของพี่น้องลูกหลานไทยเราต่อไป ตั้งแต่เรานำชาติมาคราวนี้ได้น้อยเมื่อไรทองคำ ได้ตั้ง ๑๑ ตัน แล้วยัง ๓๕๐ กิโล ใช่ไหม ๑๑,๓๕๐ กิโล ทองคำเราที่ได้เข้าสู่คลังหลวงคราวนี้ ไม่ใช่ของเล่น ถ้าไม่หาก็ไม่ได้จะว่าไง นี่ได้แล้ว ส่วนดอลลาร์ดูเหมือนได้ ๑๐ ล้าน ๒ แสนกว่าที่เข้าคลังหลวง สำหรับเงินไทยเราเอาไปซื้อทองคำเพียง ๒,๐๐๐ ล้านเข้าคลังหลวง นอกนั้นออกหมดเลยเงินไทยไม่ได้เข้าคลังหลวง แม้แต่ดอลลาร์ก็ไม่เข้า

เราพูดอะไรเป็นคำสัตย์คำจริง พิจารณาเรียบร้อยแล้วค่อยพูดค่อยสั่ง จึงไม่มีเคลื่อนคลาดอะไร นี่ก็ว่าดอลลาร์ต่อนี้ต่อไปจะไม่ได้เข้าคลังหลวงนะ เพราะเงินไทยของเราที่ช่วยชาติอยู่ตลอดมานี้จะบกบางเพราะหยุดเทศน์แล้ว ส่วนความจนของคนทั้งประเทศนี้มีหนาแน่นอยู่ตลอดเวลา จะต้องได้เอาดอลลาร์นี้เข้ามาหนุนเงินไทยเรา สุดท้ายก็เอาดอลลาร์มาหนุนเงินไทยตลอดทุกวันนี้นะ จึงไม่ได้เข้าคลังหลวง ออกเรื่อยๆ ช่วยไปทุกแห่งทุกหนเงินไทยเรา ก็มีตั้งแต่ทองคำ คือทองคำนี้ร้อยทั้งร้อยเลยตลอดไป มีเท่าไรเข้าหมดทองคำนะ ไม่มีแยกแยะไปไหนเลย เข้าร้อยทั้งร้อย อย่างนี้เข้าหมด จึงเป็นที่ตายใจได้สมบัติพี่น้องทั้งหลายที่บริจาคกับเรานี้ เหมือนกับบริจาคให้ท่านทั้งหลายเอง จะไม่มีคำว่ารั่วไหลแตกซึมไปไหนเลย นี่ละธรรมปกครองธรรมรักษา ธรรมจับธรรมจ่ายมีเหตุมีผลมีหลักมีเกณฑ์ นี้เราเป็นผู้ดำเนินด้วยธรรม นำพี่น้องทั้งหลายโดยธรรม จึงไม่มีข้อข้องใจสงสัยว่าจะมัวหมองไปที่ตรงไหน สมบัติเงินทองข้าวของที่พี่น้องทั้งหลายบริจาคมานี้เข้าหมดเลย ไม่ไปไหน

 

รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร

FM 103.25 MHz


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก