เทศน์อบรมฆราวาส ณ ศาลาใหญ่วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๗ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๔๙
มนุษย์เรามีค่าอยู่กับยางอาย
(นายแพทย์รุ่งเรืองทำบุญ ๒,๐๐๐ บาท) หมอรุ่งเรืองเคยมาวัดเสมอ นี่จำได้หมออะไรนี่ (หมอสานิตย์ครับ) เออ หมอสานิตย์จำได้ ไม่หมอสานิตย์มาก็ครอบครัวหมอสานิตย์มา นี่เราจำได้ ถวายอยู่ไม่ขาดเลย อยู่กรุงเทพฯก็เหมือนกัน มานี่ก็มา เจ้าของมา ที่ว่าหมอนั้นมาหมอนี้มานี่เราพูดถึงเรื่องความดีของหมอที่มีความสนใจใฝ่ธรรม หมอปัจจุบันนี้มีน้อยมาก หมอที่กลายเป็นหมาไปนั่นมากที่สุด มีแต่กิน ปล่อยหมาเข้าถาน จับหางดึงออกหางขาดไม่ยอมออก เต็มพุงๆ ไม่ยอมออก พวกนี้เห็นแก่รายได้
ธรรมะว่าเข้าไปตรงนี้ผิดตรงไหน ก็มันเป็นอยู่แล้วตั้งแต่ธรรมยังไม่เตือน จะว่าธรรมเตือนนี้เป็นความหยาบอยู่เหรอ ไอ้ตัวหมาเข้าถานมันไม่หยาบเหรอ จับหางดึงออกมามันไม่ยอมออก มันไม่มีคำว่าอิ่ม นี่ละให้พากันพิจารณา เรื่องกิเลสตัณหานี่ไม่มีคำว่าพอ แล้วการพูดอย่างนี้ไม่มีใครพูดได้ เกรงเขาเกรงเรา ไม่มีใครพูดได้ แต่การทำเช่นนี้ทำได้ตลอดทั่วไปหมดจนกระทั่งหมดยางอาย ไม่มียางอาย คนไม่มียางอายก็เลวกว่าหมาละซี
ขอให้เรียนอรรถเรียนธรรมจะมียางอายคนเรา อยู่คนเดียวก็มียางอายถ้ามีธรรมในใจ ถ้าไม่มีธรรมแล้วอยู่ที่ไหนหน้าด้านไปหมด หายางอายไม่ได้ มนุษย์เรามีค่าอยู่กับยางอาย ถ้าไม่มีค่าหายางอายไม่ได้ คือถ้าหายางอายไม่ได้แล้วไม่มีค่าหมดราคา อย่างเขาแย่งกันกินอยู่ในวงรัฐบาลทุกวันนี้ นี่เอาธรรมจับเข้าไป เขาว่าวงรัฐบาลเลอะเทอะสุดยอดเวลานี้ เลอะเทอะมากที่สุดเลย ประชาชนพลเมืองทั้งหลายทั่วประเทศไทยเขาทราบกันหมด แต่พวกรัฐบาลซึ่งปล่อยหมาเข้าถานไม่ยอมออกพวกนี้น่ะ เลวที่สุด นี้เป็นคำของธรรมเตือน ให้จำทุกคนๆ
แล้วไม่มีใครจะกล้าพูดได้เพราะติดเขาติดเราพูดไม่ได้ นี้ธรรมพระพุทธเจ้าไม่ติดอะไร เหนือโลกเหนือสงสารนำมาสอนโลกจะว่าเป็นความเสียหายที่ตรงไหน พอสอนโลกบ้างก็ว่ามาเล่นการบ้านการเมือง การบ้านการเมืองอะไรมันมีแต่ส้วมแต่ถานเต็มบ้านเต็มเมือง ธรรมะเหมือนน้ำที่สะอาดชะล้างเข้าไปแล้วเสียหายที่ตรงไหน จึงไปว่าเล่นการบ้านการเมือง การเมืองมันวิเศษวิโสมาจากไหน การเมืองก็คือการปล่อยหมาเข้าถานนั่นเองจะเป็นอะไรไป มันเลอะเทอะขนาดนี้นะเวลานี้
พุทธศาสนานี้ร่ำลือมานานแล้ว ตั้ง ๒๕๐๐ กว่าปีแล้ว พวกเราอยู่ในเมืองไทยนี้ส่วนมากบอกว่าเป็นชาวพุทธๆ มันชาวพุทธหรือชาวหมาเข้าถานก็ไม่รู้พวกนี้น่ะ แล้วพูดอย่างนี้ไม่มีใครพูดได้ ติดเขาติดเรา เกรงเขาเกรงเรา แต่กินไม่เกรง กลืนไม่เกรง มันหน้าด้านขนาดนั้นมนุษย์เราทุกวันนี้ นี่ละถ้าไม่มีธรรมในใจเสียอย่างเดียวหน้าด้านมาก ถ้ามีธรรมแล้วอยู่คนเดียวก็หน้าบาง อยู่ที่ไหนหน้าบางหมดเลย คนมีธรรมเป็นคนมีหิริโอตตัปปะ สะดุ้งกลัวต่อบาปต่อกรรม นตฺถิ โลเก รโห นาม ขึ้นชื่อว่าที่ลับไม่มีในโลก นี่คือธรรม เปิดเผยตลอดเวลา ทำที่ไหนเป็นการทำๆ ด้วยความเปิดเผยจากการกระทำของตน นี่ละธรรมพระพุทธเจ้า
วันนี้เป็นวันเพ็ญเดือนสิบ พวกญาติพวกมิตรที่ล้มหายตายจากไปก็ถือโอกาสวันนี้ที่จะถูกปล่อยจากแดนนรกมารับไทยทานของญาติของมิตร ถ้าญาติมิตรทั้งหลายใจดำน้ำขุ่นพวกเปรตพวกผีทั้งหลายมารับทานก็จะรับไม่ได้ ท้องแห้งกลับไปอีก แล้วด่าแช่งพวกญาติของตน มีในคัมภีร์ ไม่ได้หาเรื่องมาพูดนะ ผู้ที่ได้รับการทำบุญให้ทานอุทิศส่วนกุศลให้แล้วไปสวรรค์มีเยอะ แล้วอนุโมทนาสาธุการมาถึงญาติของตนให้มีความสุขความเจริญ นี่ในคัมภีร์ท่านมี พวกที่ใจดำน้ำขุ่นไม่สนใจทำบุญให้ทานเลยนั้น พวกนี้ถูกด่าถูกแช่งจากพวกเปรตพวกผี พวกที่ใจใสสะอาดรักบุญรักกุศล ทำบุญให้ทานแล้วอุทิศส่วนกุศลถึงบรรดสัตว์ผู้ยากจนทั้งหลาย พวกนี้ได้รับความชมเชยสรรเสริญ นอกจากได้บุญได้กุศลแล้วยังได้รับความชมเชยสรรเสริญ ให้พากันจำเอา
วันนี้ก็เป็นวันโอกาสอันดีงามด้วย วันเดือนสิบเพ็ญ เป็นวันอุทิศส่วนกุศลถึงบรรดาญาติมิตรทั้งหลาย ที่ได้มารับไทยทานจากท่านทั้งหลายที่มาบริจาคในวันนี้ ขอให้ตั้งใจอุทิศส่วนกุศลเหล่านี้ถึงบรรดาสัตว์ทั้งหลาย ที่พระพุทธเจ้าแสดงไว้ว่า สพฺเพ สตฺตา อันว่าสัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันหมดทั้งสิ้น สัตว์เหล่านี้หวังพึ่งผู้อื่นทั้งนั้น หวังพึ่งซึ่งกันและกัน ไม่มี อตฺตโน นาโถ อยู่คนเดียวได้เลย ต้องพึ่งกันและกันทั้งหมด เพราะฉะนั้นการทำบุญอุทิศส่วนกุศลเพื่อผู้ที่หวังพึ่งตนนั้นจึงมีอานิสงส์มาก ให้พากันจดจำเอา
วันนี้เป็นวันบำเพ็ญกองการกุศล นี่คนก็มามาก เมื่อวานนี้พระท่านว่าจะฉันข้างในศาลาหลังเล็ก ศาลาหลังเล็กทุกวันมันก็เต็มทุกวันแล้วนี่ วันพรุ่งนี้มันจะเต็ม ไม่ใช่วันเสาร์-วันอาทิตย์ ว่าอย่างนั้นคนจะไม่มาก วันเสาร์-วันอาทิตย์ไม่มาวัดนะคนเขามาวัด เราก็บอกอย่างนี้ แล้วเต็มไปหมด เป็นวันเสาร์-วันอาทิตย์อะไร คนมาวัดมาสร้างบุญกุศล แล้วก็เต็มจริงๆ เห็นไหมล่ะ เรายิ่งจวนจะตายเท่าไรยิ่งห่วงบ้านห่วงเมือง ห่วงสัตว์โลก เราไม่ได้เสกสรรปั้นยอเราว่าวิเศษวิโสกับอะไร แต่เราไม่พึ่งอะไร ทุกอย่างปัดออกหมดขึ้น ชื่อว่าแดนสมมุติไม่มีในหัวใจเลย เปิดโล่งไปหมดเลย
นี่อำนาจแห่งการสร้างบุญสร้างกุศล ถึงขั้นจะสลบไสล เฉียดๆ ตลอดในการบำเพ็ญความดีงาม แล้วส่วนมากจะอยู่ในป่าในเขา หายใจแขม่วๆ อยู่ในป่าในเขา แต่ความเพียรนี้ไม่มีอ่อนข้อเลย ร่างกายจะไปไหนมาไหนไม่ได้แล้ว ทนทุกข์ทรมาน ถ้าร่างกายมีกำลังมันก็ทับจิต กิเลสอยู่ในจิตกิเลสก็ทับหัวใจเข้าไป เพราะฉะนั้นจึงต้องได้ผ่อนทุกอย่าง การอยู่การกินการหลับการนอน ผู้ปฏิบัติธรรมเพื่อความพ้นทุกข์ต้องลดหย่อนผ่อนผันตลอดเวลา ที่จะให้เป็นไปตามความต้องการของธาตุขันธ์นี้ไปไม่ได้นะ เป็นหมูขึ้นเขียงไปหมดเลย ต้องได้ทนทุกข์ทรมาน นี้ก็ได้อุตส่าห์พยายามบำเพ็ญมา
ที่เทศน์สอนพี่น้องทั้งหลายเวลานี้เรียกว่าทั่วประเทศไทย หรือดีไม่ดีออกทั่วโลกทางอินเตอร์เน็ต ส่วนมากจะเป็นธรรมะหลวงตาบัวที่มาแสดงทุกวันนี้ ครูบาอาจารย์ทั้งหลายท่านก็มาช่วยบ้างเล็กๆ น้อยๆ ส่วนที่ออกหน้าออกตาจริงๆ ในธรรมทุกขั้นเป็นเรื่องของเราเสียมากต่อมาก ธรรมทุกขั้นคืออะไร เต็มหัวใจนี้หมดในธรรมทุกขั้นจากการขวนขวายของเรา หามาตั้งแต่ล้มลุกคลุกคลาน ตะเกียกตะกายฟัดกับกิเลส ล้มทั้งหงายๆ น้ำตาร่วงบนภูเขาก็เคยมาเล่าให้พี่น้องทั้งหลายฟัง นี้คือการต่อสู้
ความเคียดความแค้นให้กิเลสไม่จืดไม่จาง มุมานะจะเอากิเลสให้มันหงายท้องให้ดู มีแต่เราหงายท้องให้กิเลสดู ฟัดกันไปฟัดกันมา นี่เคยมาเล่าให้พี่น้องทั้งหลายฟัง เล่าเพื่ออะไร เราไม่ได้เล่าเพื่อโอ้เพื่ออวด เล่าเพื่อให้เป็นคติเครื่องเตือนใจ การเคียดการแค้น เคียดให้บุคคลและสัตว์ตัวใดก็ตามเป็นกิเลสทั้งนั้น แต่การเคียดแค้นให้กิเลสที่เป็นข้าศึกของตัวเองนี้เป็นธรรม เคียดแค้นอันนี้หนักเท่าไรความอุตส่าห์พยายาม ความบึกบึนเพื่อความดีทั้งหลายยิ่งหนักแน่นเข้าไปโดยลำดับ เอาจนกระทั่งกิเลสหงายท้องได้เลย
นี่ก็พูดด้วยอำนาจแห่งธรรมที่ได้ฟัดกับกิเลสจนกระทั่งกิเลสหงายท้อง แล้วนำชัยชนะมาสอนพี่น้องทั้งหลาย เราโอ้อวดโลกเหรอ นี่เราก็จวนจะตายแล้ว วันไหนจะตายก็ไม่ทราบแหละ สอนท่านทั้งหลายนี้สอนด้วยความสัตย์ความจริง การตะเกียกตะกายทำความพากความเพียรมามากมาน้อยเฉียดสลบๆ ก็เล่าให้ฟัง นี่ละผลแห่งการตะเกียกตะกายนี้ได้ธรรมมาสอนโลก ธรรมนี้เข้าสู่หัวใจ กิเลสเต็มหัวใจความทุกข์เต็มหัวใจ ถ้าธรรมเต็มหัวใจบรมสุขเต็มหัวใจ ไม่มีสิ่งใดรับความสุขความทุกข์ในโลกนี้ มีหัวใจดวงเดียว
จึงต้องพยายามดัดแปลงแก้ไขจิตใจดวงนี้ ถ้าเห็นว่าไม่ดีตรงไหนให้รีบแก้ไขดัดแปลง อย่าอยู่เฉยๆ นะ ตายแล้วมันจะไปนะใจดวงนี้ จะไปด้วยอำนาจแห่งความดีความชั่วไสให้ไป ถ้าความดีก็หนุนขึ้นไปเลย ถ้าความชั่วก็ผลักดันลงทางต่ำ นรกอเวจีอยู่ที่ไหนไม่ต้องถาม กรรมชั่วช้าลามกพาไปเอง แล้วความดีงามทั้งหลายสวรรค์ชั้นพรหมตลอดนิพพานอยู่ที่ไหนไม่ต้องถามเหมือนกัน ขอให้สร้างความดีงามให้มีในหัวใจเถอะมันจะบอกอยู่ในตัวๆ
พอพูดอย่างนี้แล้วก็ทำให้เราระลึก นี่ก็เป็นเครื่องเตือนบรรดาพี่น้องทั้งหลายเหมือนกัน ไปอยู่ทางอำเภอท่าบ่อ ศรีเชียงใหม่ อยู่ในป่าลึกๆ แล้วเผอิญในบ้านนั้นเขาเป็นโรคอะไรก็ไม่รู้ เราก็ไปอยู่ในป่า ทีนี้พระแถวนั้นก็ไม่มี แล้วตายด้วยโรคอะไร ไม่ใช่อหิวาต์นะ สองวันตายสามวันตาย ขนกันมาตั้งแต่เที่ยงวันแล้วขนศพมาให้เรากุสลามาติกา อยู่ที่ศพ พอกุสลามาติกาแล้วเอาศพนั้นมาเอาศพนี้มา ตกลงเราเลยไปนั่งกุสลามาติกาอยู่ทั้งวันตั้งแต่เที่ยงวัน ส่วนมากตอนเช้าเขาไม่ค่อยนิยมเผาศพกัน เขาจะเผาศพตั้งแต่เที่ยงไปแล้ว นี่ไหลเข้ามาๆ
เราก็นั่งกุสลาให้เขาอยู่ไม่นาน โรคประเภทที่เขาเป็นสองวันตายสามวันตายมาเป็นกับเรา เสียดแทงนี้เป็นหอกเป็นหลาวทิ่มเข้ามาๆ เรานั่งกุสลาอยู่มีลักษณะแปลกๆ เอ๊ะ ทำไมเป็นอย่างนี้ แล้วรวดเร็วมากนะ เป็นเสี้ยนเป็นหนามทิ่มแทงเข้ามา หายใจแรงก็ไม่ได้ อ้าวมันจะเป็นแล้วนี่ จะเป็นแบบเขา อ๋อนี่เขาว่าตายเร็วๆ จริงๆ เป็นอย่างนี้แล้วไม่นาน เราก็รีบบอกเขา บอกเขาเขาก็เปิดทางให้ทันที ให้เรากลับที่พักของเรา บอกว่าโรคที่ท่านทั้งหลายเป็น ตายกันอยู่เวลานี้นั้นเวลานี้มาเป็นกับอาตมาแล้ว เป็นอย่างรวดเร็วด้วย ให้อาตมากลับที่เถอะ เขาก็เปิดทางให้ทันทีเลย
นั้นละที่นี่ คำว่าห่วงไม่อยากตายเห็นชัดๆ นะ ตอนนั้นห่วงยังไม่อยากตาย คือตายแล้วมันจะค้าง รู้ชัดๆอยู่ในหัวใจจะต้องไปถามใคร นี่ยังห่วงยังไม่อยากตาย ถ้าว่าพ้นกิเลสโดยสิ้นเชิงแล้วตายเมื่อไรได้ทั้งนั้น เราไม่มีเสียดายอะไรเลย เวลานี้ยัง ตายนี้ยังจะข้อง จะไปสวรรค์ชั้นไหนมันรู้อยู่ในหัวใจแล้ว จะไปชั้นไหนๆ นี้ยังไม่ถึงนิพพานยังไม่อยากตาย เป็นกังวลอยู่กับเรื่องความเป็นความตายของตัวเอง อันหนึ่งยังไม่อยากตาย ทีนี้โรคมันก็บีบเข้าๆ
สักเดี๋ยวอริยสัจก็ผางขึ้นมาเลย ก็เรื่องความเป็นความตายนี้เป็นอริยสัจ ท่านเคยขึ้นเวทีฟัดกันกับสิ่งเหล่านี้มานานแล้ว ทีนี้ท่านทำไมมาห่วงความเป็นความตายซึ่งอยู่กับท่านตลอดมาอยู่แล้ว ท่านทำไมไม่พิจารณา นี้คือองค์อริยสัจที่จะทำให้ท่านหลุดพ้นจากทุกข์ คืออันนี้เอง ความห่วงความใยความไม่อยากล้มอยากตายไม่ใช่อริยสัจ นั่นเป็นเรื่องของกิเลสจะพาท่านให้ล่าช้าในหนทางที่จะไป เพียงเท่านั้นละพลิกกลับปุ๊บใส่ตูมกันเลย ฟาดตั้งแต่มืด
เขารุมไปเยี่ยมเรา เพราะเขาวิตกวิจารณ์มาก ว่าโรคอันนี้เป็นแล้วสองวันตายสามวันตาย ทีนี้มาเป็นกับเราเขาก็ห่วงใยมาก ไล่เขากลับหมดเลย เราไม่ให้เขามา ยกขบวนกันไปทั้งบ้านเป็นร้อยๆ คน ไล่กลับหมด เราสู้ของเราคนเดียว พอคนกลับหมดแล้วเข้าที่ปั๊บซัดกันเลย นี่ละหกทุ่ม ที่ว่าเสี้ยนว่าหนามอยู่ภายในจิตใจ ด้วยอำนาจแห่งความเพียร สติ ปัญญา ศรัทธาทุกอย่าง กำลังวังชาฟัดกันนี้ขาดสะบั้นลงไปตอนหกทุ่มนะ เรื่องเสี้ยนเรื่องหนาม เรื่องแหลมเรื่องหลาวที่กำลังทิ่มอย่างเต็มที่นี้ขาดสะบั้นไปหมด ด้วยกำลังของความเพียร สติธรรม ปัญญาธรรมฟัดกัน จ้าขึ้นมาตอนหกทุ่ม แน่ใจไม่ตาย นั่นเห็นไหมล่ะ ทีนี้ไม่ตายแหละ
ตอนที่มันห่วงมันห่วงอะไร คือยังไม่อยากตาย ตายตอนนั้นจะค้าง ท่านทั้งหลายฟังการปฏิบัติธรรม พูดได้อย่างจะแจ้งทีเดียว ตอนนั้นยังจะค้าง ตายเดี๋ยวนี้จึงไม่อยากตาย จะไปค้างอยู่สองวันสามวันไม่อยากค้าง ถ้าหากว่าสิ้นกิเลสไปนิพพานเดี๋ยวนี้เลย ตายเดี๋ยวนี้ก็ได้เราไม่ว่าอะไร แต่เวลานี้เราห่วง เพราะจิตนี้ยังไม่สิ้น ละเอียดขนาดไหนก็ยังจะต้องไปค้าง วันสองวันสามวันก็ไม่อยากค้าง ถ้าพ้นไปเสียถึงนิพพานด้วยความบริสุทธิ์ของใจแล้วไปเมื่อไรได้ทั้งนั้น ถกเถียงกันมา นั่นละจึงได้อริยสัจมาเตือนเอาตรงนั้น พลิกกลับทีหลังก็ฟาดทีนี้ ๖ ทุ่มจิตใจสว่างจ้า บอกไม่ตาย
นี่เป็นห่วงความตายนะ คือมันยังจะค้าง แต่เรื่องค้างนั้นแน่ใจ ให้กลับมานี้ไม่กลับ แต่มันตายแล้วจะเลื่อนไปข้างหน้านู่น ทีนี้ตายแล้วเลื่อนอยู่ ความเลื่อนก็เสียเวล่ำเวลา ถ้าถึงนิพพานในปัจจุบัน จิตกับกิเลสขาดสะบั้นจากกันแล้วไปเมื่อไรได้เลย เดี๋ยวนี้ยังไปไม่ได้ นี่เวลามันห่วงความตายมันห่วง ธรรมอริยสัจก็มาเตือนกันตอนนั้น ท่านเคยขึ้นเวทีฟัดกันมาแล้วท่านมาหวั่นไหวอะไรกับความเป็นความตาย ความเป็นความตายก็เป็นอริยสัจ นั่นเห็นไหมธรรมะ พอว่างั้นได้สติปั๊บ ปุ๊บพุ่งเลย ฟาดกันเลย โรคอันนั้นก็หาย เรายังจำได้เดือนเมษา ๒๔๙๓ จากนั้นกลับมาวัดดอยธรรมเจดีย์ เดือนพฤษภา ๒๔๙๓ เหมือนกัน นี่ละไปปลงความตายความห่วงใยที่ไม่อยากตายลงที่วัดดอยธรรมเจดีย์
ไปที่ไหนไปเถอะ ไปเมื่อไรไปเถอะ เห็นไหมเวลามันจ้าขึ้นมาแล้ว หลังเขาวัดดอยธรรมเจดีย์ เวลา ๕ ทุ่มพอดี ระหว่างกิเลสกับธรรมฟัดกันขาดสะบั้นลงจากหัวใจนี้จ้าไปหมดเลย นี่ผลแห่งการปฏิบัติ ความห่วงใยในเรื่องความเป็นความตายไม่มีเลย นั่นเห็นไหม นี่ละการปฏิบัติธรรม ตั้งแต่นั้นมาแล้วไอ้เรื่องความเป็นความตายไม่เคยสนใจนะ จิตดวงนี้มันจ้าอยู่กับตัวเองแล้ว นี่ละนำธรรมมาสอนโลก เริ่มต้นตั้งแต่นั้นละมา เริ่มสอนพระเณรที่อยู่ในป่าในเขาด้วยกัน ส่วนมากฆราวาสไม่ค่อยได้สอนเพราะอยู่ในป่าในเขาเป็นส่วนมาก มีแต่พระติดสอยห้อยตามตลอด ไปที่ไหนเหมือนผู้ต้องหานะเรา
ไปที่ไหนนี้พระเณรแอบตามๆ จมูกเก่ง ว่างี้ก็เฉยนะพระ ก็เราไปที่ไหนมันก็ตามไปจนทันๆ มันยังไงพระนี่จมูกหมาสู้ไม่ได้ จมูกพระดีกว่าหมา เฉย ขอให้ได้อยู่ด้วยพอใจ นั่นเห็นไหม ไอ้เราเป็นผู้เสียเปรียบ ดุพระก็ดุซิท่านเฉย จมูกพระนี่ดีกว่าจมูกหมา คือพระตามเราทัน เราเสียเปรียบ ว่าก็เฉยขอให้ได้อยู่ด้วย เป็นอย่างนั้นละในป่าในเขา ต่อจากนั้นถึงได้ออกมา แล้วก็ได้มาสอนโลกจากธรรมประเภทนี้ ที่อุตส่าห์บึกบึนมาจนจะเป็นจะตาย เวลานี้หมด เรื่องความห่วงใยในความเป็นความตายเราหมดโดยสิ้นเชิง ไม่มีอะไรเหลือ เหลือแต่ร่างกระดูกที่เป็นเครื่องมือใช้ทำประโยชน์ให้โลกอยู่นี่เท่านั้นเอง ส่วนจิตใจเราหมดโดยสิ้นเชิง
จะไปจะอยู่ที่ไหน นิพพานเที่ยงคืออะไร ถามหาอะไร พระพุทธเจ้าแสดงไว้แล้วว่านิพพานเที่ยงคืออะไร ขอทำให้จิตหลุดพ้นจากสมมุติซึ่งเป็นกฎของอนิจจังนี้ให้หมดโดยสิ้นเชิงเถอะ นิพพานเที่ยงหรือไม่เที่ยงมันจะรู้เอง พอสมมุติออกโดยสิ้นเชิงไม่มีเหลือแล้วนิพพานเที่ยงก็ไม่ต้องถามมันก็เป็นขึ้นมาเอง นี่ละธรรมพระพุทธเจ้าเลิศเลอขนาดนี้ เราเป็นลูกชาวพุทธขอให้มีความสนใจในอรรถในธรรม อย่าสนใจตั้งแต่กับมูตรกับคูถแบบหมาเข้าถานนะ ใครได้เข้าถานแล้วมันไม่ออกๆ พวกนี้เห็นแก่ความโลภ เป็นบ้าโลภ บ้าอำนาจบาตรหลวง บ้ามั่งบ้ามี บ้ายศถาบรรดาศักดิ์ มีแต่พวกหมาเข้าถาน ปล่อยเข้าถานแล้วไม่มียอมออก หางขาดไม่ยอมออก ท้องยังไม่พอคือความอยากมันยังหิวมากอยู่มันไม่พอ นี่ละพวกจม
จิตใจที่อิ่มตัวทุกอย่างแล้วพอ ไม่ได้ติดอะไร สามโลกธาตุไม่มีอะไรติด ดีดผึงเดียวพอ นั่นละพระพุทธเจ้าว่าถึงนิพพานแล้ว คือความเที่ยงนั่น จำเอานะ วันนี้ก็พูดเพียงเท่านี้ละไม่พูดมากนัก ให้พากันตั้งใจอุทิศส่วนกุศลที่ได้บำเพ็ญมานี้ให้ถึงผู้ล้มหายตายจากไป เป็นญาติเป็นมิตรเป็นสัตว์ทั้งหลายที่หวังอาศัยพึ่งผู้อื่นให้เขาได้อาศัย ในการบำเพ็ญกองการกุศลของเราคราวนี้ ต่อจากนี้จะให้พร
หลวงปู่ลีวัดถ้ำผาแดง ถวายทองคำ ๓ กิโล ๔๔ บาท ๑๓ สตางค์ เงินสด ๑๖๑,๑๔๐ บาท เช็ค ๑๘๕,๘๔๙ บาท รวมทั้งเช็คทั้งเงินสดเป็นเงิน ๓๔๖,๙๘๙ บาท ดอลลาร์ได้ ๒๙๘ ดอลล์ เงินยูโร ได้ ๑๕ ยูโร เอ้า สาธุพร้อมกัน นี่เป็นธรรมลีนี้เอามา พาลูกศิษย์ลูกหามา ลูกศิษย์ลูกหาถวายแล้วก็เอามา เป็นเงินทั้งหมดตั้ง ๓๔๖,๙๘๙ บาท (ลูกศิษย์เขาต่อยอดด้วยครับ เขาบอกวันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของหลวงปู่ลีครับ) บอกไปไปหาธรรมลี วันนี้วันคล้ายวันเกิดของหลวงปู่ลีเอามาถวายเรา ธรรมลีไปเกิดอีกเราจะรอเอาเงินอยู่ทางนี้ (อายุ ๘๔ แล้วครับ) นั่นละไปเกิดอีก เราคอยเอาผลรายได้จากใครเกิดก็ตาม เอามาให้เราเอาหมด แล้วสั่งเสียไปให้กลับไปเกิดอีก
วันนี้เราเทศน์วันปล่อยหมาเข้าถานใช่ไหม ปล่อยหมาเข้าถาน มันกินไม่อิ่มไม่พอ พวกโลภมาก พวกปล่อยหมาเข้าถาน หางขาดไม่ยอมออกท้องไม่เต็ม เมื่อวานไปโรงพยาบาลเมืองพล หลายปีไม่ได้ไป แต่ช่วยเหลือช่วยตลอด ไปเขาก็มาบอกเลยว่ารถคันนั้นยังใช้ได้อยู่.อย่างนั้นละเราให้รถเขา ไปที่ไหนมีรถ ที่ใกล้เคียงกันจากอำเภอพล ก็แวงน้อย แวงใหญ่ นี่ก็ให้ ส่วนอีกแวงหนึ่งก็คือแวงใหญ่หรือแวงน้อยนะ นี้เราให้แล้ว หมอเองขับรถออกมา แล้วไปเกิดอุบัติเหตุกลางถนน เกี่ยวกับเรื่องรถมอเตอร์ไซค์ว่างั้น เราเห็นความจำเป็นไม่ใช่ความประมาท มอเตอร์ไซค์มันขับไปข้างหน้านี้ รถหมอก็ไป แล้วไปธุระเอาคนไข้เข้าไปโรงพยาบาลเสียด้วย พอไปถึงนั้นรถมอเตอร์ไซค์มันไปตกหลุม พอตกหลุมถ้าไม่หลีกมอเตอร์ไซค์นี้มอเตอร์ไซค์แหลก ก็เลยหลบ หลบก็ไปชนเสาไฟฟ้า รถเลยแหลก หมอก็ตาย พอเขามาเล่าให้ฟังเราสั่งใหม่ทันทีเลย
นี่ละที่ว่า ดูเหมือนเป็นแวงใหญ่ นี่เราก็ช่วย คือซื้อออกมาแล้วขับไป หมอขับเอง เอาคนไข้ไปโรงพยาบาลใหญ่ พอดีรถไปชนเสาไฟฟ้า ถ้าไม่ชน.. มอเตอร์ไซค์ไปตกหลุมนี้จะชนมอเตอร์ไซค์ตาย หลบนี้ก็ไปชนต้นเสา เจ้าของตาย เราก็เลยซื้อคันใหม่ให้อีกเลย คันเก่าให้เขาซ่อมเสร็จแล้วมอบให้โรงพยาบาลตามเดิม เป็นอย่างนั้นละ นี้ไปทางอำเภอพล แวงใหญ่ แวงน้อย อำเภอพลอยู่ด้วยกัน เราช่วยทั้งสามโรง เมื่อวานนี้ไปอำเภอพล เอาของไปให้เขา เมื่อวานเขาก็บอกว่ารถที่ได้มานั้นยังใช้ดีอยู่ ตกลงไม่ขออะไรแหละ เมื่อวานไม่ขออะไร เราก็ไม่ให้ เพราะเราให้มาพร้อมแล้วรถเรานี่เต็มรถจะว่าไง จะมาขออะไรเราอีก ก็เลยกลับมา อย่างนั้นละช่วยตลอดช่วยบ้านช่วยเมือง
วันที่ ๗ กันยายน ๒๕๔๙ ทองคำได้ ๓ กิโล ๔๖ บาท ๔๒ สตางค์ ก็ได้ทุกวันๆ เวลานี้ทองคำเราตั้งแต่เริ่มช่วยชาติมานี้มันได้ ๑๑ ตัน กับ ๓๕๐ กว่ากิโล นี่ละได้มาเรื่อย ที่ ๓๐๐ กว่านี้เป็นประเภทน้ำไหลซึมนะ ถ้าเราไม่มีเงื่อนต่อก็จะได้เพียง ๑๑ ตัน กับ ๓๗ กิโลครึ่งมอบแล้ว ก็ได้เท่านั้น อันนี้มันก็ ๓๕๐ กว่ากิโล นี่ได้มาเรื่อยๆ มันจะได้อยู่เรื่อยๆ อย่างนี้นะ เราเป็นห่วงคลังหลวงของเรา พยายามให้มันได้มากกว่านี้สืบต่อไปเรื่อย นี้ตั้ง ๓๐๐ กว่ากิโลแล้วนะ ต่อไปก็เพิ่มเข้าอีกๆ ธรรมลีก็หาทองเก่งเหมือนกันนะ ธรรมลีได้มาเรื่อย ไปกรุงเทพก็ด้อมตามไปหาทองให้ อยู่ที่นี่ก็หาทองมาให้เรา เมื่อเช้านี้ธรรมลีได้มาจากผาแดง ๓ กิโล ๔๔ บาท ๑๓ สตางค์ ได้เยอะ ส่วนเงินสดรวมทั้งเช็คเป็น ๓๔๖,๙๘๙ บาท
เราได้มาออกมาดูศาลาใหญ่เรื่อยนะ มันเลอะเทอะ ไม่ทราบมาจากไหนมานอนเกลื่อนอยู่ตามนี้ เอาศาลานี้เป็นทำเลนอนเกลื่อน หาเหตุหาผลหาหลักหาเกณฑ์ไม่ได้ อย่างนั้นนะ แล้วก็วัตถุกำลังเกลื่อนเข้ามา วัตถุกับธรรมต่างกัน วัตถุนี้ก็เป็นหินธรรมดา เขาสมมุติว่าเป็นพระพุทธเจ้า ที่นี่เลยใหญ่ทับไปหมด ธรรมเลยออกไม่ได้ เราเลยมาแยกอันนี้ออกให้ธรรมออกประกาศสอนโลกต่อไป วัตถุนี้สอนโลกไม่ได้ ต้องธรรมสอนโลก ออกจากหัวใจของท่านผู้สิ้นกิเลสแล้วยิ่งเลิศเลอ นั่นละสอนโลก ท่านสอนโลกด้วยธรรม ท่านไม่สอนโลกด้วยรูปวัตถุนั้นวัตถุนี้นะ
ไปที่ไหนมีตั้งแต่วัตถุเต็มวัดเต็มวา เรามาขับไล่ออกเรื่อยนะ ยังอยู่นี่กำลังติดตามหาเจ้าของ วัดนี้เป็นวัดมีเจ้าของมีผู้รับผิดชอบ จะมาทำสุ่มสี่สุ่มห้ากับเราไม่ได้เราไล่เบี้ยให้ส่งกลับไปแล้ว นี่กำลังถามหาเจ้าของ ไม่มาถามเราสักคำเดียว เราเป็นเจ้าอาวาสรับผิดชอบอยู่นี่มันมาทำยังไงได้ เพราะฉะนั้นจึงตามถามให้ทันเหตุการณ์กันกับคนหน้าด้าน เข้าใจไหม นี่วัตถุ ส่วนธรรมที่มีคุณค่ามากออกไม่ได้ ไปที่ไหนมีแต่วัตถุ อยู่ในห้องหลับห้องนอนจนนอนไม่ได้ มีแต่พระพุทธรูปชนิดต่างๆ เต็มอยู่ห้องนอน เราไปเห็นเองด้วยตาของเรา แล้วเป็นพระเสียด้วย จะว่าขายหรือไม่ขายก็ตัวเองทำอยู่แล้วนั่นจะให้ว่าไง
เข้าไปในห้องพระห้องนอนของท่านนั้นแหละ มีตั้งแต่พระพุทธรูปกองพะเนินเทินทึก ที่หลับที่นอนเจ้าของเท่ากับที่นอนของหมาตัวหนึ่ง นอกนั้นมีแต่วัตถุ เราไปเราก็ไปปลงธรรมสังเวช แล้วครูบาอาจารย์เป็นผู้ใหญ่ตามชื่อเขานิยม เป็นสมเด็จนู่นน่ะ แต่เวลาความประพฤตินิสัยใจคอมันต่ำขนาดไหน ดูอันนี้วัดอันนี้ออกเลย เราได้สลดสังเวช ไม่ได้สนใจในธรรมที่เป็นของเลิศเลอบ้างเลย สนใจแต่วัตถุได้มาพอ นี่กำลังขนเข้ามา เราไล่ออก นี่กำลังถามหาเจ้าของ คือไม่ได้ถามเราซึ่งเป็นเจ้าอาวาสอยู่นี้เลย จับมาไสเข้าๆ มันก็ทันกันละซิเราไม่เหมือนใคร มาไล่หาเหตุหาผล ขับเอาออก
เมื่อวานนี้เอาต้นไม้ที่ไหนมาจากไหน ลงจากรถก็ขนต้นไม้เข้าไป พอดีเราออกมาประตู ๕ โมงเย็นเป็นเวลาที่เราออกมาตรวจตราพาทีวัด กำลังขนต้นไม้เข้าไป เอาไปทำไมนี่ จะมาปลูกวัด เอาคืนเดี๋ยวนี้ไล่กลับคืนเลย ต้นไม้สองต้นสามต้นเขาเอาออกจากรถเขาจะไปปลูกในวัด เขาไม่ได้ขออนุญาตจากใครเลย ก็มาเจอกับสมภารวัดเสียด้วย ไล่กลับเดี๋ยวนั้นเลย ให้เอาออก เขาก็เอาคืนเดี๋ยวนั้น ให้มันทันกันซิ กิเลสมันหยาบ ธรรมไม่หนาแน่นไม่ทันกัน ต้องเอากันอย่างหนักอย่างนี้ กับเรานี้มาว่างั้นเลย ธรรมนี้เหนือโลกตลอดเวลาแล้ว ขี้หมูราขี้หมาแห้งมูตรคูถอย่าเอามาแข่งธรรม ธรรมจ้าอยู่ในหัวใจอยู่ไหนสบายหมด ถ้าลงได้ธรรมจ้าอยู่ในหัวใจแล้ว ผู้ปฏิบัติธรรมให้ธรรมจ้าอยู่ในหัวใจเถอะสง่างามหมด เหล่านี้ไม่ได้สง่า มากีดมาขวางเฉยๆ จะว่าอะไร ไปละที่นี่
รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th
และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร
FM 103.25 MHz |