เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๕ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๔๙
ใครเป็นครูจำเอาไว้
ก่อนจังหัน
วันนี้พระมาเท่าไร (๒๙ ครับผม) อย่างวัดภูวัวท่านก็ไม่ได้มาฉันหมดนะ มีทั้งหมดพระ ๓๖ ท่านก็แบบเดียวกันนี้ องค์ไหนอยากฉันก็มา ไม่อยากฉันก็ไม่มา ทำนองเดียวกัน เพราะพวกเหล่านี้ไม่สนใจกับเรื่องอาหารการกิน พอยังอัตภาพให้เป็นไปเท่านั้นพอ จิตพุ่งๆ อยู่กับธรรม เพราะฉะนั้นผู้ปฏิบัติเพื่อความเป็นธรรมแล้วจึงอะไรสบายหมดง่ายหมด เพราะมุ่งต่อธรรม ธรรมถือเป็นเรื่องใหญ่โตมาก จะอดจะอิ่มอะไรไม่สำคัญ สำคัญที่มุ่งต่อธรรม ท่านทั้งหลายฟังเอานะ
ท่านผู้เป็นคนดี ดีเลิศ เพราะมุ่งต่อความดี มุ่งต่อธรรม ธรรมคือความดีเลิศในโลก อะไรๆ ก็ตามจะเสกสรรปั้นยอว่าดีเท่าไรๆ ไม่มีดี ธรรมเท่านั้นดี ทีนี้ประมวลลงมาแล้วมาเข้าอยู่หัวใจ ธรรมนี่ประมวลความดีทั้งหลายที่มุ่งธรรมๆ เข้านี้ๆ เวลาธรรมเต็มหัวใจนี้สว่างจ้าไปหมดเลย ไม่มีอะไรเสมอเหมือนใจกับธรรมเป็นอันเดียวกัน เรียกว่าธรรมเรียกว่าใจ เป็นอันเดียวกันเลย นั่นละธรรมพระพุทธเจ้ามารวมอยู่ที่ใจ มาเลิศมาเลออยู่ที่ใจ อะไรมาแข่งไม่ได้เลย
จึงว่าธรรมนี้ตายใจได้ โลกยอมรับหมดเลยไม่มีใครฝืนไปได้ นอกจากที่มันเลยเหตุเลยผลนรกแตก อย่างนั้นมันไม่ฟังเสียงดีเสียงชั่วอะไร จะเอาแต่ความต้องการ ความทะเยอทะยาน แล้วพาจมๆ ไป เรื่องความดีความชั่วแล้วต้องเลือกเสียก่อน เพราะเลือกอะไรก็เพื่อเราๆ ไม่ได้เลือกเพื่อใคร เลือกเพื่อเรา อะไรไม่ดีถึงจะอยากได้เท่าไรก็ไม่เอา ปัดๆๆ เพราะมันเป็นพิษอยู่ภายในนั้น อะไรดีแล้วเอาๆ ท่านผู้ปฏิบัติธรรมต้องมุ่งต่อความดีงามทั้งนั้น
พี่น้องทั้งหลายให้พากันจดกันจำ มาวัดมาวาให้สังเกตพินิจพิจารณาคัดเลือกปฏิบัติต่อเจ้าของ ให้ได้แต่ความดีงามมา ใจดวงนี้เป็นพื้นฐานแห่งการรับสุขรับทุกข์ เกิดแก่เจ็บตายอยู่ที่นั่นหมด ตัวใจจริงๆ ไม่ตาย แต่มันไปอาศัยที่นั่นที่นี่ ร่างนั้นร่างนี้ เทวบุตรเทวดา เปรตผีนรกอเวจี เป็นใจดวงนี้ทั้งนั้นไป แต่ใจดวงนี้ไม่เคยตาย ทุกข์ขนาดไหนยอมรับว่าทุกข์ๆ
ไม่มีใครที่จะฟื้นความจริงนี้ขึ้นมาได้ นอกจากพระพุทธเจ้าเพียงพระองค์เดียว จากนั้นก็บรรดาสาวกทั้งหลายติดตามกันรู้ตามกันไป ยอมรับพระพุทธเจ้า ผู้ยอมรับธรรมจึงเป็นผู้ดีๆ ตายใจได้ทั้งนั้น ผู้ไม่ยอมรับธรรมนี้มีแต่ลมหายใจฝอดๆ เท่านั้น พอลมหายใจขาดแล้วจมเลยๆ
คำพูดของพระพุทธเจ้าเป็นคำพูดของผู้สิ้นกิเลสแล้ว คำพูดของโลกทั้งหลายนี้เป็นคลังกิเลส หลอกทั้งนั้นๆ คำพูดของพระพุทธเจ้ากลั่นกรองเรียบร้อยแล้ว เรียกว่า สวากขาตธรรม ตรัสไว้ชอบ ให้พากันยึดไปปฏิบัติ ทุกข์ยากลำบากก็เพื่อผลอันดีงามสำหรับตน อย่าเห็นแก่ได้แก่กิน สุกเอาเผากินใช้ไม่ได้นะ คนเราเสียเพราะสุกเอาเผากินนั่นแหละ ไม่คัดไม่เลือกอะไร
อย่างที่เขาไปกองกันอยู่ในเรือนจำ นี่เชื่อตัวเองไม่ได้เชื่อความจริง ไปฉกไปลักไปปล้นจี้เขามา ว่าแต่เขาจะจับตัวไม่ได้ๆ แล้วไปกองกันอยู่ในเรือนจำ เป็นยังไงพิจารณาซิ มันจะเหนือกรรมไปได้ยังไง ไปกองอยู่ในเรือนจำ นั่นละเชื่อตัวเอง กิเลสของตัว ถ้าเชื่อธรรมแล้วกรรมชั่วสิ่งชั่วไม่ทำ พากันจดกันจำเอา
เราเห็นบรรดาพี่น้องทั้งหลายมาวัดมาวา มาฟังธรรมจำศีล พินิจพิจารณาคัดเลือกความดีชั่วทั้งหลาย สิ่งไม่ดีออกจากตัวเอง สิ่งที่ดีหมุนเข้ามาหาเรานั้นเราพอใจด้วย พระพุทธเจ้าถึงขนาดขั้นสลบไสล นั่นละฝืนสิ่งไม่ดีทั้งหลาย เอา ตายก็ยอม นั่นละพระพุทธเจ้าได้มาเป็นศาสดาของพวกเรา ไม่ใช่อะไรก็สบายๆ ง่ายนิดเดียวๆ เวลาจมมันง่ายไหมล่ะ พากันจำเอานะ
พวกนักเรียนหรือใครต่อใครที่มาศึกษาก็พากันจำให้ดี มีหัวใจทุกคน หัวใจนั้นละรับผิดชอบตัวเอง ถ้าชั่วก็เป็นภัยแก่ตัวเอง ถ้าดีก็เป็นคุณแก่ตัวเอง ให้คัดเลือกทุกสิ่งทุกอย่างก่อนจะทำลงไป ท่านแสดงไว้ว่า นิสมฺม กรณํ เสยฺโย ให้พินิจพิจารณาใคร่ครวญก่อนที่จะทำสิ่งใด อย่าไปทำแบบพรวดพราด มาเสียหายตัวเองนั่นแหละ ท่านสอนไว้อย่างนั้น ให้พากันจดกันจำเอา
เข้ามาวัดนี้ให้ดูเอา เราพูดจริงๆ ในวัดนี้เราปฏิบัติตามหลักธรรมหลักวินัยไม่ให้เคลื่อนคลาดไปไหนเลย สำหรับพระเราเป็นอันดับหนึ่งเคลื่อนไม่ได้เลย เคลื่อนตรงไหนชี้บอกกันทันทีๆ เพราะเป็นไฟ ความผิดนั้นละคือไฟเผาตัวเอง แล้วกระจายไปหาผู้อื่นให้ได้รับความเดือดร้อน จึงต้องเตือน ด้วยเหตุนี้จึงต้องมีผู้ใหญ่ผู้น้อยมีหัวหน้า เช่นอย่างวัดป่าบ้านตาดนี้ก็ถือหลวงตาบัวเป็นหัวหน้าวัด แล้วหลวงตาบัวจะนำวิธีการใดมาสั่งสอนผู้ที่เข้ามาอาศัย ก็ต้องเป็นวิธีการที่ถูกต้องแม่นยำ เรียกว่าสวากขาตธรรมของพระพุทธเจ้ามาสอนให้ถูกต้องแม่นยำ แล้วใครมาศึกษาอบรมออกไปก็ได้ผลได้ประโยชน์ออกไป จึงต้องมีการศึกษาอบรม
มนุษย์เราไม่เหมือนสัตว์ สัตว์เขายังมีหัวหน้า มนุษย์ทำไมจะไม่มีหัวหน้า ต้องฟังเสียงหัวหน้า หัวหน้าเป็นคนเช่นไร พุทธศาสนาก็คือศาสดาองค์เอกเป็นหัวหน้าของโลกทั้งสาม นี่ละหัวหน้าใหญ่โตทีเดียว ไม่มีคำว่าผิดพลาดถ้าดำเนินตามทางของพระพุทธเจ้าแล้วไม่ผิด แต่ถ้าแหวกแนวไปแล้วมีเท่าไรผิดหมด จมหมด พากันจดจำเอาทุกคนๆ ตาหูจมูกลิ้นกายใจเหล่านี้เป็นสมบัติของใจ ใจเป็นผู้บงการ ผิดถูกชั่วดีจะขึ้นอยู่กับใจ ใจเมื่อได้รับการอบรมที่ถูกที่ดีแล้วจะคัดเลือกสิ่งดีออกมาปฏิบัติ ถ้าไม่ได้มีการอบรมแล้วใจนั่นละเป็นตัวอันธพาลนักเลงโต อยู่ที่ใจ จึงต้องได้อบรมใจให้ดี ให้พร
หลังจังหัน
วันนี้คนก็มากอยู่นะ พวกนักเรียนก็มากันเยอะ พวกนักเรียนพากันตั้งใจศึกษานะลูกหลาน ตั้งใจศึกษาเอาคติตัวอย่างอันดีจากวัดไปใช้ ในโรงเรียนก็ถือครูเป็นแบบฉบับ ครูคนไหนดี อัธยาศัยดี นักเรียนเป็นเด็กก็ตามแต่นักเรียนรู้นะ เราเคยเป็นนักเรียนมาแล้ว ครูคนไหนลักษณะไม่ดีเราไม่สนิท ครูคนไหนมีกิริยามารยาทความประพฤติดีงามเป็นแบบฉบับจับใจ ติดคนนั้นแหละเรา นี้เราก็ได้มาพูดให้พี่น้องทั้งหลายฟังซึ่งเป็นคติเครื่องเตือนใจ
ครูเราคนนี้เราได้มาพูดเสมอ ชื่อครูชาลี สิงหะสุริยะ อยู่บ้านโนนทัน ครูคนนี้เรารักมาก ไม่ลืมเนื้อลืมตัวตั้งแต่ต้นมาเป็นครูจนกระทั่งล่วงลับไป มีลูกกี่คนเลี้ยงใหญ่โตหมดทุกคนๆ เพราะพ่อเป็นคนดี ประหยัดมัธยัสถ์มากทีเดียว ไม่ลืมเนื้อลืมตัว เราได้ยกมาเป็นครูของเราตลอดมา เรารักครูคนนี้มาก คือไม่ลืมเนื้อลืมตัว เข้าที่ไหนเข้าได้หมดเลย พอน้าเป็นน้า พออาเป็นอา พอป้าเป็นป้าไปเลย ไม่มีคำว่าเย่อหยิ่ง การประพฤติตัวนี้ดีเรียบไปตลอด เป็นคติตัวอย่างของเด็กได้เป็นอย่างดี เรารักครูคนนี้มาก ติดใจมาจนกระทั่งทุกวันนี้ ทีนี้รักนี้ก็เลยกลายเป็นเรื่องรักตอบรักนะ
เรารักเราเคารพครูคนนี้เวลาเราเป็นเด็ก ครั้นต่อมาครูคนนี้เลยมารักมาเคารพเรามาก ยิ่งมากกว่าที่เรารักครูคนนี้ด้วยซ้ำ เคารพมากทีเดียว ได้มาเป็นอาจารย์ของครูคนนี้ ทีนี้เคารพมากเคารพเรา รักมากทีเดียว จนกระทั่งสิ้นไป นี่เป็นคติตัวอย่างอันดีงาม ครูนี้เป็นแบบเป็บฉบับของนักเรียน ต้องเป็นครูที่ดีมีมารยาท ความประพฤติทุกอย่างให้เป็นคติตัวอย่างของเด็ก การประพฤติเนื้อประพฤติตัว การจับจ่ายใช้สอยสุรุ่ยสุร่ายไม่ควรมีในครู ครูต้องเป็นแบบฉบับของนักเรียนทุกคน ใครเป็นครูจำเอาไว้ เด็กเหล่านี้ต่อไปก็จะได้เป็นครูผู้อื่น จะได้เป็นคติตัวอย่างอันดี แล้วจะมีคนดีสืบทอดกันไปเรื่อยๆ
เราพูดถึงเรื่องการติดใจในครู ครูมีหลายครู แต่ถ้าไม่สนิทใจไม่เข้าใกล้ชิดติดพัน แต่ครูคนนี้ติดพันตลอด แล้วไปไหนชอบเอาเราไปด้วยจนกระทั่งเรามาบวชเป็นพระ กลายเป็นอาจารย์ของครูคนนี้ ทีนี้ครูคนนี้เลยเคารพรักเรามากยิ่งกว่านั้นอีก จนกระทั่งตายจากไป ครูคนนี้เป็นคติได้ดี เราเป็นนักเรียนก็ให้เอาตัวอย่างจากครูคนดีมาปฏิบัติตัวเราให้เป็นคนดี หน้าที่การงานอย่าเถลไถล อย่าเป็นคนใจง่ายขายก่อนซื้อใช้ไม่ได้นะ ทุกวันนี้กามกิเลสรุนแรงมาก ไม่มีอะไรเอาอยู่ได้เลยนอกจากศีลธรรม บังคับกิเลสตัวนี้ไม่ได้ ต้องเอาศีลเอาธรรมบังคับอย่างเข้มแข็ง เข้มงวดกวดขัน แล้วจะเป็นคนดีได้ ไม่งั้นเป็นคนโกโรโกโส ขายก่อนซื้อ สุกก่อนห่าม ใช้ไม่ได้เลย เวลาจะขายขายไม่ออก เพราะมันหมดราคาแล้ว อย่าทำตัวให้หมดราคานะ ให้ทำตัวเป็นคนดีมีค่าตั้งแต่มาเป็นนักเรียน เรียนเพื่อความเป็นคนดี ไม่ใช่เรียนเพื่อความเป็นคนเลว ให้ปฏิบัติตัวให้ดี
ไปถึงบ้านถึงเรือน ปากระงับให้ดี มันมักถือสิทธิ์ ลูกกับพ่อกับแม่ ถือสิทธิ์ว่าเราเป็นลูก พ่อแม่ว่าอะไรเถียงแว้ๆๆ ถ้าเราเป็นพ่อเราจะตีปากมันลูกคนนั้น มันก็ถือสิทธิ์ว่ามันเป็นลูกมันเถียงได้ เป็นอย่างนั้นนะ ต่างคนต่างมีสิทธิ์ ไอ้ลูกก็ถือสิทธิ์ว่าเราเป็นลูก พ่อแม่ก็ถือสิทธิ์ว่าเป็นพ่อเป็นแม่ เถียงกันไม่ลงเลยคือพ่อแม่กับลูก เข้าใจไหม ขึ้นเวทีแล้วไม่มีลงพ่อแม่กับลูกตายด้วยกัน นี่ละให้รู้จัก พ่อแม่สำคัญมาก ท่านบอกไว้ในธรรมว่า พ่อแม่นี้เป็นทักขิไณยบุคคล เป็นผู้มีคุณมากโทษมาก ถ้าปฏิบัติต่อพ่อแม่ดีแล้วเหมือนกับปฏิบัติต่อพระอรหันต์องค์หนึ่งท่านว่างั้น ถ้าปฏิบัติผิดไปก็เป็นความร้ายแรงมากเรื่องโทษทั้งหลาย
ท่านสอนไว้ให้เคารพพ่อเคารพแม่ นี่เป็นบ่อเกิดของเราบ่อชีวิตจิตใจ ทุกสิ่งทุกอย่างออกมาจากพ่อจากแม่ คนทุกข์คนจนเลี้ยงลูกใหญ่โตทุกคน ไม่ว่าคนทุกข์คนจนที่ไหนมีลูกมีเต้า ไม่เคยปล่อยลูกให้ตายเพราะความจนพ่อแม่ไม่มี เงินทองข้าวของจนแต่หัวใจความรักลูกนี้ไม่จนด้วยกันทุกคน เหมือนเขาเลี้ยงหมาในบ้าน ในบ้านเขาไม่ว่าคนมีคนจนมีหมาติดบ้านทุกคน คนจนก็มีหมาติดบ้าน คนมีมีหมาติดบ้าน อันนี้คนจนเลี้ยงลูกก็แบบเดียวกัน ลูกนี่เป็นเหมือนหมาติดบ้าน ให้เราเป็นหมาที่ดีให้รู้จักเจ้าของ หมามันดีนะมันรู้จักเจ้าของ แต่ลูกกับพ่อกับแม่นี้มันดีหรือไม่ดีก็ไม่รู้ มันกัดพ่อกัดแม่ยิ่งกว่าหมาก็ได้เข้าใจไหมล่ะลูกหลาน
สูจำให้ดีนะ มาวันนี้กูสอนสู กูเคยเป็นลูกมาแล้ว เถียงพ่อเถียงพ่อแม่ก็เก่งเหมือนกัน แต่ไม่ค่อยจะเถียงสุ่มสี่สุ่มห้ายังดีอันหนึ่ง ถ้าทางไหนผิดทางไหนถูกยกให้เลย ตกลงพ่อกับแม่เลยให้เราเป็นกรรมการ เป็นอย่างนั้นจริงๆ ถ้าเราตัดสินออกมาปั๊บนี้ แม่ก็ดีพ่อก็ดีเชื่อปฏิบัติตามนั้นเลย เพราะพ่อกับแม่มักเถียงกันเสมอ ไอ้ลิ้นกับฟันมันอยู่ด้วยกันกัดกันเรื่อย เลือดสาดก็อยู่ด้วยกันได้ พ่อกับแม่ทะเลาะกัน เราคนเป็นคนฟัง ใครผิดใครถูกเราตัดสินให้เงียบเลย พ่อกับแม่ไม่ทะเลาะกันต่อไป เป็นอย่างนั้นละ
ให้เอาเหตุเอาผลตัดสินตัวเอง ถ้าเอาความหยาบความทะเยอทะยานไม่ดีคนเรา ให้เอาเหตุเอาผล ความอยากความทะเยอทะยานเอาไว้ข้างหลัง เอาธรรมขึ้นหน้าคือความถูกต้องดีงาม นำไปปฏิบัติจะเป็นคนดีต่อไปเรื่อยๆ ต่อไปก็เป็นผู้ใหญ่เป็นพ่อเป็นแม่ของเด็กก็เป็นพ่อแม่ที่ดี สอนเด็กก็ดีไปเรื่อยๆ เป็นอย่างนั้น ให้พากันจำเอา วันนี้ก็ไม่พูดอะไรมากนักละ ยังจะไปธุระอยู่ ไปทุกวันไปธุระ เมื่อวานนี้ก็ไปโรงพยาบาลศรีสงคราม ไกล ๒ ชั่วโมงครึ่งเวลาไป ขากลับมา ๒ ชั่วโมง ๑๕ นาที เพราะมาบึ่งเลยถึง ไปซื้อนั้นซื้อนี้ตามทาง เต็มรถ เราไปไหนเป็นอย่างนั้น ของนี้แน่นรถๆ ไปที่ไหนเหมือนกันหมดเพราะอำนาจความเมตตาไม่ใช่อะไรนะ อันนั้นก็ดีอันนี้ก็ดีมีแต่จะเอาขนขึ้นรถเต็มไปหมดๆ
นี่ละอำนาจแห่งความเมตตา ไม่มีคำว่ากำ แบตลอด สลัดออกหมด มีเท่าไรหมด นี่เขาเขียนไว้หน้าวัดเห็นไหมนั่น นั่นละคือความจริง เงินวัดนี้เป็นเงินเพื่อโลกว่างั้น ไม่เก็บ เขียนไว้นั่นเขาเขียนไว้แล้ว เงินนี้เป็นเงินเพื่อโลก ไม่เก็บ จะก่อจะสร้างอะไรๆ ไม่เอา พออยู่พอกินพอเป็นพอไปแล้วพอ แต่ทางจงกรมเป็นเหวไปเลย เพราะเดินจงกรมทำความพากความเพียรชำระกิเลส นั้นแลธรรมเจริญที่นั่น เขียนไว้นั่น นี่เราก็เอาเป็นคติตัวอย่างมาปฏิบัติตนเองประพฤติตัวต่อโลกเป็นแบบนี้ละ ไม่มีอะไรติดตัวเรานะ ไม่เอาไม่มี
สำหรับเราเองเราไม่มีอะไร มีแต่เสียสละตลอดเลย หมด ถึงไหนถึงกัน เพราะอำนาจความเมตตา จะว่ายิ่งคนนั้นหย่อนคนนี้ไม่ได้นะอำนาจแห่งความเมตตา เหมาะสมตรงไหนเวลาไหนขนาดไหนใส่ลงปั๊บๆๆ ผ่านเรื่อยเลย จะว่าจะไปรักคนนั้นชังคนนี้ไม่มี เสมอไปหมดเลย แต่จังหวะที่จะลงนั้นก็ลงตามสัดตามส่วน เราปฏิบัติอย่างนั้นต่อโลก เพราะฉะนั้นจตุปัจจัยไทยทานมีมาเท่าไรจึงไม่มีเหลือละ หมดเลย มีเท่าไรหมดๆ ตลอด ที่เขาเขียนไว้เป็นเงินเพื่อโลก ถูกต้อง เราไม่มีอะไรเก็บ ออกเพราะอำนาจความเมตตา มีเท่าไรเป็นหมดไม่มีเหลือ เอาละพูดเท่านั้นละ ต่อไปนี้จะให้พร
(ทองคำวันนี้ได้ ๒ บาท ๑๑ สตางค์ครับผม) เออ ก็ได้ทุกวัน ได้ไปเรื่อยๆ เข้าสู่คลังหลวง ใครที่หาสมบัติเข้าสู่คลังหลวงได้มาก ก็มาขึ้นอยู่กับหลวงตาบัวเหมือนกัน หาสมบัติเข้าสู่คลังหลวงได้มากขนาดไหน ทองคำตั้ง ๑๑ ตัน ๓๕๐ กิโลแล้วเวลานี้ ส่วนดอลลาร์เข้าเพียง ๑๐ ล้าน เงินสดนี้ซื้อทองคำเข้าสู่คลังหลวง ๒,๐๐๐ ล้าน จากนั้นเงินสดนี้ออกนอกหมด อย่างนี้ละเราช่วยโลก ไม่ใช่คุยไปหามาซิน่ะ หาพระหาครูบาอาจารย์ที่ช่วยโลกแบบที่เราช่วยอยู่เวลานี้ ไปหาที่ไหน ไม่ใช่เราคุย เราเอาความจริงออกมาพูดนั้น เงินเราไม่มีติดเนื้อติดตัวออกหมดออกเพื่อโลก ฟังซิว่าทองคำ ๑๑ ตันกับ ๓๕๐ กิโล เข้าคลังหลวงหมดเลย
ใครพาพี่น้องทั้งหลายหามา เราเองตะเกียกตะกาย ตั้งแต่ร้องโก้กทีแรกเราไม่ลืม เมืองไทยจะจมต่อหน้าต่อตามันยังไงกัน ปี ๒๕๔๐ นั่นละกำลังจะจม เราก็อยู่ในท่ามกลางประเทศไทยแล้วเราจะทนดูได้เหรอ ก็ร้องโก้กละ เอา จะช่วย นั่น ก็ตั้งแต่บัดนั้นมาสมบัติเงินทองข้าวของก็ไหลเข้ามาๆ ทองคำรวมแล้วก็ ๑๑ ตันกับ ๓๕๐ กิโลแล้ว ส่วนดอลลาร์เข้าแล้ว ๑๐ ล้าน ๒ แสน จากนั้นออกมาช่วยเงินไทยนะ ส่วนเงินสดนี้เข้าซื้อทองคำ ๒,๐๐๐ ล้านเข้าสู่คลัง นอกนั้นเงินสดนี้ออกหมดนะ ออกหมดเลย ดอลลาร์ก็เข้ามาหนุนเงินสด คือดอลลาร์เราบอกแล้วว่า ทีนี้ต่อไปดอลลาร์จะไม่เข้า นั่นผิดไหมล่ะ จะออกมาช่วยทางเงินสด เพราะเงินสดนี้เราหยุดการเทศนาว่าการช่วยชาติแล้วเงินสดนี้จะไม่มี จึงต้องเอาดอลลาร์นี้เข้ามาช่วย ก็เป็นอย่างว่า
เราพูดอะไรเป็นไปตามโครงการที่กำหนดไว้เรียบร้อยแล้วทุกอย่าง เรื่อยมาจนกระทั่งทุกวันนี้ อย่างนี้ละที่จะมาหาเราไม่มี ออกทั้งนั้นๆ ถึงเวลาจะพูดก็พูดเสียบ้าง เอาตามหลักความจริงมาพูด ที่ได้ช่วยพี่น้องทั้งหลาย ใครได้ช่วยอย่างที่เราช่วยด้วยความอุตส่าห์พยายามตะเกียกตะกายถึงขนาดนี้ ตั้งแต่เราอยู่ในป่าในเขาเราสนใจกับใครที่ไหน เหมือนผ้าขี้ริ้วห่อมูตรห่อคูถอยู่ในป่าในเขา ทุกข์จะเป็นจะตายใครไปเห็นเมื่อไร จนกระทั่งเขาตีเกราะประชุมไปดูเราเขาว่าเราจะตาย นี่ความจริงเอามาพูด ที่ไหนเขาไม่ตีเกราะ เราจะทุกข์ยากขนาดไหนเราก็ทำของเราอย่างนั้น เราก็บอกว่าไม่ตี แต่ไปที่นั่นเขาตีเกราะประชุมไปดูพระองค์นี้ว่าจะตาย ดูซิน่ะ
นั่นละเราฝึกทรมานเรา เอาขนาดเขาตีเกราะประชุมไปดูเรา เรายังไม่รู้จักว่าเราจะตาย ชาวบ้านเขารู้ เวลาเราตะเกียกตะกายช่วยชาติบ้านเมือง เราตะเกียกตะกายช่วยเราเสียก่อน เอาจนเต็มเหนี่ยวๆ จากนั้นมาแล้วก็ช่วยชาติอย่างเต็มกำลังความสามารถเหมือนกัน ขอให้พี่น้องทั้งหลายยึดไว้เป็นคติตัวอย่าง อันนี้เป็นคติอันดี สำหรับเราปฏิบัติช่วยตัวเองก็ช่วยเต็มเม็ดเต็มหน่วยจนเป็นที่พอใจ จากนั้นก็ช่วยโลก จะพอใจหรือไม่พอใจมีเท่าไรก็ทุ่มหมดแล้วจะว่าไง เอาละพอ
รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th
และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร
FM 103.25 MHz |