เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑๑ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๔๙
ตำหนิพระพุทธเจ้าได้ไง
การอยู่ธรรมดาวัดป่าอย่างนี้ เรียกว่าผิดปรกติบ้างกับวัดบ้าน อยู่วัดบ้านอยู่วัดป่า วัดป่าในเขาและในที่ลึกลับ เข้าไปอยู่โดยลำดับลำดา จิตจะเปลี่ยนความรู้สึกเรื่อยๆ อยู่ในป่าเป็นความรู้สึกอันหนึ่ง พอไปอยู่ในที่เปลี่ยวๆ ในเขามันจะตื่นตัวตลอดเวลา ไปที่ไหนเหมือนว่าสตินี้จับอยู่อย่างนี้ ไปอยู่ที่ไหนๆ สติตั้งตัวอยู่ ไหวเพื่อรับทราบเหตุการณ์ต่างๆ ไม่ได้ไหวเพื่อความเซ่อซ่า สติของผู้ตั้งใจปฏิบัติอรรถธรรมจริงๆ อยู่ในป่าในเขานี้ สตินี้เหมือนว่าคอยรับเหตุการณ์อยู่อย่างนี้ตลอด และปลุกประสาทปลุกใจให้รู้เนื้อรู้ตัว ไม่ใช่เป็นการกอบโกยกิเลส เป็นการปัดกิเลสออกเรื่อยๆ ท่านจึงสอนให้อยู่ในป่า
พระโอวาทของพระพุทธเจ้าท่านแสดงไว้ พระในแดนพุทธศาสนาของพระพุทธเจ้าเรานี้จะได้รับทุกองค์ อนุศาสน์ ธรรมเครื่องพร่ำสอนหลังจากบวชเสร็จแล้วใหม่ๆ พอบวชเสร็จแล้วก็ประทานพระโอวาทนี้ เรียกว่า นิสสัย ๔ อกรณียกิจ ๔ อนุศาสน์เครื่องพร่ำสอน ขึ้นต้นก็ รุกฺขมูลเสนาสนํ นิสฺสาย ปพฺพชฺชา ตตฺถ เต ยาวชีวํ อุสฺสาโห กรณีโย บรรพชาอุปสมบทแล้วให้ท่านทั้งหลายไปอยู่ตามรุกขมูลร่มไม้ ฟังซิ รุกขมูลร่มไม้ ในป่าในเขา ตามถ้ำเงื้อมผา ป่าช้าป่ารกชัฏ ที่แจ้งลอมฟางเป็นอัพโภกาส ว่างๆ ซึ่งเป็นสถานที่เหมาะสมกับการบำเพ็ญสมณธรรม ปราศจากสิ่งรบกวนทั้งหลาย ให้ท่านทั้งหลายจงอุตส่าห์อยู่และปฏิบัติบำเพ็ญอยู่ในสถานที่เช่นนั้นตลอดชีวิตเถิด
นี่พระได้รับทุกองค์ ปฏิเสธไม่ได้ถ้าไม่ใช่พระปลอม ถ้าเป็นพระศากยบุตรของพระพุทธเจ้า พระโอวาทข้อนี้จะได้รับทุกองค์ไม่เว้น ประทานพระโอวาทข้อนี้เป็นธรรมจำเป็นมากที่สุดมาถึงปัจจุบันนี้ จำเป็นมาตลอดทีเดียว ให้ไปอยู่รุกขมูล แล้ว ปิณฺฑิยาโลปโภชนํ คือเที่ยวบิณฑบาตด้วยกำลังปลีแข้งของตน ได้มาด้วยความบริสุทธิ์ใจ ขบฉันตามนั้น แล้วถือผ้าบังสุกุล เศษๆ เหลือๆ ที่เขาทิ้งอยู่ที่ไหนตามเส้นทางหรือป่าช้า หามาชักบังสุกุล เย็บปะติดปะต่อเป็นสบง จีวร หรือสังฆาฏิ ท่านสอนไว้ขนาดนี้ บังสุกุล แล้วยาแก้ไข้ ยาแก้ไข้ไม่ค่อยมีมาก ฉันยาดองด้วยน้ำมูตร น้ำมูตรก็คือน้ำเยี่ยว ดองมะขามป้อม สมอ ฉันไป ไม่ได้มีเกลื่อนอยู่อย่างทุกวันนี้นะ นี่เรื่องยาท่านก็ไม่เห็นมีอะไรจำเป็น อย่างนั้นละท่านอยู่ อยู่ที่ไหนท่านอยู่
นักปฏิบัติต่ออรรถต่อธรรมท่านจะไม่ยุ่งอะไรกับหยูกกับยานักเลย จิตของท่านมุ่งต่อธรรมตลอด เข้มแข็งๆ ตลอด แข็งแกร่งอยู่งั้นกับอรรถกับธรรม สิ่งเหล่านั้นจะมาเป็นอุปสรรคไม่ได้เมื่อจิตใจมีความเข้มแข็ง มุ่งมั่นต่ออรรถต่อธรรม ต่อแดนแห่งมรรคผลนิพพานแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างจะล้มไปเลย จะไม่มาแข็งหรือมาขวางทางไม่ได้ ทางดำเนินเพื่อความหลุดพ้น พระท่านปฏิบัติอย่างนั้น เพราะฉะนั้นจึงมีพระผู้ทรงมรรคทรงผลเรื่อยมา เพราะท่านปฏิบัติเพื่อมรรคเพื่อผลตามธรรมของศาสดาที่สอนไว้แล้วว่า สวากขาตธรรม ตรัสไว้ชอบแล้ว ชอบตั้งแต่ต้นถึงนิพพานไม่ผิดพลาด เอ้า ปฏิบัติตามนี้ ความหมายว่างั้น ท่านอยู่อย่างนั้นสะดวก การบำเพ็ญปราศจากสิ่งก่อกวนดังที่ว่านี่ ในป่าในเขา บำเพ็ญสมณธรรม
ไปที่ไหนให้มีสติ สตินี่สำคัญนะ สติ สพฺพตฺถ ปตฺถิยา สติจำต้องปรารถนาในที่ทั้งปวงไม่มีเว้น สติสำคัญมาก จากนั้นก็ปัญญาแทรกกันไปๆ เมื่อยังไม่ถึงขั้นสติปัญญาเป็นอันเดียวกัน มันเป็นขั้นๆ สติปัญญาขั้นเกรียงไกรแล้วกลมกลืนเป็นอันเดียวกัน กระดิกพับสติปัญญาไปพร้อมกันๆ
ท่านผู้บวชตามทางของศาสดา พระพุทธเจ้าเป็นศาสดาสอนโลก โลกนี้มีใครเป็นศาสดาสอนโลกได้เหมือนพระพุทธเจ้า เป็นพระโอวาทที่ถูกต้องแม่นยำ ตั้งแต่ต้นพื้นๆ ถึงนิพพานแดนพ้นทุกข์โดยสิ้นเชิง ไม่มีใครสอนได้อย่างพระพุทธเจ้าเลย ยิ่งทุกวันนี้ดึงคำสอนพระพุทธเจ้ามาลงในมูตรในคูถในส้วมในถานไปหมดแล้ว ไม่ได้ดึงขึ้นไปเพื่อมรรคผลนิพพานเดี๋ยวนี้น่ะ พวกกิเลสตัณหามันลากมันดึงลงมาส้วมมาถาน วัดที่พระท่านอยู่เพื่อบำเพ็ญสมณธรรมชำระกิเลสสะสางกิเลส เดี๋ยวนี้มันเป็นส้วมเป็นถานสำหรับสั่งสมกิเลส ความสกปรกรกรุงรังเต็มอยู่ในวัดนั้นหมดเดี๋ยวนี้น่ะ ฟังซิ พระก็สร้างตัวเป็นมูตรเป็นคูถเต็มอยู่ในวัด วัดเลยเป็นส้วมเป็นถาน มูตรคูถคือพระคือเณรเราเต็มอยู่ในวัดในวา
เอา หาดูถ้าว่าเป็นเรื่องโกหก มันเป็นยังไง พระพุทธเจ้าสอนไว้ พระพุทธเจ้าพาอยู่พาเป็นพาไปเป็นยังไง กับที่เราอยู่ทุกวันนี้ พระเราอยู่ทุกวันนี้เป็นยังไง เอาหลักธรรมมาพูดละซิ เรายังไม่สิ้นกิเลสเราก็เอาธรรมที่สิ้นกิเลสแล้วมาเป็นคติเครื่องเตือนใจเรา นำมาสอนโลกให้รู้เรื่องด้วยกัน ให้พอเข้าอกเข้าใจบ้างว่า ศาสนธรรมท่านสอนยังไง ผู้ปฏิบัติศาสนาทุกวันนี้ปฏิบัติกันยังไงถึงได้เป็นข้าศึกต่อมรรคผลนิพพาน ต่อศาสนาของพระพุทธเจ้าเอานักเอาหนา นับวันหนักเข้านะกิเลสเหยียบย่ำทำลายศาสนาแทบจะไม่มีเหลือแล้ว
ดีไม่ดีว่าพระอยู่ในป่าเป็นพระวิกลจริต ฟังซิ ออกกระจายทางโทรทัศน์เทวทัตวิดีโอไม่ใช่หรือ นักเทศน์เอกเสียด้วยนะ เอกอันนี้เอกตาข้างเดียว ถ้าบอดอันนี้แล้วเรียกว่าพระตาบอด ถ้าตาดีจะไม่พูดคำนี้ออกมาได้เลย เพราะผู้ที่พูดอยู่นั้นก็ รุกฺขมูลเสนาสนํ พระพุทธเจ้าประทานพระโอวาทให้อยู่ตามรุกขมูลร่มไม้ในป่าในเขาแล้ว ทำไมจึงมากล้าพูดได้ลงคอว่า พระที่อยู่ในป่าในเขานั้นเป็นพระวิกลจริตได้ ฟังซิ มันหนาขนาดไหน มันหยาบขนาดไหนพระประเภทนี้น่ะ พระพุทธเจ้าทรงประทานพระโอวาทข้อนี้ให้ พระพุทธเจ้าอยู่ในป่า สาวกทั้งหลายอยู่ในป่า สรณะของพวกเราอยู่ในป่าทั้งนั้น ปฏิบัติในป่า บำเพ็ญในป่าทุกสิ่งทุกอย่าง เมื่อสำเร็จเป็นมรรคเป็นผล องค์นี้สำเร็จโสดา องค์นั้นสำเร็จสกิทา องค์นั้นสำเร็จพระอนาคา องค์นั้นสำเร็จพระอรหันต์ แล้วเป็นสรณะของโลก เรียกว่า สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ ของพวกเรา ท่านอยู่ในป่าทั้งนั้นนี่นะ แล้วทำไมจึงอุตริพูดขึ้นมา ให้มันขวางชาวพุทธเอาเสียนักหนาว่า พระที่อยู่ในป่าเป็นพระวิกลจริต
ไม่ใช่มันเป็นบ้าพอแล้วเหรอผู้ที่มันพูดอย่างนี้ออกมาได้ เรียกว่ามันเป็นบ้าเสียพอแล้วแหละ ว่าเป็นนักธรรมกถึก ธรรมกถึกก็เอกตาข้างเดียว ถ้าข้างหนึ่งบอดเสียแล้วเรียกว่าธรรมกถึกตาบอด ไม่ใช่เป็นธรรมกถึกแบบพระพุทธเจ้าสอน การแสดงธรรมมียังไงท่านก็บอกไว้แล้ว องค์แห่งธรรมกถึกแสดงแก่โลกแสดงยังไง กฎเกณฑ์มีอยู่แล้ว อานิสงส์แห่งการฟังธรรมว่ายังไงบ้างมีอยู่พร้อม ท่านแสดงว่า
๑. แสดงธรรมไปโดยลำดับ ไม่ตัดลัดให้ขาดความ
๒. อ้างเหตุผลและแนะนำให้ผู้ฟังเข้าใจ
๓. ตั้งจิตเมตตาปรารถนาให้เป็นประโยชน์แก่ผู้ฟัง
๔. ไม่แสดงเพราะเห็นแก่ลาภ
๕. ไม่แสดงธรรมเพื่อกระทบตนและผู้อื่น คือไม่ยกตนเสียดสีผู้อื่น
นี่องค์แห่งธรรมกถึก ท่านแสดงไว้ในธรรม งัดออกมาบ้างเราก็เป็นมหาบัวนี่จะว่าไง แต่ก่อนก็พูดในป่าในเขา วันนี้งัดคัมภีร์ออกมาจะว่าไง นี่องค์แห่งธรรมกถึกคือนักเทศน์ เทศน์เป็นเหตุเป็นผลเป็นอรรถเป็นธรรมอย่างนี้ ท่านไม่ได้เทศน์ว่าพระอยู่ในป่าในเขาเป็นพระวิกลจริต มีที่ไหนในคัมภีร์ คัมภีร์พระพุทธเจ้าไล่เข้าอยู่ในป่าทั้งนั้น สาวกทั้งหลายอยู่ในป่า คัมภีร์พุทธศาสนาไล่อยู่ในป่าทั้งนั้น คัมภีร์เทวทัตเท่านั้นเองที่ว่าพระอยู่ในป่าในเขาเป็นพระวิกลจริต มันออกมาจากไหนธรรมะข้อนี้น่ะ ปัจจุบันนี้มันออกอากาศแล้วนะ เทวทัต โทรทัศน์ วิดีโอ เอามาขายตัวเองอย่างแหลกเลยเชียว
ไม่ใช่พระหูหนวกตาบอด คัมภีร์รู้ด้วยกันเห็นด้วยกันมาอวดอุตริหาอะไร ได้ประโยชน์อะไร มีไหมในคัมภีร์ที่ว่าพระไปอยู่ในป่าเป็นพระวิกลจริต นี่มันอุตริออกมาพูดได้สบายๆ เพราะหน้าด้านนั่นเอง ผู้ที่ไม่หน้าด้านฟังไม่ได้นะ อย่างนี้ละเห็นชัดๆ นี่ภาษาธรรมพูดอย่างตรงไปตรงมาไม่มีอ้อมค้อม ตรงไปตรงมาอย่างนี้ พระพุทธเจ้าท่านสอนว่ายังไง มันอุตริไปพูดได้อย่างนั้น มันแหลกมันเหลวหมดแล้วศาสนาทุกวันนี้ ไม่มีใครสนใจปฏิบัติตามอรรถตามธรรม ให้กิเลสจูงจมูกไปหมด เวลานี้ในวัดในวาเป็นที่อบรมบ่มนิสัยแห่งส้วมถานของกิเลสไปเสียแทบทั้งนั้น หรือว่าทั้งนั้นก็จะพูดได้แล้ว ถ้ามีก็จะมีอยู่ตามป่าตามเขาที่ท่านมุ่งอรรถมุ่งธรรมอย่างแท้จริง แล้วธรรมะประเภทพวกส้วมพวกถานนี้เข้าไปใกล้ไม่ได้ ท่านปัดออกหมด
เวลานี้พวกนี้อยู่ในวัดในวาเป็นส้วมเป็นถานไปหมด วัดเป็นส้วมเป็นถาน พระเณรเป็นมูตรเป็นคูถจมอยู่ในส้วมในถานนั้น แล้วมรรคผลนิพพานจะเอามาจากไหน ก็เมื่อสร้างแต่ส้วมแต่ถานมันก็มีแต่มูตรแต่คูถละซิเต็มวัดเต็มวา ถ้าตั้งใจปฏิบัติตามพระพุทธเจ้า ธรรมะว่าไง อกาลิโก ไม่มีกาลสถานที่เวล่ำเวลา ใครปฏิบัติตามนี้แล้วจะเป็นผู้ได้รับมรรคผลโดยลำดับจนกระทั่งถึงนิพพาน จากสวากขาตธรรมที่ตรัสไว้ชอบแล้ว ธรรมนี้ตรัสไว้ไม่ผิด จึงเรียกว่าสวากขาตธรรม ที่เราสวดทุกวันนี้ว่า สวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม นั้นแหละ รวมลงแล้วว่าสวากขาตธรรม ตรัสไว้ชอบทุกอย่างแล้ว
ไม่มีที่จะว่ามากไปเกินไปหรือน้อยไป เอามาเพิ่มมากไปดึงออกไม่มี เป็นสวากขาตธรรมตรัสไว้ชอบ นี่ธรรมะพระพุทธเจ้า ถ้าปฏิบัติตามนี้มรรคผลนิพพานจะไปไหน มันก็อยู่กับผู้ปฏิบัติ ใครจะแนะนำสั่งสอนได้โดยถูกต้อง เรียกว่าสวากขาตธรรมเหมือนพระพุทธเจ้ามีไหม ในสามแดนโลกธาตุนี้ไม่มี มีพระพุทธเจ้าเท่านั้น แสดงออกตรงไหนเป็นสวากขาตธรรมตรัสไว้ชอบทั้งหมด ไม่มีคลาดเคลื่อนเลื่อนลอยคือคำสอนของศาสดา สอนโลกสอนได้อย่างถูกต้องแม่นยำ
แต่โลกเป็นโลกของกิเลสตัณหาเป็นส้วมเป็นถาน มันนำมาลบล้างออกหมด ขับธรรมที่ดีงามออก เอามูตรเอาคูถเข้าแทนธรรมเวลานี้ ศาสนาก็เลยเป็นศาสนาของกิเลส เป็นส้วมเป็นถานของกิเลส วัดก็เป็นส้วมเป็นถานไปหมด พระเณรก็เป็นมูตรเป็นคูถไปหมด ไม่มีผู้ที่จะทรงอรรถทรงธรรมด้วยการปฏิบัติให้ถูกต้องตามคำสอนพระพุทธเจ้าบ้างเลย แล้วมรรคผลนิพพานจะมาจากไหน เราจะไปตำหนิพระพุทธเจ้าได้ไง ตำหนิตัวมันแสบๆ ตัวเทวทัตเหยียบศาสนาทำลายศาสนาอยู่ในที่ต่างๆ ทั้งนอกวัดในวัดนี้แลถูกต้อง พวกนี้พวกทำลาย พระพุทธเจ้ามีแต่ส่งเสริมฉุดลากขึ้นเท่านั้น พากันจำเอา วันนี้ว่าจะไม่พูดก็ได้พูดพอสมควร พูดไปพูดมาเหนื่อย นี่ลมจะออกหูแล้วหยุดละพอ พอหูอื้อแล้วหยุด เทศน์ไปมันไม่ออก มันออกนี้หมดเลย ไม่ได้ออกไปนี้
นี่เราก็ได้พูด อย่างนี้ละภาษาธรรมต้องพูดอย่างตรงไปตรงมา อ้อมแอ้มๆ ไม่ใช่ภาษาธรรม ภาษาของกิเลสลูบหน้าปะจมูก เห็นแก่หน้าแก่ตา แล้วติดเขาติดเรา สุดท้ายไปไม่รอด แต่ภาษาธรรมนี้โล่งไปหมดเลย ผิดบอกว่าผิดถูกบอกว่าถูกดังที่เราพูด เมื่อสองสามวันนี้เราก็พูด หมอเรารู้สึกว่าลืมตัวมากเราว่างั้น ลืมตัวมากเรื่อยมา ไม่ใช่มาลืมตัวมากทุกวันนี้นะ ลืมตัวมากเรื่อยมา ไม่ค่อยจะสนใจในอรรถในธรรมเลย เลยเป็นการหยิ่งในตัวเอง เรียนหลักวิชาแพทย์ที่เขาให้เกียรติ แม้แต่เป็นนักศึกษาแพทย์ก็มีเกียรติแล้ว แล้วมาเป็นหมอขึ้นมาเลยเป็นหมอใหญ่ ใหญ่ด้วยทิฐิมานะ เห็นศาสนาเป็นส้วมเป็นถาน เห็นหมอนี้เป็นทองคำไปแล้ว ลืมเนื้อลืมตัวไป หมอจึงห่างเหินจากศาสนา นี้เราพูดตามหลักความจริงมีอย่างนั้น
หมอนี้ถ้าหากว่าเรียนตามหลักวิชาแพทย์แล้ว เอา แยกออกไปเป็นตามหลักพุทธศาสนา หมอนี้จะเคารพพุทธศาสนามากที่สุดเลย เพราะพวกนี้เรียนสรีรศาสตร์ ร่างกายทุกสัดทุกส่วนหมอจะวิจัยออกหมด แต่นี้ธรรมท่านวิจัยก่อนแล้ว เมื่อเรียนไปพิจารณาตามธรรมที่ท่านสอนไว้แล้วกับวิชาแพทย์มันเข้ากันได้ ก็หมอบกราบพระพุทธเจ้า แล้วเป็นผู้ใกล้ชิดติดพันพุทธศาสนามากที่สุดยิ่งกว่าใครๆ คือคณะหมอ เข้าใจไหมล่ะ นี่เราพูดตามความสัตย์ แต่ห่างเหินมาก ถือเอาความรู้นั้นเป็นความรู้หยิ่ง ดินเหนียวติดหัวเข้าใจว่าตัวมีหงอน ประสาดินเหนียวเข้าใจไหม มันจะเป็นหงอนได้ยังไง เอาละให้พร
พวกนักเรียนได้มาฟังเทศน์ทุกวันๆ ให้เอาไปเป็นคตินะ ธรรมนี้ฟังได้ทุกขั้นของคน เด็กผู้ใหญ่ฟังได้ทั้งนั้นเพราะสอนให้เป็นคนดี เด็กก็เป็นเด็กดี ผู้ใหญ่ก็เป็นคนดี หญิงชายเป็นคนดีด้วยธรรมคำสอนทั้งนั้นแหละ ให้พากันไปฟัง
รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th
และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร
FM 103.25 MHz