ผีติดคุก
วันที่ 7 สิงหาคม 2549 เวลา 8:00 น. ความยาว 36.45 นาที
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๔๙

ผีติดคุก

         ครั้งพุทธกาลพระพุทธเจ้าเป็นพระองค์แรกเป็นหลักฐานใหญ่ ที่เทศน์สอนพวกทวยเทพทั้งหลาย อฑฺฒรตฺเต เทวปญฺหากํ ดูเหมือนเป็นวาระที่สามในพุทธกิจ ๕ พุทธกิจคืองานประจำพระพุทธเจ้าเฉพาะพระองค์ บ่าย ๓ โมง ๔ โมง เทศน์สอนประชาชนทั่วๆ ไปนับแต่พระมหากษัตริย์ลงมา พอตกค่ำก็ประทานพระโอวาทแก่พระสงฆ์ เที่ยงคืนก็เทศนาว่าการพวกเทวบุตรเทวดาตั้งแต่ท้าวมหาพรหมลงมา แก้ปัญหาข้อขัดข้องต่างๆ ทั้งเทศนาอบรม นี่เป็นวาระที่สาม เรียกว่างานประจำพระพุทธเจ้า มี ๕ ประการ ผู้อื่นทำแทนได้ไม่มี มีนิดหน่อยบรรดาสาวกผู้เชี่ยวชาญจะทำได้ แต่ขาดวรรคขาดตอนไม่เสมอไปเลยเหมือนพระพุทธเจ้า

ท่านพูดประมาณหกทุ่มเที่ยงคืนเป็นจุดศูนย์กลาง หนึ่งในพุทธกิจ ๕ ของพระพุทธเจ้า แต่เวลาท่านอาจารย์มั่นมาเทศน์นี่ชัดเจนมากทีเดียว ท่านอาจารย์มั่นสมัยปัจจุบันนี้เก่งมากทีเดียวทางเทวบุตรเทวดาอินทร์พรหม ท้าวมหาพรหมลงมา ท่านบอกว่าที่ท่านว่าหกทุ่มนั้นท่านพูดเป็นส่วนกลางไว้ต่างหาก ท่านว่างั้นนะ เราอยู่ในภูเขาประมาณ ๔ ทุ่มมาแล้ว ยังไม่ถึงหกทุ่ม ประมาณ ๔ ทุ่มมาแล้วเทวดาชั้นต่างๆ จนกระทั่งท้าวมหาพรหม ท่านอยู่ในป่านั้นท่านทำประโยชน์แก่พวกทวยเทพทั้งหลาย ท่านไม่ค่อยได้แนะนำสั่งสอนประชาชน พระก็มีองค์สององค์ไปอยู่กับท่านนิดหน่อย ส่วนประชาชนไม่เกี่ยวเลย ท่านอยู่ในป่าในเขาจริงๆ

พอตกประมาณสัก ๔ ทุ่มพวกเทพทั้งหลายมาๆ จนกระทั่งท้าวมหาพรหมมาหมดแล้วแต่ไม่ทุกคืนไป มีมากมีน้อย แต่ที่ว่าแทบทุกคืนนั้นพูดได้เต็มปาก ไม่ค่อยเว้นคืนหนึ่งๆ เทศน์อบรมเทวดาท่านอาจารย์ม่นเด่นทางนี้มากทีเดียว ในพุทธกิจ ๕ ท่านวางไว้ตอนเที่ยงคืน สำหรับท่านอาจารย์มั่นท่านพูดย่อยๆ นี้ท่านว่าเป็นจุดศูนย์กลางต่างหากว่างั้น เวลาเราอยู่ในป่าในเขา ๔ ทุ่มนี้ดึกแล้ว มาแล้วพวกเทพทั้งหลาย รุกขเทพ อากาสเทพ มีทุกแห่ง สวรรค์เป็นชั้นๆ ถึงพรหมโลกมาหาท่าน ท่านบอกท่านทำงานหนักอยู่ในป่าเกี่ยวกับพวกเทพ สำหรับประชาชนท่านไม่ค่อยได้เทศน์ ท่านเทศน์สอนแต่พวกทวยเทพทั้งหลายสำหรับหลวงปู่มั่นเรา เด่นไปคนละทางอย่างนั้นละ

ยังขอท่านอาจารย์มั่นนะพวกเทพทั้งหลาย พวกเทวดาทั้งหลายเขาคอยจะอนุโมทนาสาธุการเวลาหลวงตาให้พรตอนเช้าว่างั้น ไปบิณฑบาตตอนเช้าท่านให้พรเขา มีร้านเล็กๆ สักร้านหนึ่งเอาไว้นั้น ท่านนั่งให้พรเขา เขามารวมกันใส่บาตรแล้วท่านก็ให้พรเขา นี่ละพวกเทพทั้งหลายมาขอให้สาธุดังๆ ว่างั้น ให้ได้ยินทั่วแดนทวยเทพทั้งหลาย พวกนั้นคอยอนุโมทนาสาธุตามอยู่ตลอด ท่านจึงได้มาบอกประชาชนให้สาธุดังๆ ให้ได้ยินหมดน่นละท่านว่า ท่านไม่ได้บอกว่าพวกเทพพวกไหนมา ท่านพูดกลางๆ ความจริงเป็นสื่อมาจากพวกเทพเขามาขอ เวลาสาธุให้สาธุดังๆ พวกทวยเทพทั้งหลายจะได้อนุโมทนาทั่วถึงกัน เขามาขอร้องกับท่าน อย่างนั้นแล้ว

พอพูดเรื่องนี้เราระลึกได้ถึงหมาตัวหนึ่งที่อยู่สถานีทดลอง มันมีหมา ๓ ตัว ไอ้ช้าง ไอ้สิงห์ ไอ้แพะ มันมักจะมาวัดอยู่เสมอ คือเจ้าของที่เขาถวายที่เขาเข้าวัดเข้าวาเสมอ มันก็มากับเจ้าของ ครั้นต่อไปเจ้าของไม่มาเขาก็มาเอง มีแปลกอยู่ แม่ชีแก้วแกสำคัญอยู่นะ ทางจงกรมเรานี้เขาไม่ผ่าน เขามาทางจงกรมเขาจะเดินเลาะไปนู้น ไปสุดหัวจงกรมเขาถึงจะวกกลับมา เขาไม่เคยผ่านทางจงกรม ไอ้ช้างนี่สำคัญกว่าเพื่อน มันน่ารักทั้งสามตัวแหละ หมายายลุ้ย แกก็พูดอยู่อย่างนี้แหละจะว่าไง พูดด้วยญาณหยั่งทราบ แน่นอน

อยู่ๆ แกก็พูดว่า โอ๊ย น่าเสียดายนะ ไอ้ช้างนี่ไม่นานจะตาย นั่นบอกแล้วนะ มันก็มากับเพื่อนฝูงอยู่ธรรมดานั่นละ ก็บอกว่าไอ้ช้างนี่ไม่นานนะมันจะตาย แต่ตายแล้วก็ไม่ไปต่ำละ จะไปเกิดกับเศรษฐีในกรุงเทพ ตายแล้วมันจะไปเกิดเป็นลูกเศรษฐีในกรุงเทพ มันก็มาหากินอยู่นี้ละ น่าสงสาร แกพูดอยู่อย่างนี้ นั่นละญาณเห็นไหมล่ะ หยั่งทราบแน่นอนเลย บอกว่าน่าสงสาร มันมาหากินอยู่กับหมู่กับเพื่อน ๓ ตัว นี่ไอ้ช้าง แกชี้มืออย่างนี้นะ น่าสงสาร ไม่นานมันจะตาย แล้วจะไปเกิดเป็นลูกเศรษฐีในกรุงเทพ ไม่ต่ำแหละว่างั้น

บทเวลาจะตายก็เป็นอย่างว่าจริงๆ สักสามสี่วันมั้งหลังจากแกพูด นี่จะตายเร็วๆ นี้ ตายแล้วจะไปเกิดเป็นลูกเศรษฐีในกรุงเทพ มาหากินอยู่นั้นละ น่าสงสาร นี่ๆ มาหากินอยู่กับเพื่อนสามตัวเขา เขาก็ไม่รู้ภาษีภาษาอะไรละ แกพูดอย่างนี้จะให้ว่าไง แกพูดพระฟังทั่วหน้ากัน นี่ไม่นานนะมันจะตายไอ้ช้างนี่น่ะ ตายแล้วมันจะไปเกิดเป็นลูกเศรษฐีในกรุงเทพ มันก็มาหากินอย่งั้นละ น่าสงสาร แต่ก็ไม่เป็นไรละเขาไม่ตกต่ำ เขาจะไปเป็นลูกเศรษฐีว่างั้นนะ ไม่นานปุบปับตายจริงๆ โอ๊ย ไปแล้วตายแล้ว ไอ้ช้างตายแล้ว เป็นยังไงไปเกิดที่ไหน ไปที่นั่นว่างั้น อย่างนั้นแล้วแกแม่นยำมาก ญาณของแกเรื่องหยั่งทราบ

เฉพาะเรื่องของเราเข้าออกนี้แม่นยำมากทีเดียว ไม่มีผิดเลย หมู่บ้านอยู่ตรงกลาง วัดเราอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือ วัดแม่ชีอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ เป็นหาบกัน คือบ้านอยู่ตรงกลาง สำนักแม่ชีแก้วก็ไปเห็นแล้วนี่ นั่นละอยู่ทางโน้น วัดเราอยู่ทางโน้น ปรกติเราไม่เคยเกี่ยวข้องกับพวกแม่ชีแม่เชออะไรละ เวลาเราไปนี้ พอเราออกไปแล้ว เพราะเราจะไปไหนมาไหนเป็นนิสัยอย่างนั้น มายั้วเยี้ยๆ เอาตอนนี้ซิ เราจะไปไหนมาไหนเราเกี่ยวข้องกับใครเมื่อไร จะไปไปเลย มาก็มาเลย

ทีนี้เวลาเราออกจากวัดไปแกบอกแล้วนะ บอกพวกเพื่อนฝูง นี่ไปแล้วนะ อย่างมากแกก็พูดว่าเย็นหมดแถวนี้ เรื่องว่าไปแล้วนะนี่แน่นอน แล้วพวกนั้นเขาก็ไปดู ไปแล้วว่างั้น ก็อย่างนั้นแหละ แกแน่นอน อันนี้ไม่พลาดเลย ถ้าว่ามาแล้วก็มาละ มาจริงๆ  ญาณของแกหยั่งทราบเรื่องนี้เรียกว่าไม่พลาด เกี่ยวกับเรานะ พอฉันจังหันแล้วเราจะไปไหน ก็เราไปเที่ยวของเรา ไปปั๊บเข้าเขาลูกไหนก็ไป ไปเรื่อยเที่ยวเรื่อย อยากกลับมาเมื่อไรเราก็มา พอสายๆ จังหันแล้วเป็นเวลาเราไป นี่ไปแล้วนะ อย่างมากแกก็พูดว่าเย็นหมดเลยแถวนี้ แล้วคนก็ไปดู ไปแล้ว ถ้าว่ามาก็มาแล้ว ไม่ผิด อันนี้ไม่มีผิดเลย แกพูดว่าไปแล้วก็ไปจริงๆ ว่ามาแล้วก็มาจริงๆ นี่เรียกว่าญาณหยั่งทราบ แน่เลย

ความรู้ของแกแปลกๆ ต่างๆ หลายอย่างมากแม่ชีแก้ว เรื่องญาณหยั่งทราบนั้นนี้แกแม่นยำมาก อย่างหลวงปู่มั่นเสียกลางคืนแกก็รู้แล้ว ตื่นเช้ามาก็ร้องห่มร้องไห้ คุณแม่เป็นอะไร จะเป็นอะไรหลวงปู่มั่นเสียแล้วเมื่อคืนนี้ ก็อย่างนั้นละ พูดกันตอนเช้า พอเจ็ดโมงเช้าเขาออกวิทยุทางคำชะอี หลานแกได้ยินวิทยุทางโน้นว่าหลวงปู่มั่นเสียแล้ว วิ่งจากทางนู้นมาเข้ามาในวัด กำลังทางนี้ร้องไห้ ว่าคุณแม่เป็นอะไรๆ จะเป็นอะไร ญาท่านท่านเสียแล้วเมื่อคืนนี้ เขาก็มาบอกอย่างว่าละ นี่ละแกแม่นยำมาก

คือกลางคืนท่านมาเร่งให้แกไป หนองผือนาในกับห้วยทรายไกลไม่ใช่เล่นๆ คือแต่ก่อนรถราไม่มี เดินทางตั้งสามคืน เขามาหาท่านที่หนองผือ แม่ชีแก้ว เดินทางตั้งแต่ห้วยทรายมานี้ถึงสามคืน เวลาเป็นอะไรแกรู้นู้นแล้ว รู้แล้วๆ ไม่ผิด นี่ท่านป่วยหนักท่านเร่ง ให้เร่งนะ คือให้เขาทอผ้าไหมจะเอาไปถวายผ้าป่าท่าน ให้เร่งผ้าไหมทางนั้น ท่านก็มาเร่ง บอกให้รีบนะจะไม่ทันเราเราจะไป เร่งเข้าๆ ทางนี้ก็เร่งเข้าไม่ทันนั่นซิ พอวันสุดท้ายก็ให้ไปดูเสียกองกระดูกบอกแล้ว

พอตื่นขึ้นมาแกก็ร้องไห้ ใครก็ว่าแกเป็นบ้า คุณแม่เป็นอะไรไป จะเป็นอะไรก็ญาท่านเสียแล้วเมื่อคืนนี้ อย่างนั้นแหละ ตอนเช้าเขาก็ไปทราบจากวิทยุมาว่าท่านเสีย รับกันเลย ทีนี้ร้องไห้หมดทั้งสำนัก ทีแรกแกร้องไห้คนเดียว ใครก็ว่าแกเป็นบ้า เป็นบ้าอะไรแกว่า ญาท่านท่านเสียแล้วเมื่อคืนนี้ แล้วตอนเช้าหลานมาเล่าให้ฟังวิ่งมาจากสถานี จากคำชะอี มาเล่าว่าท่านเสียแล้ว นี้เลยเสียงเป็นสภาน้ำตาละร้องไห้อึกทึกเลย อย่างนั้นละแกแม่นยำมาก

ความรู้ของแกพิสดารอยู่ นี่ละที่ว่าแกติดความรู้อันนี้ละ เราไล่เข้ามาจะมาแก้กิเลส มันเพลินความรู้ต่างๆ พวกเทวบุตรเทวดาอินทร์พรหมนี้แกชำนาญมากทีเดียว วันหนึ่งภาวนาถ้าไม่ได้ออกรู้สิ่งนั้นสิ่งนี้เหมือนว่าภาวนาไม่ได้ผลว่างั้นนะ ถ้าภาวนาได้เกี่ยวข้องเทวบุตรเทวดา พวกเปรตพวกผีนี้รู้หมดนะ แกพูดถึงเรื่องเปรตเรื่องผีแล้วน่าขบขันดีอยู่ โอ้ ผีนี้ตัวหยาบก็มีแกว่า ผีนี้ตัวหยาบๆ ก็มีเขาขังคุกเอาไว้ คุกผีก็มีว่า พวกผีทั้งหลายทั่วๆ ไปก็อยู่ธรรมดา ไอ้ผีตัวโหดร้ายทารุณเขาใส่คุกเอาไว้ แกไปเยี่ยมถึงคุกผี ทำไมจึงต้องมาเป็นอย่างนี้ แกเล่าเรื่องพวกผีติดคุก คุกผีก็มีแกว่า อย่าว่าแต่คุกมนุษย์เราเลย คุกเมืองผีก็มี ตัวใดที่มันโหดร้ายรังแกเขามากๆ จับมาใส่คุกเอาไว้ อยู่ในคุกพวกนี้

ถ้าวันใดไม่รู้อย่างนี้เหมือนภาวนาไม่ได้เรื่องได้ราว ไอ้เรามันเข้าใจหมดแล้วนี่ ตีให้เข้ามาอย่ายุ่ง ไม่ให้แกยุ่งข้างนอก ให้พิจารณาเข้ามานี้ นี่จะมาแก้กิเลส อันนั้นไม่ใช่แก้กิเลส มันก็เหมือนความรู้เราตาเรานี่ไปที่ไหนมันก็เห็นๆ อันนี้ตาญาณมันก็เห็นเหมือนกัน แต่ไม่ใช่แก้กิเลส เห็นเฉยๆ นี้เราสอนเข้ามาเพื่อจะมาแก้กิเลส แกไม่ยอมฟัง แกติดขนาดนั้นละ ไล่เข้ามา มัดจนห้ามไม่ให้ออกเลยนู่นนะ ทีแรกเราก็บอกให้ออกก็ได้ไม่ให้ออกก็ได้ได้ไหมเอาไปปฏิบัติ เวลามันรวมลงไปแล้วให้ออกก็ได้ไม่ให้ออกให้อยู่กับที่ก็ได้จะได้ไหม เอาไปทดลองดู

แล้วมีแต่ออก คือแกติด แกติดนั่นเองละ ถ้าสนใจจะบังคับไม่ให้ออกทำไมจะบังคับไม่ได้ แต่นี้ก็คือจิตใจมันติด นี้ก็มัดเข้าๆ ละซิ ทีนี้บังคับเลยไม่ให้ออก เอาลงไป ปีแรกเราไปจำพรรษาอยู่บนภูเขากับเณรหนึ่ง พวกเขาหลั่งไหลขึ้นไปนั้น จนกระทั่งลืมตัว ติดจนกระทั่งลืมตัว มิหนำซ้ำยังจะเถียงเราจะสอนเราอีก มันจะมาสอนสังฆราชอีกนู่นน่ะของเล่นเมื่อไร นี่ละบทจะเอากันจริงๆ มัดเข้าๆ ห้ามไม่ให้ออกเลยที่นี่ เอ้า เอาลงไปปฏิบัติ เมื่อมันลงแล้วห้ามไม่ให้ออกให้อยู่กับที่ ลงไปขึ้นมาแล้ว ยังออกอยู่ บทสุดท้ายก็ไล่ลงภูเขาเลย ร้องไห้ลงภูเขาไป ร้องไห้เราก็เฉยเพราะน้ำตานี้ไม่เกิดประโยชน์อะไร

นั่นละแกจึงไปได้สติ พอลงไป เราก็หวังว่าจะฝากเนื้อฝากตัวชีวิตจิตใจกับครูบาอาจารย์องค์นี้ ก็ถูกท่านไล่ลงภูเขาแล้วเราไม่มีที่พึ่งแล้ว ว้าเหว่ละที่นี่ เพราะเราไล่จริงๆ ไล่จนร้องไห้ลงไปเลย เพราะแกไม่ฟังเรา แกเอาแต่เทวบุตรเทวดามาอวดเราซิ เราจะเอาธรรมที่แก้กิเลสโปรดแกแกไม่ยอมรับ ซัดเอาเสียจนไล่ลงภูเขาร้องไห้ แกไปได้สติมันว้าเหว่ที่นี่ เราหวังจะอาศัยครูบาอาจารย์องค์นี้ทีนี้ท่านก็ไล่ลงจากภูเขานี้เราจะไปพึ่งพึ่งใคร หมดหวัง นี่ละมาได้สติ เหตุที่ท่านไล่ลงจากภูเขาเพราะอะไร มาจับอันนี้ละ ก็เราเชื่อแต่เราเราไม่ได้เชื่อท่าน ท่านไล่ลงภูเขานี้ก็สมควรแล้ว เอ้า ถ้าจะเอาตามท่านจริงๆ ก็ปฏิบัติตามที่ท่านสอนนั้นซิ ให้เป็นอย่างนั้นๆ

ทีนี้หมดทางไปแล้วก็กลับมายึดคำสอนของเรา พอถอยเข้ามาตามที่ว่านี้ลงผึงลงไปเลย แกเร็วอยู่นะ พอออกจากที่แล้วกราบไปภูเขาเลยที่นี่ ลงแล้วลงใจแล้ว เราไล่ลงไปได้สี่วันเราไม่ได้ลืม สี่วันแกขึ้นมา ตามธรรมดาวันพระเขาจะขึ้นไปทีหนึ่ง ยกไปหมดขบวนเขาเลยในวัด วันพระเขาจะขึ้นไปทีหนึ่ง บ่ายสี่โมงเขาขึ้นไป พอจวนหกโมงเขาก็ลงมา ไล่ลงภูเขาวันนั้นแล้วได้สี่วันแกร้องไห้ลงภูเขา พอสี่วันขึ้นมาขนาบอีก แกจึงมาเล่าเรื่องให้ฟัง ลงตามเราที่สอน ปฏิบัติตามนั้นมันก็ลงซี ลงแล้วพอออกจากที่แล้วก็กราบลงไปทางภูเขา ตอนบ่ายก็ไป จากนั้นก็แก้กัน รวดเร็วอยู่ อย่างนั้นละถ้าเชื่อครูอาจารย์ ถ้าไม่เชื่อมันก็เป็นแบบนั้น เอาจนกระทั่งไล่ลงภูเขาร้องไห้ไป

ไม่ใช่ทางแก้กิเลสมันก็รู้นี่ เจ้าของเข้าใจว่าเป็นเรื่องแก้กิเลสไปในตัวเสร็จ ถ้าวันไหนภาวนาไม่รู้สิ่งเหล่านี้แล้วเหมือนว่าไม่ได้ผลอะไรเลย เป็นอย่างนั้น ทางนี้ตัดไม่ให้รู้ ให้เข้าข้างใน ข้างในนี้จะเข้ามาแก้กิเลส อันนั้นไม่ใช่แก้กิเลส ขึ้นไปคราวหลังพอเอากันเต็มเหนี่ยวแล้วแกก็แก้ของแกตามนั้น ทีนี้ปล่อยเลยความรู้ต่างๆ เหมือนไม่มีเลย ไม่พูดถึงเลย ที่แกมาโม้ให้เราฟังนั่นนะ ไอ้เราขี้เกียจฟังจะตาย ประสาตุ๊กตาเอามาอวดเราหาอะไร พอจากนั้นแกก็ผึงได้เลยไม่นาน ปี ๙๕ ละมั้ง ๙๓ เราไปจำพรรษาหนองผือ หลังจากพ่อแม่ครูจารย์มั่นมรณภาพแล้วเราก็ย้อนกลับไปจำหนองผือ เพื่อความอบอุ่นแก่ชาวบ้านเขา พอออกพรรษาแล้ว ๙๔ เราก็ไปห้วยทราย ๙๕ แกก็ผ่านได้

เรื่องความรู้ของแกแปลกๆ ต่างๆ เก่งมาก เพราะฉะนั้นหลวงปู่มั่นท่านถึงห้าม เวลาท่านจะไปท่านห้ามไม่ให้ภาวนา พอพูดอย่างนั้นเราเข้าใจทันทีเลย พอแกเล่าให้ฟัง อ๋อ นี่อย่างนี้เอง..ก็มาถูกที่เราขนาบลงภูเขาร้องไห้ แกถึงแก้ตัวได้ เป็นอย่างนั้นละ เอาละวันนี้ไม่พูดอะไรมากนักละ พูดถึงเรื่องจิตตภาวนา พิสดารมากนะเรื่องภาวนา พิสดารเรื่องสิ่งภายนอก พิสดารเรื่องสิ่งภายในแก้กิเลส ถ้าหมุนเข้าภายในแก้กิเลส หมุนภายนอกก็เพลิดเพลินกับพวกเปรตพวกผีเทวบุตรเทวดาอินทร์พรหมแน่น มนุษย์เรามีมากที่ไหน พวกเทวบุตรเทวดาอินทร์พรหมมากกว่ามนุษย์เราขนาดไหน แต่เราเมื่อไม่เห็นแล้วก็เหมือนสิ่งเหล่านั้นไม่มี ไปลบล้างเขา ท่านผู้เห็นท่านเห็นนี่จะว่าไง

 

รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร

FM 103.25 MHz


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก