เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๒ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๔๙
สนุกดูโลก
คนไข้ พวกหยูกพวกยาเกี่ยวกับหมอกับพยาบาล อาหารการบริโภคนี้ประชาชนเราก็ควรจะมองดูบ้าง...โรงพยาบาล ที่จะช่วยเหลือกันอะไรได้บ้าง ก็ควรนำไปมอบให้ที่ครัวโรงพยาบาล ทุกวันนี้โรงพยาบาลสำหรับคนไข้ที่ไปนอนเจ็บไข้ได้ป่วยอยู่ในโรงพยาบาล แล้วก็จัดครัวสำหรับคนไข้ อย่างนั้นแหละ ก่อนที่จะไปส่งโรงพยาบาลเป็นประจำๆ นี้ เราซอกแซกเข้าไปดูจนกระทั่งห้องครัวโรงพยาบาล เราเข้าไปเลยไปดู จัดกันยังไงทำกันยังไง อาหารยังไงๆ บ้าง เราก็เป็นเหมือนพ่อครัวคนหนึ่ง ไปดูจริงๆ เอาสาเหตุเอาต้นเหตุ เอาสักขีพยานมา ขัดข้องขาดเขินอะไร จำเป็นอะไรเอามาเป็นข้อมูล โรงพยาบาลต่างๆ เราจะเข้าไปดูจนกระทั่งครัวของโรงพยาบาล จากนั้นก็ช่วยละที่นี่ มาช่วยๆ
การช่วยโลกเราช่วยทุกวิถีทาง ทางด้านวัตถุมีเท่าไรแบมือเลย เปิดออกๆ เรียกว่ารอบวัดรอบประเทศไทย ไม่ว่าใกล้ว่าไกลจำเป็นที่ไหนส่งให้ๆ ทั่วประเทศไทย ทางไหนจำเป็นขอมาๆ ส่วนมากจะส่งเช็คไปให้ๆ ถ้าไกลนัก เรียกว่าทั่วประเทศไทยทั้งใกล้ทั้งไกล ทั่วไปหมดเลยเราช่วย จตุปัจจัยเช่นเงินอะไรเหล่านี้ก็เหมือนกัน ช่วยทั่วโลก ส่วนมากก็ซื้อเครื่องมือแพทย์ ซื้อมากนะเครื่องมือแพทย์ หนักมากอยู่ คิดดูซิอย่างโรงพยาบาลเวียงจันทน์ ไปถามถึงเรื่องตานี่แทบไม่มีเลย โห เราสะดุ้งเลย แล้วอยู่กันได้ยังไง นั่นละเอากันเลยที่นี่ ทุ่มละ ไปทีแรกก็ ๑๖ ล้าน ตาทั้งนั้น กับที่สอง ๑๔ ล้าน เรียกว่า ๓๐ ล้านล้วนแล้วแต่เครื่องมือตาทั้งนั้น อย่างอื่นมีบ้างไม่มาก แต่ส่วนวัตถุสิ่งของเต็มรถๆ ที่เราจะไปเวียงจันทน์วันที่ ๘ นี้ก็เหมือนกัน สิ่งของนี้ก็เต็มรถๆ
ส่วนข้าวนั้นทางโรงสีใหญ่จังหวัดร้อยเอ็ดของเสี่ยสมหมาย เขารับไปหมด ๓,๐๐๐ ถุงๆ ละ ๑๒ กิโล ข้าวเหนียว ๒,๐๐๐ ถุง ข้าวเจ้า ๑,๐๐๐ เขารับไปหมด เขาให้เราหาอย่างอื่น ข้าวเขาจะรับเอาหมดตามที่เรากำหนดไว้ คือเรากำหนด ๓,๐๐๐ เขารับไปหมด ทีนี้เราก็เลยหมุนกลับมาเอาประเภทอาหาร เครื่องกระป๋งกระป๋องอะไรๆ ก็แล้วแต่จัดไป วันนั้นจะมากอยู่สิ่งของ จากนั้นก็จะถามเครื่องมือแพทย์มีความจำเป็นยังไงต่อยังไงเอามาพิจารณาช่วยกันอย่างนั้นแหละ
การให้การเสียสละเป็นหลักธรรมชาติ ไม่ได้มีความตั้งใจทำสัญญาอารมณ์หรือพูดกันต่อปากต่อคำว่าเป็นความสมานสามัคคี ความสนิทสนม ความตายใจ หากเป็นไปเองกับการเสียสละ การเสียสละไปถึงไหนๆ นี้เป็นการสมานซึ่งกันและกัน ให้มีความตายใจสนิทสนมกันได้ พระพุทธเจ้าทุกพระองค์จึงทรงแสดงทานบารมีขึ้นต้นเลย จอมให้ทานคือพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์เวลาปรารถนาพุทธภูมิ ยกทานขึ้นเป็นพื้นฐานเลย อย่างอื่นค่อยตามกันมา สำหรับการทานการเสียสละนี้เป็นพื้นฐานของพระโพธิสัตว์ที่ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าเหมือนกันหมด เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าท่านจึงให้ความร่มเย็นแก่โลกได้มากมายก่ายกอง มีทานเป็นพื้นฐานสำคัญ
พอพูดอย่างนี้เรายังระลึกได้ คือมันประจักษ์ ตอนที่เราไปเชียงใหม่ ตอนนั้นไปกันเยอะ หมอก็อาจารย์หมออวยเป็นหัวหน้าไปเชียงใหม่ งานอะไรบ้างนา พอไปถึงพะเยารถไปเสียอะไรที่ตรงกลางเมืองเลย เราก็ลงจากรถ แล้วมีหมาตัวหนึ่ง นี่มันประจักษ์ มันแหงนดูหน้าเรา แปลกอยู่นะ มันหากินอยู่ตามนี้ เราดูท้องก็แฟบๆ ท้องไม่ป่องเหมือนไอ้ปุ๊กกี้เรา ไอ้ตัวนั้นท้องดูแฟบๆ มันหากินอยู่ตามนั้น เราเลยสะกิดอาจารย์หมออวย ดูหมาตัวนี้ซิดูท้องมันแฟบๆ มันหากินอยู่นั้น ไปเอาข้าวที่โรงข้าวแกงมาให้มันเดี๋ยวนี้ เอาเป็นห่อเลยนะ อาจารย์หมออวยฟังแล้วก็ปุ๊บปั๊บไปเลย โหย เอามาห่อขนาดนี้เลยเชียวไม่ใช่ธรรมดา ให้ผสมอาหารมาพร้อมเลยนะ เรียกว่าอาหารคนเลยละว่างั้นเถอะ
เอามาก็ครู่เดียว เพราะร้านอาหารเขาอยู่ใกล้ๆ อาจารย์หมออวยละไปเอาเอง โอ๋ย ห่อขนาดนี้ เอามาเขาก็หากินอยู่นั้น เอามาก็มาวางต่อหน้าเขากึ๊ก เราก็ไปยืนอยู่นั้น เอามาวางต่อหน้า เอ้า มึงกินเสีย มึงหากินกูให้ของกินก็เหมาะกันกับมึง มันมองดูหน้า แทนที่จะตะกละตะกลามรีบกินกลับไม่นะ เขามองดูหน้าเรา เอ้า กิน เขาก็ซัดเต็มเหนี่ยว เต็มเหนี่ยวแล้วไม่หมดพอครึ่งเลย กินได้อีกสามตัวสี่ตัว เพราะมันห่อใหญ่ เราก็ดูนิสัยหมา เขากินอิ่มพอแล้วก็ไปเที่ยวโน้นเที่ยวนี้ เดี๋ยวกลับมาดูนี้แล้วก็ไป กลับมาเฉยๆ ไม่กินเพราะมันอิ่มแล้ว แล้วก็ไปเที่ยวโน้นเที่ยวนี้ เรายืนอยู่นั้นให้เขาจัดรถอะไร สักเดี๋ยวมาอีก อ้าว มึงกินอิ่มแล้วยัง ยังเต็มอยู่นี้เอาซี เขาไม่กิน แล้วมองดูคนที่ให้ ไม่ตะกละตะกลามนะเราดู สำคัญที่มันมอง มันสนิทใจกับคนเหล่านั้น มันสนิทหมดเลย เอาข้าวให้เขากิน
นี่ละอำนาจแห่งการเสียสละ ไม่ต้องถามถึงชาติชั้นวรรณะฐานะสูงต่ำแต่ประการใด ออกมาจากน้ำใจคือความเสียสละต่อกัน อันนี้เป็นสำคัญมาก ให้พากันเสียสละ อย่าเห็นแก่ได้แก่เอา เห็นแก่ตัว อย่างพวกเศรษฐีปัจจุบันนี้ เศรษฐีมีแต่โครงกระดูกไม่มีเนื้อมีหนัง เงินทองข้าวของหามาโกยมาเอามาๆ แล้วมันไม่ได้อยู่ในเนื้อในหนังเลยแหละ ตกออกไปหมดยังเหลือแต่โครงกระดูก ความดีไม่มี กอบที่นั่นโกยที่นี่มา มีแต่รีดแต่ไถมา
เอามามันไม่ใช่ของตัวมันก็ตกออกหมดๆ ตัวของตัวจริงๆ มีแต่โครงกระดูก ที่ทำไว้เป็นความดิบความดีให้มาเสริมเป็นเนื้อเป็นหนังขึ้นมาไม่มี ที่เอามานั้นไม่ใช่ของตัวเอง เป็นของได้มาด้วยความไม่บริสุทธิ์ มันก็ตกออกหายหมด ไม่ใช่ของตัว เหลือแต่โครงกระดูก เศรษฐีโครงกระดูกทุกวันนี้นะ ว่ามีเงินเท่านั้นเท่านี้ ว่าเฉยๆ อารมณ์ไปเกาะอยู่เฉยๆ ตายแล้วหมดหวังๆ พวกนี้ไม่มีเหลือแหละ ความดีไม่มีติดตัว ทุกวันนี้ใหญ่เท่าไรยิ่งกิเลสหนาปัญญาหยาบ เห็นแก่ได้แก่เอา ทุกอย่างขึ้นเป็นบ้าไปเลย บ้าอำนาจ บ้ากอบบ้าโกย บ้ารีดบ้าไถ บ้าๆๆ นำหน้าไปหมดเลย คนทั้งคนมีแต่บ้าเต็มตัว อำนาจก็อำนาจบ้า บ้าอำนาจ เป็นอย่างนั้นนะ
แล้วร้อน ไปไหนพวกนี้ร้อนนะ ใหญ่มันใหญ่แต่ชื่อเฉยๆ คุณธรรมไม่มีหาความร่มเย็นไม่ได้ คนอื่นใครเขาก็ไม่อยากไปเกาะไปติดแหละไม่มีความชุ่มเย็นภายในใจ สำหรับผู้มีการเสียสละมีธรรมในใจนี้ไปที่ไหนเย็นไปหมดนะ ต่างกันมาก ใครอย่ามาเหยียบหัวพระพุทธเจ้า ศาสดาองค์เอกยกทานขึ้นเป็นอันดับหนึ่ง ทานบารมียกขึ้นเป็นอันดับหนึ่ง การเสียสละไม่มีใครเกินพระพุทธเจ้า จึงได้เป็นพระพุทธเจ้าขึ้นมา ไม่ใช่ได้เป็นพระพุทธเจ้าเพราะความตระหนี่ถี่เหนียว เพราะการรีดการไถคนอื่นเขามาเป็นเนื้อเป็นหนังตัวเอง ไม่เป็น พังลงไปหมด ตัวเจ้าของมีแต่โครงกระดูกเท่านั้นแหละ ถ้ากรรมดีไม่มีก็ไม่มีอะไรเป็นเนื้อเป็นหนังเสริมโครงกระดูกให้เป็นผู้เป็นคนขึ้นมา มันก็มีตั้งแต่โครงกระดูกเต็มตัวๆ
สมัยปัจจุบันนี้มีแต่ลมแต่แล้ง ว่ามั่งว่ามีว่าดีว่าเด่น เด่นตั้งแต่ลมปากกับความชั่วที่เด่นในตัวของคนแต่ละคน ผู้มีอำนาจบาตรหลวงใหญ่เท่าไรมันมองดูวัดเมื่อไร พูดให้มันชัดเจน เอาธรรมจับมันถึงชัดเจนมาก นี้เราพูดจริงๆ ถ้าหากว่าสนุกเราสนุกดูโลกมาได้ ๕๖-๕๗ ปีนี้แล้ว แต่ก่อนเราดูแต่เราแก้เรา จะเป็นจะตายดังที่ท่านทั้งหลายทราบ ฟัดกันกับกิเลสตัวมันแย่งมันชิงเอาของดิบของดีออกไป เอาของชั่วช้าลามกมาจับยัดใส่พุงเรา พุงเราก็มีแต่ความชั่วช้าลามก หัวใจเรามีแต่ความชั่วช้าลามกไม่มีของดิบของดี นี่แต่ก่อน ฟาดอันนี้ออก พอเอาอันนี้ออกหมดแล้วดูโลกที่นี่ โลกมันก็มีแต่แบบนั้นหาความชุ่มเย็นไม่ได้
เป็นผู้ใหญ่เท่าไรๆ ใหญ่ด้วยอำนาจบาตรหลวงคือกิเลส เป็นเนื้อเป็นหนังเป็นแก่นอยู่ในนั้นหมด ในคนคนหนึ่ง เป็นผู้ใหญ่เท่าไรวัดมันมองเมื่อไร ธรรมมันมองเมื่อไรพวกนี้ ไม่มองธรรมนะ มองตั้งแต่ของสกปรกโสมม มองแต่ส้วมแต่ถานสิ่งนั้นละว่าดิบว่าดีว่ายศว่าลาภ เยินยอสรรเสริญ สมบัติเงินทองข้าวของถือว่าเป็นของดิบของดี แต่ธรรมที่เลิศเลอสุดยอดนั้นไม่สนใจ นี่ละพวกนี้เลว เพราะฉะนั้นการปกครองบ้านเมืองจึงหาความสงบร่มเย็นไม่ได้ ไปที่ไหนร้อนเป็นฟืนเป็นไฟ ถ้ามีธรรมไปที่ไหนเย็นๆ ต่างกันมากนะความมีธรรมในใจ
เดี๋ยวนี้มันมีตั้งแต่โลก โลกกับโลภมันมีอยู่ในนี้ ไปที่ไหนรีดไถกันกินไปๆ อำนาจของกิเลสนี้แผ่กระจายทั่วโลกธาตุ หาความสงบร่มเย็นไม่ได้เพราะไม่มีธรรมในใจ ถ้ามีธรรมในใจบ้างแล้ว เริ่มต้นก็ตัวเองมีความสงบเย็นใจบ้าง จากนั้นก็เฉลี่ยเผื่อแผ่ความดีนี้ต่อผู้อื่นถือเป็นคติจากกันและกัน อันเป็นความดีด้วยกันแล้วไปปฏิบัติตัวเองเป็นเครื่องประดับตนประดับใจ โลกก็ค่อยชุ่มเย็นไปๆ ถ้ามีธรรม ใครประมาทธรรมพวกนี้รอจะวันจมๆ เรื่องประมาทธรรมไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย
ธรรมเป็นของเลิศเลอที่สุดสุดยอดแล้ว โลกยอมรับ ว่าธรรมเท่านั้นกราบกันลงคอ กิเลสใครกราบมันได้ แต่หมอบให้มัน ให้มันกินตับกินปอดไปหมดนั่นแหละ หัวใจมีแต่กิเลสจึงมีแต่ฟืนแต่ไฟรุ่มร้อน มีสมบัติเงินทองกองเท่าภูเขามันก็แร่ธาตุต่างๆ ถ้าว่าทอง ทองคำก็แร่ธาตุเสีย เงินก็แร่ธาตุ สมบัติอะไรแร่ธาตุ กระดาษไอ้หลังลายก็แร่ธาตุ มันมีแต่สิ่งเหล่านั้น แร่ธรรมคือความดีงามภายในใจไม่มีอย่าหวังความสุขนะ ถ้ามีแร่ธรรมภายในใจสุขหมด ไปที่เย็นสบายๆ
ให้พากันขุดคุ้ยเขี่ยขุดค้นหาแร่ธรรมด้วยจิตตภาวนา จะเจอความสงบเย็นใจขึ้นมา นั่นละแร่ธรรมอยู่ที่ความสงบเย็นใจ จากนั้นก็มีความแน่นหนามั่นคงขึ้นภายในใจ ความสง่างามสว่างไสวขึ้นภายในใจ นั่นแร่ธรรมขุดขึ้นมา ขุดขึ้นมาแล้วแร่ธรรม ธรรมกับใจนี้เข้าเป็นอันเดียวกันแล้วนี้จ้าเลย จ้าครอบโลกธาตุ ตะกี้นี้เราได้ว่าเราสนุกดูโลกมาเท่านั้นปีเท่านี้ปี สนุกดูจริงๆ เราไม่มีได้มีเสียกับโลกสมมุติทั้งหลาย ผ่านหมดทุกอย่างแล้วจึงได้สนุกดูมัน แล้วสนุกดูโลกที่กระป๋อมกระแป๋มอยู่ในมูตรในคูถ ไม่ทราบว่าวันไหนจะหลุดจะพ้นจากมูตรจากคูถ
ทะเลหลวงแห่งมูตรคูถคือความโลภ ความโกรธ ราคะตัณหานี้เทียบกับทะเลหลวง และยังใหญ่ยังกว้างขวางทะเลหลวงอีก ตกกันทั้งนั้น แล้วใครจะหลุดพ้นไปได้เมื่อไร สนุกดู เมื่อจิตผ่านพ้นไปหมดไม่มีคำว่าได้ว่าเสีย ดูเต็มใจ ดูด้วยความสลดสังเวช ที่ว่าไม่มีฝั่งมีฝาเหมือนกับน้ำมหาสมุทรที่สัตว์ทั้งหลายลงจมอยู่ในนั้น ว่ายน้ำกระป๋อมกระแป๋ม ถามหาฝั่งหาฝาที่จะหลุดจะพ้นไม่มี หากต่างตัวต่างว่ายอยู่นั้นละ ป๋อมแป๋มๆ โลกที่จมอยู่ในวัฏวนนี้ก็แบบเดียวกัน มีความดีงามเท่านั้นเป็นเรือเป็นแพเป็นเครื่องพยุงที่จะนำเราให้ขึ้นฝั่งไปได้ๆ นอกจากความดีไม่มีทาง เหมือนสัตว์ตกน้ำในมหาสมุทรนั่นแหละ
ไอ้เราตกในมหาสมุทรก็คือกิเลสตัณหาตัวกินไม่พอได้ไม่พอ เมื่อเป็นอย่างนั้นความเกิดความตายความทุกข์ความลำบากไม่มีคำว่าพอ ติดตามกันไปๆ หาฝั่งฝาไม่มี แล้วเราอยู่กันยังไง เอาซิ ถามตัวเอง ลมหายใจฝอดๆ มีด้วยกันทุกคน พอลมหายใจขาดแล้วมันจะไปไหนน่ะจิตดวงนี้ ถ้าความดีไม่มีจม จมอีกๆ อยู่งั้น ถ้าความดีมีแล้วมีทางที่จะหลุดจะพ้นไปได้ ท่านจึงให้สร้างความดีๆ ใครเป็นคนบอกคนสอน มีแต่จอมปราชญ์ทั้งนั้น คนโง่ไม่ได้มาสอนธรรมประเภทนี้ได้ มีแต่จอมปราชญ์ทั้งนั้นท่านสอน ให้ยึดนะใครจะยึดให้ยึด อย่าถือกิเลสว่าเป็นของใหม่เอี่ยมหลอกได้ตลอดเวลา เหมือนมันที่หลอกมาอยู่ทุกวันนี้สดๆ ร้อนๆ กิเลสหลอกสัตว์โลกใหม่เอี่ยมตลอด ไม่เป็นของครึของล้าสมัยไม่เป็นเดน เป็นของใหม่เอี่ยม สัตว์โลกจึงติดมาตลอด แล้วจะติดไปตลอดถ้าไม่มีธรรมฉุดลากออกมา ให้พากันจำเอา วันนี้พูดเพียงเท่านั้นละ พูดไปพูดมารู้แล้วลมมันจะออกหู พอพูดไปๆ ดังออกทางนี้ละ เอาละทีนี้จะให้พร
..... เสียงธรรมไปที่ไหนชุ่มเย็น ธรรมนี้เป็นเหมือนน้ำดับไฟ กิเลสตัณหามันแสดงเปลวตลอดทั่วโลกดินแดน ประเทศใหญ่เมืองใหญ่เท่าไรมีแต่กองฟืนกองไฟเผาไหม้กัน เผากันนะ เขาไม่หาฟืนหาไฟเขาเอาคนทั้งคนละเป็นฟืน แล้วเอากิเลสตัณหากินไม่พอรีดไม่พอเป็นไฟเผากันไปแหลกหมด ทุกวันนี้เป็นอย่างนั้น เราดูสลดสังเวชนะ พูดจริงๆ แต่ก่อนมีได้มีเสีย ฟัดกันกับกิเลสจนไม่มีวันมีคืนจะเป็นจะตายก็เคยพูดแล้ว จนเขาตีเกราะประชุมไปดูว่าเราตายแล้วยัง ไปที่ไหนเราก็ทำอย่างนั้น แต่เขาไม่ตีเกราะเราก็บอกว่าไม่ตี แต่ที่นั่นเขาตีเกราะประชุมจริงๆ ในหมู่บ้านเขา ตีเกราะขึ้นมาลูกบ้านเขามาประชุม
นี่ใครว่ายังไง พระองค์นี้มาอยู่กับเราได้หลายเดือนแล้ว ไม่ทราบว่ากี่วันด้อมๆ บิณฑบาตหนหนึ่งแล้วหายเงียบๆ อยู่อย่างนี้ตลอดเวลา เราเคยเห็นไหม ท่านไม่ฉัน กี่วันถึงจะด้อมๆ มาบิณฑบาตสักหนหนึ่งแล้วหายเงียบๆ นี่ก็หายไปหลายวันแล้ว ท่านไม่ตายแล้วเหรอ พวกเรากินวันละสามมื้อสี่มื้อยังทะเลาะกัน นี่ท่านกี่วันท่านไม่กิน พากันดูซิท่านตายหรือยัง ถ้าท่านไม่ตายท่านไม่โมโหโทโสอยู่เหรอ นี่เอาความจริงมาพูด แล้วไปก็มีข้อแนะกัน แต่ไปให้ระวังนะ พระองค์นี้ไม่ใช่พระธรรมดา ท่านเป็นมหา เดี๋ยวไปท่านจะเขกเอานี้หลงทิศมา เขาเตือนกัน มาจริงๆ
นั่นละเวลาฟาดกับกิเลสเอากันอย่างนั้น ไม่ได้มองเมฆมองหมอกที่ไหนฟัดกันอยู่งั้น ทีนี้เวลากิเลสขาดสะบั้นลงไปจากใจหมดแล้วจิตมันจ้าขึ้นมา พูดฟังให้ชัด นี่ผลแห่งการปฏิบัติเอาเป็นเอาตายเข้าว่า เป็นผลขึ้นมาอย่างภูมิใจหาที่ต้องติไม่ได้ จะเอาอะไรมาเพิ่มก็ไม่มี เอาออกก็ไม่มี พอดีด้วยความเลิศเลอ นี้จึงได้มองดูโลกเห็นโลก ธรรมนี้ละทำให้มีความสุขความเจริญ คุ้มค่าที่เราสละเป็นสละตายใส่ เรียกว่าคุ้มค่าเลย เอาขนาดนั้นนะ ทีนี้มองดูโลกมันถึงได้สนุกดูซิ ดูไม่มีได้มีเสีย ดูหมากัดกัน ดูสัตว์นรกกัดฉีกกันว่าให้มันชัดๆ อย่างนี้ละ เทียบโลกสมมุติทั้งหลายนี้กับธรรมมันห่างกันอย่างนั้นนะ จึงเทียบเหมือนส้วมเหมือนถาน เหมือนทองคำเทียบกันนั่นแหละ
ทีนี้ธรรมไปที่ไหนมันก็เย็น เอาธรรมเป็นน้ำดับไฟ ไฟมันลุกอยู่แสดงเปลวตลอดเวลา ให้เอาน้ำดับไฟ เสียงอรรถเสียงธรรมเสียงวิทยุกระจายเสียงอันนี้เป็นเสียงอรรถเสียงธรรม ยับยั้งตัวได้นะคนเรา เราพอใจแล้ว ให้ลูกชายพากันดำเนินนะ นี้เป็นใหญ่ขนาดไหน จิตใจหมุนเข้ามาในธรรมละดี ต้องมีธรรมเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงเสมอชุ่มเย็นตลอดๆ นะ เอาเท่านั้นละ
รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th
และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร
FM 103.25 MHz |