เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๓๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๔๙
ไม่มีอะไรหนักหนาเท่าการรบกับกิเลส
วัดภูวัวดูเหมือนเราไม่ได้ไปเยี่ยมน่าจะถึงปีแล้ว นานมากอยู่ จากนี้ไปไกลนะ ดูเหมือน ๒ ชั่วโมง ๔๕ นาที อยู่ในย่านนั้นละ ไปนี้ถึงโขงหลงก็แยกไปทางอำเภอโขงหลง ทางนี้ตัดไปอำเภอบ้านแพง จากนี้ไปรถวิ่งตั้ง ๔๐ นาทีกว่าจะถึงภูวัว ถ้าเป็นหน้าฝนด้วยดูจะขัดข้องกว่ากันบ้าง ดูนาฬิกา ๒ ชั่วโมง ๔๕ หรือว่า ๕๐ ไกล แต่ทำเลภาวนานั้นเป็นเครื่องปลุกใจอยู่ตลอด จะอยู่ที่ไหนไปที่ไหนเป็นเครื่องปลุกใจอยู่ตลอด ทำให้ตื่นเต้นไม่นอนใจ เป็นที่รื่นเริงสำหรับธรรม เราก็ไม่ได้ถามดูว่าปีนี้พระจำพรรษาเท่าไร ทราบว่าท่านอุทัยไปจำพรรษาที่เขาใหญ่ (พระที่ภูวัว ๓๖ องค์เจ้าค่ะเมื่อวานหนูโทรไปถาม) ๓๖ องค์ (ท่านอาจารย์เสถียรดูแลท่านเจ้าค่ะ) เราจำชื่อไม่ได้แหละ เวลาเราไปเห็นมา หน้าคล้ายคลึงกันกับท่านอุทัย น่าจะเป็นองค์นั้นแหละ
ท่านอุทัยชอบสงัด ราบรื่นตลอดมา เราจึงได้มอบวัดเขาใหญ่ให้ ให้ท่านไปดูแลทางเขาใหญ่ สำหรับภูวัวนี้เหมาะสมมาก พระภาวนาได้ตลอดเวลาเลย เรากำชับกำชาไว้ตลอด คือเราเป็นผู้อุปถัมภ์ว่างั้นเถอะ เราเป็นมัคนายกเลี้ยงหมดเรื่องอาหารการกินอะไรๆ ไม่ต้องยุ่ง เรารับคนเดียวเลย ให้พระท่านได้ตั้งใจปฏิบัติภาวนาหาอรรถหาธรรมตามทางของศาสดา ส่วนมากมันไม่ได้ตามทางของศาสดานะ ไปโกโรโกโสไปอย่างนั้น จากนั้นก็เอามูตรเอาคูถมาโปะศาสนาว่ามรรคผลนิพพานไม่มี จะมีได้ยังไงก็ไปคุ้ยเขี่ยตั้งแต่มูตรแต่คูถ ก็เจอแต่มูตรแต่คูถขึ้นมา จะเจอมรรคเจอผลที่ไหน คือมันไม่ได้สนใจปฏิบัติตามทางของศาสดา ซึ่งเป็นทางมรรคผลนิพพานโดยแท้ ไปโกโรโกโส
เพราะฉะนั้นเราจึงได้เข้มงวดกวดขันในวัดภูวัว เอาจริงจังนะเราไม่ใช่เล่น บอกว่าพระที่ตั้งใจปฏิบัติเพื่ออรรถเพื่อธรรมจริงๆ เอ้าๆ ให้มา นู่นน่ะฟังซิ มาเท่าไรเราจะรับเลี้ยง หากว่าเราสุดวิสัยรับเลี้ยงไม่ไหวเมื่อใดแล้วเราจะบอก ว่างี้เลย สำหรับผู้ตั้งใจปฏิบัติจริงๆ แล้วให้มา ก็เราตั้งใจส่งเสริมให้พระได้พบเจอมรรคผลนิพพานละซิ พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้อย่างสดๆ ร้อนๆ นี่นะ มันเอามูตรเอาคูถไปโปะๆ ไว้หมด พวกความขี้เกียจขี้คร้าน ความไม่เชื่อถือศาสนานั้นละเอาไปโปะศาสนา หาว่ามรรคผลนิพพานไม่มี มันจะมีอะไรกับสัตว์ประเภทนี้ ก็มีแต่มูตรแต่คูถเต็มตัวมันนั่นแหละ
พระพุทธเจ้าศาสดาองค์เอกทุกพระองค์เหมือนกันหมด ชี้บอกตรงแน่วเลยไม่มีเคลื่อนคลาด พระพุทธเจ้าตรัสรู้ขึ้นมาสอนตรงไหนๆ ให้พิสูจน์กันทางด้านจิตตภาวนามันถึงชัดเจนมาก เราอ่านดูตามตำรับตำรานี้ไม่ค่อยถนัดใจแหละ คิดดูซิเราก็เคยพูดแล้วว่า เราอ่านมรรคผลนิพพานอยู่นั้น มันยังแทรกเข้าไปได้ว่า มรรคผลนิพพานยังมีอยู่หรือไม่น้า ดูซิน่ะ มันก็อ่านมรรคผลนิพพานอยู่ในตำรา ส่วนใหญ่มันเชื่อ แต่ส่วนย่อยมันไปแบ่งกิน ว่ามรรคผลนิพพานมีหรือไม่มีน้า นี่ละเป็นเครื่องตัดทอนความเชื่อความอุตส่าห์พยายาม ความมุ่งมั่นต่อมรรคผลนิพพาน มันตัดให้น้อยลง เราไม่ลืมนะเพราะคิดจริงๆ
พอหยุดจากเรียนแล้วก็หวังเอาเครื่องตัดสินอย่างเอกจากพ่อแม่ครูจารย์มั่น ไปก็จริงๆ ไปท่านก็ใส่เปรี้ยงเลย สมเหตุสมผล เหมือนว่าท่านกางเรดาร์เอาไว้ พอไปเสียงท่านแผดออกมาเลยเหมือนฟ้าดินถล่มกับเรานะ ท่านมาหาอะไร ขึ้นเลย ท่านก็ทราบท่านสอนโลกมานานเท่าไร ทำไมท่านจึงมาถามอย่างนั้น ท่านมาหาอะไร ท่านมาหามรรคผลนิพพานเหรอ จากนั้นก็ชี้ใส่ต้นไม้ภูเขาดินฟ้าอากาศ ไม่ใช่มรรคผลนิพพาน ไม่ใช่กิเลส แล้วฟาดไปครอบโลกธาตุ รวมลงมาว่าไม่ใช่มรรคผลนิพพาน ไม่ใช่กิเลสทั้งนั้นเลย กิเลสแท้ มรรคผลนิพพานแท้อยู่ที่ใจ ลงที่ใจเลย เอา คุ้ยเขี่ยขุดค้นลงที่ใจ พระพุทธเจ้าตรัสรู้ที่ใจด้วยจิตตภาวนา นั่นท่านลงตรงนั้น สาวกทั้งหลายที่เป็นสรณะของพวกเรานี้ ท่านตรัสรู้ธรรมบรรลุธรรมด้วยจิตตภาวนา
เอา เบิกออกไป เปิดเข้าไป มรรคผลนิพพานอยู่ที่ใจว่างั้นเลย กิเลสอยู่ที่ใจ เวลานี้กิเลสปกคลุมหุ้มห่อจิตใจให้อับเฉามืดมัวไม่เห็นมรรคผลนิพพาน เอา เปิดออก โห ท่านใส่ไม่ใช่ธรรมดา เรียกว่าท่านกางเรดาร์ไว้นั่นเอง พอไปท่านก็ใส่กันอย่างหนักกับเรา ก็สมเหตุสมผลกับเราตั้งใจที่จะไปเอาข้อตัดสินอย่างแน่นอนจากท่าน อ่านตำรามาก็อ่าน อ่านมรรคผลนิพพานมันก็สงสัยมรรคผลนิพพานทั้งๆ ที่อ่านอยู่นั้น ทีนี้เวลาไปหาองค์ท่าน ท่านทรงไว้ซึ่งมรรคผลนิพพานอย่างเต็มภูมิแล้วท่านก็เปิดออกมาเลย ก็สมใจที่ตั้งใจไปหาท่าน
ฟังวันนั้นแหม อิ่มเอิบสุดหัวใจ ที่ว่ามรรคผลนิพพานมีหรือไม่มีน้า ขาดสะบั้นลงหมดเลยทั้งๆ ที่มีกิเลสอยู่ในใจนั่นแหละ แต่ความเชื่อมรรคผลนิพพานเต็มหัวใจเลย นั่นละมันถึงได้ทุ่มซิ คือหาความจริง ออกมาจากท่านแล้วยังไม่มาถึงกุฏิที่เราพัก เดินจากนั้นมากุฏิ เป็นยังไง ถามเจ้าของ ฟังเทศน์วันนี้เป็นยังไงถึงใจไหม ทีนี้จะจริงไหม มรรคผลนิพพานมีหรือไม่มี วันนี้ฟังชัดเจนแล้ว โอ๋ย รับหมดเลย ตอบรับกันว่าต้องจริง ไม่จริงตายเท่านั้น นั่นเห็นไหมลงแล้วนะนั่น ไม่จริงตายเท่านั้นอย่างอื่นไม่มี คือฟัดกันถึงขนาดตาย มันถึงใจแล้ว
อะไรก็ตามถ้าลงเชื่ออย่างถึงใจแล้วขาดสะบั้นไปหมดอะไรก็ดี ถ้าเหยาะๆ แหยะๆ คลุมเครือหรือคาราคาซังมันไม่ลงเต็มที่นะ นี่ก็ไปลงเต็มที่ทางความพากเพียรเพื่อแก้กิเลสเพื่อมรรคผลนิพพาน ก็ไปลงที่หลวงปู่มั่นแหละ นั่นละที่นี่จากนั้นมาแล้วก็ทุ่มเลย เป็นกับตายไม่ได้คำนึง ทำให้สมใจที่ต้องการ ไปดื่มธรรมของท่าน ท่านแสดงออกเต็มเม็ดเต็มหน่วยแล้วลงใจหมด มรรคผลนิพพานจ้าอยู่ภายในหัวใจทั้งๆ ที่ยังไม่มีมรรคผลนิพพาน ความเชื่อมันลงแล้วลงมรรคผลนิพพาน ทีนี้ก็เอาเลยๆ ก็เป็นอย่างท่านว่าจริงๆ เมื่อจริงจังลงไปแล้วมันก็จริงขึ้นมาทุกอย่าง ขึ้นโดยลำดับลำดาๆ
นี่ละครูบาอาจารย์ที่ท่านสอนถูกต้องแม่นยำ มันตัดกังวลความสงสัยต่างๆ ออกได้โดยลำดับลำดา อย่างพ่อแม่ครูจารย์มั่นกับหัวใจเราเปิดจ้าเลยวันนั้น ว่ามรรคผลนิพพานมีหรือไม่มีน้านี้ขาดสะบั้นไปหมด มีแต่คำว่ามีแล้วก็มีแต่จะเอาให้จริงให้จังให้ได้มรรคผลนิพพานเท่านั้น ทีนี้มันก็เอากันอย่างหนักละซิ ตั้งแต่นั้นมาเหมือนว่าตกนรกทั้งเป็นเลยที่นี่ คือมุ่งมั่นต่อมรรคผลนิพพานมุ่งเต็มหัวใจ อะไรจะมาเป็นอุปสรรคไม่ได้เลย ทุกข์ยากลำบากเข็ญใจขนาดไหนไม่สนใจ มีแต่จะเอาให้ได้ๆ มันก็บุกเบิกออกๆ เรื่อย
ผู้สอนนี่สำคัญมากนะ สอนแบบงูๆ ปลาๆ สอนสุ่มสี่สุ่มห้า เจ้าของไม่รู้จริงเห็นจริงสอนคนอื่นก็แบบเดียวกัน ลูบๆ คลำๆ ไป ผู้ฟังจะเอาความแน่ใจมาจากไหน ไม่แน่ ถ้าผู้สอนเป็นที่แน่ใจแล้ว อย่างพ่อแม่ครูจารย์มั่นสอนเราในคืนวันนั้นคืนแรกเลย จนกระทั่งบัดนี้สดๆ ร้อนๆ อยู่ตลอดเวลาเลยไม่มีจืดจาง ท่านปัดออกหมดอะไรที่เราสงสัย ไม่ใช่กิเลสไม่ใช่มรรคผลนิพพาน ปัดออกๆ สามแดนโลกธาตุไม่มีอะไรเป็นกิเลสไม่มีอะไรเป็นมรรคผลนิพพาน รวมลงที่ใจแห่งเดียว กิเลสอยู่ที่นี่มรรคผลนิพพานอยู่ที่นี่ เอา เปิดออกตรงนี้ นั่น ท่านบอกให้เปิดตรงนี้ อย่าไปสนใจกับวันคืนปีเดือน ศาสนาล่วงเท่านั้นเท่านี้ไม่เกิดประโยชน์ เอาลงตรงนี้ กิเลสอยู่ที่หัวใจ
ทีนี้เวลามันยอมรับแล้วมันเปิดละที่นี่ จิตมันก็พุ่งๆๆ กำลังใจสำคัญมากนะ เพราะเหตุนี้เองการสอน ครูบาอาจารย์ผู้สอนถูกต้องแม่นยำ โดยที่ท่านตักตวงเอามรรคผลนิพพานไว้เต็มหัวใจแล้วสอนไม่มีผิด วีธีการดำเนินท่านก็ดำเนินมาแล้ว ผิดถูกท่านผ่านมาหมด ท่านจะเลือกเอาแต่สิ่งที่ถูกต้องๆ อะไรไม่ถูกท่านจะปัดออกๆ สอนตรงแน่วเลย ผู้ปฏิบัติก็ลงตามท่านเลยมันก็ไปได้ง่าย ถ้าแบบงูๆ ปลาๆ อย่างว่าละมันไม่ค่อยแน่ใจ ถ้าสอนด้วยความแม่นยำๆ อย่างที่พ่อแม่ครูจารย์สอนแหม ถึงใจเหลือเกิน เปรี้ยงๆๆ เลย
ท่านทรงไว้แล้วทุกอย่างที่นำมาสอนเรา ท่านผ่านมาหมดแล้ว สอนก็สอนถูกต้องแม่นยำ แล้วก็ได้กฎได้เกณฑ์เห็นผลขึ้นเรื่อยๆๆ เท่าที่ผ่านมานี้ครูบาอาจารย์ทั้งหลายเราก็ยกไว้ แต่ที่เลิศเลอที่สุดในหัวใจเราคือพ่อแม่ครูจารย์มั่น สอนสดๆ ร้อนๆ จนกระทั่งปัจจุบันนี้ สอนถูกต้องแม่นยำ ใครปฏิบัติตั้งใจตามที่ท่านสอนไว้แล้วยังไงก็ตั้งตัวได้เป็นลำดับลำดา
การภาวนาให้เล็งดูสตินะทุกคน การภาวนาสำคัญอยู่ที่สติ ให้มองดูใจ ใจนี้เป็นกองฟืนกองไฟ กิเลสอยู่ข้างใน มันก่อฟืนก่อไฟขึ้นเผาเจ้าของ อยากคิดอยากปรุงอยากรู้อยากเห็นไม่มีอะไรเกินหัวใจ มันแสดงเปลวอยู่ตลอดเวลา ทีนี้พอได้ธรรมเข้าไปธรรมก็ระงับละที่นี่ เช่นอย่างคำบริกรรมนี้ปิดช่องที่มันจะคิดจะปรุง ไม่ให้มันคิดเรื่องกิเลสให้คิดเรื่องธรรม เช่นเราบริกรรมธรรมบทใด เอาธรรมบทนั้นปิดช่องมัน สติติดกับนั้นไม่ให้ออก กิเลสจะมีมากน้อยออกไม่ได้ ถ้าสติดีอยู่แล้วกิเลสไม่เกิดบอกได้ชัดเจนเลย มันจะเกิดทางสังขารทางความปรุง
ความคิดความปรุงความอยากออกมาจากอวิชชา อยากคิดอยากปรุงอยากรู้อยากเห็นผลักดันออกมาให้คิด ทางนี้ก็เอาธรรมตีเข้าไป ปิดประตูปิดช่องไม่ให้มันออก เอาบทธรรมนั้นละทำงานแทน คิดเหมือนกันแต่คิดเป็นธรรม เช่นพุทโธๆ หรือธัมโม หรือสังโฆ ตามแต่จริตนิสัยชอบในธรรมบทใด เอาธรรมบทนั้นมาทำงาน พุทโธๆ ให้คิดเท่านี้ไม่ให้คิดอย่างอื่น สติติดแนบต่อไปก็ตั้งได้ ถ้าไม่อย่างนั้นไม่ได้นะ กิเลสนี้สำคัญมากทีเดียว ให้ได้ฟัดกับกิเลสเสียก่อนถึงได้รู้ว่า โลกนี้ไม่มีอะไรหนักหนาเท่าการรบกับกิเลส
กิเลสตัวสำคัญมาก พาสัตว์ให้หมุนเกิดหมุนตายมากี่กัปกี่กัลป์ก็คือกิเลสพาให้เป็น เวลาจะฆ่ามันของง่ายเมื่อไร ละเอียดแหลมคมร้อยสันพันคมอยู่กับกิเลสหมด เวลาเอามันลงได้อย่างราบเรียบแล้วไม่เห็นมีอะไรมากวนใจ นั่น นี่ละคุณค่าแห่งการฆ่ากิเลสให้ดับลงไปจากใจแล้วไม่มีอะไรแสดงเลยในใจ ท่านว่านิพพานเที่ยงเที่ยงตลอด สงบเงียบในหัวใจไม่มีเรื่องมีราว นั่นละท่านว่าท่านเสวยบรมสุข นิพพานเที่ยงคือหัวใจที่กิเลสขาดสะบั้นไปหมดแล้วเที่ยง นั่นละเอาตรงนั้น
ให้พากันตั้งใจภาวนา มาอยู่ในครัวน้อยเมื่อไร มากกว่าพระตั้งเป็นสองเท่าสามเท่าละมัง ภาวนากันหรือเปล่าก็ไม่รู้นะข้างใน หรือมีตั้งแต่หายกโทษยกกรณ์กัน ถ้าไปนั่งไปแล้วสับกันละแย็บๆๆ คนนั้นไม่ดีอย่างนั้นคนนี้ไม่ดีอย่างนั้น หาอุบายยุแหย่ก่อกวนหาโจมตีคนนั้นคนนี้ นี่ปากอมขี้ปากบอน ปากเป็นฟืนเป็นไฟ ไปที่ไหนเผาที่นั่นคนประเภทนี้ ถ้ามีอยู่ในวัดนี้ใครบอกมาเราไล่หนีทันทีเลย สอนเพื่ออรรถเพื่อธรรมไม่ได้สอนเพื่อส่งเสริมกิเลส มันนำมาอวดธรรมทำไม เรื่องเหล่านี้มีอยู่ทั่วไป เต็มโลกธาตุมีแต่เรื่องอย่างนี้ แล้วเอามาอวดธรรมทำไม อย่าให้มีนะวัดนี้
ไปหากันเอาแต่เรื่องนินทากาเลยุแหย่ก่อกวนโจมตีคนนั้นโจมตีคนนี้ ด้วยความถือความเลวของตัวละเป็นผู้วิเศษขึ้นมาในเวลานั้น ให้เขาได้มองหน้าทีหนึ่ง ความชั่วเท่านี้ก็เอา คนที่เลวเป็นอย่างนั้นนะ ไม่ได้หาของดีหาแต่ของเลว ไปที่ไหนยุที่นั่นแหย่ที่นี่กวนกันไปหมด อย่าให้มีนะวัดป่าบ้านตาด เราปฏิบัติมากับพระกับเณร พระนี่ตั้งแต่สร้างวัดป่าบ้านตาดไม่เห็นมีเรื่องมีราวอะไรเลย ต่างองค์ต่างดูหัวใจตัวเอง มันคิดแย็บออกมาออกจากเรา เราเป็นคนผิดเป็นทีแรกแล้ว พอออกจากนี้กระจายออกไปผิดไปเรื่อย กระจายไปเรื่อยเผาไปเรื่อย ไม่ให้มันออกดูตัวนี้ตัวสำคัญ สติเป็นสำคัญจำให้ดี ใครสติดีแล้วผู้นั้นจะตั้งรากตั้งฐานเข้าสู่ความสงบ สงบแล้วแน่วแน่เข้าไปเรื่อยๆ เอาเท่านั้นละ
พูดเดี๋ยวนี้มันหูอื้อไปหมด เวลาพูดนี้มันดังมันไม่ได้ออกนะ จึงลำบากการพูด วันนี้จะพูดมากกว่านี้ไม่ได้ละ พอพูดนี้มันออกนี่ ออก มันไม่ได้ออกปาก ให้พากันตั้งอกตั้งใจปฏิบัติจริงๆ อย่ามาเหลาะแหละให้เห็น เรารับไว้ด้วยความเมตตา ไม่ได้รับไว้ด้วยอำนาจว่าคนนั้นมีเงินมีทองมีข้าวมีของมียศถาบรรดาศักดิ์ อย่าเอามาอวดธรรมว่างั้นเลย ไม่มีอะไรเลิศยิ่งกว่าธรรม เหล่านี้เป็นกิเลสทั้งนั้นที่เอามาอวด ฟาดมันขาดสะบั้นลงไปให้เหลือแต่ตัวล่อนจ้อนที่นี่ไม่มีทิฐิมานะ ฟาดกิเลสขาดสะบั้นไปเรื่อยๆ ถ้าเอาอันนี้มาแอบมาอิงแล้วมันมีทิฐิมานะเย่อหยิ่งจองหองนะ แล้วมักดูถูกเหยียดหยามคนอื่น แล้วผึ่งผายในตัวเอง เป็นได้นะกิเลส กิเลสชอบยอชอบพองตัว แต่ธรรมท่านไม่ชอบ ท่านตรงไปตรงมา เอาละพอ จะให้พร
รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th
และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร
FM 103.25 MHz |