เวลาจนตรอกสติปัญญามาเอง
วันที่ 16 กรกฎาคม. 2549 เวลา 8:10 น. ความยาว 45.35 นาที
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๔๙

เวลาจนตรอกสติปัญญามาเอง

ก่อนจังหัน

ในพรรษานี้เป็นเวลาประกอบความพากเพียรโดยตรง ไม่ค่อยมีงานการอะไรภายนอกให้ยุ่งนัก กีดกันเอาไว้นะ ความเพียรภายในใจสำคัญมากทีเดียว ภายนอกเต็มไปหมดเห็นไหมได้เรื่องได้ราวอะไร โลกนี้โลกยุ่ง แต่ผลเกิดจากความยุ่งให้เป็นสุขไม่เห็นมี ความเพียรภายในใจ เอาลองดูซิน่ะ ฟาดให้มันสลบไสลไปดูซิ แล้วผลจะเป็นยังไง มันต่างกันมากนะ การประกอบความเพียรชำระจิตใจ กิเลสเต็มอยู่ภายในมีแต่กองฟืนกองไฟ เอาให้กิเลสแตกกระจายแล้วไม่ต้องถามหานิพพาน ใครเจอความบริสุทธิ์เท่านั้น พระพุทธเจ้ากับอันนี้เป็นอันเดียวกันหมด คำว่าพระพุทธเจ้าสดๆ ร้อนๆ ไม่มีใครสอนได้อย่างพระพุทธเจ้า สอนความสุขตั้งแต่พื้นจนกระทั่งถึงความสุขอัศจรรย์ มีพระพุทธเจ้าพระองค์เดียวเท่านั้นสอนได้ ในโลกนี้ไม่มีใครสามารถสอนได้

เรามีวาสนาได้มาบวชในพุทธศาสนา ปฏิบัติตามแนวทาง เอ้า พระพุทธเจ้าจะพาลงนรกให้เห็นว่ะ ธรรมของพระพุทธเจ้าจะพาพวกเราลงนรกให้เห็น เดี๋ยวนี้มันมีแต่กิเลสละลากลงๆ ใครก็ กิเลส สรณํ คจฺฉามิๆ พุทฺธํ ธมฺมํ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ นี้ประกาศป้างๆ ข้างนอก แต่ในใจมันไม่สนใจ แต่ กิเลส สรณํ คจฺฉามิ ไม่ประกาศแต่มันขยี้ขยำอยู่ภายในจิตใจตลอดเวลา

วัดนี้เป็นวัดประกอบความพากเพียรมาตลอดนะ ไม่ให้มีงานอะไรยุ่ง แม้ผมช่วยโลกก็ช่วยไป สำหรับพระเณรในวัดนี้เราไม่มายุ่งนะ เราสงวนธรรมมากกว่าสิ่งอื่นใด เกี่ยวกับโลกก็ทำไปอย่างนั้น แต่เกี่ยวกับธรรมแล้วเอาจริงเอาจังมากทีเดียว ให้พากันตั้งอกตั้งใจปฏิบัติ ให้ได้เห็นมรรคผลนิพพานดังพระพุทธเจ้าสอนไว้นั้น ท่านรู้แล้วท่านเห็นแล้วจึงสอนพวกเรา ให้นำมาปฏิบัติ มรรคผลนิพพานสดๆ ร้อนๆ อยู่กับผู้ปฏิบัติ ผู้ใดเคร่งครัดในธรรมในวินัย ผู้นั้นตามเสด็จพระพุทธเจ้าตลอดเวลา ผู้ใดห่างเหินจากอรรถจากธรรมเลอะๆ เทอะๆ แล้วติดไปทางเทวทัตนะ อยู่กับหัวใจของเรานี่ละ พากันจดจำให้ดี

มันเลอะเทอะๆ โลกเวลานี้เลอะเทอะมากที่สุดเลย คลื่นมหาสมุทรกับธรรมเท่าฝ่ามือจะต้านทานกันได้ยังไง ต้านทานไม่ได้ที่ไหน ให้มาต้านทานกิเลสกับธรรมที่อยู่ในหัวใจของเรา เอาตรงนี้นะ มันจะยกมาคลื่นใหญ่ขนาดไหน เอาสติฟาดเข้าไป ปัญญาฟาดเข้าไป พังๆ ไม่มีอะไรเกินสติปัญญาไปได้ ความเพียรหนุนๆ ความอดความทนหนุน พัง กิเลสพัง พระพุทธเจ้ากิเลสพังด้วยอำนาจแห่งความสู้ไม่ถอย พวกเรามีแต่ถอยกรูดๆ ใช้ไม่ได้นะ พากันตั้งใจปฏิบัติให้ดี ให้ได้เห็นคนดีมีความสุขภายในใจบ้างซิ นี่เห็นตั้งแต่คนเอาไฟเผาตัวเอง ทั่วโลกมีแต่ไฟกิเลสเผาอยู่ในหัวใจ

ใครก็ว่าดีๆ มันดีแต่ลมแต่แล้ง ไม่ได้ดีภายในจิตใจให้ได้เสวยความสุขบ้างนะ ปฏิบัติธรรม เอา ลองดูซิน่ะ เขาจะจับใส่คุกก็ใส่ไปเถอะ หัวใจไม่ได้ติดคุก  เสวยสุข เสวยบรมสุขอยู่ในหัวใจ นั่นละธรรมเป็นอย่างนั้น เรื่องโลกกับธรรมต่างกัน ให้พากันตั้งใจปฏิบัตินะ เอาจริงเอาจังอย่าเหลาะๆ แหละๆ ทำอะไรให้มีสติจดจ่อทุกสิ่งทุกอย่าง ความเคลื่อนไหวเกี่ยวข้องกับอะไร สติให้ติดแนบๆ จากนั้นปัญญารอบกันไปๆ ไปด้วยกัน

เลอะๆ เทอะๆ พระเรานี่ แต่สำหรับพระวัดนี้ท่านก็เต็มกำลังมาละ เราจะตำหนิท่านอะไร มองดูควรจะตำหนิมันรู้ทันที ถ้าไม่ควรตำหนิก็รู้ ให้พากันตั้งอกตั้งใจ เอาละที่นี่จะให้พร

หลังจังหัน

(ถวายเครื่องเล่นเทป ซีดีแล้วก็รับวิทยุได้ครับ) มีทางจะเสียไหมล่ะ พวกวิทยุ เทวทัตโทรทัศน์เราขยะ เตรียมการไว้ต้อนรับกันอยู่แล้ว เราเบื่อพระทั่วประเทศไทยเรานี่ นับแต่หลวงตาบัวหัวโล้นๆ ไป มันมีแต่วิทยุเทวทัต เริ่มมาตั้งแต่หนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์เทวทัต วิดีโอ โทรศัพท์มือถือ นี้ล้วนแล้วตั้งแต่เป็นข้าศึกของพระในวัดๆ แต่เวลานี้มันเต็มอยู่ในวัดๆ ฟังซิน่ะ พระมันหูหนวกตาบอดหรือมันเป็นยังไง เรียนมาด้วยกัน มหาเปรียญ เจ้าฟ้าเจ้าคุณถึงขั้นสมเด็จ สิ่งเหล่านี้เกลื่อนอยู่ในห้องมันนั่นแหละ เป็นยังไงพระเหล่านี้น่ะ หัวโล้นๆ นี่น่ะ มันเป็นยังไง มันไม่ดูเหรอหลักธรรมหลักวินัยของศาสดาองค์เอก มันเหยียบหัวพระพุทธเจ้าไปตลอดเวลา เวลานี้วัดกลายเป็นส้วมเป็นถาน พระเณรกลายเป็นมูตรเป็นคูถเต็มไปหมดที่ไหนๆ ก็ดี ส่วนที่ตั้งใจเพื่อศีลเพื่อธรรมนี้มีน้อยมาก ที่ปฏิบัติตัวเป็นมูตรเป็นคูถอยู่ในส้วมในถานคือวัดมีมากต่อมาก

มีแต่ความเพลิดความเพลินมันไม่ได้สนใจกับธรรม เราจะไปตำหนิติเตียนอะไรประชาชนญาติโยม แม้แต่พระหัวโล้นๆ มันก็ไม่ได้สนใจกับอรรถกับธรรมจะให้ว่าไง นี่ละภาษาธรรมฟังเอา ถ้าพูดผิดนี้ให้ตีหน้าผากหลวงตาบัวเลย การแสดงออกมานี้ผิดไป ไอ้ผู้ที่ทำผิดนั่นน่ะมันกระเทือนโลกไปหมดไม่ได้ดูเหรอ อันนี้กระเทือนอะไร มีตั้งแต่เรื่องความดิบความดีทั้งนั้น อันนี้ถ้ามันมีส่วนเกี่ยวข้องที่จะเป็นความเสียก็อย่าเอามา นอกจากเป็นประโยชน์สำหรับธรรมะ (อันนี้สำหรับฟังเทปธรรมะหรือซีดีธรรมะเจ้าค่ะ) แน่ใจเหรอ เอาไปทดสอบดูก่อน (แน่ใจค่ะ) พวกเทวทัตมันแน่ใจทั้งนั้น แต่ธรรมนี้เป็นยังไงจะแน่ใจหรือไม่แน่ใจให้ไปทดสอบดู ถ้าไม่เป็นท่าปาเข้าป่าให้หมดเหล่านี้ เอ้า ต้องอย่างนั้นซิ เอาไว้ทำไมมันเป็นภัย

มันสลดสังเวชนะเรื่องพระเรา โทรศัพท์มือถือนี่สำคัญมาก เฉพาะในวัดป่าบ้านตาดนี้บอกว่ามีไม่ได้ ยังซ้ำเข้าไป เด็ดขาด องค์ไหนมีไล่ออกจากวัดทันทีเลยไม่ต้องอุทธรณ์ มีข้อยกเว้นเครื่องหนึ่ง นี่โลกเข้ามาเกี่ยวข้องที่จะไม่ให้มีก็ไม่ได้ โลกทั่วประเทศไทยเข้ามาเกี่ยวข้องกับวัดป่าบ้านตาด เกี่ยวข้องกับเรา จึงต้องมีโทรศัพท์อันนี้ไว้ มือถือนี่ และมีเฉพาะอันนี้เท่านั้นใครจะมายุ่งไม่ได้ มีไว้ให้มีผู้รักษา นี่เราอนุโลมไว้เป็นธรรมหรือไม่เป็นธรรม พิจารณาซิ ลำเอียงไหม ในวัดผู้อื่นผู้ใดไม่ให้มีแต่ที่นี่มี ลำเอียงไหม

เหตุผลกลไกเราบอกแล้ว โทรศัพท์อันนี้สำหรับส่วนรวม ที่ประชาชนทั่วประเทศเข้ามาเกี่ยวข้อง โทรมา ผู้ที่รับโทรศัพท์นี้จะได้ฟังเรื่องราวอะไรๆ เกี่ยวกับประโยชน์ของโลก เพราะฉะนั้นเราจึงอนุโลมให้มีเครื่องหนึ่งสำหรับผู้รักษาโดยเฉพาะ ใครไปยุ่งไม่ได้ นอกนั้นมีไม่ได้ในวัดนี้ ใครมีไล่ออกจากวัดทันทีเลย เพราะประกาศล่นกันแล้ว หลักธรรมหลักวินัยรู้กันทุกคนๆ จำเป็นอะไรจะต้องมาสั่งมาสอนกัน มีแต่ไล่ออกเลยเท่านั้น โห มันร้ายแรงมากนะโทรศัพท์มือถือ ตั้งแต่หนังสือพิมพ์ก็เป็นหนังสือเพลิน

บวชแล้วพระพุทธเจ้าไล่เข้าในป่า กลับไปกว้านเอาหนังสือพิมพ์เป็นข่าวคราวของโลกโลกีย์สกปรกรกรุงรังเข้ามาเหยียบหัวพระพุทธเจ้ามีอย่างเหรอ บวชแล้ว รุกฺขมูลเสนาสนํ ไล่พระเข้าไปอยู่ในป่าในเขาตามรุกขมูลร่มไม้ ในถ้ำเงื้อมผา ป่าช้าป่ารกชัฏ อันเป็นที่ปราศจากสิ่งรบกวน สะดวกแก่การประกอบความพากเพียร ให้ท่านทั้งหลายจงอยู่และบำเพ็ญในสถานที่นั้นตลอดชีวิตเถิด นั่นเห็นไหม นี่อนุศาสน์สอนพระ พอบวชเสร็จแล้วสอนพระโอวาทข้อนี้เด็ดเลยเทียว ได้รับทุกคนจะว่าไง ปฏิเสธไม่ได้ ไล่เข้าในป่าแล้วยังไปหากว้านเอาหนังสือพิมพ์ หากว้านเอาวิทยุ โทรทัศน์เทวทัต วิดีโอ โทรศัพท์มือถือเข้ามาในวัด มันก็มีแต่ส้วมแต่ถานเต็มวัดเต็มวาละซิ จะมีอรรถมีธรรมที่ไหน นี่ละสลดสังเวชนะ

พระพุทธเจ้าสอนไว้ว่ายังไงมันไม่ดู หูหนวกตาบอดไปหมด น่าทุเรศ นี่อันนี้มากระเทือนถึงได้พูด ผู้รักษารักษาแทบเป็นแทบตาย ผู้มาทำลายมาทำลายต่อหน้าต่อตาแบบหน้าดื้อหน้าด้าน นี่ซิน่าทุเรศเอาเหลือเกิน เอา ถ้าเราพูดนี้ผิดไป เอา ตัดคอเราเลย การพูดนี่พูดเป็นอรรถเป็นธรรม เสียงอรรถเสียงธรรม ออกมาจากหลักจากเกณฑ์คือองค์ศาสดา ได้แก่คำสอนของท่าน พวกเรามันพวกหน้าด้าน เลอะเทอะไปหมดนะ วัดนี้ได้เข้มงวดกวดขันเรื่องโทรศัพท์มือถือ วงกรรมฐานเราก็บอกไป แต่วงกรรมฐานไปสืบๆ ดูไม่มีละโทรศัพท์มือถือ เช่นเดียวกับในวัดนี้ วัดนี้เราอนุโลมให้ ฟังซิว่าอนุโลม ให้มีเครื่องเดียว สำหรับประชาชนทั่วประเทศเขตแดนเข้ามาเกี่ยวข้องกับวัดป่าบ้านตาด ก็คือเรานั่นแหละ ให้มีผู้รับโทรศัพท์นี้ คอยติดต่อสื่อสารเรื่องราวต่างๆ มีเท่านั้นมีเครื่องเดียว ใครไปยุ่งไม่ได้นะนั่น นอกนั้นตัดขาดไม่ให้มี โห ไม่ทำอย่างนั้นไม่ได้ เรื่องกิเลสมันหน้าด้านที่สุด

ไม่มีหน้าไหนจะด้านยิ่งกว่าหน้าของกิเลส ใครมีกิเลสหนาเท่าไรยิ่งหน้าด้าน มีอันนี้เป็นเหตุละวันนี้ได้ขึ้น ขึ้นบ้างซิ อย่างนี้ละถ้ามีเหตุมันหากมีของมัน คึกคักเลยทันที อ้าว จริงๆ ศาสนาจะไม่เหลือนะทุกวันนี้ จะไม่มีเหลือทั้งๆ ที่พระเณรเราเป็นผู้ทรงศาสนา เหมือนว่าเป็นแนวหน้าของศาสนาพุทธแหละ แต่นี้กลายมาเป็นหัวหน้ากองเลอะๆ เทอะๆ ไปจึงดูไม่ได้ซิ

เมื่อเร็วๆ นี้ใครก็ได้ยินไม่ใช่เหรอทั่วประเทศไทย ตอนจะเฉลิมทรงครองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี ทางนั้นเสนอขอยศขอลาภ ขอสมณศักดิ์ เข้าไปหาพระราชวัง เราก็เดินบิณฑบาตผ่านพระราชวัง ขอบิณฑบาตพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่าพระราชทานสมณศักดิ์ให้พวกหัวโล้นนี้ว่างั้น บวชมามันไม่ได้สนใจกับอรรถกับธรรม อรรถธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนอย่างแท้จริงมันไม่สนใจ อันยศอันแย็ดอันนี้มันมีมาจากไหนนั่นซิ มันไปดีดไปดิ้นหาอะไร อย่าพระราชทาน ว่าอย่างนี้ เราเดินบิณฑบาตผ่านพระราชวัง อย่างนั้นแหละ มันไปดีดไปดิ้นหาอะไร เกาในที่ไม่คัน บวชมาเพื่ออรรถเพื่อธรรม เพื่อมรรคเพื่อผล แล้วมันเสือกไปอะไรไปหายศหาลาภ หาสมณศักดิ์สมณแส็กอย่างนั้นพระเรา มันหยาบไหมพระ พิจารณาซิน่ะ

หาอะไรภายนอก หาอรรถหาธรรม ดูศีลให้ดี สมาธิ ปัญญา วิมุตติหลุดพ้น อยู่ที่หัวใจของพระ ทุกอย่างอยู่ที่นี่หมด พระพุทธเจ้าประทานให้หมดแล้ว อันเหล่านั้นไม่ประทานให้ ปัดออกโลกธรรม ๘ ท่านปัดออกไม่ให้เข้ามายุ่ง แล้วมันไปยุ่งหาอะไร นี่ซิมันน่าทุเรศมาก หน้าด้านนะพระเราทุกวันนี้ หน้าเขาหน้าเราด้านแบบเดียวกันหมด นี่ละศาสนาจะไม่มีนะ เราบิณฑบาตผ่านพระราชวัง ขอพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่าพระราชทานสมณศักดิ์ให้พวกนี้ พวกนี้ก็พวกหลวงตาบัวนั่นแหละ พวกหลวงตาบัวหัวโล้นนี่

ให้มันหาอรรถหาธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงบ่งบอกอย่างชัดเจนเลย บวชมาแล้วไล่เข้าป่าให้ไปบำเพ็ญธรรม สมาธิ ปัญญา วิชชา วิมุตติ นี้คุณสมบัติของพระ ยศของพระอยู่ที่อรรถที่ธรรม ไม่ได้อยู่ที่พัดยศพัดแย็ดอะไร พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้ไปหา สอนให้หาอรรถหาธรรม ไม่มีอะไรเลิศยิ่งกว่าธรรม ในสามแดนโลกธาตุนี้ไม่มีอะไรเลิศ ปฏิบัติตัวให้มีธรรมครองใจไปที่ไหนเลิศหมดนั่นแหละ ชื่อมันมีประโยชน์อะไร

หลวงตาก็มีพัดยศอยู่ข้างบน พระราชทานมาทีแรกเป็นพระครู ตั้งแต่พ.ศ.เท่าไร ไม่เอา ปัดคืน ฟาดมาที่สองข้ามชั้นเจ้าคุณสามัญ ขึ้นชั้นราชเลย มาที่สามฟาดชั้นธรรมเลย ทีนี้ก็เลยได้ขู่กับคนในสำนักพระราชวังซึ่งเป็นลูกศิษย์เหมือนกัน นี่จวนแล้วนะ ขึ้นชั้นธรรมแล้วก็รองสมเด็จ ทีนี้มันเคยข้ามมามันจะไม่อยู่ชั้นรองสมเด็จ มันจะขึ้นสมเด็จนะ อย่านะแต่นี้ต่อไปเราพูดจริงๆ เราพูดตามความสัตย์ความจริง เราเทิดพระเกียรติทั้งสองพระองค์ต่างหากที่เรารับพัดนี้ เราเทิดพระเกียรติทั้งสองพระองค์ เราไม่เป็นบ้าพัดนะ ว่างี้เลย ต่อจากนี้ให้หยุด ไม่ได้นะ นี่จะก้าวขึ้นสมเด็จ ถ้าขึ้นสมเด็จแล้วก็จะป้วนเปี้ยนอยู่ในพระราชวัง ไม่ออกในป่าในเขาที่เคยออก ลืมหมด แล้วป้วนเปี้ยนๆ อยู่ในพระราชวังสมเด็จบัวน่ะเข้าใจไหม

ต่อไปก็เอาพัดยศกาง นี่สมเด็จ ไปไหนป้วนเปี้ยน คนกรุงเทพทั้งกรุงเทพเขาจะแตกกระจายหนีหมด เขาไม่เคยเห็นพระถือพัดยศอวดประชาชนอยู่ในกรุงเทพ แต่แล้วก็เป็นหลวงตาบัวเสียเอง นี่พัดหลวงตาบัวพัดยศ เป็นสมเด็จนะ แทนที่เขาจะอนุโมทนาสาธุการ กลับกรุงเทพแตก เข้าใจไหมล่ะ นี่ก็เอากันแล้ว ไม่ให้ให้อีก พอแล้ว ให้หาธรรมซิ อะไรจะเลิศยิ่งกว่าธรรม ท่านสอนมาเพื่อหาอรรถหาธรรมต่างหาก ไม่ได้สอนมาเพื่อโลกธรรม ๘ มีลาภเสื่อมลาภ มียศเสื่อมยศ นินทา สรรเสริญ สุข ทุกข์ เรียกโลกธรรม ๘ ไปยุ่งหามันทำไม ในตัวของเรานี้ก็มีอยู่แล้วโดยหลักธรรมชาติ สุข ทุกข์ ก็มีอยู่แล้ว ไปดิ้นหามันอะไร

นี่ภาษาธรรมฟังเอานะ ท่านทั้งหลายฟังเอาภาษาธรรม เราไม่มีอิจฉาบังเบียด โกรธแค้นใครทั้งนั้น เราพูดไปตามเหตุตามผล วิทยุเข้ามานี้เป็นเหตุ ใครถวายอะไรมาคว้ามับๆ เหมือนลิงได้เหรอ อะไรควรไม่ควรแก่ศาสนา แก่หลักธรรมหลักวินัย เราต้องดูเสียก่อน ไม่ควรรับก็ไม่รับ หากจะควรสั่งสอนเสียบ้างว่าที่นำมานั้นผิดก็สอนให้รู้เรื่องรู้ราว อะไรมาก็คว้ามับๆ ใช้ไม่ได้

มีใครพระองค์ไหนไปบิณฑบาตผ่านพระราชวัง ประกาศป้างๆ อย่าพระราชทานสมณศักดิ์ให้พระหัวโล้นๆ มีใครพูดได้ หลวงตาพูดได้สบาย เพราะมันขัดต่อศาสนธรรมของพระพุทธเจ้า เป็นลาภเป็นยศสรรเสริญพระองค์สอนให้ปัดออก มันไปกว้านหามาอะไร การพูดเหล่านี้ผิดถูกที่ตรงไหน เอา พิจารณาซิ อรรถธรรมต่างหากให้หา บวชแล้วไล่เข้าในป่า สถานที่อยู่ที่กินหลับนอนให้อยู่ในที่สงบสงัดเพื่อชำระกิเลส เรียกว่าบำเพ็ญธรรมอย่างนั้น นี้ไม่ใช่บำเพ็ญธรรม มันกว้านหากิเลสเข้ากันได้ยังไง เพราะฉะนั้นเราจึงทำอย่างนั้นซิ ให้โลกได้ฟังเสียบ้าง อย่างนี้ไม่มีใครมาพูดให้ได้ยิน เราพูดเสียเอง

นี่ก็ครองธรรมมาเต็มเหนี่ยวในหัวใจของเรา เราบกพร่องที่ตรงไหนการครองธรรม เราพอทุกอย่างแล้ว ไม่ว่าทางโลกอะไรๆ พอ ปล่อยหมดโดยสิ้นเชิง ในสามโลกธาตุนี้ปล่อยหมดโดยสิ้นเชิง ทุกอย่างปล่อยโดยสิ้นเชิงไม่มีอะไรเหลือ เหลือแต่ความบริสุทธิ์ล้วนๆ เต็มหัวใจ นี่ได้มาจากอะไร ได้มาจากการชำระสิ่งที่มัวหมองที่เป็นฟืนเป็นไฟต่อจิตใจ ชำระออกๆ จนปรากฏจิตอย่างนี้ขึ้นมา พระพุทธเจ้าเป็นพระพุทธเจ้าขึ้นมา ไม่ใช่เป็นขึ้นมาเพราะหายศหาลาภ หาพัดยศ หาสมณศักดิ์นะ พระสาวกทั้งหลายเหมือนกันเป็น สรณํ คจฺฉามิ ของพวกเรา ไม่ได้เป็น สรณํ ด้วยพัดยศด้วยสมณศักดิ์นะ ด้วยคุณธรรมของท่านต่างหาก เราต้องคำนึงให้ดีซิเราปฏิบัติตามธรรมของพระพุทธเจ้า

สุ่มสี่สุ่มห้า เลยศาสนาหาหลักเกณฑ์ไม่ได้ มองไปที่ไหนเห็นแต่ของจอมปลอมเต็มศาสนา ของจริงไม่มี เราอยากจะพูดว่าไม่มี มันมองไม่เห็น มีแต่กิเลส อย่างน้อยก็ด้านวัตถุออกหน้า เอะอะก็วัตถุๆ ออกหน้าๆ ธรรมเป็นนามธรรมไม่ใช่วัตถุ แต่เป็นความดีงามและเลิศเลออยู่ที่ใจ ให้ปฏิบัติเอาตรงนี้ต่างหาก เป็นอย่างนั้น นี่ได้ปฏิบัติมาเต็มเหนี่ยว ไม่ได้เพราะพัดยศนะเรา เราปฏิบัติมาตะเกียกตะกายล้มลุกคลุกคลานอยู่ในป่าในเขา แทบจะเป็นจะตาย เหมือนผ้าขี้ริ้วไม่ผิดอะไรละ ถ้าพูดย้อนหลังไปถึงการบำเพ็ญของเราจนขยะทุกวันนี้ คิดดูเล็งดูปฏิปทาของเราที่ดำเนินมานี้ได้ท้อแท้อ่อนแอที่ตรงไหนไม่มีเลย มีแต่ขยะๆ โถ ขนาดนั้นก็ทำได้ๆ เป็นอย่างนั้นจริงๆ

พอไปฟังโอวาท แต่ก่อนก็อ่านตำรับตำราเสียก่อน อ่านจนถึงนิพพานก็ไปสงสัยนิพพานว่ามีอยู่หรือไม่มีนา ส่วนใหญ่มันเชื่อแต่ส่วนย่อยมันไปแบ่งกิน ว่านิพพานมีหรือไม่มีนา ลงใจตัดสินใจ เอ้า เราจะเสาะแสวงหาครูบาอาจารย์ องค์ใดที่มาชี้แนวทางบอกชัดเจนตามความเป็นจริงว่า มรรคผลนิพพานยังมีอยู่ จะเป็นฆราวาสก็ตาม แต่เป็นผู้ทรงคุณธรรมประเภทนั้น ครูบาอาจารย์ก็ตาม เราจะมอบกายถวายตัวต่อท่าน ทีนี้เราจะเอาตัวของเรานี้ทุ่มเพื่อมรรคผลนิพพานโดยถ่ายเดียวเท่านั้น

เพราะฉะนั้นเวลาออกจากเรียนแล้วก็ดีดผึง ใครจะให้สอนไม่สอนนะเรา ตั้งแต่ทางปริยัติก็ไม่เคยสอน นักธรรมตรี โท เอก บาลี เหล่านี้ไม่สอนทั้งนั้น ผู้ใหญ่จะให้สอนยังหลีกได้นะไม่เอา เพราะจะพุ่งต่อนิพพานอย่างเดียว ตัดขาดสะบั้นไปเลย บึ่งมาก็เข้าหาพ่อแม่ครูจารย์มั่นดังที่เคยพูด มาท่านกางเรดาร์ไว้แล้ว ใส่เปรี้ยงๆ เลยนะ ท่านมาหาอะไร ขึ้นทันทีเลย นั่นท่านกางเรดาร์ไว้แล้วคอยต้อนรับความตั้งใจของเราที่เสาะแสวงหาความจริงอย่างเต็มหัวใจ ท่านก็ชี้ไป ต้นไม้ภูเขาไม่ใช่กิเลสไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่มรรคผลนิพพาน ฟาดออกไปครอบโลกธาตุ ไม่ใช่กิเลส ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่มรรคผลนิพพาน กิเลสจริงๆ ธรรมจริงๆ มรรคผลนิพพานจริงๆ อยู่ที่ใจ นั่นเห็นไหมท่านรวมลงมานี้ เอา ให้พิจารณาทางใจด้วยจิตตภาวนา เบิกออกด้วยจิตตภาวนา พระพุทธเจ้าสาวกทั้งหลายท่านเบิกสิ่งเหล่านี้ออกด้วยจิตตภาวนา เอาให้ดีท่านว่างี้นะ

โอ๋ย เราไม่ลืมนะ สดๆ ร้อนๆ พอดีกับความตั้งใจของเราที่มุ่งหาครูอาจารย์หาของจริงอย่างว่า พอฟังจากท่านลงใจไม่มีที่ต้องติ เต็มหัวใจ ทั้งๆ ที่กิเลสมีอยู่ คำว่าสงสัยมรรคผลนิพพานไม่มีเลยที่นี่ ทีนี้มันก็พุ่งหมดตัวละซิ นี่ละตอนออกพุ่งนี่ละ โอ๋ย มันเลยอะไรไปพูดง่ายๆ พิจารณาย้อนหลังถึงความเพียรของเราตั้งแต่นู้นมา ที่จะว่ามันอ่อนแอท้อแท้ที่ตรงไหนๆ ไม่มีเลย มีแต่ได้ขยะๆ โอ๋ย อย่างนั้นมันก็ทำได้ๆ คือปัจจุบันที่เราเล็งไปนี่ เราแก่แล้วใช่ไหมล่ะ ถ้าทำอย่างนั้นเราตายเลย นี่มันก็ทำได้ๆ นี่ละความเพียรของเรา ได้มาสอนพี่น้องทั้งหลายของเล่นเมื่อไร

ฟังซิว่านั่งตลอดรุ่งๆ นี่เก้าคืนสิบคืน แต่ไม่ได้ติดกันนะ เว้นคืนหนึ่งบ้าง สองคืนบ้าง นั่งตลอดรุ่ง จนก้นแตก จนก้นเลอะ ฟังซิน่ะเป็นยังไง ใครมีแต่หมอนแตก นี่ก้นแตกนะ จนกระทั่งพ่อแม่ครูจารย์ได้รั้ง คือนั่งสมาธิตลอดรุ่งเมื่อไรมันจะเป็นจะตายจริงๆ สติปัญญามาเองนะ คนเราไม่ได้โง่ตลอดเวลา เวลาจนตรอกจนมุมสติปัญญาจะมาแก้กัน มาเอง มันฉลาดได้นะ นั่นละเราเห็นเหตุการณ์ของเรา เวลาทุกขเวทนาเผาเราที่นั่งอยู่นั้น เรานั่งอยู่นี้เหมือนหัวตอ ทุกขเวทนาที่เผาหมดทั้งตัวเรานี้เป็นเหมือนกับไฟ นี่ละสติปัญญามันออกหมุนแก้กัน

เวลาจนตรอกจริงๆ มันไม่อยู่นะ ไปนั่งทนเฉยๆ ไม่ได้ไม่ถูก ทนด้วยการพินิจพิจารณา สติปัญญามาเองๆ ทุกข์มากเท่าไรสติปัญญายิ่งหมุนตลอด เดี๋ยวแก้กันได้ลงผึงเลย นั่น นั่งตลอดรุ่งได้ความอัศจรรย์ทุกคืน จิตสว่างจ้าครอบโลกธาตุ ตอนไฟเผาร่างกายเรานี้ตอนนั้นเหมือนตกอยู่ในนรก แต่สติปัญญาบุกเบิกออกมา เพิกถอนออกมาได้ผางนี้ จิตลงผึงเลยทีเดียว ร่างกายที่กำลังร้อนเป็นไฟหายหมด เหลือแต่ธรรมชาติอัศจรรย์อยู่ในใจ นี่คืนแรกก็เห็นแล้ว โถ อัศจรรย์เป็นอย่างนี้นะ คนเราเวลาจะตายจริงๆ มีสติปัญญาแก้ตัวได้เป็นอย่างนี้ ได้รับแล้วนะ

กราบเรียนพ่อแม่ครูจารย์ท่านส่งเสริมคืนแรก พอเราขึ้นไปหาท่านนี่ แต่ก่อนก็เหมือนผ้าพับไว้ขึ้นไปหาท่าน ไม่ว่าครูอาจารย์องค์ใดเราเหมือนท่าน ท่านเหมือนเรา กิริยาท่าทางทุกอย่างเป็นอย่างนั้น แต่เวลามันรู้ภายในใจแล้วมันไม่เป็นนะ ภายในใจมันผลักมันดันออกมา อยากเล่าถวายท่านเรื่องความอัศจรรย์ที่มีในใจซึ่งเราไม่เคยมี เล่าให้ท่านนี้เหมือนนักมวยแชมเปี้ยนนะ ขึ้นผางๆ เลย ท่านก็นั่งนิ่ง เอาหมดขีดเลย การพิจารณาทุกขเวทนาพิจารณายังไงๆ แก้กันตกได้ยังไงๆ จนกระทั่งถึงมันขาดสะบั้น ร่างกายหายหมด จิตนี้สว่างจ้าอยู่ภายใน เล่าให้ท่านฟังนี้พอจบลงก็หมอบคอยฟังท่านจะแนะนำแบบไหนๆ คอยฟัง นั่งหมอบ

มันต้องอย่างนั้น ขึ้นเลยนะ ท่านก็ถึงใจท่านเหมือนกัน ผางเลย มันต้องอย่างนั้น เอาละที่นี่ได้หลักแล้ว เอาเลย อัตภาพนี้มันไม่ได้ตายถึงห้าหน มันตายเพียงหนเดียว ทีนี้ได้หลักแล้วเอาเลยนะ อันนี้เราก็เป็นเหมือนหมาตัวหนึ่ง พอท่านยุเท่านั้นออกมาจากทานแล้ว เห็นใบไม้สดใบไม้แห้งร่วงลงนึกว่าข้าศึก ทั้งจะเห่าจะกัดเลย ซัดเรื่อยเลย เอาเรื่อย เอาคืนไหนได้คืนนั้นๆ นี่ท่านรั้ง ก็อย่างนั้น เรามันไม่พอดี พอถึงขั้นสมควรที่ท่านจะรั้งเอาไว้ พอขึ้นไปกราบปั๊บๆ ท่านก็ว่า

สารถีฝึกม้า นั่นท่านขึ้นแล้วนะ เวลาม้ามันคึกมันคะนองมากๆ ไม่ฟังเสียงเจ้าของ เขาต้องฝึกทรมานอย่างหนัก ไม่ควรให้กินหญ้าไม่ให้กิน ไม่ควรให้กินน้ำไม่ให้กิน แต่การฝึกฝึกอย่างหนัก เอาจนกว่าม้าค่อยลดพยศลง การฝึกเขาก็ค่อยลดลงๆ เอาจนกระทั่งม้ายอมรับ ทำการทำงานตามที่สารถีฝึกแล้วเขาก็หยุดในการฝึกทรมานเช่นนั้น ท่านพูดเพียงเท่านั้น เรายังเสียดายยังอยากย้อนมาอีก ไอ้หมาตัวนี้มันฝึกยังไง อยากให้ท่านว่า แต่ท่านไม่ว่า ตั้งแต่นั้นมาเราก็ไม่ได้นั่งตลอดรุ่ง นี่ก็คือท่านรั้ง

มันเอาจริงๆ นี่ตั้งแต่ฟังเทศน์ท่านแล้ว เพราะนิสัยอันนี้เป็นนิสัยเด็ดขาดจริงๆ พูดจริงๆ ถ้าว่าอะไรแล้วขาดไปเลย ถ้าลงได้ลงใจแล้วคอขาดขาดเลย ไม่ได้มีคำว่าเสียดาย อันนี้พอลงใจในธรรมทั้งหลายก็เป็นอย่างนั้น พอท่านว่าอย่างนั้นแล้ว นี่ท่านรั้งแล้วให้อยู่ในความพอดี เราก็ไม่เคยนั่งตลอดรุ่งอีกเลย เป็นอย่างนั้นละ นี่เราพูดย่อๆ เรื่องพ่อแม่ครูจารย์รั้งเรา คือเราเป็นนิสัยผาดโผน ว่าอะไรเอาจริงเอาจังมาก ขาดสะบั้นไปเลย ท่านเป็นคนคอยรั้งเอาไว้ๆ ที่จะให้หนุนว่าขี้เกียจขี้คร้านนี้ไม่เคยปรากฏ เพราะกิริยาท่าทางก็บอกอยู่แล้ว ไม่ใช่พระขี้เกียจว่างั้นเลย ไปอยู่ที่ไหนๆ ก็เหมือนกันคล่องตัวตลอดเวลา ท่านดูเราอยู่ตลอด ไม่มีความขี้เกียจขี้คร้าน มีแต่รั้งเอาไว้ ทีนี้พอถึงความพากเพียรก็เหมือนกัน เอาเต็มเหนี่ยวๆ

ที่ได้มาสั่งสอนพี่น้องทั้งหลายนี้เราเดนตายมานะไม่ใช่ธรรมดา อยู่ในป่าในเขา เราเห็นอาหารการบริโภคเหลือเฟือนี้ เรียกว่าแทบทุกวันนะ มันย้อนหลังไปหาที่เราอยู่ในป่าในเขา บิณฑบาตกับคนป่า ๓ หลังคาเรือน ๔ หลังคาเรือน เขาอยู่ในภูเขานะ ไปอาศัยบิณฑบาตกับเขา ได้มาเท่านี้พอ เท่าไรไม่ว่าพอยังอัตภาพให้เป็นไปได้ปฏิบัติธรรมด้วยความสะดวกเท่านั้นพอใจ แล้วทุกข์ขนาดไหนอยู่อย่างนั้น เวลาเราทำของเราใครไปเห็นเมื่อไร จะเป็นจะตายอยู่ในป่าในเขาทั้งนั้นแหละ

ครั้นต่อมาจนกระทั่งได้มาเกี่ยวข้องกับหมู่เพื่อน ใครจึงได้เห็นหลวงตาบัว ทีนี้ชื่อหลวงตาบัวเลยกระเทือนไปทั่วประเทศไทยแล้วนะ มันก็เป็นของมันเอง เวลาเป็นอย่างนั้นก็ไม่มีใครเห็นเรา นี่ละเอาจนกระทั่งสมใจความเพียรที่ท่านสอนเต็มเม็ดเต็มหน่วย นิพพานอยู่ที่ไหน ซัดลงไป เอาให้ได้นิพพาน จิตตภาวนาจะบุกเบิกให้ถึงนิพพานได้ นอกนั้นไม่มีท่านว่า ท่านใส่นั้นทางนี้ก็ฟัดกันลงไปเลย นั่นละสมมักสมหมาย นี่ละความเพียรกล้า ผลมาแบบเดียวกัน เวลาได้ปรากฏขึ้นมานี่เหมือนฟ้าดินถล่ม เห็นไหมล่ะ นี่ละการประกอบความพากเพียร ไอ้ท้อแท้อ่อนแอได้เป็นความดิบความดีจนฟ้าดินถล่มมีที่ไหนไม่เห็นมี เอาอย่างนั้นซี

นี่ละที่มาสอนโลก ทีนี้เวลาสอนธรรมได้ปรากฏขึ้นในใจแล้ว ในหัวใจดวงนี้มีแต่ธรรมล้วนๆ ไม่มีกิเลสใดเข้ามาเจือปน ออกมาแง่ไหนพับรับกันปึ๋งๆ เพราะมันเปิดรอบตัวอยู่แล้ว น้ำอรรถน้ำธรรมที่จะต้อนรับผู้มาเกี่ยวข้อง เมื่อสมควรที่จะต้อนรับหนักเบามากน้อยเพียงไรมันจะออกรับกันทันทีๆ ถ้าไม่สมควรจะออกดึงก็ไม่ออก เข้าใจไหมล่ะ ถ้าสมควรจะออกทุ่มทันทีเลยก็ออกจากนั้น นี่ละธรรมเป็นอย่างนั้น

แล้วไม่มีอารมณ์ จะพูดเด็ดพูดเดี่ยวพูดสำนวนไพเราะเพราะพริ้ง พูดเฉียบขาด พูดเด็ดพูดขาดขนาดไหน ก็เป็นธรรมะประเภทนั้นๆ เพื่อประโยชน์ตามขั้นภูมิของประชาชนหรือใครที่มาเกี่ยวข้อง ควรหนักหนัก ควรเผ็ดเผ็ด ควรร้อนร้อน ควรเฉียบขาดขาดไปเลย พอเสร็จแล้วเหมือนกันหมด ไม่ว่าพูดสำนวนอ่อนหวาน ไม่ว่าพูดเด็ดขาด เพราะเป็นประโยชน์เป็นขั้นๆ ของธรรมไป พอเสร็จแล้วก็เงียบเลยไม่ได้เป็นอารมณ์ว่า วันนี้เราเทศน์ดุเขาบ้าง ด่าเขาบ้าง อย่างนี้เป็นอารมณ์ ถ้าเป็นอย่างนั้นอย่าพูดนะ เข้าใจไหม เจ้าของมาตีเจ้าของเป็นไฟอยู่นั้นอีก นี่ไม่มี เอาธรรมออกพูดเลย พูดขนาดไหนถูกต้องโดยธรรมๆ แล้วทั้งนั้น ไม่ว่าสำนวนไพเราะเพราะพริ้ง ไม่ว่าสำนวนเด็ดเดี่ยวเฉียบขาดดุด่าขนาดไหน เป็นสำนวนแก้กิเลสทั้งนั้น พอจบแล้วหายเงียบเลย จึงไม่มีอารมณ์ต่ออะไร เข้าใจนะ เอาละพอ

สรุปทองคำน้ำไหลซึมที่หลอมแล้วและยังไม่ได้หลอมถึงวันที่ ๑๕ เมื่อวานนี้ ได้ ๓๐๐ กิโล ๒๗ บาท ๓๙ สตางค์ ถ้ารวม ๓๗ กิโลครึ่งที่มอบแล้วเข้าด้วยกันก็เป็นจำนวน จากส่วนใหญ่คือ ๑๑ ตัน เป็นจำนวน ๓๓๗ กิโล ๖๐ บาท ๒๘ สตางค์

 

รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร

FM 103.25 MHz

 


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก