กิเลสเข้าสู่ใจมีแต่ภัย ธรรมเข้าสู่ใจมีแต่คุณ
วันที่ 5 กรกฎาคม. 2549 เวลา 8:10 น.
สถานที่ : ศาลา สวนแสงธรรม กรุงเทพฯ
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   ข้อมูลเสียงแบบ(MP3)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส

ณ ศาลาสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ

เมื่อเช้าวันที่ ๕ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๔๙

กิเลสเข้าสู่ใจมีแต่ภัย ธรรมเข้าสู่ใจมีแต่คุณ

 

          งานบุญงานกุศลเป็นงานชุ่มเย็นภายในจิตใจนะ ถึงจะยุ่งเหมือนกิริยาแห่งงานของงานของโลกก็ตาม แต่ภายในชุ่มเย็น งานบุญงานกุศลงานศีลงานธรรมเป็นอย่างนั้นละชุ่มเย็น ไม่เหมือนงานทางโลก งานทางโลกมันวุ่นมันร้อนด้วย ร้อน งานทางธรรมไม่ค่อยร้อน  เย็น งานธรรมะมันเป็นงานจิตใจล้วนๆ ชุ่มเย็นอยู่ภายในลึกๆ ต่างคนต่างไปบริจาค ส่วนกุศลไหลเข้าสู่ใจๆ วัตถุสิ่งของที่ถวายไปทำบุญให้ทานไปนั้นเป็นส่วนหยาบ สงเคราะห์โลกเรื่อยๆ ไป ส่วนละเอียดคือบุญกุศลไหลเข้ามาสู่จิตใจของผู้บำเพ็ญ เป็นอย่างนั้น วัตถุส่วนหยาบนี้ออกช่วยโลก ช่วยสาธารณชน แต่ส่วนละเอียดคือบุญคือกุศลนี้บุญกุศลนี้เข้าสู่ใจ ท่านจึงเรียกว่าบำเพ็ญบุญ

บุญกับบาปเป็นนามธรรมเข้าสู่ใจ ใครทำบาปก็จะทำที่ลับที่แจ้งไม่สำคัญ สำคัญที่ทำลงไปแล้วผลก็เกิดขึ้นแล้วเข้ามาหาตัวเอง ทั้งฝ่ายดีฝ่ายชั่วนั่นแหละ ส่วนหยาบถ้าเป็นความดีก็เป็นประโยชน์แก่คนทั่วๆ ไป ถ้าเป็นทางชั่วก็เป็นความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น แล้วย้อนกลับมาเป็นความเดือดร้อนแก่ผู้ทำเสียเอง ท่านจึงสอนให้ระมัดระวัง จิตใจเป็นของสำคัญมากนะ ขอให้ได้อบรมจิตใจ ท่านทั้งหลายแต่ละคนๆ ที่มานี้ควรจะมีธรรม เช่นพุทโธก็ได้ ธัมโมก็ได้ สังโฆก็ได้ ติดในหัวใจ ไปที่ไหนใจนั้นจะมีค่าตลอด เหมือนหนึ่งว่าตามเสด็จพระพุทธเจ้าภายในใจ จิตใจจะชุ่มเย็นๆ

คำว่าธรรมกับคำว่าโลกต่างกัน โลกคือกิเลสมันร้อน ธรรมนั้นก็คือบทแห่งธรรมต่างๆ เช่นพุทโธ เป็นต้น เป็นบทธรรมที่เย็น เป็นความสุขความเย็นใจแก่ผู้บำเพ็ญ ไปที่ไหนถ้ามีธรรมอยู่ในใจแล้วมันหากมีอยู่ภายในลึกๆ ไม่มีใครทราบเจ้าของก็ทราบเอง เดินไปที่ไหนในที่ที่น่ากลัว น่าหวาดเสียว ไม่กลัวนะ ไม่หวาดเสียว ธรรมมีในใจไปได้หมด เป็นอย่างนั้นนะ เวลาบำเพ็ญเข้ามากๆไหลเข้าสู่ใจ ใจเป็นธรรมขึ้นมา แน่นหนามั่นคงขึ้นมา ความกล้าหาญชาญชัยเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน

เช่นขณะก่อนเราไปเดินจงกรม อย่างนี้เป็นต้นนะ ขณะก่อนไปที่ไหนมีแต่เสือ หมอบแต่กินคนคนเดียวขี้ขลาดๆนั่นละ อยู่รอบด้าน พอธรรมเข้าสู่ใจ เช่นพุทโธๆเข้าสู่ใจ จางไปๆนะ เสือที่หมอบอยู่ด้วยภาพหลอกลวงตัวเองนั้นแหละ มันคิดมันปรุงว่าเสือหมอบอยู่ข้างๆ หมอบอยู่ข้างๆ มันหากเป็นเองในใจของเรา มีแต่เสือ วาดภาพเสือแล้วภาพความกลัวก็ขึ้นพร้อมกัน จนจะก้าวขาไม่ออก ทีนี้ภาพธรรมะขึ้นแทนกัน ขึ้นแทนๆ เอาตายอยู่ก็กับพุทโธ เป็นก็อยู่กับพุทโธ พุทโธไม่ต้องคิดถึงภาพต่างๆ มีแต่พุทโธติดใจๆ ภาพเสือที่หมอบอยู่สองข้างทางจางไปๆ

คือใจมันเข้ามาสู่พุทโธหมดแล้ว การวาดภาพหลอกตัวเองมันก็ค่อยหมดไปจางไป สุดท้ายก็มาปรากฏเป็นธรรมคือพุทโธอยู่ในใจ ทีนี้เกิดความกล้าหาญชาญชัย นั่นละใจดวงนี้ละ เมื่อกิเลสเข้าสู่ใจมีแต่ภัย ถ้าธรรมเข้าสู่ใจมีแต่คุณ เช่นเราเดินไปกลัวๆ ความกลัวเป็นกิเลส มันเป็นภัยต่อเรา ทีนี้พอเจริญธรรมเข้าพุทโธถี่ยิบเข้าไป ความกลัวมันคิดไม่ได้ คิดแต่พุทโธ พุทโธเข้าสู่ใจแล้วจางไปๆ ความกลัวไม่มีนะ ทีนี้เดินได้อย่างสง่าผ่าเผย  ไม่มีกลัว สุดท้ายคิดดูโลกธาตุนี้กลัวอะไรบ้าง ไม่มีเลย นั่นเห็นไหมธรรม จึงเรียกว่าธรรมเหนือโลก เหนือหมด ถ้าเข้าสู่ใจแล้วเหนือไปเลย เย็นสบาย

เราจะรู้เรื่องกิเลสกับธรรมได้ดีคือนักภาวนา ต้องกล้าเสียสละ เอาเป็นก็เป็น ตายก็ตาย นั่นละเราจะได้เห็นผลชัดเจนภายในใจของเราเอง ไปสู่สถานที่ใดกลัวมากๆนั่นละเข้าสู่ที่นั่น เอาพุทโธติดใจปั๊บเข้าสู่สนามความกลัว แล้วจางไปๆ ภายนอก สุดท้ายจิตใจมีแต่ความกล้าหาญชาญชัย สิ่งที่กลัวทั้งหลายหายหมด นั่นละภาวนา ธรรมเข้าสู่ใจกล้าหาญชาญชัย ที่พูดเหล่านี้เราทำหมดแล้วนะ เราเคยทำมาแล้ว ดัดสันดานเจ้าของ อยู่ที่นี่ภาวนาพอมันรู้สึกมันไม่ค่อยดีเปลี่ยนที่ใหม่ คือหาที่กลัวมากเข้าๆ

แต่ก่อนไปที่ไหนมีสัตว์มีเสือ มีเนื้อเต็มป่าเต็มรก ไม่เหมือนทุกวันนี้นะ ไปที่ไหนมีแต่สัตว์แต่เนื้อ พวกเสือ สมัยเราเที่ยวกรรมฐาน ทุกวันนี้ไม่มี หมด คำว่าเสือจะมีแต่เขาเขียนไว้ในกระดาษรูปเสือเท่านั้น ตัวเสือเองไม่มีเดี๋ยวนี้ แต่ก่อนไปไหนมี ในป่าไหนมีเนื้อมีเสือ เสืออาศัยกินเนื้อ ทีนี้เนื้อก็เต็มป่าเต็มรก เสือก็มีอยู่ทั่วไป เพราะฉะนั้นไปที่ไหนมันถึงกลัว มีธรรมเท่านั้นกล้า ชนะได้เลย กลัวขนาดไหนก็กลัวเถอะ ถ้าลงได้ธรรมติดหัวใจ เช่นพุทโธๆเอาไปเลย เดินจงกรมเดินเลย พุทโธติดแนบในใจถี่ยิบเท่าไรเรื่องความคิด เกี่ยวกับเรื่องความกลัวความอะไรหายไปๆ หายหมด เหลือแต่พุทโธ พุทโธกับความรู้มาเป็นอันเดียวกัน จากนั้นก็สว่างจ้า มันจะกลัวอะไรจิตเมื่อถึงขั้นนั้นแล้ว

นั่นละวิธีฝึกจิต ไปหาฝึกในสถานที่กลัวๆ เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้วที่กลัว เช่นพวกสัตว์ เสือ เนื้อร้าย อย่างนี้ไม่มี ไปอยู่ป่าไหนๆ ไม่มีเดี๋ยวนี้ แต่ก่อนเต็มไปด้วยเสือ หากจะมีก็จะมีเขาใหญ่ ที่เขาอนุรักษ์สัตว์นะ เขาใหญ่ ห้วยขาแข้ง จะมีสัตว์มีเสือ ที่อื่นไม่มี ตายหมด ถูกเขาฆ่าแหลกหมดเลย แต่ก่อนมีอยู่ทั่วไป ไปภาวนา ส่วนมากมักจะได้กำลังใจในสถานที่กลัวๆ   อยู่ที่นี่อยู่ไป ๆ มันรู้สึกชิน ชินไม่ค่อยกลัว สติมักเผลอ ถ้าพอไม่ค่อยกลัวสติมักเผลอ พอกลัวที่ไหนมากสติติดแนบกับใจ สติเป็นเครื่องรักษาได้ดีนะ ความกลัวอะไรๆ เกิดไม่ได้ สติครอบไว้หมด แล้วจิตใจก็มีกำลัง เย็นสบาย

ให้พากันอบรมจิตใจนะ ใจเป็นของสำคัญมากในร่างกายของเรา ไม่ว่าอะไรในโลกนี้มีใจเป็นสำคัญ ใจขอให้ได้รับการอบรมในทางที่ถูกที่ดีจะชุ่มเย็น สมบัติใดสู้ธรรมสมบัติไม่ได้นะ ธรรมสมบัติถ้าได้ซึมซาบเข้าสู่ใจ ใจนี้รู้สึกจะมีค่ามีราคาขึ้นมาทันทีทันใด สมบัติเงินทองมีมากแต่ก่อนเราก็ว่ามีคุณค่าอยู่กับสมบัติเงินทอง ทีนี้พอธรรมปรากฏขึ้นที่ใจแล้วธรรมสมบัติเป็นของมีคุณค่ามากกว่าสมบัติอื่นใด ชนะไปหมด นี่มันต่างกันนะ พอใจกับธรรมสมผัสกันแล้วใจจะหดจะย่นเข้ามาสู่ธรรมๆ แล้วปล่อยวางสิ่งภายนอกที่เห็นว่าดีแต่ก่อนๆ มันสู้ธรรมไม่ได้ แล้วมาอยู่กับธรรม สบาย

ให้พากันอบรมบ้างนะ เวลาจะหลับจะนอนให้ภาวนาบ้าง คำพูดพระพุทธเจ้าเป็นคำพูดที่หลอกลวงโลกเหรอ คำพูดที่อบรมจิตที่ง้วมง่ามต้วมเตี้ยม หลงเกิดหลงตายอยู่ตลอดมานี้ เพราะไม่มีธรรมในใจ ให้มีธรรมเป็นเครื่องอบรมในใจ เวลาจะหลับนอนอย่างน้อยให้ได้สักห้านาทีนะ ภาวนา จะนึกคำใด พุทโธก็ได้ ธัมโมก็ได้ สังโฆก็ได้ ตามแต่จริตนิสัยชอบในธรรมบทใด ให้นำธรรมบทนั้นมากำกับใจแล้วมีสติเป็นเครื่องกำกับ ให้รู้อยู่กับธรรมบทนั้นๆ จิตใจจะสงบเยือกเย็นๆ เวลาหลับนอนก็ไม่ค่อยฝันร้ายนะ นอนไปด้วยความสงบใจๆ เกี่ยวกับการภาวนา เวลาตื่นขึ้นมาก็สดชื่น เราทำทุกวัน

ในขณะที่ทำ เช่น ๕ นาที ให้จริงจังกับ ๕ นาทีนั้นด้วยการภาวนา อย่าเหลาะแหละ อย่าคิดไปเรื่องอื่นเรื่องใด ซึ่งเคยคิดมาแล้วตั้งแต่ตื่นนอน จนกระทั่งจะหลับจะภาวนา ทีนี้ให้เอางานนี้อย่างจริงจังสัก ๕ นาที งานภาวนาพุทโธๆ ให้ติดกับใจ อย่างน้อยวันหนึ่งให้ได้ ๕ นาที และเมื่อค่อยได้รับการอบรมมันก็ค่อยชินเข้าไป เดี๋ยวจิตจะค่อยรู้หน้าที่การงานของตน พอถึงเวลาแล้วมันจะระลึกถึงธรรมแล้วภาวนาบังคับจิตให้สงบๆ ได้ทุกวัน ต่อไปก็เคยชิน ติดใจ ยิ่งจิตพอภาวนามีความสงบลงไปให้เห็นชัดเจนแล้ว นั้นยิ่งเป็นเครื่องดึงดูดจิตใจให้มีแก่ใจประกอบความพากความเพียรได้เป็นอย่างดี

ให้พากันคิดนะ พระพุทธเจ้าเป็นศาสดาองค์เอกด้วยการอบรมจิตใจ พวกสัตว์โลกเลวเพราะการปล่อยใจนะ ต่างกันอย่างนี้ ใครปล่อยใจคนนันเลว ใครรักษาใจตัวเองเพื่อไม่ทำสิ่งที่ไม่ดี ให้พยายามอบรมส่งเสริมในสิ่งที่ดีงาม เช่นบุญกุศล ศีลทาน หรือคำภาวนาเป็นต้น ใจจะชุ่มเย็น ใจติดกับธรรมใจชุ่มเย็น ถ้าติดกับกิเลสเป็นฟืนเป็นไฟร้อนไปหมด  ให้พากันตั้งอกตั้งใจบ้างนะ พุทธศาสนาเป็นศาสนาที่เลิศเลอสุดยอดแล้ว ไม่มีที่ต้องติ หาที่ต้องติไม่ได้ การที่จะหาได้หรือไม่ได้คำว่าต้องติได้หรือไม่ได้ ต้องหากันทางด้านจิตตภาวนา คุ้ยเขี่ยขุดค้นลงไปตรงนั้น จะทราบองค์ศาสดาในนั้น มรรคผลนิพพานจะทราบในใจ องค์ศาสดาที่ว่าเลิศเลินำธรรมมาสอนโลก คือองค์ใด แล้วจะไปทราบที่จิตใจ ไม่ต้องไปทูลถามหาพระพุทธเจ้าอยู่ที่ไหนๆ อะไรเลยแหละ ไม่ต้องไป

พอธรรมปรากฏขึ้นที่ใจธรรมนั้นแลคือศาสดาโดยแท้ พระสรีระเป็นเรือนร่างของศาสดา ศาสดาอย่างแท้จริงคือพระจิตที่บริสุทธิ์นั้นเป็นธรรม ธรรมแท้มาปรากฏที่ใจกับเรานี้ เวลาเราภาวนาเป็นอย่างไร ธรรมแท้ของพระพุทธเจ้าจะพาดพิงถึงกันมีความสงบร่มเย็น ให้พากันจดจำเอานะ เวลานี้โลกกำลังร้อนไม่ฟังเหตุฟังผล ไม่ฟังเสียงอรรถเสียงธรรม  เดี๋ยวนี้ไม่มีความหมายแล้วแหละ กิเลสมันคลื่นใหญ่คลื่นโต ใหญ่เท่าไรยิ่งหลงตัวเองมากทีเดียว หลงตัวเองลืมตัวเองจนจะเป็นบ้าสดๆร้อนๆ มนุษย์เราเวลานี้

ไปหาดูผู้ใหญ่ๆ มันใหญ่ด้วยทิฐิมานะ ใหญ่ด้วยความสำคัญตนนะ ว่าเรามีอำนาจบาตรหลวงอย่างนั้นอย่างนี้ อำนาจไหนบังคับได้ บังคับคนนั้นคนนี้ แต่มาบังคับตนเองไม่สนใจ นี่เสียตรงนี้นะ ถ้าเอาอำนาจนั้นมาบังคับตนเองเพื่อความดีงาม คนนั้นจะดีมากขึ้นโดยลำดับ แต่นี้อำนาจนั้นเป็นอำนาจป่าๆเถื่อนๆ ไปหาใช้บังคับคนอื่นด้วยกฏนั้นกฏนี้ไปเสีย ตัวเองเลวเท่าไรไม่บังคับ เสียตรงนี้นะมนุษย์เรา เป็นผู้ใหญ่เท่าไรยิ่งเหลิงเจิ้งไปหมด

เวลานี้ศาสนาไม่มีในบุคคลที่สำคัญตน หรือเขาตั้งให้เป็นผู้ใหญ่อะไรนะ ศาสนาจะไม่มีกับพวกนี้ จะไปมีอยู่กับตาสีตาสา ผู้ที่อยู่ด้วยความสงบ ไม่ใช่ตาสีตาสาก็ตาม ผู้ใดชอบธรรม ธรรมอยู่กับผู้นั้น ชุ่มเย็นอยู่กับผู้นั้น ผู้ใดเห่อลืมตัวเป็นบ้าหลงยศหลงลาภตัวเอง ผู้นั้นละเป็นบ้าสดๆร้อนๆ แต่สำคัญตนว่าดีมีอำนาจมากนะ อำนาจนี้ก็ไปหาใช้บังคบคนอื่น แต่บังคับตัวเองไม่ได้หรือไม่สนใจบังคับตัวเอง คนนี้เลว ทุกวันนี้เอาแต่อำนาจป่าๆเถื่อนๆมาใช้บังคับบัญชากัน ถ้าต่างคนต่างเอาอำนาจนี้มาใช้บังคับบัญชาตัวเองเพื่อความเป็นคนดี หน้าที่การงานทุกสัดทุกส่วนให้มีข้อบังคับกฎเกณฑ์ดำเนินไปก็จะราบรื่นดีงาม ผลประโยชน์ก็จะได้มากเป็นลำดับ

นี้มีตั้งแต่อำนาจป่าๆเถื่อนๆ เห็นเขายกขึ้นเป็นชั้นนั้นชั้นนี้แล้วเป็นบ้าไปเลย ประสาลมปาก ตื่นหาอะไร ใครตั้งก็ได้ อย่างหลวงตาบัวตั้งตัวเองขึ้นฝากจรวดดาวเทียมก็ได้ หลวงตาบัวนี่ชื่อว่าอย่างไร ชื่อว่าฝากจรวดดาวเทียม เป็นอะไรไป ก็ตั้งเฉยๆ ลมปาก เจ้าของไม่ดีตั้งเท่าไรก็จมตลอด ถ้าเจ้าของดีแล้วตั้งไม่ตั้งความดีเป็นหลักธรรมชาติ การตั้งเป็นความเสกสรรขึ้นมา ลบล้างได้ง่าย ให้ตั้งตัวเองด้วยความดีงาม อยู่ไหนชุ่มเย็น เอาละวันนี้พูดเพียงเท่านั้นละนะ

 

 

รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร

FM 103.25 MHz

 


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก