เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๙
ความดีเท่านั้นที่จะลากออกจากวัฏวน
นี่ศาสนากำลังจะจม จมต่อหน้าต่อตาในวัดในวานั่นละไม่จมที่ไหน โทรศัพท์มือถือ ตัวนี้เป็นชั้นเอกเพชฌฆาตสังหารพระโดยไม่ต้องสงสัย ธรรมดาของพระแล้วตั้งแต่หนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ วิดีโอ จนกระทั่งถึงโทรศัพท์มือถือนี้ปัดหมดโดยสิ้นเชิง เป็นข้าศึกต่ออรรถต่อธรรมอย่างยิ่ง เป็นข้าศึกต่อพระอย่างยิ่ง เดี๋ยวนี้มาเป็นเครื่องพอกพูนพระประดับประดาพระให้มีเกียรติ เกียรติขี้หมาอะไรก็ไม่รู้ น่าทุเรศนะ ไม่ได้มองดูเรื่องอรรถเรื่องธรรมเรื่องวินัยที่ศาสดาองค์เอกสอนไว้ มันคว้าตั้งแต่มูตรแต่คูถ เราสลดสังเวชนะ
ในวัดนี้ได้บอกแล้ว ไม่บอกก็ทราบด้วยกัน เรียนมาด้วยกันแล้ว แต่เราก็ยังบอก วัดนี้โทรศัพท์มือถือ เรียกว่าอนุโลมเต็มที่นะ จะให้มีอยู่ในจุดเดียว ผู้เดียวเป็นผู้รักษา มอบอำนาจให้กับผู้ถือโทรศัพท์มือถือนั้นแต่ผู้เดียว ใครไปยุ่งไม่ได้ ที่ยอมรับหรืออนุโลมให้มีโทรศัพท์มือถือนี่เพราะเราเกี่ยวกับคนทั่วโลก อย่าว่าแต่คนทั่วประเทศเลย มาก็ต้องมาทางโทรศัพท์ๆ การเกี่ยวข้องหรือติดต่ออะไรต้องมาทางโทรศัพท์ นี้ก็จำต้องอนุโลมกับโลก เข้าใจไหมล่ะ จึงให้มีแต่เครื่องเดียวเท่านั้น ให้เป็นผู้มีสิทธิอำนาจรักษาทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ให้ใครอะไรเข้ามาแตะต้องสิ่งที่เป็นความเสียหายแล้วในโทรศัพท์นั้น
นอกจากนั้นพระองค์ไหนมีโทรศัพท์มือถือ จะให้ออกจากวัดทันทีเลยไม่มีอนุโลม เพราะทราบกันอย่างชัดเจนมาก โทรศัพท์มือถือเป็นเพชฌฆาตสังหารเบอร์หนึ่งทีเดียว เรื่องของพระก็ตั้งแต่หนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์เรื่อยมาแหละ เป็นข้าศึกด้วยกันทั้งนั้น พระผู้มุ่งอรรถมุ่งธรรมตัดออกให้หมดโดยสิ้นเชิงไม่ให้มี แม้เช่นนั้นการปฏิบัติธรรมะก็ยังตะเกียกตะกายล้มลุกคลุกคลาน ยิ่งเอาอันนี้เข้ามาส่งเสริมแล้วจมเลยๆ จะไม่มีธรรมเหลืออยู่ในใจละ
พูดเท่าไรยิ่งสลดสังเวช ก็มีแต่อีตาบัวคนเดียวปากวอกๆ อยู่นี้ ปากนี้ปากเป็นธรรมนะ ไม่ใช่ปากอมขี้อมของสกปรก สิ่งที่มันเป็นอยู่นั้นมันมีแต่มูตรแต่คูถ ที่ได้ถูกตำหนิอยู่เวลานี้น่ะ พระพุทธเจ้าปากอมธรรมตำหนิ ปากอมธรรมชมเชยไม่ผิดไปไหน นี่เราก็ยังวิตกวิจารณ์กับวงกรรมฐานเราเรื่องโทรศัพท์มือถือนี่ กำลังจะกระจายไปทั่วนะ ในวงกรรมฐานเราสายพ่อแม่ครูจารย์มั่นนี่ละ ใครมีโทรศัพท์มือถือจะเข้ามาวัดป่าบ้านตาดนี้ไม่ได้ ตัดออกตลอดสังฆกรรมไม่ให้มายุ่งเลย มันเป็นคนละโลกไปแล้ว มันหนักมากนะอันนี้ ใครตัวเก่งๆ ให้มา จะได้เห็นกันกับหลวงตาบัววันนี้ละ จะเอาธรรมวินัยออกตีหน้าผากมันให้แตกหมดเลย ไม่เอาอะไรตีละ เอาธรรมวินัยตี เห็นหรือไม่เห็น ดูหรือไม่ดู ใส่กันเลย
โฮ้ น่าทุเรศนะ กิเลสเหยียบธรรม เอาธรรมมาเป็นเครื่องเย่อหยิ่งจองหองพองตัว เหยียบวัดเหยียบวาเหยียบศาสนาไปหมดนะเดี๋ยวนี้ เราเห็นกันอย่างชัดๆ วัดป่าบ้านตาดนี่ เห็นประจักษ์ต่อหน้าต่อตากัน ตอนเย็นๆ เรามักจะออก ตอนธรรมดาไม่ออก ไม่เกิดประโยชน์ มีแต่โทษมากต่อมาก ไม่ทราบว่าโทษใดคุณใดละรุมกันเลย มาเห็นไม่ได้นะ เลยไม่ออก จนกระทั่งเป็นระยะหลังที่เราประกาศไปเรียบร้อยตั้งแต่ ๕ โมงเย็น ไม่ให้เข้ามาเพ่นพ่านๆ ออกให้หมดคนที่อยู่ในวัดที่เป็นชาวบ้านมาทำงานในวัดนี้ให้ออกให้หมด
เราสั่งแล้วนะ เพราะมันจุ้นจ้านมากทนดูไม่ได้แล้ว วัดท่านรักษามาตลอดเวลา นี้มาทำลายแล้วยิ่งหนักเข้าๆ ทุกวัน ดูไม่ได้นะ จึงได้ประกาศ ๕ โมงเย็นให้เลิกหมด คนที่อยู่ภายในวัดนี้ให้ออก ที่มาจากบ้านมาทำงานในวัดให้ออกๆ ไม่จำเป็นอย่าเข้า หากจำเป็นก็มี ตชด.สืบถามเรื่องราวเสียก่อน ไม่ควรให้เข้าไม่ให้เข้า นี่เราบอกไว้อย่างชัดเจน ตอนเย็นเราจะออกมาละ คือเวลาเงียบๆ เราออกมาคอยดูเหตุการณ์ มาเจอกันตรงนั้นละกับอีตาบัว
มา...เราไม่มีนะคำว่าชาติชั้นวรรณะ ไม่มีอะไรเหนือธรรม ธรรมอันเลิศจ้าอยู่ในหัวใจนี่พูดให้มันชัดๆ ออกดูโลกดูตลอด ดุก็ดุด้วยธรรมชาติในหัวใจนี่ มันกระจ่างแจ้งขนาดไหน ไม่ได้ดุด้วยมูตรด้วยคูถนี่นะ มาเก้งก้างๆ อยู่ตามนี้ ถามซิ มาธุระอะไร ถามเหตุถามผลไม่ได้เรื่องไล่เดี๋ยวนั้นเลย ไม่มีคำว่าชาติชั้นวรรณะ ไม่มีอะไรเหนือธรรม ธรรมต้องเหนือโลกตลอด ถ้าไม่มีธรรมเป็นเครื่องเคารพ หมดเลยโลก สภาพนี้หมาสู้ไม่ได้ เข้าใจไหมล่ะ เรารักษาเต็มเม็ดเต็มหน่วยเต็มขีดเต็มยัน จึงต้องมีต้านทานมีดุมีด่าว่ากล่าว ปัดออกกันอยู่ตลอดเวลา ถ้าไม่ปัดยิ่งแล้วใหญ่นะ โฮ้ น่าทุเรศจริงๆ มองดูจนจะดูไม่ได้
เป็นยังไงพี่น้องชาวพุทธเราในเมืองไทยนี่ ฟังไหม นี่เสียงธรรมนะ ออกมาจากองค์ศาสดาที่เลิศเลอ ไม่มีใครเกินศาสดาองค์เอก ธรรมเป็นธรรมที่เลิศเลอนำมาประกาศสอนพี่น้องทั้งหลาย ฟังหรือเปล่านี่น่ะ หรือมีตั้งแต่มูตรแต่คูถเหล่านั้นเต็มหัวใจ แล้วก็กระจายออกมาให้เดือดร้อนทั่วกันไปหมดนั้นหรือ มันจะจมเอานะเมืองไทยเรา ทางบ้านเมืองก็จะจม ทางศาสนาก็จะจม มันจะจมไปด้วยกัน ที่จะฟื้นฟูจะไม่มีนะเวลานี้ ไปทางไหนมีแต่ทำลายๆ ที่จะเห็นสิ่งส่งเสริมไม่เห็น เราอยากว่าไม่เห็น คือมันหนาเอาเหลือเกินความชั่วช้าลามกที่จะทำลาย เกินกว่าคำที่ว่าพอมองเห็นบ้าง ดูอยู่นี้แทบจะไม่มี ทุเรศนะ
อย่างที่พูดถึงตอนเย็นเราออกมา นั่นละตอนนั้น คือให้เจอกันอย่างจังๆ เขียนก็เขียนประกาศแล้ว ที่นี่เป็นวัด เป็นสถานที่บำเพ็ญภาวนาเพื่อความสงบใจ ไม่มีกิจจำเป็นไม่ควรมาเที่ยวเพ่นพ่าน ยังไม่ได้เขียนแต่ชื่อว่าหลวงตาบัวลงเท่านั้นเอง นี่ก็นามของวัด วัดใครเป็นสมภาร เข้าใจไหมล่ะ ออกไปจากเรานี้เขียนไว้นั้น พอมาถามไม่ได้เรื่องแล้วก็ไล่เลย อย่างหนึ่งก็นี่ชี้บอก อ่านไหมตาบอดเหรอ เอาจริงๆ นะนี่ไม่งั้นไม่ได้ กิเลสมันเด็ด ธรรมไม่เด็ดไม่ทันกัน ธรรมหมด ยอมให้กิเลสเหยียบแหลกไปหมดเลย ถ้าธรรมแข็งบ้างก็ อ๋อ นี่ท่านดุ แต่กิเลสเหยียบหัวไม่เห็นว่ากันทั้งโลก มันน่าทุเรศนะ
การปฏิบัติธรรมฟัดกับกิเลสต้องเด็ด ไม่เด็ดไม่ได้ กิเลสเด็ดมาธรรมต้องเด็ดไป คอขาดขาดไปด้วยกัน เอาของดีขึ้นมาได้ กิเลสจมลงไป นั่นเป็นอย่างนั้น พระพุทธเจ้าสลบถึงสามหน พิจารณาซิ นี้ก่อนจะได้ธรรมมาสอนพี่น้องทั้งหลายนี้แทบเป็นแทบตายตลอดมานะ เป็นเวลา ๙ ปีเรา เพราะนิสัยผาดโผนด้วย จริงจังด้วย ลงได้ลงอะไรแล้วลงจริงๆ ไม่ลงไม่ลง เป็นอย่างนั้น เพราะฉะนั้นจึงได้ถกเถียงกับพ่อแม่ครูจารย์มั่น จนพระทั้งวัดแตกมาเลย เห็นไหมอีตาบัวมันของง่ายเมื่อไร
เริ่มเป็นมาตั้งแต่เข้าไปศึกษากับท่านทีแรกนู่นนะ ก็หาของจริงนี่วะ ที่ไม่ลงกันได้ตรงไหนเอากันอยู่นั้น เรื่องทิฐิมานะเพื่อความแพ้ความชนะไม่มี มีแต่หาของจริง เข้าใจไหม เมื่อไม่จริงแล้วมันลงยากนะ จะปฏิบัติยังไงคาราคาซัง ลงไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย ถ้าลงใจแล้ว ว่าแน่แล้ว หมอบปั๊บที่นี่พุ่งเลย นั่นละพุ่ง เอาใหญ่ๆ เวลาไปศึกษาอรรถธรรมกับท่าน ท่านก็รู้นิสัยแล้ว ท่านไม่มีอะไรถือสีถือสากับเรานะ ถ้าหากท่านมีนิสัยแบบโลกแล้ว ท่านกับเรานี่จะเป็นข้าศึกกันอย่างใหญ่หลวง แต่นี้ท่านถือเหมือนว่าลูกศิษย์คนนี้ละตัวเก่งๆ นี่นะ ต่อไปมันอาจจะทำประโยชน์ให้โลกได้ ก็อาจเป็นได้
ซัดกันกับท่าน ท่านขนาบเอาแหลก ทางนี้สู้ไม่ถอยนะ พอท่านพูดมาถูกทางนี้ยอมรับหมดนะ เราลงแล้วนั่น จะปฏิบัติตามให้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ถ้าอันไหนมันลงไม่ได้มันคาราคาซัง นั่นละฟัดกันตรงนั้น อู๊ย ดูท่านเมตตามากอยู่นะกับพระผีบ้าองค์นี้ ไม่มีลูกศิษย์ลูกหาองค์ไหนเลย ถามดูแล้วว่า บรรดาลูกศิษย์ลูกหาทั้งหลายที่เป็นผู้ใหญ่ๆ ของหลวงปู่มั่น มีใครที่มาโต้มาตอบถกเถียงกับหลวงปู่มั่นมีองค์ไหน ไม่มีมีองค์เดียวนี้เท่านั้น
ถ้าไม่ลงมันเอาจริงๆ นะ คือหาของจริงว่างั้นเถอะ พอลงแล้วหมอบเลย ทุ่มเลยที่นี่ไม่มีอะไรเหลือติดตัวละ ทุ่มเลยๆ ส่วนเด่นก็คือ เวลายอมรับท่านทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว ท่านเป็นฝ่ายรั้งเอาไว้ คือความเพียรทุกอย่างมันผาดโผน ท่านต้องรั้งเอาไว้ๆ มันหากเป็นอย่างนั้นในหัวใจ ถ้าลงได้ลงมันทุ่มเลยจริงๆ ไม่มีอะไรเสียดาย มีธรรมเท่านั้น บอกว่าธรรมเท่านั้นๆ อันอื่นมาขวางไม่ได้
ทีนี้เวลาลงใจ ตั้งใจประพฤติปฏิบัติอยู่กับท่านแล้ว ท่านเป็นฝ่ายรั้งเอาไว้ คือเรามันนิสัยผาดโผน ผาดโผนนั่นท่านก็รู้ ผาดโผนเพื่อความดีงาม แต่คนเรามีกิเลสมันอาจผิดพลาดได้ ท่านต้องรั้งเอาไว้เสมอ รั้งเอาไว้ๆ ไม่งั้นมันตูมเลยๆ บางทีท่านเองนะเรายังไม่ลืม จวนจะเข้าพรรษา ท่าน เฮ้ย ขึ้นอย่างนี้เลยนะ เรามาถึงตอนบ่ายๆ ขึ้นไปกุฏิไปกราบท่าน พอกราบท่าน เฮ้ย ทำไมเป็นอย่างนี้ล่ะ คือตัวนี้มันเหลืองเหมือนทาขมิ้น คงเป็นดีซ่านหรืออะไรไม่รู้ แต่ก่อนลงมามีแต่หนังห่อกระดูกๆ ท่านก็ดูท่านก็รู้ หนังห่อกระดูกคือฝึกทรมานกันขนาดนั้นละ เรื่องร่างกายเหมือนหนังห่อกระดูก ส่วนภายในใจไม่ต้องพูด
มีวันนั้นละพอลงมา ขึ้นไปกุฏิท่านไปกราบท่าน เฮ้ย ทำไมเป็นอย่างนี้ล่ะ ท่านว่างี้นะ เราก็หมอบฟัง เพราะเหยี่ยวกับนก เข้าใจไหม นกมันจะโผมาได้ง่ายๆ หรือเดี๋ยวคอขาด เฮ้ย ทำไมเป็นอย่างนี้ล่ะ เราก็คอยฟังท่านจะออกแง่ไหน เพราะจอมปราชญ์กับจอมโง่ ท่านเป็นจอมปราชญ์เราเป็นจอมโง่ ท่านจะออกแง่ไหน พอท่านว่า เฮ้ย ทำไมเป็นอย่างนี้ล่ะ คือเรามันเหลืองหมดตัวเลย หนังห่อกระดูกแล้วยังไม่แล้ว ตัวนี้เหลืองเหมือนทาขมิ้น มันจะผิดสังเกตมากแต่ก่อน พอว่าอย่างนั้นเราก็นิ่งคอยฟัง ท่านจะออกช่องไหน คือช่องที่จะกดลงไม่มี มีแต่ช่องพยุง ว่าอย่างนี้ท่านก็ต้องพิจารณาหาทาง อะไรจะเป็นที่เสียกำลังใจ อะไรจะเป็นการภาคภูมิใจเพิ่มกำลังใจ ท่านจะพิจารณาเรียบร้อยแล้ว ในฐานะที่ท่านเป็นอาจารย์
พอท่านว่า เฮ้ย ทำไมเป็นอย่างนั้น เราก็นิ่ง กราบเสร็จแล้วนั่งสงบ คอยดูท่านออกช่องไหน ขึ้นปึ๋งเลย ต้องอย่างนี้จึงเรียกว่านักรบ นั่น ท่านอ่อนไม่ได้ใช่ไหม ถ้าคำนี้ไม่มีเงื่อนต่อ เฮ้ย ทำไมเป็นอย่างนี้ กลัวเราจะอ่อนเปียกเสียกำลังใจทางความพากเพียร ท่านพลิกใหม่เลย ต้องอย่างนี้จึงเรียกว่านักรบ แน่ะก็อย่างนั้น ยกเป็นเอกเลยละพ่อแม่ครูจารย์มั่น สุดไม่มีอะไรเหลือเลยในเรา ที่ลงท่านลงหมดเลยไม่มีอะไรเหลือ ก็สมกับเหตุกับผลที่เป็นแชมเปี้ยนฟัดกันเต็มเหนี่ยวเข้าใจไหม ฟัดพอลงกันแล้วหมอบเลย เป็นอย่างนั้นละ
นี่เวลาปฏิบัติธรรมกว่าจะได้ธรรมมาสอนโลกอย่างที่ว่านี้ละ ไม่ได้มีความสะดวกสบายเลย ถ้าใครไปติดคุกติดตะรางแล้วแก้กิเลสได้โดยลำดับจนกระทั่งสิ้นกิเลสแล้ว เราจะสมัครไปเป็นนักโทษ เพราะเหตุไร เขาติดคุกติดตะรางเขามีความทุกข์ยากลำบากอะไร เป็นแต่เพียงว่าถูกบังคับ เสียศักดิ์ศรีดีงามไม่มีใครนับถือไม่มีใครเคารพเท่านั้นเอง ถ้าว่าไปติดคุกติดตะรางแล้วแก้กิเลสได้ เช่นเดียวกับเราบำเพ็ญเพียรแทบเป็นแทบตาย เราจะสมัครใจเข้าไปเลย ไปเป็นนักโทษบัว ติดคุกช่างหัวมันกิเลสขาดสะบั้นลงไป จักตอกวันละสามเส้นสี่เส้นเท่านั้นวันหนึ่งพวกนักโทษ ไอ้เรามันทำด้วยการบังคับจริงๆ นี่นะ ทำอะไรมีแต่การบังคับๆ โดยธรรมๆ จะหาที่ตำหนิติเตียนตนหรือโกรธแค้นให้ตนอย่างนี้ก็ไม่มี บังคับขนาดไหนก็เป็นธรรมๆ มันยอมรับๆ ทุกข์ก็ยอมรับ นั่นล่ะมันทุกข์มากเข้าใจไหม ยอมรับโดยธรรมๆ เพื่อธรรม โธ่ ทุกข์มากจริงๆ นะเรื่องแก้กิเลส แหม หนักมากทีเดียว
เราได้นำธรรมะกับกิเลสที่อยู่ในหัวใจดวงเดียวนี้ละ มาพูดให้พี่น้องทั้งหลายฟัง แต่ก่อนเราก็ไม่เคยคิดนะว่ากิเลสทำงานบนหัวใจสัตว์โลกโดยอัตโนมัติของมัน ไม่มีใครบังคับบัญชามันหากทำของมันเองตลอดในวัฏจักร งานวัฏจักรคืองานของกิเลส มันจะทำงานของมันไปโดยลำดับลำดา นี่เรียกว่าเป็นงานอัตโนมัติของกิเลสทำงานในหัวใจสัตว์โลก เรียกว่าเป็นงานวัฏจักรตลอดเวลา ไม่ว่าสัตว์ตัวใดไม่มีเว้น แต่ก่อนเราก็ไม่เคยคิด เวลามาเป็นขึ้นที่หัวใจละซิที่นี่
ทีแรกก็ท่านเหมือนเราเราเหมือนท่าน กิเลสทำงานบนหัวใจ กดขี่บังคับตลอดเวลาก็พอใจ ไม่รู้ตัว ทีนี้เวลามาประกอบความพากเพียรขึ้นมาๆ ล้มลุกคลุกคลานก็ยอมรับๆ ทีนี้พอมันมีกำลัง พอมีกำลังกล้าขึ้นๆ แล้วเอาละนะที่นี่ ธรรมทำงานแก้กิเลสนี้แบบเดียวกันเลย ธรรมแก้กิเลสแก้โดยอัตโนมัติ ไม่มีวันมีคืนยืนเดินนั่งนอนเว้นแต่หลับ บทเวลามันได้ทำงานโดยอัตโนมัติแล้ว เพราะพลังของธรรม พุ่งๆ คำว่าที่จะดึงลงกลับมานี้ให้คอขาดเลย ไม่มีทาง พุ่งอย่างเดียวเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วการหลับการนอนการอยู่การกินมาเป็นอุปสรรคไม่ได้นะ นี่เรียกว่าธรรมสังหารกิเลสโดยอัตโนมัติ
จึงได้ทำให้คิด โอ๋ ตั้งแต่ก่อนกิเลสทำงานบนหัวใจสัตว์โดยอัตโนมัติก็เป็นอย่างเดียวกันนี้ กับธรรมทำงานฆ่ากิเลสโดยอัตโนมัติในหัวใจของเรา นี่ไม่ไปถามใครนะเรียนภายใน มันเป็นขึ้นมาจากนี้เป็นข้อเทียบเคียงกันทันที มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ เป็นขึ้นที่หัวใจใดไม่ต้องไปถามใครละน่ะ อย่างคำพูดที่เอามาพูดเราไปถามใครเมื่อไร มันเป็นขึ้นกับหัวใจเราเอง เวลามันหมุนของมันมันไม่ยอมหลับยอมนอน กลางคืนก็ไม่ยอมนอน นอนแต่กิเลสกับธรรมมันฟัดกันอยู่บนหัวใจ เวทีอยู่หัวใจ กิเลสกับธรรมฟัดกันอยู่บนเวที นอนอยู่อย่างนั้นมันไม่ยอมหลับนะ คือมันไม่ลดราวาศอกกันเลยระหว่างกิเลสกับธรรม ธรรมนี้ถอยไม่ได้ว่างั้นละ สุดท้ายก็เอาๆ ขึ้นนั่ง นั่งก็ฟัดกัน นอนก็ฟัดกันสุดท้ายแจ้ง อ้าว ยังไงกัน
ทีนี้แจ้งตรงนั้นมันยังไม่แล้วนะ มันยังทำงานตลอด เคลื่อนไหวไปมาที่ไหนอันนี้จะทำงานตลอด นี่เรียกว่าธรรมฆ่ากิเลสแก้กิเลสโดยอัตโนมัติแก้ตลอด เว้นแต่หลับเท่านั้น ท่านทั้งหลายให้ฟังเอานะ นี่จวนจะตายแล้วพูดให้ฟัง ถอดออกมาจากหัวใจมาพูดไม่ได้เรียนจากใครละ เป็นขึ้นมาจากหัวใจระหว่างธรรมกับกิเลสฟัดกันได้รู้แจ้งเห็นจริงขึ้นมาจากนี้แหละ ทีนี้เวลาธรรมเป็นอัตโนมัติ แก้กิเลสอัตโนมัติ กิเลสนี้จะอ่อนลงๆ ที่กิเลสจะเกิดใหม่ไม่มีละ ตั้งแต่ธรรมฆ่ากิเลสโดยอัตโนมัติแล้วกิเลสจะไม่มีทางเกิดได้เลย เกิดแล้วก็ค่อยยุบยอบๆ ค่อยยุบยอบลงไป ทีนี้ตีแหลกๆ เผาแหลกเรื่อยๆ จนกระทั่งกลายเป็นมหาสติมหาปัญญา
สติปัญญาอัตโนมัติมันก็ทำงานของมันแล้วอยู่ตลอด ยิ่งเป็นมหาสติมหาปัญญาแล้วซึมไปเลยนะ มันซึมเลย กิเลสประเภทซึม มหาสติมหาปัญญาธรรมแก้กิเลสประเภทซึมทันกัน นี่ถอดออกมาจากหัวใจฟังซิท่านทั้งหลาย พูดเล่นๆ ได้เหรอ จนกระทั่งกิเลสทุกประเภทไปรวมลง อวิชฺชาปจฺจยา ขาดสะบั้นลงจากใจนี้ จิตดีดผึงเหมือนว่าฟ้าดินถล่มนะ ธรรมดาฟ้าดินเขาก็อยู่ของเขา แต่มันถล่มอยู่ที่ระหว่างกายกับจิต คือระหว่างจิตกับกิเลสมันขาดสะบั้นออกจากกัน ตัวของเรานี้ผึงเลย มันผึงในตัวในร่างกายนะ ร่างกายของเรานี้ผึงเลย คือจิตมันทำงานอย่างหนักโดยอัตโนมัติของมัน พอมันแก้กิเลสขาดสะบั้นลงไป นั่นละผางตรงนั้น มันก็เหมือนว่าปึ๊งหงายไปเลย
ทีนี้จ้าขึ้นมาเป็นยังไง นั่นเห็นไหมละที่นี่ นี่ละที่เราไม่เคยคาดเคยคิด เคยคิดที่ไหนมันไม่เคยรู้เคยเห็นนี่ ก็นอนจมกันอยู่ในกองมูตรกองคูถ ขี้โลภ ขี้โกรธ ขี้หลงมากี่กัปกี่กัลป์มีเงื่อนต้นเงื่อนปลายที่ไหน ถ้าไม่มีความดีดึงออกไม่ออกนะ ให้ท่านทั้งหลายจำเอา ความดีเท่านั้นที่จะลากออกจากวัฏวนนี้ นอกนั้นไม่มี มีแต่กิเลสหมุนตลอดเลย มันเคยเป็นอย่างนั้นมาทั้งเขาทั้งเราไม่รู้สึกตัว บทเวลาถึงขั้นมันเป็นนี้มันผางที่นี่มันขาดสะบั้นลงไปหมด ทีนี้จ้าไม่เคยเห็นไม่เคยคิด โถ ขนาดนี้เชียวหรือ ออกอุทานนะ อุทานในใจ
จะว่าอาจเอื้อมหรือไม่อาจเอื้อมก็มันเป็นขึ้นมาอย่างรุนแรงนี่ มันเป็นเองของมัน เหอ พระพุทธเจ้าตรัสรู้อย่างนี้ละหรือๆ ทำไมมันอาจเอื้อมได้ แต่ไม่มีเจตนาคือเป็นโดยหลักธรรมชาติของมันที่รุนแรงเข้าใจไหมล่ะ ผางขึ้นมาเท่านั้น หือ พระพุทธเจ้าตรัสรู้อย่างนี้ละหรือๆ ธรรมแท้เป็นอย่างนี้ละหรือๆ อยู่นั้นนะ พระสงฆ์แท้เป็นอย่างนี้ละหรือ เอ๊ พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์มาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ยังไง นั่นเป็นแล้ว เข้าใจไหม ไปถามใครที่ไหนมันเป็นขึ้นอย่างนี้ละ กิเลสเปิดออกหมดไม่มีอะไรแล้วจ้าเลยที่นี่ อย่างนั้นนะจะว่าไง
นี่ละคุณค่าแห่งความพากเพียร ความดีงามทั้งหลายอย่าปล่อยอย่าวางนะ อย่านอนจมอยู่กับความตระหนี่ถี่เหนียว นอนจมอยู่ด้วยความเห็นแก่ได้แก่เอา แก่กินแก่กลืนอยู่ตลอด พวกนี้พวกจะจม ไอ้พวกที่มันเลวร้ายที่สุดก็คือพวก เราจะจี้เข้าไปในจุดศูนย์กลางที่เป็นความจริงไม่ผิดเพี้ยนเลย วงรัฐบาลเวลานี้เป็นวงที่หนึ่งทีเดียว สังหารประชาชน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์จะไม่มีเหลือ พวกนี้พวกไม่ฟังเสียงใครเลย หลวงตาบัวนี้ก็เป็นอาจารย์ของคุณทักษิณ เดี๋ยวนี้คุณทักษิณมันฟังเสียงหลวงตาบัวเมื่อไร มันหมดแล้วนะ บอกบุญไม่รับละไอ้นี่ มันจะเอาเงินทองกองเท่าภูเขามาอวดหลวงตาบัวอย่ามาอวด เตะทีเดียวตกทะเลเลย
สมบัติเงินทองข้าวของยศถาบรรดาศักดิ์อย่าเอามาอวดหลวงตาบัว ระหว่างลูกศิษย์กับอาจารย์ ใครจะมั่งมียิ่งกว่าทักษิณ ชินวัตร วะ ทุกสิ่งทุกอย่างรวมอยู่นั้นหมด มันก็ยังไม่พอๆ ยังงาบยังกลืนไปทุกแห่งทุกหนเลย นี่ละลูกศิษย์หลวงตาบัวเลวร้ายที่สุดคือคนนี้เอง คุณทักษิณฟังให้ดีนะ นี่ละธรรมเปิดเปิดอย่างนี้ละ ไม่เข้าข้างออกขาที่ไหน เอียงไม่มี...ธรรม พูดอย่างตรงไปตรงมา มันไม่ฟังเสียงครูเสียงอาจารย์แล้วมันจะจมนะไอ้นี่น่ะ ฟังให้ชัดคำนี้อีกนะ จมสมเก่งๆ นั้นนะ ถ้ามันไม่ฟังเสียงอรรถเสียงธรรมแล้ว กุสลาไม่ยอมรับแล้วหมด มันจะนอนอยู่บนกองเงินกองทองกองเท่าภูเขาไม่มีความหมาย หัวใจเป็นไฟเผาเสียอย่างเดียวลงนรกเป๋งเลย
อย่าอวดดีกว่าพระพุทธเจ้านะ ท่านบอกว่า บาปมี บุญมี นรกมี สวรรค์มี อย่าอวดเก่ง ท่านผู้นี้เป็นผู้ที่เลิศเลอสุดยอดแล้ว สว่างกระจ่างแจ้งโลกวิทู นำธรรมมาสอนโลกไม่มีผิดมีเพี้ยน เรานี้พวกหูหนวกตาบอดจะไปอวดธรรมไม่ได้นะ อย่าอวดเก่งนะ ให้พากันรีบแก้ไขดัดแปลงตนเอง ศาสนานี้ทำความดีงามให้โลกนี้มาเท่าไร ทำความเสียหายจากศาสนาไม่มี มีแต่กิเลสทั้งนั้นทำ ยังพากันเย่อหยิ่งจองหองเอากิเลสไปอวดธรรมอยู่หรือ ไปเหยียบหัวพระพุทธเจ้าหรือ จมนะ พากันฟังให้ดี พิจารณาให้ดี เราจวนจะตายแล้วพูดให้ฟังชัดเจน คำพูดที่ออกมานี้ไม่มีคำว่าสูงว่าต่ำ ธรรมเหนือหมด เอาธรรมออกจ้าไปเลยทีเดียว พูดแล้วนะ พากันจำ เอาละเหนื่อยแล้ว เอาละพอ
ท่านทั้งหลายเอามานี้เรานำออกทำประโยชน์ให้โลกทั้งหมดเลย เราแบตลอดไม่เอาอะไรทั้งนั้น เรื่องทุกข์ที่สุดก็คือเรา ทุกข์เพื่อโลกไม่เอาอะไรแต่ทุกข์มากนะ ทุกข์มากที่สุด นี่เป็นเครื่องส่งเสริมบูชาธรรมนำกุศลเข้าสู่ใจ ที่ได้บริจาคมากน้อยเข้านี้ทั้งหมด นี่ละที่ว่าบารมีๆ คือกองบุญกองกุศลที่เราสร้างมามากน้อย เข้านี้หมดไม่หายไปไหน เวลาลมหายใจสิ้นแล้วอันนี้กับเราขาดสะบั้นไปตามๆ กัน บุญกุศลไม่มีขาด ติดแนบเลย อันนี้สำคัญมากอย่าปล่อยวางนะ จิตใจเป็นของสำคัญมากทีเดียว เหล่านี้ถึงกาลเวลาก็แตกพังไปเหมือนท่านเหมือนเรา แต่ใจนี้ไม่แตก บุญกุศลมีแล้วพุ่งๆ เลย ถ้าบาปมีกดลง ให้ระวังบาปนะ
รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th
และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร
FM 103.25 MHz