รู้ถึงขั้นจริงแล้วจริงเหมือนกันหมด
วันที่ 24 พฤษภาคม 2549 เวลา 7:50 น. ความยาว 47.18 นาที
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๒๔ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๙

รู้ถึงขั้นจริงแล้วจริงเหมือนกันหมด

ก่อนจังหัน

ให้จิตมันเปิดเถอะน่ะ ขอให้จิตมันเปิดจากกิเลส ที่กิเลสปิดอะไรๆ เรื่องของกิเลสนี้มีแต่เข้าท่าทั้งนั้น อะไรๆ ก็ตามถ้าเป็นเรื่องกิเลสแล้วเข้าท่าๆ หมด อย่างของเต็มบาตรนี่ เอามาใส่ เห็นอันนี้เข้าท่าอันนั้นเข้าท่า บาตรเต็มแล้วยังเข้าท่ากิเลสมันพอที่ไหน ธรรมอันหนึ่งบอกว่าพอแล้ว อันนี้ยังเข้าท่ามาเรื่อย ฟังนะพระเหล่านี้ มีแต่พวกเข้าท่าเรื่อยพระวัดเรา มีแต่พระเข้าท่า อะไรๆ ดีหมด อะไรๆ ดีหมด เข้าท่าๆ สะแตกอิ่มแล้วนอนหลับยิ่งกว่าหมู น้ำหนักใส่กันเปรี้ยง ไม่ใช่เป็นของหยาบนะ คือเอาน้ำหนักฟัดกันๆ ที่โลกเขาว่าหยาบโลนเราไม่สนใจ คือเอาน้ำหนัก ถ้าน้ำหนักไม่พอไม่ทันกัน ต้องเอาน้ำหนักให้เหนือกว่าๆ อันนี้น้ำหนัก เวลาฉันจังหันนี้อาหารผ่านเข้ามาอะไร อันนี้เข้าท่าอันนั้นเข้าท่า แล้วธรรมล่ะไปไหน มันเต็มบาตรแล้ว..ธรรม เข้าใจไหม ยังจะเข้าท่าๆ อยู่เหรอ ฟังซิน่ะ

โห มันสนุกดูโลก เราพูดจริงๆ จวนจะตายแล้วเปิดให้ชัดเจน ไม่พูดเฉยๆ นะ ไปที่ไหนแบบหูหนวกตาบอด อันนี้ไม่ได้บอดมันจ้าตลอด มันรอบอยู่นี้ เรื่องธาตุเรื่องขันธ์ใช้ตามกาลสถานที่เวล่ำเวลาของสมมุติก็ใช้ไปอย่างนั้นแหละ อันนั้นผิดอันนั้นถูก อันนี้ดีอันนี้ชั่ว ก็ว่าไปตามขันธ์ ธรรมชาตินั้นมันครอบหมดแล้วมันรอบหมดเลย เป็นอย่างนั้นละ มันถึงได้เห็นอันนั้นเข้าท่า อันนี้เข้าท่า เต็มบาตรแล้วยังเข้าท่า เป็นอย่างนั้นนะ เป็นยังไงพระวัดป่าบ้านตาดมีแต่พระเข้าท่าทั้งนั้นหรือ อาหารอันนั้นมาอันนี้มา บาตรเต็มแล้วไม่ดู ดูแต่ข้างนอก เข้าท่าๆ ไม่ได้นะ ธรรมเป็นยังไง เข้าท่าไหมธรรมน่ะ การเดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนา สติสตัง ปัญญา ติดตัวไหม เข้าท่าไหม พิจารณาตรงนี้ให้ดี ถ้าสติปัญญาไม่เข้าท่าแล้วเหลวไหล มีแต่กิเลสเข้าท่าทั้งนั้นๆ แหละ

เอาให้ดีนะ เราจวนจะตายแล้วจึงรีบ ไม่มีใครพูดอย่างหลวงตาบัว นี่พูดอย่างถนัดชัดเจน ดึงออกมาจากหัวใจไม่สงสัย ไม่ว่าธรรมขั้นใดที่แสดงออกมานี้ไม่ผิดเลย ศาสดาองค์เอกพูดแล้วสาธุไม่ได้วัดรอย ท่านรู้ของจริงยังไง ลูกศิษย์ตถาคตจะไม่เป็นของจริงตามกันได้หรือ เมื่อรู้ถึงขั้นจริงแล้วจริงเหมือนกันหมดเลย เหมือนน้ำในมหาสมุทร ไหลมาจากคลองใดๆ สายใด พอเข้าถึงนั้นปั๊บเป็นมหาสมุทรอันเดียวกันหมด อันนี้ความรู้จริงเหมือนกัน เมื่อเต็มภูมิแล้วจ้าเหมือนกันไปหมดเลย พระพุทธเจ้าอยู่ที่ไหนไม่ต้องถาม อันนี้บอกประกาศลั่นไปเลยทั่วแดนโลกธาตุ

นั่นละเรื่องธรรมเป็นของเล่นเมื่อไร เวลานี้ธรรมกำลังถูกเหยียบย่ำทำลายจากกิเลสตัณหา เฉพาะเมืองไทยเราก็วงราชการงานเมือง มีแต่พวกยักษ์พวกผีพวกมาร เหยียบย่ำทำลายธรรม เจ้าของก็ว่าร่ำว่ารวยว่าดีแล้วเหยียบเจ้าของแหลกนะ ผู้ที่ว่าร่ำว่ารวย เป็นบ้าอำนาจอยู่เวลานี้ นี่ละพวกกิเลสเหยียบหัวมันๆ  เอาธรรมจับรู้หมดนี่ ว่าตัวอำนาจบาตรหลวงป่าๆ เถื่อนๆ มีแต่กิเลสเหยียบเอา อันนั้นเข้าท่าอันนี้เข้าท่า ถ้าเป็นเรื่องพุงของตัว พรรคพวกของตัว โคตรแซ่ของตัว เข้าท่าทั้งหมด พวกนี้จะพากันจมทั้งโคตรทั้งแซ่นั้นแหละ

อย่าเหยียบนะเหยียบธรรมพระพุทธเจ้า ถ้าไม่อยากจมอย่าเหยียบบอกตรงๆ เลย ธรรมนี้เป็นของจริงเลิศเลอมาตั้งแต่พระพุทธเจ้าองค์ใดๆ ที่ค้นธรรมมาประกาศสอนโลก เป็นธรรมเล็กน้อยเมื่อไร เรายังจะเห็นเป็นของเล่นอยู่เหรอ มีแต่อะไรก็เข้าท่าๆ กิเลสเหยียบหัวธรรมมีแต่เข้าท่าๆ ถ้าเป็นเรื่องของกิเลสนี้เข้าท่าทั้งนั้น ถ้าเรื่องของธรรมละไม่เป็นท่าเป็นทาง ขอให้พากันพิจารณาให้ดีการปฏิบัติธรรม เราพูดตรงๆ นี่ละเรื่องอรรถเรื่องธรรมไม่มีหนักมีเบา จวนจะตายก็บอกจวนจะตาย นี่พูดความจริง ความเป็นกับความตายมีน้ำหนักเท่ากัน ไม่มีอะไรหนักกว่ากันเพราะเป็นสมมุติด้วยกัน เป็นก็สมมุติ ตายก็สมมุติ เกิดสมมุติ ตายสมมุติ เหมือนกันหมด ธรรมชาติที่เหนือสมมุติแล้วไม่ตื่นเต้นกับสิ่งเหล่านี้ พูดตามหลักความจริงได้อย่างเต็มปากเลย

ท่านทั้งหลายให้ดูนะดูศาสนาอยู่ที่ไหน พระพุทธเจ้าประกาศธรรมสอนโลกมานี้นานสักเท่าไร ประกาศเข้าที่หัวใจ หัวใจมันเหมือนหม้อคว่ำนั่นเหรอ เอาน้ำมหาสมุทรมาเทมันก็ไม่มี หม้อถ้าลงได้คว่ำปากลงแล้วอย่าว่าแต่น้ำธรรมดา เอาน้ำมหาสมุทรมาเทมันก็ไหลออกหมดไม่มีอะไรขัง ถ้าเปิดปากออกแล้ว หงายปากขึ้นมานี่ขังได้ทั้งนั้นๆ มองดูๆ มันเลอะเทอะๆ คนที่มาอยู่ในวัดนี่เหมือนกัน ผู้ชายหรือผู้หญิงก็ตามจะมีลักษณะเดียวกัน เพราะหัวใจเข้าท่าเหมือนกัน หัวใจมันเข้าท่าไปทางกิเลสเหมือนกัน

เมื่อวานเราเดินมานี้ก็มีคนหนึ่งเข้ามาฟ้องร้องว่า ตชด.ว่าให้อย่างนั้นว่าให้อย่างนี้ เราก็ฟังเหตุผล พอจบลงไปแล้ว ว่า ตชด.ว่าให้เขาอย่างนั้นอย่างนี้ พอพูดจบลงแล้วบอกให้ออกจากวัดคนนี้ แล้วบอกพระให้ไล่หนีออกจากวัด คนนี้มาเป็นเสนียดจัญไรแก่คนที่รักษาวัดวาอาวาส ตชด.เขารักษาวัดวาอาวาสทุกขอบเขต อันนี้มันได้เรื่องอะไร ที่เขาพูดก็ไม่ผิด เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ไอ้นี้มันมีอะไรความรับผิดชอบ มีแต่จะมาฟ้องร้องเอาความดีๆ ใส่ตนเอง จึงบอกว่าให้คนนี้ออกจากวัด บอกเลยนะเรา อย่างนั้นละธรรมไม่ได้เหมือนใคร

ความฟ้องร้องไม่มีความหมาย ถ้าให้มีความหมายต้องเอาเหตุเอาผลเข้ามาฟ้องร้อง ฟ้องร้องด้วยอำนาจกิเลสของตน ความเข้าท่าของตนๆ นี้เอาละถูกไล่ เมื่อวานนี้ก็ให้ไล่แล้ว อย่ามาเล่นนะเล่นกับเรา เราไม่มีเอนมีเอียง ตรงไปตรงมา ไม่มีใกล้มีไกล เรื่องธรรมเป็นอย่างนั้น เช่นอย่างอาหารดูซิน่ะ ทำไมเราจึงมานั่งจ้อนั่งรอ ก็เพื่อความเสมอภาคไม่ใช่อะไร อวัยวะของเรานี้ เราเอาอาหารใส่ปากปั๊บ มันจะวิ่งถึงกันประสานกันหมด ขอให้ถูกต้องในจุดแรก อันนี้เอาให้ถูกต้องในจุดแรก เอาไปให้เสมอกันหมดแล้ว ทางโน้นจะแจกจะแยกกันไปเท่านั้นเอง ก็เป็นความชอบธรรม นี่ละอยู่เฉยๆ ไม่ได้นะมันหากเป็นอยู่ในจิต

พูดให้มันชัดๆ จิตมันไม่ได้เหมือนโลกนี่นะ ใครจะว่าอะไรก็ตาม ใครเหยียบหัวพระพุทธเจ้ามาสักเท่าไรๆ มีแต่มูตรคูถขึ้นเหยียบหัวธรรมทั้งนั้นละ เราดูแล้วสลดสังเวช แต่จะแก้ไขยังไง เอาฝ่ามือไปกั้นน้ำมหาสมุทร กิเลสเหมือนคลื่นมหาสมุทร ธรรมเหมือนฝ่ามือเท่านั้น เราให้เอาธรรมเข้ามา ถึงฝ่ามือก็ตาม เอาให้ได้นะ ตีไปตีมากิเลสมันหงายได้ทั้งนั้น ถ้าปล่อยไปตามเรื่องๆ นี้จะไม่ได้เรื่องได้ราวนะ

เวลานี้ศาสนาพุทธในเมืองไทยเรา กำลังจะล่มจะจมจะไม่มีใครเหลียวแล มีแต่คัมภีร์ใบลาน เรียนมากี่ประโยคๆ ๙ ประโยค ๑๐ ประโยค เป็นหนอนแทะกระดาษทั้งนั้นถ้าไม่ตั้งใจปฏิบัติตาม ถ้าปฏิบัติตามแล้ว เกสา โลมา นขา ทันตา ตโจ นี้พอกิน เกสา โลมา นขา ทันตา ตโจ ไล่เข้าไปหาร่างกายทุกสัดทุกส่วน ทั้งร่างกายเขาร่างกายเราเปิดออกหมด ปล่อยวางนี้ดีดผึง ไม่ต้องถามละเรื่องนิพพาน เปิดอันนี้ออกหมดแล้วก็เห็นพระนิพพานเอง ให้พากันจดจำเอานะ

อู๊ย มันน่าทุเรศ เข้ามานี่ทุกแบบทุกฉบับ ไปในครัวก็เหมือนกัน ไอ้พวกเห็นแก่ปากแก่ท้องเห็นแก่กินแก่สะแตก มันรู้บาปรู้บุญที่ไหน มีอยู่ทุกแห่งทุกหนเราไม่พูดเฉยๆ รู้อยู่หมด อันนี้ก็เป็นวิสัยพวกหนอน ว่างั้นนะ เราไม่ใช่หนอนจะเป็นบ้าอะไรกับเขา บทเวลาคนกับหนอนจะฟัดกันมันก็มี

ตั้งใจปฏิบัติให้ดีนะพระ สติเป็นสำคัญเคยชี้แล้วไม่ผิด ใครตั้งสติดีคนนั้นจะตั้งหลักตั้งฐานได้ มันจะเผลอไปไหน การตั้งสตินี้มีเครื่องสนับสนุน ส่วนมากมักจะเป็นอาหาร ถ้ากินอิ่มๆ เต็มที่เต็มฐานแล้วสติตั้งไม่อยู่ ผ่อนลงๆ สติดีขึ้นๆ ผ่อนลงไปเท่าไรสติดีขึ้นเท่านั้น เอ้า มันจะตายจริงๆ กินให้มัน ถ้าไม่กินมันก็จะตายอีกแหละ จะไม่ได้ตั้งสติ เอ้า ผ่อน ดูเจ้าของซิ หนุนขึ้น อดบ้างอิ่มบ้างไม่เป็นไร เรื่องอดอาหารการกินนี้เวลานี้มาจะก้าวขาไม่ออก พอกินอิ่มแล้วกลับขึ้นภูเขานี้เหมือนม้าแข่ง มันดีดปึ๋ง กำลังทางร่างกายมาเร็ว แต่กำลังทางด้านจิตใจนี้ลำบากมากนะ จึงต้องหมุนให้เต็มที่เต็มฐาน เพราะฉะนั้นอดก็อดเถอะน่ะ อดขณะนี้เวลาฉันลงไปแล้วมันก็อิ่มขึ้นมา มีกำลังทันที แต่กำลังของธรรมขึ้นยากนะ จึงต้องได้พยุงๆ กัน ให้จำทุกคน

การอดอาหารถูกมากสำหรับผู้ปฏิบัติจิตตภาวนา มีสติเป็นสำคัญ สติตั้งได้ด้วยการผ่อนอาหาร ร่างกายไหนก็เถอะเวลากินมากๆ กินมากๆ แล้วความขี้เกียจก็มาก การนอนก็มาก ราคะตัณหามันจะแสดงภายในจิต ไม่ต้องแสดงเป็นลวดลายออกมาภายนอกก็ตาม มันเกิดจากจิต มันแย็บๆ รู้ทันที เราจะฆ่ามันอยู่แล้วพอแย็บๆ มันเป็นเพราะอะไร นั่น ติดตามกันไปแก้กันไป อย่าสักแต่ว่าทำนะ ภาวนาก็สักแต่ว่าภาวนาใช้ไม่ได้ ต้องใช้สติปัญญา ทุกคนๆ ให้ใช้

นักปฏิบัตินี่สำคัญมาก ให้ดูตัวเองอย่าไปดูใครต่อใครมากยิ่งกว่าดูตัวเอง ดูตัวเอง เหตุมันอยู่ที่หัวใจ มหาเหตุกิเลสออกตลอดเวลา ธรรมะไม่มีกำลัง มีแต่กิเลสเหยียบเอาๆ เวลาธรรมะมีกำลังกล้าเพราะความถูไถ ก้าวไม่หยุดๆ แล้วธรรมะก็ค่อยแก่กล้า สติปัญญาดีขึ้นๆ กิเลสค่อยหมอบไปๆ สติปัญญามีกำลังกล้าแล้วฟาดกิเลสขาดสะบั้นลงไปแล้วไม่มีอะไรกวนใจ พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ท่านไม่มีอะไรกวนใจ สิ่งกวนใจคือสมมุติทั้งหมด สมมุตินั้นได้แก่กิเลสเป็นสำคัญ จอมสมมุติก็คือกิเลส ฟาดกิเลสขาดสะบั้นลงไปแล้ว หมดสมมุติโดยประการทั้งปวง จึงไม่มีอะไรรบกวนจิตพระอรหันต์ เป็นสมมุติทั้งมวลสิ่งเหล่านั้นมากวนกันได้ยังไง

กวนได้เฉพาะเรื่องธาตุเรื่องขันธ์ เจ็บไข้ได้ป่วย ปวดหัวตัวร้อน มันก็เป็นไปตามสมมุติของมันที่มันเกี่ยวข้องกันได้ ส่วนจิตตวิมุตตินั้นไม่มีทาง นั่นละพิจารณาให้มันเป็นอย่างนั้นซิ อย่าสักแต่ว่าอยู่ ใครมาศึกษาที่นี่ศึกษาให้ดี อย่ามาเหลาะๆ แหละๆ เก้งๆ ก้างๆ ให้เห็น โห ทุเรศนะ ศาสนาพระพุทธเจ้าไม่ใช่ศาสนาเก้งก้าง ศาสดาองค์เอก พระสงฆ์สาวกเป็น สรณํ คจฺฉามิ ของพวกเรานี้องค์เอกๆ ทั้งนั้น เราอย่ามาเอกตาข้างเดียวนะ เข้าใจไหมเอกตาข้างเดียว ถ้าบอดอีกข้างหนึ่งแล้วหมด เวลานี้ยังพอมองได้อยู่ เรียกว่าตาเอกมีตาข้างเดียว ถ้าอีกข้างนี้บอดแล้วเสร็จเลย เขาเรียกคนตาบอด

แต่เรานิยมกันมากว่าชั้นเอกๆ เอกอะไร เราอยากถาม ไม่ใช่เอกตาข้างเดียวเหรอ ถ้าตาข้างนี้บอดแล้วหมดเลย ให้เอกไม่มีคู่แข่งซิ ความเพียรฟาดให้กิเลสแหลกละเอียดภายในจิตใจแล้วไม่มีคู่แข่ง สิ่งที่แข่งคือกิเลสเท่านั้น กิเลสขาดสะบั้นลงแล้วพระอรหันต์ไม่มีทุกข์ภายในจิตใจ ตั้งแต่วันตรัสรู้ พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ทั้งหลายไม่มีคำว่าทุกข์เข้าไปเสียดแทงใจ เพราะทุกข์เหล่านี้เป็นสมมุติทั้งหมดเกิดจากกิเลส กิเลสม้วนเสื่อลงไปแล้วไม่มีสมมุติใดเข้าไปเกี่ยวข้อง เป็นจิตตวิมุตติ ว่างอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่ายืนเดินนั่งนอน อิริยาบถก็เป็นกิริยาสมมุติ ธรรมชาตินั้นไม่มีอิริยาบถ ท่านว่านิพพานเที่ยง

นี่คุณค่าแห่งการประพฤติปฏิบัติตัว เริ่มตั้งแต่การให้ทาน รักษาศีล ภาวนาเข้าไป เหล่านี้เป็นทางก้าวเดินเพื่อพระนิพพาน ให้พากันยึดหลักไว้ ผู้สอนเหล่านี้คือผู้สิ้นกิเลส ไอ้กิเลสมันคลังกิเลสมันสอนพวกเราเวลานี้ พวกคลังกิเลสมันสอนเราเก่งกว่าผู้สิ้นกิเลสคือศาสดามาสอนเรา มันไม่ยอมเชื่อนะเชื่อศาสดา มันจะไปยอมเชื่อกิเลสนั่นละ อันนั้นก็เข้าท่า อันนี้ก็เข้าท่า มีแต่เข้าท่าทั้งหมดเรื่องกิเลส เอาละพอ ให้พร

หลังจังหัน

ขานี้ยังคู้ไม่สนิทนะ เหยียดสนิทกว่า มันยังเป็นอยู่นี้ มันลดลงเหมือนกัน แต่อันนี้ลดยาก ตรงนี้มันหนักกว่าเพื่อน วันนี้จะประคบเพียงตอนบ่ายหนเดียว เมื่อวานประคบเช้าเย็น วันนี้จะงดตอนเช้าเห็นว่าค่อยเบาลงไปแล้ว จะประคบหนเดียวตอนบ่ายเลย ตอนเช้าจะไปทำประโยชน์ให้โลก สงเคราะห์โลก ห่วงตัวก็ห่วง แต่มันหนักทางโลกมากกว่าตัวเอง ห่วงตัวเองนี้ก็ห่วงไว้เพื่อเอานี้ไปทำประโยชน์ให้โลก ไม่ได้ห่วงเพื่อหึงเพื่อหวงอะไรอย่างนี้ ไม่ห่วงอย่างนั้น ห่วงนี้ก็คือรักษาอันนี้ไว้เพื่อไปทำประโยชน์ให้โลก มันเป็นเครื่องมือ วันนี้จึงจะประคบตอนบ่ายเท่านั้น กะว่าตอนบ่ายสามโมง

ตอนเช้าจะนำอาหารไปให้โรงพยาบาล เป็นอันดับแรกละโรงพยาบาล โรงนั้นโรงนี้ ส่วนที่เขามารับนี้เป็นประจำนะ เมื่อวานนี้ดูว่ามาสองโรง เพราะเปิดทางไว้แล้ว ใครจะมาจากโรงพยาบาลไหนก็มาเราเปิดรับไว้เรียบร้อย ของเอามาไว้เต็มโกดังเลย จัดไว้เฉพาะๆ ให้ถูกต้องเสมอกันหมด เคลื่อนไม่ได้นะ ลงได้สั่งอะไรแล้วเป็นอย่างนั้น มีพระเวรอยู่ ๗ วัน เวรละ ๗ วันรับผิดชอบ องค์อื่นมาก็ปฏิบัติตามหน้าที่เต็มเม็ดเต็มหน่วย บริเวณศาลา โกดัง พระเวรรับผิดชอบทั้งหมดเจ็ดวันๆ มีแขกมีคนเข้ามาอะไรๆ พระเวรต้องคอยต้อนรับ มีเรื่องราวอะไรๆ พระเวรจะพูดกันเรื่องอะไร หากว่าเกี่ยวกับเรา เสร็จเรียบร้อยควรจะเข้าไปหาเราก็ไป

เราเปิดอกเลยเพราะเราจวนจะตายแล้ว ธรรมชาตินี้เป็นมาได้ ๕๖ ปีแล้วเราพูดจริงๆ ค่อยแบ่งไป แบ่งโน้นแบ่งนี้ตามกาลสถานที่เวล่ำเวลา สถานที่ต่างๆ เบิกกว้างออกไปจนออกช่วยชาติ ทีนี้ก็ยังไม่จุใจเพราะชีวิตนี้จะไม่นาน จึงเปิดออกเรื่อยละที่นี่ให้บรรดาพี่น้องทั้งหลายฟังธรรมของพระพุทธเจ้าจากวิทยุ หรือพวกอินเตอร์เน็ตอะไรก็แล้วแต่เถอะ นี้เป็นธรรมทั้งนั้น ฟังได้ทั้งหมดเลย ธรรมนี้เป็นธรรมแน่นอนตายตัว เรายืนยันออกจากหัวอกของเราแล้วว่าแสดงทุกขั้นทุกภูมิแห่งธรรมไม่ผิด ว่างั้นเลย ถ้าผิดเราไม่ได้รับธรรมอันนี้มาสอนโลก ถ้าผิดคือเราปฏิบัติผิด ผลเหล่านี้จะไม่มี

นี่ผลปรากฏเต็มหัวใจมาได้ ๕๖ ปีนี้ เปิดมันจวนจะตายแล้วเดี๋ยวนี้ มันจ้าตลอดเลยได้ ๕๖ ปี คำว่าทุกข์แม้เม็ดหินเม็ดทรายไม่เคยมีเลย ตั้งแต่กิเลสตัวสร้างทุกข์ขาดสะบั้นลงไปจากใจเป็นบรมสุขขึ้นทันทีทันใด นิพพานเที่ยงอยู่ในหัวใจดวงนั้น ไม่ไปถามใคร พระพุทธเจ้าก็ไม่ถาม ถามท่านหาอะไร เราอยู่ในท่ามกลางมหาสมุทร แล้วถามหาน้ำมหาสมุทรที่ไหน อยู่ในท่ามกลางแห่งธรรมธาตุ พระพุทธเจ้าสาวกทั้งหลายเป็นแบบเดียวกันหมดแล้วถามหากันอะไร พูดอย่างนี้เอง จวนจะตายแล้วนี่ เราสงเคราะห์โลกเราปฏิบัติต่อโลกเราปฏิบัติทุกแบบ กิริยาภายนอกทางธาตุทางขันธ์เราก็ทำ แต่เราไม่เคยมีโทษแทรกในการปฏิบัติต่อสมมุติทั้งหลาย เราพูดชัดเจนเลย

กิริยาอาการที่ปฏิบัติระหว่างขันธ์ต่อขันธ์เกี่ยวข้องกันนี้ เราปฏิบัติให้เป็นคุณแก่ผู้มาเกี่ยวข้อง ทางด้านธรรมะก็ออกเป็นอย่างนั้น เราจึงว่าคบค้าสมาคมกับใครเราพูดร้อยเปอร์เซ็นต์เลยว่า ไม่มีโทษเข้าไปเจือปนจากการคบค้าสมาคมสมัครสมานของเรา เพราะธรรมชาตินี้หมดโดยสิ้นเชิงแล้วคำว่าโทษไม่มี กิริยาอาการแสดงอะไรออกมาออกมาจากคุณนี้ทั้งนั้นๆ ไม่ว่าจะพูดจาท่าทีธรรมดาสำนวนไพเราะอ่อนหวานอะไร หรือโฮกฮากโปกปากตีโน้นตีนี้ก็ตาม ก็เป็นธรรมอันเดียวกัน เป็นคุณเหมือนกันหมด เพราะโทษไม่มีแล้วมันจะออกมาจากไหน มีแต่คุณล้วนๆ

ทางพังงาก็ท่านคลาดเป็นลูกศิษย์ของวัดนี้ ท่านคลาดเป็นพระวัดป่าบ้านตาดออกจากนี้ก็ไปอยู่นั้น ลูกศิษย์ทางภาคใต้ก็ยังเหลืออยู่ท่านคลาดองค์เดียว นอกนั้นอุปัชฌาย์มันเอาไปกินหมดเลย พวกนี้บวชกินเลยเข้าใจไหมอุปัชฌาย์ ยังเหลือท่านคลาดองค์เดียว เราก็ไม่แน่ใจให้บอกท่านคลาด ระวังนะท่านคลาดยังเหลือองค์เดียวนะว่างั้น เดี๋ยวอุปัชฌาย์เอาไปกินนะให้ว่างั้น ท่านคลาดจะเข้าใจเองอุปัชฌาย์ มันเก่งนะอุปัชฌาย์นี่ปั๊บเลยเทียว ไอ้เราก็เก่งหัวสอดออกไปมันก็ฟาดเอาซิ คอขาดไปเลย จะว่าใครเก่ง มันเก่งทั้งคู่ละ ออกจากนี้ท่านก็ไปอยู่ที่นั่นสร้างวัด ทางภาคใต้มีลูกศิษย์ที่คงเส้นคงวาหนาแน่นอยู่ก็คือท่านคลาด

มีเยอะนะลูกศิษย์ทางภาคใต้ อุปัชฌาย์เอาไปกินหมดเลย ภาคอื่นก็กินเหมือนกัน แต่เมื่อพูดถึงเรื่องภาคใต้เราก็ซัดภาคใต้ละซิเข้าใจไหม พูดภาคไหนก็ซัดภาคนั้น ลูกศิษย์ของเรามันเต็มทุกภาคนี่ ไปไหนกันหมดก็ไม่รู้ คงอุปัชฌาย์เอาไปกินหมด บวชแล้วไม่ยอมให้สึกนะพวกนี้ พวกนี้บวชแล้วตายเลย เขียนใบตายให้เลยไม่มีสึก เข้าใจไหม ถ้าลงมันได้บวชแล้วไม่มีคำว่าสึก ตายเลย มีท่านคลาดองค์เดียวอยู่นั้น เราไปนั้นเราก็ไม่ได้ขึ้นไปนะ ฟังว่าท่านคลาดอยู่ภูเขาหรืออะไร เราไปพักที่พังงา วัดอะไรคืนหนึ่ง จากนั้นก็ไปภูเก็ต ไปพักค้างที่ภูเก็ตคืนเดียวอีกเหมือนกัน คือเรามีเวลาน้อย ไปอาทิตย์หนึ่งพักที่นั่นที่นี่ นอกนั้นไปในงานต่างๆ นั้นยิ่งผูกมัด ถูกผูกถูกมัดไปตามสถานที่เวล่ำเวลาไม่เคลื่อนไม่คลาดละ

ดังที่ไปในงาน เขาเรียกเขากงหรืออะไร งานเขากงเราก็เคยไป อันนี้ก็อดคิดไม่ได้ คือเขาจะนิมนต์ตั้งแต่พระองค์ที่มีชื่อเสียงๆ ลงไปในงานนี้ กระทรวงมหาดไทยเป็นผู้นิมนต์ให้ไป เราก็ถูกนิมนต์เราก็ไป ไปที่งานเขากง เรานึกว่าจะไม่มีลูกศิษย์นะไปงานเขากง เขาทำเป็นปะรำยาวๆ เป็นห้องๆ ห้องครูบาอาจารย์นั้นอยู่จังหวัดนั้น อาจารย์นั้นจังหวัดนั้นๆ เรื่อย ทีนี้เขาผ่านมาเขามาเจอเอาอาจารย์มหาบัว จังหวัดอุดรธานี เขาไปเคาะป๊อกๆ เราปิดประตูไว้นี่ใครจะเปิดไม่ได้ ไม่สนใจกับใคร เคาะป๊อกๆ เราก็แย้มประตู มา พอว่าแล้วก็รุมเข้ามาเลยมาเต็มอยู่นั้นน่ะ มีคนเดียวเป็นนายหน้าเคาะป๊อกๆ พอเราเปิดประตูมานี้รุมเลยนะ โห มันจากไหนๆ

ลูกศิษย์ทางภาคใต้มีไม่น้อยนะ จึงได้รู้เวลาเราไปนั้น รุมมาพวกหมอพวกอะไร โอ๊ย เยอะวงราชการมา ก็ได้คุยกันตรงนั้น พอเสร็จแล้วก็มาพักเขาเรียกวัดประชาภิรมย์ นี้เป็นเหตุที่ควรจะพูดเราก็เลยเอามาพูด ไปพักวัดประชาภิรมย์ นราธิวาส เขากง นราธิวาสใช่ไหม (ค่ะ) นั่นละเราไปพักอยู่วัดประชาภิรมย์ ครูบาอาจารย์ทั้งหลายก็พักเป็นห้องๆ เขาจัดให้ พอตื่นเช้านี้คณะครูเขาคงจัดวาระให้กัน องค์นั้นจัดสำรับมา สำรับๆ มา ห้องนั้นๆ ห้องนั้นครบหมดในบรรดาอาจารย์ทั้งหลายที่เขานิมนต์มา ห้องของเราก็มี เขาก็เอามาวางไว้เก้าอี้ยาวๆ เจ้าของเขาก็รออยู่ข้างนอก เราอยู่ในห้อง

พระทั้งหลายพอเขาจัดถวายท่านก็ฉันไปเรื่อยๆ เราก็บอกเขานี่จะไปบิณฑบาต เขาบอกจัดอาหารมาเรียบร้อยแล้ว เรียบร้อยก็ตามเราจะไปบิณฑบาตเสียก่อน เราก็ไป ไปองค์เดียวเรานั้นละ มันมีข้อแปลกๆ อยู่อันหนึ่งนะ ทำให้อดคิดไม่ได้ เราก็เดินไป พอออกจากวัดประชาภิรมย์จะเข้าตลาด แต่ไม่ได้เข้าลึกแหละไปนิดหน่อย คนนี้เป็น ต.ม. ที่นราธิวาส พอรู้จักกันแล้วเขาก็เล่าให้ฟัง เมื่อคืนนี้ไม่ทราบเป็นยังไง ทุกอย่างมอบให้ลูกสาวทั้งหมดใส่บาตรเป็นประจำทุกเช้าๆ เราก็เลยเป็นอันว่าหมดกังวลไม่ได้สนใจอะไร มอบให้ลูกสาวเรียบร้อยแล้ว เขาใส่บาตรเป็นประจำ

แต่เมื่อคืนนี้เป็นยังไงไม่ทราบ มันเป็นอยู่ในจิตนี้ละ มันหมุนอยู่ในจิตอยากใส่บาตรเป็นกำลัง เลยมาบอกลูกสาว นี่น่ะวันพรุ่งนี้เช้าถึงเวลาใส่บาตรให้บอกพ่อนะ พ่ออยากใส่บาตรเหลือประมาณ ให้พ่อได้ลงใส่บาตรสักหน่อยวันพรุ่งนี้เช้า พอถึงเวลาลูกสาวเขาก็มาบอกก็มายืนอยู่นั้น เราก็เดินมาคนเดียวนั่นแหละ นี่เขากระซิบลูกสาวเขา นี่เขาเล่าให้ฟังนะเขาเองเล่า ชื่อวีระ เขาเกษียณไปแล้วละ นานแล้วนี่นะ นี่ลูก พระองค์นี้ไม่ใช่พระแถวนี้นะ ดูซิเดินมานั่น เลยอดพูดไม่ได้ว่า ดูซิเดินสง่าราศีมาก ดูกิริยามารยาทการเดินมานี้แหมสง่าราศีมาก ดูนะลูกๆ อยู่งั้น

พอใกล้เข้ามาๆ ปุ๊บปั๊บเตรียมท่าทั้งพ่อทั้งลูก ม้ายาวไม่เอาละจับยกขึ้นมาเลย ออกรับข้างนอกเลย พอตักใส่บาตรทัพพีหนึ่งเราก็ยังไม่ว่าอะไร พอตักแล้วปั๊บเขาขยับเรื่อย ทัพพีที่สองเรารับแล้วเราก็ขยับออก เดี๋ยวๆ ขอใส่อีก โอ๊ย ขอให้พระทั้งหลายท่านมาบิณฑบาตได้รับไปทั่วหน้ากันเราว่างั้น แล้วท่านอาจารย์มาจากวัดไหนขึ้นเลยนะ มาจากวัดประชาภิรมย์ แล้วเดิมท่านอยู่ที่ไหน อยู่อุดร หือ ไม่ใช่อาจารย์มหาบัวหรือ ใช่ เราบอก โอ๋ ทีนี้ทุ่มหมดเลย ของในถาดหมดเลย จนกระทั่งเต็มบาตร เอาถาดมาอีก เทใส่ถาดนี้แล้วเอาของใส่อีก เอาใหญ่เลยนะ ผึงผังปึงปัง เราก็นึกว่าเรียบร้อยแล้ว ก็รับมากแล้วนี่เราจะไปบ้านหนึ่งเขารออยู่นั้น สองบ้านเท่านั้นแหละ เขารออยู่นั้นเราก็จะไปรับนี้แล้วจะกลับมา

นึกว่าเขาเรียบร้อยแล้วเขาไม่แล้วนะ พอใส่บาตรเสร็จแล้วเขาวิ่งไปร้านข้าวแกงหรืออะไร ไปเหมานั้นอีก พ่อกับลูก ลูกสาวเขาวิ่งไปนู่น พอเรารับนั้นนิดหน่อยแล้ว รุมกันมา นั่งรถมากับลูก ไม่ใช่เพียงลูกสาวคนเดียว หมดครัวเรือนเลยมาที่นี่ รถคันนั้นเต็มหมด แล้วมาจอดรถขอใส่บาตรอีก อ้าว ก็ใส่ที่บ้านนั้นแล้ว ยังไม่จุใจขอใส่อีก ฟาดนี้หมดเลย ทั้งครอบครัวใส่หมดเลย เขาไปเอาร้านข้าวแกงใกล้ๆ กันนั่นละ มาแล้วเขาก็ตามส่งไปถึงวัด ตั้งแต่บัดนั้น ต.ม.คนนี้ไม่ไปไหนเลย เฝ้าอยู่นั้นตลอด กลางวันก็อยู่ข้างนอก แล้วทำไม่ไม่ไปทำงานล่ะ ผมมีลูกน้องอยู่แล้วไปสั่งงานเท่านั้นผมก็มา ทีนี้รถปวารณาไว้เลยท่านอยากไปไหนๆ ไป เขาเองเฝ้าอยู่นั้นเลยตลอด

เขาเล่าถึงเรื่องว่า เขาย้ายมาทางหนองคาย หนองคายแล้วไปอุบล จากอุบลไปทางจันทบุรี ฟาดลงทางภาคใต้ดูว่างั้นนะ คือเขามาที่นั่นจะมาเยี่ยมเรา ตอนนั้นรถยนต์ทางไม่ค่อยดีมาไม่ได้ ถ้าเป็นหน้าแล้งก็รถติดทราย ถ้าเป็นหน้าฝนก็รถติดโคลนมาไม่ได้ แล้วย้ายไปโน้นห่างไปๆ มุ่งหน้าจะมากราบท่านเมื่อไรไม่สมหวังๆ จนกระทั่งฟาดลงทางภาคใต้ โอ๊ย หมดแล้วเรา ดวงชะตาเราไม่มีเหลือแล้วจะได้กราบอาจารย์องค์นี้ อยู่ๆ ก็มาพบแกว่างั้น เพราะฉะนั้นถึงได้ดีใจเอาเหลือกำลัง มันบันดลบันดาลตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว แต่ก่อนก็ธรรมดาปล่อยให้ลูกสาวเขาทำงานแทน เราก็ทอดธุระ แต่เมื่อคืนนี้มันเป็นยังไงไม่ทราบ มันเป็นอยู่ในหัวใจอยากใส่บาตรเป็นกำลังว่างั้น จึงได้พาลูกมาใส่บาตรได้มาเจอท่านนี่แหละ นั่นละเรื่องราวมัน

ตั้งแต่นั้นมาติดตามเลยนะ ไปไหนไปเฝ้าตลอด ให้พาไปเที่ยวทางโน้น ทางโน้นดีอย่างนั้นอย่างนี้ชวนเรา เราก็ไปโดยมารยาทเอาใจเขาบ้างอะไรบ้าง ความจริงของเรามันขี้เกียจ ไปไหนก็บ้านคนตื่นหาอะไร ทีนี้เขาก็ยังตื่นอยู่เราก็ต้องตื่นกับเขาเข้าใจไหม ก็ไปเสีย พาเที่ยวไปหมดนั่นละ จังหวัดนราธิวาสไปหมดเลย ทางนี้เฝ้าตลอด เขาบอกเขาสมหวัง เขาหมดหวังแล้ว ย้ายมาถึงที่นี่แล้วหมดหวัง เพราะมีความเคารพเลื่อมใสท่านมากมาเป็นเวลานานแล้ว แต่มาทีไรมีแต่อุปสรรค จนย้ายมาถึงภาคใต้นี้หมดหวังแล้วว่างั้น อยู่ๆ ท่านก็โผล่มาจะไม่ดีใจยังไง

ที่บทสุดท้ายนะ ได้เห็นผู้ชายนั่งก้มหน้าน้ำตาร่วงเวลารถจะเคลื่อนที่ คือเราไปพักอยู่ที่วัดประชาภิรมย์ เขาถวายสิ่งของมามากมายนะ กระทรวงมหาดไทยถวายแต่ละองค์ๆ กองพะเนินๆ ส่วนนอกนั้นท่านจะทำไงก็แล้วแต่ แต่เรื่องของเราพอมานี้ก็ให้ถามพระในวัดนี้มีกี่คณะเราบอก มีเท่านั้นคณะๆ เอาจัดของนี้ทั้งหมดให้ไปคณะนั้นๆ ให้ครบหมดเลยทุกอย่าง พอเสร็จแล้วก็ให้ไปมอบนั้น อ้าว ท่านอาจารย์ไม่เอาหรือ เอาแล้วเราว่า เอาบุญเอากุศลเป็นของเราแล้วเราค่อยให้ทีหลังเราว่างั้น เราเอาแล้วเราเอาก่อนนี้แล้วได้แล้วเราเลยแจก แล้วท่านไม่เอาอะไรหรือ ก็เอาหมดแล้วให้หมดแล้วจะว่าไงอีก พอเสร็จแล้วเตรียมของขึ้นรถ โอ๊ย นั่งก้มหน้าร้องไห้เลยเชียวนะ ชื่อวีระ

แกก็เลยเล่าถึงเรื่องความหลังของแก ที่ได้มุ่งอยากจะกราบท่านอาจารย์มานานแสนนานไม่สมหวังๆ อยู่ๆ ก็มาเจอเอาตรงนี้ เมื่อคืนมันบันดลบันดาลอะไรอยากใส่บาตรเป็นกำลัง ถึงขนาดได้มาบอกลูกสาว จึงได้มาพบ ติดตามตลอดเลยไม่ยอมหนี บอกให้ไปทำงาน โอ๊ย ผมมีลูกน้อง ไปสั่งงานเท่านั้นผมก็ไปของผมได้เลยตลอด บทเวลาเราจะลามานี้กับของที่เราให้แจกทานหมดนี้เลยไม่เอาอะไร แล้วน้ำตาร่วงเลย รถจะเคลื่อนที่นี้ โอ๋ย นั่งน้ำตาร่วงเลย สงสารนะ นี่ละที่ไปนราธิวาสก็ไปงานคราวนี้ละ ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่ได้ไปอีกเลย มาก็มาขึ้นเครื่องบิน ดูขึ้นเครื่องบินปัตตานีหรืออะไร จากนั้นมาปัตตานีดูมาขึ้นเครื่องบินกลับเข้ากรุงเทพ ปัตตานีมีสนามมิใช่เหรอ (มีค่ะ) นั่นละดูว่ามาจากนราธิวาสก็มาขึ้นเครื่องบินกลับมาเลย

เราไม่ค่อยได้มีเวลาไปเยี่ยมพี่น้องทางภาคใต้นะ เพราะงานรัดตัวๆ คิดดูตั้งแต่ทีแรกที่ออกช่วยชาตินั่นกำหนดไว้หมดแล้ว กำหนดที่จะไปทุกภาค สุดท้ายกำลังไม่อำนวย เลยภาคใต้ซึ่งเป็นภาคใหญ่ที่จะต้องใช้กำลังมากมาย มันก็ไปไม่ได้กำลังไม่อำนวย จึงไม่ได้ไปเทศนาว่าการสอนประชาชน นำชาติคราวนั้นจึงไม่ได้ไปนะเพราะธาตุขันธ์ไม่อำนวย ก็ไปเท่านั้นละภาคใต้ ก็คงจะเท่านั้นละแก่แล้วจะไปอะไรอีก หมดกำลังแล้วนี่ กำลังลดลงทุกวันๆ แต่ภาระหนักขึ้นทุกวัน หนักมาก นี่ก็ขึ้นอยู่กับความเมตตาอีก ถ้าความเมตตาตัดเข้ามาเสียเรื่องภาระทั้งหลายมากตัดออกได้หมดเลย ทีนี้ความเมตตามันตัดไม่ได้มันไม่ได้ตัด เข้าใจไหม มันก็รุมอยู่อย่างนั้นจะว่าไง

วันนี้กะว่าจะกลับมาจากนู่นละ ไปทำธุระสงเคราะห์โลกก่อน กลับมาก็ประมาณบ่ายสามโมงถึงจะประคบยาอีกเห็นว่าถูก ถูกอยู่ แต่ไม่ประคบตอนเช้าจะประคบตอนเย็น เอาหนักๆ ทีเดียวเลย จากนั้นก็เลิกเห็นว่ามันดีแล้ว ขาพิลึกพิลั่น วันก่อนนี้แหม มันเหมือนถูกทุบถูกตีหมด กระดูกทุกท่อนที่ต่อกันๆ เจ็บปวดหมดเลย แม้ที่สุดคอเหล่านี้เป็นหมด กระดูกต่อกันตรงไหนเป็นหมดในร่างกาย เราก็งงเหมือนกัน เอ๊ะ มันทำไมจึงเป็นอย่างนี้ วันนั้นก็ให้พระท่านมาประคบหรืออะไร เอากันเต็มเหนี่ยว เวลาประคบอยู่นั้นมันก็หนาว หนาวธรรมดาก็ว่าเป็นไข้ นี้มันไม่เห็นปรากฏเป็นไข้ แต่มันหนาว ให้เอาผ้าห่มใหญ่มาห่มเลยนะ พระก็ประคบอยู่ตามนั้น

เขาบอกว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ แต่เราไม่เห็นเป็นลักษณะว่าไข้ว่าอะไร แต่มันชัดเจนที่ว่ามันหนาวมาก ต้องเอาผ้าห่มมาห่มประคบยา คืนนั้นทั้งคืนนอนแน่วตลอดรุ่งเลย ลุกไม่ขึ้น แล้วก็มาประคบยา เราลืมเสียว่าประคบยาหรือยังไม่ประคบยาที่นอนกลางคืนนอนแน่วเลย ลุกไม่ขึ้นเลย เมื่อวานนี้ค่อยเบา ประคบสองหน วันนี้จะประคบหนเดียว กะว่าตอนเช้าฉันเสร็จแล้วเราจะไปสงเคราะห์โลกก่อน ตอนกลับมาบ่ายสามโมงถึงจะประคบยาอีก คราวนี้ก็เลิกละ คิดว่าจะหาย วันนี้มีเท่านั้นละ

 

รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร

FM 103.25 MHz

 


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก