เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๒๓ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๙
ตามสังหารกิเลส
ก่อนจังหัน
ตั้งแต่มาเมื่อวานตั้งแต่บ่ายสามโมงมา เหมือนถูกทุบถูกตีหมด กระดูกกระเดี้ยวอะไรนี้ปวดเจ็บขัดหมดตัวเลย ตอนบ่ายสามโมงหนักมาก จากนั้นมากลางคืนออกเดินจงกรมไม่ได้ ขาก้าวไม่ออก ตลอดรุ่งเดินจงกรมไม่ได้เลย มานี่เกือบจะพูดได้ว่าคลานมา แต่ไม่คลาน เดินมา วันนี้ขาจนจะก้าวไม่ออก ไม่ทราบเป็นยังไง ถ้าธรรมดาไม่ฉัน ไม่ลง แต่นี่ยั้วเยี้ยๆ อย่างนั้นแหละทุกข์อะไรทรมานอะไรก็ต้องได้ทนเอา ลำพังเราง่ายนิดเดียว มันเคยง่ายมาแล้ว ง่ายนิดเดียว ไม่สะดวกไม่ฉันเท่านั้นพอ กี่วันก็เคยมาแล้วนี่ ไม่ได้เป็นกังวลกับเรื่องอาหารการกิน นี่ละเรื่องการปฏิบัติธรรม เมื่อจิตใจมุ่งต่อธรรมแล้ว อะไรเล็กน้อยไปหมด อยากอยู่กับธรรม พุ่งๆ เลย
ขอให้ธรรมสะดวกเท่านั้นพอ นอกนั้นอะไรไม่สำคัญๆ ให้ธรรมสะดวกๆ ผู้มุ่งมั่นต่อธรรมจึงไม่มีอะไรมากีดขวางได้เลย พุ่งๆ ตลอด อยู่กินอะไรๆ ไม่ได้มีอะไรเป็นอุปสรรคทั้งนั้น เพราะจิตมุ่งต่อธรรม พุ่งๆ ได้มาเห็นอาหารวัดป่าบ้านตาดกับสวนแสงธรรม พิลึกจริงๆ นะ ก็เราเที่ยวทั่วประเทศไทย เห็นหมดแล้ว วัดใหญ่วัดน้อยวัดราษฎร์วัดหลวงเราไปหมดทั่วแดนไทย ไปเที่ยวหมด เวลาสุดท้ายก็มาเจอเอาที่วัดป่าบ้านตาดกับสวนแสงธรรม อาหารพิลึกนะ นอกนั้นไปหมดแล้ว
จึงได้เตือนพระ แต่พระท่านก็รู้ของท่านเอง เตือน ใครไม่ระวังเห็นแก่ลิ้นแก่ปากกินแล้วตายนะเราว่า ต้องเอาหนักๆ ซิ กิเลสหนักธรรมะต้องใส่หนักๆ ใครลืมเนื้อลืมตัวตะกละตะกลามตายนะ ว่างั้น เข้ากันได้ใช่ไหมล่ะ ต้องเด็ดๆ ใส่กันละ นี่ภาษาธรรม ทางนั้นหนักทางนี้หนัก ทางนั้นหนักทางนี้เบาไม่ได้ไม่ทันกัน ต้องเอาอย่างหนักเลยเทียว
พระ ๓๑ องค์ วันนี้จะประคบยาสักหน่อย ลองดู มันจะไปไม่ได้เลย เมื่อคืนนี้เดินไม่ได้เลยจากนี้ไปนี้ ไม่ทราบเป็นยังไงค่อยหนักเข้าๆ มาหนักเอาเมื่อวานตอนบ่ายสามโมง มาถึงเมื่อคืนนี้เรียกว่าลงเดินไม่ได้เลย นอนแน่ว ตอนเช้าก็ไม่ออก จนจะถึงเวลาถึงออกมา ถ้าธรรมดาแล้วไม่ออกไม่ฉัน แต่นี้ก็ยั้วเยี้ยๆ จำเป็นต้องได้มา
เราจะเป็นจะตายก็เป็นเฉพาะสังขารร่างกาย แต่จิตใจเราห่วงเพื่อนฝูง ประชาชน พระเณรที่มาเกี่ยวข้องอยู่มากตลอดเวลาไม่เคยลดละ ความเมตตาสงสาร ความห่วงใย เพราะธรรมนี่เรียกว่าเลิศสุดยอดแล้ว อยากให้เห็นธรรมชาตินั้นที่ว่าสุดยอดๆ ไอ้พวกที่โลกทั้งหลายหมุนเป็นบ้ากันนี่ หมุนกับมูตรกับคูถ พูดให้มันชัดเจน เล่นกับมูตรกับคูถ ปีนป่ายอยู่กับมูตรกับคูถ พลิกไปพลิกมา อันนั้นดีอันนี้ดี พลิกไปไหนก็มีแต่กองมูตรกองคูถทั้งนั้น มันก็ว่าดี หนอนมันเป็นอย่างนั้นเข้าใจไหม ไม่ใช่หนอนดูไม่ได้ พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ท่านไม่ใช่หนอนท่านดูไม่ได้เลย พวกเราพวกหนอนตะกละตะกลามลุกลี้ลุกลนกับพวกมูตรพวกคูถ พูดแล้วสลดสังเวช
นี่เขาจะว่าดูถูกนะ พูดนี้เพื่อฉุดให้รู้ตัวต่างหาก เข้าใจไหม อย่าพากันมัวเมาเกินไปมันจะจม ไม่มีหลักมีเกณฑ์..จม บอกงั้นละ ต้องเอาธรรมเป็นเครื่องยึด อะไรยึดไม่ได้ ต้องธรรมเท่านั้นเป็นเครื่องยึด ถ้าไม่มีธรรมจมได้ทั้งนั้น เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องดึงลงๆ ให้สัตว์ล่มจมด้วยความหลอกลวงต้มตุ๋นของมันที่เราไม่รู้ตัวนั่นแหละ ธรรมจึงต้องกระตุกเรื่อยๆ ไม่เช่นนั้นจะจมได้จริงๆ
พระเณรอย่าสนใจกับอะไรนะ เรื่องการงานอะไรเราไม่ให้มี การงานในวัดนี้ไม่ให้มีแต่ไหนแต่ไรมา หลักใหญ่อยู่กับจิตตภาวนา การเดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนา สำรวมระวังตน สติกับตัวติดกันไปเรื่อยๆ นี้คืองานของพระผู้ปฏิบัติเพื่อมรรคผลนิพพานตามทางของศาสดา อย่าเซ่อๆ ซ่าๆ เงอะๆ งะๆ มองเห็นนี้มันรู้แล้วนะ มองดูพระดูเณรมีสติหรือไม่มีสติมันบอกในตัว ต้องเอาหูหนวกตาบอดดูเอาฟังเอาไม่งั้นไม่ได้ นานๆ มาเตือนสักทีหนึ่ง
เรื่องกิเลสแหลมคมมากนะไม่ใช่เล่นๆ ไม่ใช่ธรรมตามไม่ทัน ขอให้พากันตั้งอกตั้งใจปฏิบัติ วัดนี้ผมเปิดโอกาสให้ตลอดมาการประกอบความพากเพียร ไม่เคยลดหย่อนผ่อนผัน ไม่อนุโลมกับใครเรื่องภาวนานี่ อย่างนี้ตลอด หากว่ามีกิจการงานเล็กๆ น้อยๆ อะไรก็มาช่วยกันทำชั่วขณะ ให้รู้ตัวว่านี้ออกพรากจากงานสำคัญไปชั่วขณะๆ พอเสร็จแล้วหมุนกลับเข้ามาๆ ดูตัวภัยคือกิเลสมันอยู่ภายในใจนั่น ภัยไม่อยู่ที่ไหน ให้ดูหัวใจของท่านทั้งหลายเอง
ความคิดความปรุงยุ่งเหยิงวุ่นวายออกจากอวิชชา คลังใหญ่แห่งความวุ่นวาย แห่งกองทุกข์มหันตทุกข์อยู่ที่อวิชชา ออกจากนั้น ไสออกไปๆ ให้คิดให้ปรุงให้อยากรู้อยากเห็น อยากนั้นอยากนี้อยากตลอดเวลา โลกไม่มีความอิ่มพอ โลกกิเลสหาความอิ่มพอไม่ได้ เต็มไปด้วยความอยาก คนมีก็ทุกข์ คนจนก็ทุกข์ ทุกข์ไปด้วยความอยากความหิวโหย ความไม่พอ ต่างคนต่างดีดต่างดิ้น คือกิเลสไม่มีคำว่าพอ ถ้าเรื่องธรรมนี้พอเป็นระยะๆ จนกระทั่งพอเสร็จเรียบร้อยแล้ว ดังที่ท่านบำเพ็ญเพียรถึงจุดหมายปลายทางแล้วประกาศป้างออกมาว่า วุสิตํ พฺรหฺมจรยํ กตํ กรณียํ เสร็จแล้วงาน พรหมจรรย์ได้อยู่จบแล้ว คือการประพฤติพรหมจรรย์ รบกับข้าศึกสงครามคือกิเลสนี้ได้สิ้นสุดลงไปแล้ว
กิจที่ควรจะทำก็คือการแก้กิเลส ได้แก้แล้ว สิ่งอื่นที่จะทำให้ยิ่งกว่านี้ไม่มี นั่นละพอถึงนี้แล้วปั๊บหายหมด พอ ไม่มีอะไรอีกแล้ว บรมสุขอยู่กับพอหมดเลย มหันตทุกข์อยู่กับความหิวโหย ความไม่พอ นี่ละกิเลสกับธรรมต่างกัน กิเลสไม่พอๆ ตายไปด้วยความไม่พอ โลกทั้งโลกตายไปด้วยความหิวโหยโรยแรงทั้งนั้น ธรรมมีมากภายในใจขนาดไหนๆ แล้วพอๆ ๆ จนกระทั่งถึงวิมุตติหลุดพ้น พอตลอด นี่ละที่ว่าธรรมเลิศๆ พระพุทธเจ้าจึงทรงท้อพระทัยที่จะสอนสัตว์โลก คือประหนึ่งว่ามันเข้ากันไม่ได้เลย แต่พระองค์ก็จับดึงเข้ามาๆ ด้วยความเมตตาสงสาร
เราทั้งหลายให้พากันพิจารณาให้ดีนะ โถ เวลานี้อำนาจของกิเลสมันคลื่นใหญ่มาก มองไปไหนไม่เห็นนะธรรม มีแต่กิเลสทั้งนั้นเต็มบ้านเต็มเมืองเต็มสัตว์เต็มบุคคล ต่างคนต่างส่งเสริม ที่จะต่างคนต่างตัดทอนมันลงทำลายมันนี้ดูไม่ค่อยเห็นมี มีแต่ส่งเสริมโดยเจ้าของไม่รู้ตัวนะ มันหากเป็นธรรมชาติของมันหมุนตัวของมันไปเอง กิเลสพาสัตว์หมุนเพื่อกองทุกข์ทั้งหลายนั้นแหละ แต่ธรรมหมุนออกๆ
เราจึงเคยพูด แต่ก่อนก็ไม่เคยเป็น ในหัวใจไม่เคยมีไม่เคยเป็นมันก็ไม่รู้ ว่ากิเลสทำงานบนหัวใจสัตว์เพื่อผลประโยชน์ของมัน แต่ให้ความทุกข์ความทรมานแก่สัตว์โลกนี้ มันทำงานโดยอัตโนมัติ เราก็ไม่เคยคิดแต่ก่อน คือมันทำของมัน พอตื่นนอน มนุษย์เรานี้ตื่นนอนทำงานแล้ว งานของกิเลสทั้งนั้นๆ คิดปรุงเรื่องนั้นเรื่องนี้ยุ่งเหยิงวุ่นวาย มีแต่งานของกิเลส งานของอรรถของธรรมไม่มี ท่านจึงว่างานกิเลสทำบนหัวใจสัตว์นี้เป็นอัตโนมัติ สัตว์โลกทั่วไปหมดกิเลสทำงานบนหัวใจเป็นอัตโนมัติ ไม่ต้องบอกมันเป็นของมันเอง อย่างนี้เราก็ไม่เคยคิดแต่ก่อน เพราะไม่เคยรู้เคยเห็น
ตอนเวลามาภาวนาเข้าไปๆ ตั้งแต่ล้มลุกคลุกคลานในการภาวนานั้นแหละ ถูไถกันไปๆ นั่งบนภูเขาน้ำตาร่วงสู้กิเลสไม่ได้ เราไม่ลืมนะ หือ มึงเอากูขนาดนี้เทียวหรือ ถึงกูมึงนะ เคียดแค้นมากตั้งสติไม่อยู่เลย ตั้งพับล้มผล็อยๆ หือ มึงเอากูขนาดนี้เทียวหรือ กูตั้งใจมาประกอบความพากเพียร มันความเพียรยังไงอย่างนี้ มันมีแต่เรื่องของกิเลส เอาละยังไงมึงต้องพัง ตัดสินกันลง ให้กูถอยกูไม่ถอย มึงต้องพังวันหนึ่ง เคียดแค้นให้กิเลสเป็นธรรม เคียดแค้นให้สัตว์บุคคลใดก็ตามเป็นกิเลสทั้งนั้น แต่เคียดแค้นให้กิเลสที่เป็นภัยต่อตัวเองนี้เป็นธรรม เพื่อจะแก้จะถอดจะถอนทำลายมันเป็นธรรม จับไว้นะนั่น
แต่เวลาก้าวเข้าสู่ความเป็นอัตโนมัติมันก็เป็นในหัวใจ เอามาพูดให้พี่น้องทั้งหลายฟังโกหกที่ไหนว่ะ เวลาความเพียรกล้าเข้าไปโดยลำดับๆ ทีนี้ความเพียรนี้เป็นอัตโนมัตินะ ฆ่ากิเลสเป็นอัตโนมัติแล้วที่นี่ ไม่ว่าจะยืนจะเดินจะหลับจะนอน เว้นแต่หลับเท่านั้น งานของธรรมตามสังหารกิเลส งานแก้กิเลสเป็นอัตโนมัติตลอดตั้งแต่ตื่นนอนถึงหลับๆ แม้ที่สุดเราฉันจังหันอย่างนี้ เคี้ยวไปจิตไม่ได้อยู่กับอาหารนะ มันอยู่กับกิเลสกับธรรม มันฟัดกันอยู่ลึกๆ นั่งอยู่นี้อะไรๆ มันก็เป็นของมัน นี่ถึงกาลมันทำงานเพื่อความพ้นทุกข์ เป็นอัตโนมัติเพื่อความพ้นทุกข์โดยถ่ายเดียว หมุนติ้วๆ ไม่มีหยุด ความเห็นภัยของกิเลสนี้เต็มหัวใจ และความเห็นคุณที่จะหลุดพ้นไปเสียก็เต็มหัวใจ เมื่อต่างอันต่างเต็มแล้วมันต้องเอากันอย่างหนัก ไม่มีใครหย่อนใครละ
กิเลสหมอบลงๆ ธรรมะหนักเข้าไปๆ สุดท้ายขาดสะบั้นลงปึ๋ง งานหมดไม่มีเหลือเลย นั่นละพระพุทธเจ้า พระอรหันต์จึงไม่มีงานถอดถอนกิเลส ตั้งแต่วันตรัสรู้ถึงนิพพาน เป็นนิพพานเที่ยงไปเลย นี่เรียกว่าธรรมทำงานโดยอัตโนมัติบนหัวใจของผู้มีความเพียร เหมือนกับกิเลสมันทำงานบนหัวใจสัตว์ อันนี้เราก็ไม่เคยรู้แต่ก่อน เวลามันมาเป็นในหัวใจเจ้าของมันเป็นทั้งวันทั้งคืน ไม่ได้หลับได้นอน บังคับให้หลับ กลางคืนก็บังคับให้หลับ ไม่งั้นมันหมุนของมันตลอด มันดูดมันดื่มที่จะหลุดพ้นจากทุกข์ จนกระทั่งผ่านไปได้ นี่เรียกว่าอัตโนมัติ ท่านว่าเป็นความเพียรอัตโนมัติ หมุน ได้รั้งเอาไว้ รั้งเพื่อหลับเพื่อนอนเพื่อพักผ่อนหย่อนตัว ไม่รั้งไม่ได้มันเลยเถิด มันหนัก
อันนี้พ่อแม่ครูจารย์ก็เตือนแล้วเราลืมเมื่อไร เวลาท่านไล่ออกจากสมาธิคือหมูขึ้นเขียง ไล่ออกวิปัสสนา วิปัสสนาปัญญามีทำไมไม่เอามาใช้ จะปล่อยให้สมาธิขึ้นอยู่บนเขียงตลอดไปเหรอ นั่นฟังซิ คือนั่งสมาธิ ติดสมาธิอยู่ด้วยความสบายบนเขียงว่างั้นเถอะ จะปล่อยให้สมาธินอนตายอยู่บนเขียงหรือ ปัญญามีทำไมไม่ออกใช้ นั่นเห็นไหมท่านเด็ด ท่านให้เอาปัญญาออกใช้ ท่านไล่ออก บทเวลามันออกมันออกจริงๆ พุ่งๆ สุดท้ายไม่ได้หลับได้นอน กลับมาตำหนิสมาธิความสงบเย็นใจ เอ๊ย มานอนตายอยู่เฉยๆ ไม่ได้แก้กิเลส สมาธิไม่ได้แก้กิเลส ตีกิเลสให้มารวมต่างหากเพื่อตีง่ายฆ่าง่ายเท่านั้นเอง ส่วนฆ่ากิเลสเป็นปัญญาต่างหาก
ทีนี้มันเห็นคุณค่าของปัญญาก็ไปใหญ่เลยที่นี่ ไปจนไม่ได้หลับได้นอน ไปเต็มเหนี่ยวแล้วกลางวันก็ไม่นอน กลางคืนก็ไม่นอน มาหาท่าน นั่นเห็นไหมล่ะ ที่พ่อแม่ครูจารย์ให้ออกทางด้านปัญญา ทีนี้มันออกแล้วนะ ท่านก็ปั๊บเข้ามาเลย ออกยังไงท่านว่า ก็มันไม่ได้นอนทั้งวันทั้งคืน หมุนติ้วๆ นั่นละมันหลงสังขาร นั่นเห็นไหมเรารู้เมื่อไรว่าหลงสังขาร สังขารสมุทัยมันแทรกกับความไม่พอดีไปในนั้น ส่วนสังขารเป็นมรรคเป็นสติปัญญา เป็นสังขารฝ่ายถูกต้อง สังขารที่ไม่รู้จักประมาณเป็นสังขารสมุทัยแทรกในนั้น นั่นละท่านบอกว่ามันหลงสังขาร เราไม่รู้นะ
เวลามันผ่านไปแล้วย้อนมาหมอบกราบท่าน นี่ละเก่งไหมจอมปราชญ์ เราโง่ขนาดนั้น ท่านรั้งเอาไว้มันยังไม่ยอมรั้ง มันยังจะบืนตาย นั้นละมันหลงสังขาร ท่านว่า นี่ละต้องมีครูมีอาจารย์สอน เราจึงกราบราบกราบพ่อแม่ครูจารย์มั่น ไม่มีที่ใดว่าจะผิดเพี้ยนแม้นิดหนึ่ง ไม่มีเลย ใส่เปรี้ยงตรงไหนนั้นถูกต้องๆ จึงอยากให้พระเราภาวนา ให้ได้เห็นความรื่นเริงบันเทิงในสายทางเดินเพื่อความพ้นทุกข์ เดินด้วยความรื่นเริงบันเทิง คือเดินด้วยความเพียรอัตโนมัติ ความเพียรอัตโนมัตินี้รื่นเริงบันเทิงตลอดเวลา มีแต่การก้าวออกเพื่อความพากความเพียรฆ่ากิเลสเป็นลำดับลำดา กิเลสมีมากมีน้อยค่อยหมอบลงๆ ทีนี้ตีเข้าไปๆ
บางทียังออก เป็นในจิตนะ เหอ มันไม่ใช่เป็นพระอรหันต์น้อยๆ ขึ้นมาแล้วเหรอ คือกิเลสมันหมอบมันว่าง คุ้ยเขี่ยที่ไหนก็ไม่เจอ ที่ว่ามันไม่ใช่เป็นพระอรหันต์น้อยๆ ขึ้นมาแล้วเหรอ นั่นว่าเฉยๆ ไม่ได้สำคัญตนว่าเป็นพระอรหันต์นะ คือมันว่างตอนนั้น เดี๋ยวโผล่ขึ้นมาก็ซัดอีกๆ เอาจนกระทั่งถึงอรหันต์น้อยอรหันต์ใหญ่หายหมด นั่น ทีนี้อัตโนมัติหยุดเองนะ หมด จะฆ่าอะไรข้าศึกตายไปหมดแล้ว
ให้พากันประกอบความพากเพียรพระเรา อย่าไปสนใจกับสิ่งใด โลกอันนี้มีแต่โลกเป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้ในหัวใจของสัตว์ด้วยกันทั้งนั้นแหละ ดินฟ้าอากาศเขาก็อยู่ของเขา ต้นไม้ภูเขาเขาอยู่ของเขา หัวใจของสัตว์โลกที่เต็มไปด้วยกิเลสนั้นละคือฟืนคือไฟคือส้วมคือถาน มันอยู่ตรงนั้นนะ อย่าไปหาความเลวความร้ายความดีความเด่นที่ไหนนอกจากหัวใจของเราเอง ให้ดูอันนี้นะ พากันจำเอา เอาละให้พร
หลังจังหัน
ปัญหาธรรมะจากเว็บไซต์หลวงตา
กราบเรียนมาจากสหรัฐอเมริกา
ผมและครอบครัว อยู่ที่เมือง เซ็นต์ ปีเตอร์สเบอร์ก รัฐฟลอริด้า ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้รับชม-รับฟังการการถ่ายทอดสดจากเว็บไซต์หลวงตา เป็นประจำโดยเฉพาะการถ่ายทอดการแสดงธรรมของหลวงตาผ่านทางเว็บไซต์ มีประโยชน์ยิ่งใหญ่ ให้คนไทยและชาวต่างชาติได้รู้เห็นธรรม แก่นของพระพุทธศาสนาได้แพร่หลาย
ช่วง ๗ โมงเช้าของเมืองไทย จะเป็นเวลาประมาณ ๒ ทุ่มของรัฐฟลอริด้า ท่านฉันเช้า ส่วนผมและครอบครัว ทานอาหารค่ำกัน และฟังและชมการถ่ายทอดสดไปพร้อม ๆ กันไปด้วย ภรรยาผมมีความสุขมาก เหมือนได้มาร่วมทำบุญที่วัดป่าบ้านตาด ตอนนี้ผมและภรรยา ได้ฝึกหัดปฏิบัติจิตตภาวนา ตามอย่างที่หลวงตาเมตตาสั่งสอน หวังมรรคผลและนิพพาน ในปัจจุบันชาตินี้ครับ ด้วยอำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย ขอให้สุขภาพของหลวงตาแข็งแรง เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของชาวไทยและชาวโลกไปนานๆ เพราะมีความเชื่อว่า วิธีการสั่งสอนของหลวงตาช่วยโน้มน้าวให้คนปฏิบัติจิตตภาวนา เพื่อมรรคผลในปัจจุบันนี้ ไม่ต้องรอชาติหน้าก็ได้
และขอให้ท่านเจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ที่ทรงเห็นประโยชน์อันใหญ่หลวง ในการเป็นองค์อุปถัมภ์สถานีวิทยุของหลวงตา ขอให้พระองค์ ทรงพระเจริญ
กราบเรียน หลวงตา มาด้วยความเคารพยิ่ง
นายทวี นางวรรณา ศรีบุบผรัฐ
เมือง เซ็นต์ ปีเตอร์สเบอร์ก
รัฐฟลอริด้า ประเทศสหรัฐอเมริกา
คนที่ ๑
ขอนมัสการกราบเรียนถามหลวงตา สามีของดิฉันฝักใฝ่ในการปฏิบัติธรรมโดยภาวนาพุทโธกำกับลมหายใจ เขายิ่งปฏิบัติมากกลับยิ่งเหมือนเสพติดการปฏิบัติ วันไหนมีภารกิจมาก ไม่มีโอกาสนั่งสมาธิ เขาก็จะมีอาการอ่อนล้า หมดแรง หากเมื่อได้นั่งสมาธิแม้สักสิบหรือสิบห้านาทีก็จะรู้สึกสดชื่นแจ่มใสขึ้น และดูเหมือนว่าร่างกายนั้นนับวันแต่จะต้องการการปฏิบัติสมาธิเพิ่มมากขึ้น (เขาเคยป่วยเป็นโรคซึมเศร้ามาสองครั้งค่ะ และทั้งสองครั้งก็แก้ไขด้วยการแพทย์ปัจจุบันควบคู่ไปกับการปฏิบัติธรรม ฟังธรรมจากครูบาอาจารย์สายหลวงปู่มั่น)
หลวงตา ก็ดีอยู่ จิตเป็นพลังงานอันใหญ่โต มีแต่ใช้งานใช้การไม่มาบำรุงพลังงาน คือบำรุงจิตใจให้มีกำลังวังชามีความสงบร่มเย็น ซึ่งเป็นที่เกิดขึ้นแห่งความสุขความสงบเย็นใจนั้น งานการอะไรก็ไม่ค่อยสมบูรณ์ ถ้ามีการบำรุงทางด้านจิตใจด้วยงานการอะไรไม่ค่อยผิดพลาดด้วยนะ คือทำอะไรจะมีการพิจารณาไปในนั้นๆ เสร็จหากเป็นเอง อย่างการทำบุญให้ทาน เราก็ทำมาตามนิสัยของเราธรรมดา พอภาวนาเข้าไปๆ นี้ มันจะตามเข้าไปสู่ความละเอียดของการทำบุญให้ทาน ยังไงต่อยังไงมันจะค่อยซึมซาบเข้าไป มันค่อยคัดเลือกของมันเองเป็นอย่างนั้นละ เรื่องจิตใจเป็นสำคัญมาก
เราก็พยายามเต็มสัดเต็มส่วนแล้วการช่วยโลกนะ คือช่วยแบบไม่มีสงสัยเลย ถอดออกจากหัวใจทุกชิ้นทุกอันไม่ว่าธรรมขั้นใดๆ เราไม่สงสัย เพราะฉะนั้นใครอยากฟังฟังเถอะบอกเลย ธรรมนี้เป็นธรรมยืนยันร้อยเปอร์เซ็นต์จากหัวใจนี้แล้วว่า ไม่สงสัยเรื่องพุทธศาสนาเป็นศาสนาชั้นเอก ทั่วโลกดินแดนมีศาสนาเดียวพูดตรงๆ เลย เราก็เป็นนักพิสูจน์เหมือนกันเรื่องศาสนาต่างๆ เอามาพิจารณานะ มันไม่ได้ถึงไหนละมันผิดปุ๊บเลย ไม่เอา มันขวางธรรมๆ เลย มันเป็นเรื่องของกิเลสทั้งหมด คำสอนออกแต่ละคำสอนนี้มันเป็นเรื่องของกิเลสออกจากหัวใจผู้ไปสอน แล้วก็เป็นยาพิษต่อคนอื่นไปด้วย
แต่เรื่องธรรมพระพุทธเจ้าหัวใจพระพุทธเจ้าเป็นธรรมล้วนๆ ออกไปเป็นคุณทั้งหมดๆ เข้าสู่หัวใจพระอรหันต์ ออกก็เป็นคุณแบบเดียวกันไม่ผิดไม่พลาด แน่นอน พระพุทธเจ้าพระอรหันต์สอนธรรมไม่มีผิดพลาดเลย เพราะท่านเอาจากของจริงของท่านออกเลยๆ ไม่ผิดพลาด เบื้องต้นอย่างที่ว่าล้มลุกคุกคลานแทบเป็นแทบตาย น้ำตาร่วงอยู่บนภูเขาเคยเล่าให้ฟัง เวลากิเลสมันขยำย่ำยีเอาจนกระทั่งตั้งสติไม่อยู่ นี่เราเป็นแล้ว แต่สำคัญที่ว่ามุมานะไม่มีถอยกัน เคียดให้กิเลสก็เลยกลายเป็นธรรม
ได้เอามาพิจารณา เคียดแค้นให้บุคคลหรือสัตว์ตัวใดก็ตามเป็นกิเลสทั้งนั้นๆ แต่เวลาเคียดแค้นให้กิเลสซึ่งเป็นตัวภัยของเราเองนี้ เคียดแค้นเท่าไรยิ่งทำให้มุมานะ เคียดแค้นแบบนี้เป็นธรรม ได้ซัดกัน เวลามันเอาเราจนกระทั่งน้ำตาร่วง ทีเราเอามันจนทุกขั้นว่า หือ ไม่ใช่เป็นพระอรหันต์น้อยๆ ขึ้นมาแล้วหรือ มันปรากฏว่าว่างหมดไม่มีอะไร กิเลสตัวเดียวก็ไม่ปรากฏ หือ แต่มันไม่สำคัญนะ มันว่าเฉยๆ เวลามันว่างงานกิเลสไม่โผล่ขึ้นมา มันก็ว่า หือ นี่ไม่ใช่เป็นพระอรหันต์น้อยๆ ขึ้นมาแล้วหรือ สักเดี๋ยวโผล่ขึ้นมา ทีนี้พระอรหันต์น้อยตกไปเลย ซัดกันกับกิเลส เอาไปเอามาพอถึงขั้นมันเต็มที่แล้วนี้ผางขึ้นมาเท่านั้น อรหันต์น้อยอรหันต์ใหญ่หายหมดเลย เป็นอย่างนั้น
เรื่องกิเลสอยู่กับหัวใจนะ ธรรมก็อยู่กับหัวใจ โลกเป็นแต่โลกกิเลสทั้งหมดไม่มีธรรมในหัวใจ โลกจึงเดือดร้อนวุ่นวายทั่วหน้ากันหมด ถ้ามีธรรมในหัวใจจะมีการเลือกเฟ้นทุกสิ่งทุกอย่าง การอยู่การกินการใช้สอยทุกอย่างจะมีการคัดเลือก มีการยับยั้งชั่งตัวไม่เตลิดเปิดเปิงผาดโผนโจนทะยาน อย่างโลกทุกวันนี้โลกผาดโผนโจนทะยานนะ เราดูอยู่ภายในนี้ ไม่ใช่เป็นของเจ็บปวดแสบร้อนผลักดันที่จะอยากพูดออกไป รู้เหมือนไม่รู้เห็นเหมือนไม่เห็น รู้อยู่อย่างนั้น แต่จะไปแก้ไขยังไง ถ้าอยู่ในวิสัยจะแก้ไขได้ก็แก้ ถ้าไม่อยู่ในวิสัยก็ปล่อยไปตามเรื่อง กระแสกิเลสมันผันหัวใจคน เข้าใจไหมล่ะ ปล่อยไป
เรื่องธรรมรู้ไม่รู้ไม่ได้ ธรรมเปิดจ้าไปหมดเลย หากเหมือนไม่รู้ ไปสถานที่หูหนวกตาบอดก็บอดไปเสีย เหมือนไม่รู้ไม่ชี้อะไร สถานที่ควรที่จะแยกแยะเอาบ้างให้เป็นผลเป็นประโยชน์ก็แยกแยะ ดังที่พูดให้พี่น้องชาวไทยเรา การประกอบการงานครองชีพนี้ขอให้รู้จักประมาณ ให้มีธรรมเข้าแทรก อย่าให้กิเลสมันพาดีดพาดิ้น มันจะพาเป็นพาตายเอาสดๆ ร้อนๆ ทั้งๆ ที่เจ้าของหวังอยากเป็นเศรษฐีกุฎุมพีร่ำลือทั่วโลกดินแดนนั่นละมันจะจม เข้าใจไหม มันผิดมันตรงกันข้าม ถ้ามีธรรมแยกแยะแล้วมีผ่อนผันสั้นยาว ควรยับยั้งยับยั้ง ควรเร่งเร่ง ควรผ่อนผ่อน ควรหยุดหยุด นั่นเรื่องธรรมเป็นอย่างนั้น แล้วก็ไปด้วยความราบรื่นดีงาม
ถ้าให้เป็นไปตามกิเลสนี้กิเลสจะไม่พอ มีเท่าไรก็ไม่พอ เศรษฐีก็จมด้วยกองทุกข์เหมือนกันหมดกับคนที่เขาทุกข์ๆ จนๆ ถ้าไม่มีธรรม ถ้ามีธรรมเศรษฐีก็เป็นธรรมไปตามเศรษฐี คนจนก็เป็นธรรมมีความสุขไปตามๆ กันนะขอให้มีธรรม ถ้าไม่มีธรรมเสียอย่างเดียวอย่าเอาสิ่งเหล่านี้มาหลอกนะหลอกธรรม มันจะเอาโลกให้จมได้ทั้งนั้นละ จึงต้องพิจารณาให้ดีนะการปฏิบัติธรรม นี่เราก้าวเข้ามาสู่วัดอย่างนี้ก็ควรจะเอาคติของวัดไปใช้บ้างในวัดเรา อย่าให้หรูหราฟู่ฟ่าจนเกินไปในวัดนี้ เราเดินไปไหนฉากไปไหนมันดูเห็นมันรู้นี่
เดี๋ยวนี้ก็เห็นมีเก้าอี้เก้าเอ้อเข้ามาเต็มอยู่ใน หือ เก้าอี้ใครบ้างเต็มอยู่ในครัว มันมาหาความสะดวกในวัดด้วยทางกายนี่นะ มันไม่ได้มาหาความสะดวกสงบร่มเย็นภายในจิตใจ เหมือนสำนักที่ท่านบำเพ็ญธรรมเพื่อความสงบใจนะ เดี๋ยวนี้มีอยู่เก้าอี้เก้าแอ้ตามแถวนั้น เราเดินเราเห็นอยู่นี้ว่าเราไม่เห็นเหรอ มันหาตั้งแต่ความสุขทางร่างกายปรนปรือกันเหลือประมาณนะ ทางร่างกายนี้พิลึกพิลั่น เข้ามาเหยียบในวัดในวาดูอยู่งั้นละ ทางด้านธรรมะท่านไม่มีอะไรมาก มีความจำเป็นตั้งแต่จะชำระกิเลสภายในจิตใจ ตัวไหนดีดออกมาที่จะเป็นภัยต่อตนเองฟาดหัวมันลงๆ อย่างนั้นท่านชำระๆ ไม่ได้หาอะไรมาปรนปรือ
อันนั้นก็ไม่ดีอันนี้ไม่สะดวกขนเข้ามาๆ สุดท้ายในกุฏิกุต่างก็จะมีทุกอย่างละ ทั้งๆ ที่วัดนี้เราไม่ให้มี เรื่องแอร์เรื่องเอออะไรเข้าใจเหรอ โทรทัศน์ เทวทัต วิดีโอ เรื่องแอร์ๆ อาๆ เพื่อความสะดวกสบายทางกาย ทางใจเป็นไฟมันไม่ดู นี่ละดูไปอย่างนั้นละ เอ้อ มานี่มันเอากิเลสเข้ามาเหยียบธรรมนะ มันไม่เข้ามาเพื่อจะเหยียบกิเลสนะ มันเอานิสัยกิเลสเข้ามาเหยียบในวัดในวา อะไรหรูหราฟู่ฟ่าไปหมดนะในวัดนี้ เราก็หูหนวกตาบอดไปจะทำไง ความพอดิบพอดีนั่นละเป็นสุข ความดีดความดิ้นหาความสุขไม่ได้ อย่าเข้าใจว่าความดีดดิ้นจะพาคนได้รับความสุข เป็นเรื่องของกิเลสดีดดิ้นเผาหัวใจคนต่างหากนะ ให้พากันพินิจพิจารณาบ้าง
เวลานี้โลกหาประมาณไม่ได้ เลยเถิดหมดเลย โอ้โหย น่าทุเรศ มันดีดมันดิ้นมีแต่หวังจะให้ได้อย่างใจๆ ผิดถูกชั่วดีไม่ว่าทั้งนั้น ฉวยมับๆ อะไรพอได้อะไร สุกเอาเผากินๆ ไปเรื่อยๆ วันหนึ่งๆ หาหลักหาเกณฑ์ไม่ได้ สุดท้ายสิ่งที่เราทำสุกเอาเผากินนั่นมันกลับคืนมาเผาเจ้าของโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว สุกเอาเผากินเอาอย่างสะดวกสบายๆ แล้วก็กลายเข้ามาเป็นไฟเผาหัวอกตัวเอง เต็มไปหมดในเมืองไทยเรา เมืองอื่นเขาก็เหมือนกัน แต่เมืองอื่นไม่มีพุทธ ศาสนาก็ไม่มีธรรมสอน นี้เรามีพุทธเราเอาธรรมสอนบ้าง ให้พากันยับยั้งชั่งตัวบ้างอย่าลืมเนื้อลืมตัวจนเกินไป
การอยู่กินใช้สอยทุกอย่างมันฟุ้งเฟ้อตลอดละเมืองไทยเรานี่ มาเป็นนิสัยแล้วทีนี้ธรรมแก้ไม่ตก มันไม่สนใจจะนำมาแก้ด้วย ถ้าแก้แล้วตก ถ้าเอามาแก้แก้ตก ไม่แก้นั่นซิ ไปที่ไหนเอาความสะดวกทางร่างกายเข้าเป็นหัวหน้าๆ มันไม่เอาสะดวกทางด้านจิตใจแก้กิเลสตัวเป็นภัยนี้เป็นหัวหน้านะ มันเอาตั้งแต่สิ่งที่เป็นฟืนเป็นไฟมาเป็นหัวหน้าเผากันหมด ไปอยู่ที่ไหนก็อยู่เต็มไปหมด หาความสะดวกให้ร่างกายๆ ไปที่ไหนหาความสะดวกให้ร่างกาย มันไม่สนใจความสะดวกทางด้านจิตใจนะ มองดูแล้ว โอ้ ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ น่าทุเรศนะ มันจะมีสิ้นสุดที่ไหนความสะดวกทางร่างกาย เป็นบ้ากันทั้งวันก็ไม่มีที่สิ้นสุดละความสะดวกทางร่างกาย ได้อันนี้มาอันนั้นบกพร่อง อันนี้มาอันนั้นบกพร่องเป็นบ้าตลอดเวลา เลยตายกับความเป็นบ้านั่นแหละ ถ้าเป็นธรรมแล้วอะไรพอดีๆ ท่านอยู่ในความพอดี นั่นละเป็นสุขสุขอยู่ที่นั่น ให้พากันพิจารณาบ้างนะ
อย่ามาเสาะแสวงหาความสุขทางร่างกายเหมือนโลกทั่วๆ ไป ทั้งๆ ที่เราก้าวเข้ามาสู่วัดเพื่อจะดัดแปลงจิตใจตัวไม่รู้จักประมาณให้สงบตัวลงบ้าง มันไม่สงบนะเวลานี้ มาดีดมาดิ้นอยู่ภายในวัดในวา เมื่อเช้าว่ามากน้อยเพียงไร ข้างในนี้เป็นร้อยกว่านู่นน่ะ เราก็มองไม่ทัน ไม่ทราบมาอยู่แบบไหนๆ กัน สำคัญที่ว่าอย่ามาทะเลาะกันนะว่าเท่านั้น ถ้าลงทะเลาะกันแล้วต้องตัดสินขาดสะบั้นไปเลย ไม่มีศาลต้นศาลอุทธรณ์ฎีกา ศาลประหารไปเลยเชียว ขาดสะบั้นไปเลยเราไม่ยุ่ง เพราะเราโง่เราไม่สามารถที่จะวินิจฉัยใคร่ครวญว่าใครถูกใครผิด ก็ลงในว่ามันเป็นหมาด้วยกันมันถึงกัดกันนั่นละ ไล่ออกทั้งสองตัวเลยหมา มีกี่ตัวไล่ออกไปหมดเลยจะไม่ได้กัดกันเข้าใจไหม มันอยู่ที่หมานั่นละ รวมเอาตรงนั้นเลย
โอ๊ เรื่องธรรมละเอียดลออมาก เข้ามาสู่ธรรมให้พิจารณาธรรมบ้างนะ อย่าเอาแต่เรื่องโลกเรื่องสงสารเข้ามาปรนปรือนัก ในที่นอนหมอนมุ้งที่อยู่ที่ไหนมีแต่เครื่องปรนปรือร่างกายให้ได้รับความสะดวกสบาย ส่วนหัวใจเป็นยังไงไม่สนใจเลย ตรงกันข้ามกับท่านผู้ปฏิบัติมุ่งอรรถมุ่งธรรม ท่านมุ่งต่อหัวใจมุ่งต่อธรรมอย่างเดียว อะไรจะอดอยากขาดแคลนท่านไม่สนใจ ขอให้การบำเพ็ญจิตใจเป็นไปเพื่อความสะดวกๆ ท่านอยู่ได้ทั้งนั้นๆ นี่ละผู้บำเพ็ญธรรมอยู่ด้วยความสะดวกของใจในการบำเพ็ญธรรม ไม่ได้อยู่ด้วยความสะดวกของร่างกาย ที่อยู่กินหลับนอนสะดวกสบายใช้ไม่ได้นะอย่างนั้น เอาละวันนี้พูดเพียงเท่านี้ละ
ผู้กำกับ ต่อให้จบนะครับ ผลการปฏิบัติของเขาจะเป็นเพียงความสงบเท่านั้น ลมหายใจเบาลง พุทโธหายไป หรือบางครั้งก็กลับหายใจแรงและดังคล้ายเสียงกรน แต่เมื่อออกจากสมาธิก็บอกได้ถูกต้องว่าใครทำอะไร พูดคุยอะไรในระหว่างนั้น คืออาการทางกายเหมือนหลับ แต่ก็มีสติรู้ตัว ไม่ทราบว่าอาการคล้ายเสพติดการปฏิบัติธรรมก็ตาม อาการนั่งสมาธิรู้ตัวแต่กรนนี้ก็ตาม เกิดจากอะไร และควรที่จะแก้ไขอย่างไรต่อไป ขอหลวงตาได้โปรดชี้แนะด้วยเจ้าค่ะ ขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ (จาก ปอง)
หลวงตา เอ้อ ติดๆ เถอะ เวลากำลังหิวโหยนี้ฟาดมันลงไป มีหวานมีคาวมีข้าวต้มขนมเอามาฟาดลงไปๆ มันกำลังหิวโหยมันกำลังติด เข้าใจไหม ติดความหิว กินลงไปอิ่มแล้วมันปล่อยเอง เข้าใจไหม นั่น ธรรมะก็ติดเข้าไปเพื่อความอิ่มพอ ไม่ได้ติดเข้าไปเพื่อติดแจเหมือนกิเลสเข้าใจไหมล่ะ พากันเข้าใจหรือยัง ติดธรรมะเหมือนเรารับประทานอาหารติดเวลาหิว กินอิ่มแล้วมันปล่อยของมัน อันนี้เวลาธรรมะเข้าพอตัวแล้วปล่อยหมด นี่ติดเพื่อจะปล่อยเข้าใจไหม เอาละเท่านั้น มีอะไรอีก
คนที่ ๒
กระผมเกิดสภาวธรรมอันหนึ่ง อยากจะทราบว่าที่ๆ กระผมไปรับรู้มาจะเหมือนกับท่านผู้อื่นรู้ไหม อุปมาเหมือนการไปสนามหลวง ถ้าไปถึงต้องไปเจอกับต้นมะขาม ถ้าไปเจอกับต้นตาล คงจะไปผิดที่แน่ และสิ่งที่ผมจะถามก็มีอยู่ว่าวันหนึ่งกระผมได้พิจารณาธรรมเรื่องขันธ์ว่าเป็นทุกข์ แล้วจิตก็รู้ว่ามันทุกข์แล้วไปยึดมันทำไม จากนั้นก็เห็นจิตอย่างชัดเจน เหมือนจิตตัวเราอยู่ในที่กั้น แล้วจิตก็คาอยู่ตรงทางออก ลังเลนิดหนึ่งที่จะออก แต่ก็ออกมาจนได้ พอออกมาแล้วนี่ซิครับ จิตมันเหมือนมีกระแสไปรวมกับธรรมชาติที่อยู่ภายนอกรอบตัวเราออกไปไกลมากๆ จิตก็อ๋อขึ้นมาว่า ท้ายที่สุดแล้วตัวเราก็ไปรวมอยู่กับธรรมชาติ ไม่มีตัวตน คือความรู้ที่ได้จากการผ่านสภาวธรรมนั้นมา หลังจากนั้นเราก็รู้สึกสบายๆ กับตัวเราอยู่ 3-4 วัน เวลานึกพยาบาทโกรธ ก็ไม่ถึงกับโกรธมาก ใจเราเบาบางลง หลังจากนั้นรู้สึกสบายๆ จึงอยากเรียนถามว่าผมมาถูกทางไหมครับเจอต้นมะขามที่สนามหลวงแล้ว หรือไปเจอต้นตาลที่สนามหลวงกันครับ (จาก อธิธัช กาลบุตร)
หลวงตา เออ ถ้าเข้าไปห้องนอนก็ไปเจอเสื่อเจอหมอน ผิดหรือถูกก็ไม่รู้ละ ถามกันเองนะ เข้าไปในครัวก็ไปเจออาหารการกิน มันเจอทุกแห่งละไปที่ไหนมนุษย์เรา มันซน ไปมันไปเพื่อเจอ ถ้าเจอแล้วมาตำหนิเขา เข้าใจไหม เอาละเท่านั้นขี้เกียจตอบ
ผู้กำกับ คนที่ ๓
ผมใช้การภาวนาพุทโธ ผมไม่ได้เอาจิตอยู่ที่ลมหายใจเข้าออก แต่เอาความรู้สึกอยู่ที่คำภาวนาพุทโธ ตามรู้ คือผมไม่ได้สนใจกับลมหายใจ แล้วก็พุทโธเร็วๆ ในใจ ผมแยกลมหายใจกับคำบริกรรม ทำให้หายใจไม่ค่อยสะดวก แต่ก็รู้สึกดีกว่าการดูลมหายใจเข้าออก และบางครั้งพอมันรู้สึกจะสงบ มันก็คิดมีความอยากรู้ แล้วก็คิดอะไรขึ้นมา มันก็เลยทำให้ไม่สงบ กราบเรียนครับว่า ผมภาวนาถูกหรือเปล่าครับ แล้วจะทำอย่างไรที่จะแก้นิสัยการอยากรู้อยากเห็นพอเวลาจะสงบครับ ขอความเมตตาธรรมเป็นอย่างสูงจากหลวงตา อธิบายให้กระผมได้รู้ด้วยครับ (จาก ทวีทรัพย์)
หลวงตา ลมหายใจก็กำหนดดูที่ลมหายใจไปหายุ่งอะไรข้างนอก (เวลาจะสงบแล้วเขาก็ไปคิด) ก็นั่นแล้วคิดน่ะมันผิด ให้สงบก็สงบไปซิ เวลาจะออกคิดทางด้านปัญญาหมุนติ้วไปทางปัญญา ไม่ต้องยุ่งกับสมาธิมันคนละภาค เพราะฉะนั้นการบำเพ็ญนี้มีอยู่สองอย่าง คือถ้าจะพักสงบให้สงบ ไม่ต้องไปกังวลกับทางความคิดความอ่านทางด้านสติปัญญา เวลาออกจากความสงบแล้วออกทางด้านปัญญาไม่ต้องมายุ่งกับสมาธิ ทำงานคนละวรรคละตอน เข้าใจเหรอ นั่นถูกต้อง เอาละพอ นี่จะประคบยา พิลึกจริงๆ นะวันนี้ จะเดินไม่ได้ มันหนักมากวันนี้จะเดินไม่ได้เลย จากนี้ไปนี้ไปหมดเลย เมื่อเช้าเดินลงมาก็จะเดินไม่ได้
รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th
และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร
FM 103.25 MHz