เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑๗ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๙
จะเตือนเป็นครั้งสุดท้าย
ก่อนจังหัน
เราพอใจที่เราได้เลี้ยงพระที่ภูวัวได้ ๒๐ กว่าปีมาแล้ว จำไม่ได้นะว่าไปพ.ศ.เท่าไร คือที่เราไปนั้น เราไปดูหมดจริงๆ แต่ก่อนได้ยินแต่ใครๆ เล่าให้ฟังว่าที่นั่นเป็นที่วิเวกสงัดดีมาก มีพระอยู่นั้นสองสามองค์ มีท่านอุทัยเป็นหัวหน้าอยู่นั้น ถ้าอยู่มากกว่านั้นไม่ได้เพราะไม่มีบ้านคน พอได้โอกาสเราก็ตั้งหน้าไปเลย ไปจอดรถปั๊บแล้วก็เข้า ตอนนั้นยังแข็งแรง ไปเที่ยวดูซอกแซกซิกแซ็กดูหมดเลย
พอกลับมาก็พูดกับท่านอุทัยในเวลานั้นเลย บอก พระที่อยู่นี้ตามความจำเป็น ทีนี้พระตั้งแต่นี้ต่อไปท่านจะมาเท่าไรให้มาเราจะเป็นคนรับเลี้ยงเราว่างั้น ถ้าพระตั้งใจปฏิบัติดีปฏิบัติชอบแล้ว เอ้ามาเท่าไรมา ถ้าเราเลี้ยงไม่ไหวเราจะบอก บอกงั้นเลย เอาๆ รับได้เลย ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบให้มา เราจะส่งเสริมท่านผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบในธรรมทั้งหลาย แต่ผู้ที่ไม่เป็นท่าเป็นทางให้ไล่ลงภูเขาให้หมด เราบอกตรงๆ เด็ดทุกอย่าง
ตั้งแต่นั้นมาพระจึงไปอยู่ในจุด ๓๐ จุดศูนย์กลาง ๓๐ กว่า ๒๗-๒๘ อยู่ในจุดนี้ ท่านจะเอามากเท่าไรก็ได้ก็เราเปิดไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ท่านก็คงเกรงใจเราท่านเลยวางไว้เป็นจุด ๓๐ องค์เรื่อยมาตั้งแต่บัดนั้นจนกระทั่งบัดนี้ เรียกว่า ๒๐ กว่าปีแล้ว เราส่งปลายเดือนๆ เป็นประจำ รถอย่างน้อย ๔ คันไป ของให้ได้ทุกประเภท ตั้งแต่ข้าวสาร น้ำตาล อาหารแห้ง อาหารสดแล้วอาหารยาวอะไร เป็นคันๆ เขาเคยแล้วเขารู้ เขาจัดเป็นรถประเภทไหนๆ เขาจัด ปลายเดือนไปประมาณวันที่ ๒๕-๒๖ หรือ ๒๗ ระยะนี้เขาไป เอาของไปทุ่มลงเลยเชียวไม่ใช่ธรรมดา ๔ คันรถ รถ ๖ ล้อ รถ ๔ ล้อก็บองขึ้นนะไม่ใช่ธรรมดา บองขึ้นให้เต็มเลยๆ ทีละอย่างน้อย ๔ คัน ถ้าหากว่าจะไม่พอก็เอาเท่าไรคันเอา เราบอกเลย ท่านบอกว่าพอๆ
มาเจอท่านอุทัยเมื่อเร็วๆ นี้ที่กรุงเทพถามถึงเรื่องอาหารที่จัดไปให้เป็นยังไงพอไหม โอ๊ย ท่วม ท่านร้องโก้ก โอ๊ย ท่วม มากต่อมาก เออเอาละเราพอใจเราว่างั้น นั่นละพระเหล่านั้นได้อาศัย คือใครจะมาจังหันหรือมาส่งเสียอาหารประเภทใดๆ เราไม่สนใจ แต่เราจะจัดให้พอ อย่างน้อยพอ เราเผื่อไว้เรียบร้อยแล้ว พระที่อยู่ตามเขาแห่งละ ๒ องค์ ๓ องค์ท่านก็ได้มาอาศัยกัน ให้ตาปะขาวให้เณรมาเอาไป เราเปิดโอกาสไว้เลย ให้ท่านมาเอา ผมไปส่งซอกแซกไม่ได้ ผมก็ส่งจุดเดียว องค์ไหนขัดข้องให้มาเอา ถ้าทางนี้บกพร่องให้บอกไป ทางโน้นจะจัดมาทันที เราบอกงี้แหละเรื่อยมาอย่างนี้ เราพอใจที่เราได้บำรุงปฏิบัติพระท่านผู้ตั้งใจปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เราพอใจตลอดมา ช่วยนี่เป็นพื้นฐานเลยไม่คลาดเคลื่อน เดือนละครั้งๆ หากว่าเรามีเวลาเราก็ไป แต่นานๆ เอาแน่ไม่ได้ ถ้าเราไปนี่เป็นอาหารเสริม ไปก็ไม่ต่ำกว่าสองคันรถ เต็มรถเลยถ้าลงได้ไป
พูดจริงๆ มันเป็นอย่างนั้นหัวใจนี่ เวลาไปอยู่กับครูบาอาจารย์องค์ไหนวัดใดๆ ถ้าไปเห็นครูบาอาจารย์เฉพาะอย่างยิ่งสมภารวัด ถ้าไปอยู่วัดใดมีครูบาอาจารย์ตระหนี่ถี่เหนียวเราอยู่ไม่ได้นะ มันหากเป็นในหัวใจมันคับหัวอก ตัวเล็กๆ เท่าหนูก็ตามแต่ใจไม่ได้เป็นหนูซี ถ้าองค์ไหนเป็นนักเสียสละถึงไหนถึงกันเลย อย่างสมเด็จมหาวีรวงศ์ ที่วัดพระศรีมหาธาตุ นี่อยู่ในหัวอกเรา พ่อแม่ครูจารย์มั่นฝ่ายวิปัสสนาอยู่ในหัวอกเรา ฝ่ายปริยัติสมเด็จมหาวีรวงศ์ อยู่ในหัวอกเราสององค์ เราบอกตรงๆ คือนั่นมีเท่าไรหมด สมเด็จมหาวีรวงศ์ เพราะเราเป็นคนดูแลรักษาของท่าน ในกุฏินั้นเราเป็นคนดูแล อยู่กุฏิเดียวกัน เป็นคนดูแลของท่านทั้งหมด แล้วคณะนั้นพระเณรอยู่ในหัวอกของเราอีกแหละ
ทีนี้เวลาเราจากไป โอ๋ย ท่านติดตามท่านจะเอากลับคืนๆ ก็เล็ดลอดมาจนได้จนกระทั่งทุกวันนี้ นี่อยู่ในหัวอกเรา นักเสียสละ สมเด็จมหาวีรวงศ์ เราเป็นคนเห็นเองปฏิบัติเอง เรียกว่านักเสียสละ มีเท่าไรเป็นหมดๆ เลย นี่อยู่ในหัวอกเรา นั่งอยู่บนหัวอกเรา พ่อแม่ครูจารย์มั่นฝ่ายวิปัสสนา สององค์อยู่ในนี้ นอกนั้นก็เป็นธรรมดาๆ อันนี้เทิดเลย เทิดทูนเลยทีเดียว สององค์นี้เคารพมากที่สุด นี่ละถ้าเป็นครูบาอาจารย์เป็นอรรถเป็นธรรมถึงไหนถึงกันเรา ถ้าดูลักษณะท่าทางไม่เป็นท่าแล้วหลีกหนีนะ จะว่าเป็นนักล่าครูบาอาจารย์ก็ไม่ผิด เราเอาจริงเอาจัง ไปดู
เพราะการศึกษาเล่าเรียนเรียนมาทุกคน แบบแผนตำรับตำรามีทุกคนรู้ทุกคน ปฏิบัติยังไงๆ ผิดแผกแปลกต่างกันยังไงกับตำรับตำรา ดูเทียบกันๆ ตำรับตำราเป็นความถูกต้องดีงามทุกอย่าง จึงว่าสวากขาตธรรม ตรัสไว้ชอบหมด เป็นแบบเป็นฉบับได้ทั้งนั้น นี่พูดถึงเรื่องภูวัว ท่านอุทัยจนได้ร้องโก้ก เป็นยังไงอาหารที่จัดไปเป็นประจำนั้นพอไหม โอ๋ย พอ เหลือเฟือ ท่านว่า นั่นละพอดี คือเผื่อวัดทั้งหลายด้วย
ทีนี้ที่กลางดงไปทางเขาใหญ่เขาถวายที่ เราก็ต้องหาดูผู้ที่จะรับผิดชอบได้ ก็มาได้ท่านอุทัย เราขอร้องท่านอุทัยให้พินิจพิจารณาพระ หรือท่านจะมาเองเป็นกาลเป็นเวลาก็ได้มาดู ส่วนภูวัวก็เป็นหลักอยู่แล้ว ท่านจะมาเป็นกาลเวลาเพื่อดูแลที่ที่เขาถวายเป็นวัดนี้เป็นกาลเป็นเวลาก็ได้ เราบอก ตกลงกันแล้ว อันนี้ก็จะให้มีแห่งหนึ่ง คือถ้าเรารับที่ใดเราต้องรับผิดชอบทุกอย่างเลย รับสุ่มสี่สุ่มห้าเรารับไม่ได้นะ ไอ้เรื่องคนที่จะถวายที่เป็นวัด โอ๋ย มากต่อมาก ทุกภาค ไปที่ไหนเขาถวายที่ทุกภาคๆ เราไม่เอาๆ เพราะจะไม่มีผู้รักษา ไม่เป็นหลักเป็นเกณฑ์ได้ ให้พร
หลังจังหัน
เมื่อวานไปภูเรือ ภูเรือกับชัยภูมิระยะทางพอๆ กัน ๒ ชั่วโมง ๓๕ นาที แต่พูดถึงเรื่องทางทางนี้ดีกว่า ตรงแน่ว มันเร็วกว่ากัน ทางไปทางจังหวัดเลยนี้มันลดมันเลี้ยวต้องรอรถเรื่อยๆ ไกลทั้งนั้นละที่เราไปสงเคราะห์โลก ที่ไหนไปทั้งนั้น ไปที่ชัยภูมิก็โรงพยาบาลภักดีชุมพล เทพสถิต สองโรงนี้เทียบกับจากนี้ไปผ่านโคราชไปถึงสูงเนิน สีคิ้ว ระยะทาง ๓๓๔-๓๓๕ กิโล อยู่ในย่านนั้น อันนี้เทพสถิต ภักดีชุมพล เหมือนกัน ผ่านชัยภูมิไปตั้ง ๖๐-๗๐ กิโล เข้าไปเขา เราจะวัดกันด้วยเข็มไมล์ วัดธรรมดาไม่ได้ ต้องดูเข็มไมล์ ระยะใกล้ไกลขนาดไหน ภูเรือนี่ก็ ๒ ชั่วโมงครึ่ง
ที่ชัยภูมิมีอยู่สองโรง เทพสถิตกับภักดีชุมพลที่ว่าไกล อันนี้ให้เป็นพิเศษ พิเศษมีอะไรบ้างก็สั่งไว้เรียบร้อยแล้ว พระจะจัดตามนั้น โรงพยาบาลไหนพิเศษมาก็จัดให้ตามนั้น อุบล โคราช อุตรดิตถ์ สามจังหวัด โรงไหนมาก็ให้เป็นพิเศษเหมือนกันหมด ส่วนชัยภูมิสั่งไว้สองโรง มีเทพสถิตกับภักดีชุมพล อันนี้ไกล นอกจากนั้นก็ให้ธรรมดาเหมือนกันหมด
ในโกดังเรานี้ต้องแน่นตลอดนะ ของที่จะเอามาแจกทานแน่นตลอด ที่เป็นพื้นก็คือน้ำตาล ข้าวสาร น้ำปลา น้ำมันพืช ขนมปัง ผ้าขาว ให้ทุกโรง เวลาจะออกไปก็ต้องเติมน้ำมันให้ทุกคันรถ ปั๊มของเรามีเติมน้ำมันให้เต็มรถๆ ทุกคัน อันนี้เราจะอยู่ไม่อยู่ไม่สำคัญเป็นปรกติตามเดิมเหมือนเราอยู่ พระที่อยู่เวรศาลานี้วาระ ๗ วันเปลี่ยนกันเรื่อย ผู้ที่อยู่ศาลารับผิดชอบหมดพวกโกดงโกดัง มีคนเข้ามาเกี่ยวข้องอะไรๆ พระที่อยู่ศาลาพระเวรต้องคอยรับผิดชอบ การเข้าออกของคนมีอะไรๆ มาหาคนนี้
เมื่อวานไปภูเรือ เขาขายลิ้นจี่หรืออะไรอยู่ในภูเขาสองฟากถนน เรามักจะเอาที่ไหนห่างๆ เขาจะไม่จอดซื้อ เรามักจะจอดที่เช่นนั้น ถ้าเป็นทางทะลุเขาขายสองฟากทาง เป็นทางใหญ่นะ อันนี้เขาซื้อขายกันอยู่เรื่อยๆ สะดวก แต่ถ้าว่าเป็นทางซอกแซกไปนี้ มีสิ่งของก็ไม่มีใครซื้อ นั่นละเรามักจะเอาอย่างนั้น อย่างเมื่อวานออกจากวังสะพุง ตัดไปสานตม เส้นนี้ละเขามีของวางขายอยู่ตามฟากถนนแต่ไม่ค่อยมีใครซื้อ เพราะไม่ใช่ทางใหญ่ ถ้าทางใหญ่เขาซื้อเรื่อยนะ ส่วนมากต่างจังหวัดก็มีกรุงเทพเป็นต้นผ่านไปผ่านมา เพราะเป็นทางใหญ่ เขาจะซื้อขายกันตลอด เมื่อวานนี้ก็เอาไปเต็มรถเลย เอาไปเทลงโรงพยาบาลภูเรือ เรียกว่าเทลงเลย เต็มเอี๊ยดเลย
มันหากเป็นอย่างนั้นนะในจิตนี่ ในจิตนี่เป็นเพราะอะไรอีก ก็คือเมตตา เมตตานี่เป็นพื้นครอบหมดเลย เป็นหลักธรรมชาติ อย่างที่เขามาฟ้องร้องเราอย่างนั้นอย่างนี้ ปากอมขี้นั้น เราก็ต้องปากอมขี้ใส่เขาบ้าง บางทีเราก็วากใส่เขาบ้าง เช่นอย่างว่าให้หมอวิชัยหมาวิชัย ก็วากเสียบ้าง แต่เขาจะเป็นยังไงไม่ทราบ เราไม่มีจริงกับใครว่าไปเฉยๆ วากก็วากไปเฉยๆ ไม่มีอะไร เขามีละเราแน่ใจ สำหรับเราไม่มี ถึงจะใช้กิริยายังไงที่ออกจากตัวของเราเองนี้เรียกว่าเราไม่มีพิษต่อโลกเลย จะเป็นกิริยาใดก็ตาม จะเป็นแง่น้ำหนักของอรรถของธรรมต่างกันตรงนั้นแหละ ออกถ้ามีน้ำหนักมากมันก็รุนแรงออกไปเท่านั้น ที่จะให้มีกิเลสไปแทรกให้เป็นพิษเป็นภัยต่อผู้ที่ถูกดุถูกด่าถูกว่าอยู่นี้ไม่มี
จึงว่าใจนี่ลงได้เข้าถึงขั้นแล้วไม่มีอะไรเสมอนะ สามโลกธาตุนี่ไม่มีอะไรเสมอใจที่บริสุทธิ์เต็มส่วน ใจพระพุทธเจ้า ใจพระอรหันต์ นี่เป็นหลักธรรมชาติครอบโลกธาตุเลยจิตดวงนั้น อยู่ที่ไหนจ้าอยู่ตลอด กิริยาท่าทางเป็นเรื่องของธาตุของขันธ์ เครื่องใช้ เป็นเรือนร่างของใจดวงนั้น ใช้งานใช้การไปอย่างนั้นแหละ สำหรับธรรมชาตินั้นเรียกว่านิพพานเที่ยง กฎ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา ไม่มีในนั้นเลย คงเส้นคงวาหนาแน่นตลอดอนันตกาล ท่านเรียกว่านิพพานเที่ยง คือใจดวงเป็นธรรมธาตุแล้วนั้นแล นี่ละที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงๆ ไว้ คือทางเดินเพื่อเข้าจุดนี้เป็นจุดใหญ่ ให้เป็นความสงบสุขร่มเย็น ปฏิบัติต่อกันระหว่างมนุษย์อยู่ร่วมกันก็มี ธรรมประเภทนี้ก็มี
ประเภทเด็ดเข้าไปๆ เป็นประเภทที่จะเอาตัวรอดอย่างเดียวพุ่งเลย อย่างนี้ก็มี ธรรมพระพุทธเจ้ามีไว้ทุกแบบไม่มีบกพร่อง คือศาสนธรรมของพระพุทธเจ้า บอกไม่มี เราได้คุ้ยเขี่ยขุดค้นเต็มหัวใจเราบนเวที ถึงได้รู้ได้ชัดถึงเรื่องศาสนา ชี้นิ้วเลยมีศาสนาเดียวบอกตรงๆ นอกนั้นเป็นศาสนากิเลส คลังกิเลสเป็นเจ้าของศาสนา ต้องแสดงลวดลายของกิเลสออกไปตลอด ส่วนพระพุทธเจ้าผู้เป็นพระอรหันต์สิ้นกิเลสแล้วมีแต่ธรรมออกล้วนๆ ที่เรียกว่าสวากขาตธรรม ตรัสไว้ตรงไหนถูกต้องๆ หมดเลย ต่างกันอย่างนี้นะ
เข้าไปพิสูจน์ในภาคจิตตภาวนา ให้มันกระจายถึงกันแล้วทีนี้มันก็เหมือนน้ำมหาสมุทร น้ำจะไหลมาจากสายไหนคลองใดก็ตาม พอเข้าถึงมหาสมุทรปั๊บเท่านั้นเป็นน้ำมหาสมุทรอันเดียวกันหมดเลย จะบอกว่าน้ำนี้มาจากสายนั้นสายนี้เหมือนแต่ก่อนไม่ได้ เป็นน้ำมหาสมุทรอันเดียวกัน จิตนี้พอผางเข้าถึงธรรมธาตุอันเดียวกันแล้ว เหมือนน้ำมหาสมุทร คือน้ำมหาวิมุตติมหานิพพานแบบเดียวกัน ท่านจึงว่า นตฺถิ เสยฺโยว ปาปิโย บรรดาท่านผู้สิ้นกิเลสแล้วนับแต่พระอรหันต์ลงมา จนกระทั่งถึงพระสาวกองค์สุดท้ายเสมอกันหมด นั่นท่านว่า ก็เหมือนน้ำมหาสมุทร เหมือนกันหมดเลย เพราะฉะนั้นจึงไม่ต้องไปทูลถามหาพระพุทธเจ้า ถามหาอะไรเป็นอันเดียวกันแล้ว จิตดวงนี้ละเวลาประคับประคองเอาความดีงามเข้าไป ชำระซักฟอกสิ่งที่สกปรกโสมมเป็นพิษเป็นภัยต่อจิตใจตัวเองและต่อส่วนรวมได้หมดแล้วก็เป็นเช่นนั้น
พอพูดอย่างนี้แล้วก็กระจายไปถึงพวกวงรัฐบาล มันควรจะพูดบ้างก็พูด เพราะเราเคยช่วยชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อย่างเต็มหัวใจเรามาตลอด เราไม่มีแง่ใดที่จะเป็นความมัวหมองต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ในเจตนาของเรา เต็มไปด้วยความเมตตาอุ้มตลอดเวลา ทีนี้มาเห็นสิ่งที่มาก่อกวนมาทำลายอย่างนี้มันจึงฟังไม่ได้ กับคนหนึ่งพยุงๆ คนหนึ่งมาตีแตก เอาไฟมาเผานี่มันดูกันไม่ได้ อย่างรัฐบาลปัจจุบันนี้คนทั่วประเทศไทยเขารู้กันหมด แต่รัฐบาลเสียเองมันหนาแน่นเอาขนาดไหนนายทักษิณนั่นน่ะ ทักษิณนี้เป็นลูกศิษย์หลวงตาบัวนะ พยุงอุ้มมันขึ้นเพื่อจะให้อุ้มชาติบ้านเมือง เราจึงบอกว่าเราดูคนผิดไป เราก็ยอมรับว่าเราดูคนผิด คือดูวัตถุฐานะสูงต่ำ นอกนั้นกระจอกงอกง่อยครั้นมาเป็นรัฐบาลแล้วก็เหมือนปล่อยหมาเข้าถาน จับหางดึงออกนี้หางขาดมันยังไม่ยอมออกจากถาน เข้าใจไหมล่ะ นี่พวกกระจอกงอกง่อยหาแต่กินแต่กลืนแต่รีดแต่ไถตับปอดประชาชนจะไม่มีเหลือ
ทีนี้เรามองหาที่ไหนก็ไม่เห็น จึงว่าเรามองคนผิดไป ก็มองเห็นแต่นายกฯทักษิณนี่ละ เวลานั้นกำลังสมัครเราก็มองเห็น เรามองดูฐานะการเงินการทองความเป็นอยู่ทั้งหลายนี้ไม่ทุกข์จนข้นแค้น คนนี้ละเป็นผู้ที่จะอุ้ม เราเอาวัตถุมาว่า เราไม่ได้เอาธรรมมาว่า เราพูดแบบโลกๆ อย่างนี้ละ เห็นว่าเป็นผู้มีฐานะสูงเต็มที่แล้วในเมืองไทย จะได้ช่วยราษฎร เจ้าของจะไม่หากินหากลืนที่ไหนเพราะพอแล้ว มีแต่จะแจกจะจ่ายไปเราคิดอย่างนั้นจึงได้อุ้มขึ้นเต็มเหนี่ยว พูดให้ชัดเจนอุ้มคุณทักษิณนี้เราอุ้มเต็มเหนี่ยว วิ่งมาหาเรานี้หน้าแห้งหน้าเหี่ยวมาทุกครั้ง หลายครั้งมาหาเรา เราให้กำลังใจเต็มเหนี่ยว เอ้า จะช่วยเราบอกงี้ ก็ได้จริงๆ นั่นเห็นไหมล่ะ
วิ่งมานี่ถูกเขาโจมตีเอาแหลกมา มาหาเราก็ เอา นักมวยเขาขึ้นเวทีเขาไม่ได้กลัวกันนะนักมวย ถ้ากลัวแล้วอย่าขึ้นถูกน็อกเราบอก นักมวยเขามีแต่ใครก็จะเอาชนะๆ เขาไม่ได้กลัวกันนักมวย นี่นักมวยโลกของเราที่จะช่วยบ้านช่วยเมืองก็เป็นแบบเดียวกันนั้น เขาจะขึ้นเราก็จะขึ้น นี่เรียกว่านักมวยจะต่อยกัน ถ้าเรากลัวเขาอยู่นี้แพ้นะ ไม่ต้องกลัว เขาก็คนเราก็คน เราก็จะยกชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ขึ้นเทิดทูน เขาจะขึ้นแบบไหนก็ตาม แต่เราก็จะขึ้นแบบนั้นละ เอ้า เราจะช่วย
ซัดกันนี้สามหนเต็มๆ ละทักษิณมาหาเรา มาทีไรก็ยิ้มแย้มแจ่มใส กลับไปก็ฟัดกันเลยเรื่อยๆ เราเป็นคนให้กำลังใจให้อุบายวิธีการต่างๆ ช่วย เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์จะได้คงเส้นคงวาหนาแน่นต่อไป เวลานี้กำลังยุบยอบกำลังจะพัง ถูกพวกเปรตพวกผีพวกยักษ์พวกมารกินไปหมดกินตับกินปอด ไม่ว่าชั้นไหนภูมิใดกินหมด พวกนี้กินไม่เลือกเพราะเป็นคนจนเหมือนปล่อยหมาเข้าถาน ทีนี้เห็นคุณทักษิณเรานี้แหละเป็นคนฐานะก็สูงสุดอยู่แล้วไม่มีอะไรละ มีแต่จะช่วยบ้านช่วยเมืองได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ก็มองหาคนเดียว ก็ยกคนนี้ขึ้น เอาขึ้นเต็มที่เลย จนได้เป็นนายกฯ เราก็บอกตรงๆ ว่าเราช่วยเต็มกำลังเพื่อจะยกชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ขึ้น
แล้วกลับกลายเวลานี้ไม่มีใครเลวยิ่งกว่านายทักษิณ ลูกศิษย์หลวงตาบัวนี้เลวที่สุด คนทั้งประเทศเขาดูถูกเหยียดหยาม นี่ฟังว่ามันเหยียบเข้าไปๆ มันจะไปเหยียบหัวพระมหากษัตริย์นู่นน่ะฟังว่า เราทราบมาอย่างนี้เราก็พูดตามนี้ภาษาธรรมของเรา มันเลือกหน้าเมื่อไรเวลามันคิด มันเหยียบหัวหลวงตาบัวอาจารย์ของมันไปแล้ว มันจะเหยียบเข้าไปถึงหัวพระมหากษัตริย์ มันจะเหยียบไปหมดทุกอย่าง มันว่ามันเก่งกล้าสามารถ มันสามารถมาจากไหนนายทักษิณ ชินวัตร มันก็เป็นคนเหมือนคนกับโลกทั่วๆ ไป ถ้ามันไม่ใช่เป็นบ้าอำนาจเสียอย่างเดียว จนหูหนวกตาบอดไม่ฟังเสียงใครเลยเท่านั้น มันจึงเป็นได้อย่างนี้
ถ้ายังไม่รู้ตัวแล้วทักษิณ เราอยากถามทักษิณนี่นะ ถ้ายังไม่รู้ตัวแล้วจะจมนะทักษิณ พูดจริงๆ อย่าอวดกับธรรม อย่าขับรถชนภูเขา อย่าเอามีดไปฟันหิน เรื่องหลักความจริงนี้คือภูเขาทั้งลูกคือหินทั้งก้อนนั้นแหละ อย่าเอามีดคือความรู้ความเห็นของเราไปฟันหิน อย่าเอาความรู้ของเราที่เป็นเหมือนกับขับรถชนภูเขาจะพังนะ อย่าดีดอย่าดิ้นเกินไป มันจะตายอยู่วันหนึ่งๆ ความตายติดตัวอยู่กับทุกคนๆ นั่นแหละ ให้พิจารณานะทักษิณรู้แล้วยัง นี่หลวงตาบัวเหมือนว่าจะเตือนเป็นครั้งสุดท้าย เพราะลูกศิษย์กับอาจารย์เตือนกันจะเป็นไรไป
เราไม่ได้เล่นกับการบ้านการเมือง ธรรมะมาชำระสิ่งสกปรกโสมม ธรรมะสอนโลก โลกสกปรกที่ไหนธรรมะทำไมจะสอนไม่ได้ ว่าเล่นการบ้านการเมืองที่ไหน การบ้านการเมืองอะไร การส้วมการถานการฟืนการไฟเผาไหม้ทั่วประเทศไทยเวลานี้ เอาน้ำมาชะล้างเป็นการเล่นการเมืองผิดไปแล้วหรือ พิจารณาซิ ธรรมสอนโลกก็ต้องสอนอย่างนั้นซิ ที่ไหนสกปรกรกรุงรังก็สอนกันไปชำระชะล้างกันไปอย่างนั้นซิ นี่เป็นยังไงเราอกจะแตกแล้วนะ เราเป็นอาจารย์ของคุณทักษิณ ชินวัตร แล้วเหยียบหัวครูบาอาจารย์ไปแบบนี้ไม่ฟังเสียงใคร จะเอาแต่เสียงของตัวเองพรรคพวกของตัวเอง พรรคพวกของตัวเองมันพรรคพวกยังไง ไม่ใช่เป็นยักษ์เป็นผีมากินบ้านกลืนเมือง เหยียบหัวตั้งแต่พระมหากษัตริย์ลงไปแล้วหรือเวลานี้ ถามตัวเองหน่อยน่ะทักษิณ รู้ตัวแล้วยัง
นี้เสียงพระนะนี่มาพูดเวลานี้ เสียงหลวงตาบัว หลวงตาบัวเอาธรรมพระพุทธเจ้าที่สอนโลกให้ได้รับความร่มเย็นมานานแสนนาน นำมาสอนพี่น้องชาวไทยเรา มีคุณทักษิณที่เป็นนายกรัฐมนตรีอยู่เวลานี้เป็นสำคัญ ฟังนะทักษิณ เป็นยังไงรู้ตัวแล้วยังทักษิณ โลกเขาตำหนิติเตียนกันทั่วประเทศไทย เราเก่งมาจากไหนมาเหยียบหัวคนทั้งโลก เหยียบหัวชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จะจมนะทักษิณ อย่าทำไป อย่าดื้ออย่าด้าน จะมีวันหนึ่งจนได้ละไม่เหนือกรรมไปได้ ไม่มีใครเหนือกรรม นตฺถิ กมฺมสมํ พลํ ไม่มีอานุภาพใดที่จะเหนืออำนาจแห่งกรรมนี้ไปได้ กรรมนี้เหนือหมดเลย
เราอยู่ใต้อำนาจแห่งกรรมให้ระวัง ให้ฟังเสียงอรรถเสียงธรรมถ้าเรายังจะเป็นผู้เป็นคนต่อไป และเป็นคนดิบคนดีพลิกแพลงเปลี่ยนแปลงความเลวร้ายของตัวเองที่มีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์นี้ออกไปๆ ฟิตตัวให้เป็นคนดีเพื่อหนุน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์นี้ คนทั้งประเทศเขาจะอนุโมทนาสาธุการ เวลานี้เขาตำหนิ ปากไม่ออกพูดไม่ออก เพราะเอาอำนาจบาตรหลวงป่าๆ เถื่อนๆ มาเหยียบหัวคนทั้งประเทศนั้นเอง ตั้งแต่หัวพระมหากษัตริย์ลงมามันเหยียบแหลกไปหมดเวลานี้ มันเลือกใครเมื่อไร มันบ้ายศ ทักษิณบ้ายศรู้ไหม บ้าลาภบ้ายศ บ้าอำนาจรู้หรือยัง
นี่หลวงตาบัวกำลังพูด ลูกศิษย์กับอาจารย์พูดกันสอนกันสอนไม่ได้หรือ ลูกศิษย์ทำอย่างอุจาดบาดตาจนกระทั่งหลวงตาจะหาที่หลบซ่อนไม่ได้ เพราะหลวงตาเป็นอาจารย์ของคุณทักษิณ ชินวัตร เดี๋ยวนี้เขาตำหนิติเตียนคุณทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นลูกศิษย์หลวงตาบัวนี้ทั่วประเทศไทย แล้วหลวงตาบัวจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ให้เอาหน้าหลวงตาบัวไว้บ้างนะทักษิณ อย่าเห็นแก่หน้าตัวเอง เห็นแก่ความได้ความร่ำความรวย จะพาชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ให้จม อะไรๆ ก็กว้านเข้ามาๆ ตกลงเลยเป็นรัฐบาลของครอบครัว รัฐบาลของพุงตัวเอง พรรคพวกตัวเองไปแล้วนะเวลานี้ เป็นแล้วนะทักษิณเป็นแล้ว คนเขาประกาศกันทั่วโลก เขาไม่ใช่คนตาบอดหูหนวกเขาเป็นคนด้วยกันทุกคน
เราเป็นอะไรมาจากไหน จึงไม่ได้ฟังเสียงโลกเสียงสงสารบ้างเลย แม้ที่สุดเสียงครูเสียงอาจารย์ที่อุ้มขึ้นมาเต็มกำลังความสามารถก็ไม่ฟังเสียง เหยียบไปแล้วจะจมนะทักษิณอย่าทำ ให้หยุดให้งดนะจะจมจริงๆ วันนี้ขอพูดให้ชัดเจนในฐานะที่เราเป็นคนอุ้มชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เต็มกำลังความสามารถเรื่อยมา ไม่เคยมีเจตนาใดที่จะทำให้ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ได้มัวหมองแม้นิดหนึ่งในหัวใจเราไม่มี เรามีแต่ความเมตตาล้วนๆ ตื่นขึ้นมานี้มีแต่คิดเพื่อโลกเพื่อสงสาร อุ้มชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ทั้งนั้นละ ความที่จะทำลายเราไม่มี ในวาระจิตหนึ่งก็ไม่มีในหัวใจเรา
เพราะฉะนั้นเราที่เป็นนายกฯเป็นลูกศิษย์มีครู ให้ฟังเสียงครู อย่าดีดอย่าดิ้นจนเกินเหตุเกินผล วันนี้พูดเพียงเท่านี้ เตือน ได้ยินหรือยังทักษิณ เวลานี้ใครเป็นคนเตือน หลวงตาบัวเป็นอาจารย์ของคุณทักษิณเตือน คนทั้งโลกเขาเบื่อเต็มประดาแล้วเวลานี้ เบื่อทักษิณเราเป็นลูกศิษย์หลวงตาบัว แล้วหลวงตาบัวจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ให้เอาหน้าหลวงตาบัวออกมาบ้างนะ โดยการประพฤติตัวแก้ไขดัดแปลงตัวเสียใหม่นะทักษิณ เอาละพูดเพียงเท่านี้พอ
พูดนี้ก็เราไม่มีอะไรกับใคร พูดได้ทั้งนั้น สามโลกธาตุไม่มีในหัวใจไม่มี พูดได้ทั้งนั้นผิดถูกชั่วดีไปตามธรรมล้วนๆ ไม่มีสูงต่ำ โมกโขโลกนะเห็นแก่หน้าแก่ตาไม่มีในธรรมทั้งหลาย ตรงเป๋งเลยเทียว ดูซิตั้งแต่อยู่ในวัดป่าบ้านตาด เรามานั่งตรงนี้เราเป็นเหมือนแม่ครัวนะ นั่งอยู่นี้อยู่เฉยๆ ได้เมื่อไร ถ้าธรรมดาเรานั่งเฉยอยู่ก็ได้ ลูกศิษย์ลูกหามีเต็มไปหมดจัดอะไรๆ ได้ แต่ไม่สนิทใจ เราต้องเข้าไปเกี่ยวข้องดูสอดส่องดู ให้เป็นความสม่ำเสมอ อวัยวะทุกส่วนนี้รับไปจากศูนย์กลาง เอาของเข้าใส่ปากปั๊บกินกลืนลงไปนี้มันจะไปหล่อเลี้ยงสรรพางค์ร่างกายทั่วถึงกันหมด ได้อะไรเข้าไปหล่อเลี้ยงร่างกายล่ะ ถ้าเอายาพิษไปเผาตายหมด อันนี้ก็เหมือนกันธรรมเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงในวงแห่งการปฏิบัติด้วยกัน
วัดนี้เราเป็นผู้รับผิดชอบ เราดูแลทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นความสม่ำเสมอกันหมด นั้นคือธรรม จะอดจะอิ่มขนาดไหนก็ตาม ความเป็นธรรมมีแล้วสบาย ถ้าไม่เป็นธรรมแล้วไม่ได้นะ ผู้ได้ได้จนแทบเป็นแทบตาย กินจนท้องจะแตก ผู้หิวหิวโหยก็มี อย่าให้มีในวัดป่าบ้านตาดนะ มีไม่ได้ใจของเราไม่มีอย่างนั้น มีแต่เสมอภาคไปหมด ผิดบอกว่าผิด ถูกบอกว่าถูก ตรงไปตรงมา ดูแลกันทุกคน ของเอาไปไว้แล้วอย่าเห็นแก่ปากแก่ท้องตัวเอง ให้ดูทุกปากดูทุกหัวใจ เข้าไปนั้นเป็นจุดส่วนรวม อะไรจะแยกไปทางไหนให้เป็นธรรม แยกด้วยความเป็นธรรม ภายในภายนอกดูให้เสมอกัน แล้วอยู่กันเป็นผาสุกถ้าเป็นอย่างนี้ ถ้าผิดความเป็นธรรมแล้วแตกกันได้นะ ร้าวรานกัน ทะเลาะเบาะแว้งทุกแบบจะออกละ เอาละที่นี่
เห็นเขาขี่มอเตอร์ไซค์ เขามีอะไรพ่วงสินค้าเขา เขาไปขาย เขาวิ่งไปตามถนนเพื่อจะให้มีคนซื้อ มอเตอร์ไซค์พ่วงด้วยอาหารการกินชนิดต่างๆ เอาไปขาย เราไปก็จอดรถดู อันนั้นขายยังไงอันนี้ขายยังไง เราถามไปเพื่ออยากทราบสาเหตุจากเขา พอเสร็จแล้วเราก็ซื้อ ซื้อเอาชิ้นเดียวเท่านั้นไม่เอามาก แล้วก็เอาเงินเป็นก้อนให้เขา วางปุ๊บแล้วก็ไป อันนี้ให้เขาได้ไปขายพยุงกันไป เราไม่เอา อย่างนั้นมันเป็นอยู่ในจิต ไปที่ไหนเป็นอย่างนั้นนะ เจอบ่อยๆ วิ่งรถไปตามทาง ถ้าหากว่าข้างหน้าไม่มีความจำเป็นมากนั้น มันจะซื้อของไปตามทางเรื่อยๆ ทั้งวันนั่นละ เข้าใจไหม แต่นี้มันจำเป็นอยู่ข้างหน้า ก็เอาสักรายสองรายแล้วผ่านๆ ไป อย่างนั้นนะ
รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th
และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร
FM 103.25 MHz
|