ธรรมโอสถละเอียดเกินกว่าหมอจะตามทัน
วันที่ 5 พฤษภาคม 2549 เวลา 8:05 น. ความยาว 49.43 นาที
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๙

ธรรมโอสถละเอียดเกินกว่าหมอจะตามทัน

ก่อนจังหัน

พระแปลกหน้ามาเรื่อย วัดนี้แปลกหน้าเรื่อยพระ เข้าตลอดๆ เข้าแล้วไม่อยากออกนะ เวลาเข้าไม่ได้ไล่เข้า เวลาออกได้ไล่ออก เป็นอย่างนั้นนะ เดี๋ยวนี้เขาลบลายหลวงตาบัวแล้ว แต่ก่อนไม่ค่อยมีใครเข้ามาเพราะกลัวหลวงตาบัวดุ แล้วจริงอย่างนั้นด้วย มาเหลาะๆ แหละๆ ไม่ได้ ธรรมไม่ใช่ธรรมเหลาะแหละ เอาจริงเอาจังมาก เพราะปฏิบัติแต่ก่อนมีแต่พระ ไม่รับแขกรับคนญาติโยม การปฏิบัติจึงให้ได้เป็นกระเบียดๆ ไปเลยไม่ให้ขาด ใครเขาก็กลัวไม่ค่อยเข้ามา พระก็ภาวนาสะดวก เดี๋ยวนี้เขาลบลายหมด เลอะๆ เทอะๆ ขี้หมูขี้หมาเต็มอยู่ในวัดป่าบ้านตาดนี้หมดเลย เขาลบลายหมดแล้ว เมื่อดุหายไปแล้วก็มีแต่เลอะๆ เทอะๆ เต็มวัด เป็นอย่างนั้นนะ พิจารณาซิ เป็นยังไงการดุ ผิดหรือถูก ดีหรือชั่ว พอการดุถูกเขาลบลายหมดแล้ว ลายมันขึ้นทีหลังนี้เลอะเทอะเต็มวัดเลย เป็นอย่างนั้นนะ

ธรรมท่านไม่ได้ชินกับโลกนะ ไม่มีชิน มองพับรู้ไปหมดจะว่าไง นอกจากท่านไม่พูด หูหนวกตาบอดไป ดูไปหูหนวกตาบอดไป ถ้าเอาตามนั้นแล้วไปไม่รอดเลย อย่างที่ว่าเขาโคกับขนโค วัว นั่นละความจริงโดยแท้ เขาโคกับขนโค ผู้ที่จะเล็ดลอดออกไปสู่พระนิพพานเพียงเขาโค นอกนั้นเป็นขนโคไปหมด

ยิ่งวิตกวิจารณ์นะเฒ่าแก่มาเท่าไร แทนที่จะได้สะดวกสบายไม่ต้องยุ่งกับอะไร กลายเป็นเรื่องยิ่งยุ่ง แก่เท่าไรยิ่งยุ่ง เป็นห่วงเป็นใยโลก พูดให้มันเต็มศัพท์เต็มแสงของธรรมที่จับดูโลกนั้น มันมีแต่หูหนวกตาบอด ของเล่นเมื่อไร ไปเรียนมาจากเมืองนอกเมืองนาแล้วมาทำอย่างนี้ เข้าใจไหม อึ่งอ่างมันทำอย่างนี้ วัวเป็นยังไงวัว คือธรรม นั่นธรรม นี่มีแต่อึ่งอ่างๆ แข่งวัว มองไปที่ไหนเห็นแต่ขับรถชนภูเขาๆ มีตั้งแต่ขับรถชนภูเขา รถพังใช่ไหม ภูเขาจะพังอะไร ไอ้นี่โลกเหยียบหัวอรรถหัวธรรมไปแล้วตัวเองพังๆ เป็นอย่างนั้นนะ เราสลดสังเวชนะ ขอให้พี่น้องทั้งหลายพินิจพิจารณา

ในสมัยปัจจุบันนี้รู้สึกจะไม่มีใครเทศน์อย่างที่เราเทศน์นะ แล้วเทศน์นี้ไม่มีเสียด้วยนะคำว่าผิดเพี้ยนไป โกหกนี้ไม่มี ตรงเป๋งๆ เลย ว่าอย่างไรเป็นอย่างนั้น นั่นละเขาเรียกว่าขวานผ่าซาก ธรรมะต้องตรงแน่วไม่เอนไม่เอียง พอพูดอย่างนี้เราก็ระลึกได้ ตั้งแต่เราเรียนหนังสือ บางทีถูกนิมนต์ไปเทศน์ในที่ต่างๆ ก็อยู่กับโลกจะไม่ถูกได้ยังไง เขาเทศน์ยังไงเราเทศน์อย่างนั้น พระท่านเทศน์ยังไงเราก็เทศน์อย่างนั้น เพราะอ่านไปตามตำราซึ่งไม่ใช่ของตัว ตำราท่านว่ายังไงก็อ่านไปตามนั้น เทศน์ไปตามนั้น เมื่อมีผู้ทักทำไมจึงเทศน์อย่างนั้น ก็ตำราท่านว่าอย่างนั้น หาทางออกเลย นี่ความรู้ในตำรา

ความรู้ในหัวใจจริงๆ ไม่ได้เป็นอย่างนั้นนะ ทีนี้พลิกหมดที่เทศน์หลบนั้นหลบนี้ คือหลบกิเลสนั่นแหละ ไม่ไปแตะมัน หลบนั้นหลบนี้ จึงว่าเทศน์ไพเราะเพราะพริ้ง เจริญพรๆ มันหลีกกิเลส ยอกิเลส เจริญพรๆ ทีนี้ธรรมะไม่ใช่อย่างนั้น เข้าไปนี้ขาดสะบั้นๆ ไปเลย เวลาปฏิบัติมันมาเป็นให้อย่างนี้ซิ การเทศน์แต่ก่อนมาที่เคยเทศน์ตามตำรับตำราแต่ก่อน พลิกไปโดยหลักธรรมชาตินะ มันเป็นขึ้นมาทางนี้ยังไง รู้ยังไงมันแน่ๆๆ แล้วเวลาเทศน์จะสอนหลีกๆ เลี่ยงๆ ไม่ได้ ต้องตรงไปตรงมา นี่ละเขาเรียกว่าขวานผ่าซาก เป็นอย่างนั้นละ ท่านทั้งหลายให้ฟังเอา

คำเทศน์เหล่านี้เรามีมาตั้งแต่ปริยัติ ก็มีมาแบบนั้น ภาคปฏิบัติมีมาแบบนี้ ยิ่งจวนจะตายเท่าไรยิ่งมีแบบนี้หนักเข้าๆ เราสงสารโลกนี่นะ แหมไม่ลืมหูลืมตาเลย คือกิเลสมันละเอียดมาก มองไม่เห็นมองไม่ทัน ใครจะมองมันพอจะทันหรือไม่ทัน มองไม่เห็น ใครจะไปมองมันพอที่จะเห็นหรือไม่เห็น มันไม่มองเข้าใจไหม เอาลงจุดนั้นเลย มันลากไปไหนก็ไปๆ โลกถึงได้ร้อน ทุกวันนี้โลกร้อนมาก ร้อนจริงๆ เพราะอำนาจของกิเลส ไม่มีใครเห็นว่ากิเลสนี้เป็นภัย เพราะฉะนั้นกิเลสจึงได้แผลงฤทธิ์ออกเต็มเม็ดเต็มหน่วยของมัน ธรรมแทบไม่มีๆ

อย่างมาพูดเดี๋ยวนี้มีไหมทั่วประเทศ ก็จะมีแต่หลวงตาบัวละมัง พูดว้อๆ อยู่นี้ ใครมาพูดอย่างนี้ ท่านเหมือนเรา เราเหมือนท่าน ก็แบบเดียวกันไป แต่นี้เหมือนก็จริงสิ่งที่เหมือน สิ่งไม่เหมือนไม่เหมือน นั่น เอาสิ่งที่มันจริงมันจังออกมา สิ่งนี้ละไม่เหมือน โธ่ กิเลสนี้แหลมคมมากจนพระพุทธเจ้าทรงท้อพระทัย ยอมเลยทันทีเราตัวเท่าหนูนี่นะ ท่านจะสอนโลก ทรงปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้ามาเต็มภูมิๆ ครั้นเวลาตรัสรู้เต็มภูมิแล้วมาดูสัตว์ สัตว์เต็มภูมิของสัตว์ ธรรมเต็มภูมิของธรรม ดูกันไม่ได้ ทรงท้อพระทัย นั่นละท่านก็ยังฝืนเอา มีเขาโคเพียงสองเขาสามเขาก็เอามัน ท่านก็เลยลากเอาเขาโคสองเขาสามเขานั่นละไป นอกนั้นก็ปล่อย เป็นพวกขนโค พิจารณาซิ

อดไม่ได้นะ จวนจะตายเท่าไรยิ่งอดไม่ได้ เพราะเห็นอยู่ตลอดเวลา ธรรมกับกิเลสคุ้นกันได้เมื่อไร ไม่มีคุ้นธรรมกับกิเลส เห็นเป็นภัยทันทีๆ เลย ขึ้นชื่อว่ากิเลสแล้วเป็นภัยตลอดๆ โลกกิเลสด้วยกันเห็นเป็นคุณด้วยกันไปหมด ดีไม่ดีเห็นว่าธรรมเป็นภัย นั่นละที่นี่จม มีแต่จะจมท่าเดียว ขอให้พี่น้องทั้งหลายพินิจพิจารณานะเข้าวัดเข้าวา เข้าไม่เข้าก็ตามวัดอยู่ที่หัวใจ ให้ดูหัวใจเจ้าของมันคิดดีคิดชั่วประการใด นั่นละสร้างตัวเองและเหยียบย่ำทำลายตัวเองอยู่ที่หัวใจ ถ้าคิดไม่ดีทำไม่ดีก็ทำลายตัวเอง คิดดีทำดีเป็นการส่งเสริมตัวเอง อยู่ที่หัวใจเรา ขอให้ทุกคนพินิจพิจารณา

พระเราก็เห็นใจ มาเรื่อยสำหรับวัดป่าบ้านตาด ไหลเข้ามาๆ ไม่ชนะที่จะรับเอาไว้ จำเป็นก็ต้องได้ระบายออกไปเพราะมากต่อมาก มาแล้วให้ตั้งอกตั้งใจ การสอนเน้นหนักแล้วไม่ผิดพลาดด้วย นี่คือสอนเรื่องภาวนา การภาวนาใครจับสติให้ดี สติเป็นพื้นฐาน ผู้นี้จะอย่างน้อยตั้งตัวได้ พออยู่พอกินพอเป็นพอไป มากกว่านั้นพ้น พ้นไปเลย เรื่องสติสำคัญมาก จากสติก็เป็นมหาสติ  จากปัญญาเป็นมหาปัญญา มีความพากความเพียรหนุนไปเรื่อยๆ

พระไม่อดพระไม่ทนใครจะทน พระพุทธเจ้าเป็นตัวอย่างของโลก ความอดความทนความเฉลียวฉลาด ความฝึกทรมานลำบากลำบน สลบถึงสามหน นี่ละตัวอย่างของโลก พระพุทธเจ้าท่านเป็นตัวอย่างของโลก เราอย่ามาเพียงสุกเอาเผากิน กินแล้วนอน กอนแล้วนิน ใช้ไม่ได้นะ อย่าอยู่เซ่อๆ ซ่าๆ อันเป็นนิสัยของกิเลสกล่อมหัวใจสัตว์โลกไม่ให้ลืมหูลืมตาได้เลย ถ้าสติจับแล้วจะรู้ตัว ผิดถูกชั่วดีจะรู้ทันที ถ้าสติจับสติอยู่กับตัว ถ้าสติไม่มีไม่เป็นท่าเป็นทางอะไร

การภาวนาใครจับเอาสติเป็นพื้นฐานดีเท่าไร คนนี้ชี้นิ้วได้เลยว่าตั้งตัวได้ไม่สงสัย กิเลสจะเกิดไม่ได้ สติมีสืบเนื่องไปเท่าไรกิเลสจะเกิดไม่ได้ตลอดไป มันจะเกิดทางสังขาร...กิเลส มันคิดมันปรุง ความอยากคิดอยากปรุงอยากรู้อยากเห็นไม่มีอะไรเกินตัณหาความหิวความโหย อยากดูอยากรู้อยากเห็น อยากทุกอย่างคือเรื่องตัณหาๆ มันออก สังขารเป็นเครื่องใช้ของกิเลสตัณหา แล้วเอาธรรมสติธรรม หรืออย่างน้อยเอาคำบริกรรมกับสติปิดช่องไม่ให้มันออก วันนั้นปิดทั้งวันกิเลสออกไม่ได้ทั้งวัน ถ้าเผลอเมื่อไรกิเลสออก ออกแล้วไปกว้านเอาฟืนเอาไฟมาเผาเรา ท่านทั้งหลายฟังให้ดี

การเทศน์เหล่านี้ผมไม่ได้เทศน์สุ่มสี่สุ่มห้านะ ฟัดกันมาแล้ว เห็นผลมาเรียบร้อยแล้วโดยไม่สงสัยจึงสอนท่านทั้งหลาย ให้พากันตั้งใจปฏิบัติ อย่ามาเหลาะๆ แหละๆ ศาสนาพระพุทธเจ้าไม่ใช่ศาสนาเหลาะแหละ ผู้มานับถือปฏิบัติศาสนากลายเป็นข้าศึกต่อศาสนาไป พวกเรารู้หรือยังเราเป็นข้าศึกศาสนา ท่านสอนอย่างนี้มันทำอย่างนั้น นั่น ท่านสอนอย่างนั้นมันทำอย่างนี้ ไม่ได้ทำตามคำสอนพระพุทธเจ้า ผลก็มีแต่ความเดือดร้อนวุ่นวายนั่นแหละ พากันจดกันจำให้ดี

ศาสนาพระพุทธเจ้านี้พูดเปิดหัวอก เลิศเลอสุดยอดแล้ว หนึ่งไม่มีสอง พุทธศาสนาเป็นศาสนาคู่โลกคู่สงสารคู่บ้านคู่เมือง มีแถวมีแนวมาเป็นลำดับ ตั้งแต่พระพุทธเจ้าเริ่มต้นมาทุกพระองค์ ท่านมีแถวมีแนวมาด้วยความถูกต้องดีงาม เป็นหลักเป็นเกณฑ์ เป็นธรรมสอนโลกได้เป็นอย่างดี ต่อจากนี้ก็จะมีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้อีก ท่านเล็งญาณตลอดทั่วถึงกันหมด นี่ละท่านผู้สิ้นกิเลส ท่านผู้เป็นจอมปราชญ์ท่านเล็งดูหมด เพราะฉะนั้นพุทธศาสนาจึงเป็นศาสนาที่แม่นยำ เป็นศาสนาที่รับรองกันทั่วโลกธาตุ ไม่มีผิดมีเพี้ยนเลย นอกจากนั้นเราไม่พูดถึง ขอให้จับอันนี้ให้ดีก็แล้วกัน ขอให้เอาให้ดีตามคำสอนของพระพุทธเจ้านี้จะไม่ผิดพลาด อยู่เย็นเป็นสุขเรื่อยๆ มา

เอ้า ทุกข์ก็ทุกข์ เราเกิดมาเราไม่ได้ขนเอาทรัพย์สินเงินทอง กองสมบัติ เศรษฐีกุฎุมพี ตำแหน่งหน้าที่เป็นบ้าอะไรเหล่านั้นมาเกิดด้วยหรอกนะ มาจากท้องแม่มีแต่ตัวล่อนจ้อนๆ เท่านั้น แล้วจึงมาเห็นทีหลังก็ตื่นทีหลังเป็นบ้าทีหลัง อย่างนั้นนะ ถ้าไม่มีธรรมเป็นบ้ากันทั้งนั้นแหละ เงินทองกองเท่าภูเขาก็เอาตัวไม่รอด จมได้ๆ ถ้าไม่มีธรรม ถ้ามีธรรมมีมากเท่าไรทำประโยชน์ได้มากๆ ต่างกันอย่างนั้นนะ เอาละวันนี้เทศน์เพียงเท่านี้ละ ว่าจะไม่เทศน์ มองไปมันสงสารจะทำไง

ในครั้งพุทธกาลมีในตำราชัดเจน พระท่านกำลังครองผ้า ท่านพักอยู่ในป่า ท่านจะไปบิณฑบาต เพราะท่านดูหัวใจท่านอยู่ตลอด นั่นละนักภาวนา ครองผ้าจะไปบิณฑบาตจิตมันแย็บออกไป เอ วันนี้เขาจะเอาอาหารประณีตบรรจงอะไรใส่บาตรให้เราน้า เท่านั้นละ โห เจ้าของยังไม่ไปมันไปหากินก่อนแล้ว ท่านเปลื้องผ้าทันทีไม่ไปบิณฑบาต ดัดสันดานมัน เปลื้องผ้า เลยไม่บิณฑบาต วันหลังจ้อกัน เอา มันจะเอาให้ตายก็ตาย ถ้ามันจะเป็นอย่างนี้อยู่จะเอาให้ตายเลยไม่ให้มันกิน นั่นเห็นไหมล่ะ ทีนี้วันหลังมันก็หมอบละซี จึงพาไปหากิน นี่ละตำรา ดัดกิเลสมันเก่งขนาดนั้นนะ ความอยากหิวโหยอาหารธรรมดาก็มี ความอยากกิเลสแทรกเข้าไปกับความหิวโหยก็มี เข้าใจไหม

หลังจังหัน

สรุปทองคำน้ำไหลซึมถึงวันที่ ๔ พ.ค.เมื่อวานนี้ ทองคำที่หลอมแล้ว ๒๓๗ กิโลครึ่ง เท่ากับ ๑๙ แท่งๆ หนึ่งน้ำหนัก ๑๒ กิโลครึ่ง ทองคำที่ยังไม่หลอม ๓๐ กิโล ๕๕ บาท ๓๓ สตางค์ รวมทองคำที่หลอมแล้วและยังไม่ได้หลอมได้ ๒๖๘ กิโล ๒๒ บาท ๔๔ สตางค์

เออ ท่านบุญมี นาคูณเรา เมื่อวานนี้หมอวิยะดามาเล่าถวาย มาขอคำปรึกษาเรา ว่าท่านบุญมีเป็นโรคอะไรหลายประเภท เขาประชุมแล้วหมอทางศิริราชเขาพร้อมแล้วที่จะรับปฏิบัติ เมื่อได้ส่งท่านบุญมีเข้าไป นี่พอเข้าไปแล้วโรคมันสลับซับซ้อนได้ตรงนี้เสียตรงนั้นได้ตรงนั้นเสียตรงนี้ มันมีเช่นผ่าตัดตรงนี้ได้อันนี้เสียตรงนั้น แล้วก็ทำอย่างนั้นอีก มันมีหลายอย่าง แล้วได้ตรงนั้นเสียตรงนี้ สุดท้ายรวมยอดแล้วว่าเสีย ไม่ดีขึ้นเลยจากการปฏิบัติหรือผ่าตัดท่านบุญมีในคราวนี้

เราก็เลยสรุปให้เลยในการรวบรวมเหตุผลของโรคชนิดต่างๆ ที่หมอเล่าให้ฟังเมื่อวาน ก็บอกว่า เอาละไม่ต้องเอาไป ให้อยู่อย่างนี้ละ มันจะไม่เดือดร้อนคนข้างหลัง ท่านไปของท่านก็เป็นสุขของท่าน สุขภาพเมื่อมันเป็นทุกขภาพแล้วก็ให้ไป จะให้คนเดือดร้อนภายหลัง ไปทำตามหมอเผื่อว่าท่านไม่เป็นแล้วตายเสีย ทีนี้เขาจะโจมตีละ โจมตีทุกแบบเลย แต่เราไม่พูดอะไรมาก พูดแต่ว่าเราพิจารณาเรียบร้อยแล้วว่าไม่มีทางดีขึ้นจากการผ่าตัดทุกแบบสำหรับท่านบุญมี ปล่อยตามสภาพของท่านอย่างนั้น สำหรับคนแก่เป็นอยู่อย่างนี้ทั่วโลกดินแดนมาหลายกัปหลายกัลป์ ไม่จำเป็นจะต้องไปทำอะไรให้พิสดารมากละ นี่มันไม่พิสดารแล้วนี่ ร่างกายชีวิตจิตใจกับโรคมันพันเข้ามาจะพังอยู่แล้วนี่ ให้พิสดารไปไหน ไม่ต้องไป เราบอกแล้วเมื่อวาน หมอเขาก็ปฏิบัติตาม ไม่ให้ไป ให้ดูไว้

เราพูดตรงไปตรงมาแบบธรรม จะกระทบกระเทือนใครหรือไม่กระทบกระเทือนแล้วแต่ผู้จะพิจารณาเอา เมื่อมอบเข้าไปทางหมอ หมอต้องใช้วิชาหมอเต็มกำลังความสามารถที่จะปฏิบัติต่อคนไข้ให้ดีที่สุด นี่เรื่องของหมอ เขาจะทำอะไรเขาต้องทำ ต้องปล่อยหมดเป็นซุงทั้งท่อนเลย ที่นี่ธรรมเป็นยังไง นั่นตรงนั้นตรงเสีย เราอยู่ลำพังเรานี้ฟิตทางด้านธรรมะเข้า เอ้า ยาก็รักษาตามกำลังของมัน ทางด้านธรรมะภายในใจนี้ฟิตให้แน่นหนามั่นคงแน่นปึ๋ง ไปก็ดีดผึงเลย นี่ละธรรม ธรรมโอสถ ส่วนยาทั้งหลายที่เป็นโอสถ จำเพาะส่วนร่างกายล้วนๆ ส่วนธรรมโอสถนี้มีทั้งส่วนร่างกายทั้งจิตใจเป็นสำคัญ ตกลงไม่ให้ท่านไปละท่านบุญมี บ้านนาคูณ ไม่ให้ไป

บรรดาพระกรรมฐานเราถ้าหากว่ามาปรึกษาหารือเราก่อน เราจะให้คำปรึกษาทันที แต่สุ่มสี่สุ่มห้าไปแล้วให้เราตามไปเยี่ยมเราไม่อยากไป จะว่าอะไร เราไม่อยากไป เพราะกรรมฐานเป็นเรื่องใหญ่โตมาก ธรรมเป็นหนึ่งในหัวใจ สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงปลีกย่อย เจ็บไข้ได้ป่วยแบบไหนๆ เป็นเพียงปลีกย่อยไม่ใช่เรื่องใหญ่ยิ่งกว่าธรรมภายในใจ เราถือนั้นเป็นสำคัญ แล้วเป็นที่แน่ใจด้วย ไม่เอนไม่เอียง ถือธรรมเป็นหลักใจ อย่างที่ควรผ่านได้ก็ผ่าน ดังที่เคยพูดให้ฟังแล้ว เอาเราออกเป็นตัวประกันเลย เรามันจะไปไม่รู้กี่ครั้ง นี่ละธรรมโอสถแก้กันได้อย่างนี้ เมื่อไม่สุดวิสัยแล้วมันผ่านได้นะเห็นประจักษ์ทีเดียว

อย่างที่ว่าไปอยู่กะโหมโพนทองเขาตายวันละ ๓-๘ ราย เราจนออกจากป่าช้าไม่ได้ กุสลาให้เขาทั้งวัน แถวนั้นก็ไม่ค่อยมีพระ เราเลยจะตาย ไปหาภาวนาอยู่ตีนภูตีนเขา เขาก็ไปตามเอามากุสลา พอเที่ยงมาเอาไปแล้วจนค่ำ กุสลา ธมฺมา แล้วพอเสร็จ เอ้า เอามาอีกแล้วๆ คือโรคอันนี้มันเป็นกับเราถึงรู้ได้ชัด มันเป็นอย่างรวดเร็ว เป็นลมพิษอะไรไม่รู้นะ พอเป็นนี้ทีแรกมันยิบแย็บๆ เพราะเรานั่งอยู่ป่าช้ากุสลาให้เขา เขาตายด้วยโรคอันนี้ละ สองวันตายสามวันตาย เป็นแต่ละรายส่วนมากอยู่สองวันตายหรือสามวัน นอกจากนั้นก็ผ่านได้

เรานั่งภาวนา เรานั่งกุสลาให้เขานั้น แล้วมีลักษณะยิบแย็บๆ ภายในนะ ตั้งแต่มันเริ่มกระเพื่อมออกมาเราก็จับได้ทันที เพราะจิตมันไม่ได้เผลอ ขั้นนั้นเวลานั้นอยู่ในความไม่เผลอ หมุนเป็นธรรมจักรมันจะเอาอะไรมาเผลอ มันแย็บออกมันรู้ทันทีเลย พอมันแย็บขึ้นนั้นไม่นานนะมันรวดเร็วมาก เพราะฉะนั้นคนถึงสองวันตายซิ ขึ้นไม่นานยิบแย็บๆ เหมือนทีแรกเป็นเสี้ยนเป็นหนามแทง ยิบแย็บๆ ตอนนั้นเลยกลายเป็นหอกเป็นหลาวนะ หายใจแรงไม่ได้สลบไปเลย ถ้าเราจามนี้สลบไปเลย อ๋อ ชัดเจนแล้วที่นี่ โรคอันนี้เองที่เขาขนกันมาเผาอยู่นี้น่ะ โรคที่กำลังเกิดกับเราเวลานี้ เราจึงรีบบอกญาติโยมเขา บอกตามเหตุผลเลย เขาก็เห็นใจนะ เออ นี่อาตมามากุสลาให้คนตายนี้อาตมาผู้กุสลามันจะตายแล้วนะ โรคอันนี้เริ่มเกิดขึ้นแล้วกับอาตมาเวลานั่งอยู่นี้นะ เวลานี้กำลังเสียดแทงเข้าๆ อาตามาจะลาไปละ ก็บอกอย่างนั้นละเรา ถ้าไม่ไปก็จะตายอยู่ด้วยกันนี่ละบอกตรงๆ เลย เขาก็ปล่อยทันทีเลย นิมนต์ท่านไปเดี๋ยวนั้น โห ไม่ได้ๆ เขาว่า ก็เขาเห็นภัยมาแล้วนี่

นั่นละพอเราไปถึงที่พักเขาก็รุมกันยกขบวนไปเลยเชียว จะไปดูแลเราอะไรเราทั้งหยูกทั้งยาอะไรไป ไล่หนีหมดเลยไม่ให้มีใครอยู่นั้น ทีนี้จะขึ้นเวที นั่นเห็นไหมล่ะ มันชัดกับเจ้าของจะสงสัยไปไหน แล้วได้ทราบชัดว่านี่ละธรรมโอสถ แก้กันปัจจุบันขาดสะบั้นในเที่ยงคืนวันนั้นหมดไม่มีเหลือเลย ที่มันขึ้นเป็นหอกเป็นหลาว มันจะเอาให้ตายเร็วๆ จึงได้พูดถึงว่าเราก็ไม่เคยกลัวตาย แต่เป็นโรคคราวนั้นเป็นห่วงเป็นใยไม่อยากตาย ห่วงใยไม่อยากตายคือภูมิธรรม ฟังให้ชัดนะพี่น้องทั้งหลาย ภูมิธรรมนี้ยังไม่ถึงที่สุดที่เราต้องการ ถ้าตายเวลานี้จะต้องค้างตรงนั้นๆ รู้หมดแล้ว

รู้แล้วถ้าตายเวลานี้ ค้างที่ไหนวันหนึ่งคืนหนึ่งไม่อยากค้าง ถ้าบริสุทธิ์ถึงนิพพานปัจจุบันนี้แล้วเอาไปเมื่อไรไปเลยเราไม่ห่วงใยสังขาร ห่วงใยแต่มรรคผล ซึ่งเวลานี้กำลังเต็มที่แต่ยังไม่สมบูรณ์เราก็บอก เราจึงไม่อยากตาย จิตใจมันทำให้วกวนนะ เป็นห่วงความตายเกี่ยวกับเรื่องมรรคผลที่ยังไม่ถึงที่สุด พูดให้มันชัดๆ ตายแล้วก็สุทธาวาสห้าชั้นไม่ต้องบอก มันรู้ของมันแล้วสุทธาวาสห้าชั้น มันจะไปชั้นใดก็ตามไม่อยากอยู่เพราะไม่ใช่นิพพาน

วกวนไปมา เดี๋ยวธรรมท่านกระตุกขึ้นอย่างแรงเลยนะ โห นี่ละธรรมกระตุกธรรมเตือนภายในใจ ก็เรื่องทุกขเวทนาทั้งหลาย โรคภัยไข้เจ็บที่เป็นอยู่เวลานี้ ท่านเคยผ่านเวทีมาแล้วมากมายก่ายกอง ท่านมาพะวักพะวงอะไรกับเรื่องความตาย ความตายก็เป็นอริยสัจ พิจารณาลงไปซิอะไรตายไม่ตาย นั่นเห็นไหมธรรมกระตุกขึ้นมา ท่านไปยุ่งอะไรกับความเป็นความตาย ว่าเท่านั้น ทางนี้จิตมันก็กลับปุ๊บเลยทันที ทีนี้ความตายไม่ตายไม่สนใจ เอา พิจารณาทุกขเวทนา ฟาดกับทุกขเวทนา แยกแยะทุกอย่างไล่เบี้ยกันในนั้น

ซัดกันตั้งแต่หัวค่ำ ๖ ทุ่มเอาลงกันได้เลย โรคที่เป็นอย่างรุนแรงถูกธรรมโอสถฟาดกระจายแตกไปหมดเลย จนว่างไปหมด มิหนำซ้ำจิตใจมันก็ว่างอยู่แล้วมันยิ่งกระจายความว่างออกไปอีก ออกอุทานขึ้นมา เอาละที่นี่ไม่ตาย นั่นเห็นไหมล่ะ ไม่ตายละที่นี่ กำหนดดูที่ไหนหมดไม่มีอะไรเหลือ ธรรมโอสถตีแหลกไปหมดเลย ๖ ทุ่มเรียกว่าหมด เหตุอันใหญ่หลวงหมดโดยสิ้นเชิง นี่ละธรรมโอสถแก้เป็นอย่างนั้น ไม่ตาย เป็นอย่างชัดเจน โห เพราะฉะนั้นคนถึงตาย สามวันตายมีน้อยสองวันตายมีมาก มันก็จริงที่มันเป็นขึ้นในเรา ขณะเดียวเท่านั้นมันขึ้นอย่างรวดเร็วเลย เราก็รีบกลับ ไปถึงนั้นก็ญาติโยมหลั่งไหลมา เราไล่หนีหมด เราคนเดียวฟัดกันเลย ก็จ้าขึ้นมาภายในจิตใจอีก โรคทางนี้หายเงียบไปเลย นี่ละธรรมโอสถ

เป็นตัวของตัวซิ อะไรเอะอะจามฟิกวิ่งหาหมอๆ ใช้ไม่ได้ ไม่หวังพึ่งตัวเอง ไม่เป็นตัวของตัว นี่เป็น ได้พูดให้ฟังชัดเจน ซัดกันนี้โรคกระจายไปในคืนวันนั้นหายเลย นี่พูดให้ฟัง นี่ละบนเวทีของจิตตภาวนามันกว้างขวางลึกซึ้งมากนะ เกินกว่าที่จะนำมาพูดอย่างนี้ ที่พูดกันหลักวิชาหมอนั้นหมอนี้หยาบๆ นะ ภายในเรื่องธรรมโอสถนี้ละเอียดมาก ละเอียดเกินกว่าหมอที่จะตามทันนะ อันนั้นละเอามาใช้ มันก็ทันกันๆ

นี่ท่านบุญมีท่านคงไม่ไปละ เพราะเราสั่งไปแล้วว่าไม่ต้องไป โรคเหล่านี้มันมีได้มีเสียเต็มตัว เดี๋ยวจะเดือดร้อนภายหลังอีก พวกคนข้างหลังที่ยังมีชีวิตเดือดร้อนจะโจมตีกัน เพราะคนนั้นเพราะคนนี้เอาไปทำอย่างนั้นเอาไปทำอย่างนี้ ระงับให้หมด ให้ท่านพิจารณาคนเดียวท่านบอก เรื่องธรรมอยู่กับหัวใจทุกคนก็บอกงั้น ท่านคงไม่ไปละ ไปหาอะไร พูดอย่างง่ายๆ ที่เทศน์อยู่นี้สะทกสะท้านเมื่อไร ถึงกาลเวลาแล้วหรือจะตายแล้วหรือ เข้าร่มไม้ร่มไหนปั๊บทันที ควรจะเข้าที่ไหนเข้าทันที ใส่ปึ๋งดีดผึงเลย นี่ละธรรมโอสถแก้กันอย่างนี้ แก้ไม่ได้ทิ้งเลยไปเลย ก็มีเท่านั้นเอง

เรื่องธรรมเป็นของเล็กน้อยเมื่อไร สกฺกตฺวา พุทฺธรตฺนํ ธมฺมรตนํ สงฺฆรตนํ โอสถํ อุตฺตมํ วรํ นั่น แก้กันเห็นประจักษ์อยู่นั้น แก้ทั้งโรคกิเลสด้วย โรคส่วนร่างกายด้วย แก้ได้สองอย่าง จึงพูด ไม่เช่นนั้นจะมาเทศน์สอนพี่น้องทั้งกระจายทั่วประเทศไทย ดีไม่ดีทั่วโลกได้เหรอ มันกังวานอยู่ในหัวใจนี่ ไม่ใช่ธรรมดา มันไม่เคยสนใจจะไปเอาใครมาเป็นสักขีพยาน พอตัวอยู่กับนี้หมด ออกเลย ใครจะเชื่อไม่เชื่อก็ตาม ความจริงเต็มส่วนออกเลยๆ เป็นอย่างนั้นละ ถ้าองค์ไหนที่มาปรึกษาหารือกับเราแล้วสมควรอนุญาตเราก็ให้ไป ถ้าไม่สมควรก็ไม่อนุญาต เช่นอย่างท่านบุญมี ไม่ควรแหละ ไม่มีผลดีอะไรเลย ให้เอาภายในเสียว่างั้นละสำหรับหมู่เพื่อน

สำหรับเจ้าของนี้ได้บอกชัดเจนไว้แล้ว บอกอย่างเด็ดขาด การที่จะเอาเราเข้าไปสู่โรงพยาบาลไหนๆ ก็ตาม ถ้าเราไม่ลั่นคำให้ไปอย่าเอาไปเด็ดขาดนะ เพราะเราพอตัวของเราแล้วเราพูดจริงๆ เลย เราพอตัวของเราแล้ว อันไหนที่ควรแก่โรงพยาบาลก็รู้ ไม่ควรเราก็รู้ รู้อยู่ในนั้นแล้ว อย่างที่ท่านอาจารย์คำดี ที่โรงพยาบาลหมอปัญญา คลองตันน่ะ กรุงเทพฯ ตอนนั้นเราไปกรุงเทพฯ พอดีเขาเอาท่านไป ท่านป่วยหนักเขาเอาไป คงลากไปเลยละท่า ไม่ปรึกษาหารืออะไรกับท่านละ ถ้าปรึกษาท่านจะไม่ไป เอาท่านไปได้สองสามวันหรือไง เราทราบเราก็ไปเยี่ยม พอดีเกิดเหตุในเวลาเราไป เหมาะเจาะกันเหลือเกิน

เขากำลังฉีดยาท่าน พอฉีดยาธาตุขันธ์ของท่านดีดนั่นซิ ใจของท่านจะเป็นอะไร ธาตุขันธ์ของท่านดีดให้เห็นประจักษ์ พอเขาฉีดยาเสร็จแล้ว ท่านสีทนกำลังอยู่ที่นั่น เรียกท่านสีทนมานั่ง เอาท่านมาทำไมไล่กันเลย ให้เอากลับโดยด่วน ท่านไม่ใช่เป็นคนประเภทนี้นะ ประเภทที่จะมาตายเกลื่อนตายกล่นดีดดิ้นอยู่โรงพยาบาลอย่างนี้นะ ให้เอากลับโดยด่วน เราบอกอย่างขาดตัวเลย ทางนั้นก็รีบเอากลับ มาท่านก็ไปสบายท่านเลย นั่น ท่านไม่มีอะไรแล้วภายในจิตใจ เป็นแต่เพียงว่าธาตุขันธ์เยียวยากันไปได้แค่ไหนก็เยียวยา เมื่อไม่ได้ก็ทิ้งไปเลยเท่านั้นเอง จะไปให้ทรมานอะไร เช่นอย่างสายระโยงระยางสามปีสี่ปีก็ใส่ทรมาน ผู้จะตายทรมานอยู่ตลอด แล้วพวกนั้นก็ไม่อยากให้ไปๆ แต่ผู้นี้ได้รับความทุกข์ความทรมานจากขันธ์ที่เป็นมหาภัยเวลานั้นไม่สนใจกันเลย นี่ละเราถึงเอาเลยจี้เข้าเลย

อย่างอาจารย์ชา เมืองอุบลเหมือนกัน นั้นเรานะให้ถอดสาย ไม่ได้บอกว่าให้ถอดสายตรงๆ เหตุผลบังคับอยู่ในนั้น ธาตุขันธ์ของท่านท่านใช้เป็นคุณเป็นประโยชน์มาเป็นเวลานาน เวลานี้ธาตุขันธ์กลายเป็นมหาภัยต่อท่านแล้ว ท่านไม่ควรที่จะเอาไว้ คือมีแต่เป็นภัยตลอดไม่มีคุณแม้นิดหนึ่งเลยในธาตุขันธ์ของท่าน แล้วจะเอาท่านมาทรมานไว้ทำไม สายระโยงระยางวุ่นไปหมด ท่านทรมานในธาตุขันธ์ของท่านต็มที่ แต่ลูกศิษย์ลูกหามีแต่ว่าไม่อยากให้ท่านตายๆ เพียงเท่านั้นเกิดประโยชน์อะไร ผู้ทรมานคือท่านองค์เดียวในธาตุขันธ์ของท่าน

ใส่กันอย่างหนักๆ เลย เขาก็อัดเทปเอาไว้ วัดหนองป่าพงไปหาเราที่สวนแสงธรรม เราก็ใส่เปรี้ยงเลย พอไปเล่าอาการให้ฟัง พอกลับมาเขาก็เอาเทปของเรานี้ไปเปิดให้ชาวอุบลฟังทั้งเมืองเลย ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้มาอ่านให้ประชาชนทั้งหลายฟัง เอ้า ฟังนะคราวนี้พากันตัดสินยังไงเอาตัด เทปนี้เป็นเทปอาจารย์มหาบัวที่เทศน์ที่วัดสวนแสงธรรม ท่านพูดวันนี้เอาฟัง ฟังแล้วใครจะว่าไงพิจารณากันนะ เขาก็เปิดเทปให้ฟัง พอฟังจบลงแล้ว เป็นยังไงที่นี่ ผู้ว่าราชการจังหวัดถาม ใครเห็นว่ายังไง

คือของเรานั้นบอกว่าให้ปัดออกหมดโดยสิ้นเชิง ปล่อยให้ท่านไปของท่าน อย่าให้ท่านมาทรมานต่อลูกศิษย์ลูกหาที่เป็นเหมือนเทวทัต ท่านจะตายท่านทรมานไม่ดูความทรมานท่าน มีแต่อยากดูให้ท่านมีชีวิตอยู่ยืนนาน ชีวิตอะไรชีวิตไฟเผาคน พออ่านจบลงแล้วท่านผู้ว่าราชการจังหวัดประกาศลั่นเลย เอ้า ใครจะค้านธรรมะอาจารย์มหาบัวให้ค้านขึ้นมา ถ้าใครไม่ค้านก็จะเป็นไปตามท่านนี่ล่ะบอกงั้น เป็นไปตามท่านว่านี้ ไม่มีใครค้านแม้แต่คนเดียว เงียบเลย เออ เป็นอันว่าทำตามท่านนะ พอปลดอันนั้นท่านก็ผึงไปเลย นั่นเห็นไหมล่ะ ความทรมานนั้นหมดโดยสิ้นเชิง ก็เป็นอย่างนั้นแหละ ภายในใครจะรู้ได้ยังไง

โลกมันดูผิวๆ เผินๆ ไม่มีเหตุมีผลอะไร เช่นไม่อยากให้ท่านตายๆ ก่อนตายท่านทรมานตลอดเวลานี้ ไม่อยากให้ท่านทรมานอย่างนี้มีไหม หัวคิดใดมีบ้างไหม นั่น เรามีตรงนั้นเลย มาเป็นมหาภัยทั้งหมดแล้วร่างกายนี้ ไม่มีคุณแม้นิดหนึ่ง แล้วยังจะเอาเผาท่านให้ทรมานอยู่เหรอ ว่าอย่างนั้นละ เลยเอาออก ท่านก็ไปเลย สำหรับทางนี้ไม่มี ครูบาอาจารย์ไม่มี ตั้งแต่หลวงปู่ขาวท่านกำลังเพียบอยู่ที่วัดถ้ำกลองเพล เขาเอาอะไรไปจ่อ เหมือนออกซิเจนหรืออะไรช่วยท่านให้หายใจ ไปถูกมือท่าน ท่านปัดออกทันทีเลย เอ้อ อย่างนี้ซิ นั่น เอาละที่นี่ให้พร

 

รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร

FM 103.25 MHz

 

 


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก