กิเลสอายใครเป็นเมื่อไร
วันที่ 6 เมษายน 2549 เวลา 8:30 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   ข้อมูลเสียงแบบ(MP3)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)   วิดีโอแบบ(Win High Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๖ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๔๙

กิเลสอายใครเป็นเมื่อไร

ก่อนจังหัน

พุทธศาสนากำลังจะมุดมอดไปจากเมืองไทยเราแล้ว ค่อยหมดไปๆ ดูแล้วสลดสังเวชนะ ฆราวาสเข้ามาๆ ดูจุดใหญ่คือดูวัดดูวาดูพระดูเณร ดูแล้วสลดสังเวชนะ เราไม่ได้ว่าเราเลิศกว่าเขา เอาธรรมมาเทียบกับสิ่งเหล่านี้แล้วมันน่าสลดสังเวช ความหมายว่างั้น จะไม่มีเหลือแล้วนะศาสนาที่เลิศเลอ ที่พระพุทธเจ้าพาสัตว์ดำเนินมาโดยลำดับ มันไม่เห็นมีคุณค่าอะไรแล้วเดี๋ยวนี้ พวกกองมูตรกองคูถมันเข้าเหยียบเข้าทับไปหมด จะไม่มีอะไรเหลือแล้ว ทีนี้กองทุกข์ก็ไปด้วยกันกับพวกเห่อๆ นั้นแหละ ผู้ท่านไม่เห่อท่านไม่เป็นทุกข์ ไอ้ผู้เห่อๆ นั้นละมันเป็นทุกข์มากเวลานี้ ได้เท่าไรไม่พอๆ

อย่างรัฐบาลส้วมรัฐบาลถานปัจจุบันนี้ นี่เศรษฐีส้วมเศรษฐีถาน รัฐบาลส้วมรัฐบาลถาน ไปดูสมัยปัจจุบันนี้ คนทั้งเมืองคนทั้งชาติทั้งประเทศเขาไล่ออกไม่ยอมออกจากส้วมจากถานนะนี่ เหมือนปล่อยหมาเข้าถานพวกนี้น่ะ พูดแล้วสลดสังเวช อำนาจของกิเลสมันอายใครเป็นเมื่อไร หน้าด้านที่สุดคือกิเลส มึนทึน ดุดันที่จะเอาให้ได้อย่างใจที่สุดคือกิเลส ไม่มีเหตุมีผล ทำให้ชาติบ้านเมือง ศาสนา เดือดร้อนไปตามๆ กันหมด เมืองไทยเราเดี๋ยวนี้ว่าทุกหย่อมหญ้าก็ได้เวลานี้ กระเทือนไปหมดเลย คือกิเลสความได้ไม่พอๆ บ้ายศบ้าลาภบ้าได้ไม่พอ อะไรก็ไม่พอ เผาแหลกไปเลย อะไรมันจะพอ

ตายแล้วก็เอาไฟเท่านั้นละไปเผา พอที่กองไฟไม่เห็นมีเลิศเลอที่ไหน ใครตายแล้วเอาไปที่ไหน ไม่เผาก็ฝังเท่านั้นแหละ ไม่อยากฝังทิ้งให้แร้งให้กาเขาก็ไม่รังเกียจละ หรือเขาอาจรังเกียจถ้าเป็นศพที่เลวร้ายที่สุด ศพพวกมูตรพวกคูถ พวกเห็นแก่ได้แก่ร่ำแก่รวย ก่อไฟเผาบ้านเผาเมืองนี้ ตายลงไปแล้วอีแร้งอีกาน่ากลัวจะไม่มากินศพ เดี๋ยวมันจะไปติดพันเข้าอีก ก็จะกลายเป็นอีแร้งอีกามีความมักใหญ่ใฝ่สูงเป็นบ้าไปตามๆ กันอีก นกหนูปูปีกที่ไหนก็จะมาเป็นสัตว์เห็นแก่ได้เห็นแก่ร่ำแก่รวย เป็นไฟกันทั้งโลกนั่นแหละ มันน่าทุเรศจริงๆ

เอาธรรมออกมันไม่ยอมฟังเสียงเลยเวลานี้ มีแต่เรื่องกิเลสตีตลาดๆ ไปที่ไหนดีหมดถ้าเป็นเรื่องของกิเลส ถ้าเป็นเรื่องของธรรมแล้วไม่มีค่าๆ อะไรเลย นั่นละคือคนหมดค่าแล้ว พวกเรานี้พวกฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมลืมเนื้อลืมตัว พวกหมดค่าหมดราคา ไม่มีค่ามีราคา มีแต่คอยแต่ลมหายใจฝอดๆ แล้วหัวใจมีอะไรเป็นหลักใจล่ะ ถ้าธรรมไม่มีแล้วหมดหวังเลย เอาไปนั่งอยู่บนกองเงินกองทอง ก็ไปหมดหวังอยู่บนกองเงินกองทองถ้าไม่มีความดีงาม ไม่มีอรรถมีธรรมเข้าสู่ใจ ศาสนาเข้าสู่ใจบ้างแล้วตายทิ้งเปล่าๆ เอาไปตายบนกองเงินกองทอง ก็ไปเน่าเฟะอยู่บนกองเงินกองทองให้เลอะเทอะไปตามๆ กันหมดนั่นแหละ พากันจำเอานะ

โฮ้ น่าสลดสังเวชนะ เราจวนจะตายเท่าไรมันอดไม่ได้นะตามองไปที่ไหน แต่ก่อนไม่เป็น มองไปไหนก็ธรรมดา ฟังก็ฟังธรรมดา เดี๋ยวนี้มันไม่เป็นอย่างนั้นก็บอกไม่เป็น พอตามองไปที่ไหนเรียกว่าสติปัญญาอัตโนมัติมันจะหมุนของมันไปพร้อมๆ ได้ยินก็ดี ได้เห็นก็ดี มันจะเป็นอัตโนมัติของมันไปพร้อมๆ เรียบร้อยแล้วปล่อยวางๆ เหมือนไม่รู้ไม่ชี้ เหมือนไม่เห็น ถ้าจะมาแบกหามเราก็หนักอีกเหมือนกัน มันน่าทุเรศนะ

เป็นยังไงพี่น้องทั้งหลาย ดังที่พระพุทธเจ้าท่านทรงแสดงกระตุกพวกสัตว์ที่มันโง่หรือมืดมิดปิดตาว่า โก นุ หาโส กิมานนฺโท นิจฺจํ ปชฺชลิเต สติ อนฺธกาเรน โอนทฺธา ปทีปํ น คเวสถ ก็เมื่อโลกสันนิวาสนี้มันร้อนเป็นฟืนเป็นไฟอยู่ด้วยความโลภ ความโกรธ ความหลง ด้วยราคะตัณหาความมืดบอดครอบงำสัตว์โลกอยู่ตลอดเวลานี้ เธอทั้งหลายยังมาหัวเราะกันหาอะไรอยู่ในท่ามกลางกองไฟนี้ หัวเราะหาอะไร เคยมีไหมสัตว์ทั้งหลายไปหัวเราะกันอยู่ท่ามกลางกองไฟ ท่ามกลางหม้อน้ำร้อน เคยมีไหม ถ้าไม่ใช่มนุษย์พวกที่โง่ที่สุดนี่ไปหัวเราะกันอยู่ในท่ามกลางกองฟืนกองไฟ ราคคฺคินา โทสคฺคินา โมหคฺคินา นี้คือกองไฟ มันไปหัวเราะกันอยู่ตรงนี้

ท่านแสดงไว้ในบาลีมี ทำไมจึงไม่เสาะแสวงหาที่พึ่ง ท่านบอก ปทีปํ น คเวสถ ก็เมื่อโลกสันนิวาสเป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้ตลอดเวลา ด้วยความมืดมนอนธการนี้ ยังหัวเราะกันได้อยู่เหรอ หัวเราะอยู่ในท่ามกลางกองไฟได้อยู่เหรอ ทำไมไม่เสาะแสวงหาที่พึ่ง นี่พระพุทธเจ้าแท้ๆ แสดง แล้วพวกเรามันเป็นสัตว์ประเภทไหนถึงไม่ได้ฟังเสียงศาสดา ฟังเสียงแต่มูตรแต่คูถ จับหางดึงออกมันโดดเข้าไปในส้วมในถาน สิ่งเหล่านั้นถือเป็นสมบัติเงินทองอันเลิศเลอๆ ธรรมที่จะครองหัวใจให้เป็นความสุขความเจริญเลิศเลอมันไม่สนใจนะเวลานี้ ฟังเอานะ เอาละให้พร

หลังจังหัน

ฟัง ธรรมลีวัดถ้ำผาแดงถวายทองคำ ๔๐ บาท ๕๐ สตางค์ เงินสด ๒๐,๑๐๐ เช็ค ๑๖๑,๕๐๐ บาท รวม ๑๘๑,๖๐๐ บาท ดอลลาร์ ๓๐ ดอลล์ เงินยูโร ๑๐๐ ยูโร

(ชาวบุรีรัมย์ถวายปัจจัยร่วมศูนย์ดวงตา) เราตั้งศูนย์ดวงตาที่บุรีรัมย์ เพชรบูรณ์ พิษณุโลก อุตรดิตถ์ ๔ แห่งแล้ว แต่ละแห่งไม่น้อยนะ นี่เรียกว่าเริ่มต้นๆ ตานี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย แพงมากเครื่องมือตา เพราะต้องเอามาจากนอกทั้งนั้น เมืองไทยเราไม่ทันก็ต้องยอมรับเขา ต้องเอาจากเมืองนอกมา บุรีรัมย์เริ่มต้น ๖ ล้านแล้วเวลานี้กำลังสั่ง เพชรบูรณ์ ๔ ล้านกว่า พิษณุโลก ๙ ล้าน ๕ หมื่นกว่า อุตรดิตถ์ ๕ ล้านแปด นี่กำลังอยู่ในหัวอกหลวงตา เริ่มละที่ว่าเท่านั้นล้านเท่านี้ล้านยังไม่มากนะ เริ่ม จากนั้นก็ก้าวละ ก้าวเรื่อยๆ อย่างนี้ละดวงตา ลงจุดไหนๆ ดวงตาสำคัญมาก แพงๆ เราได้เห็นชัดเจนที่เราไปช่วยโรงพยาบาลศูนย์อุดร มัน ๒๐ กว่าล้าน เมื่อเร็วๆ นี้ก็มาบิดเอาเงินเราไปตั้ง ๗ ล้านกว่า ศูนย์ตาอยู่ๆ ก็มาฟาดเอาเสีย ๗ ล้านกว่า เราให้เลย เพราะเราเอามือเขียนเราต้องเอามือลบ

คือเราได้เปิดโอกาสให้แล้วสำหรับโรงพยาบาลอุดร ศูนย์ตา เราเปิดโอกาสให้หมดเลยจนกระทั่งเราตาย เครื่องมือตาอะไรไม่ดีควรซ่อมให้รีบซ่อม ซ่อมไม่ได้ให้รีบสั่ง เครื่องมือแพทย์สำหรับตานี้อันไหนบกพร่อง ที่หมอเห็นสมควรว่าจะควรสั่งให้สั่งเลย เราบอกงั้น ให้สั่งเลย เมื่อของตกมาถึง หมอทดสอบคุณภาพเรียบร้อยแล้วส่งบิลมาให้ เราก็จ่ายไปตามบริษัทนั้นๆ อยู่ๆ ฟาดมาเมื่อเร็วๆ นี้ฟาดตั้ง ๗ ล้าน ก็เราเปิดไว้แล้ว ถึง ๑๐ ล้านก็จะต้องให้ใช่ไหมล่ะ เราให้เลยทันที นี่ละเขาเรียกมือเขียนมือลบ เอามือเขียนตีนลบไม่ได้ เราปวารณาถึงขนาดนั้น เอาให้สั่งเลยตา ไม่ต้องมาขออนุญาตจากเรา ถึงขนาดนั้นเขายังมีมารยาท เขาเห็นว่ามันมากเกินไป อยู่ๆ ฟาดเสีย ๗ ล้านกว่า เราก็ให้ทันทีเลย รับกันอย่างนั้น

เวียงจันทน์ก็ไม่ได้ปล่อยนะ ยังติดตามอยู่ ไปแล้ว ๑๖ ล้าน เวียงจันทน์ก็ประเทศลาวทั้งประเทศ สพฺเพ สตฺตา อันว่าสัตว์ทั้งหลายว่าไง ครอบโลกธาตุ ช่วยกันไปหมดนั่นแหละ

(ถวายดวงตาร่วมศูนย์ดวงตา ๕๕,๕๐๐ บาท) มาเรื่อยๆ อย่างนี้ละ เวลานี้กำลังหนักมากเรื่องตา เพราะเราเห็นความสำคัญของตามากที่สุด เพราะฉะนั้นเราจึงเข้าจุดตา พอเราเปิดตานี้ก็พรึบมาเลย ตั้งแต่พิษณุโลกมานี้ปุ๊บปั๊บทันทีๆ หูดีพวกนี้ ดีอย่างนี้ละ เราพูดมันได้ยินหมดจะว่าไง เขาก็มาตามนั้น ให้ตามนั้นๆ หลายล้านละมังที่ว่าเดี๋ยวนี้น่ะ กี่ล้านแล้ว (ทั้งหมดนะฮะ) ที่สั่งตะกี้นี้เร็วๆ ตั้งแต่ ๕ ล้าน ๙ ล้านอะไรไปเรื่อย (มีพิษณุโลก ๙ ล้าน ๕ หมื่น เพชรบูรณ์ ๔ ล้าน บุรีรัมย์ ๖ ล้าน อุตรดิตถ์ ๕ ล้าน ๘ แสนครับ) แล้วบวกกันเป็นเท่าไร รวมกันเป็นเท่าไร

(๒๔,๘๕๐,๐๐๐ ครับ ๔ จังหวัด) ๔ จังหวัดนี้ ๒๔ ล้านเหรอ ของง่ายเมื่อไร เราจะได้เงินมาจากไหน นี่ละเงินมาทั้งหลายนี้ออกหมดเลย เราแบตลอดไม่มีคำว่ากำ ได้เท่าไรมาออกหมดเลยๆ เพื่อพี่น้องชาวไทยเรา ต่างประเทศก็มี พวกพม่า พวกเวียงจันทน์ ทางนั้นก็ฝ่ายโรงพยาบาลเหมือนกันพม่า แล้วทางเวียงจันทน์ก็โรงพยาบาล ออกไปนอกไป (เวียงจันทน์ ๑๖,๙๙๓,๐๔๐ บาทครับ) โอ๋ เวียงจันทน์ ๑๖ ล้าน เอ้อ นี่หมายถึงเวียงจันทน์ อย่างนั้นละ (ไม่นับของอีกประมาณ ๔ ล้าน) ของไป ๔ ล้านไม่นับ นี่วันมาขนเอาไป ๕ คันรถสิบล้อ แล้ว ๗ คันรถสิบล้อไปสองเที่ยวให้ไปแล้วไม่นับ นี่ว่า ๔ ล้าน ก็อย่างนั้นละ

วัดเราเป็นวัดที่เปิดทาน พูดตามความสัตย์ความจริง ถ้าจะแข่งไม่มีวัดไหนมาแข่งได้เลยทั่วประเทศไทยพูดให้ชัดเจน แข่งวัดนี้ในการบริจาคทาน รอบด้านออกทุกแง่ทุกมุมเลย มาทางไหนๆ ออกตลอดไม่มีเหลือๆ อันนี้ก็เพราะอะไร ก็เพราะความเมตตา อำนาจแห่งความเมตตานี้มีเท่าไรมันกวาดออกหมด ไม่มีคำว่ากวาดเข้า เมตตาได้เท่าไรกวาดออกๆ หมดเลย นี่ละอำนาจความเมตตาไปที่ไหนมันจึงเย็นซิ ผู้รับก็มีความยิ้มแย้มแจ่มใส ผู้ให้ก็ให้ด้วยความเมตตา จนกระทั่งวันเราตายละถึงจะหยุดเรื่องเหล่านี้ ตายแล้วยังสุดท้ายอีก เราทำพินัยกรรมไว้เรียบร้อยแล้ว

เวลาเราตายมีประชาชนมาเผาศพเรา ไม่ให้ทำอะไรหรูหราฟู่ฟ่าสิ่งภายนอก ก่อสร้างนั้นก่อสร้างนี้มาประดับโลงผีตายไม่เหมาะ สมบัติเงินทองข้าวของที่ได้มามากน้อยตั้งกรรมการกึ๊กขึ้นเลย เก็บรักษาไว้เรียบร้อย เสร็จแล้วยกเข้าซื้อทองคำเข้าสู่คลังหลวงหนึ่ง อันหนึ่งยกเข้าคลังหลวงไปเลยหนึ่ง สองอย่าง แต่ยังไงมันจะไปทองคำเพราะเราสั่งไว้เรียบร้อยแล้วทองคำ ไปซื้อทองคำเข้าสู่คลังหลวง เพราะทองคำยังบกบางอยู่มาก เราจึงได้รบกวนออดอ้อนพี่น้องทั้งหลายตลอดมา เพราะเราได้รู้ทองคำในคลังหลวงเอง จึงวิตกวิจารณ์มาตลอดขออยู่เรื่อยเลย เท่านั้นเท่านี้มาวันละเล็กละน้อยเพื่อจะเข้าคลังหลวง ถ้าไม่เข้าอย่างนี้ไม่มีทางเข้านะ

คิดดูซิทองคำเราตั้ง ๑๑ ตัน ๓๗ กิโลครึ่งเข้าเรียบร้อยแล้ว นี้ก็มาจากพี่น้องทั้งหลาย โดยที่เราเป็นผู้นำนั่นเอง ถ้าไม่นำก็ไม่มี ใครมีอยู่ก็ไม่ทราบจะบริจาคกับใครๆ เมื่อมีผู้รับบริจาคก็ไหลเข้ามาๆ เราก็เข้าสู่คลังหลวงหมด เดี๋ยวนี้ดูมันจะ ๑๑ ตันเกือบ ๓๐๐ กิโลแล้วมัง (๒๘๗ กิโลครับ) เอ้อ ๑๑ ตัน ๒๘๗ กิโลเวลานี้นะ ที่ ๒๘๗ กิโลนี้ยังไม่ได้เข้า คือรอหลอมแล้วมาเก็บ หลอมเก็บ แล้วจากนั้นก็เข้า ส่วนใหญ่นั้นเข้าแล้ว ๑๑ ตัน ๓๗ กิโลครึ่งเข้าเรียบร้อยแล้ว จากนั้นไป ๒๐๐ เท่าไร อันนี้ยังไม่เข้า มีโอกาสเมื่อไรมันจะเข้าเองละ เพราะการควบคุมอยู่กับเราคนเดียว สั่งเมื่อไรก็ได้ ให้รอจังหวะๆ เท่านั้นเอง

ส่วนดอลลาร์นั้น ดอลลาร์มีมากน้อยเพียงไรเราหมุนเข้ามาช่วยเงินไทย เงินไทยไม่พอกับการช่วยชาติบ้านเมือง ต้องได้ดอลลาร์เข้ามาหนุนช่วยเงินไทย แปลเป็นเงินไทยออกไปเลย ไม่ได้เข้าคลังหลวงละดอลลาร์ เข้าแต่ทองคำ ทองคำร้อยทั้งร้อยเข้าตลอด ส่วนดอลลาร์บอกยังไงก็เป็นอย่างนั้น ต่อนี้ไปดอลลาร์จะไม่ได้เข้าคลังหลวงนะ เพราะเงินไทยเราจะบกบางมาก เพราะเนื่องจากเราหยุดการเทศนาว่าการช่วยชาติแล้ว แล้วผู้ที่มาขอความช่วยเหลือนั้นไม่ได้บกบางนะ เมื่อเป็นอย่างนั้นจึงได้อาศัยดอลลาร์ มีเท่าไรเข้ามาช่วยเงินไทย ก็ช่วยมาตลอดอย่างนี้ละ มีเท่านั้นละ

 

รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร

FM 103.25 MHz


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก