เหมือนเทวดาสังหรณ์
วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2544 เวลา 8:00 น. ความยาว 46.18 นาที
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)

ค้นหา :
 

                              เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

                           เมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๔๔

                          เหมือนเทวดาสังหรณ์

          ใครพบเห็นแมวบ้างในวัดเดี๋ยวนี้ แมวยังมีอยู่ไหมเดี๋ยวนี้ในวัดเรานี่ คือเอาไปตัวนั้นแล้วยังมีอีกไหม โฮ้ เราเห็นกระแตนี่เราสงสารนะ แมวกับกระแตนี้รวดเร็วมากนะ กระแตนี่เซ่อมาก หนูยังดีกว่ากระแต กระแตไม่เป็นท่า เดี๋ยวนี้เห็นมีด้อม ๆ แด้ม ๆ อยู่ตามนี้ ตอนหนึ่งรู้สึกว่าหมดไปจนจะไม่มี นี่ก็ท่านอุ่นแหละเอามาปล่อย คือท่านเอาจากวัดท่าน มาแต่ละครั้งตั้ง ๕๐-๖๐ ตัวกระแตมาจากวัดป่าแก้วนะ เอามาปล่อยไว้นี้แล้วหายไป หายไปหมดไม่ทราบไปยังไง แต่ทีนี้มันปฏิเสธไม่ได้ก็คือแมวนั่นซิมันมีอยู่ไม่ขาดวัด มันกินทุกวัน ๆ ก็หมดได้กระแตนะ

ระยะนี้ก็พอมีกระแตขึ้นมาบ้าง เพราะฉะนั้นเราจึงสงวนมันมาก พอเห็นแมวรีบสั่งให้จับเลย ไม่จับก็หมดจริง ๆ สำหรับไก่ไม่มีปัญหาอะไรแหละ ไก่ยั้วเยี้ย ๆ อยู่ พวกแมวนี่เป็นแมวบ้าน เขาอยู่ด้วยกันกับไก่กับหมูกับหมาเขาไม่มีอะไรกัน แต่พวกหนูพวกกระจ้อน กระแตนี้ไม่ได้นะ มันไม่ได้ขึ้นกับความหิวโหยไม่หิวโหยนะ พอเจอนี่ด้อมใส่เลยกัดเลย ไม่ได้หมายถึงว่ามันหิวนะ มันเป็นสัตว์ประเภทอย่างนี้ มีแต่จะเอาท่าเดียว พอเจอปั๊บกัดแหละ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความหิวไม่หิวนะ

พูดเรื่องแมวนี่ก็เป็นสิ่งที่น่าคิดอยู่มากนะ มีหลายครั้งแล้วที่ชัดเจนเอามาก อย่างวัดดอยธรรมเจดีย์ ท่านอาจารย์กงมาท่านอยู่ที่นั่น แล้วหนูก็มากัดหมอนเรื่อย ๆ ท่านก็พูดธรรมดานี่แหละ พูดขู่ขวัญหนู แต่ก่อนท่านก็ไม่พูด นี่ท่านพูดเองนะ คือแมวมาหาจริง ๆ นะ อยู่วัดดอยธรรมเจดีย์ มันมากัดหมอนเรื่อย ๆ แต่ก่อนท่านก็ไม่ได้พูดถึงแมว ทีนี้มันบันดลบันดาลอะไรก็ไม่ทราบท่านว่าอย่างนั้นนะ คนนั่งภาวนา หนูมันกัดหมอนข้างหลัง เราก็พูดบ๊งเบ๊ง เอ๊ หนูทำไมกล้าหาญเอานักหนานะ เดี๋ยวกูเอาแมวมาเลี้ยงไว้สูหมดป่านะ หนูเรานี้น่ะ ท่านขู่ เดี๋ยวกูเอาแมวมาปล่อยสักตัว ป่านี่หนูหมดนะสูท่านว่างั้น

ท่านว่าแล้ว พอวันหลังเท่านั้นมันแปลก แต่ก่อนไม่เคยมี ภูเขาลูกนั้นไปสร้างวัดไม่เคยมี ท่านพูดท่านก็พูดกลางคืน ท่านก็ไม่ได้มีเจตนาอะไรเลยพูดขู่ขวัญมันเฉย ๆ ท่านว่า พอตกกลางคืนมาท่านมานั่งภาวนาที่เก่า ท่านจุดตะเกียง เขาเรียกตะเกียงรั้วหรือไงมีหูหิ้วน่ะ ท่านจุดหรี่เอาไว้แล้วท่านก็นั่งภาวนา วันหลังนะ ติดกันทีเดียว วันนี้ท่านว่าวันหลังมันก็เป็น พอท่านออกจากที่ภาวนาลืมตามานี้ แมวตัวหนึ่งนั่งอยู่ข้างหน้านี้แล้ว ไม่ทราบมาจากไหน นั่งข้างหน้าห่างกันวาเดียวท่านว่างั้น ตะเกียงก็อยู่งั้น พอลืมตาไปมองเห็นมันนั่ง อ้าว มันไม่ใช่แมวเหรอ ท่านดู เหอ ไม่ใช่แมวเหรอ มันก็เลยโดดไป ท่านว่าไม่ใช่แมวหรือนี่ มันเลยโดดออกไป โดดไปก็ชัด โอ๊ย แมว

ท่านก็เลยพูดอีกแหละ สูอย่ามาหากัดหนูกูนะ กูเรียกหาสูเฉย ๆ ไม่ได้เรียกให้สูมากัดหนูนะท่านว่าอย่างนั้น ทีนี้มันไม่กัดถ้าหนูไม่มากัดหมอน นี้อันหนึ่งมีข้อแม้กันอยู่นะ เหมือนกับเป็นสัญญากันเลยเทียว หนูยั้วเยี้ยก็ตามถ้าไม่มากัดหมอนไม่ทำ เป็นอย่างนั้นเรื่อยมา ถ้าวันไหนหนูกัดหมอน วันนั้นเราจะเห็นหัวหนูทิ้งอยู่ข้างหมอน วันนี้มากัดหมอน เอาหัวมาฝากไว้นี้เลย นุ่นคงเอาไปกินว่างั้นเถอะ เอาหัวฝากไว้เอานุ่นไปกิน..หนู มึงอย่ามาหากัดหนูนะ ท่านก็ขู่อย่างนั้นแหละ มันก็ไม่กัด แต่ถ้าหนูตัวไหนอยากตายแล้วก็ให้มากัดหมอน หัวมันจะฝากอยู่ที่นี่ท่านว่า มันกัดหนูแล้วตัวมันไปไหนไม่รู้นะ หัวอยู่นี้เหมือนว่าแมวฝากไว้ให้ดู นี่ตัวสำคัญจะไม่ให้กัดได้ยังไงคงหมายความว่าอย่างนั้น นี่หมอนขาดกระจุยกระจายนี้ นี่หัวหนูตัวมันกัดจะไม่ให้กัดมันได้ยังไง เราก็ลูกศิษย์พระจะว่า เรียกมาหาก็ต้องมาซี คงเป็นอย่างนั้น แล้วมันอยู่นั้นเป็นประจำ ถ้าไม่กัดหมอนไม่เป็นไรท่านว่า ถ้ามากัดหมอนแล้วเป็นตายแหละ ถ้าไม่กัดไม่ทำ เราพูดขู่ไว้มันก็ปฏิบัติตามที่ขู่ ว่าไม่ให้กัดหนูมันก็ไม่กัด แต่ถ้าหนูมากัดหมอนมันก็ฟัดหนูเลย นี้อันหนึ่ง

มันน่าคิดอยู่ เราเคยโดนมาสองหนเหมือนกัน เราไปอยู่ห้วยทรายตั้ง ๔ ปี วัดก็อยู่ในป่าในเขาตีนเขา แต่ก่อนห้วยทรายกับวัดนี้ โอ๋ย ห่างไกลกันมาก คือดงติดต่อมาเป็นภูเขาขึ้นข้างบน ทางนี้ก็ภูเขาไปเรื่อย เราไม่เคยเห็นแมวเลยนะ ปีนั้นในพรรษาเป็นปีที่เราจะจากห้วยทราย พาโยมแม่มาบวชแล้วไปจันท์พรรษานั้น ตอนเช้าเราลงเดินจงกรมอยู่เห็นเณรเข้าไปผิดเวลา เณรมาอะไร ตอนต้นเสียก่อนนะ อันนี้เณรมาบอกเรื่องแมว ตอนต้นพอเราลงไปในห้องนี้เอาหมอนแขวนไว้เป็นพวงเลย ไม่ทราบมันไปกัดเชือกยังไงหนูน่ะ กัดเชือกขาดลงมา ทีนี้มันมากัดหมอนนี้ โอ๋ย จนเข้าไม่ได้เลย ห้องนั้นเต็มไปหมดเลย มันกัดหมอนแล้วนุ่นกระจายไปหมดเลย

ทีนี้พอเราขึ้นไปนั้น ถึงเวลาบิณฑบาตขึ้นไป โฮ้ย หนูกัดหมอนแหลกหมดเลยในห้องนั้น ในศาลามีห้องหนึ่งสำหรับเก็บหมอน ห้องแคบ ๆ เราเข้าไปก็ร้องบ๊งเบ๊งธรรมดานี่แหละ จนเข้าไปไม่ได้เลย มันกองพะเนิน มันตั้งหน้าตั้งตากัดนุ่นทั้งคืนละท่า คงมีหลายตัวด้วย หมอนก็หลายลูกด้วย มันกัดเชือกเสียก่อนนะ หมอนหลุดลงมานี้กัดแหลกหมด พอเราเข้าไปก็ร้องโก้กเลย มันยังไงกันนี่ มันหนูยังไงหนูเทวทัตว่างั้นนะ โธ่ ๆ เทวทัตทำลายศาสนานี่ แมวไปไหนน่ะ แมวดงนี้ไม่มีเหรอ ว่าขู่หนูไม่ใช่อะไรละ แมวดงนี้ไปไหนไม่เห็นมา นี่หนูกัดหมอนแหลกหมดแล้ว ก็พูดเฉย ๆ พูดขู่หนู เราไม่มีอะไรเลย

ทีนี้ก็รวดเร็วอีกเหมือนกันนะ พอเราพูดแล้วก็แล้วเท่านั้นก็พูดขู่เฉย ๆ ตอนเย็น ๆ กำลังเดินจงกรมอยู่ในทางจงกรมในป่า เณรก็ด้อม ๆ เข้าไปอีก เณรมาอะไร ครูจารย์เรียกหาแมวเมื่อเช้านี้แมวมาแล้วนะ มันอยู่ไหนล่ะ มาหมอบอยู่ใต้ห้องนุ่นที่หนูกัดหมอนนั่น ครูอาจารย์เรียกแมวเมื่อเช้านี้แมวมาแล้วนะ มันอยู่ไหน มันหมอบอยู่ใต้ถุนนั่นแหละ ไปดู โหย แมวใหญ่โตนะ มีด่างบ้าง คงเป็นแมวบ้านเขาท่านะ พอไปเห็นพระกำลังยืนดูอยู่รอบ ๆ นอก เขาหมอบเฉยไม่สนใจกับใครนะ เราไปเขาก็หมอบอยู่นั้นจริง ๆ เฉยเลย

เราไปก็เลยไปสอนเขา นี่กูเรียกเมื่อเช้าไม่ได้เรียกมาทำลายหนูนะ หนูก็หนูวัด แมวก็แมววัด บริเวณนี้เป็นบริเวณวัด มึงเป็นลูกศิษย์พระอย่าทำลายกันนะ เขาก็เฉยอยู่นั้นนะ เราไปยืนพูด พระก็ยืนดูเราสอนแมว หลวงตามันเก่งนะไม่สอนแต่คน แมวก็สอน พอพูดแล้ว มึงอย่าไปกัดหนูนะ ถ้าหากว่าหนูกวนให้มึงร้องคำรามให้หนูกลัวเท่านั้นอย่ากัดมัน แล้วเราก็กลับไป ตอนค่ำมันก็มาหมอบ เห็นแทบทุกวัน จากนั้นแล้วพอเขาออกจากนี้ประมาณทุ่มสองทุ่มแล้วแต่เพลงบ้าเขาขึ้น ร้องอ่าว ๆ บริเวณวัดนี้เขาฉากหมดตำรวจใหญ่ ฟังเสียงอ่าว ๆ คือทางมันเป็นล็อก ๆ เขาก็เดินตามทางเป็นล็อกไป ฟังเสียงคำรามขู่อ่าว ๆ บางทีเห็นตัวเขา เราเดินจงกรมอยู่ก็เห็น หือ มึงมาเหรอ มึงร้องไปอย่างนั้นละอย่ากัดหนูนะ เขาก็อ่าว ๆ ไป นี่แปลก พึ่งมาเจอปีนั้น เรียกตอนเช้าตอนเย็นก็มาเลยก็แปลกอันหนึ่ง เหมือนเทวดาสังหรณ์ นั่นวาระหนึ่ง

วาระที่สองเอาอีกสด ๆ ร้อน ๆ เหมือนกัน เราอยู่กุฏิ เป็นกุฏิกระต๊อบเล็ก ๆ แล้วปลูกอ้อยไว้ให้โยมแม่ข้าง ๆ อ้อยดำไว้ผสมยาให้โยมแม่ หมอเขาเอายามาให้ ข้อของมันพอจะเกิดได้อยู่เราเลยให้เณรเอามาปลูก เราจะปลูกอ้อยไว้สำหรับโยมแม่ พอปลูกมันก็ขึ้นล่ะซี ปฏิบัติบำรุงมันก็ขึ้นเขียวชอุ่ม ทีนี้ไม่ว่าที่ไหนหนูกับอ้อยมันเป็นข้าศึกกัน เพราะหนองผือเราก็เคยแล้วนี่ จากหนองผือก็มาที่นี่ มันกัดเอานักหนาหนองผือ เพราะหนูกับอ้อยมันเก่ง มันกัดอ้อย มาที่นี่ โอ๊ย อ้อยมันสวยงามเหลือเกินนะ เราก็คิดในใจเราเฉย ๆ โอ๊ย อ้อยสวยงาม อยู่ทางหนองผือมีแต่หนูมากิน ทางนี้ไม่มีหนูเหรอ นี่มันแปลกอยู่นะ แถวนี้ไม่มีหนูเหรอเห็นอ้อยเขียวชอุ่ม

พอตกกลางคืนมามันถางแหลกหมดเลย ตื่นขึ้นมาเช้าหมดจริง ๆ นะ นี่เห็นไหมมีอยู่หรือไม่มี..ความหมาย แล้วกัน ๆ พอเราว่าแถวนี้ไม่มีหนูเหรอ หนูก็มาแสดง ถากถางเลยนะ ที่เขียวชอุ่มหมดเลย ทีนี้เราปัดกวาดเข้าไปนั้นก็ไปดู หนูไม่มียังไง แมวไปไหนแถวนี้ไม่มีเหรอมีแต่หนูหรือ เราก็พูดไปไม่มีเจตนาอะไร อันนี้ก็สด ๆ ร้อน ๆ เหมือนกัน ตอนค่ำเวลาบ่าย ๔ โมงถึงเวลาปัดกวาดไป พอไปเห็นหนูถากถางอ้อยหมดแล้วก็ร้องโวกเวกขึ้นแล้วก็มา ไม่นานนะ พอว่าแมวไม่มีเหรอมีแต่หนูวัดนี้น่ะ มันมีศาลาเล็กอยู่นั้น เราก็เดินมาศาลาเล็ก อันนี้มันก็สด ๆ ร้อน ๆ เหมือนกัน พอเรามานอนเอกเขนกอยู่นั้น พวกพระพวกเณรกำลังขนน้ำขึ้นใส่ตุ่มใส่ไหตามแถวนี้

เสียงอ่าว ๆ มาทางตะวันตกกุฏิเรา อ้าว ฟังซิดูเป็นเสียงแมวนะ พระเณรอยู่นั้นก็ว่าใช่แล้ว ถ้าอย่างนั้นคอยดูอยู่นี้นะ มันก็อ่าว ๆ มาตรงที่หนูถางอ้อย ผ่านตรงนั้นโผล่ออกมานี้เลยเห็นตัวชัดเจน สีเหลือง แมวป่าร้อยเปอร์เซ็นต์ คือแมวป่ามันเป็นสีเหลืองนะ โถ มึงมายังไง กูเรียกให้มึงมารักษาอ้อยต่างหาก มึงอย่ามากัดหนูนะ สอนมันนั่นแหละ ต่อไปมึงอย่ามากัดหนูนะ กูเรียกมึงเฉย ๆ พอเห็นเรา เราเงียบเขาก็เงียบแล้วก็เดินผ่านไป ทีนี้ก็เงียบไปแมวตัวนี้ หนูก็ไม่มาถาง

ทีนี้พอคิดทีไรทีนั้นแมวก็มา จากนั้นไม่เห็นเขานะ เงียบเลยไม่ได้ยิน เรื่องหนูก็เหมือนกันเงียบ พอเราเห็นอ้อยขึ้นอีกก็นึก ไม่ใช่แมวตัวนั้นกัดหนูตายแล้วเหรอ ตัวมันมาวันนั้นไม่ใช่กัดหนูตายแล้วเหรอ ไม่เห็นหนูมาถาง กลางคืนเรียบวุธอีก อู๊ย มันชัดขนาดนั้น เราเห็นเองนี่นะถึงได้มาพูดเต็มปาก พอระลึกถึงหนู วันนั้นแมวตัวนั้นมากัดตายแล้วเหรอ ไม่เห็นมากัดอ้อย พอตกกลางคืนมาเรียบวุธเลย แสดงว่ายังไม่ตาย จากนั้นก็สอนมัน สูยังอยู่ทั้งหนูทั้งแมวนะ แต่นี้ต่อไปหนูถ้าหากว่าอ้อยขึ้น สูต้องการลำไหนให้มากัดเอาเป็นลำนะ ยืนบอกเขา ครั้นสูหิวให้มากัดเอาทีละลำไปกิน กูไม่หวง สูอย่ามาถางหมดมันฉิบหาย อ้อยนี้กูปลูกไว้ให้โยมแม่ จากนั้นมาเขาต้องการลำไหนเขาก็มากัดเอาเป็นลำเข้าไปกินในป่า แล้วอ้อยก็ยังเต็มอยู่นั้น เขามาเอาลำเดียว มันแปลกอยู่นะ เราเองเห็นชัดเจน พูดถึงเรื่องแมวก็เป็นอย่างนี้จะให้ว่าไง พูดกลางวันตอนบ่าย ๆ มันก็มาแล้วแมว มันอยู่ไหนก็ไม่รู้นะ มาแล้ว พอพูดถึงหนูก็เห็นอย่างนั้นจะว่าไง อยู่วัดนี้นะ มันแปลก มันเหมือนจะมีเทวดาบันดลจิตใจเหมือนกัน

เช่นอย่างพระสารีบุตร พระโมคคัลลาน์ท่าน พระสารีบุตรท่านป่วยเป็นโรคท้อง เวลาพระโมคคัลลาน์ถามถึงเรื่องอาหารอะไรที่พอเหมาะพอดี ท่านก็บอกว่าส่วนมากจะถูกกับอาหารประเภทนั้น ๆ ท่านก็พูดธรรมดาให้พระโมคคัลลาน์ฟัง ทีนี้เทวดาสังหรณ์มาบันดลบันดาลให้เขาหาอาหารประเภทนั้นมาถวาย นี่บอกชัดเจนว่าเทวดาไปบอกเขา พระสารีบุตรพระโมคคัลลาน์สนทนากันนี้เทวดาเอาเรื่องนี้ไปบันดลบันดาลเขาให้เขาทำ มันเป็นยังไง แถวนี้ก็มีเทวดาเหรอ เราเห็นมีแต่เทวทัตกองมูตรกองคูถ ในครัวไม่เห็นมีเทวดา ไปที่ไหนเห็นแต่เกลื่อนขอนซุงทั้งท่อน อย่างนี้เหรอเป็นเทวดา เป็นซุงทั้งท่อนนี้เหรอ มักจะเห็นแต่อย่างนั้นนี่นะ ถ้าเห็นก็เห็นแมวจะกัดหนูเสียนั่นซี ส่วนเห็นดี ๆ ไม่เห็น วัดเรามีแต่ขอนซุงนั่นแหละ

มีแปลกอยู่นะ พูดถึงเรื่องพวกเทพนี้ก็เป็นอย่างที่ว่านั่นแหละ ที่ว่ามาบันดลบันดาลพวกศรัทธาเขาให้จัดอาหารประเภทนั้นมาถวายท่าน เทวดาไปบอกเขา เทวดาทราบจากพระสารีบุตรพระโมคคัลลาน์สนทนากันเรื่องอาหารที่ถูกกับโรคท่าน นี่อันหนึ่ง สุดท้ายนี้ก็คือหลวงปู่ขาวเรานี่ อันนี้ช้างใหญ่ ช้างใหญ่จริง ๆ ช้างตัวนี้มันเคยฆ่าคนมาแล้วช้างใหญ่ตัวนี้นะ ที่วัดถ้ำกลองเพล แต่ก่อนช้างมันเป็นโขลง ๆ เต็มป่า มีตัวนี้ละหัวหน้าโขลง แต่มันไม่อยู่กับพวกเพื่อนฝูง อยู่ลำพังตัวเดียว ท่านว่ามันนานไม่เคยเห็นช้างตัวนี้มาผ่านวัดเลย มันเป็นยังไงท่านนึก ท่านว่าตอนบ่ายนะ ท่านเล่าให้ฟัง เราคิดสงสารช้างตัวนี้

มันผ่านไปผ่านมาอยู่ในวัดนี้ตัวเดียว แล้วหายไปเป็นปี ๆ ไม่เห็น หรือถูกเขาฆ่าแล้ว ท่านนึกในใจนะ พอตกกลางคืนตอนดึก ฟังเสียงงวงมันมาลูบคลำฝากุฏิท่าน ท่านนอนอยู่ในห้อง เสียงซ่า ๆ อ้าว ใครมาทำอะไรอยู่ข้างนอกล่ะ ขโมยหรือ ถ้าขโมยอยากได้ของก็ มีพรมปูอยู่ข้างล่าง อยากได้ให้เอาพรมนั้นไป นอกนั้นไม่มี เป็นขโมยหรือท่านว่า ถ้าขโมยมาขโมยของไม่มีแหละ มีแต่พรมปูอยู่พื้นนั้นผืนหนึ่งหรือสองผืนไม่รู้ อยากได้ก็เอาไปเถอะ จากนั้นก็เงียบไป คือเขาลูบคลำตามฝากุฏิท่าน แสดงว่าเขายังมีชีวิตอยู่เขามาหาท่านความหมายเป็นอย่างนั้น ออกจากนี้ไปแล้วทางออกเป็นซุ้มประตูเล็ก ๆ เขาไม่เข้าทางนั้น ถ้าผ่านทางนั้นก็พังเลย เขาหลีกนั้นเข้ามาหาท่าน เวลาออกไปกองทรายอยู่นั้น เขาเทกองทรายไว้เรี่ยราดอยู่นั้น ออกจากนี้ไปเขาก็เอาเท้าเขาไปเหยียบกองทราย เราไปวัดเองไปเห็นเอง ท่านเล่าก็พากันไปดู

คือวันหลังเราไป นี่ท่านมหาเมื่อคืนช้างใหญ่มาเยี่ยม ท่านเล่าให้ฟัง มันไปเหยียบรอยเอาไว้ให้เราเห็นถึงรู้ว่าเป็นช้าง แต่ก่อนก็รู้มันเป็นรอยเข้ามา แต่มันไม่เหยียบรอย นั่นมันเหยียบรอยไปดูซิ ไปดู โอ๊ย ช้างใหญ่จริง ๆ เราก็เอาเครื่องวัดไปวัดเลยเทียว ได้หนึ่งศอกหลวงพอดีเลย กว้างนะฝ่าเท้า จากนั้นท่านก็บอก ตั้งแต่นี้อย่ามานะ เวลานี้มนุษย์มันกล้าแข็งขึ้นทุกวัน เป็นยักษ์เป็นผีมันไม่ไว้หน้านะ ใคร ๆ มันฆ่าทั้งนั้น อย่ามา ให้หลบหลีกปลีกตัว ตั้งแต่นี้ต่อไปหลวงตาคิดถึงก็จะแผ่เมตตาไปหาเอา ต่อไปนี้อย่ามา อันตรายมาก จากนั้นมาก็หายเงียบเลย จนกระทั่งหลวงปู่ขาวเสียไปช้างก็ไม่ทราบหายไปไหนไม่ได้ข่าวนะ คงตายแล้วแหละ นี่ก็พูดถึงเรื่องสด ๆ ร้อน ๆ

ท่านพูดมีขบขันอันหนึ่งว่าเสือไม่ฟังคำเรา ช้างฟัง ช้างดีกว่าเสือ ช้างมาลูบคลำ บอกไม่ให้เขามาอีกเขาก็ไม่มา แต่เสือตอนหมามันคึกคะนองมันมาอึกทึกอยู่ในวัดเสียงลั่น ภาวนาก็ไม่ได้ เห่ากันกัดกันแหลกไปตามใต้ถุนกุฏิตอนกลางคืน พอเห็นหมามากัดกันอึกทึกมากนักเวลาคะนองท่านก็ว่า เสือดงนี้ไม่มีหรือ มาไล่หมาให้หนีสักหน่อยน่ะ หมามันกลัวแต่เสือ คนมันไม่กลัว ก็คนเขาเลี้ยงไว้มันจะกลัวอะไรใช่ไหม ท่านก็พูดถูกดี หมามันไม่กลัวคน กลัวแต่เสือ เสือมาไล่มันเข้าบ้านสักหน่อย มันอึกทึกเหลือเกิน

พอคืนหลังเสือก็มาไล่หมา ทีนี้มันไม่เพียงไล่ซิ มันเอาไปตัวหนึ่ง โฮ้ เสือตัวนี้ดื้อ เราบอกให้มาไล่หมาเฉย ๆ ไม่ได้บอกให้มากัดหมา มันเลยเอาไปตัวหนึ่งเมื่อคืนนี้ ตั้งแต่นั้นมาหมาก็ไม่มาอีกเลย เสือเอาไปตัวหนึ่งแล้ว มันกลัวตัวที่สองอีก ท่านพูดอย่างนั้นก็เป็น มันก็แปลกอยู่นะ คงจะมีเทวดาสังหรณ์คอยอยู่ เรื่องเหล่านี้น่าเชื่อหรือไม่น่าเชื่อก็ฟังเอาซิ มันก็สด ๆ ร้อน ๆ อย่างนี้ละ อย่างหลวงปู่ขาวท่านไม่เคยคิดเลย วันนั้นท่านคิดมันก็มากลางคืน นั่นเป็นอย่างนั้น อย่างท่านอาจารย์กงมาสร้างวัดมาเท่าไรก็ไม่เคยเห็นแมว เวลาแมวมากัดหมอนท่านก็โวกวากขึ้น ตอนค่ำวันนั้นแมวก็มา เราเองก็เหมือนกันนั่นแหละ แบบเดียวกันไม่ผิดกัน ร้องหาแมว-แมวก็มาเลย หาหนู-หนูก็มา มันแปลก ๆ นะ แต่เรื่องเหล่านี้ก็มีอยู่ทั่ว ๆ ไปถือเป็นเรื่องธรรมดา พวกหูหนวกตาบอดอย่างเรานี้มักลบมักล้างมักปฏิเสธว่าไม่มี ๆ ธรรมชาตินั้นก็เป็นอย่างที่ว่า

สรุปทองคำและดอลลาร์เมื่อวานนี้วันที่ ๒๒ ทองคำได้ ๕ บาท ดอลลาร์ได้ ๒๔ ดอลล์

โรงสีศรีไทยใหม่ถวายข้าวเจ้าหอมมะลิ ๒๕๐ ถุง ข้าวเหนียว ๒๕๐ ถุง เป็น ๕๐๐ ถุง โรงสีศรีไทยใหม่ที่เอาข้าวไปขายให้ ก็รายงานมาแล้วตั้งแต่วานซืนนี้ เรียบร้อยหมดแล้ว โรงสีศรีไทยใหม่นี้มีคุณต่อวัดวาอาวาสกรรมฐานเรานี้มากจริง ๆ ที่อยู่ในแถวนี้ก็คนนี้ละเป็นอันดับหนึ่งเลย นักสู้ นักกล้าได้กล้าเสีย กล้าเสียสละทุกอย่าง เถ้าแก่โรงสีศรีไทยใหม่นี่นะ เพราะฉะนั้นทางวัดไม่ว่าวัดไหนมอบความไว้วางใจให้เลย ทำนี้เรียบไปเลยเรียบทุกอย่าง จริงจังเสียด้วยไม่ค่อยพูดด้วยนะ ไม่ค่อยพูด แต่ทำนี้จริงมากทีเดียว วัดกรรมฐานแถวนี้ก็อยู่กับโรงสีศรีไทยใหม่ ใครต้องการอะไรเข้าไปปุ๊บได้มาเลย ที่ว่าไม่มีงั้นหรือรออย่างนี้ไม่มีเลยผึง ๆ เลย จริงจังมาก เพราะฉะนั้นวัดทั้งหลายมอบความไว้วางใจทุกอย่างให้ตลอดมานะ เอาจริงเอาจัง ความสุจริตไม่ต้องพูด เรื่องสุจริตยุติธรรมไม่ต้องพูด ยิ่งกับพระเณรวัดวาแล้วเคารพมากที่สุด ถึงไหนถึงกันว่างั้นเลย จะมีอิดเอื้อนอะไรนิดหน่อยไม่เคยปรากฏนะ ถึงไหนถึงกัน ๆ เลย

นี้ยังไม่ได้ถามทางหนองบัวลำภูเขามารับไปแล้วยังรถยนต์ คงรับไปแล้วละ ได้ตกลงกันมาถึง ๓ วันนี้แล้วนะ สั่งว่าทางโตโยต้าจะไปส่งเองหรือจะให้โรงพยาบาลหนองบัวลำภูมารับที่โตโยต้าเองแล้วแต่จะตกลงกัน เราสั่งอย่างนั้น ส่วนรายการต่าง ๆ แล้วค่อยส่งมาให้เราทีหลัง ส่งมาเมื่อไรก็ได้ยากอะไร คือเขาส่งมาเมื่อไรบิลก็ออก หลังจากนั้นไปบิลก็ออกบิลจ่ายเงิน ส่วนมากถ้าจ่ายหลาย ๆ แสนจะจ่ายทางเช็คนะ ถ้าจ่ายเพียงแสน ๒ แสน ๕ หมื่น ๖ หมื่นเรามักจะจ่ายเงินสด ก็มันอยู่ทั่วไปนะ สำหรับวัดนี้ที่จะจ่ายเงินเพื่อประโยชน์แก่โลกมีอยู่ทั่ว ๆ ไป อันไหนที่ควรจะจ่ายเงินสดเราก็สั่งเอง อันไหนที่จะจ่ายเป็นเช็คก็เป็นเรื่องของเราจัดเอง ๆ เขาก็ปฏิบัติตามนั้น ๆ เพราะฉะนั้นทั้งเงินสดทั้งเช็คจึงมีความจำเป็นพอ ๆ กัน เงินสดนี้จ่ายเรี่ยราดไปหมด ที่ไหน ๆ ไปได้ง่าย ไปปุ๊บ ๆ จ่ายแห่งละ ๕ หมื่น ๖ หมื่น ๔ หมื่น ๕ หมื่น แห่งละแสนบ้างหรือ ๒ แสน ย่านนี้มายังจ่ายเงินสดได้อยู่ แสน ๒ แสนยังมีจ่ายเงินสดอยู่ ถ้า ๒ แสนกว่าไปแล้วมักจะจ่ายเช็คทั้งนั้นเรื่อยไปเลย จ่ายตลอดอย่างนี้

เราเป็นห่วงพี่น้องชาวไทยเราทางด้านจิตใจกับศาสนามากทีเดียว ให้พากันจำเอาไว้นะ เราเป็นลูกชาวพุทธแต่เรื่องศาสนาเราไม่ค่อยจะเข้าใจกันและไม่เข้าใจกัน เสียตรงนี้นะ ไม่ทราบว่าศาสนาเป็นยังไง เกิดมาก็เกิดมากับพ่อกับแม่กับเพื่อนกับฝูง กับสิ่งต่าง ๆ ที่มาเกี่ยวข้อง ก็เพลิดเพลินรื่นเริงไปตามสิ่งเหล่านี้จนกระทั่งวันตาย ไม่มีคำว่าบาปว่าบุญดีชั่วติดตัวเลย เสียตรงนี้นะชาติไทยเรา มักเป็นอย่างนั้นเสมอ มันชินกัน เพราะไม่มีผู้นำไม่มีผู้แนะเรื่องอรรถเรื่องธรรม การมีผู้แนะก็ดูตัวอย่างมาจากพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าเป็นศาสดาองค์เอกแนะ ๆ ธรรมอย่างเอก สาวกทั้งหลายก็ธรรมประเภทชั้นเอก ๆ เป็นเอก ๆ สอนด้วยความสัตย์ความจริงถูกต้องดีงาม โดยถือท่านเป็นตัวประกันในการประพฤติตัว ให้เป็นหลักเกณฑ์ต่อพี่น้องชาวพุทธเราตลอดมา

ครั้นนานมาก็จางมา ๆ ผู้นำคือพระนั่นแหละเป็นผู้นำของชาวบ้าน ไม่ว่าจะตั้งบ้านตั้งเรือนที่ไหน ต้องสร้างวัดสร้างวาขึ้นกับหมู่บ้านนั้น ๆ ตลอดมา แล้วทีนี้ก็ต้องมีพระเป็นประจำ ๆ แล้วพระไม่ค่อยสันทัดจัดเจนและไม่ค่อยเคร่งครัดหรือสนใจกับธรรมวินัยอะไรมากนัก การประพฤติตัวตามหลักของพระก็ไม่ค่อยสมบูรณ์แบบ มันก็โกโรโกโสไป สุดท้ายก็พระเลยเป็นแหล่งแห่งการสั่งสมความชั่วช้าลามกกิเลสตัวโสมม เต็มอยู่ในวัดในวาในพระในเณรไปหมด รวมลงแล้ววัดก็เลยกลายเป็นส้วมเป็นถาน พระเณรก็กลายเป็นส้วมเป็นถานของกิเลสไปเสียหมด แล้วก็ไม่มีอะไรที่จะเป็นสารประโยชน์ให้ประชาชนทั้งหลายได้เคารพเลื่อมใสหรือยึดถือเป็นสรณะต่อไป มันก็มีแต่ของเหลวแหลกแหวกแนว ถ้ามองไปทางวัดพระก็เหลวแหลกแบบหนึ่ง ถ้ามองมาทางประชาชนก็เหลวแหลกแบบหนึ่ง มองไปที่ไหนมีแต่ความเหลวแหลก ๆ มันก็ได้แต่ความเหลวแหลกซึ่งเป็นผลขึ้นมาเป็นฟืนเป็นไฟไปเผาไหม้โลกเท่านั้นเอง นี่ละคนไม่เข้าใจศาสนา จึงมีตั้งแต่เรื่องเดือดร้อนวุ่นวาย

ถ้าเข้าใจเรื่องศาสนาตามทางของศาสดาที่พาดำเนินมา ยึดอันนี้ไปปฏิบัติก็มีหลักมีเกณฑ์มีฝั่งมีฝา เป็นบ้านเป็นเมือง ไปที่ไหนมีวัดมีวามีพระมีเณร ก็มีที่อบอุ่นเป็นที่เคารพเย็นใจสบายใจปลงใจลงได้ เพราะมีสรณะที่ดีจากพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ นี่ละเรื่องศาสนาเป็นความจำเป็นอย่างนี้ เดี๋ยวนี้มันเลอะเทอะไปหมดแล้วไม่ทราบจะไปหาที่ไหน หาที่ไหนก็มีแต่แหล่งแห่งเทวทัตในนามของพระของเณรของประชาชนไปเสียหมด นี่ที่น่าวิตกวิจารณ์มากนะ ท่านทั้งหลายเข้าใจหรือเปล่าว่าพระพุทธเจ้าตรัสคำเดียวเท่านั้นไม่มีสอง ไม่เคยมีพระพุทธเจ้าพระองค์ใดตรัสคำหนึ่งแล้วเป็นสอง คือคำนี้จริงคำนี้ปลอม ไม่มีจริงอย่างนี้ไม่เคยมี

พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ตรัสรู้จริงแน่วเลย เป็นเอกแล้วตรัสรู้ คำพูดจึงเป็นเอกคือหนึ่งไม่มีสอง รู้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเอกไม่มีสองเลย ว่ารู้อย่างนี้เห็นอย่างนี้จริงนี้ไม่จริงอย่างนี้ไม่มี จริง พระพุทธเจ้าทุกพระองค์จนกระทั่งถึงพระพุทธเจ้าคือสมณโคดมของเรานี้ จริงเสมอกันมาหมดเลย ฟังให้ดี ท่านสอนว่ายังไง ท่านสอนสิ่งที่เป็นคุณเป็นภัยต่อสัตวโลกนั่นเอง สำหรับท่าน ท่านไม่มี ภัยที่ไหนก็ไม่มี คุณท่านก็เลยไปแล้ว ภัยท่านก็ไม่มีท่านจะไปสอนเพื่อท่านอะไร สอนเพื่อโลกล้วน ๆ ในการแนะนำสั่งสอน ท่านจึงสอนในสิ่งที่จะเป็นภัยและเป็นคุณต่อโลกตลอดมาเหมือนกันหมด อันใดที่เป็นภัยสอนให้ละให้เว้นให้ถอดให้ถอน ถ้าเคยทำแล้วให้หยุดให้พักอย่าทำต่อไป อันนี้เป็นฟืนเป็นไฟ ถ้าเสริมทำมันลงไปเสริมมันไปเรื่อย ๆ แล้วไฟจะรุนแรงขึ้น ความทุกข์จะบีบเราหนักขึ้น ๆ นี่ท่านสอนไม่ให้ทำ เช่น ทำบาปอย่าทำ บาปคือทางแห่งนรกโดยตรง

นรกใครลบไม่ได้พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ไม่เคยลบนรกสวรรค์พรหมโลกเปรตผีประเภทต่าง ๆ ลบบาปลบกรรมของสัตว์ทั้งหลายได้เลย เมื่อลบไม่ได้แล้ววิธีไหนที่จะเป็นวิธีที่จะแก้ไขถอดถอนหรือส่งเสริมได้ ท่านก็สอนวิธีที่จะเป็นไปได้ เช่น การทำบาป สอนวิธีไม่ให้ทำ มันไม่ทำก็ได้ เพราะเป็นที่หลีกได้ แต่เมื่อทำบาปลงไปจะหลีกบาปไม่ให้เป็นบาปอย่างนี้ไม่ได้ ต้องเป็นบาปวันยังค่ำ หนักจากนั้นก็ลงนรกได้ไม่สงสัย ท่านก็สอน สอนเพื่อพวกเรานี่แหละจะไปสอนใคร ถ้าว่าทางดีก็เหมือนกัน สวรรค์ก็สำหรับคนดีมีมาดั้งเดิม ไม่ว่าบาปว่าบุญ ไม่ว่านรกสวรรค์ สำหรับสัตว์ดีสัตว์ชั่วตามอำนาจแห่งกรรมหนักเบาของตนมีอยู่ดั้งเดิมมาแต่กาลไหน ๆ ไม่เคยมีใครลบได้นะ ลบล้างไม่ได้ ท่านก็สอนมาอย่างนั้น

นี่พุทธศาสนาเราถ้าจะให้ท่านสอนให้ลบล้างว่ายังไง เราก็หมดปัญญาที่จะมาสอนบรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายนี่นะ พระพุทธเจ้าสอนพระองค์ลบล้างไม่ได้ ก็มาสอนตามสิ่งที่ลบล้างไม่ได้ซึ่งมีทั้งดีทั้งชั่ว แล้วก็สอนวิธีหลบหลีก สอนวิธีบำเพ็ญตนให้ก้าวเข้าสู่ทางดีงาม แล้วสอนวิธีหลบหลีกปลีกตัวออกจากสิ่งที่เป็นฟืนเป็นไฟท่านเรียกว่าบาป ท่านก็สอนอย่างนั้น แล้วไม่ทราบจะให้เราสอนว่ายังไง บอกอุบายมาหน่อยซิ หลวงตาบัวมันสิ้นท่านะสอนโลกเวลานี้ทุกสิ่งทุกอย่าง หรือจะสอนให้เด่นกว่าพระพุทธเจ้าเหรอ ถ้าเด่นกว่าพระพุทธเจ้าก็เป็นเทวทัตอีกซี มันเป็นยังไง สอนพวกนี้มันขี้เกียจมาก เราก็ไปสั่งโรงงานเขาหาเชือกมามาก ๆ บรรทุกใส่รถ ๑๘ ล้อเลยมา อย่าเอา ๑๖ ล้อนะ ฟาด ๑๘ ล้อมา มีตั้งแต่เชือกเต็มรถมาแล้วมาเทตูมลงนี้ อันนี้แยกไปครัวนั้น ๆ อันนั้นแยกไปครัวนี้ อันนั้นมัดคอคนนั้นมัดคอคนนี้ลากเข้าทางจงกรม ทำไมมันขี้เกียจมากนักพวกนี้ จะเป็นยังไง มันเลยครูใช่ไหมถ้าทำแบบนี้ แล้วโลกแตก

เราไม่อยากให้โลกแตกเราจึงไม่ทำ ประกาศไว้ให้ทำเอง อย่าให้ถึงขนาดเอาเชือกไปมัดคอลากนะเข้าใจไหม พูดแล้วมันโมโหนี่วะ สอนไปสอนมาจะเลยครูไปแล้วนี่ ให้พากันตั้งอกตั้งใจนะ นี่ละความตายตัวคือบาปคือบุญคือความตายตัว เคลื่อนไปไหนไม่ได้เลย ไม่ว่าพระพุทธเจ้าองค์ใดสอนแบบเดียวกันหมด เพราะไม่มีทางเคลื่อนได้ ลบล้างไม่ได้เลย เมื่อเป็นอย่างนั้นเราผู้รักนวลสงวนตัวรับผิดชอบในตัวของเรา ต้องฟังเสียงท่าน ท่านให้หลีก-ให้หลีกต้องหลีก ท่านให้บำเพ็ญ-ให้บำเพ็ญ ยากลำบากก็ตามให้ถือคำสัตย์คำจริงที่ถูกต้องของท่านนั้นแลมาเป็นหลักใจของเรา ถ้าทางดี เอา ฝืน ๆ ฝืนชั่วทำดี ถ้าทางชั่ว เอ้า ฝืนละมัน มันก็ถูกต้องซิ

เมื่อทำไปทำมาก็ค่อยราบรื่นดีงามไปเรื่อย ๆ จะค่อยคล่องตัวไปเรื่อย ๆ ต่อไปก็เป็นนิสัยเลย คือใครเคยทำคุณงามความดีแล้ว ไม่ทำมันอยู่ไม่ได้ไม่สบาย ผู้ที่เคยทำความชั่วก็เหมือนกัน ไม่ได้ทำอยู่ไม่ได้นะมันติดนิสัยสันดาน อย่างพวกนักเลงเขา เขาก็พูดสนุกกันแหละแต่ก็อดคิดไม่ได้นะ เขาว่านักเลงนี้ต้องมีลวดลายเต็มตัว จะเป็นฉกเป็นลักเป็นปล้นเป็นสะดมอะไรก็ตาม อยู่ในลวดลายของนักเลงทั้งหมด ไปวันหนึ่ง ๆ ต้องให้ได้ทำอย่างหนึ่งในลวดลายของนักเลง เช่น พวกปล้นพวกจี้พวกฉกพวกลักขโมยแบบไหนก็ได้ทั้งนั้น ไม่เสียลวดลายของขโมย ถ้าไปไม่ได้แง่หนึ่งให้ได้แง่หนึ่งมาจึงไม่เสียลวดลายของขโมย เมื่อมันไม่ได้ทำแล้วมันอยู่ไม่ได้ มันต้องหาทำจนได้เพื่อไม่เสียลวดลาย อันนี้ผู้ที่ทำความดีก็เหมือนกัน ฝึกไปฝึกมา ทีแรกก็ท้อแท้อ่อนแอ ครั้นต่อมาแข็งขึ้น ๆ ไม่ได้ทำความดีอยู่ไม่ได้มันเสียลวดลายของคนดี นั่นเห็นไหมล่ะ มันก็เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน เราอย่าให้เสียลวดลายของเรา ให้ตั้งหน้าตั้งตาทำ

ถ้าสิ่งเหล่านี้ดัดแปลงไม่ได้แก้ไขไม่ได้ พระพุทธเจ้าหรือศาสดาไม่มีในโลก ศาสดามีมาเพื่อเป็นครูเป็นอาจารย์แนะนำสั่งสอนวิธีการต่าง ๆ ทั้งละความชั่วบำเพ็ญความดีมีครูสอนทั้งนั้น เราพยายามบึกบึนไปตามนั้น เราจะเป็นลูกศิษย์มีครูเดินไปตามครู ครูไม่พาลงนรกแหละ ต้องพาไปดีทั้งนั้น แต่อันธพาลนี้มันพาลงได้ตลอดเวลา อยู่ในหัวใจเรานะ ให้พากันอดออมตัวเอง พยายามประหยัดมัธยัสถ์การอยู่การกินการใช้การสอย พวกประชาชนญาติโยมให้รู้เนื้อรู้ตัว เวลานี้เรากำลังปรับชาติไทยของเรา ให้พยายามปรับเนื้อปรับตัวตั้งแต่ส่วนเหล่านั้นละรวมเข้ามา ออกไปจากจิตใจ ให้ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติจริง ๆ แล้วก็จะค่อยดีขึ้น ๆ ทางศาสนาก็บำเพ็ญศีลธรรม คนมีศีลธรรมภายในใจย่อมมีบุญมีบาปมีหิริโอตตัปปะ แล้วไม่กล้าทำความชั่วช้าลามก ความเสียหายก็ไม่ค่อยเกิด ถ้าไม่ทำแล้วความเสียหายไม่มี มีแต่ความร่มเย็นเป็นสุข

วันนี้เราก็พูดเพียงเท่านี้ พอสมควรเอาละพอ วันไหนก็พูดทุกวันเทศน์ทุกวันเหนื่อย ให้พร…

เขาจะเริ่มศาลาแล้ว เมื่อเช้านี้เราด้อม ๆ ไปตอนยังไม่มีคน เราด้อมไปแต่เช้า เขากำลังขึ้น ไม้นี้ขนมาจากฝั่งลาว ทางเวียงจันทร์ ไม้รถ ๑๘ ล้อเมื่อเช้านี้ โถ ถนนจะไม่พังได้ยังไงเราก็อดคิดไม่ได้นะ ไม้มีแต่ไม้ตะเคียนหนัก ๆ รถ ๑๘ ล้อเต็มเอี๊ยดเลย เรามองดูรถแล้วเราเลยอ่อนใจคิดไปทางถนนนะ เมื่อเช้านี้มันคิดไปพร้อมกัน โห มันน่าพังเหลือเกินนะถนน อย่างเราเห็นตัวอย่างไม้เมื่อเช้านี้ รถ ๑๘ ล้อแล้วไม้ตะเคียนอย่างหนา ๆ แผ่นใหญ่ ๆ ฟาดเต็มเอี๊ยดเลย นี่น้ำหนักมันจะกดถนนสักเท่าไร ทำให้เราวิตกวิจารณ์ไม่ได้นะ โห เสียง่ายถนน อย่างนี้เสียง่าย นี่เขาได้ประกาศยังไงไว้บ้างน้ำหนักที่จะมาผ่านทางอย่างนี้ อย่างทางเขาเทคอนกรีตแล้วทางใหญ่ตลอดทะลุ ๆ คงทานน้ำหนักได้สบายนะ ถ้าทางลาดยางธรรมดา ๆ พังได้ไม่สงสัย นอกจากทางที่เทคอนกรีตไม่เป็นไรนะ เมื่อเช้านี้อ่อนใจ เราเห็น โหย อดคิดไม่ได้นะ มองดูกระดานแผ่นหนึ่งหนาเท่านี้ ๆ อัดแน่นกันมาเลย ถามเขา เขาว่าเอามาจากเวียงจันทร์

 

เปิดดูข้อมูล วันต่อวัน ทันต่อเหตุการณ์ หลวงตาเทศน์ถึงเรื่องอะไร

www.luangta.com


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก