เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๔๔
ไม่อยากเข้าวัด
สรุปทองคำเมื่อวันที่ ๒๑ วานนี้ ทองคำได้ ๑๐.บาท ๑ สตางค์ ดอลลาร์ได้ ๒๐๕ ดอลล์ ทองคำที่ต้องการมอบเข้าคลังหลวงคราวนี้เป็นพื้นฐานเลยว่า ๔,๐๐๐ กิโล ที่มอบและฝากแล้วสองรายการเป็นจำนวน ๒,๐๖๒ กิโลครึ่ง ทองคำที่ได้หลังจากการฝากและมอบแล้วซึ่งยังไม่ได้หลอมเวลานี้ ๒๔๖ กิโล ๑๓ บาท ๙๓ สตางค์ รวมทองคำทั้งหมดที่ได้แล้วเวลานี้ ๒,๓๐๘ กิโลครึ่ง จะพยายามให้ได้ ๔,๐๐๐ กิโลติดไว้เลยเทียว ติดไว้เป็นพื้นฐานเลย จากนั้นก็ก้าวขึ้นเรื่อย ๆ อย่างน้อยคิดว่าคงไม่ต่ำกว่า ๖ ตัน อยู่ในย่านกลางแห่งความหวังของเราที่พาพี่น้องชาวไทยนำชาติคราวนี้ เริ่มตั้งแต่ ๔,๐๐๐ กิโลขึ้นไป ตั้งแต่นี้ไปอยู่ในวงแห่งความมุ่งหมายของเรา
ถ้าให้เต็มความมุ่งหมายในคราวนี้ที่ช่วยพี่น้องชาวไทยนั้น เรียกว่า ๑๐ ตัน หลวงตาบัวหลับใหลไปเลย ไม่ต้องนิมนต์พระที่ไหนมากุสลาให้หลวงตานะ ถ้าได้สิบตันหรือว่าหมื่นกิโลในการช่วยพี่น้องชาวไทยคราวนี้ ถ้าได้ถึงสิบตันแล้วหลวงตาบัวจะหลับเมื่อไรใหลเมื่อไรไปเลยหายห่วง หายห่วงทุกด้านทุกทาง ทองคำทุกสิ่งทุกอย่างที่ช่วยชาติบ้านเมืองก็วาสนาของเรา อย่างมากสุดก็ไม่น่าจะเลยนี้ไป แต่น้อยที่สุดเราเอื้อมไว้ก่อน จับไว้เหนียวก่อน ขาดสี่พันกิโล ใครขาดขาคนนั้นต้องขาด หนึ่งกิโลขาขาดหนึ่งขา ขาดสองกิโลขาใครไม่มีเหลือขาเมืองไทยเรา ขาขาดแขนขาดถ้าลงทองคำได้ขาดสี่พันกิโลไป พากันเข้าใจตามนี้นะ
ถ้าไม่อยากขาขาดให้ต่างคนต่างรีบแบ่งสันปันส่วนมาจากขานะ จากขาจากนิ้วจากแขนจากอะไร มาเป็นสี่พันกิโลเป็นอย่างน้อยนะ ความมุ่งหมายของเราอย่างนั้น เราไม่ได้มุ่งหมายเรื่องเล็กน้อยบอกแล้วต่อพี่น้องชาวไทยเรา เต็มหัวใจเราทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะฉะนั้นทุกอย่างเราจึงไม่เคยอ่อนข้อย่อหย่อน ทุ่มลงเลย ๆ นี่เราก็จะพยายามประมวลเงินสดนั้นมา ยังไงก็ต้องไหลเข้าหาทองคำ ส่วนที่ปลีกย่อยจะไปช่วยในที่ต่าง ๆ เราแยกไว้เพียงเล็กน้อย ๆ ในความรู้สึกของเรา คือมันจ่ออยู่ปากทางเพื่อเข้าสู่คลังหลวงด้วยทองคำนี้จ่อตลอดเลย เพราะนี้เป็นหัวใจของชาติแต่ละชาติ ๆ ไม่เพียงชาติไทยเรา ทองคำนี้เป็นหัวใจของแต่ละชาติ ประกันชาติของตัว ๆ เมื่อมีความแน่นหนามั่นคงมากน้อยเพียงไร ต้องเอาทองคำเป็นเครื่องวัดน้ำหนักของชาตินั้น ๆ เพราะฉะนั้นเมืองไทยเราคราวนี้จึงควรให้ได้ทองคำเป็นหลักเป็นเกณฑ์ไว้บ้าง
เราไม่ลืมนะตั้งแต่เจ้าหน้าที่มานิมนต์เราเข้าไปดูทองคำที่เก็บไว้ในคลังหลวง เป็นตับ ๆ เป็นแท่ง เป็นตับเป็นแท่ง เราไม่ลืม ปรกติเขาจะไม่ให้ใครขึ้นไปยุ่งเลย ที่เราทราบนี้ก็เฉพาะสมเด็จพระเทพฯ เท่านั้นกับเรา ถ้าไม่ไว้วางใจเขาจะเปิดทางให้ไปดูเหรอ นี่เขานิมนต์เราไปเอง เราไม่อาจไม่เอื้อมไม่ทะลึ่งแหละ แต่นี้เขานิมนต์เราไปเองเห็นว่าเราเป็นผู้นำ เป็นครั้งแรกที่เรานำทองคำไปมอบนะ เลยเป็นปฐมฤกษ์อันดีงามที่จะได้ดูทองคำทั้งหลาย เพราะฉะนั้นจึงเข้าไปซอกแซกซิกแซ็ก ไปหมดตามซอกตามซอยเป็นตับ ๆ จากนั้นแล้วก็เชิญเจ้าหน้าที่ที่เขารักษาโดยเฉพาะนี้ไปคุยกันโดยเฉพาะสองต่อสองเลยนะ ออกเป็นเอกเทศ พวกนั้นเขาก็ไม่ไปยุ่งเราแหละ ไปคุยกันสองคน
ได้ถามรายละเอียดลออของทองคำซึ่งเป็นสมบัติอันใหญ่หลวงของชาติ เวลานี้มีเท่าไร ได้เก็บไว้ที่ไหน ๆ บ้าง เขาก็บอกชัดเจน ๆ ทุกแห่ง เรายังแน่ใจว่าทองคำยังมีเรี่ยราดอยู่ตามประเทศต่าง ๆ ที่เกี่ยวโยงกันในการซื้อการขาย การติดหนี้ติดสินเขาจะต้องเอาทองคำนี้เป็นเครื่องยืนยันเอาไว้ หรือว่ายึดตัวเราว่างั้นเถอะนะ ต้องเอาทองคำนี้เป็นเครื่องยึดคนไทยทั้งประเทศ แต่ละประเทศ ๆ ต้องมี เพราะฉะนั้นจึงถามซอกแซก ๆ ประเทศไหนมีเท่าไร ๆ ถามไปเรียบร้อยแล้วก็กลับมา รู้สึกว่าค่อนข้างจะใจหายไปเหมือนกัน เมืองไทยเราคน ๖๒ ล้านคน ทองคำทั้งหมดมีจำนวนเท่านี้ เมื่อเฉลี่ยน้ำหนักของชาติไทยเรายังไม่เพียงพอ
เพราะฉะนั้นพอออกมาจากนั้นจึงประกาศขึ้นเลยนะ พอมาถึงมันจวนหกโมงเย็น ทุกวันเวลามามีพวกหนังสือพิมพ์ พวกทีวี เขาไปถ่ายแทบทุกวัน ๆ จนได้ดุเขา แล้วทีนี้พอมาถึงวันนั้นแล้วได้ทองคำมาด้วยความเสียใจไม่พอใจออกมา พวกหนังสือพิมพ์ พวกทีวีไปไหนกันหมด ขึ้นใหญ่เลยนะ ทุกวันมารุมกันอยู่นี้ วันนี้ไปไหนกันหมด เราจะพูดอย่างเต็มเหนี่ยวนะวันนี้ อยู่ ๆ ยังไงไม่ทราบประมาณสักสี่ห้านาทีมา มาก็ป้างเลยเทียว ประกาศถึงเรื่องทองคำเราบกพร่องมาก ตั้งแต่บัดนั้นมาก็เรื่อย หมุนติ้วเลย เรื่องราวมันเป็นอย่างนั้น
เงินดอลลาร์เราเวลานี้ที่ไม่เร่งรีบนักก็คือว่า เงินดอลลาร์ของเราเข้าสู่ธนาคารแล้วจะเป็นผลประโยชน์ เรียกว่าได้ดอกผลมาอยู่เสมอ เพราะฉะนั้นเราจึงไม่รีบเร่งไม่บีบเข้าไป ถ้าไม่งั้นเอาจริง ๆ เวลานี้ก็ประมาณล้านกว่าแล้วที่ยังไม่ได้เข้าฝาก ตอนที่เราไปกรุงเทพว่าจะเอาเข้า มันคาราคาซังเข้าไม่ได้ เราจึงเอากักไว้ในธนาคารเวลานี้นะ รวมแล้วล้านกว่าแล้วที่อยู่ในธนาคาร เขาก็คิดดอกออกให้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นเราจึงไม่เดือดร้อนอะไรมากนัก เพราะอยู่ในนั้นมันก็เกิดผลของมัน ถ้าไม่เกิดเลยรอจ้อตั้งแต่เข้าคลังหลวง ๆ แต่เข้าไม่ได้นี้ นั่นละมันจะฟัดกัน ยังดีอยู่นะมีข้อผ่อนผัน
เราคิดทุกแง่ทุกมุมนี่นะ อันใดที่จะเสียผลประโยชน์จากคนทั้งชาติด้วยไม้จิ้มฟันสองสามอันมาขัดคอคนทั้งชาตินี้ ยังไงไม้จิ้มฟันต้องพังว่างั้นเลย เผามันทั้งโคตรไม้จิ้มฟัน มันไม่สมใจ ฟาดมันทั้งโคตรของไม้จิ้มฟัน เอามาจากโคตรไหนว่ะ มากีดมาขวางชาติไทยของเราของคนทั้งชาติ นับแต่วงศ์กษัตริย์ลงมาไม่ให้เคี้ยวให้กลืนได้ มันมาจากไหนกฎข้อบังคับอันนี้น่ะ ตัดคอมันลงทะเลหลวงเลยจึงมาวินิจฉัยกันก็ได้ถ้าพูดเรื่องของธรรมจริง ๆ นะ ความถูกของธรรมเป็นขนาดนั้น ความผิดของพวกเหล่านี้เป็นอย่างนี้ อันนี้ที่ยังลดหย่อนผ่อนผันอยู่เราก็คำนวณถึงผลได้ผลเสียความรีบความด่วนไม่ด่วน เราถึงอยู่เฉย ๆ ไปเรื่อยนะ ไม่ใช่จะแบบจืดชืดนะ
เราทดสอบทุกอย่างไม่ใช่เล่น ๆ เป็นใจของเรานะ อันไหนที่จะเป็นความเสียหายแก่ชาติบ้านเมืองของเรา ทั้ง ๆ ที่จะแก้ไขได้อยู่แต่ไม่ยอมแก้ไข นี้เป็นไม่ได้ สำหรับคอหลวงตาบัวขาดแทนเลยเทียว อันนี้เราก็มาทดสอบพิจารณาดูแล้ว มันพอได้ก็เลยปล่อยให้ทางชาติบ้านเมืองเขาดำเนินไปตามเรื่องตามราวของเขา กฎอันนี้ เช่น กฎหมายก็เป็นกฎระเบียบของคนส่วนรวมจะปฏิบัติต่อกันด้วยความพอดิบพอดีไป เราก็มอบให้เขาเสีย ถ้าฝ่ายธรรมแล้วนะ นี่พูดฝ่ายธรรม ถ้าฝ่ายธรรมแล้วเคี้ยวมันหมดทั้งตัวหมดทั้งโคตรทั้งแซ่มันเลย ตัวไหนมันตัวสำคัญ ไม้จิ้มฟันสองสามไม้เอามาขัดคอคนไทยทั้งประเทศมีอย่างเหรอ
นี่ละถ้าธรรมขาดสะบั้นเลย คือผิดร้อยเปอร์เซ็นต์เลยพวกนี้ ธรรมนี่ถูกร้อยเปอร์เซ็นต์ ความลดหย่อนผ่อนผันก็เรื่องของธรรม ก็ปล่อยให้โลกเขาไป เรื่องธรรมขาดสะบั้นไปเลย เพราะฉะนั้นเงินจำนวนนี้ใครจะแยกไปไหนไม่ได้เลย จะมาหาเรื่องหาราวว่า จะต้องไปอยู่ทางนั้นจะต้องไปอยู่ทางนี้ อย่าเอามายุ่งแกเป็นเจ้าของเหรอ ข้านี่เป็นเจ้าของ ดีที่ข้าไม่ฟาดหน้าผากแกให้หงายหมาไปเดี๋ยวนี้ ข้ายังให้อภัย แกยังไม่รู้ว่าข้าให้อภัยเหรอ โห ธรรมมันทะลุ ๆ หมดนี่ แย็บออกมามันรู้แล้ว ๆ นอกจากไม่พูด เก็บไว้ให้อยู่ในขั้นพอดิบพอดี อันไหนควรรอก็รอไป ไม่ใช่ไม่รู้นี่ ไม่งั้นกล้าหาญขนาดนี้เหรอ
ฟังซิพี่น้องทั้งหลาย ดูซิกิริยา โลกธาตุมันเท่ากำปั้นยังบอกแล้ว ธรรมธาตุที่ครอบโลกธาตุมันขนาดไหน ทำไมจะไม่รู้สิ่งเพียงเท่านี้ นี่เราก็พยายามอุตส่าห์เต็มกำลังความสามารถของเราที่จะช่วยพี่น้องชาวไทย ก็เรียกว่าลดหย่อนผ่อนผัน ผ่อนผันสั้นยาวไปสุดขีดของธรรมที่จะเอนอ่อนลงไปด้วยความสกปรกเหล่านี้นะ เรียกว่าเอนอ่อนลงไป มันเกี่ยวโยงกันมาตั้งกัปตั้งกัลป์เหมือนกันเรื่องชั่วกับเรื่องดี เรื่องธรรมกับเรื่องกิเลส นี้เราเอามาเทียบเคียงกัน มันก็เคยแก้เคยไขเคยเป็นไปมาอย่างนี้เรื่อย ๆ เราก็พิจารณาตามนั้นปฏิบัติตามนั้นเรื่อย ๆ ไป ไม่ใช่ว่าจะไปทำแบบหัวชนฝานะ นี่เราก็ปล่อยให้เขาดำเนินเรื่อย ๆ ไป
ชาติไทยเราก็ตั้งมานมนานแล้วก็ไม่เห็นเป็นอะไร ตาสีตาสาเขาไปท้องนาคว้าได้กบได้เขียดตัวหนึ่ง เขาไปปิ้งกินในครอบครัวของเขา เขาก็เป็นบ้านเป็นเรือนเป็นตาสีตาสาเรื่อยมา เมืองไทยเราก็ไม่เห็นอดอยากขาดแคลนอย่างนั้น เราก็ปล่อยไปตามนี้ เป็นขั้นเป็นตอน ๆ หลักใหญ่คือชาติไทยต้องเป็นชาติไทย หลักใหญ่อยู่นี้นะ ใครจะมาดูถูกเหยียดหยามมาบีบบี้สีไฟโดยหาเหตุหาผลไม่ได้ว่างั้นเลย หลักใหญ่ปักลงตรงนี้ไว้แล้ว หลักที่ย่อย ๆ ไปก็เฉลี่ยกันไปอย่างนั้นเอง
ที่พูดเหล่านี้พี่น้องทั้งหลายทราบนะ นี่คือเป็นภาษาของธรรมแสดงไปตามเหตุผลเหตุการณ์ที่ผิดหรือถูกประการใด จะแสดงไปตามแนวแถวของความผิดประเภทนั้น ๆ ความถูกประเภทนั้น ๆ ไปเรื่อย ๆ ไม่ได้เจาะจง ไม่ได้ระบุผู้ใด ว่าตาสีผิดตาสาถูก ยังไม่ว่า แต่ความผิดความถูกของคนจะเข้าสู่จุดนี้ เพราะมันแสดงออกมาหาจุดใหญ่นี่ ใครผิด นั่น ใครถูก นั่น ถูกต่อจุดใหญ่ ผิดต่อจุดใหญ่ จุดใหญ่มันมีอยู่ตรงนั้น นี่เราพูดเป็นภาษาของธรรม ให้พี่น้องทั้งหลายฟังเอาไว้ว่าธรรมเป็นอย่างนี้เอง ต้องตรงไปตรงมา เป็นอย่างอื่นไม่เรียกว่าธรรม ต้องเป็นอย่างนี้ ใครมายึดก็ธรรมเหมือนกันหมด เหมือนดาบใครมาจับปั๊บก็ดาบนี้อยู่ในมือคนนี้ แล้วใครเป็นธรรม ธรรมก็อยู่ในหัวใจคนนั้น
ปัญหา
ทางทีวีให้กราบเรียนว่า ปัจจุบันนี้คนรุ่นใหม่ไม่กล้าเข้าวัด อยากจะขอความเมตตาหลวงตาเทศนาให้เขาเข้าวัดครับผม
อ๋อ อันนี้ก็มีสองทาง หมัดซ้ายหมัดขวา หมัดต่อยหมัดสวน ถ้าเขาไม่เข้าวัดก็ไล่ออกเสียทั้ง ๆ ที่ยังไม่เข้า อย่ามาเข้าถ้าไม่เข้า ก็เท่านั้นเอง ไม่อยากเข้าวัดแล้วอยากทางไหน ไม่อยากก็ตามอย่าเข้าว่างั้นเลย ธรรมะนี้ไม่มีคำว่าบกบาง ไม่มีคำว่าบกพร่องต่อผู้หนึ่งผู้ใดสัตว์ตัวใดที่จะไปขอส่วนแบ่งส่วนอะไรจากเขาทั้งนั้น โลกนี้เป็นโลกบกพร่องมานมนานรู้ไหม ธรรมเป็นธรรมที่สมบูรณ์แบบ ใครจะต้องการเข้ามาหาธรรม อยากได้ความดิบความดีความสุขความเจริญแก่ตนก็เข้ามา ธรรมเป็นสถานที่อบรมคนให้ดีมีความสุขความเจริญ ไม่อยากเข้าวัด วัดคือสถานที่อบรมธรรม ไม่อยากเข้าก็ออกเท่านั้นเอง ไม่อยากอยู่หรือ ไม่อยากอยู่ก็ตาย อยู่ในท่ามกลางของโรงพยาบาลก็ยังตายได้คนไข้ ใครอยากไปตายคนไข้น่ะที่เข้าไปในโรงพยาบาล มันยังตายได้เมื่อสุดวิสัยที่จะอยู่มันก็ไปของมัน อันนี้ไม่อยู่หรือ ไม่อยู่ก็ไปซี
อย่างที่เขายกตัวอย่าง เอาจะเล่านิทานมาให้ฟัง เราไปสกลนคร ตำรวจเขารักษาการณ์อยู่ที่หน้าสถานี ฟังให้ดีนะมันเป็นคติสำคัญมาประกอบกับเรื่องนี้ ตำรวจเขาก็ยืนอยู่นั้น ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งขี่จักรยานไปนั้นไปช้า ๆ นะ เขาคุ้นกันเมื่อไรเราไม่รู้ เขาเห็นผู้หญิงคนนี้ขี่จักรยานไปช้า ๆ ตำรวจอยู่ฟากถนนทางนั้น ผู้หญิงอยู่ฟากถนนทางนี้ พอตำรวจเห็นผู้หญิงคนนี้ขี่จักรยานมาทางนั้นก็ว่า หยุด ว่างั้นนะ ฟังเสียงเด็ด ๆ นะ หยุด ทางนี้เขาก็ขี่จักรยานไปเรื่อย หยุดว่ะ หนักเข้าอีกนะ ทางนั้นเขาก็เฉย พอถึงครั้งที่สาม บอกให้หยุดไม่หยุดเหรอ ไม่หยุดก็ไปเสียซี หมดท่าเลย ไม่หยุดก็ไปเสียซี นี่มันก็เข้ากันได้ ไม่เข้าก็ออกไปซีเข้าใจไหม เอ้า ถามมาที่ว่านี่ ไม่เข้าวัดเข้าวาจะทำยังไง ที่ตอบไปนี้สมบูรณ์แบบแล้วยัง
เด็กเขาฟังหลวงตาแล้วเขายังกลัวอยู่จะทำยังไง
นี่มันก็มีสองแง่ แง่หนึ่งอย่ากลัว แง่ที่สองอย่าฟัง มันก็มีสองแง่ที่จะหลบภัยนี้ได้ ถ้าเห็นว่าเข้ามาวัดเป็นภัยแล้ว อันไหนที่เป็นคุณก็ไป ก็เท่านั้นเอง กลัวอะไรกลัวอรรถกลัวธรรม คนมีธรรมในใจจึงกลัว กลัวอรรถกลัวธรรมกลัวครูบาอาจารย์ นี้คือคนมีธรรมในใจทั้งนั้น ถ้าคนไม่มีธรรมในใจ มีแต่ฟืนแต่ไฟเผาไหม้ตลอดแล้ว ยังถือธรรมถือครูบาอาจารย์เป็นภัยเสียอีก นี้ตัวสำคัญที่สุดที่จะทำลายเจ้าของได้อย่างป่นปี้เลย ใครถ้ายังมีหิริโอตตัปปะ มีกลัวครูกลัวอาจารย์อยู่ นั้นคือคนมีธรรม คนไม่มีธรรมแล้วเรียกว่าหมดค่าหมดราคา ไม้ซุงทั้งท่อนยังไม่ตกนรก อันนี้จมลงในนรกนะ
หลวงตาเห็นว่าจำเป็นไหมคะที่การปฏิบัติธรรมจะต้องเริ่มต้นที่วัด
ถ้าพูดถึงเรื่องธรรมะแล้ว ไม่จำเป็นทั้งปฏิบัติธรรม ทั้งปฏิบัติตามกิเลส ที่จะเข้าวัดเข้าวานะ คนอยู่ในบ้านเขาสร้างกิเลสเขาก็สร้างได้ เขาสร้างธรรมเขาสร้างได้ ผู้อยู่ในป่าสร้างอรรถสร้างธรรมสำเร็จมรรคผลนิพพานก็ได้ มาอยู่ในบ้านสร้างนรกอเวจีก็ได้ และผู้บรรลุธรรมอยู่ในบ้านก็ได้ ขึ้นอยู่กับการทำของคน ไม่ได้ขึ้นกับสถานที่ว่าในวัดนอกวัด ขึ้นอยู่กับการกระทำของผู้ทำดีและชั่วต่างหาก เอ้า ถามมาอีก นี่พึ่งจะเริ่มเปิดตอบนะ ยังไม่เปิด เพียงแย็บ ๆ นิดเดียว
แล้วจะชวนคนเข้าวัด
การชวนคนเข้าวัดนั้นเป็นกิริยามารยาทของคนมีสมบัติผู้ดี หรือมีเจตนาดี สงสารแล้วก็ชวนเข้าวัดเข้าวาอย่าให้เสียเวล่ำเวลา หรืออย่างหนึ่งปฏิบัติตัวแบบมอมแมม สงสารเขาก็ชวนเข้าวัด เพราะวัดเป็นสถานที่อบรมคนให้ดี เพราะคนคนนั้นสกปรกมากพูดง่าย ๆ นะ ตามส่วนแห่งความชั่วของเขา แล้วชวนเขาไปวัดไปวาเพื่อเป็นที่ชำระสะสางจากน้ำที่สะอาดคือธรรมเสียบ้าง เพราะฉะนั้นเขาจึงชวนไปวัด แล้ววันนี้มีใครชวนไหมมาวัดนี่
ตั้งใจมาค่ะ
เออ อย่างนั้นถูกต้อง เหมาะ ไม่มีอะไรตอบมากเข้ากันได้แล้ว แล้วที่ตอบปัญหาไปนี้พอเป็นประโยชน์บ้างไหม
เป็นประโยชน์อย่างยิ่งค่ะ
ที่ถามมาในข้อต้นว่าคนไม่อยากเข้าวัดใช่ไหม (ครับผม) อันนี้เป็นความจริงมาตั้งแต่เขายังไม่ถามปัญหานะ คนส่วนมากจะไม่อยากเข้าวัด เพราะสิ่งที่จะไม่ให้พาเข้าวัดคือข้าศึกตัวหนึ่งของอรรถของธรรมของวัดของวาของครูบาอาจารย์ มันจะขวางจะกั้นไว้ภายในจิตใจ ถ้าจะพาเข้าวัดเข้าวานี้เหมือนจะจูงไปฆ่า จูงหมาใส่ฝนอย่างน้อยนะ คือจูงหมาใส่ฝนอย่างน้อยมันจะร้องแหง็ก ๆ มากกว่านั้นดีไม่ดีมันกัดเจ้าของ อันนี้ชวนไปวัดไปวา อย่างหนึ่งก็ว่า ฉันไม่มีเวลา อย่างที่สองหนักเข้าไป โคตรพ่อโคตรแม่มึงอะไร ต้องมาชวนกูไปวัดไปวา มึงอยากไปก็ไปซิ มันว่าอย่างนั้นก็ได้ใช่ไหม มันมีหลายขั้นหลายตอนนะ ที่เขาชวนไปวัดไปวานี้เป็นกิริยามารยาทอันดีงามของผู้มีธรรม ด้วยเป็นผู้มีความเมตตาต่อกัน ไม่ผิด แต่ผู้ที่จะปฏิบัติตนตามที่เขาขอร้องหรือเขาชักชวนนั้นเป็นเรื่องอย่างหนึ่งที่จะพิจารณาตัว เพื่อตอบรับกันในทางที่ดี ไม่ไปจำเป็นยังไงก็บอกความจำเป็นเสีย เมื่อควรจะไป-ไป เขาไม่ชวนก็ไป นี่เป็นธรรม
คือปกติพี่น้องชาวไทยเราซึ่งเป็นชาวพุทธนั้นแล เรียกว่ามากต่อมากที่ไม่รู้เรื่องความจริงจริง ๆ ว่า ธรรมเป็นยังไง โลกเป็นยังไง กิเลสเป็นยังไง ธรรมเป็นยังไง โลกชาวพุทธเราไม่ค่อยรู้ ผู้ที่เข้าใกล้ชิดติดพันกับวัดกับวาครูบาอาจารย์ ที่ตั้งใจปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ปฏิบัติเป็นอรรถเป็นธรรม และสามารถที่จะรู้ธรรม ทั้งทางกิเลสทั้งทางธรรมได้เป็นลำดับ และรู้ได้เป็นอย่างดี ผู้นี้แลผู้จะให้อรรถให้ธรรม ให้ข้อเท็จจริงแก่ผู้เข้าไปศึกษา ทีนี้เมื่อไม่มีใครเข้าไปเกี่ยวข้องกับวัดกับวา อย่างครูบาอาจารย์ดังที่กล่าวนี้ด้วยแล้ว ศาสนาหรือบุคคลเหล่านั้นก็ยิ่งมอมแมมไปเรื่อย ๆ มืดดำไปเรื่อย ๆ อยู่ไม่มีความหมาย ตายไม่มีความหมายไปเรื่อย ๆ อยู่กันทั้งโลกไม่มีความหมาย เพราะไม่มีธรรมเป็นเครื่องยึด นี่คือคนไม่ได้เข้าศีลเข้าธรรมเป็นอย่างนั้น
เมื่อไม่เข้าทางหนึ่งมันก็เข้าทางหนึ่ง เมื่อไม่เข้าหาศีลหาธรรม มันก็เข้าหาฟืนหาไฟเผาไหม้ตัวเองตลอดไป เพราะฉะนั้นการที่เข้ามาวัดมาวา ได้รับการอบรมสั่งสอนจากครูบาอาจารย์อย่างนี้แล้ว เป็นความถูกต้องชอบธรรมแล้วสำหรับชาวไทยเราซึ่งเป็นลูกชาวพุทธ ควรปฏิบัติตนอย่างนี้ การฝ่าฝืนระหว่างความชั่วกับความดี ที่ต้องฝ่าฝืนกันนั้นเป็นความถูกต้องดีงาม เพราะอันหนึ่งเป็นภัยในตัวของเรา อันหนึ่งเป็นคุณ เราจะยอมให้สิ่งเป็นภัยเข้ามารุกล้ำได้ยังไง สิ่งที่เป็นคุณก็ต้องป้องกันตัวเองปัดป้องตัวเอง คือความไม่อยากไปวัดมันอยากสร้างนรกอเวจีใส่หัวมันที่ไหนก็ไม่รู้แหละ เวลาไปวัดแล้วส่วนมากใครไม่ได้ตั้งหน้าที่จะไปทำลายผู้ใด ๆ และสร้างบาปสร้างกรรมจากการไปวัดไปวา นอกจากไปอบรมศีลธรรม ดังที่พวกเราปฏิบัติกันอยู่นี้ทั้งนั้น
เพราะฉะนั้นการที่มาวัดมาวา จึงได้รับคำแนะนำสั่งสอนจากครูจากอาจารย์แล้วไปปฏิบัติขัดเกลากิเลส ซึ่งเป็นตัวมัวหมองหรือมืดตื้อภายในใจ ไม่เห็นผิดเห็นถูกว่าดีชั่วประการใดเลย นอกจากความอยากความทะเยอทะยาน ความมุทะลุเท่านั้น สิ่งเหล่านี้จะค่อยจางไป ๆ จากหัวใจของเรา เมื่อได้รับการอบรมสั่งสอนจากครูอาจารย์ ต่อไปก็ค่อยรู้เรื่องรู้ราว ผิดรู้ว่าผิด ถูกรู้ว่าถูก แล้วใครไม่กล้านะ ถ้าว่าผิดแล้วใครจะกล้า ก็มันไม่เห็น เช่นเราเดินไปนี้ไปเจองูจงอางเข้า เราไม่เห็นงูจงอาง งูจงอางกัดเราได้นะเพราะเราไม่เห็นเราไม่รู้เราไม่กลัวและไม่มีวิธีรักษา แต่พอทราบว่านี้คืองูจงอางเท่านั้นไม่ต้องบอก การป้องกันตัวหรือหลบหลีกปลีกตัวนี้จะมาทันที
อันนี้คนที่รู้ศีลรู้ธรรมกับคนที่ไม่รู้เรื่องคือคนตาบอดนั้น เท่ากับคนไม่รู้งูจงอาง ตาบอดเหยียบงูจงอาง แต่คนที่มีหูดีตาดีมองไปเห็นงูจงอางรู้แล้วหลบหลีกทันที นี้คือคนมีศีลมีธรรม ต้องมีการป้องกันตัวอย่างนี้ แล้วคนนั้นก็จะค่อยดีขึ้น ๆ ให้พี่น้องทั้งหลายทราบเถิดว่าโลกกับธรรม คือกิเลสกับธรรม นี้เป็นของคู่เคียงกันมาดั้งเดิม แต่ไม่มีใครมารื้อฟื้นขึ้นมาให้รู้จักผิดถูกดีชั่วของโทษและคุณทั้งสองอย่างนี้ โลกทั้งหลายก็หัวมุดกันไปชนกันไปอย่างนั้น จึงมีตั้งแต่ความทุกข์ความทรมาน ไม่สมหวัง ใครอยู่ไหนอยู่ด้วยความสมหวังมีไหม เอา ไม่ต้องหามาก หาในประเทศไทยของเรา ใครอยู่ด้วยความสมหวังมีไหม แม้รายเดียวไม่มี เอายันเลย นี่ละธรรมพระพุทธเจ้าออกยันได้เลย เพราะเหตุไร
เพราะผู้มีธรรมในใจเต็มเปี่ยมแล้วท่านเต็มความสมหวังทุกอย่าง นี่ท่านเหล่านี้ออกยืนยันกับโลกที่ผิดหวัง ๆ บกพร่องต้องการตลอดเวลา หิวโหยตลอดเวลา นี้คือเรื่องของกิเลส ธรรมเต็มหัวใจแล้วไม่หิวไม่โหย พอ ท่านเอานี้ออกสอนโลก และเอานี้เป็นเครื่องยืนยันกันกับโลกว่าอันใดแน่กว่ากัน ธรรมมีความพอจึงสอนโลกให้มีความพอ กิเลสมีแต่ความหิวโหย จึงลากเข็นกันไปด้วยความหิวโหยโรยแรงดีดดิ้นตลอดเวลาหาความสุขไม่ได้ ผลที่ได้มีแต่ความผิดหวัง ๆ โลกทั้งโลกมีแต่ความผิดหวังเพราะกิเลสหลอกลวงต้มตุ๋นไปเรื่อย ๆ ยังจะผิดหวังตลอดไปอีกนะ ถ้าไม่ยอมฟังเสียงอรรถเสียงธรรมแล้วจะผิดหวังไปเรื่อย ๆ ธรรมท่านฉุดลากออกมาให้อยู่ในความพอเหมาะพอดีเข้าสู่ความสมหวัง ๆ
ผู้ตั้งรากฐานแห่งพุทธศาสนาของเราก็คือพระพุทธเจ้า นี่เป็นรัตนะแก้วอันเลิศเลอพระพุทธเจ้า ๑ พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะคือแก้วอันเลิศเลอ ได้แก่พระธรรมอันเป็นแก่นของธรรมทั้งหลายอยู่ในจุดนั้น แล้วสังฆรัตนะ ได้แก่พระสงฆ์ผู้ปฏิบัติตามท่านจนกระทั่งได้รู้เห็นธรรม พระพุทธเจ้าก็ได้รู้ธรรม ธรรมก็เป็นธรรมองค์เอก พระสงฆ์ก็รู้ธรรมองค์เอก เหล่านี้ท่านพอของท่านทุกอย่างแล้ว คำว่าบกพร่องอะไร ๆ ไม่มีในธรรมทั้งหลาย ไม่มีเลย มีแต่ความสมบูรณ์พูนผล เรียกว่าเที่ยงตรงตลอดเวลา
ท่านเอาธรรมที่เที่ยงตรงและสมบูรณ์พูนผลทุกอย่างหาที่ต้องติไม่ได้นี้แลสอนโลกสอนสงสาร ที่มีแต่ความบกพร่องต้องการหิวโหยตลอดเวลา เพื่อให้ได้มองดูอรรถดูธรรมบ้าง อย่างน้อยเราก็กินเข้าไป ๒ ช้อน ๓ ช้อนก็พอบรรเทาเบาบางในพุงของเรา ไม่หิวโหยมาก ถ้าไม่ได้กินเลยหิวจนกระทั่งวันตาย ตายไปแล้วหิวอีก ไม่มีวันบกพร่องแหละเรื่องความหิว มีแต่หนักขึ้นไปเรื่อย นี่คนไม่หันหน้าเข้าสู่วัดสู่ธรรมเข้าสู่ความพอดีแห่งธรรม ถ้าคนเข้าสู่ความพอดีแห่งธรรมแล้วจะค่อยเป็นคนดิบคนดีเข้าไปเป็นลำดับลำดา ให้พี่น้องทั้งหลายจำเอาไว้นะ นี่ละธรรมเป็นอย่างนี้
พระพุทธเจ้าผู้มาสอนโลก เป็นผู้ตักตวงเอาธรรมอันสมบูรณ์แบบมาแล้วมาสอน ไม่มีอะไรบกพร่อง โลกผู้รับธรรมมีแต่ความบกพร่องตลอดเวลา ผลแห่งบกพร่องคือความทุกข์ความทรมาน ผลแห่งความสมบูรณ์ของพระพุทธเจ้าคือบรมสุขนั่น นี่ผู้เอามาสอนโลกมันยันกันได้อยู่อย่างนี้จะว่ายังไง ใครจะเอาอะไรว่าดีว่าชั่วยังไง เอาไปพิจารณานะ ยุติเพียงแค่นี้ก่อนแล้วมีอะไรอีกล่ะ
หลวงตาคะขอเมตตาให้พร
ทีนี้ให้พรนะ ให้ศีลให้พร พรก็มีหลายแบบ พรมีหลายแบบ แบบกิเลสต้องการก็มี แบบธรรมต้องการก็มี ถ้าแบบกิเลสต้องการ กลับไปนี้ผู้ชายหาเมียอย่างน้อยให้ได้ ๒๐ คนวันนี้ เพราะได้เข้ามาวัดมาวาอบรมได้รับการอบรมสั่งสอนแล้ว ท่านสอนทุกแบบทุกฉบับ เราจะเอาอะไรก็เป็นเรื่องของเรา เมื่อรับการอบรมมาแล้ว ผู้ชายคนหนึ่งไปมีเมีย ๒๐ คน เอาไป ผู้หญิงคนหนึ่งไปหาผัว ๒๐ คน นี้ก็พรของวัฏจักรเข้าใจไหม พวกนอกนั้นอย่างน้อยอย่ายุ่ง ผัวเขาเมียเราต้องให้รู้จักขอบเขต นั้นผัวเขานี้เมียเรา มีขอบมีเขตอย่ายุ่งกัน นี้เป็นธรรม เอาพรอันนี้ไปปฏิบัติร่มเย็นเป็นสุข พรสุดยอดเราไม่อยากพูด เอาไว้ก่อนนะ หรือผู้อยากได้ยังมีอยู่เหรอ อยู่ในนี้ยังมีอยู่ เอ้ายังงั้นจะให้ตลอดไปเลยละนะ ให้สุดยอดเลย คือนี้ไม่ยุ่งกับอะไรตัดผึงเข้านิพพานเลย สมบูรณ์แบบ ทีนี้ให้พรตามหลัง อันนั้นตัวไปก่อนแล้ว จะแกะรอยไปให้พรตามหลัง
.
พากันเอาไปปฏิบัตินะลูกหลาน ศาสนาอยู่เมืองไทยเรา ธรรมอันเลิศเลออยู่กับเมืองไทยเรา อย่าให้หลุดไม้หลุดมือไป กอบโกยเอาตั้งแต่ฟืนแต่ไฟมาเผากันใช้ไม่ได้นะ
หลวงตาเจ้าคะมีคนเขาไม่ชอบไปทำบุญที่วัด เขาว่าพระอยู่สบายแล้ว เขาก็ทำกับลูกน้องเขา แล้วอานิสงส์มันต่างกันอย่างไงเจ้าค่ะ
เขาทำอะไรช่างเถอะ ในบ้านเขามีหมากี่ตัวเขาเลี้ยงแต่หมาเขาก็พอใจแล้ว พระไม่ไปแบ่งส่วนเข้าใจไหม เขาไม่ไปทำบุญกับวัดก็เรียกว่าพระไม่ต้องแบ่งส่วน เขามีหมากี่ตัวที่เขาเลี้ยงไว้ในบ้าน เขาเลี้ยงเฉพาะหมาของเขาก็พอแล้วเราไม่ไปยุ่งว่างั้นนะ
หลวงตาคะ ถ้าอย่างนั้นตายไปแล้วจะไปนรกหรือไปสวรรค์คะ
ก็ต้องไปถามหมาเขาซี หมาเขาว่าไปสวรรค์หรือไปนรกล่ะ มันเรื่องเขาให้หมาเขา ก็ต้องให้หมาเขารับผิดชอบกัน ให้เขาไปถามหมาเขา อย่ามาถามกับพระ พระไม่แบ่งส่วนแล้ว เราไม่แบ่งส่วนจึงไม่จำเป็นต้องมาถามเราเข้าใจไหม อย่างนั้นแล้วก็ออกมาเองปั๊บเลย อย่างนั้นแหละตอบปัญหา เหล่านี้ใครคิดไว้ไหมล่ะ ไม่เคยใช่ไหมล่ะ มันออกมาอย่างนี้พับ ๆ เรายิ่งอยากให้โลกได้เห็นธรรมออกสนามนี่วะ โห มันของเล่นเมื่อไรบอกแล้ว หยิบมานิด ๆ เพียงแค่นี้ก็ยังพอตื่นใจกันบ้างใช่ไหมล่ะ ที่พุ่งนี้ โถ.ว่างั้นเลย จึงอัศจรรย์พระพุทธเจ้าละซิ ท้อพระทัย ๆ ไม่ท้อยังไงว่างั้นเลย
เราไม่ลืมที่ปัญหาไม่เคยคาดเคยคิดก็ยังบอกแล้ว ที่บ้านแพง พวกนี้เคยได้ยินไหม หรือเคยเล่าให้ฟังแล้วมั้ง นิทานสดบ้านแพงน่ะ ยังมีคนไม่เคยฟังเยอะหรือ ยังไม่เคยได้ยินใช่ไหม (ยังค่ะ) แสดงว่าพวกนี้อาภัพวาสนามานาน หากไม่ได้ฟังก็จะได้ฟังคราวนี้ใช่ไหมล่ะ แสดงว่าอาภัพวาสนามานานทีเดียว อันนี้จะเริ่มนะ
เรานั่งอยู่นี่คนมากมาย เป็นงานกฐินแล้วเขานิมนต์หลวงตาบัวไปบ้านแพง พูดตามธรรมดาถ้าหลวงตาบัวไปที่ไหนมันลั่นไปเลยเข้าใจไหมล่ะ ร่ำลือไปหมดมากันหมด พอดีเราไปวันนั้นเขานิมนต์ไปงานกฐิน เราก็ตั้งใจอนุเคราะห์วัดนั้นเราก็ไป เพราะเราไปนี้ส่วนมากที่มันจะมาตามเรื่องใหญ่นั้นมันจะแฝงเข้ามา อยู่ ๆ คนมาก ๆ นี่นะ ธรรมดามันก็ไม่น่าจะมาถามอย่างนั้น ไม่น่าจะมาพูดมาร้องทุกข์อย่างนั้น มาปั๊บก็มานั่งนี้เลย คนก็เต็ม ได้ผัวมาก็หลายปียังไม่มีลูกเลย นี้อยากได้ลูก ว่างั้น เขาอยากได้ลูก ทางนี้ก็ตอบเลย ที่ได้ผัวมานั้นมาตั้งหลายปีไม่เห็นมีลูก แต่เรายังไม่ได้ถามนะเคยได้มากี่ผัวแล้ว เราไม่ได้ถาม เราก็ใส่ปึ่งจุดนั้นเลยเทียว ไม่ยุ่งไปถามมากให้เสียเวลา
เขาว่าได้ผัวมาก็หลายปีแล้วยังไม่มีลูก อยากได้ลูก ทางนี้ก็เลยยื่นลูกให้เลย ส่วนถามว่าเคยมีผัวมากี่คนมันเสียเวลาไม่ต้องไป เอาตรงนี้เอาลูกให้เลย พอเขาว่ามีผัวมาหลายปียังไม่มีลูกเลยนี้อยากได้ลูก เออ ถ้าอย่างนั้นต้องไปหาผัวมาอีกสัก ๑๐ คนมันจะมีลูกไหม ผู้ชายแต่ละคน ๆ ต้องเปิดดูมัน ควยนี้มันจะมีลูกใช่ไหม ๆ คัดเลือกดูจนแน่ใจแล้วค่อยเอาเราก็ว่างี้ คนก็เลยไม่ได้ฟังไปมาก แค่นี้แตกฮือเสียงลั่นไปเลย อย่างนั้นแล้ว ถามมาแบบนั้นก็ต้องตอบแบบนี้ซิความจริง อย่างนั้นก็มาถาม เราตอบกันก็พอดี เพราะฉะนั้นเราจึงไม่กล้าพูดว่าอย่างนั้นก็ตอบ ไม่ว่า เพราะเขาก็กล้าถามเราก็กล้าตอบอย่างนี้ใช่ไหม
นี่พี่น้องทั้งหลายว่าหยาบหรือนี่ นี่ละภาษาธรรมพี่น้องทั้งหลายจำเอานะ จะไม่ไปยุ่งกับเรื่องของกิเลส ว่าความสกปรกโสมมอย่างนั้นอย่างนี้ ความดุด่าว่ากล่าว ความหยาบโลนอะไร เหล่านี้เป็นเรื่องของกิเลสมันปกป้องกำบังความสกปรกของมัน มันจึงไม่ให้เอาความเหล่านี้เข้าไปพูด เพราะอันนี้เป็นน้ำดับไฟ เหมือนน้ำที่สะอาดที่ชะล้างสิ่งสกปรก ตัวกิเลสมันสกปรก ถามมาอย่างนี้เป็นเรื่องของกิเลส มีผัวแล้วมาตั้งหลายปีไม่มีลูก คนทั้งแผ่นดินเขาก็เคยมีผัวมีลูกมา ทำไมมาเป็นบ้าอะไรผู้หญิงคนนี้เข้าใจไหม มันจึงมาอาจหาญต้านทานนักหนา ธรรมก็ซัดเสียบ้างซิเข้าใจไหม นี่ละเข้ากันอย่างนี้เอง นี่ไม่ได้หยาบ ก็ไปหามาใหม่ซิถ้าอยากได้ลูก ผัวนึงไม่พอไปหา ๑๐ ผัวมาซิ เลือกเอาจนได้ ลูกเขามีกันทั้งแผ่นดินด้วยควยนั้น ทำไมควยผัวเรามันไม่มีลูกมันเป็นยังไง ไล่กันเข้าไปอย่างนั้นซิเข้าใจไหม นี่เรียกว่าธรรมโต้ตอบกัน
ธรรมไม่สนใจกับเรื่องว่าสกปรกไม่สกปรกนะ กิเลสมันปิดป้องมันต่างหากมันไม่ให้เข้าไปแตะต้อง ตัวมันตัวสกปรกมันจะต้องหว่านล้อมด้วยความสะอาดสะอ้าน หลอกให้โลกหลงไปตามมัน ไม่ให้เข้าไปนี้ แต่ธรรมชะล้างเข้าไปหมดเมื่อเป็นอย่างนั้น ได้ยินหรือยังที่เขาอยากได้ลูก อยู่แถวนี้ใครยังอยากได้ลูกอีก พูดนี้เหมือนบ้านะ เวลาคึกคักเหมือนเป็นเรื่องเป็นราวจริง ๆ สำหรับจิตแล้วไม่มีอะไรเลย แต่ทำไมมันเป็นอย่างนั้นได้ ก็อย่างนั้นแล้วคึกคักขึ้นเลย
พวกทีวีถ้าเขามาถามเป็นสารประโยชน์แก่โลก เราก็พอใจที่จะตอบให้นะ แต่มาถามเพื่อเป็นแบบเรื่องของเขาหาอยู่หากินโดยอาศัยนี้เราไม่เล่นด้วยนะ ไม่เกิดประโยชน์ ประโยชน์ทางด้านจิตใจมากกว่าประโยชน์ทางด้านวัตถุนะ
เปิดดูข้อมูล วันต่อวัน ทันต่อเหตุการณ์ หลวงตาเทศน์ถึงเรื่องอะไร
www.luangta.com |