ไม่ดูตัวเองไม่มีวันดี
วันที่ 12 มีนาคม 2549 เวลา 8:45 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   ข้อมูลเสียงแบบ(MP3)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)   วิดีโอแบบ(Win High Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๑๒ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๔๙

ไม่ดูตัวเองไม่มีวันดี

ก่อนจังหัน

เมื่อวานเราไปวัดดงศรีชมพู เอาของไปลงให้ เอาไปรถคันเดียวไปแต่เราโดยเฉพาะ ของใส่เต็มเอี๊ยดเทลงแล้วมาเลย อยู่นั้นไม่กี่นาที ไปสายๆ กว่าจะได้ออกจากนี้ ไปก็ไปเที่ยวตีตลาดตามทางตามอะไร จนกระทั่งรถจะเอาไปไม่ไหวแล้วก็ไป ไปก็เทปั๊วะให้ ไปละนะ เปิดเลย ไม่พูดหลายคำเมื่อวาน เทศน์สอนพระก็ไม่ได้สอนเพราะไปสาย เราสงสารพระผู้ตั้งใจปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ แต่ท่านผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบจริงๆ ท่านไม่ค่อยสนใจกับอาหาร อ้าว เป็นอย่างนั้นนะ ไอ้พวกหมูขึ้นเขียงละมันชอบ อาหารอะไรดีๆ แล้วเจริญพรๆ โอ้ นี่มาจากไหนโยม นานๆ จะเจอทีหนึ่ง ไอ้พวกหมูขึ้นเขียง

ท่านผู้มุ่งอรรถมุ่งธรรมจริงๆ ไม่สนใจ อ้าว จริงๆ นะ บิณฑบาตได้มาเท่าไรพอ พอยังชีวิตให้เป็นไปวันหนึ่งเพื่อความเพียร ความเพียรเด็ด ความเพียรดี สติดี ปัญญาดี อาหารน้อย ถ้าอาหารมากไม่ได้นะ กินก็กินมาก นอนก็นอนมาก ขี้เกียจก็มาก ราคะตัณหาก็มาก มันกำเริบขึ้นในนั้น ไม่ถึงกับแสดงทางร่างกายมันยิบแย็บขึ้นในจิตก็รู้ ผู้ที่จะฆ่ากิเลส พอแย็บ เหอทันทีเลย นั่นละอะไรขัดกับธรรมๆ ฉันอะไรลงไปขัดกับธรรมท่านจะสังเกตๆ ถ้ารู้ว่าอะไรขัดธรรมตัดออกตลอด พอตัดออกหมดตัด ท่านเล็งของท่านอยู่อย่างนั้น ผู้ปฏิบัติธรรม ไอ้สุ่มสี่สุ่มห้ามีอะไรไม่สนใจมีแต่กิน ฟาดเอาท้องป่องใช้ไม่ได้นะ พวกกรรมฐานหมูขึ้นเขียงกรรมฐานแบบนั้น

ผู้ที่จะข้ามวัฏสงสารตามทางของศาสดา ต้องอาหารสัปปายะ อาหารชนิดใดเป็นภัยต่ออรรถต่อธรรม แม้จะเป็นคุณต่อร่างกายก็ต้องระวัง นี่อาหารสัปปายะ คืออาหารเป็นที่สบาย ฉันลงไปแล้วการภาวนาก็สะดวกสบาย ธาตุขันธ์ก็ไม่กำเริบจากอาหารประเภทนั้นๆ นั่นเรียกว่าอาหารเป็นที่สบาย เมื่ออาหารเป็นที่สบายดังที่กล่าวนี้แล้ว ความเพียรก็สะดวกสบายไปเรื่อยๆ มีแต่อยู่แต่กินไปเฉยๆ ไม่สังเกตไม่ได้นะ

ธรรมที่กล่าวเหล่านี้จะไม่มีนะในพุทธศาสนาเรา ท่านสอนลงในพระในเณร อาหารสัปปายะ พิจารณาเรื่องอาหารการขบการฉันทุกอย่าง ให้พิจารณาด้วยดี อะไรจะเป็นคุณต่อร่างกายแต่เป็นโทษต่อจิตใจคือด้านธรรมะ ท่านก็ตัดออกๆ หลักใหญ่จะอยู่ที่ธรรมะ อะไรเป็นความสะดวกต่อธรรม แม้จะขัดข้องธาตุขันธ์ไม่ต้องการท่านก็เอา เพราะความสะดวกในการบำเพ็ญธรรม

ผู้ปฏิบัติต้องเป็นผู้โชกโชนในเรื่องข้าศึกศัตรู ความอดความอยากขาดแคลน ต้องเป็นผู้ผ่านทั้งนั้น ถ้าไม่ได้ผ่านนี้อย่าด่วนว่าตัวเก่งนะ ต้องสมบุกสมบัน อยู่กินหลับนอนมีแต่ความลำบากลำบนทั้งหมด แต่ความเพียรโล่งๆ สติก็ดี ปัญญาก็ดี นอนก็น้อยมาก ถ้ากินมากๆ นอนมาก ขี้เกียจมาก เป็นอย่างนั้นนะ ต้องสังเกตตัวเอง จะเห็นแก่ลิ้นแก่ปากยิ่งกว่าธรรม...ตาย ไปไม่รอด ศาสดาองค์เอกสอนให้รู้เนื้อรู้ตัว

ให้ดูตัวเองเสมอ อย่าไปดูแต่สิ่งภายนอกมันเป็นไฟได้เชื้อ มันลุกลาม เห็นสิ่งภายนอกเห็นอะไรมันดูดๆ มันคืบคลานใส่ๆ เหมือนไฟได้เชื้อ เป็นอย่างนั้นละ มองเห็นอะไรนี้ไฟจะลุกลามไปเลย ถ้ามองดูใจแล้วก็เป็นเหมือนน้ำดับไฟ มันจะสงบตัวของมันลง ต้องดูใจเสมอ ถ้าใจดีดใจดิ้นไม่สบาย อะไรก็ตามถ้าลงใจดีดใจดิ้นใจหาความสบายไม่ได้แล้วไม่มีความหมายของในโลกนี้ สมบัติเงินทองข้าวของกองเท่าภูเขาไม่ได้มีความหมาย มีความหมายอยู่ที่ใจสะดวกสบาย ใจสะดวกสบายเป็นทุคตะเข็ญใจเขาก็สบาย อย่าว่าแต่เศรษฐีสบาย เศรษฐีนี่ละตัวทุกข์ยากตัวลำบากมาก และตัวโลภมากก็อยู่กับเศรษฐี ได้ไม่พอๆ

ใครจะเอาอะไรหยิบยื่นให้กิเลสว่าให้พอ อย่าหวัง อย่าฝันว่างั้นเลย อะไรที่วิ่งตามกิเลสให้ได้ความพอๆ ไม่มี วิ่งเท่าไรเหมือนไฟได้เชื้อ ไสเชื้อเข้าไปเท่าไร เปลวมันลุกจรดเมฆนั่น นั่นน่ะกิเลสได้เชื้อแล้วเผาเข้าไป ไม่พอๆ ถ้าใครจะถือสมบัติเงินทองข้าวของเป็นประมาณให้กิเลส..ไม่มี ตายทิ้งเปล่าๆ ถ้าใครเอาธรรมเข้าเป็นประมาณ คนนั้นจะหาความสุขได้ มีความสุขความสบาย

พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ท่าน นั่นมหาเศรษฐีธรรม บรมสุขอยู่ที่พระพุทธเจ้า อยู่ที่พระอรหันต์ สมควรประกาศธรรมสอนโลกโดยแท้ ไม่ได้สอนแบบปาวๆ สอนให้โลกได้รับความสุขความเจริญแต่ตัวทุกข์จะเป็นจะตายอย่างนี้ไม่มีพระพุทธเจ้า โลกได้รับความทุกข์ความทรมานมาก พระพุทธเจ้าสอนด้วยบรมสุขในพระทัย พระสาวกทั้งหลายสอนด้วยบรมสุขในหัวใจ ท่านไม่มีทุกข์ มีแต่ความสุข สมควรแจกจ่ายแก่สัตว์โลกทั้งหลายได้ นั่นละท่านผู้มาสอนเราท่านเป็นเครื่องยืนยันไว้แล้ว

ความรู้จักประมาณก็พระพุทธเจ้าเป็นผู้สอน พระองค์ถึงขั้นพอดีแล้วเรียกว่าเมืองพอ ปฏิบัติตนให้รู้จักประมาณๆ จะเข้าถึงเมืองพอ มตฺตญฺญุตา สทา สาธุ ความรู้จักประมาณยังประโยชน์ทุกอย่างให้สำเร็จ อย่าให้กิเลสตัณหาพาเดิน อย่างโลกปัจจุบันเมืองไทยเราเดี๋ยวนี้ กำลังกิเลสตัณหาพาเดินพาก้าว เผาหัวผู้ก้าวนั่นแหละไม่ได้เผาหัวใคร โอ่อ่าฟู่ฟ่าพองตัว กิเลสพาให้พองแต่ตัวเองเท่าอึ่ง กิเลสมันพาพอง ลืมเนื้อลืมตัวเพราะยศเพราะลาภ เหล่านี้เป็นเครื่องกล่อมคนโง่ให้หลงหนักเข้าไปๆ

ได้เท่าไรไม่พอ กินเท่าไรไม่พอ ได้ยศได้ลาภได้อะไรมาไม่มีคำว่าพอ ถ้าลงเป็นกิเลสพาเดินแล้วไม่พอ ถ้าธรรมพาเดินแล้วพอ เหมือนเรารับประทานอาหารเรารับประทานโดยธรรม รับประทานลงไปพอมันก็รู้ อะไรมีมากมีน้อยไม่เอา ถ้าเป็นกิเลสมันยังเอาอยู่นะ ท้องพอแล้วมันยังหาย่ามหาเป้มาใส่ข้างๆ นี่เอาไปกินกลางวัน แล้วเอาไปกินตอนเย็น กิเลสมันไม่พอ เอาไปใส่เป้หลังอีก นี่เอาไปกินตอนกลางคืน อย่างนี้ละกิเลส มันกินรอบตัวนะกิเลส เรื่องธรรมนี้พอๆ

ท่านทั้งหลายฟังเอานะ ธรรมสอนโลก ถ้าโลกยอมรับธรรมจะหาความสุขได้ มีเกาะมีดอนแห่งความสุขความทุกข์ ทุกข์อยู่เกาะนั้น สุขอยู่เกาะนี้ในบุคคลคนเดียวเลือกเฟ้นได้นะ ถ้าไม่มีธรรมแล้วจม มหาเศรษฐีจมไม่ต้องสงสัย เราอย่าเอาเงินทองข้าวของมาวัดมาตวง ต้องเอาหัวใจมาวัดตวง หัวใจมีธรรม หัวใจมีกิเลส ถ้าหัวใจมีกิเลสมาก เอาอะไรใส่ลงไปก็ใส่เถอะเผาแหลกหมดเลย ถ้าธรรมแล้วพอดีๆ ตลอด พากันจดจำเอา อย่าพากันดีดกันดิ้นจนเกินเหตุเกินผล

เวลานี้มีแต่กิเลสเต็มบ้านเต็มเมือง เฉพาะอย่างยิ่งชาวพุทธเรามีแต่ชื่อนะเวลานี้ หาชาวพุทธจริงๆ อยู่ที่ไหน หากับประชาชนก็เป็นกองกิเลส กองฟืนกองไฟกองส้วมกองถานด้วยกิเลสไปเสีย หาในวัดในวา วัดวาก็เป็นส้วมเป็นถานไปเสีย พระเณรก็เป็นมูตรเป็นคูถไปเสีย ความสุขอยู่ที่ไหน ความพึงปรารถนาอยู่ที่ไหนไม่มี ถ้าหาโดยธรรม เอา อดอยากอยากเถอะน่ะ อดให้อด อดเพื่ออิ่มไม่เป็นไร ทุกข์เพื่อสุขไม่เป็นไร แต่สุขเพื่อทุกข์นี้แหลกนะ มีแต่ความสุขๆ จะทำอะไรก็ขี้เกียจขี้คร้านแล้วนอนว่าเป็นสุขๆ นี่มันจะจม ที่เขาทุกข์เขาทรมานด้วยความอุตส่าห์พยายามขวนขวาย นั้นจะเป็นสุขข้างหน้า พากันตั้งใจนะ พากันประพฤติปฏิบัติ

สำหรับพระเราอย่านอนใจนะ เพศของพระเป็นเพศที่พึ่งเป็นพึ่งตายของโลกได้ ของประชาชนได้ ต้องทำให้เป็นที่พึ่งเป็นพึ่งตายของตัวเองได้ พระพุทธเจ้า สาวกทั้งหลายพึ่งพระองค์พอแล้ว แผ่กระจายออกไปให้โลกได้รับความสุขความเจริญทั่วหน้ากันจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ พระเราก็เหมือนกันให้เป็นที่พึ่งของตัวโดยสมบูรณ์ๆ ศีลสมบัติ สมาธิสมบัติ ปัญญาสมบัติ วิมุตติสมบัติ นี้เรียกว่านิพพานสมบัติ เต็มหัวใจแล้วอยู่ไหนสบายๆ เลย เป็นที่พึ่งของตนได้แล้วสอนคนอื่นได้ทั้งนั้น สอนไม่สงสัย สอนอย่างแม่นยำเพราะอยู่ในหัวใจตัวเองหมดแล้ว ไม่สงสัย ไม่ลูบไม่คลำ พระพุทธเจ้า สาวกทั้งหลายท่านสอนโลกท่านไม่ลูบไม่คลำ ไม่เหมือนพวกเรางูๆ ปลาๆ กำดำกำขาว ชนนั้นชนนี้ พากันจำ

พระเรานี้สำคัญมาก ให้ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติ ให้ดูหัวใจตัวเองอย่าไปดูคนอื่น เรื่องนอกแล้วมันจะลุกลามนะ ถ้าดูคนนั้นคนนี้ เหมือนเอาไฟจ่อเข้าไปในเชื้อไฟมันจะลุกลามไปเรื่อย ดูคนนี้คนนี้เป็นอย่างนั้น ดูคนนั้นคนนั้นเป็นอย่างนั้น ดูไม่มีสิ้นสุด มีแต่หาดูคนอื่นแล้วก็ยกโทษยกกรณ์กัน ส่วนมากคนที่ไปหาดูคนอื่นมักจะเป็นคนชอบเพ่งโทษคนอื่น ไม่สนใจที่จะเพ่งตัวเอง ต้องดูตัวเองซินักปฏิบัติ ดีหรือร้ายเป็นเรื่องของคนอื่น เขารับผิดชอบของเขาเอง ดีชั่วของเราเรารับผิดชอบของเราเอง ให้ดูตัวเอง อย่าไปดูคนอื่น หันหน้าเข้าหากันแย็บๆๆ คนนั้นเป็นอย่างนั้น คนนี้เป็นอย่างนี้ หาแต่เรื่อง ยิ่งเข้ามาในวัดป่าบ้านตาดนี้มันหาแต่เรื่องนะ อยู่ในครัวละมาก สำหรับพระนี่เราอยากพูดว่าไม่มีที่จะยิบๆ แย็บๆ อย่างนั้น ท่านไม่มี แต่ในครัวกองพะเนินเทินทึกมีตั้งแต่ ดูถ้วยก็ถ้วยยิบๆ แย็บๆ ดูหม้อก็หม้อยิบๆ แย็บๆ ดูที่หลับที่นอนหมอนมุ้งมีแต่ยิบๆ แย็บๆ ติฉินนินทายกโทษยกกรณ์กันเต็มไปหมด เลยหาที่ก้าวเดินไม่ได้ ติดตั้งแต่เรื่องยกโทษยกกรณ์กัน มันเป็นยังไงในครัว เอา พิจารณาซิ

ผู้ดีเรายกให้ ไอ้ผู้ที่มันเลวได้ว่าอยู่เดี๋ยวนี้น่ะ คนไม่ดูตัวเองไม่มีวันดี ใครจะเป็นอะไรๆ ให้ดูตัวเอง เขาชั่วเขาดีเอามาเป็นคติเครื่องเตือนใจตัวเอง อย่าไปยกโทษเขาให้เกิดประโยชน์แก่ตนไม่มีทาง เห็นอะไรถ้าควรเตือนกันได้ก็เตือน ไม่ควรเตือนอย่าไปเตือน ให้เตือนเราดีกว่า เขาชั่วอย่างนั้นอย่าไปชั่วกับเขา เขาดีอย่างนั้นให้ดี พยายามดี เอาเขาเป็นตัวอย่าง นั่นดี ให้ดูตัวเอง

คนถ้าส่งจิตออกนอกแล้วไม่มีที่ยุติ ไปอยู่ไหนปากบอน คันปาก ไม่ได้พูดเรื่องตำหนิติเตียนคนนั้นคนนี้อยู่ไม่ได้ คนนั้นไปที่ไหนต้องได้สะพายยาทันใจ เป้หลังเต็ม ถาม อะไรนี่ อ๋อ ยาทันใจ ทันใจอะไร วันนี้ไม่ได้นินทาคนอื่นปวดหัว ยาทันใจใส่ลงเม็ดหนึ่งค่อยยังชั่วหรือยัง ยัง ทำไมถึงยัง มันอยากนินทาเขามาก แล้วทำยังไง ก็ทุ่มหมดทั้งถุงให้มันตายเสียเลย เข้าใจไหม ยาทันใจกินไปๆ มันเอาให้ตายได้ใช่ไหม ทีแรกว่าจะแก้โรคๆ มันตายได้นะไอ้พวกที่บ่นเขาเก่งๆ หานินทากาเลเขา อย่าให้มีนะ

ผู้ปฏิบัติธรรมจะไม่สนใจกับคนอื่นมากยิ่งกว่าสนใจตัวเอง นี้ถูกต้อง..ธรรม ถ้าควรเตือนก็เตือนกันโดยอรรถโดยธรรม ผู้ฟังเป็นธรรมต้องฟังเสียง ดียอมรับว่าดี ชั่วยอมรับว่าชั่ว ให้ปฏิบัติตาม นี่เรียกว่าผู้มาปฏิบัติธรรม พูดไม่ลงกันเลยนี้ตัวทิฐิมานะ ตัวกิเลสตัณหา ไปที่ไหนแหลกเหลวไปหมด เอาละพอ ให้พร

หลังจังหัน

(วัดคลองนา ต.คลองนา จ.ฉะเชิงเทรา ถวายสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชนจังหวัดฉะเชิงเทราแด่องค์หลวงตา ให้เป็นสมบัติของสงฆ์วัดป่าบ้านตาดครับ ทำบุญเจดีย์วัดอโศฯ ๕๐๐ ปอนด์) ๕๐๐ ปอนด์มันของง่ายเมื่อไร ปอนด์หนึ่งเท่ากับกี่บาททุกวันนี้ (๗๐ บาทเจ้าค่ะ) ๗๐ บาท โน่นน่ะเห็นไหมไอ้หรั่งมันเหยียบหัวไทย เข้าใจไหมไอ้หรั่งมันเหยียบหัวไทย ปอนด์หนึ่ง ๗๐ บาท มันของง่ายหรือมันเหยียบหัว เด็กเล็กเด็กน้อยใครเหยียบมาเรื่อย หมดทั้งประเทศไทยเหยียบหัวไปหมด มันน่าโมโห เอาหมัดตามให้หน่อยน่ะ ถ้ามันไม่ถึงใจก็สองหมัดไปเลยเข้าใจไหม อย่างนั้นละอันนี้ไม่เหมือนใครง่ายๆ นะ จะว่ารักนวลสงวนตัวไม่ผิดเรา

ชาติของเราเป็นชาติของเรา อะไรเราสงวนเพื่อชาติของเราๆ จะแน่นหนามั่นคงขึ้น เอะอะพึ่งแต่ภายนอกๆ ลืมพึ่งตัวเอง งานการของตัวเองที่จะพึ่งเป็นเนื้อเป็นหนังของชาติตัวเองไม่มี วิ่งตามเขาเป็นนิสัยคนไทยเรา เสีย เราก็เป็นคนไทยเหมือนกัน แต่นิสัยเรามันขัดกัน พอเขาว่าเท่านั้นเหยียบหัวไปแล้วเท่านั้น แน่ะ ฟิตตัวของเราให้ดีขึ้นแข็งขึ้นๆ มันก็แข็งขึ้นได้สูงได้ ดีไม่ดีเหยียบหัวไอ้หรั่งนู่น เข้าใจไหม มีแต่มันเหยียบหัวเรา เราก็มีฝ่าตีนฝ่าเท้าเหมือนกัน เหยียบหัวมันบ้างซิ เข้าใจไหม พอได้โอกาสแล้วเอาบักกี้มาด้วยเหยียบอีก สองเหยียบสามเหยียบเอามันปานนั้นเข้าใจ นี่รักนวลสงวนตัวมากอยู่ อะไรๆ เข้ามานี้ที่จะมากระเทือนเมืองไทยอ่อนน้อมต่อเขาโดยหาเหตุผลไม่ได้ ไม่เห็นด้วยเลย ฟิตตัวๆ ที่ยอมรับเขา เอายอมรับ แต่ยอมรับเพื่อจะก้าวหน้า ไม่ได้ยอมรับเพื่อจะหมอบไปเรื่อยๆ

ไม่พูดมากละวันนี้ เพราะพูดทุกวันๆ นี่ก็ออกวิทยุทุกวัน ตอนเช้าออกทุกวันวิทยุ ทั่วประเทศไทยมีแต่หลวงตาองค์เดียวพูด การเทศน์นี้ว่าจะเป็นเราเบาไปหรืออะไร เราไม่มีวิตกวิจารณ์ การเทศนาว่าการสอนโลกเราไม่สงสัย ในธรรมทุกขั้นที่สอนไปแม่นยำตลอดเลย เพราะฉะนั้นจึงได้พูดกับพี่น้องทั้งหลายว่าบาปมี บุญมี นรกสวรรค์มีนี้อย่าลบเป็นอันขาด เหยียบตัวเองแหลกทันที พระพุทธเจ้าทุกพระองค์สอนแบบเดียวกันหมด เมื่อเวลามันรู้ก็รู้อย่างนั้น แล้วไม่ยอมพระพุทธเจ้าจะยอมใคร แล้วก็มาประกาศสอนกันให้รู้เรื่องรู้ราว ผิดถูกชั่วดีให้หลบหลีกปลีกตัว อะไรดีให้ขยับเข้าไป อะไรชั่วให้ลดหย่อน ให้พัก ให้ปัดออกๆ จึงชื่อว่าคนเรารักตัวเอง นตฺถิ อตฺตสมํ เปมํ ความรักอื่นเสมอรักตนไม่มี นั่นท่านว่า วันไหนก็เทศน์ทุกวัน วันนี้ไม่เทศน์มากละ ให้พรแล้วก็หยุดละ ให้พร

 

รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร

FM 103.25 MHz


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก