เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๙ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๔๙
อย่าฝืนธรรมพระพุทธเจ้า
มาธุระอะไรบ้าง มาจากไหน (อำเภอเพ็ญครับผม) อำเภอเพ็ญ โรงพยาบาลหมอวิชัยนั่น หมอวิชัยมันเนรคุณนะ มันเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลเพ็ญ เราไม่ลืม มาโจมตีเรา โถ ไอ้นี่มันจะไม่เจริญนะเราบอกตรงๆ เลย เวลาเราเข้าไปโรงพยาบาลอำเภอเพ็ญมันเอารถโปเกเข้ามาขวางทางเราเวลาเราออกมา เพื่อให้เราได้เห็นรถว่าใช้ไม่ได้เลย แล้วมันขอรถ นี่เป็นอันดับหนึ่ง ในห้องผ่าตัดห้องอะไรๆ ไม่ทราบว่ากี่ล้านๆ
หมอวิชัยละ จะเรียกว่าหมาวิชัยก็ไม่ผิดเพราะไม่รู้จักคุณ หมายังรู้จักคุณ นี้เราก็ช่วยอันนี้อีก หลายล้านนะโรงพยาบาลเพ็ญ ทุกวันนี้โรงพยาบาลเพ็ญก็มาติดต่อ มาเอาของอยู่โรงโกดังๆ เหมือนโรงพยาบาลทั้งหลาย แต่หมอวิชัยนี้โจมตีเราทุกแบบทุกฉบับ เราฟังแล้วฟังไม่ได้จนออกปากพูดว่าหมอนี้จะไม่เจริญนะ เราบอกตรงๆ เลย เพราะเราทำคุณมหาคุณต่อโลก เฉพาะอย่างยิ่งโรงพยาบาลเพ็ญที่หมอวิชัยเป็นผู้อำนวยการอยู่นั้น เราทำมากต่อมากเราไม่มีข้อผิดอะไรเลย แล้วมาโจมตีเราหาอะไร อย่าสร้างฟืนสร้างไฟใส่ตัวเองนะเราบอก พอพูดนี้ไปสัมผัสก็พูดถึงไปโรงพยาบาลเพ็ญ เอ้า ทีนี้มีอะไรว่ากันไป
(สถานีตำรวจอำเภอเพ็ญ ยังไม่มีห้องน้ำประชาชนที่มาใช้บริการ ศาลาที่พักประชาชนที่มาติดต่อก็ไม่มีครับ) ตำรวจประมาณสักเท่าไรล่ะ (ร้อยคนครับ) แล้วต้องการอะไรบ้าง (อยากจะสร้างห้องน้ำห้องส้วม ๓ ห้อง ที่ปัสสาวะผู้ชาย ศาลาที่พัก สิบคูณสิบเมตรครับ) น้ำหนักก็ยังไม่ค่อยเท่าไร ให้ชั่งน้ำหนักก่อน ที่เราช่วยเวลานี้พวกตานี้รู้สึกมีน้ำหนักมาก เวลานี้โรงพยาบาลต่างๆ เกี่ยวกับตานี้กำลังโหมเข้ามาๆ ในวัดเรา เริ่มจะเป็น ๓ แห่งแล้วขึ้นใหม่นี่ บุรีรัมย์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ คือถ้าหมอสมบูรณ์หมอครบตามเครื่องมือตานั้นเราจะให้เครื่องมือตาครบ เรียกว่าตั้งจุดไหนให้สมบูรณ์จุดนั้นสำหรับเครื่องมือตา นี่ก็เริ่มสามแล้ว
จะทำไง เราก็มีเหตุผลของเราที่ต้องช่วย เรายกตัวอย่างขึ้นมาเลย ถ้าใครเห็นว่าไม่จำเป็นให้ค้านมา เอา ค้านกันตรงนี้ที่ศาลานี่ เอาเป็นพยานได้เลย เอ้า ถ้าว่าตาไม่เป็นของจำเป็นแล้วให้ปิดประตูทั้งหมดเลย แล้วไปหาไม้มาให้เราจะถือไม้ไว้ในมือ พอบอกว่าเลิกพวกนี้ ไล่พวกนี้ ตีปั๊วะๆ นี้คนตาบอดหาที่ไปไม่ได้มันก็ชนต้นไม้ต้นเสา สุดท้ายไปไม่รอด ฟังเสียงไม้ตีเปี๊ยะๆ ขี้แตกเยี่ยวราดอยู่ตามนี้ นี่คนตาบอด เข้าใจไหม คนตาดีเขาวิ่งปึ๊บเดียวถึงเลยออกเลยใช่ไหม คนตาบอดออกไม่ได้ นี่เราเห็นความจำเป็นของตาเราจึงได้ช่วย ความหมายว่างั้น ทีนี้ทางไหนก็รุมมาๆ
นี่กำลังเริ่มสามแห่ง เครื่องมือตามีไม่ใช่น้อยๆ นะ หมอต้องมีหลายคน เครื่องมือตามแผนกต่างๆ ชำนาญคนละทางๆ ตั้งลงตรงไหนแล้วถือเอาหมอเป็นสำคัญ ถ้าหมอไม่ครบเราก็ไม่มีน้ำหนักที่จะให้ ถ้าหมอครบเราจะให้มีน้ำหนักเต็มส่วนๆ ให้ครบๆ เลย ทางบุรีรัมย์เขาก็มายืนยัน หมอเขาจะพยายามหาให้ครบ ทางสถานีตำรวจเราก็ให้เอาแปลนมาดู เราจะให้โรงที่พักอันนี้ พร้อมห้องน้ำด้วย ให้เขียนแปลนมาพร้อม เราพิจารณาแล้วจะสั่งช่างให้เขาไปจัดการทำให้ ช่างเราจะหาเอง ไปทำเองๆ แปลนเอามาจากนู้นตายตัวแล้วก็เอาแปลนมอบให้เขาไปทำ เข้าใจแล้วนะ เป็นอันว่าตกลงกัน
เพราะเหตุไรจึงให้ทำอย่างนั้น ก็เราไม่อยากเห็นคนขี้ราดตามนั้น มันไม่มีส้วมจึงต้องทำส้วมให้ จะได้ไม่เห็นคนขี้ราด พวกตาบอดถูกตีขี้ราด ยกภาพพจน์ขึ้นมานี้ก็ไม่น่าดูแล้วใช่ไหม นี่ยังจะเห็นต่อหน้า โถ ให้เขียนแปลนมาเลยทั้งห้องน้ำห้องอะไรเรียบร้อยมาให้เรา แล้วเราจะสั่งช่างทางนี้ ช่างเราเองเราเป็นคนจัดให้เอง ทางนั้นมีแต่แปลนมาให้เท่านั้น เอา ไปได้
เราก็ไม่อยากสั่งไปหาหมอวิชัย ถ้าว่าสั่งไปหาหมาวิชัยอยากสั่ง อ้าว ทำเราได้ลงคอ หมอคนนี้ไปไหนคงขวางโลกอยู่ เราว่างั้น แล้วโจมตีที่นั่นที่นี่ เอ๊ะ ทำไมหมอเป็นอย่างนี้ น่าจะเป็นคติตัวอย่างอันดี หมอต้องเป็นบุคคลตัวอย่าง หมอนี่สำคัญมากนะเป็นบุคคลตัวอย่าง มารยาทเกี่ยวกับคนไข้นี้หมอต้องเป็นที่หนึ่ง พยาบาลเป็นที่หนึ่ง เราเคยได้สอนเสมอ เพราะเราช่วยโรงพยาบาลมากต่อมาก เราก็เลยสอนพวกหมอพวกพยาบาล การปฏิบัติต่อคนไข้นั้นมารยาทเป็นที่หนึ่ง เป็นยาขนานแรกเข้าถึงคนไข้ จิตใจนิ่มนวลอ่อนหวานขึ้นทันทีทันใด ทั้งๆ ที่จิตใจเป็นฟืนเป็นไฟ เพราะมารยาทของหมอของพยาบาล ให้นำอันนี้ไปใช้ ออกก่อนยานะ เราบอก
พวกหมอต้องเป็นฝ่ายที่เอาอกเอาใจคนไข้ ส่วนวางยาก็เป็นหน้าที่ของหมอเห็นสมควรยังไงก็ทำไปตามความเห็นสมควรของหมอ แต่เรื่องมารยาทต้องวางให้เหมาะสมกับคนไข้ และญาติของคนไข้หัวใจจ่ออยู่กับหมอ ชีวิตจิตใจอยู่กับหมอกับพยาบาล ไปแสดงอาการหน้าบึ้งใส่เขา ถ้าเป็นหลวงตาบัวจะเอานี้ตีเลย พอเห็นกิริยามารยาทนิ่ม โรคเริ่มหายแล้ว ภายในใจชุ่มเย็น อะไรๆ ถึงหายไม่หายเขาก็ไม่ลืมคุณ เรื่องหมอกับพยาบาลเป็นสำคัญทางมารยาทต่อคนไข้ นี่เราก็สอน เราไม่ได้เรียนหมอแหละหากไปสอนหมอ เขาว่าเอาอ้อยไปขายสวนใช่ไหมล่ะ แต่ค้านมาซีค้านไม่ได้ใช่ไหมล่ะเราพูดนี้ อันนี้เป็นอันดับแรกเลย
เข้าไปปั๊บ ชีวิตจิตใจของคนไข้และญาติคนไข้พุ่งใส่หมอใส่พยาบาล กิริยาเป็ฯยังไง ต้อนรับอย่างไรบ้าง นี่อันแรกขึ้นเลย ยาขนานแรก ถ้าเป็นพิษก็อันนี้ละเป็นพิษ ถ้าเป็นคุณก็อันนี้ขึ้นก่อนเลย แต่เรามันเป็นยังไง ใครมาก็โวกวากๆ ใส่เขา แล้วมันไหลเข้ามาเรื่อย มันเป็นยังไงอันนี้ เป็นยังไงอย่างนั้นอย่างนี้ไม่เห็นมีใช่ไหม มามีแต่โวกวากๆ เรื่อย ดีไม่ดีจะเอาไม้ไล่ตี สอนมารยาทเขาอย่างนั้นอย่างนี้แต่เจ้าของโวกวากๆ
นี่ก็สามโรงแล้ว อย่างน้อยถ้าหมอตาครบต้อง ๒๐ ล้านขึ้นไปเลย ให้ต่ำกว่านั้นไม่ต่ำ เราเคยผ่านมาแล้ว ๒๐ กว่าล้าน ที่อุดรให้ครบหมดเลย ถึงขนาดปวารณาหมอเลย เมื่อเครื่องมือสำหรับตานี้บกพร่องขาดเขินอะไร ให้สั่งมาเลยๆ เมื่อเครื่องมือมาถึงแล้ว รับรองคุณภาพเรียบร้อยแล้วส่งบิลมาหาเรา เราก็จ่ายบิลไปตามบริษัทนั้นๆ อย่างนี้ตลอดมา เราให้อย่างนั้นละ ถ้าลงให้ให้จริงๆ เรา ถ้าไม่ให้ไม่ให้ ไม่เหมือนใครนะ ถ้าได้ลงใจอะไรแล้วลงจริงๆ ไม่ลงก็ไม่ลง
ก็คิดดูซิไปเถียงพ่อแม่ครูจารย์ ซัดกันเหมือนเป็นมวยแชมเปี้ยนซัดกับท่าน ลงมาแล้วเลยมาพิจารณาเจ้าของ ทั้งๆ ที่เราไม่มีอย่างนั้นเราหาความจริง ขัดกันตรงไหนซัดกันกับท่าน จนพระทั้งวัดแตกมาอยู่ข้างล่าง เรากับท่านสองต่อสองซัดกันไม่ใช่เล่นๆ เอากันหนักจริงๆ พอลงไปแล้ว เพราะซัดกันอย่างแรงหาเหตุหาผล ขัดตรงไหนซัดกันตรงนั้นๆ พอลงแล้วหมอบนะ หมอบๆ แล้วปฏิบัติตามนั้นไม่เป็นอื่น ถ้ายังไม่ลงตรงไหนจะไม่ลง ซัดกันกับพ่อแม่ครูจารย์ ทราบว่าบรรดาลูกศิษย์ลูกหาไม่มีองค์ไหน มีองค์เดียวเท่านี้ที่เก่งมากเถียงกับท่านอาจารย์มั่นได้สบายๆ ครูอาจารย์ทั้งหลายที่เป็นลูกศิษย์ท่านไม่มี มีองค์เดียวนี้ ว่างั้น
เอาจริงๆ แหละเรา คือหาความจริงไม่ใช่อะไร ขัดตรงไหนซัดตรงนั้น พอยอมรับปั๊บหมอบปุ๊บ เรียกว่าปฏิบัติตามแล้วนั่น เอาจริงจังมาก ถ้ายังไม่ลงตรงไหนเอากันอยู่ตรงนั้น เวลาจะปฏิบัติมันไม่สนิทใจ เข้าใจไหมล่ะเมื่อไม่ลงใจ เมื่อลงใจแล้วปุ๊บพุ่งเลยๆ อย่างนั้นละเรา ถ้าไม่ลงไม่ลงจริงๆ เอาจริงๆ เถียงจริงๆ หาเหตุหาผล ได้ชัดเจนแล้วยอมหมอบราบ เจตนาของเราเป็นอย่างนั้น ลงมาแล้วยังมาถามตัวเอง นี่เราเป็นนักมวยแชมเปี้ยนมาจากไหน มาหาท่านทีแรกก็ว่ามอบกายถวายตัวต่อท่านทุกสิ่งทุกอย่างให้ท่านแนะนำสั่งสอนเฆี่ยนตีทุกอย่าง แล้ววันนี้ไปซัดกับท่านได้ยังไง ถ้าว่าเก่งมาหาท่านทำไม ถ้าว่าเก่งมาหาท่านทำไม เอาเจ้าของนะ
อ๋อ ก็เห็นว่าท่านเป็นคนเก่งเราเป็นคนโง่ละซิ จึงต้องเอากันหาเหตุหาผล มันแก้กันนะ เอาละลงใจ แน่ะเป็นอย่างนั้นนะ ลงใจ ไม่ได้เถียงแบบโลกว่างั้นเถอะ เป็นอย่างนั้นละเรา เอาจริงนะไม่เหมือนใคร ถ้าไม่ลงไม่ลง ถ้าลงแล้วลงจริงเลย ผึงทะลุเลย เป็นอย่างนั้นละ คือถ้ามันยังไม่ลง ทำอะไรมันก็ไม่สนิทใจนะมันไม่ลง มันไม่เต็มเหนี่ยวๆ ถ้าลงแล้วมันพุ่งเลยเต็มเหนี่ยว ลงใจแล้วผึงเลยๆ เป็นอย่างนั้น ยกตัวอย่าง ส่วนใหญ่เลยละ เพราะเราไปเตรียมพร้อมทีเดียว เพราะเรามุ่งต่อมรรคผลนิพพานแดนพ้นทุกข์ จะให้เป็นพระอรหันต์ในชาตินี้ว่างั้นเลยนะ ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้อีโหน่อีเหน่ กอไก่ กอกายังไม่ได้ แต่จะให้เป็นพระอรหันต์ คือจะเป็นดอกเตอร์เลย มีองค์ไหนที่จะสามารถแนะนำสั่งสอนเราให้แน่ใจว่านิพพานมีอยู่เท่านั้นละ เราจะมอบกายถวายตัวต่อองค์นั้นแล้วเราจะเอาตายเข้าว่าเลย
พอไปท่านก็ใส่ตูมเลย เข้ากันได้ปึ๋งเลย จากนั้นลงพรึบตั้งแต่นั้นมา เพราะฉะนั้นความเพียรของเรามันถึงเป็นอย่างที่ว่า ถ้าลงใจแล้วเป็นอย่างนั้น เอาเป็นเอาตายเข้าว่า ความเพียรเราไม่อยากพูดนะ ถ้าพูดจะเป็นการโอ้อวดต่อหมู่ต่อเพื่อน เราเอาอย่างนั้นจริงๆ นี่นะ ไม่ถึงขั้นสลบไสล เฉียดๆ ไปเลย ทุกข์ลำบากมากเป็นเวลา ๙ ปี ที่ลงใจจากพ่อแม่ครูจารย์มั่นแล้วทีนี้ใส่ตูมเลยเจ้าของ เป็นอย่างนั้นไม่เสียดายอะไร เป็นอย่างนั้น คือถามถามอย่างนี้ พอไปท่านก็ใส่ตูมเลย ท่านมาอะไรขึ้นเลย มาหามรรคผลนิพพานเหรอ เรดาร์ท่านจับไว้แล้ว
ท่านมาหามรรคผลนิพพานเหรอ ต้นไม้ภูเขาดินฟ้าอากาศไม่ใช่มรรคผลนิพพาน ไม่ใช่กิเลสไม่ใช่ธรรม นั่นท่านเอาละนะ ฟาดไปครอบโลกธาตุไม่ใช่กิเลสไม่ใช่ธรรมไม่ใช่มรรคผลนิพพาน กิเลสจริงๆ มรรคผลนิพพานจริงๆ อยู่ที่ใจ ลงมาที่นี่ เอ้าๆ ท่านซัดลงให้ดี จิตตภาวนาเอาให้หนาแน่นมั่นคง ท่านจะได้เปิดมรรคผลนิพพานขึ้นที่ใจ ไม่มีที่ไหนนอกจากหัวใจเท่านั้น ลงใจปึ๋งเลย นั่นละทางนี้มันจึงฟัดกันใหญ่ เป็นอย่างนั้นละเรา ถ้าไม่ลงไม่ลงนะ ถ้าลงลงจริงๆ ไม่ได้เหมือนใครง่ายๆ นะ จะว่าทิฐิก็ไม่ใช่ทิฐิ คือหาความจริง เราหาความจริง ถ้ายังไม่ลงเอากันอยู่นั้นละ
อย่างพ่อแม่ครูจารย์มั่นนี้ ลูกศิษย์ของท่านมีสักกี่องค์ ไม่มีใครเถียงถกเถียงท่านเป็นแบบเวทีแชมเปี้ยนเหมือนเราเลย มีเราคนเดียว บรรดาพระทั้งหลายที่เคยอยู่กับครูบาอาจารย์มา ท่านก็บอกตรงๆ เลยว่า ไม่มีองค์ไหนที่จะกล้าเถียงกับครูบาอาจารย์ได้อย่างเต็มที่ๆ เหมือนท่านอาจารย์ เราพรรษาก็ ๑๐ กว่าแล้ว พระเหล่านั้นก็เรียกเราเป็นอาจารย์ มันก็เป็นจริงๆ เรา ถ้ายังไม่ลงใจไม่ลง ถ้าลงแล้วหมอบเลย หมอบแล้วก็พุ่งเลยที่นี่ ลงใจแล้วเต็มเม็ดเต็มหน่วยเอาตายเข้าว่าเลย คุ้มค่าว่างั้นเถอะ ถ้าทุ่มลงไปผลที่จะได้ไม่คุ้มค่าไม่อยากทำ มันไม่แน่ใจ เป็นอย่างนั้นละ ทีนี้เวลาปฏิบัติตามนั้นมาแล้ว มันก็เห็นตามนั้นรู้ตามนั้นตามที่ท่านสอน ทีนี้เวลาออกสอนโลกจึงเป็นอย่างนี้ละฟังเอา
เราไม่ได้สอนโลกด้วยความสงสัยอะไรเลย หมด ไม่ว่าธรรมะขั้นใดๆ ถึงนิพพานบอกตรงๆ เลย เราสอนเต็มเม็ดเต็มหน่วยหายสงสัย ถอดออกไปจากหัวใจๆ ทุกอย่าง อย่างที่เขามาว่า ว่าเราอวดอุตริมนุสธรรม จะมาฟ้องเราให้เราเป็นปาราชิก จนกระทั่งป่านนี้มันตายหมดทั้งโคตรแล้วก็ไม่รู้ไม่เห็นมาฟ้องเลย เราบอกว่าให้มา ให้ยกโคตรมาเราบอก เอ้าใครข้องตรงไหนเราอวดตรงไหนอวดอุตริ ผิดจากธรรมพระพุทธเจ้าที่ตรงไหน เอ้า เอามา มันไม่มา มันขู่ฟ่อๆ เฉยๆ ปากอมขี้เข้าใจไหม ก็นี่ปากอมธรรมนี่นะ ซัดลงไปเต็มเหนี่ยวเลย เพราะฉะนั้นการสอนโลกเราจึงไม่เคยสะท้านหวั่นไหวกับอะไร คือมันจ้าอยู่ในหัวใจนี้แล้ว ออกมาปั๊บนี้มันจับได้ทันที ถ้าเป็นกิเลสคอขาดทันทีเลย เป็นอย่างนั้นละความแน่ใจ
สอนโลกจึงไม่ได้สอนด้วยความสงสัยอะไร เช่น บาปบุญนรกสวรรค์ใครอย่าฝืนนะ เรายอมพระพุทธเจ้ากราบราบแล้ว ใครอย่าไปฝืนนะว่าบาปไม่มี บุญไม่มี นรกไม่มี สวรรค์ไม่มี พรหมโลก นิพพานไม่มี อย่าเป็นอันขาดนะถ้าไม่อยากจมบอกงั้นเลย ศาสดาองค์เอกทั้งนั้นสอนแบบเดียวกัน เราตัวเท่าหนูพิจารณาแล้วมันจ้ายอมรับทันทีเลย เพราะฉะนั้นจึงได้รีบมาบอกบรรดาลูกศิษย์ลูกหาทั้งหลาย อย่าฝืนนะ คำสอนพระพุทธเจ้าไม่มีผิดเลย ถูกต้องหมดเลย พิจารณาจนหมอบราบท่านแล้วจึงได้มาประกาศให้พี่น้องทั้งหลายฟัง อย่าฝืนนะฝืนธรรมพระพุทธเจ้า เท่ากับไปเหยียบหัวพระพุทธเจ้า แล้วก็เหยียบหัวตัวเองให้จมลงในนรกนั่นแหละไม่เป็นอย่างอื่น เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้
คำสอนที่ว่า สวากขาตธรรม หรือ สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม ตรัสไว้ชอบแล้วทุกอย่างไม่มีผิดมีเพี้ยนแม้นิดหนึ่ง ไม่มีเลย จึงเรียกว่า สวากขาตธรรม อย่าฝืนนะ เราโง่ให้ยอมรับว่าโง่ ให้ปฏิบัติตามท่าน อย่าอวดฉลาด เราโง่แล้วอวดฉลาดตายนะจมนะ ว่าอย่างงั้นละ เอาละวันนี้พูดเพียงเท่านั้นละ
รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th
และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร
FM 103.25 MHz |