ไม่เลย ๓ วัน
วันที่ 5 มีนาคม 2549 เวลา 8:45 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   ข้อมูลเสียงแบบ(MP3)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)   วิดีโอแบบ(Win High Band)

ค้นหา :
 

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๕ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๔๙

ไม่เลย ๓ วัน

ก่อนจังหัน

พระมาใหม่มาเก่าผสมผเสกันเรื่อยมา มาศึกษาให้ตั้งใจศึกษาจริงๆ อย่าเถลไถล ออกไปแล้วก็เอาชื่อของครูบาอาจารย์ไปอวดไปอ้าง ว่ามาจากครูบอาจารย์องค์นั้นองค์นี้ วัดนั้นวัดนี้ แต่ตัวเหลวแหลกแหวกแนว อย่างนี้ใช้ไม่ได้นะ อย่างสำนักพ่อแม่ครูจารย์มั่นก็เหมือนกัน เอาพ่อแม่ครูจารย์มั่นละไปขายกิน มาสำนักหลวงตาบัวนี้หลวงตาบัวก็จะเป็นปลาเน่าไปขายกินเรื่อยๆ แหละ

ผู้มาศึกษากับครูบาอาจารย์นี้ถ้าเป็นหลักเป็นเกณฑ์ตามที่มาศึกษาจริงๆ จะไม่น้อยนะพระที่ตั้งใจปฏิบัติดีปฏิบัติชอบและทรงมรรคผลนิพพาน เพราะท่านผู้เป็นเจ้าของสำนักหรือเป็นผู้ใหญ่ส่วนมากท่านทรงมรรคผลนิพพานเรียบร้อย อย่างหลวงปู่มั่นหาที่ต้องติซี นั้นแลพระอรหันต์สมัยปัจจุบัน แล้วก็ครูบาอาจารย์ทั้งหลายมีหลวงปู่ขาว หลวงปู่ฝั้น หลวงปู่คำดี เหล่านี้มีแต่ท่านผู้ทรงมรรคทรงผลเป็นเพชรน้ำหนึ่งทั้งนั้น ท่านศึกษาจากครูบาอาจารย์แล้วท่านก็ตั้งใจปฏิบัติ เหล่านี้เป็นลูกศิษย์หลวงปู่มั่นทั้งนั้นที่เป็นเพชรน้ำหนึ่ง นี่เราระบุเพียงเฉพาะไม่มากนัก

มาตั้งใจศึกษาก็ให้พากันเข้าอกเข้าใจ ผมที่แนะนำสั่งสอนหมู่เพื่อนมีมรรคมีผลหรือไม่ เอาไปพิจารณาซิน่ะ ประกาศมาได้ ๕๖ ปีนี้แล้วมรรคผลหรือไม่มรรคผล ตั้งแต่ปฏิปทาการดำเนินมาจะถึงขั้นสลบไสลๆ ติดต่อเรื่อยมา นั่นละถึงได้ธรรมประเภทนี้มา ได้มาด้วยความจริงความจังทุกอย่างไม่ได้เหลาะแหละ เวลามาสอนหมู่เพื่อนก็ไม่ได้สอนอย่างเหลาะแหละลูบๆ คลำๆ ไม่มี ไม่ว่าธรรมขั้นใดออกจากหัวใจล้วนๆ ที่ทรงไว้แล้วทั้งหมด สอนอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ถ้าผู้ตั้งใจปฏิบัติจะได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยไม่สงสัย นอกจากมาเหลาะๆ แหละๆ ฟังไปอย่างนั้น ครั้นออกไปเหลวไหลๆ

ลูกศิษย์หลวงตาบัวนี่ไปประกาศขายกินอยู่เยอะนะ มาจากสำนักหลวงตาบัวสำคัญมากนะ หลวงตาบัวไม่เป็นท่าอะไรแหละ ไอ้ลูกศิษย์มันเก่งกว่าครู ไปจากสำนักหลวงตาบัว กำลังฟิตมาเต็มเหนี่ยว ใครอยากมาทดลองเครื่องก็มา ลูกศิษย์หลวงตาบัวมันเก่งมันมักแหวกแนวอยู่นะ มันไปสอดทางโน้นแทรกทางนี้ เราทราบมาเรื่อยๆ เป็นมาเรื่อยๆ อย่างนั้นนะ นี่ละมันไปหาลองเครื่อง พวกนี้พวกลองเครื่อง ฟิตมาจากหลวงตาบัวเต็มเหนี่ยวแล้ว ใครอยากทดลองเครื่องเอ้ามา เป็นอย่างนั้นนะ พวกเหล่านี้พวกไปหาทดลองเครื่อง

ตั้งใจซิ สติเป็นสำคัญ เอาๆ ลองดูซิองค์ไหนที่ตั้งสติติดแนบๆ ๓ วันท่านทั้งหลายจะรู้ได้ชัดเจนว่าจิตนี้มันผาดโผนโจนทะยานขนาดไหน เมื่อสติบังคับมันได้แล้วจะเห็นผลใน ๓ วัน เอาจริงนะ อย่าทำเล่นๆ สติเป็นพื้นฐานสำคัญมากตั้งแต่ธรรมเบื้องต้นจนกระทั่งถึงที่สุดวิมุตติพระนิพพาน พ้นจากสติไปไม่ได้ กิเลสไม่เกิดลงสติได้ครอบอยู่แล้วเกิดไม่ได้ มันจะหนาแน่นขนาดไหนเท่าภูเขาก็ตามมันก็อยู่ใต้สติ สติบีบบังคับเอาไว้ พอสติเผลอพับมันออกแล้ว สังขารตัวปรุงปรุงมาจากอวิชชา

ท่านว่า อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา อวิชชาหนุนออกมาให้เกิดสังขาร มีแต่เรื่องของกิเลสทั้งนั้นๆ เปิดเท่าไรมันยิ่งไปกว้านเอาฟืนเอาไฟมาเผาตัวเองนั่นละสังขาร ตัวสำคัญมากคือตัวสังขาร มันปรุงมันคิดได้ทุกแง่ทุกมุม เรื่องจริงไม่จริงก็ตามถ้าลงสังขารได้ปรุงแล้วเชื่อทั้งนั้น ถ้าไม่ใช่นักปฏิบัติไม่รู้นะอย่างนี้ เชื่อมันวันยังค่ำ พวกนี้พวกเป็นบ้ากับสังขารความคิดความปรุงความคาดคะเนเดาโน้นเดานี้ ที่นั่นจะดี ที่นี่จะดี มีแต่จะดีๆ เจ้าของชั่วไม่ดู ถ้าดูตัวมันชั่วซึ่งอยู่ในจิตนี้มันจะหดตัวเข้ามาทันที ดูด้วยสติเป็นอย่างนั้น

ที่สอนนี่เป็นยังไง ถ้าหากว่าทำตามนั้นแล้วไม่เป็นท่า เราจะพาเดินขบวนไปหาพระพุทธเจ้ามันเป็นยังไง นี่เราทำมาแล้วไม่ได้เดินขบวน มีแต่หมอบกราบอย่างราบๆ เลย ตั้งสติติด เอา ตั้งแต่ขณะตั้งปุ๊บระฆังดังเป๋งสติไม่ให้ขาด พอเป๋งก็นักมวยต่อยกัน สติตั้ง เอ้ามันจะเป็นยังไง ๓ วันจะรู้ ไม่เลย ๓ วันแหละ จะรู้ความผาดโผนโจนทะยานแห่งกองฟืนกองไฟคือกิเลสภายในใจที่มันแสดงออกไป มันออกไม่ได้ อกจะแตกนะไม่ใช่เล่น มันอยากคิดอยากปรุงจนอกจะแตก สติบังคับไม่ให้มันออก มันออกช่องไหนบีบเอาไว้ ปิดเอาไว้ช่องนั้น ๓ วันจะได้เห็นผลๆ วันแรกเหมือนอกจะแตก

ที่สอนมาเหล่านี้ทำมาหมดแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างทำมาหมดแล้ว ได้ผลแล้วๆ จึงนำมาสอนหมู่เพื่อน ควรจะเป็นที่ตายใจ ยึดไว้เป็นหลักเกณฑ์แล้วไปทำให้จริงจัง อย่าทำเหลาะๆ แหละๆ เวลานี้ศาสนามีแต่ผู้ปฏิบัติแบบเหลาะแหละทั้งนั้น ในครั้งพุทธกาล สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ ที่เป็นสรณะของพวกเราท่านไม่ใช่เหลาะแหละ พระพุทธเจ้าสลบ ๓ หนเหลาะแหละไหม ธรรมปรากฏเด่นขึ้นมาครอบโลกธาตุ ที่ว่า ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ นี่เกิดจากผู้ไม่เหลาะแหละ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ ก็เหมือนกัน พระสงฆ์สาวกที่เป็นสรณะของพวกเรามีแต่ผู้ที่เด็ดเดี่ยวเฉียบขาดกับกิเลสทั้งนั้น ได้ชัยชนะมาสอนพวกเรา

พวกเรามีแต่ยกธงขาวๆ ไปที่ไหนเต็มไปด้วยธงขาว เข้าไปในกุฏิกุฏังของพระในวัดในวามีแต่ธงขาวๆ ยิ่งเข้าไปในครัวธงขาวดาดาษเลย เกลื่อนออกมาถึงทางเดินนี้มัง มีแต่ธงขาวยอมกิเลส หมอบราบกิเลส กราบกิเลส พวกนี้พวกธงขาว กราบกิเลสทั้งนั้นๆ ที่มองไปเห็นกำลังต่อสู้กับกิเลสนี้ไม่ค่อยเห็น เห็นแต่หมอบราบๆ ธงขาวคลุมหัวมัน รอแต่จะนิมนต์พระไป กุสลา ธมฺมา เท่านั้นเอง โฮ้ พูดเราสลดสังเวชนะ

โลกทั้งหลายกำลังเดือดร้อนเพราะอะไร เพราะมีแต่ธงขาวหมอบกับกิเลส วิ่งตามกิเลส พวกธงขาวทั่วประเทศไทยเราในแดนแห่งชาวพุทธ นี่คือพวกธงขาว ไม่เอาไหนนะกับอรรถกับธรรม ถ้าเป็นกิเลสแล้วจริงจังมากทีเดียว เป็นก็เป็น ตายก็ตาย แข้งหักขาขาดช่างหัวมัน ขอให้ได้ไปก็เอา วิ่งไม่ได้ขาหักก็คลานไปเลยตามกิเลสไม่ถอยพวกนี้ วิ่งตามกิเลสไม่ถอย จำให้ดีนะที่พูดเหล่านี้ เราพูดเล่นเมื่อไร

เลอะเทอะมากที่สุดนะเมืองไทยเราเวลานี้ เอาธรรมจับซิ ที่พูดนี้เป็นยังไงผู้พูด ผู้พูดไม่เลอะเทอะ พูดจริงๆ จ้าอยู่ในหัวใจนี่ สอนได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ไม่มีคำว่าสะทกสะท้านกับโลกใดในสามแดนโลกธาตุนี่ มันครอบไปหมดแล้ว เอาธรรมมาสอน เลิศเลอยิ่งกว่าสิ่งสกปรกโสมมขนาดไหน ที่โลกกำลังตะครุบกันอยู่นี้มีแต่พวกส้วมพวกถาน อะไรก็ดีๆ แล้วเอามาเผากันๆ

นี่เวลานี้กำลังจะเกิดเรื่องเกิดราวขึ้นในวงชาติไทยของเรา กรุงสยามนั่นละ ดูว่าเป็นวันนี้ละมั้ง จะยกพวกมาต่อยกัน มีแต่พวกหมากัดกันพวกนี้ เอาธรรมเข้ามานั่นซิ พอเอาธรรมเข้ามานี้จะสงบหมด ไม่มีใครฉลาดยิ่งกว่าคนเรา ยิ่งพุทธศาสนาเป็นศาสนาของจอมปราชญ์ด้วยแล้ว เอามาปฏิบัติ มันจะเก่งกล้าสามารถขนาดไหนกิเลสนี่น่ะ ที่มันเห่อมันจะต่อยจะสู้กันนี้ ใครก็ว่าใครดีๆ นั่นละหมากำลังจะกัดกัน อยู่ในกรุงสยาม สนามหลวงนั่นละสำคัญมาก

ให้ฟังกันนะวันนี้ นี้เป็นธรรมสอนโลก วันนี้ดูว่าจะออกไปต่อยกัน ต่อยแบบไหน มันก็มีแต่แบบกิเลส แบบหมากัดกัน ถ้าต่อยแบบธรรมตกลงกันได้ เหตุผลมีอยู่ทุกผู้ทุกคน หน้าที่การงานผิดถูกชั่วดีรู้อยู่ด้วยกัน ยอมรับกันเท่านั้นก็สงบ ถ้าไม่ยอมรับมันตายทิ้งเปล่าๆ ละนะ โอ๋ย น่าทุเรศ ที่พูดเหล่านี้เราไม่มีอะไรมาเป็นข้าศึกต่อหัวใจเรา สงบเรียบ กิเลสขาดสะบั้นออกไปแล้วไม่มีอะไรเป็นข้าศึกเลย เอานี้ละมาเทศน์สอนโลก ขอให้ฆ่าตัวมันเสนียดจัญไร ตัวก่อกวนตลอดเวลา ก่อให้เป็นฟืนเป็นไฟนี้ลงให้สงบๆ ต่างคนต่างทำ เอาละวันนี้เพียงเท่านั้นพอ ให้พร

หลังจังหัน

รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลจังหวัดเพชรบูรณ์ มาติดต่อขอความเมตตาเครื่องถ่ายภาพจอประสาทตากับเครื่องตรวจลานสายตา หลังจากได้ฟังหลวงตาเทศน์เมื่อวานว่ากำลังพิจารณาจะให้โรงพยาบาลจังหวัดเพชรบูรณ์เป็นศูนย์รักษาโรคตา หลวงตาได้เมตตาให้ทั้งสองเครื่อง


รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร

FM 103.25 MHz


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก