เทศน์อบรมฆราวาส ณ สวนแสงธรรม กรุงเทพฯ
เมื่อบ่ายวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๔๙
ธรรมนำโลก
เรื่องธรรม เป็นอย่างไรธรรม ธรรมพอ โลกนี้ไม่พอ เห็นไหมที่เขาโจมตีนายกฯอยู่เวลานี้ เราพูดชัดๆ อย่างนี้ละ นายกฯคนนี้เป็นนายกฯที่สมบูรณ์พูนผลทุกสิ่งทุกอย่าง ควรที่จะเป็นผู้นำพี่น้องทั้งหลายที่ยากจนในประเทศไทยของเราได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยโดยไม่ได้มาเกี่ยวกับเจ้าของที่จะไปรีดไปไถเขาแบบใดๆ เลย จะว่าเราเผลอตัวก็ได้ นายกฯคนนี้เราเป็นผู้อุ้มขึ้น เหตุที่เราอุ้มขึ้นมาก็เพราะเห็นความยากจนของประชาชนและถูกรีดถูกไถตลอดมา วาระสุดท้ายก็ถูกรีดไถเสียจนจะไม่มีเงินค้างคลังหลวงเลย ถึงขนาดที่เราได้ห้ามในคลังหลวงรวมบัญชี ไม่ให้รวม เข้าใจไหมล่ะ ใครไปห้ามล่ะ เราก็ห้าม นี่มันหนักขนาดบ้านเมืองนี้ล่มจมลงไป ทำอย่างไร ผู้ใดที่จะพออาศัยได้บ้าง
เราก็มองเห็นคุณทักษิณนายกฯเรานี่ พูดออกจากนี้ให้มันชัดทั่วประเทศไทย เราไม่ได้คิดธรรมมากนะ เราคิดทางด้านวัตถุมาก สกุลนี้เป็นสกุลที่มั่งคั่งสมบูรณ์มากที่สุดในประเทศไทย เป็นสกุลที่ควรจะได้ให้บรรดาพี่น้องชาวไทยที่ยากจนได้อาศัยพอสมควร เราจึงอุ้มคนนี้ขึ้นมา เพราะว่าคนนี้เป็นผู้ที่สมบูรณ์พูนผลแล้วจะมีแต่การสงเคราะห์โลกช่วยโลกโดยถ่ายเดียวๆ เจ้าของไม่หิวโหยพอที่จะมาหากอบหาโกยออกจากผู้ใด เพราะมีแล้ว โดยหลักธรรมเป็นอย่างนั้นนะ
ทีนี้มันไม่ไปตามหลักธรรมละซิ เดี๋ยวนี้มันฟังเสียงที่ไหนมันก็หูคน หูคนด้วย หูธรรมด้วย ใจธรรมด้วย ไปที่ไหนฟังว่าเดือดร้อนกันไปทั่วทุกแห่งหนตำบล เศรษฐีทำไมทำความเดือดร้อนแก่โลก และเจ้าของมากลายเป็นเศรษฐีที่เหม็นคลุ้งทั่วประเทศไทย แน่ะ เศรษฐีเน่าเฟะ พอไปที่ไหนมีแต่คนชี้หน้าชี้ตา ชี้ลับหลัง ชี้ทุกแบบทุกฉบับด้วยความรีดไถคดโกงแบบนั้นแบบนี้ ไม่มีใครเกินเศรษฐีเงินไปโกงเขา ด้วยความอยากไม่พอ มันกระเทือนมาถึงใจเรา เราจึงพูดอย่างนี้เอง
เรายกขึ้นเองเพื่อจะให้ช่วยชาติบ้านเมือง จึงไม่ค่อยคำนึงเรื่องอรรถเรื่องธรรมว่าควรหรือไม่ควรนัก เพราะฐานะเขามันสูงมากอยู่แล้ว เราจึงไม่เอาธรรมเข้าไปเกี่ยวข้อง ก็เห็นว่าฐานะมากแล้วจะไม่ยุ่งกับใคร มีแต่จะช่วยโลกเต็มเม็ดเต็มหน่วย เราคิดอย่างนั้น เราจึงอุ้มขึ้นมาให้เป็น เมื่อเป็นแล้วมันกลับตรงกันข้ามกับที่เห็น จนกลายเป็นเศรษฐีเหม็นคลุ้งทั่วประเทศเขตแดน เศรษฐีมีอยู่ที่ไหนเป็นที่ชื่นชมยินดีของประชาชนทั่วโลกดินแดน แต่เศรษฐีในเมืองไทยเราทำไมเป็นเศรษฐีที่เหม็นคลุ้งทั่วโลก เน่าเฟะทั่วโลก เป็นความเดือดร้อนแก่ประชาชนด้วยความเป็นเศรษฐีของซากศพเน่าเฟะในท่ามกลางแห่งประเทศไทยอย่างนี้ มันก็พูดได้ซีเรา
นี่มันเป็นอย่างนี้นะความโลภ ฟังซิความโลภ มันได้พอเมื่อไร ไม่พอ ได้เท่าไรไม่พอความโลภนะ โลภเอาเสียทุกสิ่งทุกอย่าง มันฟังไม่ได้นะกับธรรม จึงพูดออกมาอย่างนี้ละเรา ทีนี้จะหาผู้แทนที่ไหนอีก เราก็คาดผิด เรายอมรับว่าเราคาดผิด เพราะเราไม่ได้เอาธรรมเข้าไปจับเหมือนสิ่งทั้งหลาย สิ่งทั้งหลายเราเอาธรรมจับพิจารณาเสียก่อนทุกอย่างให้เต็มเม็ดเต็มหน่วยแล้วออกๆ อันนี้เราบกพร่อง เราไม่ค่อยใช้ธรรมพินิจพิจารณานัก เอาวัตถุเห็นว่ามีความแน่นหนามั่นคงอยู่แล้ว ร่ำลือมาทั่วประเทศเราเป็นเวลานานแสนนาน จึงหลงคิดลืมคิดไปว่าจะไปรีดไถใครหรือไม่ คิดอย่างเดียวว่าทีนี้จะไม่รีดไถละเพราะเขามั่งมีแล้ว มีแต่จะช่วยโลก สมบูรณ์พูนผล แล้วมันกลับเป็นอย่างที่เห็น เห็นไหมล่ะ อย่างนี้ละจึงทำให้เราคิด เราผิดไป คือเรามองวัตถุ ข้ามธรรมไป
ทีนี้เวลาวัตถุแสดงพิษภัยขึ้นมาธรรมจึงขึ้นมารับ มันสายไปเสียแล้ว เป็นอย่างนี้ละ โอ๋ยทุเรศนะเรา นี่ละกิเลสตัณหามันไม่พอนะ ทีนี้ธรรมเป็นอย่างไร เอายันเลยนี่ พอ เราพอทุกอย่าง เราไม่เอาอะไร บรรดาประชาชนมาถวายปัจจัยไทยทานมากน้อยเพียงไรออกช่วยโลกทั้งนั้น เราไม่เอาอะไรเลย เราจึงกล้าพูด ยันกันได้กับโลก โลกนำโลกนำเพื่อความล่มจม ธรรมนำโลกนำเพื่อความฟื้นฟูจริงๆ อย่างที่เรานำ เราไม่คุย เราทำอย่างนี้ตลอดมา เราบริสุทธิ์ในหัวใจเราตลอด แม้แต่คิดออกมาแว็บ อะไรผิดมันจะปัดของมันทันที ปัดของมันทันที ไม่นำออกใช้เลย ถูกต้องแม่นยำแล้วออกใช้ตามกิริยาของธรรมที่เราเห็นว่าถูกต้องมากน้อยเพียงไร จะออกตามนั้นๆ เรื่อยมาอย่างนี้ เราช่วยโลกอย่างนี้เหมือนกันนะ นี่ละธรรมกับโลก
|