ผู้นำของประชาชนจะโง่เกินไปหรือ
วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา 8:45 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   ข้อมูลเสียงแบบ(MP3)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)   วิดีโอแบบ(Win High Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๔๙

ผู้นำของประชาชนจะโง่เกินไปหรือ

ก่อนจังหัน

พระวัดนี้อาหารท่วมมันจะตายแหละ องค์ไหนไม่มีปัญญามันตายกองกันอยู่กับอาหารการกินในหม้อ มองไปหม้อไหนเห็นแต่พระตายอยู่ในหม้อๆ คือน้ำแกงท่วมปากมันพระ ใครฉลาดเอาตัวรอด ใครโง่จม เราพูดจริงๆ เราเที่ยวทั่วประเทศไทย พูดตามหลักความจริงไม่โอ้ไม่อวด ไม่เหยียบไม่ย่ำ เที่ยวไปหมดแล้วประเทศไทย ครั้นเวลามารวมก็มารวมวัดป่าบ้านตาด อาหารพิลึกกึกกือ อะไรๆ ก็ไหลเข้ามาวัดป่าบ้านตาด ไหลเข้ามาๆ ไหลเข้ามาก็ไหลออกแบบเดียวกัน ไม่มีแอ่งเก็บน้ำ ไหลเตลิดเปิดเปิง ไหลเข้าไหลออกอันเดียวกัน เพราะเรามันเที่ยวเสียแหลกเลย เรียกว่าทั่วประเทศไทย ไม่ใช่เที่ยวธรรมดา ยังเกี่ยวข้องกับการช่วยโลกช่วยชาติบ้านเมืองอีก จึงต้องไปซอกแซกซิกแซ็ก ไปที่ไหนเห็นหมด

ตั้งแต่ก่อนที่เรียนหนังสืออยู่ก็ซอกแซกซิกแซ็ก ทางด้านปริยัติวัดไหนเข้าได้หมด ไม่ว่าวัดราษฎร์วัดหลวงอะไรไปได้ทั้งนั้น ทางกรรมฐานก็เหมือนกัน ครูบาอาจารย์องค์ไหนปรากฏชื่อลือนามตรงไหนๆ เข้าถึงๆ หมดเลย สุดท้ายก็มายุติลงกับหลวงปู่มั่น หาที่ค้านไม่ได้เลย หมอบเลย นี่ละธรรมแท้เป็นอย่างนั้นหาที่ค้านไม่ได้ เพราะฉะนั้นการพูดการจาเราจึงพูดได้ทุกแบบทุกฉบับ เกี่ยวกับเรื่องการรู้การเห็นสัมผัสสัมพันธ์ไปหมด ทางพระก็ทั้งปริยัติทั้งปฏิบัติเข้าทั้งนั้น ทางโลกก็ไปทุกแห่งทุกหน เรียกว่าช่วยชาติอีกแล้ว ไปทุกแห่งได้เห็นทุกแง่ทุกมุม ไปที่ไหนความสังเกตติดใจๆ ไป ดูไปๆ ความสังเกตความรู้สึกต่างๆ เข้ามาสู่ภายในใจๆ ทั้งนั้น

เวลามารวมแล้วก็มาอยู่วัดป่าบ้านตาดพวกอาหารการกินทุกอย่าง จตุปัจจัยไทยทานก็มารวมอยู่วัดป่าบ้านตาด ถ้าหากว่าจะต้องการเป็นเศรษฐีก็เป็นเศรษฐีได้ แต่มันจะเป็นเศรษฐีแบบเศรษฐีปัจจุบัน เศรษฐีเน่าเฟะเหม็นคลุ้งทั่วประเทศไทย คือเศรษฐีในสมัยปัจจุบัน พระเณรเราถ้าจะเป็นเศรษฐีเหล่านี้ก็เน่าเฟะได้เช่นเดียวกัน อาหารการบริโภคทุกสิ่งทุกอย่างไหลเข้ามาๆ  ถ้าพระไม่ฉลาดในธรรมสมกับว่ามาหาธรรมแล้วพระนี้จะเน่าเฟะด้วยอาหารการขบการฉันทุกสิ่งทุกอย่างเหลือเฟือๆ จนเน่าเฟะเหม็นคลุ้งเช่นเดียวกับโลกปัจจุบัน เมืองไทยเราปัจจุบันนี้ เศรษฐีเน่าเฟะ เศรษฐีเหม็นคลุ้ง

วัดป่าบ้านตาดก็จะเน่าเฟะเหม็นคลุ้งด้วยจตุปัจจัยไทยทาน ที่พี่น้องทั้งหลายบริจาคมาเหมือนกันถ้าไม่รู้เนื้อรู้ตัว ถ้ารู้แล้วมาเท่าไรออก ศรัทธาญาติโยมเขายังมีสติปัญญาเฉลียวฉลาด นำมาทำบุญให้ทาน ทำไมพระเป็นผู้นำของประชาชนจะโง่เกินไปหรือ ยอมให้สิ่งทั้งหลายเหล่านั้นเข้ามาโปะๆ ทับแล้วก็เป็นเศรษฐีอาหารการบริโภคเน่าเฟะ จมอยู่ตามหม้อตามไหของเขาที่เอามาบริจาคถ้าพระโง่นะ ถ้าพระฉลาดมีเท่าไรไหลเข้าไหลออกได้ตลอดเวลา ให้พากันจำ ทุกวันนี้มันดูได้เห็นทุกอย่างนั่นแหละ นี่ได้เห็นเต็มหัวใจนะ ได้นำมาพูดเพียงหยาบๆ ที่มันเป็นอยู่ในหัวใจมันรู้มันเห็นนี้ไม่พูด เพราะพูดไปก็ไม่ใช่วิสัยที่จะรู้ได้ๆ หรือรู้ก็ไม่สนใจจะฟัง พูดไปก็ไม่เกิดประโยชน์ ไม่พูดเสีย เก็บไว้ๆ ภายในใจ ทุกสิ่งทุกอย่างจะเข้าอยู่ภายในใจนี้ทั้งนั้นทีเดียว จะนำออกใช้เฉพาะที่จำเป็นหรือที่เห็นว่าสมควรจะเป็นประโยชน์มากน้อย ก็นำออกไป ถ้าไม่เป็นประโยชน์รู้เท่าไรก็เก็บไว้อย่างนั้นๆ แหละ

พระเรามาปฏิบัติอยู่นี้ก็เยอะ งานเริ่มตั้งแต่วันนี้ไปแล้ว งานประทายข้าวเปลือก ประทายข้าวเปลือกก็รู้สึกจะมาทั่วประเทศไทย ประทายข้าวเปลือกวัดป่าบ้านตาด รู้สึกกระเทือนไปหมดเหมือนกันนะ ประทายข้าวเปลือกมาทั่วประเทศไทย จังหวัดไหนๆ มา ก็สมเหตุสมผลที่ว่าประทายข้าวเปลือกนี้ เป็นข้าวเปลือกหรือเป็นกองบุญเพื่อชาติไทยของเราทั้งนั้น นอกจากนั้นยังกระจายออกไปอีกทุกแห่งทุกหนไม่อับไม่จน ขอให้มีเถอะ วัดนี้มีเท่าไรกระจายได้หมด

มีการทำบุญให้ทานที่ว่าประทายข้าวเปลือกก็เพื่อโลกนั่นแหละ ได้มาเท่าไรเราออกเพื่อโลกทั้งหมด ไม่มีคำว่าเก็บ ในวัดนี้ไม่มีเก็บมีสั่งสม สั่งสมตั้งแต่ธรรมอย่างเดียว เรื่องศีลเรื่องธรรมนี้สั่งสมตลอด นี่คือผู้เสาะแสวงหาธรรม วันพรุ่งนี้ก็จะเต็มไปหมดละประชาชนทั้งใกล้ทั้งไกลที่มีศรัทธา นำสิ่งของมาถวายเป็นประทายข้าวเปลือก จากนั้นแล้วทางวัดก็จะจัดการให้เป็นประโยชน์ สมเจตนาของท่านผู้บริจาคมาเพื่อส่วนรวมๆ เราเคยทำอย่างนั้นมาแล้วทำทุกปี มีมากมีน้อยบริจาคทั่วถึงกันไปหมด เรียกว่าการบุญการกุศล

นั่นละธรรมไปที่ไหนเย็นหมด ธรรมมีในใจแล้วไปไหนเย็น ถ้ากิเลสมีในใจไปไหนร้อน เป็นเศรษฐีก็ร้อน ตัวเองก็ร้อน คนอื่นก็ร้อน กระเทือนไปหมด เศรษฐีเหม็นคลุ้ง ถ้าธรรมแล้วหอมหวนชวนชมไปหมด ไปที่ไหนหอมไปเลยเรื่องธรรมเป็นอย่างนั้น กับเรื่องมูตรเรื่องคูถนี้ต่างกันมากนะ ให้ท่านทั้งหลายสั่งสมธรรมภายในใจ ไม่ได้คำนึงคำนวณว่าเป็นฐานะสูงต่ำประการใด สำคัญอยู่ที่น้ำใจ ใครมีน้ำใจเป็นอรรถเป็นธรรมแล้ว คนนั้นมีค่ามีราคา ไปที่ไหนเย็น เป็นเด็กเพื่อนฝูงก็รัก ผู้ใหญ่ก็รัก เป็นผู้ใหญ่เป็นที่เคารพนับถือกราบไหว้บูชาของผู้น้อยๆ เป็นพระก็เป็นครูบาอาจารย์ที่เลิศเลอ ใครก็อยากกราบไหว้บูชา อยากเห็นหน้าเห็นตา อยากกราบ เป็นอย่างนั้นละของดี ธรรมอยู่ที่ไหนเป็นอย่างนั้น ถ้าของเลวใครก็ไม่อยากดู

นี่ก็เริ่มตั้งแต่บัดนี้ไป ข้าวสารจะมาละวันนี้ กองพะเนินเต็มไปหมดวันนี้แน่นอน มาก วันนี้เป็นวันรวม ไทยทานทั้งหลายจะมารวมนั้นหมด พอวันพรุ่งนี้ก็เป็นวันงานละที่นี่ งานใหญ่ วันนี้เป็นวันรวม เราได้พยายามที่สุดแล้วที่ทำประโยชน์ให้โลก สำหรับเราเองเราเคยเรียนให้พี่น้องทั้งหลายทราบแล้วว่าแบมือตลอดไม่มีคำว่ากำ อย่างนี้ไม่มี มีเท่าไรออกหมดๆ ด้วยความเมตตาไม่ใช่อะไร อำนาจแห่งความเมตตานี้มีอะไรออกหมดเลย ถ้าอำนาจแห่งความตระหนี่มีเท่าไรกำหมดกว้านหมด มีอะไรกว้านเข้ามาๆ ได้เท่าไรไม่พอคือกิเลส คลังแห่งความตระหนี่อยู่กับกิเลส คลังแห่งความเสียสละอยู่กับธรรม ถ้าใครมีธรรมแล้วเย็นๆ

แต่โลกไม่ชอบธรรม มีแต่จะเอาท่าเดียวๆ ให้ไม่มี กิเลสมีแต่จะเอาท่าเดียว เอาเท่าไรยิ่งดีๆ ที่จะให้ไม่ค่อยมีและไม่มี นี่เรื่องของกิเลส ถ้าเป็นเรื่องของธรรมเปิดเลย มีเท่าไรเปิดๆ มองดูใจตัวเอง มองดูใจคนอื่นทันทีๆ มองดูสิ่งของที่ตนจะได้รับอาศัยมากน้อยเพียงไร มองดูคนอื่นที่เขายากจนอีกเช่นเดียวกัน นี่เรียกว่าผู้มีธรรมในใจ ตาก็กว้างขวาง จิตใจก็กว้างขวาง ทุกอย่างกว้างขวางไปหมด เฉลี่ยเผื่อแผ่ถึงกันหมด นี่เรียกว่าผู้มีธรรม ผู้มีแต่กิเลส คลังกิเลส ได้เท่าไรกว้านเข้ามาหมดๆ จนกระทั่งโลกจะล่มจะจม ให้เจ้าของได้เท่านั้นก็พอ ต่างกันนะกิเลสกับธรรม

กิเลสเกิดอยู่ที่ใจ ธรรมก็อยู่ที่ใจ ภาษาธรรมท่านให้ชื่อกิเลสที่เป็นภัยต่อสัตว์โลกนั้นอยู่ที่หัวใจ กิเลสความมัวหมองมืดตื้อหรือเป็นฟืนเป็นไฟ อยู่กับกิเลสทั้งหมด ธรรมคือความเย็น ความเลิศเลออัศจรรย์อยู่ที่ธรรม ภายในใจเหมือนกัน ใครชำระซักฟอกความสกปรกโสมมที่เป็นภัยแก่ตัวเองและผู้อื่นออกได้มากน้อยเพียงไร คนนั้นมีความสุขๆ ความสุขจริงๆ อยู่ที่หัวใจ

ท่านทั้งหลายอย่าเอาแต่วัตถุมาวัด วัตถุเป็นเรื่องของกิเลส ได้เท่าไรไม่พอๆ เดือดร้อน มีมากขนาดไหนไม่มีคำว่าพอถ้ากิเลส โลกเดือดร้อนอยู่ทุกวันนี้เพราะอะไร เพราะความอยากความทะเยอทะยาน ความดีดความดิ้น ความหิวความโหยทั้งนั้น วัตถุนั้นมีเต็มโลกแต่มันไม่พอในหัวใจของผู้โลภนั่นซิ จึงทำโลกให้เดือดร้อน พากันจำเอานะ เอาแค่นี้ก่อน ให้พร

หลังจังหัน

         (ชาวจังหวัดปราจีนบุรี ถวายสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชนจังหวัดปราจีนบุรีแด่องค์หลวงตา ให้เป็นสมบัติของสงฆ์วัดป่าบ้านตาด) เออ พอใจกับที่ทางปราจีนถวายวิทยุเพื่อประชาชน เอ้า สาธุพร้อมกัน (สาธุ)

(คู่บ่าวสาวมาถวายทองและเงินสด เพื่อความเป็นสิริมงคลในวันแต่งงานวันนี้) ไหนคู่แต่งงานกัน (นี่ครับ) เออ แต่งงานกันดีๆ นะ รักก็ให้รักกันตั้งแต่ต้นจนอวสาน ไม่ใช่แต่งงานกันแล้วเป็นเวทีต่อยกันตลอดไม่ได้นะ ทะเลาะกันนั่นละต่อยกันเข้าใจไหม ให้มีความสงบร่มเย็น เก็บความรู้สึก อย่าปุ๊บปั๊บๆ พูดออกๆ ลิ้นนี่สำคัญเสียได้ เป็นคุณก็มาก เป็นโทษก็มาก เอาละเท่านั้น

วันพรุ่งนี้มารวมกันที่ศาลาใหญ่ เป็นวันงานวันพรุ่งนี้ แล้วพระก็รวมไปฉันที่นั่น อาจจะมาจากที่ต่างๆ บ้างพระ ฉันที่ศาลานี้ไม่พอ ไปรวมที่ศาลาวันพรุ่งนี้ แล้วมีงานข้าวเปลือก ข้าวเปลือกนี้ก็เพื่อชาติไม่ใช่เพื่ออะไร สำหรับวัดป่าบ้านตาดชี้นิ้วเลย เพื่อชาติทั้งนั้นเลย อะไรๆ มาเพื่อชาติ อย่างเหล่านี้เอามาเอาไปไหน ออกๆ ทั้งนั้นไม่มีเก็บ ออกตลอดเลย ที่ไหนขัดข้องจำเป็นที่ไหนก็มา นี่ก็ได้นัดทางเวียงจันทน์แล้ววันที่ ๑๔ ให้เขามารับอาหาร เช่น ข้าวเป็นต้น รถจะมาสักกี่คันก็บอกเลย ทางนี้ก็เตรียมพร้อมไว้ใส่รถเต็มไปเลย ข้ามไปเวียงจันทน์

เราไปเมื่อสองวันนี้ไปเวียงจันทน์ เอาของข้ามไป เราพูดแบบปุบปับเลย เอารถไปสามคัน ของเต็มรถ ไปก็เข้าโรงพยาบาลเลย ถามนั้นถามนี้ทั้งหมดช่วยตาเหมือนกัน ๕ ล้านกว่า เขาเขียนมาให้หมดเลย เครื่องตาทั้งหมดเพราะเราเห็นความจำเป็นของตามาก ทางโน้นไม่มี เครื่องมือตาไม่มี เพราะฉะนั้นเราจึงได้ช่วยมาก คราวก่อนก็ ๘ ล้านกว่า คราวนี้ ๕ ล้านกว่า เป็น ๑๓ ล้านกว่าแล้ว เราช่วยอย่างนี้แหละ ไปที่ไหนๆ สพฺเพ สตฺตา อันว่าสัตว์ทั้งหลายครอบโลกธาตุเลย ไม่มีประเทศนั้นประเทศนี้ เมืองนั้นเมืองนี้ สพฺเพ สตฺตา คำเดียวครอบไปหมด หวังความช่วยเหลือด้วยกันทั้งนั้น หวังพ่งกันและกันมนุษย์เรา อยู่ลำพังคนเดียวไม่เป็น ความรู้สึกหวังพึ่งตลอดเวลา ตั้งแต่เด็กแต่เล็กก็พึ่งพ่อพึ่งแม่ พ่อแม่แก่แล้วก็พึ่งลูกพึ่งหลาน อย่างนั้นละพึ่งกันไปตลอด

ทีนี้ความพึ่งกันมีอะไรจะเป็นเครื่องตอบรับกัน ความเสียสละ ความเสียสละไปถึงไหนๆ ความชุ่มเย็นไปถึงนั้น ถ้าความตระหนี่ถี่เหนียวไปที่ไหนโลกแตกนะ อย่างที่เขาพูดอยู่เมื่อเร็วๆ นี้ เขาก็พูดเป็นความจริง เราก็พูดให้ฟัง เศรษฐีทั้งหลายประชาชนทั่วโลกเขายอมรับนับถือเลื่อมใสเคารพยำเกรง ดีไม่ดีบางคนเป็นความอัศจรรย์ก็ได้ต่อเศรษฐีคนนั้นๆ นี่เขาพูดให้ฟัง แต่มาเศรษฐีในเมืองไทยเรานี้เป็นเศรษฐีเน่าเฟะ เหม็นคลุ้งไปหมดทั่วประเทศไทย ฟังซิน่ะ เศรษฐีประเภทนี้ไม่มีใครต้องการ ไม่มีใครเหลียวแล เพราะเศรษฐีทำความเดือดร้อนแก่โลกแก่สงสาร นี่เราก็เอาคำนี้มาพูด

เศรษฐีธรรมแล้วไปไหนเย็นหมด เศรษฐีเงินมีความตระหนี่ถี่เหนียวเป็นเจ้าอำนาจอยู่ในนั้นแล้ว ก่อความเดือดร้อนได้มากที่สุด เศรษฐีธรรมไปที่ไหนเฉลี่ยหมด ไม่มีอะไรเหลือติดเนื้อติดตัว นี่เรียกว่าเศรษฐีธรรม ไปที่ไหนเต็มไปด้วยความเมตตาครอบโลกธาตุไปเลย นอกจากนั้นยังแผ่เมตตาทั่วถึงกันไปหมด กระแสจิตก็แผ่กระจายไป กิริยาอาการทุกอย่างที่จะสงเคราะห์สงหาโลกแบบไหนช่วยเต็มกำลังความสามารถ นี่ธรรมเป็นอย่างนั้น ผิดกันกับโลก เพราะฉะนั้นโลกที่พออยู่ได้จึงต้องอาศัยธรรม ถ้าโลกไม่มีธรรมโลกนี้เดือดร้อนที่สุด มนุษย์นี้จะก่อความพินาศฉิบหายแก่กันได้มากยิ่งกว่าบรรดาสัตว์ทั้งหลายนะ แต่เมื่อมนุษย์มีธรรมแล้วมนุษย์นี้ให้ความร่มเย็นแก่โลก สัตว์ก็ให้อภัยเขา เคยฆ่าเคยแกงเคยทำลายเขานี้ไม่ทำลาย นั่น ให้อภัยแก่เขาไปได้ อำนาจแห่งธรรมเป็นอย่างนั้น

ขอให้ท่านทั้งหลายอบรมธรรม ธรรมเข้าสู่ใจใจจะอ่อนนิ่มไปเลยนะ ถ้ากิเลสเข้าสู่ใจจะเป็นฟืนเป็นไฟ ไปที่ไหนเป็นไฟไปเลย ถ้าธรรมเข้าสู่ใจไปที่ไหนเย็นฉ่ำไปหมด ต่างกันอย่างนี้นะ โลกนี้อาศัยธรรม ถ้าไม่มีธรรมโลกนี้จะอยู่ไม่ได้ ใครอย่าเห็นธรรมเป็นของเล็กน้อยเป็นตุ๊กตา เวลานี้โลกเมืองไทยเราคือชาวพุทธเรานี้แหละ กลายเป็นว่าเรื่องของกิเลสตัณหาเป็นทองทั้งแท่งๆ ใครก็ตะเกียกตะกายเคารพนับถือเป็นบ้ากับมัน เฉพาะอย่างยิ่งไอ้หลังลาย เข้าใจไหมไอ้หลังลายที่ผ่านมานี้น่ะ กระดาษ ประสากระดาษ เขายกขึ้นมาเพื่อให้เป็นความสะดวกสบาย ระหว่างมนุษย์ที่อยู่รวมกันเป็นความผาสุกร่มเย็น การติดต่อค้าขายแลกเปลี่ยนเป็นความสะดวกสบาย

ท่านผู้จัดทำท่านจัดทำมาด้วยความถูกต้องอย่างนั้น แต่พวกเรามันเป็นบ้าไปกับไอ้หลังลาย จะทำโลกให้พินาศเพราะไอ้หลังลายได้นะ นี่ละให้พากันพิจารณาอย่าหลงมันเกินไป ไอ้หลังลายน่ะ ถ้าหลงเกินไปทำลายเจ้าของ ทำลายส่วนรวมได้ ไอ้หลังลายไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย อย่าพากันตื่นจนเกินไป ให้รู้จัก อันนี้เป็นสิ่งที่อาศัย เมื่อเรานำมาทำประโยชน์ก็เป็นประโยชน์ได้ แต่ผู้ที่นำไปเป็นโทษโดยไม่รู้สึกตัวละซิเพราะกิเลสตัณหา ไอ้หลังลายเลยกลายเป็นไฟเผาโลกไปได้ ไปที่ไหนดูอะไรมันอดอยากที่ไหน ไม่อดอยาก แต่ความอยากมันไม่ลดหย่อนผ่อนตัวลง เฉพาะอย่างยิ่งต่างคนต่างดีดต่างดิ้นหาไอ้หลังลาย ได้เป็นเศรษฐีไอ้หลังลายก็เอา

เทวบุตรเทวดาอินทร์พรหมสวรรค์ชั้นพรหมไม่สนใจ ขอให้อยู่กับไอ้หลังลายพอ ไอ้หลังลายมัดคอแล้วก็จมไปเลย พวกนี้มันจมเพราะไอ้หลังลายมัดคอมันนะ มันไม่รู้จักพอ ได้เท่าไรยิ่งดีดยิ่งดิ้น เราอย่าเข้าใจว่าผู้มีเงินมากๆ ถ้าไม่มีธรรมในใจแล้วผู้นั้นเดือดร้อนมากที่สุด ตาสีตาสาตามท้องนาเขายังสบายๆ พวกนี้เป็นพวกเป็นฟืนเป็นไฟ ถ้าผู้มีธรรมในใจแล้วเหล่านี้เป็นประโยชน์แก่โลก ทั้งเป็นประโยชน์แก่ตนและเป็นประโยชน์แก่โลกทั่วๆ ไป เพราะฉะนั้นธรรมจึงแยกไม่ได้ ไปที่ไหนให้มีธรรมแทรกอยู่ในนั้น ถ้ามีธรรมแทรกอยู่ การอยู่การกินการหลับการนอน ใช้สอยทุกอย่างจะเป็นความพอเหมาะพอดีมีเหตุมีผลรู้จักประมาณ ถ้าให้กิเลสนำหน้าแล้วไม่มีอะไรมีประมาณ ได้เท่าไรไม่พอๆ ตายทิ้งเปล่าๆ ให้พากันจำเอา

ธรรมสอนโลกสอนมานานแล้ว เราก็สอนพี่น้องทั้งหลาย ตั้งแต่เริ่มสอนมานี้ได้ ๕๖ ปีแล้วนะ พ.ศ.๒๔๙๓ เริ่มคลี่คลายละ ในเบื้องต้นก็พระนั่นละ เพราะพระรุมเราอยู่แล้วตลอด ไปที่ไหนหลบเหมือนโจรเหมือนมาร ถูกเขาไล่จับไล่กุมนั่นละ ไปที่ไหนบรรดาพระนั่นละไม่ใช่ผู้อื่น ไหลไปตามวิ่งไปตาม หลบไปอยู่ที่ไหนวิ่ง พอปี ๙๓ แล้วก็ค่อยคลี่คลายละ เรื่องราวของตัวเองก็เรียกว่าหมดลงโดยสิ้นเชิง พูดให้ชัดเจน การฆ่ากิเลสนี้ต้องเอาชีวิตเข้าฆ่าเข้าแลกกัน ทุกข์แสนสาหัส ใครจะว่าเอาอะไรมาอวดนะ ว่างานยุ่งๆ ว่าเป็นทุกข์เพราะงานมากงานหนักงานหนา สู้งานฆ่ากิเลสไม่ได้นะ ใครถ้ายังไม่ขึ้นเวทีฟัดกับกิเลสเสียก่อนอย่าด่วนคุยว่างานหนักนะ ถ้าลงได้ฟัดกับกิเลสขาดสะบั้นลงไปจากเวทีใจสง่าจ้าขึ้นมาแล้ว นั่นละงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผู้นี้หมดทีนี้งานไม่มี

วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ กตํ กรณียํ ท่านว่า งานที่หนักมากที่สุดคืองานแก้กิเลส ได้สิ้นสุดลงไปแล้ว สิ่งที่ควรทำได้ทำ คือการถอดถอนกิเลสตัวเป็นมหาภัยนี้ได้ทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ต่อไปนี้งานนี้จะไม่มี พระพุทธเจ้าพระสาวกทั้งหลายท่านไม่มีงานกวนใจ หมดโดยสิ้นเชิง งานกวนใจก็คือกิเลสมีมากมีน้อยกวนตลอดเวลา ทีนี้เวลากิเลสขาดสะบั้นลงไปหมดโดยสิ้นเชิงแล้วไม่มีงาน พระพุทธเจ้าพระอรหันต์ไม่มีงาน ไม่มีอะไรเข้าไปแทรกจิตที่บริสุทธิ์สมบูรณ์เต็มที่แล้วนั้นได้เลย นั่นละผู้งานเสร็จสิ้น

งานทางโลกทางสงสารนี้ทำกันไปเท่าไร ถึงวันตายคอกับงานมัดติดคอกันอยู่นั้น ไม่มีใครทำงานเสร็จนะ โลกอันนี้ตายไปด้วยงานมัดคอนั้นแหละ แต่ผู้บำเพ็ญธรรมมีเมืองพอได้ พอเป็นระยะๆ ตั้งแต่สมาธิ ปัญญาพอไปเรื่อยๆ เป็นขั้นๆ ถึงที่สุดวิมุตติหลุดพ้นแล้วพอโดยสิ้นเชิง นิพพานคือเมืองพออันเลิศเลอ พระพุทธเจ้าพระอรหันต์ท่านจึงไม่มีงาน ไม่มีอะไรกวนใจท่าน สั่งสอนโลก โลกเต็มไปด้วยกองทุกข์ ท่านไม่มีทุกข์ มีแต่ความสุขโดยสมบูรณ์สอนโลก พระพุทธเจ้าสอนโลก พระสาวกทั้งหลายท่านสอนโลกที่เต็มไปด้วยกองทุกข์ ด้วยความไม่มีทุกข์ของท่าน มีแต่บรมสุขเต็มหัวใจ ต่างกันนะ

พวกเราเป็นทุกข์ ท่านผู้มาสอนเราไม่ใช่ผู้มีทุกข์ เป็นผู้ทรงบรมสุขไว้ จึงควรจะนำธรรมะเหล่านี้มาเป็นคติเครื่องเตือนใจเรา ให้มีพักมีผ่อน พักเครื่องร่างกายวิ่งเต้นขวนขวายก็ให้พัก พักทางด้านจิตใจ มันคิดว้าวุ่นขุ่นมัวอยู่ตลอดเวลา นี่คืองานของจิต งานนี้พักไม่ได้นะ ไม่มีใครคิดจะพักงาน แต่เอาธรรมจับปุ๊บเข้าไปเลย จิตตภาวนา นี่คือโรงพักงาน ให้พักจิตดวงนี้ ถ้าเอาธรรมเข้าไปจับแล้วงานทั้งหลายจะสงบลงๆ เอาพุทโธเอางานอันเดียว งานพุทโธคืองานดับทุกข์ เอาพุทโธหรือธัมโม บทใดก็ตามถ้าถูกกับจริต เอาสติจับเข้าไปไม่ให้ยุ่งกับงานทั้งหลาย ให้ยุ่งอยู่กับงานพุทโธเป็นต้นนี้อย่างเดียว แล้วงานทั้งหลายจะสงบเข้ามาๆ

งานพุทโธเป็นงานเพื่อความสงบ ไม่ใช่งานเพื่อความเผาตัวเองเหมือนโลกทั้งหลายเป็นอยู่ ท่านจึงสอนให้อบรมภาวนา พุทธศาสนาเด่นที่ภาวนา การอบรมไฟกองใหญ่อยู่ในใจให้สงบตัวลงไป กลายเป็นอมตธรรมมหานิพพานขึ้นภายในใจ สงบเงียบเลย หมด ไม่มีอะไร ไฟไม่มี กิเลสเป็นไฟ ราคคฺคินา โทสคฺคินา โมหคฺคินา เป็นไฟทั้งนั้นดับหมดโดยสิ้นเชิงแล้วก็เป็นอมตมหานิพพาน หมดงานที่นี่ ตั้งแต่นั้นจนกระทั่งถึงวันนิพพาน ถึงธาตุขันธ์กาลเวลาของมันที่มันจะพังทลายก็เอาพัง เวลามีชีวิตอยู่ก็พากินพาหลับพานอนพาขับพาถ่ายเหมือนกันกับโลกทั่วไป แต่ไม่ยึดไม่ถือ หากรับผิดชอบกันอยู่อย่างนั้น พออันนี้หมดสภาพแล้วปล่อยพรึบดีดผึงเลย นิพพานเที่ยงนี่ตลอดอนันตกาลเลย

นี่ละผลแห่งการสร้างคุณงามความดี ทุกข์ยากลำบากมีที่ยุติได้ แต่สร้างโลกสร้างสงสารตามกิเลสตัณหาไม่มีใครว่ายุติได้ กี่กัปกี่กัลป์ก็สร้างอยู่ตลอด จมอยู่กับกองทุกข์ด้วยหน้าที่การงานต่าง พัดผันอยู่ตลอดเวลานี้จนได้นั้นแหละ แต่งานของธรรมนี้มีเวลายุติได้ พอสร้างลงไปๆ หนักเบาก็เพื่อจะถึงความพอ เมื่อพอแล้วหมดโดยสิ้นเชิง ไม่มีงานอะไรมากวนใจอีกแล้ว นี่ละงานของธรรม มีความสิ้นสุดยุติลงได้ ไม่เหมือนงานของโลกที่พัดผันกันตลอดเวลาหาทางยุติไม่ได้เลย เรียกว่าวัฏวน หมุนไปหมุนมาอย่างนี้ วิวัฏฏะตัดขาดสะบั้นหมด ไม่ต้องหมุน นั่น พากันจำเอานะ เอาเท่านั้นละวันนี้ พอ

 

รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร

FM 103.25 MHz


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก