เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๔๙
สร้างซิความดี
(ลูกข่ายสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน บ้านตาด ในจังหวัดภาคใต้รวม ๑๑ สถานี ๑.อำเภอเมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ๒.อำเภอหลังสวน จ.ชุมพร ๓.อำเภอพุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี ๔.อำเภอพรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช ๕.อำเภอเมือง จ.พัทลุง ๖.อำเภอสะเดา จ.สงขลา ๗.อำเภอโคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ๘.อำเภอสุคีรินทร์ จ.นราธิวาส ๙. อำเภอเมือง จ.พังงา ๑๐.อำเภอเมือง จ.ระนอง ๑๑. อำเภอเมือง จ.ยะลา) ภาคใต้ ๑๑ แห่งนับว่าเยอะอยู่
ธรรมที่เราแสดงนี้แสดงด้วยความมั่นใจ ไม่มีอะไรบกพร่องในธรรมที่แสดงว่าผิดไป เพราะถอดออกมาจากหัวใจ หัวใจนี้ถอดออกมาจากคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ชี้แนวทาง เรียกว่าเข็มทิศๆ เข้ามา หรือแปลนก็ถูกเป๋งๆ เดินตามนั้นๆ เข้ามาๆ ก็มาเจอตามที่ว่าๆ หาที่ค้านไม่ได้ เมื่อรู้ขึ้นอย่างจังๆ ภายในใจแล้วถามพระพุทธเจ้าหาอะไร เท่านั้นละ ตัดขาดสะบั้นไปเลย ถามท่านหาอะไร พระพุทธเจ้าพระองค์ถามใคร พอผางขึ้นมาพระพุทธเจ้าถามใคร สาวกทั้งหลายแม้ได้ศึกษาอบรมจากพระพุทธเจ้าก็ตาม พอธรรมได้ผางขึ้นที่หัวใจแล้วถามท่านหาอะไร สนฺทิฏฺฐิโก ตัดสินทันที
คำว่า สนฺทิฏฺฐิโก คือผู้ปฏิบัติจะรู้ผลงานของตนโดยลำดับ จนกระทั่งถึงที่สุดไม่ต้องให้ใครมาบอกมารับรอง อย่างที่เขาพูดภาษาอะไรก็ไม่รู้ พวกคลังปริยัตินะว่า ผู้เป็นอรหันต์ต้องพระพุทธเจ้ารับรองเสียก่อนจึงเป็นอรหันต์ได้ ในกลางกรุงเทพด้วยนะ มาขายเอาเสียพิลึกพิลั่น กอดคัมภีร์อยู่ด้วย ว่าผู้ที่เป็นพระอรหันต์ต้องพระพุทธเจ้าทรงรับรองก่อนถึงจะเป็นได้ นี่ซิมันกอดคัมภีร์อยู่ แล้วคัมภีร์ว่ายังไง มันน่าสลดสังเวช มีแต่ศึกษาเล่าเรียนเป็นหนอนแทะกระดาษ ไม่ได้สนใจภาคปฏิบัติมันก็พูดได้อย่างนี้ละ ว่าพระพุทธเจ้าต้องรับรองเสียก่อน ฟังซิน่ะ
สนฺทิฏฺฐิโก ประกาศป้างๆ ไว้แล้วในธรรมของผู้ปฏิบัติ สนฺทิฏฺฐิโก คือจะพึงรู้เองเห็นเองจากภาคปฏิบัติของตนเป็นลำดับ จนกระทั่งถึงที่สุดวิมุตติพระนิพพาน ตัดสินด้วย สนฺทิฏฺฐิโก รู้เองตลอด พระพุทธเจ้าตั้งให้แล้ว แล้วพระพุทธเจ้าจะมารับรองที่ไหนอีก สนฺทิฏฺฐิโก ให้รับรองตัวเอง นี่พูดจริงๆ ว่าการสอนโลก เราก็จวนจะตายแล้วพูดให้เต็มเม็ดเต็มหน่วยเสียเลย เราไม่ได้หวังอะไรจากโลกแล้ว นอกจากความเมตตาเท่านั้นที่สอนเต็มเม็ดเต็มหน่วย ไม่สงสัยในธรรมทั้งหลายที่สอน ไม่ว่าจะภูมิใดขั้นใด ถึงนิพพาน บอกตรงๆ เลย บรรจุไว้หมดแล้วในนี้
พูดชัดๆ บรรจุนิพพานไว้ในจิตใจ สอุปาทิเสสนิพพาน บรรลุธรรมบริสุทธิ์สุดส่วนแล้วภายในใจเป็นเวลา ๕๖ ปี วันที่ ๑๕ พฤษภา ๒๔๙๓ บอกจนกระทั่งสถานที่ หลังเขาวัดดอยธรรมเจดีย์ จ.สกลนคร บอกชัดเจน เปิดออกมาจากหัวใจมาบอก โกหกใครที่ไหน ถ้าโกหก พระพุทธเจ้าก็เป็นอันดับหนึ่งแล้วโกหกโลก นี่โลกได้รับความพ้นทุกข์จากธรรมพระพุทธเจ้าจำนวนมากขนาดไหน กิเลสใครได้รับความพ้นทุกข์จากมันไม่เคยมี ถ้าจะมีให้ตำหนิกิเลส อย่าไปตำหนิธรรมของพระพุทธเจ้า ธรรมพระพุทธเจ้าตรัสรู้ผึงขึ้นมานี้จ้าไปหมดแล้ว สอนออกมาจากหัวใจที่จ้าแล้วจะผิดไปไหน
เพราะฉะนั้นสาวกทั้งหลายที่ไปแนะนำสั่งสอนสัตว์โลกตลอดมา ที่เป็น สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ ของพวกเรานี้ไม่ต้องทูลถามพระพุทธเจ้า เต็มหัวใจของท่านตามนิสัยวาสนากว้างแคบต่างกัน ออกทันทีๆ ท่านไม่ต้องไปถามใคร เครื่องตัดสินใจทั้งสุขและทุกข์อยู่ที่หัวใจของสัตว์โลก แต่ไม่มีอะไรมาพิสูจน์ มีแต่กิเลสมันกุมอำนาจไว้หมดในหัวใจทุกดวง เมื่อธรรมแทรกเข้าไป ธรรมทำลายกิเลสตัวนี้ออก จ้าขึ้นมาเลย แล้วต้องไปถามใครอีกล่ะเมื่อตรัสรู้ขึ้นมา
นี่ก็ตัวเท่าหนู พูดให้มันชัดเจน ก็มันจวนจะตายแล้ว พูดให้พี่น้องทั้งหลายทราบ เวลาหลวงตาบัวตายแล้วจึงมาพิจารณาทีหลัง โอ้ ท่านพูดถูกนะ ถูกขี้หมาอะไรแต่ก่อนไม่เห็นสนใจ อยากว่าอย่างนั้นแหละเรา เวลาสอนป้างๆ มันไม่เอา เวลาตายแล้วถึงมาคิดเสียดาย โอ๊ย ท่านพูดนี่น่าเสียดาย แต่ก่อนเราก็ไม่ได้คิด เดี๋ยวนี้คิดหรือยัง อยากถามเข้าอีกเรา เป็นอย่างนั้นนะผู้มันมืดมันมืดจริงๆ มนุษย์เรา กิเลสไม่ต้องหนาอะไรละ เหมือนกระดาษปิดตาเราเท่านี้มองไม่เห็น กิเลสเป็นอย่างนั้นปิด
โธ่ เวลามันได้รู้อัศจรรย์ขนาดไหน พูดเคยลืมเมื่อไร พอมันผางขึ้นมาอยู่หลังเขาวัดดอยธรรมเจดีย์ เราก็ไม่เคยคาดเคยคิดสิ่งที่เป็นขึ้นมานี้ เพราะเป็นขึ้นมาโดยหลักธรรมชาติจากข้อปฏิบัติที่หนุนเป็นทางเข้าไปๆ ไปถึงตรงนั้นก็จ้าขึ้นมาเลย นี่ละสวากขาตธรรม ตรัสไว้ชอบๆ ให้เป็นทางเดินที่ราบรื่นดีงามจนกระทั่งถึงวิมุตติหลุดพ้น ไม่นอกเหนือไปจากธรรมของพระพุทธเจ้านี้เลย จึงเรียกว่าสวากขาตธรรม ตรัสไว้ชอบแล้วๆ เวลาก้าวเดินตามธรรมที่ตรัสไว้ชอบแล้วก็ถึงที่ชอบละซิจะว่าไง
พอจ้าขึ้นมานี้ตัวไหวเลยทันทีนะร่างกายเรานี้ มันเลยเป็นเหมือนว่าฟ้าดินถล่ม แต่ความจริงคือร่างกายเราไหวผึงทันทีเลย พออันนี้ผางขึ้นมาเท่านั้น ระหว่างกิเลสกับธรรมกับจิตขาดสะบั้นจากกัน นั่นละตอนที่ฟ้าดินถล่ม มันถล่มภายในร่างกายและจิตใจที่เกี่ยวเนื่องกันอยู่ ดีดผึงทันทีเลย ออกจากนั้นจึง โธ่ๆ ขึ้นมา น้ำตาพังทันทีเลย ฟังซิท่านทั้งหลายเคยได้ยินไหมคำพูดอย่างนี้ เรามาโกหกเหรอที่มาพูดตะกี้นี้น่ะ ปฏิบัติมาแทบเป็นแทบตายเป็นเวลา ๙ ปีเต็มทีเดียว ตัดสินกันในคืนวันนั้น ตั้งแต่ออกปฏิบัติพรรษา ๗ พอเรียนจบแล้วออกโดยถ่ายเดียวเท่านั้น มุ่งหน้าใส่พ่อแม่ครูจารย์มั่น ไปท่านก็จี้เอาเลย เพราะท่านมีเรดาร์จับไว้แล้ว ท่านไม่ได้พูดธรรมดานะ เพราะเราตั้งใจอย่างสุดขีดแล้ว
เรามีข้อสงสัยอยู่ที่ว่า มรรคผลนิพพานมีจริงหรือไม่จริงน้า ความมุ่งมั่นต่อมรรคผลนิพพานส่วนใหญ่มุ่งมั่นมากทีเดียว แต่ส่วนย่อยมันว่าจะมีหรือไม่มีน้า นี่กิเลสมันแบ่งไปกิน ขอให้ได้รับโอวาทจากครูบาอาจารย์หรือท่านผู้ใดก็ตามให้ถึงใจ ว่ามรรคผลนิพพานมีเท่านั้น เราจะเอาตายเข้าว่าเลย ก็บึ่งใส่พ่อแม่ครูจารย์มั่น ไปเรดาร์ท่านก็จับไว้เรียบร้อยแล้ว ญาณหยั่งทราบไว้หมดแล้ว นี่ท่านมาหาอะไร ขึ้นเลยนะ นั่นเห็นไหมเข้ากันได้ไหม ท่านมาหามรรคผลนิพพานเหรอ ต้นไม้ภูเขาดินฟ้าอากาศไม่ใช่มรรคผลนิพพาน ไม่ใช่กิเลส
ท่านปฏิเสธๆ ไล่เข้ามาๆ รวมลงแล้วกิเลสอยู่ที่ใจ มรรคผลนิพพานอยู่ที่ใจ ไม่อยู่ที่อื่นใด ให้ท่านพุ่งลงไปที่ใจด้วยจิตตภาวนา นี่เราไม่ลืมนะ เอาๆ เปิดโลกขึ้นมาท่านว่างั้น อย่าไปหาดินฟ้าอากาศเป็นยังไง ดินฟ้าอากาศฟ้าแดดดินลมเป็นเรื่องของเขาเอง กิเลสกับใจพันกันอยู่นี้ ให้ดูตรงนี้ นี่เป็นข้าศึกต่อเราเอง นอกนั้นเขาไม่เป็นข้าศึก เอาๆ ให้ดี เอาจิตตภาวนาเปิดออกที่นี่ กิเลสจะเห็น ธรรมจะเห็นกันที่ใจดวงนี้ ใจนี้เป็นนักรู้ ท่านพูดนี่เสียงลั่นเลยเทียวไม่ใช่ธรรมดา
คิดดูซิ ท่านมาหาอะไร ขึ้นเลย ท่านมาหามรรคผลนิพพานเหรอ ท่านก็บอก ต้นไม้ภูเขาดินฟ้าอากาศไม่ใช่มรรคผลนิพพาน อะไรๆ ทั่วโลกธาตุไม่ใช่มรรคผลนิพพาน ไม่ใช่กิเลส ท่านปฏิเสธไปหมด ตัวกิเลสจริงๆ มรรคผลนิพพานจริงๆ อยู่ที่ใจ ลงที่นี่เลย เอา ลงที่นี่ด้วยจิตตภาวนา จะเปิดจ้าขึ้นที่นี่ โอ๋ย ถึงใจๆ เรา นั่นละที่ได้สละตาย พอธรรมถึงใจว่ามรรคผลนิพพานมีจริงหรือไม่จริง มันแน่เต็มหัวใจ แม้กิเลสจะยังเหลืออยู่ก็ตาม แต่ความสงสัยมรรคผลนิพพานหมดโดยสิ้นเชิงในหัวใจ มีแต่จะพุ่งเท่านั้น
พอออกมาจากท่านแล้วยังไม่ถึงที่พักกุฏิเลย ฟังเทศน์วันนี้ถึงใจเต็มที่แล้ว แล้วเป็นยังไงเราจะจริงไหม ทางนี้ตอบผางขึ้นมาเลย ต้องจริงไม่จริงตายเท่านั้น นั่นเห็นไหมล่ะมันรับกัน ตั้งแต่บัดนั้นมาละที่นี่ความเพียรไม่มีถอย เรียกว่าเป็นความเพียรที่อัศจรรย์อันหนึ่งเหมือนกัน เป็นก็เป็น ตายก็ตาย แต่จิตที่พุ่งต่อมรรคผลนิพพานนี้ไม่ได้อ่อนเลย อะไรจะอ่อนก็อ่อน แต่จิตที่พุ่งต่อมรรคผลนิพพานเพื่อแดนพ้นทุกข์นี้ไม่ได้อ่อนเลย ตลอดไปเลยเทียว
ความเพียรมันลากไปเองนะ ความมุ่งมั่นของเราต่อมรรคผลนิพพานมีเต็มเหนี่ยวแล้ว อะไรๆ มันก็ไม่เป็นอุปสรรค เอาเลยๆ ซัดกันเสียจนถึงวันตัดสินกัน ถึงได้พูดให้ฟัง เวลา ๕ ทุ่มพอดี ม้วนเข้ามารวมเข้าๆ พอถึงที่นั่นก็ผางขึ้นเลยทีเดียว ตัวสะดุ้งผึงเลย นั่นฟังซิ นั่งอยู่ธรรมดานี่เหมือนว่าฟ้าดินถล่ม ร่างกายกับจิตมันเกี่ยวโยงกัน กิเลสกับจิตกับธรรมก็เกี่ยวโยงกัน พอขาดสะบั้นจากกันนี้ไหวไปหมดทั้งร่างกายเรา ถึงขนาดอุทาน โถๆ ขึ้นเลยเทียว น้ำตานี้พังเลยทีเดียว พระพุทธเจ้าตรัสรู้ ตรัสรู้อย่างนี้ละหรือๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่านะ ธรรมแท้เป็นอย่างนี้ละหรือ เป็นอย่างที่เป็นอยู่ในหัวใจเวลานี้พูดง่ายๆ พระสงฆ์แท้เป็นอย่างนี้ละหรือ หือ พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ มาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ยังไง มันเป็นแล้วนะนั่นเคยคาดเคยคิดที่ไหน
พอมันจ้าขึ้นมานี้เราแยกไปดูข้างหน้าท้อใจที่นี่ โถ ธรรมถึงขนาดนี้แล้วจะไปสอนใครได้ นี้พูดให้เต็มหัวใจนะที่ได้มาพูดให้พี่น้องทั้งหลายฟัง ลงถึงขนาดนี้แล้วจะไปสอนใครได้ ใครจะเชื่อ ไปสอนที่ไหนเขาก็จะหาว่าบ้ากันทั้งหมดทั้งๆ ที่โลกนี้คือโลกบ้ากิเลส ไปสอนธรรมนี้เขาจะรุมตีไปหมดแหละ อยู่ไปกินไปวันหนึ่ง พอถึงเวลาแล้วก็ไปเสียเท่านั้น สอนใครก็ไม่ได้ละ ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย นี่มันท้อใจถึงขนาดนั้นนะ อยู่คนเดียวอยู่ไปกินไป พอถึงวันเท่านั้นไปเสีย อยู่หาอะไร สอนโลกให้หนักทำไมให้ลำบากรำคาญทำไมเขาไม่ได้เชื่อฟัง
แน่ะ เห็นไหมเวลามันทอดธุระ จะไม่สอนใครเลย เราจะอยู่คนเดียวในป่าในเขา พอถึงวันเวลาเราก็ไปของเราเสียเท่านั้น มองดูโลกนี้เหมือนว่าเรายกภูเขาทั้งลูกนี่ ใครจะไปยกได้ ลักษณะเป็นอย่างนั้น แล้วยกให้เหนื่อยมือทำไม ไม่ยกเสียดีกว่า คือหมายความว่าไม่สอนเสียเลยไปเสียเลยดีกว่า นี่เวลามันเป็นขึ้นมาขนาดนั้นละ จนกระทั่งทอดธุระจะไม่สอนใครไม่พูดให้ใครฟัง พูดให้ใครฟังจะไม่มีใครเชื่อในโลกนี้ ธรรมลงอัศจรรย์ขนาดนี้มันเลยโลกเลยสงสาร เลยเสียทุกสิ่งทุกอย่างแล้วจะนำมาสอนใคร ใครจะเชื่อได้ นั่นน่ะขึ้นทีแรก ก็มีแต่ทอดอาลัยเท่านั้น หมายความว่าทอดอาลัยจะไม่สอนใคร
สักเดี๋ยวธรรมะผึงขึ้นมา ผึงขึ้นมาอย่างเด็ดเสียด้วยไม่ใช่ธรรมดา นี่ละธรรมะเป็นเอง เราไม่เคยคาดเคยคิด ก็เมื่อว่าธรรมเหล่านี้เป็นสิ่งที่สุดวิสัยที่มนุษย์จะรู้ได้เห็นได้แล้ว เราเป็นเทวดามาจากไหนทำไมเรารู้ได้เราเห็นได้ นั่นเห็นไหมล่ะ รู้ได้เห็นได้เพราะเหตุใด เพราะเหตุใดก็คือสายทางนั่นเองมีสาเหตุมา เช่นมาจากที่ใดก็ตามมาวัดป่าบ้านตาดมีสายทางเข้ามา เดินตามนี้แล้วก็ถึงวัด อันนี้รู้เพราะเหตุใดก็คือสายทางนี้มา มันก็หยั่งตั้งแต่เรานี้สายทางมายังไง ก็เราสร้างความดีมาสักเท่าไรๆ เป็นสายทางดันเข้ามาๆ จนกระทั่งถึงจุดนี้ อ๋อ ยอมรับนะ
ทีแรกว่าจะไม่มีใครรู้ได้เห็นได้ ทีนี้ยอมรับเลย อ๋อ รู้ได้ รู้ได้เพราะเหตุใด ต่างคนต่างมีบุญวาสนาบารมีเต็มเม็ดเต็มหน่วยในหัวใจของคนแต่ละคนๆ นี่ละสายทาง การสร้างคุณงามความดีทั้งหมดนี้คือการสร้างบารมี สายทางหนุนเข้ามาๆ ผู้ถึงแล้วก็ถึง ผู้ยังไม่ถึงก็หนุนเข้ามาๆ นี่คือสายทางทั้งนั้น จะไปได้คุณงามความดีที่สร้างมามากน้อยตรงนี้ จึงยอมรับว่า อ๋อ รู้ได้ ไม่มากก็ได้ ได้ตลอดเลยที่นี่ปฏิเสธไม่ได้ นั่นละถึงได้ค่อยๆ ลงใจ นี่เราพูดให้ฟังชัดเจน ธรรมเหล่านี้เป็นของเล่นเมื่อไร แม้เจ้าของก็อยู่กับมนุษย์มนาทั้งหลายตายเกิดๆ ตายกองกันมากี่กัปกี่กัลป์ เราก็เป็นตัวนักตายนักเกิดมา ทีนี้เวลามันมาผางขึ้นนี้มันย้อนรู้หมดนี่จะให้ว่าไง
มีแต่เรื่องพิษเรื่องภัยที่เจ้าของสมบุกสมบันมา ไม่รู้เรื่องรู้ราวแต่ก่อน พอมันรู้แล้วที่นี่ขยะเลยในการที่จะสั่งสอนใคร รื้อขนใครขึ้นมานี้ไม่มีทางที่จะได้ เหมือนกับว่ายกภูเขาทั้งลูกไม่ยกให้เหนื่อยมือดีกว่า นั่น นี่ละมันเป็นอย่างนั้น พอธรรมะนี้ผางขึ้นมาเท่านั้น รู้ได้เพราะเหตุใดนี่ยอมรับ อ๋อ รู้ได้เพราะคนไม่หญิงว่าชาย แม้แต่สัตว์เขาก็มีนิสัยวาสนาของเขาอยู่ในหัวใจของเขา ท่านจึงไม่ให้ประมาทกัน เวลาเขาเสวยภพชาติเป็นต่างๆ ก็ไปตามวาระแห่งกรรมๆ ภพนี้ผ่านนั้นภพนั้นผ่านนั้นๆ พอพ้นไปแล้วก็ผึงเช่นเดียวกันเมื่อความดีมีแล้ว จึงว่า อ๋อ รู้ได้ นั่น
นี่ละธรรมะพระพุทธเจ้า ไม่สุดวิสัยของผู้ที่มุ่งมั่นต่ออรรถต่อธรรม มันสุดวิสัยสำหรับผู้ไม่สนใจอะไรเลย เป็นซุงทั้งท่อนอยู่เท่านั้นเอง อันนี้สุดวิสัย ยังแต่ลมหายใจฟอดๆ ตายแล้วจมๆ อย่างพวกที่สร้างบาปมากๆ นี่ เจ้าของนี้ภูมิใจในการสร้างบาปสร้างกรรมด้วยความทุจริตต่างๆ จะเป็นการรีดการไถการคดการโกงร้อยสันพันคมที่จะกัดตับกัดปอดคนอื่นมา เพื่อเป็นตับเป็นปอดเป็นเนื้อหนังตัวเองนี้มากต่อมาก นี่ละสร้างความชั่ว ขนมาเท่าไรเท่ากับขนไฟเข้ามา สมบัติเงินทองได้มาด้วยวิธีใดๆ วิธีโกงวิธีกินรีดไถต่างๆ นี้ขนเข้ามาๆ เป็นไฟมาเผาหัวอก สมบัติเหล่านั้นไม่ได้เป็นคุณค่าอะไรนะ ให้พากันจำทุกคน
ไม่มีใครเกินศาสดาองค์เอกที่ โลกวิทู รู้แจ้งโลกตลอดทั่วถึงหมดแล้ว เรารู้แจ้งอะไรเราจึงจะไปอวดพระพุทธเจ้า แล้วกอบโกยหาแต่ความชั่วช้าลามกใส่หัวใจๆ สมบัติเงินทองได้เท่านั้นๆ ไม่พอ ยังไม่พอใจๆ ความอยากมันบืนเข้าไปๆ เอาให้เป็นให้ตายกับสมบัติเงินทองข้าวของ เอาอันนั้นมาเป็นสมบัติของตัวมันไม่ได้ซิ เงินเป็นเงินทองเป็นทองตามสมมุตินิยมก็เป็นแร่ธาตุต่างๆ เขาก็เป็นของเขาเอง หัวใจนี้ไม่มีอะไรจะรับมันได้ มีแต่บาปกับบุญ นั่น สิ่งเหล่านั้นหัวใจไม่รับ สมบัติเงินทองข้าวของมีมากมีน้อยกองเท่าภูเขาก็ไม่รับ ไม่ใช่ฐานะของจิตที่จะไปรับมาเป็นสมบัติของตนได้ นอกจากบาปกับบุญ ถ้าบาปกับบุญนี้ติดปั๊บๆ ติดจิต มีสองอย่างนี้เท่านั้น
เพราะฉะนั้นธรรมพระพุทธเจ้าท่านสอนว่าให้ละชั่วทำดี นั่นฟังซิเข้าตรงนี้ นอกจากนั้นตายแล้วเหมือนกันหมด ใครจะมีมากมีน้อยตายแล้วก็หมดคุณค่าหมดราคา เผาก็เผาไม่เผาก็แล้วแต่อีแร้งอีกามันจะยื้อแย่งแข่งกันกินเท่านั้นเอง เวลามีชีวิตอยู่ให้ทำเสียนะตั้งแต่บัดนี้ ใครที่จะมาพูดได้ถูกต้องแม่นยำอย่างศาสดาองค์เอกไม่มี ในโลกทั้งสามนี้ไม่มี มีพระพุทธเจ้าพระองค์เดียวเท่านั้นที่จ้าขึ้นมาแล้วรู้หมดทุกอย่างเลย แล้วสอนโลกด้วยความรู้แจ้งเห็นจริงแล้วจะผิดไปไหน นอกจากพวกหูหนวกตาบอดมันไม่ยอมฟังเสียงอรรถเสียงธรรม มันก็จะบืนลงอย่างเดียว
อย่างผู้ที่ภูมิใจในความทุจริตคดโกงรีดไถของตัวเอง เอามาเป็นความชั่วช้าลามกเผาหัวใจตัวเอง โดยกิเลสมันหลอกนี่ภูมิใจๆ ได้มากๆ กิเลสหลอกว่าเป็นที่ภูมิใจ แต่ธรรมนั้นแห้งผากๆ หาที่หลบซ่อนไม่มีธรรม ถูกกิเลสตีต้อน ไปไหนๆ แหลกไปหมด ตายแล้วจม ประเภทนี้ตายแล้วจม เราอย่าเอาสมบัติเงินทองมาวัดหัวใจดวงนี้ว่าจะพาไปดีเพราะสมบัติเงินทองมีมาก ได้มาด้วยเหตุผลกลไกอะไรบ้าง นั่นตรงนั้นนะ ถ้าได้มาด้วยความชอบธรรมก็เป็นคุณเป็นประโยชน์แก่ตัวเอง
ได้มาแล้วทำบุญให้ทานแยกนั้นแยกนี้ ยิ่งหนักเข้าไปในทางที่ถูกที่ดี เข้าสู่จิตใจๆ เป็นสมบัติของตนแท้ๆ นอกจากนั้นไม่เป็น เป็นแต่เพียงธาตุขันธ์อาศัยเขาอยู่เท่านั้น แล้วก็ว่าเรามีนั้นเรามีนี้ ก็มีแต่ใจไปสำคัญเขา เขาไม่ได้ว่าเขามีไม่มีนะ กองเท่าภูเขาเขาก็ไม่ได้ว่ามีหรือไม่มี มันหากเป็นในความสำคัญของจิตตัวคึกตัวคะนอง แล้วก็หลอกหลอนตนเองให้ล่มจมไปโดยลำดับ เพราะฉะนั้นผู้ที่มั่งมีศรีสุขด้วยการกอบการโกยการรีดการไถ นี้คือผู้ที่ขนฟืนขนไฟเข้าเผาหัวอกตนเอง ยังเหลือแต่ลมหายใจฟอดๆ บอกให้ชัดเจน ธรรมพระพุทธเจ้าไม่มีสอง
เอกนามกึ คือพระญาณหยั่งทราบพระพุทธเจ้าไม่มีสอง แน่เลยๆ บาปมีบุญมีพระญาณหยั่งทราบหมดแล้ว ใครจะไปลบล้างได้ยังไงลบล้างบาปลบล้างบุญ แล้วเราจะเอาความชั่วช้าลามกมาลบล้างความชั่วทั้งหลายไม่ได้ สร้างความชั่วต้องเป็นความชั่ววันยังค่ำจมตลอด ให้พากันจดจำเอานะ ธรรมของพระพุทธเจ้าเลิศเลอสุดยอดแล้ว เรากราบตั้งแต่วันนั้นไม่เห็นพระพุทธเจ้าก็ตามนะ มันจ้าถึงกันไปเลยเทียว เหมือนน้ำในมหาสมุทร จ่อมือลงนี้ปั๊บถูกมหาสมุทรทั้งมหาสมุทรนั่นแหละ จ่อมือลงตรงนี้ปั๊บถึงมหาสมุทรกันหมด อันนี้พอธรรมชาตินี้รู้ผางขึ้นไปเท่านั้นถึงพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ถึงธรรมทั้งหลายตลอดทั่วถึงหมด แล้วท่านจะไปถามหาพระพุทธเจ้าที่ไหน
บรรดาพระอรหันต์ท่านไม่ถาม เป็นน้ำมหาวิมุตติมหานิพพานด้วยกันแล้วท่านจะไปถามหาอะไร จ้านี้มันก็ถึงกันหมดแล้วๆ พระพุทธเจ้ามีหรือไม่มีก็ดูตัวนี้ที่ตัวรู้อยู่เดี๋ยวนี้ นั่น เป็นอันเดียวกันแล้วจะไปถามหาที่ไหน นี่ละถามหามรรคผลนิพพาน ถามหาพระพุทธเจ้าถามหาที่ไหน ถามหาจิตดวงที่จ้าอยู่นี้ซิ ให้พากันจำเอา อย่าไปวกเวียนถึงโน้นถึงนี้เป็นบ้าละ ถามหาหลักหาเกณฑ์ไม่ได้ ไขว่คว้า ยิ่งเป็นมนุษย์ชาวพุทธเรานี้ด้วยแล้วน่าสลดสังเวชนะ มันไม่รู้หน้ารู้หลัง ตั้งแต่ตื่นนอนถึงหลับไม่มีหลักมีเกณฑ์เลย เร่ร่อนๆ วันนี้ก็เป็นนี้ วันหน้าเป็นอย่างนั้น เดือนนี้เดือนหน้าเป็นอย่างนั้น ตั้งแต่วันเกิดถึงวันตายเร่ร่อนๆ แบบเดียวกัน ตายแล้วจมเลยไม่มีหลักมีเกณฑ์ เอ้า สร้างซิความดี หลักเกณฑ์มีอยู่ นั่น ถ้าหลักเกณฑ์มีอยู่คือความดีงามมีอยู่ในใจแล้ว เอ้า สร้างไปๆ ตายแล้วอันนี้พาไปเลย พากันจำ เอาละพอ
ผู้กำกับ ขอถวายสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชนอำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย ซึ่งรับสัญญาณจากสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน บ้านตาด ร้อยเปอร์เซ็นต์.ทางคณะศรัทธาจังหวัดสุโขทัย ขอน้อมถวายสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน แด่องค์หลวงตาเพื่อเป็นสมบัติของสงฆ์ ครับ กราบเรียนย่อๆ ครับทางภาคเหนือรวมทั้งหมดมี ๑๕ สถานี จังหวัดเชียงใหม่สองแห่ง พะเยา น่าน ลำปาง พิษณุโลก เพชรบูรณ์ เชียงราย แม่ฮ่องสอน แพร่ พิจิตร กำแพงเพชร ตาก สุโขทัย อุตรดิตถ์
หลวงตา เราก็พอใจนะที่ออกนี้ เข้ากันได้กับเจตนารมณ์ของเราตั้งแต่เริ่มแรกช่วยชาติบ้านเมือง ที่เราออกประกาศว่า เอ้า จะเป็นผู้นำนั่น เพราะเรื่องของชาติไทยเรามันจะจมลงทะเลหลวงแห่งความล่มจม หมู หมา เป็ด ไก่หัวจ่อเข้าไปลงทะเลหลวงแห่งความล่มจมด้วยกันทั้งนั้น เราก็เป็นลูกหลานไทย เกิดในท่ามกลางของเมืองไทย เมื่อชีวิตลมหายใจและความคิดอ่านยังมีอยู่ เราจะปล่อยให้พี่น้องชาวไทยพร้อมทั้งเราเองจมไปด้วยกันทั้งหมดเลยเหรอ ไม่ได้ เพราะฉะนั้นถึงได้ออกละซิว่าจะเป็นผู้นำ ทีนี้พอเป็นผู้นำ เอ้า จะเป็นผู้นำ คิดทางด้านวัตถุก็จะฟื้น แต่ประชาชนทั้งหลายจะทราบทางด้านวัตถุก่อน ว่าเป็นผู้นำเพื่อช่วยชาติทางด้านวัตถุ เขาไม่ได้คิดทางด้านอรรถธรรม แต่เรานี้มันพุ่งไปเลย
คราวนี้คราวธรรมที่จะได้ออกสู่โลก วัตถุนี้เป็นเพียงเล็กน้อย แต่สายตาของโลกเปิดเผยกันหมดว่าช่วยบ้านเมืองด้วยวัตถุ แต่ด้านนามธรรมที่จะช่วยจิตใจ ฟื้นฟูจิตใจของโลกทั้งหลายให้ได้ฟื้นตัวขึ้นมานี้ไม่ได้คิด เราคิดเต็มหัวใจ คราวนี้คราวธรรมจะออก แล้วก็ออกมาตั้งแต่นู้น ไปเทศนาว่าการที่ไหนธรรมออกๆ จนกระทั่งปัจจุบันนี้ธรรมยังไม่ถอยนะ ยังออกเรื่อยๆ นี่ละสมเจตนารมณ์ของเรา เมื่อธรรมเข้าสู่จิตใจมันจะค่อยยุบยอบลง ฟืนไฟที่แสดงเปลวจะค่อยอ่อนตัวลงๆ ธรรมเข้าถึงไหนจิตใจจะค่อยอ่อนลงไปๆ นี่ละเราจึงพอใจที่วิทยุออกทั่วโลก ธรรมออกทั่วโลก สมเจตนาที่เราคิดไว้เรียบร้อย ไม่ผิด ที่ธรรมจะได้ออก
ธรรมที่เราแสดงนี้เป็นธรรมที่ไม่สงสัยด้วย ถอดออกจากหัวใจไปเลยเชียว ไม่ว่าจะเป็นธรรมขั้นใดๆ ถอดออกจากนี้ๆ แม่นยำๆ สำเร็จรูปแม่นยำสมบูรณ์ๆ แบบตลอดไปเลย ไม่ว่าจะธรรมขั้นใดถึงนิพพานบอกตรงๆ เลย พูดได้เต็มปากทีเดียว ถอดออกมาจากหัวใจ จึงว่าเป็นมงคลละคราวนี้
ทองเรามีแต่ขนเข้านะไม่มีคำว่าขนออก เพื่อความเสียหายแก่พี่น้องชาวไทยที่บริจาคมา เรียกว่าไม่มีเลย บาทหนึ่งเราไม่เคยแตะ ขนาดนั้นละ เราช่วยชาติช่วยสมที่เราร้องโก้ก ช่วยมาตลอดอย่างนี้ มีแต่ขนเข้า ขนออกไม่มี ขนเข้าเพื่อส่วนรวมๆ นับแต่คลังหลวงลงมา คลังหลวงเราทองคำเวลานี้ได้ ๑๑ ตันกับ ๒๖๕ กิโลแล้ว
เรานี้บริสุทธิ์ใจเต็มสัดเต็มส่วนที่เกี่ยวกับการช่วยโลก เราไม่มีอะไรเลยนะช่วย เพราะฉะนั้นสมบัติมาเท่าไรนี้คือสมบัติเพื่อโลกบอกตรงๆ เลย ไม่ไปไหนละออกผางๆ เลย เราไม่มีอะไรเราปล่อยทุกอย่างแล้ว พูดชัดๆ ในหัวใจ หัวใจก็ปล่อยสามแดนโลกธาตุ ในสมมุติแดนสมมุตินี้ปล่อยหมดโดยสิ้นเชิงไม่มีอะไรเหลือ ก็มีแต่วิมุตติหลุดพ้นผ่านไปหมดแล้ว มีแต่ความเมตตาสงสารที่ครอบอยู่เวลานี้ ที่ดีดที่ดิ้นหลวงตานี้เหมือนจะเป็นบ้านะ ไปที่ไหนกวนบ้านกวนเมือง กวนมาให้พี่น้องทั้งหลายนั่นแหละไม่ได้กวนมาให้ใคร จำเอานะ เอาละพอจะให้พร
ขาคู้ไม่ได้นะต้องเหยียดอยู่เรื่อยๆ มันปวดเข่า ฉันจังหันก็ไม่ได้ต้องเหยียดขาออกฉันจังหัน แต่ก็มีแปลกอยู่อันหนึ่งจากโลกเขา มันจะเป็นอะไรก็เป็น จิตไม่เคยสนใจกับมัน ใช้ได้เท่าไรก็ใช้ไปใช้ไม่ได้ทิ้งปั๊วะไปเลย แน่ะ ที่จะให้เป็นกังวลกับนั้นกับนี้เหมือนโลกทั้งหลาย บอกตรงๆ บอกไม่เป็นไม่มี เจ็บกับปวด เอ้อ เจ็บก็เจ็บก็ไม่ใช่คนตายว่างั้นเลย มันเจ็บอะไรเจ็บ แต่จิตไม่เคยไปกังวลกับมัน เฉย ไปอย่างนั้นนะ นี่ละเวลามันปล่อย มันปล่อยอย่างนั้นละจิต ฟังเอานะ เวลาปล่อยเป็นหลักธรรมชาติ จะทำให้ยึดก็ยึดไม่ได้ ไม่ใช่ฐานะไม่ยึด บังคับให้ยึดก็ไม่ยึด เวลามันปล่อยมันปล่อยอย่างนั้น เวลามันยึดดึงออกก็ยึด ทำอะไรก็ยึด เวลามันปล่อยทำไงก็ปล่อย เป็นหลักธรรมชาติเหมือนกัน
รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th
และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร
FM 103.25 MHz |