ศีลธรรมไปไหนหมด
วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา 8:45 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   ข้อมูลเสียงแบบ(MP3)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)   วิดีโอแบบ(Win High Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๔๙

ศีลธรรมไปไหนหมด

ก่อนจังหัน

เราได้เห็นพี่น้องทั้งหลายเข้าวัดเข้าวาเพื่ออรรถเพื่อธรรมเราก็ภูมิใจ ว่าเมืองไทยเรานี้จะไม่หมดความหมาย ยังมีความหมายอยู่ ถ้าศีลธรรมยังแทรกอยู่ในสถานที่ใดๆ ที่นั่นเรียกว่ายังมีความหมาย ถ้าไม่มีศีลธรรมแทรกเลยก็เป็นเมืองหมา เข้าใจไหม เมืองไทยเรานี่มันเป็นเมืองหมาไม่มีศีลมีธรรม เมืองคนต้องมีศีลมีธรรมซิ นี่เมืองหมามันไม่มีศีลมีธรรม ใหญ่เท่าไรยิ่งเป็นหมาตัวใหญ่ เที่ยวกินเที่ยวกลืนเที่ยวบีบเที่ยวคั้นบังคับเอาที่ไหนทุกแห่งทุกหน นี้หมาตัวใหญ่ ในเมืองไทยเราหมาตัวใหญ่เขาถือกันที่ไหนในจุดกลางในเมืองไทยเรา เขาว่ารัฐบาล รัฐบาลก็หมาตัวใหญ่ถ้าทำอย่างว่านี่น่ะ

คนทั้งประเทศเดือดร้อนวุ่นวาย จี้เข้าไปหารัฐบาล รัฐบาลเป็นยังไงมันเรียนชั้นไหนมาถึงได้มากินตับกินปอดประชาชนเดือดร้อนวุ่นวาย จนไม่มีตับปอดจะติดตัวแหละคนทั้งประเทศ มันเอาไปไหนหมดสมบัติเงินทองข้าวของเหล่านี้ มันจะไม่ตายเหรอ ตายแล้วใครเอาไปเผา..ศพ ไอ้หลังลายมันไปเผาใครเมื่อไร มีแต่คนเป็นบ้ากับมันเท่านั้น ไอ้หลังลายรู้จักไหม ธนบัตรนั่นน่ะ ใบห้า ใบสิบ ใบร้อย ใบพัน พอถึงใบพันก็พันคอคนละซิ

มันโง่เอาจริงๆ มนุษย์เรา จะแยกส่วนแบ่งส่วนพิจารณาบ้างไม่แยกนะ เอาความโลภเข้าหน้าๆ เป็นบ้าอำนาจ บ้าบาตรหลวง บ้าความโลภเข้า เลยตาบอดหูหนวกไปหมด ใหญ่เท่าไรยิ่งบอดยิ่งหนักมากเข้านะทุกวันนี้ รัฐบาลไทยเรานี้เขาโจมตีกันทั้งประเทศ มันเป็นยังไงรัฐบาลไทยเรา เอาคนตาบอดเข้ามาเป็นรัฐบาลเหรอ เอาคนหูหนวก เอาคนใบ้บ้ามาเป็นรัฐบาลหรือ มันถึงได้เดือดร้อนวุ่นวาย คนเดือดร้อนแล้วยุ่งเข้าไปหารัฐบาล รัฐบาลเป็นยังไง ตั้งมานี้กี่รัฐบาลแล้ว กี่ยุคกี่สมัยมาจนกระทั่งป่านนี้ ก็เห็นมาๆ หากไม่ร้ายแรงนัก มาชุดนี้ยุ่งมากทีเดียว รัฐบาลยุคปัจจุบันนี้ มันเอาอะไรมาเป็นรัฐบาล มันเอาคนหรือเอาหมามาเป็นรัฐบาลว่ะ

ถ้าเอาหมามาเป็น เมืองไทยเราที่ไหนก็มีหมา แต่ละคนๆ ในบ้านนี้มี ไม่จำเป็นจะต้องหาหมามาเป็นรัฐบาลนี่นะ มันเหลือประมาณนะ เราอยู่ในวัดก็อดทนไม่ได้ละ เสียงมันลั่น แล้วไปตำหนิเขาไม่ได้นะ มันเป็นความจริงที่เขาตำหนิติเตียนเข้าไปหาในวงรัฐบาลๆ เมืองไทยก็เป็นเมืองไทยมานาน รัฐบาลก็เคยตั้งมานาน ก็ไม่เห็นกระทบกระเทือนเดือดร้อนวุ่นวายเหมือนรัฐบาลยุคปัจจุบันนี้ เราอยากถามว่ารัฐบาลยุคปัจจุบันนี้มันเอาหมามาเป็นรัฐบาลเหรอ มันไม่เอามนุษย์มนาหรือ ถ้าเอามนุษย์มนา เรียนมาจากวิชาไหนถึงได้มาบีบบังคับให้ประชาชนเดือดร้อนกันทั้งประเทศน่ะ นี่ละมันน่าคิดอยู่นะ เอาไปฟังซิ

นี่เสียงธรรมนะ ไม่ได้เป็นเสียงข้าศึกศัตรูต่อผู้ใด เสียงธรรมชะลงไปล้างลงไปมันสกปรกตรงไหน การพูดอย่างนี้เราไม่ได้พูดให้ร้ายป้ายสีแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ธรรมะเป็นน้ำที่สะอาดชำระล้างลงไป ใครอยากสะอาดบ้างให้ชะล้าง ใครอยากจะสกปรกค่อยเที่ยวหากอบหาโกยเอามา หาซุกหาซ่อนอยู่ที่ไหนเอาออกมากินกันให้หมด ตับปอดประชาชนจะไม่มีเหลือแล้วเวลานี้ ศีลธรรมไปไหนหมด คัมภีร์ใบลานเต็มวัดเต็มวาเต็มบ้านเต็มเรือน พระพุทธรูปอยู่บ้านไหนก็มี เอาไว้สำหรับกราบไหว้บูชา มันกราบไหว้บูชาอะไร มันกราบไหว้บูชาแต่ไอ้หลังลาย

ความโลภ ความโกรธ ราคะตัณหา นี่พิลึกพิลั่นนะเมืองไทยเรา เป็นยังไงจะประกาศตนว่าเป็นเมืองพุทธ เมืองพุทธท่านสอนอย่างนั้นเหรอ มันน่าคิดอยู่มากทีเดียว ทั้งทางวัดทางบ้านเป็นแบบเดียวกัน อดคิดไม่ได้นะ ให้พากันพินิจพิจารณา ถ้าปราศจากศีลธรรมใครอย่าอวดเก่งนะ อย่าเอาสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นมาอวดธรรม พวกนี้พวกมูตรพวกคูถ เทียบกับธรรมแล้วเหมือนมูตรเหมือนคูถ ธรรมเป็นธรรมชาติที่เลิศเลอสุดยอดแล้ว ถ้าลงมนุษย์เมืองไทยเราเข้ากับศีลธรรมไม่ได้แล้วเลวกว่าหมานะ พากันจำ

ไปนี้เอาไปปรึกษาหารือกัน ไปหน้าวัดนี้ไปประชุมปรึกษาหารือกัน เวลานี้หลวงตาท่านว่าพวกเราไม่มีศีลธรรม มันเลวกว่าหมาเป็นจริงไหม ประกาศลั่นขึ้นมานี่น่ะ แล้วเอาหมามาเป็นพยาน อย่าเอาไอ้ปุ๊กกี้เราไปมันยุ่ง ไอ้ปุ๊กกี้เรามันไม่อยากยุ่งกับใคร พวกนี้พวกแย่งวิชาหมามาทำกันมันไม่เกิดประโยชน์อะไร พูดเปิดให้ท่านทั้งหลายฟัง ธรรมะของเราไม่มีในสมมุติอันนี้ การพูดนี้เอาธรรมมาพูดล้วนๆ ล้นฝั่งไปแล้วอำนาจแห่งความเมตตาของธรรม การสอนอย่างนี้จะผิดไปแล้วเหรอ สอนคนให้รู้เนื้อรู้ตัวต่างหาก ไม่ได้สอนให้ฉิบหายวายปวงไปไหน

ถ้าว่าธรรมเป็นที่ตายใจของมนุษย์เราแล้ว เฉพาะมนุษย์เมืองไทยเรานี้เป็นเมืองพุทธ ให้พากันเอาไปพินิจพิจารณาบ้าง เลวเข้าทุกวันๆ ดูอะไรก็ดูไม่ได้ เวลาเราจะออกจากกุฏิไปดูที่นั่นที่นี่ เราจะต้องถอดตาเสียก่อน หลวงตาบัวเอาตาออกให้เป็นตาบอดไป หูก็ถอดออก เวลานี้มันก็หนวกแล้ว ถอดออกอีกไม่ให้มีหูเลย แล้วก็เดินไปตามนี้มันจะไม่ได้สนใจกับอะไร หูหนวกตาบอดไป เดินเฉยไปเลย ถ้ามีหูดีตาดีแล้วมันจะได้เจอตั้งแต่สิ่งที่เลวร้ายทั้งหลายที่เป็นข้าศึกต่อจิตใจ เป็นความเสียหายแก่ชาติไทยเรา ออกจากความประพฤติของแต่ละคนๆ มันเลวขนาดไหน คิดกันหรือยังความเคลื่อนไหวอยู่ในตัวของเราเอง ผิดถูกชั่วดีออกจากตัวของเรา พากันคิดบ้างหรือยัง

มันเลวเข้าไปทุกวันๆ นะเวลานี้ นี่สอนให้พากันพิจารณา ไม่มีพระองค์ไหนมาสอนอย่างนี้นะ มีแต่อีตาบัวนี่สอน อีตาบัวเอาธรรมมาสอน ท่านทั้งหลายยังจะว่าเป็นข้าศึกกับท่านทั้งหลายเหรอ อะไรที่เป็นคู่มิตรท่านทั้งหลายไปหาเอา ถ้าว่าธรรมเป็นข้าศึกแล้ว คู่มิตรก็มีแต่ขี้หมูขี้หมาเท่านั้น

พระเราก็ให้ตั้งใจปฏิบัติ อย่าเร่ๆ ร่อนๆ นะ มาในวัดนี้อย่าให้เห็น ธรรมมีวินัยมีติดตัวมาทุกคนๆ ศาสดาคือธรรมวินัยมีติดตัวมาทุกคน ให้ประพฤติปฏิบัติ ถ้าตั้งใจประพฤติปฏิบัติตามหลักธรรมหลักวินัยแล้ว เรียกว่าเป็นผู้ตามเสด็จพระพุทธเจ้าตลอดเวลา ถ้าไม่มีธรรมมีวินัยแล้วโกนหัวจนกระทั่งถึงกะโหลกศีรษะก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร เป็นประโยชน์อยู่ที่ธรรมกับวินัยให้ติดกับตัวเอง

เฉพาะอย่างยิ่งสติที่เคยพูดแล้วในองค์ภาวนา ไปที่ไหนสติสัมปชัญญะให้ติดตัวๆ คนมีสติอยู่กับตัวเป็นคนที่มีคุณค่าตลอดเวลา ปราศจากสติแล้วเลินเล่อไปละที่นี่ หาค่าหาราคาไม่ได้ เราไม่อยากเห็นความเลอะๆ เทอะๆ ของพระเรา ให้ตั้งใจประพฤติปฏิบัติทุกคน ไปที่ไหนมองเห็นพระก็ให้ได้ชื่นตาชื่นใจบ้าง มองเห็นพระแล้ววิ่งเข้าป่าเข้าเขามันดูไม่ได้ มันเลอะเทอะยิ่งกว่าประชาชนเขาอีกเป็นยังไง อยากให้เป็นอย่างนั้นเหรอ มันอยู่กับตัวทุกคน อยากให้เป็นอย่างนั้นก็เป็นได้ ทำตัวให้ดีให้เป็นที่กราบไหว้บูชาของประชาชนก็ได้ อยู่กับตัวของเราเอง ศาสดาองค์เอกติดอยู่นี้แล้วไปไหนชุ่มเย็นไปหมดนั่นละ พากันจำเอานะ

พระอย่ามาเร่ๆ ร่อนๆ ให้ตั้งอกตั้งใจทุกอย่าง ที่ไม่ต้องติก็คือความพร้อมเพรียงสามัคคีในข้อวัตรปฏิบัติทุกสิ่งทุกอย่าง อันนี้ผมชมเชยมาตลอดตั้งแต่สร้างวัดป่าบ้านตาด ไม่เคยเห็นความบกพร่อง หากจะบกพร่องก็ความพากเพียรในตัวเอง ให้ไปปรับปรุงตัวเองตรงนั้นนะ เอาละให้พร

หลังจังหัน

ผู้หญิงตาบอดลำปางได้ความว่าไง (วันที่ ๑๕ เดือนนี้หมอนัดผ่าครับ) ยอมรับแล้วเหรอว่าจะไปผ่า( ครับ เขาไปหาหมอแล้วครับ) ไปแล้วนะ ไปนี้ลูกชายบีบบังคับเอาเงินไป เราไปเทศน์ติดตามเราไปเชียงใหม่นู่น ตาบอด ถามเหตุถามผลเรียบร้อยแล้วค่าผ่าตัดอะไรทั้งหมด แล้วถามด้วยว่าผ่าตัดแล้วจะเห็นไหม บอกว่าเห็น ถ้าเขายืนยันว่าผ่าตัดแล้วเห็น เอ้าเท่าไรบอกมา เขาว่าเท่านั้นเราก็ให้เลย ค่ารักษา ๗๕,๐๐๐ เราให้เป็นพิเศษอีก ๑ หมื่น เป็น ๘๕,๐๐๐ เอาไปแล้วเรื่องย้อนมาทีหลังนี้ว่า หมอเขานัดให้ไปไม่ยอมไปผ่าตามที่กำหนดกฎเกณฑ์และตกลงกันไว้

เราเลยขู่ไปไม่งั้นไม่ได้ ต้องไปผ่าตามความตกลงกับหมอและตกลงกับเรา เราบอกตรงๆ เลย ยังอีกเปอร์เซ็นต์เดียวถ้าไม่ไปผ่าให้เอาเงินคืนมา ยังเท่านี้แหละ ถ้าหากว่าถึงขั้นรุนแรงมันอาจจะถึงนั้นก็ได้ เข้าใจไหมล่ะ มันมีขั้นมีตอน ๘๕,๐๐๐ ให้เรียบร้อยแล้ว มาทราบภายหลังไม่ยอมไปหาหมอเลย เราก็ไม่คิดไปไหน ลูกที่ติดตามมานั่นแหละ เอาเงินให้แล้วลูกเอาไปถลุงหมด ยอมให้แม่ตาบอด เจ้าของได้ใช้เงินก็พอใจ เพราะฉะนั้นเราถึงจี้กลับไปอีก ให้คนติดตามไป เป็นอย่างนั้นนะ

โห หาความซื่อสัตย์สุจริต หาความไว้วางใจกันไม่ได้จะทำยังไง เราให้ด้วยความบริสุทธิ์ใจทุกอย่าง แล้วเอาไปแบบสกปรกๆ ไม่ได้แบบมาขอเรานะ ทีนี้เลยต้องได้คิดมาก ใครจะมาขออะไรๆ นี้ต้องได้คิดมากมาย เล่ห์เหลี่ยมของความสกปรกมันติดตามมาด้วยๆ มาขอ ขอเป็นลักษณะด้วยความเป็นธรรม ฟังเหตุฟังผลเข้าใจได้เรื่องได้ราว เป็นอันว่าตกลงใจได้ ให้ ครั้นเอาไปมันไปพลิกอย่างนั้นซิ จึงต้องได้พิจารณามากเข้าไปอีก เพราะเราให้ด้วยความเมตตา ด้วยความเป็นธรรม เวลาเอาไปมันเป็นเรื่องสกปรกทั้งหมดเลย ไม่ได้ไปตามที่มาขอเรา ไปอีกแบบหนึ่ง

ระยะสองสามวันนี้ให้รถไป ๓ คันแล้วนะ บึงกาฬ ๑ คัน อุดร ๑ คัน เจริญศิลป์ ๑ คัน เป็น ๓ คันแล้วในระยะสองสามวันนี้ กับที่นอนคนไข้ตา เราช่วยที่สุดสำหรับโลก เราเพื่อโลกทั้งนั้น สมบัติเงินทองได้มาเราเพื่อโลกทั้งหมดเลย เราไม่เห็นเกี่ยวกับอะไร ว่าเอาเงินไปซื้อนั้นซื้อนี้ไม่เห็นมี มีมาเท่าไรเอา เอาเรื่อย มีแต่เอาๆ ออกเรื่อยอย่างนั้นนะ ที่เข้าไม่มี ออกตลอด ช่วยอย่างนั้นละช่วยโลก

เห็นโลกสกปรกขึ้นทุกวันๆ มันสลดสังเวชนะเรา เพราะฉะนั้นควรที่จะออกแบบไหนจึงออกบ้าง อย่างเมื่อเช้านี้ออกเป็นยังไง นี่ละน้ำสะอาดชะล้างของสกปรกดังที่พูดเมื่อเช้านี้ แล้วของสกปรกมันมาถือว่าน้ำเป็นข้าศึกต่อมัน หลวงตาบัวเป็นบ้าอะไรอยู่ๆ มาหาด่าคน เขาจะว่าอย่างนั้น มันจะว่าแหละ ว่าเราก็เฉยเหมือนหมาปล่อยหำ ใครเคยเห็นหมาปล่อยหำไหม หมาปล่อยหำมันเฉยนะ ถ้าคนปล่อยหำไม่ได้เดี๋ยวตบนั้นตบนี้ เรานี่แบบนั้นละ แบบไอ้ปุ๊กกี้ เราเฉยเลย ใครจะว่าอะไรก็เฉย มองไปที่ไหนก็ดูๆ ขวางตลอดๆ

ยิ่งตอนเย็นๆ เข้ามา บอกว่า ๕ โมงเย็นให้เลิกหมด อย่ามายุ่มย่ามๆ เข้าๆ ออกๆ ก็บอกแล้ว ทุกวันนี้ ๕ โมงเย็นมันก็วันอยู่นะ ให้เลิกให้ออก สำนักนี้เป็นสำนักปฏิบัติธรรม ไม่ใช่สำนักจุ้นจ้าน ท่านผู้รักษาธรรมท่านรักษาของท่านอยู่มาทำลายทำไม จึงได้ประกาศบอกไม่ให้เข้ามา แล้วก็เขียนข้างนอกไว้ด้วยว่า เราสั่งให้เขียนเอง เราก็จำได้นะ คืออ่านแล้วอ่านเล่า แต่เขาไม่อ่าน เรานี่อ่านแล้วอ่านเล่าจนจำได้ สถานที่นี่คือวัด เป็นสถานที่บำเพ็ญภาวนาเพื่อความสงบใจ ไม่มีกิจจำเป็นไม่ควรมาเที่ยวเพ่นพ่าน เราจำได้แล้วนี่ ติดไว้สองป้ายแต่เขาไม่อ่านจะว่าไง พอดีวันไหนถ้าเราออกมา พอคนสงบแล้วเราจะออก คือออกมานี้เราจะออกไปเที่ยวดูโน้นดูนี้สั่งการสั่งงาน เวลาคนมากๆ ออกมาไม่ได้นะ ต้องออกมาเวลาสงบเงียบๆ ตอน ๕ โมงเย็นหรือ ๕ โมงกว่าเราถึงจะได้ออกไปดูนั้นดูนี้

ครั้นออกมายั้วเยี้ยๆ กำลังหลั่งไหลเข้ามา ดูลักษณะท่าทางมันยังไม่ได้เขียนเบอร์ติดข้างหน้าข้างหลังให้คนทั้งหลายได้ทราบเท่านั้นว่า คณะหมาเดือน ๙ คณะหมาเดือน ๑๒ เข้าใจไหม เดือน ๙ เดือน ๑๒ หมามันคึกมันคะนอง ไม่ได้เขียนป้ายติดข้างหน้าไว้ติดข้างหลังไว้ จะไม่ว่าหมาก็ตาม คณะเดือน ๙ เดือน ๑๒ ก็พอ เวลาออกมามันยั้วเยี้ย มามองดูก็แน่ใจแล้ว จะต้องถามให้ได้เหตุได้ผลเสียก่อน มาธุระอะไร ไปไหนอะไร ถามไม่ได้เหตุได้ผล พอไม่ได้เหตุได้ผลก็ไล่เลยแหละเรา เราเจอเป็นแตกกระเจิงไปหมดเลย แตกฮือเลย มากน้อยเพียงไรไล่เดี๋ยวนั้นเลย อย่าเข้ามา ไปเดี๋ยวนี้ นี่สถานที่ท่านรักษาศีลรักษาธรรมมาจุ้นจ้านหาอะไร เกิดประโยชน์อะไร นั่นป้ายติดไว้เห็นไหม เขาไม่ได้ดู จะไปเห็นอะไรก็เขาไม่ดู ขู่แล้วก็หลั่งไหลออกไปแหละ ถ้าเรามาเจอเอง เจอตอนเย็นนั่นแหละ ตอนที่ว่าคนหมดละมันเข้า เดี๋ยวนี้ค่อยจางไปหน่อย จางกว่าแต่ก่อน

โห พิลึกพิลั่นนะความสกปรก เรารักษาความสะอาดคือธรรม ความเรียบร้อยดีงามคือธรรม พระอย่างนี้เหมือนกันท่านปฏิบัติรักษาท่านตั้งแต่วันบวชมา ด้วยความเป็นผู้มีหิริโอตตัปปะ สะดุ้งกลัวต่อบาปต่อกรรม มีความเคารพอรรถเคารพธรรมเต็มหัวใจ เต็มกิริยามารยาทของท่าน แล้วมาเห็นจุ้นจ้านๆ มาทำลายต่อหน้าต่อตาให้ท่านเห็นมันดูได้ไหมล่ะ คนหนึ่งรักษาแทบเป็นแทบตาย คนหนึ่งมาทำลาย มันดูได้ยังไง ก็ว่ากันบ้างซิ ครูบาอาจารย์ว่าลูกศิษย์ไม่ได้หมด โลกอันนี้ไม่มี ศาสนาไม่มี จึงว่าอยู่เรื่อยแหละเรา มันเลอะเทอะๆ

สำหรับฝ่ายพระข้างในนี้ไม่เป็นไรละ เพราะเราตรวจตราพาทีตลอดเวลา ในครัวไม่ได้เหมือนพระซี ลำบากนะ ไม่ทราบเป็นอะไรต่ออะไรกัน เราไม่ได้ดูละเอียดลออเหมือนพระ พระท่านก็ปฏิบัติดีอยู่แล้ว ไปก็เพียงดูไปธรรมดา ผิดกันนะพระกับฆราวาส ฆราวาสแม้จะมาอยู่ในวัดก็ไม่ได้เหมือนพระ พูดเรื่องการปกครอง พระเราไปหนักใจกับท่านอะไร ไม่ได้หนัก ต่างองค์ต่างมีหลักธรรมหลักวินัย คือศาสดาองค์เอกติดตัวๆ ท่านดำเนินตามนั้นแล้วตำหนิติเตียนกันหาอะไร หลักธรรมหลักวินัยเต็มตัวแล้ว คือศาสดาเต็มองค์ อยู่ในหัวใจของพระกิริยาของพระ แล้วจะมีที่ต้องติกันที่ตรงไหน มันก็เบาใจซิไม่ได้ว่าได้กล่าวกัน ที่แบบเลอะๆ เทอะๆ นั่นซิ เราไม่ได้สั่งให้เขาเขียนไว้ ไปติดป้ายใหญ่ๆ ไว้ ปากทางเขียนตัวใหญ่เบ้อเร่อติดป้ายไว้ให้เขาได้อ่าน รับสมัครพวกเลอะเทอะ เขียนติดไว้ เอา ใครจะเลอะเทอะให้เข้าไป รับสมัคร ต้องอย่างนั้น ไม่งั้นไม่ได้นะ

ท่านอยู่ในป่าท่านปฏิบัติเพื่ออรรถเพื่อธรรมเพื่อมรรคผลนิพพานจริงๆ เรียบตลอดนะ ไม่ได้ตักได้เตือนกันเลย เพราะต่างคนต่างเรียนแบบฉบับที่ถูกต้องดีงามจากศาสดามาแล้ว ใครก็ฝังเข้าในหัวใจ ปฏิบัติแบบเดียวกันหมดด้วยเจตนาที่เป็นอรรถเป็นธรรม อยู่ด้วยกันมากน้อยไม่มีที่จะระแคะระคาย ขัดข้องหรือได้ตักเตือนกันอะไรกันไม่มี ต่างองค์ต่างมีศาสดาเต็มองค์อยู่ในหัวใจ กิริยามารยาทแสดงออกเป็นธรรมของศาสดาหมด ไปที่ไหนสะดวกสบาย

พวกเราพวกเลอะๆ เทอะๆ นี่ซิ คนเราถ้าได้เห็นตัวเป็นสำคัญ สำรวมระวังตัวเองแล้วจะดีวันดีคืนนะ ถ้าแบบกิเลสตัณหามีแต่อยากรู้อยากเห็นอยากนั้นอยากนี้อยากอะไรทะลุไปหมดนี้มีแต่ความเลอะเทอะทั้งวัน หาสาระไม่มีอะไรเลยติดตัว ไม่มีสาระตั้งแต่ตื่นนอนถึงค่ำ หาสารประโยชน์อะไรให้ได้แก่ตัวเองไม่มี หาแต่เรื่องเลอะๆ เทอะๆ ก็ได้แต่ของเลอะเทอะ จิตใจร้อนเป็นไฟ อะไรในโลกนี้ที่เป็นจุดใหญ่ ใครพูด มีแต่เราแหละพูด ในโลกอันนี้ที่เป็นจุดใหญ่มากที่สุดแห่งกองทุกข์ว่างั้นเลย เราไม่อยากพูดแหละเรื่องความสุข มันไม่มีในหัวใจของคน กองทุกข์เพราะอำนาจของกิเลสตัณหาพาดีดพาดิ้น ฉุดลากอยู่ตลอดเวลา

นอนกลางคืนก็วุ่นอยู่งั้นจนกระทั่งหลับ บางรายนอนไม่หลับก็มี เพราะกิเลสตัณหามันฉุดมันลากตามเรื่องราวต่างๆ ส่วนมากเป็นเรื่องไม่พอใจนี้หนักมากนะ นอนไม่หลับ ทั้งเคียดทั้งแค้น ตามตีตามต้อนตามฆ่าตามฟัน มีเยอะในหัวใจของคนที่มีความอาฆาตบาดหมางต่อกัน แล้วก็ขนทุกข์เข้ามาสู่หัวใจตนก่อนจะขนทุกข์ไปให้เขา เป็นอย่างนั้น อยู่ที่หัวใจนะ เพราะหัวใจไม่ระแวดระวังไม่รักษาตัวเอง ปล่อยให้มันออกมันก็เป็นฟืนเป็นไฟออกไป เผาทั้งตัวเอง เผาทั้งคนอื่นไปหมด นี่โทษแห่งความไม่รักษาตัว ไม่เห็นตัวเป็นของสำคัญ ไม่เห็นธรรมเป็นของสำคัญเป็นได้อย่างนี้

ถ้าเราเห็นธรรมเป็นของสำคัญแล้วระมัดระวังตัว มีหิริโอตตัปปะสะดุ้งกลัวต่อบาปต่อกรรม เกรงใจเขาเกรงใจเรา ระมัดระวังตัวของเรามากกว่าระวังคนอื่น ถ้าต่างคนต่างระวังความผิดพลาดของตัวเองแล้วการกระทบกระเทือนกันไม่ค่อยมี เพราะต่างคนต่างระวัง ก็เป็นอย่างนั้น ทีนี้ความทุกข์มันก็กองอยู่ในโลก โลกเขามองเมื่อไร ต่างคนต่างไขว่คว้ากันทั่วโลกเรา อย่าว่าธรรมดาว่าทั่วโลกเลย ต่างคนต่างไขว่คว้าลมๆ แล้งๆ หาสาระติดตัวไม่ได้เลย เป็นอย่างนั้นนะ หาตั้งแต่ความสุขแต่มันไปคว้าเอาทางความทุกข์ก็เป็นทุกข์ขึ้นมา มันไม่ได้ความสุข ร้อนเป็นฟืนเป็นไฟไป ก็มาร้อนอยู่ที่หัวใจ ใจเป็นผู้รับผิดชอบ ใจเป็นผู้รับทุกอย่างอยู่ในนั้นหมด โลกว่าเจริญๆ กิเลสมันหลอกว่าอันนั้นดีอันนี้ดี หัวใจเป็นไฟมันไม่ให้ดู

ธรรมพระพุทธเจ้าดูที่หัวใจเป็นไฟ ดับกันลงที่นั่น มันยุ่งเหยิงเรื่องอะไรธรรมฟัดเข้าไปๆ เป็นน้ำดับไฟ เทจ้ากๆ ลงไปแล้วสงบ ไฟราคคฺคินา โทสคฺคินา โมหคฺคินา เป็นไฟๆ ดับด้วยอำนาจแห่งธรรม ค่อยสงบตัวลงๆ ดังที่ท่านสอนให้ภาวนา คือดูหัวใจตัวเองซึ่งเป็นมหาเหตุก่อเรื่องราวตลอดเวลาตั้งแต่ตื่นนอนจนกระทั่งหลับ ก่อเหตุตลอด ให้ดูตัวนี้บ้าง นี่ละศาสนาท่านสอนอย่างนี้ ให้ดูหัวใจ แล้วบังคับ ต้องเอาหยาบๆ เสียก่อน บังคับ ดูเฉยๆ ไม่ได้นะ เวลามันหยาบต้องบังคับ มีเครื่องบริกรรม ธรรมะบริกรรม

เช่นอย่างท่านสอนว่าพุทโธๆ ช่องมันออกคือสังขาร ความคิดปรุงออกช่องนี้ๆ คิดหาเรื่องราวต่างๆ เอาพุทโธปิดไว้ พุทโธๆ ปิดช่องมันไม่ให้ออก แล้วสติบังคับเข้าไปอีกทีหนึ่งไม่ให้คิด กิเลสไม่เกิด ถ้าคนมีสติอยู่แล้วกิเลสไม่เกิด มันจะผุดขึ้นมาทางสังขาร ออกช่องนี้ พอเอาพุทโธปิดมันไว้ หรือธรรมบริกรรมคำใดก็ตามปิดไว้ตรงนั้น สติจับให้ติด เอ้าลองดู กี่นาทีกี่ชั่วโมงกิเลสจะไม่เกิดตลอด ฟังซิท่านทั้งหลาย นี่ทำมาแล้ว ไม่ได้มาคุยโม้เฉยๆ ทำมาแล้ว เอาจนกระทั่งตั้งแต่ตื่นนอน เหมือนว่าระฆังดังเป๋ง

เหตุที่จะเป็นอย่างนี้เราก็เคยเล่าให้ฟังแล้ว จิตเราเจริญแล้วเสื่อมๆ ปีหนึ่งกับห้าเดือน ตกนรกทั้งเป็นทีเดียว แหมทุกข์มากที่สุดนะ จิตเสื่อมนี่ทุกข์มากที่สุดเลย ไม่มีอะไรดีในโลก..จิตเสื่อม ทั้งเสียอกเสียใจ ทั้งอยากได้มหาสมบัตินั้นกลับคืนมา มันก็ไม่ได้ เจริญแล้วเสื่อม จึงมาพิจารณา เอ๊ เราก็ทำความเพียรเต็มเม็ดเต็มหน่วยประมาณสักสิบห้าวันขึ้น ถึงนั้นแล้วปั๊บอยู่ได้เพียงสองคืน แล้วเสื่อมนี้เหมือนกลิ้งครกลงมาจากจอมปลวกหรือภูเขาพรึบเลยเชียว ทับไปหมด กำลังความเสื่อมของมันมีกำลังมากเหยียบไปเลย แล้วก็ค่อยไสขึ้นไปอีกๆ

ฟังให้เป็นคตินะ ทีนี้พอมาพิสูจน์สังเกตพินิจพิจารณา เพราะมันปีกับห้าเดือนเต็มๆ ที่เป็นอย่างนี้อยู่ตลอด ตั้งแต่จิตเสื่อมแล้วหาความสุขไม่ได้เลย อยู่ที่ไหนหาความสบายไม่ได้ ก็เพราะอยากได้จิตนั้นคืนมา แต่มันก็ไม่ได้ จะเป็นเพราะอะไรมันถึงได้เจริญแล้วเสื่อมๆ แต่ตอนนั้นเราไม่ได้บริกรรม เรากำหนดดูจิตเฉยๆ สติมันเผลอได้ๆ พอเผลอเมื่อไรกิเลสออกเอาไฟเผาเจ้าของ ก็ยังเหลืออยู่ช่องเดียว คือช่องบริกรรม ให้มีสติติดอยู่กับคำบริกรรม ทีนี้มันเจริญแล้วมันจะเสื่อมไหม เอาตรงนี้ละเป็นข้อตัดสินกันตรงนี้ ทีนี้เราจะไม่สนใจ เสื่อมให้เสื่อมไปคราวนี้ปล่อย เอ้า เจริญก็เจริญเสื่อมก็เสื่อมไม่สนใจ ที่สนใจที่สุดก็คือคำบริกรรมกับสติติดอยู่กับจิต ไม่ยอมให้จิตคิดไปไหน นอกจากความคิดคือคำบริกรรมเท่านั้นแล้วสติติดแนบ ลงใจละที่นี่ มีช่องนี้เท่านั้น ช่องที่จะเข้าใจกัน เอาละที่นี่เป็นอันว่าตกลงจะเอาช่องนี้

แต่จิตนี้รู้สึกว่ามันเผ็ดเด็ดขาดอยู่นะ พอว่าอย่างนี้เหมือนนักมวยจะต่อยกันระฆังดังเป๋งนี้ฟัดกันเลย นี่ก็ระฆังดังเป๋งตัดสินใจแล้ว เอานะ ตั้งสติปั๊บพุทโธติดแนบตั้งแต่ตื่นนอนฟัดจนกระทั่งถึงค่ำ ไม่ให้มีเผลอแม้ขณะเดียว นี่ละทุกข์มากที่สุด อกจะแตก คือสังขารสมุทัยนั่นละ อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา มันให้ปรุง ดันออกมาๆ ทีนี้คำบริกรรมพุทโธปิดไว้ๆ นี่อกจะแตกนะ ไม่ใช่เล่น วันแรกนี้แหมเหมือนอกจะแตก แต่ไม่มีถอยกัน ถึงไหนถึงกัน ฟัดวันนี้เต็มเหนี่ยว วันหลังพอตื่นนอนพับจับพุทโธติดอีกไม่ยอมให้เผลอ โลกเหมือนไม่มี มีแต่พุทโธคำเดียวกับสติติดกันอยู่ๆ

สามวันค่อยเบาลง เอ้อ นี่ได้ผล รู้สึกว่าได้ผลยิบแย็บขึ้นมาละ เน้นหนักเข้าไปๆ ทีนี้จิตก็ค่อยแน่นหนามั่นคงขึ้นละที่นี่ เอ้าๆ คอยดูมันจะเป็นยังไง ไปถึงขั้นที่เคยเสื่อมมันจะเสื่อมไหม เอ้า เสื่อมก็เสื่อมไปเพราะเราซัดกันพอแล้ว คราวนี้ไม่เอา เสื่อมก็ตามเจริญก็ตามจะเอาแต่พุทโธคำเดียว ฟัดอยู่ติดกันไปๆ พอถึงขั้นที่มันจะเสื่อม เอ้าเสื่อม แต่พุทโธไม่ปล่อย หนักเข้าๆ ขึ้น ไม่เสื่อมนะ แล้วขึ้นเรื่อยๆ ทีนี้เวลาพุทโธนี้มาถึงจุดนี้อีกนะ พุทโธเวลาอิ่มตัวแล้ว คำบริกรรมที่ติดแนบกันอยู่นั้นหมดเลย จิตเข้าสู่ความปรกติ จิตอิ่มตัวเข้าสู่ความสงบแน่ว คิดพุทโธไม่มีเลย ไม่มีก็เอาๆ อยู่กับความรู้ที่ละเอียดด้วยสติ สติจับอยู่นั้นอีก พอมันคลี่คลายออกมานึกพุทโธได้เอาอีก เอาพุทโธอีก

นี่ละวิธีการที่เราทำ ได้ผลเป็นที่พอใจแล้วจึงได้มาสอนพี่น้องทั้งหลาย ให้จริงจังนะอย่าเหลาะแหละ จากนั้นมาก็ขึ้นเรื่อยๆ เลย จึงแน่ใจว่าเผลอเพราะขาดคำบริกรรม สติเผลอตรงนั้นกิเลสออกช่องนั้นทำลายเราตรงนั้นเอง จากนั้นก็ขึ้นเรื่อยๆ.เลย นี่ละการต้งรากฐาน สติเป็นสำคัญมากทีเดียว แต่นี้มันเป็นนิสัยเด็ดขาดอยู่นะ พูดจริงๆ มันประจักษ์ในหัวใจของเราตลอดเวลา

แม้แต่เป็นฆราวาสถ้าลงลั่นคำว่าจะทำอะไรแล้วทำ อันนี้ก็อดคิดถึงพ่อไม่ได้ สูจะใช้ไอ้บัวนี่ ถ้ามันลงไม่ลั่นปากแล้วสูอย่าไปใช้ มีเท่าไรคนไม่มีความหมายถ้าลงมันไม่ลั่นปาก มันเฉยนั่นแหละ พูดอย่างนี้นะพ่อ ถ้าลงมันลั่นปากละเอาเลยขาดสะบั้นไปหมดเลย ไอ้นี่ไม่เหมือนใครนะลูกกูคนนี้ นี้เราก็ไม่ลืม ถ้าลงลั่นปากพ่อหาอุบายละ โอ้ วันนี้กูอยากไปนั้นกูอยากไปนี้ พูดฉากหูเราเรื่อยๆ อยากให้เรารำคาญ กูอยากไปนั้นนี้แต่ไม่มีใครทำงานนั้นนี้ให้กู พอเราลั่นคำว่า เอ้อ ไปเสียจะทำให้ โอ๋ย อยากเตรียมของเดี๋ยวนั้นเลย มันจริงอย่างนั้นนะเรา เพราะฉะนั้นพ่อถึงได้มาพูด ไอ้นี่ถ้ามันลงได้ลั่นปากสูอย่าไปเล่นกับมันนะ ถ้าลงมันลั่นปากคำไหนแล้วขาดสะบั้นไปเลย เอาเลยตายใจเลยว่า ก็เป็นอย่างนั้น อันนี้ก็เอานะ ผางเลยทันที ก็ได้ขึ้นเรื่อยๆ จึงไม่เคยเสื่อมอีกนะตั้งแต่นั้นต่อมา นี่จับได้แล้ว สติเป็นสำคัญ ให้จำเอานะท่านทั้งหลาย

ผู้ที่ตั้งใจภาวนา ยิ่งพระนักปฏิบัติด้วยแล้วจับอันนี้ไม่ผิด ตั้งได้ไม่สงสัย เอาได้เลยไม่สงสัย ไอ้ทำเหลาะๆ แหละๆ อันนั้นเอามาเข้ากับธรรมนี้ไม่ได้ ต้องจริงจังทุกอย่าง นี่นิสัยเรา อันนี้เป็นมาแต่ฆราวาสนิสัยจริงจังทุกอย่าง ถ้าลงได้ลั่นคำแล้วเอาเลย ถ้าไม่ลั่นอย่างที่พ่อว่า ถ้าลงมันไม่ได้ลั่นคำแล้วสูอย่าพูดกับมันเลยไม่มีความหมาย ถ้าลงมันลั่นแล้วเอาเลย จับได้จนกระทั่งนิสัย เราเวลามาบวชก็เป็นอย่างนั้น จริงจังมากทีเดียว ถึงวาระที่จะฟัดกับกิเลส เอาๆ ใครดีให้อยู่บนเวที ใครไม่ดีให้ตกเวที ระหว่างกิเลสกับธรรมฟัดกันบนหัวใจนี้ซัดกันเลย ก็ไม่เคยแพ้นะถ้าลงได้เอาขนาดนั้นแล้ว มีแต่กิเลสแพ้ทั้งนั้น

ต้องเด็ดไม่เด็ดไม่ได้ การปฏิบัติตัวอยากจะให้ดิบให้ดีนี้มาอยู่เฉยๆ อยากดีไม่ดี ต้องมีข้อบังคับกฎเกณฑ์ตามหน้าที่ที่จะให้เป็นความดี เอ้า เอาไปๆ ดีวันดีคืนโดยลำดับ นี่ได้ทำมาแล้วที่มาสอนพี่น้องทั้งหลาย จนกระทั่งหมดงานการที่จะชำระสิ่งทั้งหลายที่มารบกวนจิตใจมาตลอด ตั้งแต่กิเลสตัวยุ่งมากยุ่งน้อย ละเอียดขนาดไหนยุ่งอยู่ตลอด ขาดสะบั้นลงไปจากใจแล้วหมดงาน ท่านว่า วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ กตํ กรณียํ การประพฤติพรหมจรรย์ คือถอดถอนกิเลสซึ่งเป็นงานหนักงานหนาที่สุดได้สิ้นสุดลงไปแล้ว อะไรที่ควรทำทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว กิจอื่นที่จะทำให้ยิ่งกว่านี้ไม่มี ตั้งแต่วันนั้นแล้วขาดสะบั้นไม่มีกิเลสตัวใดมาแฝง

จึงได้ชี้นิ้วเลยว่า ตัวนี้สำคัญมาก ถ้าลงมีอยู่ที่จิตใจแล้วหาความสบายไม่ได้ มีมากมีน้อยก็เสียดแทง เหมือนเข็มเหมือนผงเข้าตานั่นละ เอาออกให้หมดเสียสบาย พออันนี้ขาดสะบั้นลงไปก็เพราะการจริงจังด้วยความพากเพียร อยากเป็นคนดีแบบไหน เอาฟัดลงไปดีๆ ไม่สงสัย ดีจนกระทั่งหาที่จะต้องติไม่ได้พูดให้มันชัดเจนเสียนะ เรื่องอะไรที่จะต้องติเหล่านี้เป็นเรื่องสมมุติทั้งมวลเลย ธรรมชาตินั้นพ้นไปแล้วไม่มีอะไรจะไปต้องติ สมบูรณ์แบบเต็มที่ นิพพานเที่ยงคือธรรมชาตินั้นเอง

เวลาเอาให้ถึงมรรคถึงหมายถึงอย่างนั้นละ ธรรมพระพุทธเจ้าสอนคนสอนโลก ท่านไม่ได้มาสอนเหลาะๆ แหละๆ พระพุทธเจ้าเป็นศาสดาองค์เอก นำธรรมอันเอกมาสอนโลก ไม่ใช่หลับหูหลับตามาสอนโลกนะธรรมพระพุทธเจ้า สวากขาตธรรมตรัสไว้ชอบทั้งนั้น เอา เดินเถอะน่ะ ถ้าลงได้เดินต้องเป็นคนดีมากน้อยได้ตามสัดตามส่วนแห่งการปฏิบัติตัวเอง เพื่อความเป็นคนดี ถ้าปล่อยเลยตามเลยมีแต่อยากได้ของดี มีแต่ความเลว หมดหวังๆ พากันจำเอานะ เอาละพอ

วันที่ ๔ นี้เป็นอะไร ได้ทราบมายังไงว่ามา (วันที่ ๔ คุณสนธิเขาไปพูดที่พระรูป และเขาก็เกรงว่าจะมีพวกมาคัดค้านต้านทาน อย่างที่หลวงตาเทศน์ก็ไม่อยากจะให้เป็นหมากัดกัน ทำอะไรก็ให้อยู่ในความสงบสันติภาพเพื่อบ้านเพื่อเมืองครับ) ที่ถูกต้องตามที่เราฟังตามเหตุตามผลเรื่อยมานั้น คุณสนธิพูดในนามของประชาชนทั้งประเทศไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย ในนามประชาชนทั้งประเทศ พูดด้วยความถูกต้องดีงามทุกอย่าง ความเสียหายมากน้อยเพียงไรก็พูดในนามของพี่น้องชาวไทยเรา ซึ่งเกิดความเสียหายจากพวกเลวร้ายทั้งหลาย คุณสนธิพูดก็ถูกต้องแล้ว

วันนี้ก็ทราบว่าจะไปพูดที่ลานพระรูป ขอให้พากันฟังด้วยกันนะทุกคน เราเป็นคนไทยด้วยกันอย่าให้มีความแตกแยก สกลกายของเราแม้แต่หนามปักนิดหนึ่งเท่านั้นเดินโขยกเขยกแล้วดีไหม อวัยวะของเราถ้าสมบูรณ์แบบทำหน้าที่การงานได้โดยสมบูรณ์ ถ้ามีอะไรบกพร่องแล้วเสียหายทั้งนั้นการงานไม่สมบูรณ์ ดีไม่ดีก้าวไม่ออก อันนี้ชาติไทยของเราก็เพื่อจะต่างคนต่างจะพยุงให้เป็นชาติที่แน่นหนามั่นคง จึงต่างคนต่างปรับปรุงความเข้าใจอันดีงามต่อกัน อย่าเอาทิฐิมานะมาใช้ซึ่งเป็นความแตกร้าวต่อชาติ อันเป็นเรื่องใหญ่หลวงมากทีเดียว ผิด ขอให้นำธรรมพระพุทธเจ้าแทรกเถอะน่ะ ฟังด้วยกันทุกคน

ผู้พูดก็พูดด้วยความเป็นธรรม ผู้ฟังขอให้ฟังด้วยความเป็นธรรม อย่าเอาทิฐิมานะซึ่งเป็นเรื่องทำลายส่วนใหญ่ให้เสียหายไปนั้นนำมาใช้ จะเป็นความเสียหายเรื่อยไป เช่นอย่างที่จะพูดกันในลานพระรูปวันนี้ก็จะพูดเพื่อชาติไทยของเรา ไม่ได้พูดเพื่อการทำลายชาติไทย จึงขอให้พากันฟังทุกคนด้วยความเป็นธรรม ต่างคนต่างพยุงชาติของตน ถ้าชาติของเราเสียหายแล้วเราจะเอาความดีงามเลิศเลอมาจากที่ไหน ไม่มีความดีงาม มีแต่เขาจะมาชี้หน้าด่าทอประเทศไทยของเราทั้งประเทศนี้ เสียหายมากทีเดียว ให้พากันพินิจพิจารณา

พี่น้องลูกหลานทั้งหลายที่จะพูดกันในวันนี้ ขอให้ฟังด้วยความเป็นธรรม เพื่อชาติไทยของเรา ให้ถือชาติเป็นสำคัญ อย่าถือทิฐิมานะของตนว่าเป็นของดิบของดียิ่งกว่าชาติ จะทำชาติให้ล่มจมตัวเองก็จะล่มจมไปด้วย ให้พากันจำเอานะลูกหลาน ในลานพระรูปวันนี้ที่จะพูดกันนี่นะ ขอให้พากันฟังด้วยความเป็นธรรม นี้เรานำธรรมมาสอนพี่น้องลูกหลานทั่วประเทศไทยของเราฟังในวันนี้ ขอให้ฟังด้วยความเป็นสิริมงคลนำไปประพฤติปฏิบัติ อย่าขัดอย่าแย้งกันในเหตุผลที่ไม่ควรขัดควรแย้ง อันใดที่ไม่ดีก็เตือนกันบอกกัน แล้วปรับปรุงความเข้าใจกันเพื่อความถูกต้องดีงามนั้นเป็นความชอบธรรมแล้ว ในการประชุมหรือการพูดจากัน เพื่อปรับปรุงหนุนชาติไทยของเรามีความแน่นหนามั่นคง ให้ลูกหลานทั้งหลายปฏิบัติอย่างนี้ด้วยความเป็นธรรมโดยทั่วกันทั้งสองฝ่าย เอาละพอ

 

รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร

FM 103.25 MHz


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก