การบ้านการเมืองให้เป็นเรื่องของเขา
วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา 8:45 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   ข้อมูลเสียงแบบ(MP3)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)   วิดีโอแบบ(Win High Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๔๙

การบ้านการเมืองให้เป็นเรื่องของเขา

ก่อนจังหัน

อะไรก็ตามถ้ามีกฎมีระเบียบแล้วดูงามตา ถ้าไม่มีกฎระเบียบแล้วดูไม่ได้ เลอะเทอะไปหมด อย่างพระนี่ท่านมีกฎธรรมวินัยการนุ่งการห่มทุกสิ่ง บริขารชนิดใดๆ ท่านมีพระวินัยบังคับๆ ไว้ นำจากพระวินัยมาปฏิบัติ งามตา นั่น ถ้าขัดพระวินัยแล้วดูไม่ได้ พวกเดียวกันก็ดูกันไม่ได้ถ้าขัดพระวินัยเสียอย่างเดียวเท่านั้น พระวินัยเป็นข้อบังคับสำหรับความสวยงาม งามตาไม่ได้งามแบบกิเลสตัณหานะ งามตางามธรรม ต้องมีกฎมีระเบียบซิ อย่างชาติไหนๆ เขามาเขามีกฎระเบียบประจำตัวเขา เช่น การแต่งเนื้อแต่งตัวพวกไหนเผ่าไหนมานี้ดูก็รู้ แม้ที่สุดที่เขาลงมาจากภูเขา พวกแม้วพวกอะไรนี่เขาลงมาจากภูเขา เขาแต่งเนื้อแต่งตัวเขามีกฎมีระเบียบประจำเขา

เมืองไทยเราเป็นเมืองเลอะเทอะ ไม่มีกฎไม่มีระเบียบ อยากทำอะไรก็ทำดูไม่ได้เลย อย่างเมื่อเช้านี้มันนุ่งซิ่นนุ่งผ้ารุ่มร่ามๆ มานี่ นี่มันเป็นใคร ก็ซัดเข้าละซี เอามันเสียบ้าง ดีไม่ดีจะได้ตีเกราะประชุมในโคตรของหลวงตาบัว โคตรของหลวงตาบัวใครมันนุ่งห่มเข้ามานี้รุ่มร่ามๆ ขวางตา เรียกมาสอนเมื่อเช้านี้เป็นครั้งที่สอง ถ้าครั้งที่สามห้ามตัดขาดเลยไม่ให้เข้ามาในวัด โคตรหลวงตาบัวมันมานุ่งรุ่มร่ามๆ มาขวางเราก็เอาเสียบ้างละ หากมันยังฝืนอย่างนี้แล้วเข้าวัดไม่ได้เลย ดีไม่ดีเข้าไม่ได้ทั้งโคตรหลวงตาบัว ห้ามเลย เราจะเห็นแก่ใครยิ่งกว่าหลักธรรมหลักวินัยซึ่งเป็นธรรมอันเลิศเลอ ที่มนุษย์ทั้งหลายได้เทิดทูนมาตลอด มาเหยียบย่ำทำไม กฎที่ดีงามมีอยู่

แล้วสอนเป็นใครสอน ปู่ด้วยนะสอนมัน ปู่ด้วยตาด้วยสอนมัน ถ้ามันยังไม่ฟังอยู่แล้วจะเข้าวัดไม่ได้เลย นี่ดียังไม่ได้สั่งเสียมันว่า สูไปนี้สูไปประชุมโคตรสูโคตรกูนะ ถ้าสูเป็นอย่างนี้แล้วสูจะเข้าวัดกูไม่ได้ บอกชัดๆ ไม่เด็ดไม่ได้นะกิเลสมันหนามาก ต้องได้ใช้ความเด็ด เฉียบขาด เหล่านี้เราเคยปฏิบัติมาแล้วฟัดกับกิเลส เอาเฉียบเอาขาด ถ้าลงขนาดนั้นแล้วกิเลสต้องหมอบ แบบธรรมดานี้กิเลสเหยียบหัวไปเลย ของเล่นเมื่อไรกิเลส มีธรรมเท่านั้นที่จะฟัดจะเหวี่ยงกันได้ เอากิเลสปราบกิเลสให้สิ้นซากลงไปจากใจแล้วหาความทุกข์ไม่ได้ ที่สร้างความทุกข์ให้แก่โลกก็มีแต่กิเลส มันสร้างอยู่ตลอดเวลา

ไปที่ไหนมีแต่เรื่องของกิเลสสร้างกองทุกข์ให้หัวใจสัตว์ ดีดดิ้นเป็นบ้ากันทั่วโลกทั่วดินแดน เขาก็เพลินของเขาไปอย่างนั้นละ ธรรมที่เป็นธรรมชาติเลิศเลอดูมันดูไม่ได้นะ ผู้ที่ท่านมาสอนท่านเลิศเลอด้วยความสุข บรมสุขเลิศเลอ ท่านไม่มีอะไรบกพร่อง มาสอนโลกที่บกพร่องเพื่อให้พอเป็นผู้เป็นคนขึ้นบ้าง มันก็ไม่ยอมรับ ไม่ยอมฟังเสียง ก็เลยกลายเป็นสัตว์ทั้งๆ ที่ไม่มีหางเวลานี้ เมืองไทยเรามันเป็นเมืองสัตว์แบบไม่มีหางนะ ใหญ่เท่าไรยิ่งเรียนแต่วิชาอันธพาล วิชาไฟเผาโลกๆ มาตลอด ความโลภก็เผาโลก ความโกรธ ความเคียดแค้น ราคะตัณหาเป็นฟืนเป็นไฟเผาโลก มันเรียนแต่วิชาสั่งสมแต่วิชาเหล่านี้เอามาเผากันในเมืองไทยเราดูได้เมื่อไร

เป็นผู้ใหญ่แทนที่จะนำประเทศชาติบ้านเมืองให้เป็นความสงบร่มเย็น และสมบูรณ์พูนผล มันกลับเอาฟืนเอาไฟมาเผาชาติบ้านเมือง ได้ว่ากันอยู่เรื่อยๆ ประชาชนเขามีหูมีตา พวกเจ้าพวกนายที่มาปกครองชาตินั้นเป็นยังไง มันมาจากแดนไหนว่ะถึงจะไม่รู้เรื่องกัน มนุษย์แท้ๆ ในเมืองไทยดูกันดูออก ผิดถูกชั่วดีดูกันออก มันน่าจะคิดนะ เรียนมาเท่าไรก็เรียนด้วยอำนาจของกิเลส เรียนมาเท่าไรกิเลสก็เป็นตู้ๆ มาเหมือนตู้รถไฟนั่นละ คนหนึ่งไปเรียนเมืองนอกมา ได้ตู้รถไฟมากี่ตู้ก็ไม่รู้ตู้กิเลสตัณหา มันเอามาเหยียบย่ำทำลาย มาขี้รดประเทศชาติของตน เป็นอย่างนั้นนะเดี๋ยวนี้ มันไม่มีธรรมต้องเป็นแน่ๆ ถ้ามีธรรมแล้วดูสวยงามนะ

นี่เราเอาธรรมมาสอนโลก เป็นยังไงพอจะรับได้ไหม มนุษย์เราชาวพุทธแท้ๆ ในเมืองไทยเรา พอจะรับอรรถรับธรรมพระพุทธเจ้าได้บ้างไหม หรือหยิ่งอยู่อย่างนั้นตลอดเวลาเหรอ จะจมลงนรกยังไปหยิ่งกับไฟนรก กับจ่านรกอีกเหรอ มันน่าทุเรศจริงๆ นะ มันไม่ยอมฟังเสียงอะไร กิเลสมันหนาขึ้นทุกวันๆ  โห น่าทุเรศจริงๆ อย่างเมื่อเช้านี้ดุหลาน หลานนะนั่นที่เอาเมื่อเช้านี้เอาอย่างเด็ดๆ เอาเสียก่อน บอกให้ยกโคตรปรึกษากัน การแต่งเนื้อแต่งตัวของสูให้ยกโคตรมาปรึกษากัน กูกับโคตรสู สูกับโคตรกู เอากันขนาดนั้นนะ ถ้าหากว่าเข้ากันไม่ได้ กูนี่โคตรธรรมวินัย ออกมาจากโคตรของสูนั่นละมาเป็นโคตรธรรมวินัยแล้วมาสั่งสอนสู สูจะเอาไหม ไม่เอาก็ไล่มันออกหนีทั้งโคตรมันเลยไม่ให้เข้าวัด เป็นอย่างนั้นนะ

ต้องเด็ด ไม่เด็ดไม่ได้กิเลส จะอ่อนกับมันไม่ได้ ต้องเด็ดตลอดๆ นี่เคยฟัดเคยเหวี่ยงกับกิเลสมาแล้วก่อนที่จะนำมาสอนโลกเวลานี้ ไม่ใช่มาพูดสอนโลกปาวๆ นี่นะ ไม่ เราเอาจริงเอาจังทุกอย่าง เวลาขาดขาดเลยทีเดียว เอา คอขาดขาดความถอยไม่มี นั่นถึงขนาดนั้น จึงได้ผลมาแล้วก็นำมาสอนโลก พากันจำเอานะ

เลอะๆ เทอะๆ ดูไม่ได้ ดูพระดูเณรแท้ๆ ก็ดูไม่ได้เวลานี้ ดูท่านดูเรามันพอๆ กัน ให้พากันตั้งอกตั้งใจ การปฏิบัติสติเป็นสำคัญเคยสอนแล้วเรื่องภาวนา ใครอยากเห็นของประเสริฐเลิศเลอในตัว ตั้งแต่วันเกิดมาหาของดิบของดี หาความสุขความเจริญ ตั้งแต่วันเกิดมาจนกระทั่งวันตายไม่มีใครเจอกัน เพราะหาไปตามส้วมตามถานตามฟืนตามไฟ ก็ไปเจอแต่ส้วมแต่ถานแต่ฟืนแต่ไฟเผาไหม้ตัวเองนั่นเอง มันไม่ได้หาอรรถหาธรรมหาความสงบร่มเย็นไปตามทางของศาสดาที่เราเป็นลูกชาวพุทธ ให้นำพุทธศาสนาไปสอน เฉพาะอย่างยิ่งดูหัวใจเจ้าของบ้างซิ เป็นยังไงวันหนึ่งมันดีดมันดิ้นอยู่ขนาดไหนเป็นไฟเผาตัวเอง ยังโอ่อ่าอยู่ ยังผึ่งผายอยู่เรอะ โฮ้ แมลงวันอีแร้งอีกามันจะกินมนุษย์ทั้งเป็นมนุษย์เมืองไทยเรานี้ มนุษย์มันเห่อมันเน่ามันเฟะทั้งๆ ที่ยังไม่ตาย อีแร้งอีกาเลยรำคาญ

ถ้าจะมาจริงๆ มันยังไม่ตาย หูกระดิกๆ แล้วขึ้นไปจับต้นไม้คอยดูเสียก่อน นึกว่าตายแล้วลงมาหูยังกระดิกๆ อันนี้ตายทั้งเป็น คนไม่มีความดีงามไม่มีสาระสำคัญ ไม่มีกฎมีเกณฑ์ ไม่มีศีลมีธรรม แบบตายทั้งเป็น อีแร้งอีการำคาญแหละพวกนี้ พวกเราทั้งหลายนี่ เฉพาะอย่างยิ่งลูกศิษย์หลวงตาบัวอยู่ในศาลานี่ ทั้งพระทั้งโยม ทั้งฆราวาสทั้งหลวงตาบัวรวมกัน อีแร้งอีการำคาญ ว่าจะตายก็จะฉันจังหันอยู่แล้ว จะหล่อเลี้ยงมันไม่ให้ตาย เห็นไหมล่ะ โห มันน่าทุเรศนะ เอาละให้พร

หลังจังหัน

(หลวงตาเมตตาให้รถยนต์ ๑ คันและเครื่องดูดสุญญากาศเวลาเด็กคลอดยากอีกหนึ่งเครื่อง แก่โรงพยาบาลเจริญศิลป์ จ.สกลนครที่มาขอความเมตตาในเช้าวันนี้)

ผู้กำกับ ชาวอำเภอสากเหล็ก จ.พิจิตร ถวายสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน กิ่งอำเภอสากเหล็ก จ.พิจิตร ซึ่งรับสัญญาณจากสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน บ้านตาด ร้อยเปอร์เซ็นต์ เริ่มออกอากาศแต่วันที่ ๑๗ ธ.ค.๔๘ เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน ขอน้อมถวายแด่องค์หลวงตาให้เป็นสมบัติของสงฆ์วัดป่าบ้านตาดครับ

หลวงตา พอใจๆ เวลานี้วิทยุออกดูเหมือนจะทั่วประเทศไทยแล้วมัง ทุกภาค ทางภาคใต้ก็ ๔-๕ แห่ง ภาคใต้มันยาวได้ถึง ๔-๕ แห่งนะ นอกนั้นไปทั่วหมด ทางภาคอีสานก็ทั่วไปหมดเลย เฉพาะร้อยเอ็ดนี้กว้างขวางมาก ของเสี่ยสมหมายกว้างขวางมาก เปิดตลอด ๒๔ ชั่วโมงเลย ที่จะทราบได้ชัดว่าคนสนใจมากก็คือว่า พอเครื่องขัดข้องชั่วไม่กี่นาที โทรศัพท์ โอ๋ย แหลกเลยโรงสี โทรศัพท์ไม่ทราบมาจากไหนๆ เป็นยังไงๆ เรื่อยมาเลย แสดงว่าเขาจ่อฟังอยู่ตลอดที่ร้อยเอ็ด ร้อยเอ็ดนี้กว้างขวางมาก สูงเต็มที่เลย แล้วก็เปิด ๒๔ ชั่วโมง เป็นของเขาทั้งหมดเลย ก็โรงสีใหญ่นี่วะ นอกจากนั้นก็มีทั่วๆ ไปสำหรับธรรมะนะ แต่ไม่ให้โลกเข้าไปเกี่ยวข้อง อันนี้เป็นเรื่องของเราพูดเอง

บางทีมันเอาการบ้านการเมืองเข้ามาแทรกในวิทยุเสียงธรรมของเรา บอกว่าไม่ได้เราห้ามขาดเลย อย่าเอาเข้ามายุ่งทางการบ้านการเมืองให้เป็นของเขาไป ทางเรื่องอรรถเรื่องธรรมเป็นเรื่องของเราไปเรื่อยๆ อย่าเอาการบ้านการเมืองเข้ามาแทรกวิทยุนี้เสีย ทางวิทยุทางธรรมะนี้เสีย เพราะฉะนั้นเราถึงห้าม ห้ามมาตั้งแต่ต้นแล้วแหละ หากมันจะออกมันก็แทรกออกมาอย่างนี้ เพราะฉะนั้นเราถึงได้ขู่ไว้เสมอไม่งั้นไม่ได้ เวลานี้ก็กว้างขวาง การช่วยชาติบ้านเมืองทางด้านวัตถุก็สงบลงไปเรียบร้อยแล้ว หากจะมีเหลืออยู่ก็เป็นประเภทน้ำไหลซึม เช่นทองคำมีมาบ้างเรื่อยๆ อย่างนี้ละ นี่ก็เราเป็นห่วงจึงวางเงื่อนอันนี้เอาไว้ เพื่อจะให้มีทองคำเป็นน้ำไหลซึมไหลเข้าสู่คลังหลวงของเรา เพราะทองคำเป็นของจำเป็นมาก และขาดในคลังหลวงไม่ใช่น้อยๆ นะขาดมากทีเดียว ได้มาแล้วตั้ง ๑๑ ตัน กับ ๒๐๐ กว่ากิโล (ที่หลวงตาให้เข้าคลังหลวงแล้ว ๑๑ ตัน ๓๗ กิโลครึ่งอยู่ในคลังหลวงเรียบร้อยแล้ว น้ำไหลซึมตอนนี้ได้ ๒๒๕ กิโลครึ่ง) นี่ล่ะประเภทน้ำไหลซึมตั้ง ๒๒๕ กิโลครึ่ง นี่ละค่อยไหลมา เราเป็นห่วงขนาดนั้นละ

เราคิดอะไรๆ ออกจากหัวใจเราจริงๆ เราไม่ไปปรึกษาใครนะ นำชาติบ้านเมืองมาตลอดทั้งด้านวัตถุทั้งด้านธรรมะ เราไม่เคยไปปรึกษาใคร เราจะพิจารณาของเราเต็มเม็ดเต็มหน่วยแล้วออกๆ เรื่อยไปอย่างนี้เรื่อยมา นี่ทางวิทยุก็ออกกว้างขวางมากมาย การเทศนาว่าการเราไม่สงสัยในการเทศน์ ถอดออกจากหัวใจที่บำเพ็ญมาด้วยความถูกต้องๆ จนกระทั่งถึงสมบูรณ์เต็มที่แล้วออก ออกจึงไม่ไปปรึกษาใคร

เทศน์ไปนี้ไม่ต้องไปตรวจไปทาน ว่าแก้ไขหรือโวหารสำนวนว่าหนักไปหรือเบาไป หรือว่าบกพร่องตรงไหนหรือมันขาดเหลืออะไรเพิ่มเติมไม่มี ออกเต็มเม็ดเต็มหน่วยไปพร้อมๆ กันเลย ออกแล้วออกพิมพ์ได้เลย สำนวนเทศน์ของเราเหมือนว่าอ่านไปเลยเชียว ทุกวันนี้อย่างพูดนี้ก็ออกละ แล้วตอนเย็นเขาก็เอามาอ่านให้ฟังบ้าง ถ้าอยากฟังก็ฟังบ้างไม่อยากฟังก็ไม่ฟังเพราะมันเรียบร้อยไปแล้วไม่ต้องตรวจทาน นี่เป็นยังไงหัวใจดวงนี้น่ะ ท่านทั้งหลายฟังเอาซิ คือไม่ต้องตรวจทานออกไปเรียบร้อยแล้วทุกอย่างๆ ไม่ว่าธรรมะขั้นใดๆ เหมาะสมตลอด ถูกต้องไปเลยตลอด เราไม่สงสัยในหัวใจของเรา เพราะฉะนั้นการออกไปจึงไม่สงสัยว่าหนักไปเบาไป

เหมือนเขาถากไม้ ไม้ที่เขาจะมาทำต้นเสามีประเภทต่างๆ กัน ถ้าตรงไหนที่มันตรงแน่วเขาก็ถากเรียบๆ ไปธรรมดา ที่ไหนมันคดมันงอมากเขาก็ถากหนักมือๆ อันนี้เรื่องคลื่นของกิเลสก็เหมือนกัน คลื่นเรียบๆ ก็มี คลื่นคดๆ งอๆ ก็มี ต้องใช้ธรรมะซึ่งเป็นเหมือนขวาน นายช่างถากก็ได้แก่ครูอาจารย์ที่นำมาสั่งสอนนั้น ควรหนักมือตรงไหนควรเน้นหนักตรงไหนก็ต้องเน้นหนักไปตรงนั้นๆ เพื่อจะทำต้นเสาให้ดี นี่ละเพื่อจะทำคนให้ดีก็ต้องเป็นอย่างนั้นเหมือนกัน จะว่าหนักไปเบาไปไม่ได้ มันขึ้นอยู่กับต้นเสา ต้นเสาเป็นยังไงควรจะถากยังไงดัดแปลงยังไง มันขึ้นอยู่กับคน คนเป็นยังไง ควรจะหนักจะเบามันคดมันงอหรือไม่คดไม่งออะไรบ้าง การแนะนำสั่งสอนจะเป็นไปตามนั้น ให้พากันจำเอานะ

นี่ก็ออกทุกวันละวิทยุทั่วประเทศ เดี๋ยวนี้ออกหมดเลย ดูมันทุกภาคแล้วนะ ทุกภาคแล้วเดี๋ยวนี้ วิทยุออกทุกภาค ธรรมสอนโลกส่วนมากก็เป็นวิทยุของเรา ครูบาอาจารย์ทั้งหลายก็ช่วยสนับสนุนบ้างเล็กๆ น้อยๆ ไม่ได้มากนะ ที่ออกสนามจริงๆ ก็คือเราออกๆ เรื่อยมาจนกระทั่งทุกวันนี้ ครูบาอาจารย์ทั้งหลายก็เอามาช่วยกันบ้างๆ ตามนิสัยวาสนาของแต่ละท่านๆ การเทศนาว่าการจึงไม่เหมือนกัน สำหรับเรานี้เรียกว่าออกทุกอย่างเลย ไม่ว่าจะสำนวนธรรมดาๆ เด็ดเผ็ดร้อนทุกอย่างฟ้าดินถล่มมีอยู่ในนั้นหมดเลย เพราะกิเลสประเภทฟ้าดินถล่มมันจะเอาคนทั้งโลกให้คว่ำเลยก็มี ปรมาณู นิวเคลียร์ต้องซัดให้กิเลสพังไปนู่นเข้าใจไหมล่ะ นั่นละที่ว่าสำนวนโวหารเด็ดเผ็ดร้อนเป็นอย่างนั้นละ ตามขั้นของกิเลสมันมียังไงบ้าง

อย่างตะกี้นี้เทศน์สอนหลานมันมา ลูกน้องสาวมันมานุ่งซิ่นมารุ่มร่ามๆ มาจนจะไม่มองเห็นตีนมัน มาก็ใส่เอาเสียบ้าง ก็เป็นอย่างนั้นแล้ว กูสอนคนมาทั้งโลกสอนมึงไม่ได้เหรอ ใส่เข้าไปตรงนั้นแหละ มันขวางตา มนุษย์เราควรมีกฎมีระเบียบไว้ประจำมนุษย์ นี้ไม่มี ประเทศใดเมืองใดเขามีกฎมีระเบียบ อย่างการแต่งเนื้อแต่งตัวเผ่าไหนๆ มา เขาจะเป็นแบบของเขา มีแบบมีฉบับ ประเทศนั้นประเทศนี้เข้ามา สับปนกับเมืองไทยเรา เขาเข้ามารู้ทันที เขามีกฎมีระเบียบมา ไอ้เมืองไทยเรามันไม่มี เลอะๆ เทอะๆ ไปหมดนี้ซิ มันน่าว่าก็ว่าเอาบ้างซิ มันน่าจะมีกฎมีเกณฑ์เครื่องบังคับให้เป็นความสวยงามแก่สังคมกันในมนุษย์ชาติไทยของเรา อันนี้เลอะเทอะไปหมด มันคว้ามับมันมีแต่แบบลิง ลิงไม่มีแบบฉบับละ

มนุษย์เราเป็นแบบลิงมันดูไม่ได้นะ ควรจะพินิจพิจารณาบ้างพี่น้องทั้งหลายที่เป็นชาวพุทธ เสียงนี้เป็นเสียงธรรม ไม่ได้สอนให้ท่านทั้งหลายเสียหาย สอนเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยสวยงามชื่นตาชื่นใจ มันถึงถูก อันนี้เลอะเทอะดูก็ดูไม่ได้เลย บางรายก็เข้ามากราบปั๊บๆ อยู่ต่อหน้านี้ เอาต่อหน้าเลย มันเข้ามามันยังไม่เห็นอายนี่วะ ธรรมะจะอายได้ยังไง ใส่เปรี้ยงเข้าไปเลย บางรายเอาขนาดนั้นก็มี ไล่หนีเดี๋ยวนั้นเลย นี่ๆ น่ะว่างั้นเลย จี้เข้าไปเลย มันจะเห็นหีอยู่นี่น่ะว่างั้นเลย เอาให้หนักเพราะมันหยาบมาก ธรรมะต้องใส่เปรี้ยงเข้าไปเลย

ส่วนมากธรรมะอายกิเลสนะ กิเลสไม่ได้อายธรรม เหยียบหัวธรรมไปเรื่อยๆ แต่ธรรมนี้มาเหยียบไม่ได้ ใส่เปรี้ยงเลยทันที ธรรมนี้เหนือโลกมานาน ตั้งกัปตั้งกัลป์แล้ว มาเกรงใจกิเลสก็กิเลสเหยียบหัวสัตว์โลกให้ได้รับกองทุกข์ กิเลสเหยียบตรงไหนทุกข์ทั้งนั้น ถ้าธรรมเหยียบไปตรงไหนกิเลสพังความสุขเกิดขึ้นๆ อย่างนั้น เพราะฉะนั้นจึงได้สั่งสอนทางด้านอรรถธรรมเข้าสู่จิตใจ ให้จิตใจมีแบบมีฉบับรู้จักวิธีกำจัดและรักษาสิ่งที่ดีงาม กำจัดสิ่งชั่วช้าลามกทั้งหลายออกจากใจที่มันคิดไม่ดี แล้วปฏิบัติตัวให้เป็นคนดีงามมันก็สวยงาม ธรรมท่านสอนอย่างนั้นต่างหากนี่นะ เอาละวันนี้พอ

ผู้กำกับ วิจารณธรรม วันศุกร์

ปฏิบัติการเนรคุณ !!

            วันพรุ่งนี้แล้ว !  ภารกิจกู้ชาติ 4 ก.พ. ที่นำโดย “สนธิ  ลิ้มทองกุล” จะเริ่มออกปฏิบัติการ ณ ลานพระบรมรูปทรงม้า นับตั้งแต่เวลา 13.00 น. เป็นต้นไป ผู้เข้าร่วมภารกิจกู้ชาติครั้งสำคัญนี้จะประกอบไปด้วยประชาชนจากหลากหลายสาขาอาชีพ ทุกผู้ทุกคนที่เข้าร่วมภารกิจกู้ชาติครั้งนี้คือผู้รู้คุณต่อแผ่นดินเกิด

เป็นผู้เสียเงินภาษีบำรุงชาติ !!

นับตั้งแต่ลืมตาตื่นนอนขึ้นมา เขาและเราจะเริ่มเสียภาษีบำรุงชาติก่อนแล้ว นับตั้งแต่การใช้ยาสีฟัน สบู่ แป้ง ผ้าเช็ดตัว การดื่มน้ำชากาแฟและอาหารเช้า ทุกผลิตภัณฑ์ที่จำเป็นในชีวิตประจำวันล้วนบวกเงินภาษีอากรไว้แล้วเบ็ดเสร็จ นอกจากนี้รายได้ส่วนบุคคลไม่ว่าจะเป็นเงินเดือน ค่าจ้าง หรือเป็นรายได้จากการทำมาค้าขายทั้งรายย่อยรายใหญ่ ส่วนหนึ่งจะต้องเจียดจ่ายเป็นเงินค่าภาษีอากรเข้ารัฐทั้งสิ้น

ทุกคนจึงเป็นผู้มีบุญคุณต่อประเทศชาติ !

เงินภาษีอากรจากผู้บริสุทธิ์ที่เก็บเข้ารัฐ ส่วนหนึ่งได้นำไปจ่ายเป็นเงินเดือนนักการเมือง เงินเดือนข้าราชการ ค่าจ้างลูกจ้างประจำและลูกจ้างชั่วคราว ทุกคนที่มีรายได้จากภาษีอากรของแผ่นดินคือผู้ยังชีพอยู่ได้ด้วยเงินภาษีอากรของประชาชน

ประชาชนคือผู้มีพระคุณ !

ผู้ร่วมภารกิจกู้ชาติล้วนเป็นผู้มีบุญคุณ !!

ได้ทราบมาว่าเวลานี้ มีนักการเมือง (ชั้นเลว) กำลังก่อการ “ปฏิบัติการเนรคุณ” ด้วยการ “บงการ”ให้บรรดาข้าราชการและลูกจ้างจากกรมอุทยาน สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเข้ามา “ปฏิบัติการเนรคุณ” ด้วยการประจันหน้ากับกลุ่มภารกิจกู้ชาติ ณ ลานพระบรมรูปทรงม้า

เข้ามาเผชิญหน้าเพื่ออะไร เพื่อทดแทนบุญคุณแผ่นดิน หรือว่าเพื่อหมายจะขัดขวาง ก่อกวน และหวังกลุ้มรุมทำร้ายต่อผู้เสียเงินภาษีอากรให้แก่แผ่นดินที่สู้อุตส่าห์เสียสละแรงกายแรงใจกันเข้ามาชุมนุมในภารกิจกู้ชาติ

การเข้ามาก่อกวนที่สวนลุมพินี ในขณะที่ประชาชนผู้บริสุทธิ์กำลังร่วมรับฟังรายการ“เมืองไทยรายสัปดาห์ สัญจร” ทราบมาว่า กลุ่มผู้ก่อกวนเหล่านี้เป็นเจ้าหน้าที่และลูกจ้างจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา

ให้รู้สึกสลดสังเวชใจกับปฏิบัติการเนรคุณ !

พวกท่านเคยรู้ถึงความกตัญญูบ้างไหม ประชาชนผู้บริสุทธิ์ส่วนหนึ่งในจำนวนนั้นคือผู้บริจาคทานให้แก่พวกคุณ ควรรู้สำนึกในความเมตตาของ “หลวงตามหาบัว” แห่งวัดป่าบ้านตาดบ้าง ที่เดินทางไปมอบข้าวสารชั้นดี น้ำมันพืชอย่างดี น้ำตาลทรายอย่างดี เครื่องกระป๋องอย่างดี ขนมขบเคี้ยวอย่างดี (ของชั้นดีจริงๆ ) และเงินค่ายังชีพอีกจำนวนหนึ่งให้แก่ครอบครัวของพวกคุณ ทุกๆ ครั้งที่ “หลวงตา” ท่านเดินทางมาพำนักยังสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ

ข้าวปลาอาหารและเงินยังชีพที่ “หลวงตา” ท่านนำไปมอบให้แก่พวกคุณจนถึงที่พักในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่นั้น มันคือทุนทรัพย์ที่ได้จากผู้มีพระคุณเหล่านี้ทั้งสิ้น

ท่านผู้บริสุทธิ์เหล่านี้(ส่วนหนึ่งจะเข้าไปร่วมชุมนุมกับคุณสนธิ) ต่างก็ทราบดีว่าเงินที่เขานำเข้าถวายบูชากัณฑ์เทศน์หลวงตาครั้งละพันครั้งละหมื่นนั้น หลวงตาท่านจะนำไปช่วยเหลือพวกคุณด้วย

หลวงตาท่านมีเมตตาต่อพวกคุณมาก !

หลวงตาท่านเทศน์ให้ผู้บริสุทธิ์เหล่านี้ฟังอยู่เสมอว่า พวกคุณคือผู้รับใช้ประเทศชาติ เป็นผู้พิทักษ์ผืนป่า รักษาสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เพื่อให้อยู่เป็นมรดกแก่ลูกหลานชาวไทยสืบต่อๆ ไป และพวกคุณคือผู้ที่ถูกทอดทิ้ง ถูกปล่อยให้ดำรงชีวิตตามยถากรรม มิได้ให้ความเป็นอยู่โดยสมบูรณ์เยี่ยงข้าราชการทั้งหลายแต่ประการใดเลย (จริงไหม?)

พวกท่านควรแสดงความกตัญญูต่อองค์หลวงตาอย่างไร

ขอให้มีสติบ้างนะครับ ??

                                                            ณ. หนูแก้ว

หลวงตา ทางเขาใหญ่ ถ้าเราลงไปกรุงเทพไปพักสวนแสงธรรม เราก็เอาของไปส่งให้พวกนี้ พวกปากทางที่รักษาป่าเขาใหญ่ ครอบครัวละเท่านั้นๆ มี ๑๔ ครอบครัว แต่ก่อน ๑๓ เดี๋ยวนี้เป็น ๑๔ ครอบครัวให้เสมอกันหมด สำหรับเงินสดให้ครอบครัวหนึ่งพันๆ นอกนั้นก็ของกองพะเนินไม่ใช่ธรรมดา เราทำอย่างนั้น ทางด่านน้ำหนาวมีสองด่าน เราช่วยมาตั้งแต่เราไปสร้างตึกโรงพยาบาลหล่มสักมาได้แปดเก้าปีนี้มัง เป็นประจำทุกเดือนๆ เหมือนกันกับทางโน้น อย่างนี้เรื่อยมา นี่เขาพูดว่าหลวงตาบัวเมตตา มีเหตุผลอะไร เขาว่ามาเราก็ยอมรับเพราะเราทำอย่างนั้นจริงๆ เอาละพอ

 

รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร

FM 103.25 MHz


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก