เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๒๘ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๔๙
ที่สุดแห่งการบำเพ็ญธรรม
ก่อนจังหัน
วันนี้เป็นวันตรุษจีน ตรุษจีนก็คือวันเป็นมงคลแก่คนเรานั่นแหละ ไม่ว่าจีนว่าไทยก็คือคนเหมือนกัน วันนี้เป็นวันตรุษของมนุษย์ ตรุษของคนทั่วประเทศนั่นแหละ ให้ยึดไปเป็นคติ เรื่องตรุษนั่นท่านมีมาอะไรก็ไม่ทราบ แต่เราจับได้ในจุดใหญ่ว่าเป็นวันมงคลของชาตินั้นๆ นี่ก็เป็นวันมงคลของพวกเราทั้งหลาย มาวัดมาวาวันไหนเป็นมงคลทั้งนั้น ไม่มาวัดมาวาก็ขอให้มีธรรมภายในใจเถอะ อยู่ในบ้านก็เป็นธรรม อยู่นอกบ้าน ไปไหน เคลื่อนไหวมันเกิดจากเราๆ จากคนๆ เดียวคนเดียวนี้ เคลื่อนไหวไปมาเป็นบาปหรือเป็นบุญ เป็นมงคลหรือเป็นอัปมงคล มันอยู่กับเรา ให้พิจารณาตนบ้างนะ
อย่าพากันเป็นบ้ายศบ้าลาภบ้าสรรเสริญ มันพิลึกนะมนุษย์เรา เมืองไทยเรานี้เป็นเมืองพุทธแต่มันเป็นเมืองบ้ายศบ้าลาภบ้าสรรเสริญเยินยอ อันนี้มันเด่นเหลือเกินนะ เอาธรรมจับมันก็รู้ซิ มีแต่ให้กิเลสจับกันตกหลุมตกบ่อตกส้วมตกถานวันยังค่ำไม่มีวันโผล่นะ ถ้าเอาธรรมจับแล้วลากกันขึ้นได้เลย เราดูจริงๆ นี่นะไม่ใช่ธรรมดา นี้เอาธรรมมาสอนโลก ไม่ใช่เรื่องของหลวงตาบัว เอาธรรมพระพุทธเจ้ามาสอนโลก พวกเรานี่พวกหนอนตกอยู่ในส้วมในถานมันอยากขึ้นกันเมื่อไร ส้วมกับถานกับหนอนมันไม่ขึ้นมันพันกันเลย
อันนี้ความโลภเรื่องยศเรื่องลาภเรื่องอยากได้ไม่หยุดไม่ถอย บ้ายศบ้าลาภ นี่ละพวกหนอน มันเป็นบ้ากันอยู่ทั้งวันทั้งคืน จะเข้าวัดเข้าวาจับขาขาขาดมันไม่ยอมไป จับขาลากเข้าวัดขาขาดมันก็ไม่ยอมไป ถ้าเข้าสุรายาเมาเข้าเป็นบ้าเห่อบ้าเหิมนี้ โหย ยกครอบครัวเหย้าเรือนไปเลย ปู่ย่าตายายไปด้วยกันหมด แม้ที่สุดไอ้ตัวหูตูบๆ สูจะไปกับกูไหม ไอ้หูตูบๆ เลี้ยงมันไว้ กูจะไปเป็นบ้า สูจะไปกับกูไหม มันจะชวนถึงขนาดนั้นละ มันเป็นบ้าลึกบ้าแลบนะเมืองไทยเราเวลานี้ เอาธรรมจับ เราสลดสังเวชจริงๆ เป็นบ้ากันหมดจะทำยังไง
ศาสนาพระพุทธเจ้าเลิศเลอมันไม่สนใจ ถ้าส้วมถ้าถานถ้ามูตรคูถเหล่านี้ชอบมากที่สุดเลย เมื่อชอบอย่างนั้นแล้วจะเป็นพวกไหน ก็พวกหนอนละซิพวกเรา ถ้าเป็นมนุษย์แล้วควรจะรู้จักศีลจักธรรม รู้จักดีจักชั่วภายในตัวของตัวแล้วแก้ไขดัดแปลง อันนี้เรียนมาเท่าไรเรียนมาเพื่อความโง่ความหลง ความฉุดลากตัวเองเพื่อความชั่วช้าลามก เรียนมาสูงต่ำขนาดไหนมันไปแบบกิเลส เรียนวิชากิเลสมันก็ลากลงๆ ถ้าเรียนวิชาธรรมและตั้งใจปฏิบัติธรรมแล้วก็เป็นธรรมขึ้นมาเรื่อยๆ
เรียนธรรมไม่สนใจในธรรมมีเยอะนะ จำได้ ใครเรียนใครก็จำได้ด้วยกันนั่นแหละไม่ว่าหญิงว่าชาย นักบวช ฆราวาส เรียนอะไรก็จำได้ แต่สำคัญที่จะปฏิบัติตามที่เรียนมาหรือไม่ นี่สำคัญมาก มันมีตั้งแต่เรียนมาเฉยๆ ไม่สนใจ แต่ที่เอาจริงเอาจังคือกิเลสจูงจมูก จูงหมดไม่ว่าชาติชั้นวรรณะใดถูกกิเลสจูงทั้งนั้น พระก็เหมือนกัน ลูกของตถาคตก็ถูกกิเลสจูงไปได้อย่างสบายๆ ให้ท่านทั้งหลายจำเอานะ
พระที่เป็นนักภาวนาก็ให้จริงให้จัง อย่าให้แต่กิเลสมันจูงตลอดเวลา ความขี้เกียจขี้คร้าน ความไม่เอาไหน พวกเสื่อพวกหมอนมันจูงพระเรา อรรถธรรมไม่ค่อยได้จูง มีแต่พวกนี้แหละจูง แต่งตัวนี่โก้นะพระเรา สีกรักเสียด้วย สีแก่นขนุนเสียด้วย โก้ มองดูภายในมันมีอะไรล่ะ มันก็มีแต่ส้วมแต่ถานเหมือนกันกับโลกเขาผิดกันอะไร ให้ดูตัวเองให้ดี ถ้าธรรมกระตุกไม่ได้แล้วตาย..มนุษย์ จมเลยๆ ถ้าลงธรรมกระตุกไม่รู้ตัวแล้วจม ใครอย่าอวดเก่ง ถ้าธรรมจ่อเข้าไปตรงไหนมันจะมีสติขึ้นมา รู้จักดีจักชั่ว รู้จักความแก่ความเฒ่าความชราความตายเหมือนโลกทั่วๆ ไป แล้วรีบเร่งขวนขวายสร้างความดีใส่ตน อันนั้นเรียกมนุษย์ฉลาด ไอ้มนุษย์โง่ดังที่พวกเราทั้งหลายโง่ เรียนแต่วิชาโง่ ทำแต่ความเสียหายแก่ตนของตน นี่พวกโง่ พากันจำหรือยัง เอาละถ้าจำได้แล้วเราจะให้พร
หลังจังหัน
ผู้กำกับ ปัญหาธรรมะจากเว็บไซต์หลวงตา
คนที่ ๑ ดิฉันตอนนี้ อยู่ที่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์เจ้าค่ะ แต่ดิฉันได้ฟังท่านหลวงตาเทศน์ทุกๆ วันทางอินเตอร์เน็ต ฟังเสียงชัดแจ๋วมากและเห็นภาพหลวงตาด้วยเจ้าค่ะ ต้องฟังทุกๆ เช้า ไม่ฟังไม่ได้ เกิดความหงุดหงิด ใจไม่มีความสุข เปรียบเหมือนติดยาเลยเจ้าค่ะ นี้เรียกว่าเกิดกิเลสทางไหน?เจ้าคะ(หลวงตา อย่างนี้เรียกว่ากิเลสดับ ธรรมเกิดเข้าใจไหม จะเกิดกิเลสอะไร กิเลสเกิดไม่ได้ ธรรมเกิด กิเลสดับ เข้าใจ เอ้าว่าต่อไป)
และดิฉันจะขอความเมตตาจากท่านหลวงตา คือ อยากได้หนังสือสวดมนต์แปลเป็นภาษาเยอรมัน เพราะสามีและลูกไหว้พระสวดมนต์ อยากทราบความหมาย ถึงตัวดิฉันจะพยายามแปลให้ฟัง แต่ก็ไม่ลึกซึ้ง เรื่องนี้แล้วแต่ท่านจะโปรดเมตตากรุณาเจ้าค่ะ มีลูกครึ่งไทยสวิสจำนวนมากที่สวดมนต์ไม่ได้เลย เพราะอ่านภาษาไทยไม่เป็น หนังสือสวดมนต์ที่มีส่วนมากก็เป็นภาษาอังกฤษ ไม่มีภาษาเยอรมันเลย ขอให้ท่านหลวงตา กรุณาตอบในช่วงธรรมตอนเช้าด้วยนะเจ้าค่ะ จะได้ฟังทางอินเตอร์เน็ตเจ้าค่ะ
(จาก คุณทุติยาภรณ์ ประเทศสวิสเซอร์แลนด์)
หลวงตา ภาษาที่พูดเหล่านี้หลวงตาเองไม่รู้เลย หลวงตาเองยังสบายอยู่ พวกนี้มันเป็นอะไรกัน ก็ไปหาเรียนเอาบ้างซิ มายุ่งกับหลวงตาทำไม อ้าว จริงๆ ก็หามาได้หนังสือเหล่านี้น่ะ เราหาธรรมมาสอนโลกแทบเป็นแทบตายไม่คำนึงถึงบ้างเหรอ เอาตรงนั้นซิ ขวนขวายซิถ้าต้องการอยากได้ดิบได้ดี
ผู้กำกับ คนที่ ๒ ข้าพเจ้าติดปัญหาในระหว่างการปฏิบัติ กราบเรียนท่านหลวงตาได้โปรดกรุณาเมตตาตอบด้วย จะเป็นพระกรุณาอย่างยิ่ง
1. ระหว่างการนั่งภาวนาพบว่า จิตรวมลงอย่างรวดเร็ว แต่เป็นเพียงชั่วครู่ประมาณไม่เกิน 5 นาที หลังจากนั้นก็จะถอนออกมา กราบเรียนถามว่า จะต้องรักษาจิตให้รวมให้นานๆ จนสมาธิแน่นเสียก่อนใช่หรือไม่ ถ้าต้องรักษาจิตให้รวมให้นานๆ ทำอย่างไรจึงจะรักษาสภาพจิตให้รวมได้นานๆ เจ้าค่ะ (หลวงตา นั่นซิอยากรวมให้นานๆ จะทำยังไงจึงจะรักษาให้ได้นานๆ ก็เจ้าของทำเอง อันนี้มาโดนเรานะ โดนเราที่ว่าจิตรวมตั้งแต่บวชมาไม่เคย เป็นพรรษาแรกด้วย อยากภาวนา ภาวนาจิตรวมปึ๋งลงไป อัศจรรย์เกินคาดเกินหมาย ตื่นเต้นด้วย พอดีจิตถอนออกมาเสียดายอยากให้มันรวมอีก มันก็แบบเดียวกัน มันเลยไม่รวม เอาอย่างนี้ละนี่พูดอีกแล้วเหล่านี้ไปสอนเลย ตั้งแต่หลวงตามันยังไม่อยากรวม ลูกศิษย์จะเก่งกว่าหลวงตามาจากไหน ต้องพยายาม มันจะค่อยรวมเข้าได้นานเข้าๆ ต่อไปนานเข้าๆ อย่างที่เราว่า พอออกปฏิบัติซัดกันเลย ได้เลย นั่นอย่างนั้นละ เอ้าว่าไป) ข้าพเจ้าดำเนินวิธี การรักษาสมาธิโดยมีพุทโธโดยหายใจเข้าพุท หายใจออกโธกำกับ ระหว่างวันถ้าระลึกได้จะให้มีพุทโธทุกอิริยาบถ
2. ระหว่างการนั่งภาวนาเกิดลักษณะของร่างกายบิดหมุน โดยร่างกายที่นั่งภาวนาอยู่ถูกหั่นออกเป็นชิ้นๆ ตามขวางของร่างกาย ถ้าดูตามก็จะพบว่าบิดมากขึ้น ถ้าไม่สนใจภาวนาพุทโธต่อก็จะไม่มีอะไร จึงรบกวนกราบเรียนถามว่า ควรที่จะเอาสติไว้ที่ลมหายใจ และพุทโธ หรือว่าให้พิจารณาที่ร่างกายบิดนั้น(หลวงตา เอาใช้ทางพุทโธ ร่างกายเอาไว้ก่อน มันเป็นอาการหนึ่งของมัน เราพุทโธให้หนักพุทโธ เอ้าว่าไป)
สุดท้ายนี้ขออาราธนาหลวงตาให้อยู่อายุยืนยาวสัก 150 ปี เพื่อเป็นสรณะให้ลูกหลานด้วยเทอญ สาธุ (จาก ณี)
หลวงตา ลูกศิษย์หลวงตามันเป็นบ้าด้วยกันทุกคนนั่นแหละ ให้อายุ ๑๕๐ อะไรถ้ามันเป็นไปได้ใครก็อยากให้ตลอดไปเลยไม่ต้องตาย พวกลูกศิษย์มันเก่งกว่าครู เอาละอ่านข้อใหม่
ผู้กำกับ คนที่ ๓ หลานขอกราบเรียนขอคำสอนจากหลวงตา จากการที่หลานได้ฟังธรรมะของหลวงตาทั้งอ่านหนังสือและเทปธรรมะของหลวงตาเจ้าค่ะ หลานฟังธรรมะของหลวงตาในขณะทำงาน คือร่างกายมันก็ทำหน้าที่การงานเคลื่อนไหวไป แต่จิตข้างในมันนิ่งๆ สงบเงียบ เหมือนอยู่คนเดียวในห้อง หลานพยายามไม่ให้เผลอสติจากที่หลวงตาสอนเน้นเสมอเจ้าค่ะ หลานคิดว่านี่อานุภาพของเสียงธรรม ของพระธรรมคำสอน จากบารมีธรรมขององค์หลวงตา ทำประโยชน์ให้โลก ให้จิตใจผู้โง่เขลาอย่างหลานได้เปิดรับโลกของธรรมเข้าไปชำระความคิด การกระทำที่ไม่ดีของหลานออกไปด้วยเสียงธรรมได้ไปทีละขั้น
ถึงหลานจะอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายของผู้คนและหน้าที่การงาน แต่จิตใจข้างในเหมือนอยู่ในห้องคนเดียว ใครโผล่เข้ามาก็เห็น ใครที่โผล่เข้ามาก็เปรียบเหมือนสังขารที่ปรุงแต่งมาแต่ละเรื่อง มีสติตามรู้ และหักห้าม ระงับความฟุ้งซ่านและความคิดที่เป็นกิเลสออกไปได้หลายครั้งแล้วเจ้าค่ะ
บางทีพ่อแม่ของลูกนอนไม่หลับ ลูกก็แนะพ่อแม่ว่าไม่ต้องคิดอะไรมันหลายเรื่อง คิดคำว่าพุทโธคำเดียว แล้วก็เอาเทปของหลวงตาให้พ่อแม่ฟังก่อนนอน ปรากฏว่าตอนนี้พ่อแม่ของลูกก่อนนอนก็ภาวนาพุทโธๆ หลับ ตื่นมาท่านก็แจ่มใสเจ้าค่ะ
สุดท้ายนี้ลูกได้แต่ขออธิษฐานให้เสียงธรรมของหลวงตาไม่ว่าเป็นหนังสือ เทป หรือวิทยุ หรือทางอินเตอร์เน็ตคงอยู่ให้ลูกหลานเหลนได้ยินได้อ่าน มีธรรมเข้าครองใจตามหลวงตาเมตตาเน้นสอนเสมอด้วยเถิดเจ้าค่ะ
(จาก หนูบ้านนา)
หลวงตา จากอะไร (เขาลงชื่อว่าหนูบ้านนา ครับ) หนูบ้านนา หลวงตาบ้านไร่ เอาภาวนาไปอย่างนั้นถูกต้องแล้ว
ผู้กำกับ คนที่ ๔ ผมตามรู้จิตให้ได้ตลอด จนรู้สึกว่าสังขารก็คือจิตนี่เอง เพียงแค่จิตแย็บออกมา จับได้แล้ววางทันที มันเหมือนกับมีแต่จิตล้วนๆ ซึ่งแต่ก่อนจะวุ่นวายที่จะแยกจิตกับสังขารออกจากกันครับ ไม่ทราบว่าผมเข้าใจถูกต้องไหมครับ แล้วจะทำอย่างไรต่อครับ (จากชาย)
หลวงตา มันเป็นมันเป็นได้ คิดดูตั้งแต่เราภาวนานี่นะ พุทโธๆ อยู่นี้ติดแนบกันตลอดๆ เวลาจิตมันอิ่มตัวแล้วอยู่ตรงแน่วเลย พุทโธไม่มี นั่น นี่ก็แบบเดียวกัน คือคำว่าพุทโธหรืออะไรที่เป็นคำบริกรรมนี้ เหมือนว่าอาหารหล่อเลี้ยงจิต อู๊ย เปรียบหลายอย่างเปรียบยากนะ คือเป็นเครื่องหนุนจิตๆ เวลาจิตอิ่มตัวแล้วเข้าสงบแน่ว พุทโธไม่มี นึกให้มีก็ไม่มี นั่นจิตอิ่มตัว จากนั้นพอขยับออกมาปั๊บก็พุทโธเข้าไปปั๊บอีก ติดกันไปเรื่อย อันนี้ก็ลักษณะเดียวกัน สังขารเกิดจากจิต สังขารธรรมชาติก็มี เรียกว่าสังขารขันธ์ ขันธ์ ๕ รูป เวทนา สัญญา สังขารมันปรุงขึ้นมาจากจิตแย็บๆ จากจิตนี้ ถ้าจิตเป็นธรรมล้วนๆ แล้วสังขารนี้ก็เป็นขันธ์ล้วนๆ ไม่เป็นบาปเป็นบุญ สังขารนี้ก็สักแต่กิริยาเท่านั้นเอง ถ้าจิตเป็นกิเลสแล้ว สังขารออกมาก็เป็นกิเลสไปเรื่อยๆ อย่างนั้นละ
สรุปความลงให้ภาวนาตามนิสัยของตนนั่นแหละ ธรรมนี้ถ้าได้เข้าสู่จิตแล้ว รู้สึกมันจะอิ่มภายนอกนะ มันหมุนเข้ามาภายในๆ ภายนอกทั้งหลายที่มันเคยยึดเคยถือนี้จางลงๆ หมุนเข้ามา นี่ละรสของธรรม รสของธรรมนี้ชนะซึ่งรสทั้งปวง พอเริ่มปรากฏที่จิต สิ่งทั้งหลายที่เคยวุ่นวายมันจะค่อยหดเข้ามาๆ หาจิต เครื่องดึงดูดคือธรรมดึงดูดอยู่ภายในจิตนี้ อย่างที่เขาว่าทำอะไรก็เหมือนไม่รู้ไม่ชี้ คือจิตนี้เข้าอยู่ภายในมันไม่อยากออก เพียงเท่านี้ก็จับได้แล้วว่าธรรมนี้เป็นเครื่องดึงดูดขนาดไหน ให้ลงดึงดูดมากๆ ซิน่ะ
เราอยากเห็นบรรดาชาวพุทธเรา อยากให้มีภาวนา จะเอาบทใดก็ตาม ธรรมเป็นเครื่องกล่อมใจให้มีความสงบ เบื้องต้นเป็นความสงบเย็นใจสบาย จากนั้นก็ขยายตัวออกๆ ความแปลกประหลาดอัศจรรย์จะขึ้นในจิตนี้แหละไม่ขึ้นที่ไหน ความทุกข์ร้อนทั้งหลายก็ขึ้นที่จิต โลกธาตุนี่ไม่มีที่ไหนเป็นที่หมาย มีจิตเท่านั้นเป็นที่หมาย หมายดีหมายชั่ว สุขทุกข์อยู่กับจิต อยากให้ภาวนา รวมไปดูตัวเหตุมันตัวใหญ่ๆ ตัวนี้ละตัวเหตุ กองไฟใหญ่อยู่ที่จิตใจนะ น้ำดับไฟคือการภาวนา พอจิตจ่อเข้าไป สติจ่อเข้าไป เรื่องทั้งหลายมันจะรู้ขึ้นมา แล้วระงับกันๆ อันนี้สงบลงไปแล้วแน่ว สบาย นั่น นี่ละท่านภาวนา
ไม่มีศาสนาใดไม่ใช่เราประมาทดูถูกศาสนาใดนะ เราพูดตามหลักความจริง ที่จะพูดถูกต้องแม่นยำตลอดสายนี้คือพุทธศาสนาเท่านั้น จ่อลงที่จิตเลย จิตนี้เป็นตัวเหตุ เราอย่าไปคว้าโน้นคว้านี้คว้าวันยังค่ำตายทิ้งเปล่าๆ ถ้าหมุนเข้ามาหานี้แล้วจะรู้ต้นเหตุ รู้ต้นเหตุแล้วดับกันได้เลย ท่านว่านิโรธๆ ดับทุกข์ ดับที่ต้นเหตุนี้แหละ ดับที่ตรงนี้นะ เพราะฉะนั้นจึงอยากให้ภาวนาดู
การมาสอนนี่ทรงไว้หมดแล้วที่พูดเหล่านี้ ตั้งแต่ล้มลุกคลุกคลานจะเป็นจะตายทุกอย่าง นี่ละกิเลสกับธรรมฟัดกัน ทีแรกสู้กิเลสไม่ได้ๆ สู้ไม่ถอย สู้ไปสู้มากิเลสก็ค่อยอ่อนตัวๆ ก็เหยียบหัวกิเลสเลย เหยียบหัวกิเลสแล้วฟาดขาดสะบั้นไปเลย กิเลสหมดภายในใจแล้วไม่มีทุกข์ พูดให้มันชัด จิตดวงนี้ไม่เคยมีทุกข์เลย มีแต่บรมสุขเป็นหลักธรรมชาติที่เลิศเลอสุดสมมุติทั้งหลายเท่านั้น นี่ละที่สุดแห่งการบำเพ็ญธรรม ลงจุดนี้แล้วท่านบอกว่านิพพานเที่ยง หรือธรรมธาตุ ทีนี้หมดตลอดอนันตกาล เที่ยง ไม่มีทุกข์มีแต่บรมสุข เที่ยงอยู่ในนั้นเลย นี่ละการบำเพ็ญธรรมเป็นของเล่นเมื่อไร
วิ่งตามกิเลสตัณหา วิ่งเท่าไรๆ มันไสขึ้นสูงๆ แล้วตกทีเดียวตูมเลย กิเลสหลอกคนได้เท่านี้แล้วจะได้เท่านั้น ได้เท่านั้นแล้วจะได้เท่านี้ เวลามันขาดสะบั้นลงไปนี้เป็นยังไง จม คนที่อยากมั่งอยากมีมากๆ นั่นจมได้เพราะกิเลสหลอก สำหรับธรรมไม่หลอก พอดีๆ กิเลสหลอกทั้งนั้นละ ใครวิ่งตามกิเลส เอา ลองวิ่งดูซิน่ะ เอาไปแข่งพระพุทธเจ้าดูซิ นี่กองทัพกิเลส นี้กองทัพธรรมคือศาสดาองค์เอก เอา ดิ้นไปตามกิเลส ดิ้นไปตูมเลย จม ถ้าดิ้นไปตามธรรมพุ่งเลย จำให้ดีนะ
พูดเรื่องธรรมนี่เรารื่นเริงภายในใจกับบรรดาพี่น้องทั้งหลายนะ อยากให้เห็นบ้างธรรมเป็นยังไง เราถือพุทธศาสนา ศาสนาแท้อยู่ที่ไหน ธรรมแท้อยู่ที่ไหน จะรวมลงไปที่ใจจ้าแล้วครอบโลกธาตุโน่น เป็นธรรมดาเมื่อไร อยู่ที่ไหนอยู่เถิดถ้าลงใจได้เป็นอย่างนั้นแล้ว สังขารร่างกายก็มีแต่วันจะพังเท่านั้น เยียวยารักษากันไปตามเรื่องตามราว พาอยู่พากินพาหลับพานอนพาขับพาถ่ายไปเท่านั้นเอง เรื่องสมมุติเป็นอยู่อย่างนี้ไม่หยุดไม่ถอยแหละ แล้วก็ตูมลงไปสภาพเดิมของเขาดินน้ำลมไฟ จิตที่มีกรรมดีกรรมชั่วก็ไปตามเรื่องของตัวเอง
เพราะฉะนั้นจึงสร้างกรรมดีให้จิตบ้างซิ อย่าสร้างแต่กรรมชั่ว วิ่งตามกิเลสนี้คือการสร้างกรรมชั่วความล่มจมให้แก่ตัวเองนะ อย่าวิ่งตามมันเกินไป อันนั้นก็ดีอันนี้ก็ดี อยากได้อันนั้นอยากได้อันนี้ มีแต่กิเลสหลอกคน ตัณหาความหิวโหยมันไม่มีอ่อนละ ได้มาเท่าไรยิ่งหิวมากๆ ตายทิ้งเปล่าๆ นะ เรื่องธรรมนี้ได้มาเท่าไรยิ่งอิ่มตัวๆ พอได้เต็มที่แล้วไม่ต้องหา นั่น ธรรมมีความพอ ท่านผู้ถึงความบริสุทธิ์แล้วท่านไม่หาอะไร
ร่างกายจะดีดจะดิ้นก็ตาม จิตใจที่สั่งเพื่อผลประโยชน์แก่โลกสงสารหนุนไป แต่ใจนั้นไม่หวั่น เป็นอย่างนั้นนะ นี้มันไม่มีอันนี้ มีแต่เราพูดคนเดียวว้อๆ คนทั้งโลกเขาจะว่าเราเป็นบ้า ทั้งๆ ที่เขาเป็นบ้ากันทั้งโลกเราพูดจริงๆ เราไม่เป็น เต็มเหนี่ยวแล้วไม่เป็น ไม่มีสงสัยอะไรในโลก ปล่อยหมดโดยสิ้นเชิงแล้ว แม้แต่ขันธ์นี้ก็ปล่อย เป็นแต่เพียงความรับผิดชอบกันเฉยๆ กิริยาท่าทางที่แสดงจากขันธ์ก็สักแต่ว่าๆ เท่านั้นเอง ไม่ได้เป็นพิษเป็นภัยต่อตัวเองและผู้อื่นผู้ใดทั้งนั้นถ้าไม่ตีความหมายให้ผิดไป เรื่องกิริยาที่ออกจากธรรมแล้วเป็นคุณล้วนๆ ทั้งนั้นแหละ ไม่ว่าจะออกจากกิริยาอาการอันใดก็ตาม เป็นคุณมาจากหัวใจ ที่จะให้เป็นภัยแก่คนนั้นคนนี้ไม่มี พูดชัดๆ อย่างนี้เอง
ขอให้พากันบำเพ็ญบ้างนะ ภาวนาให้ดูหัวใจบ้าง มันพาหมุนอยู่จนจะเป็นจะตาย เกิดมานี้จนถึงวันตาย หมุนจนกระทั่งวันตาย แล้วต่อไปอีกเกิดอีกหมุนอีก กิเลสต้องพาหมุนตลอด เรื่องธรรมะแล้วหักห้ามล้อไม่ให้มันหมุนเกินไป สุดท้ายหักกงกรรมมันเสียหมดแล้วไม่หมุน วิวัฏฏะ แปลว่า ไม่หมุนเกิดหมุนตายหมุนทุกข์หมุนลำบากเหมือนแต่ก่อน นั่นท่านว่า นตฺถิทานิ ปุนพฺภโว ต่อไปนี้เราไม่ต้องมาเกิดแบกหามทุกข์อย่างนี้อีกต่อไป นั่นท่านรู้ประจักษ์ตั้งแต่ท่านยังไม่ตายจะว่าไง พากันบำเพ็ญบ้างนะ
ศีลธรรมเป็นของสำคัญมาก ขอให้พากันพิจารณาบ้าง อย่าเป็นบ้ากับกิเลสมาตั้งกี่กัปกี่กัลป์ มันพาล่มพาจมมาเท่าไรคิดบ้างซิ ควรเข็ดหลาบก็เข็ดหลาบบ้างซิ นี้ไม่มีเข็ดมีหลาบ ดิ้นตามมันไปเรื่อย ตายเรื่อยจมเรื่อยนะ เอาธรรมเข้าไปจับมันก็รู้ ถ้าไม่มีธรรมจับไม่รู้ ตายไปด้วยกันทั้งท่านทั้งเราไม่ผิดกันเลย ถ้ามีธรรมจะแปลกต่างขึ้นภายในจิต ถ้าว่ารถก็มีทั้งคันเร่งมีทั้งเบรก นี้พวกเรามีแต่คันเร่ง ฟาดจนลงคลองลงไปแล้วยังเหยียบคันเร่งอยู่ในคลอง พวกนี้พวกตายไม่เข็ดหลาบ พากันเข้าใจเอานะ เอาละเป็นพัก หยุดเท่านี้ก่อน
มาเยี่ยมธรรมดาเหรอ เออดี เยี่ยมเข้าศีลเข้าธรรม ภายในวงราชการงานเมืองควรที่จะเป็นผู้นำหน้าทางอรรถทางธรรม โลกจะได้สงบร่มเย็น เจ้าของก็จะสงบร่มเย็น ไอ้ดิ้นตามกิเลสนี้มันไม่พอนะ ใหญ่เท่าไรยิ่งทุกข์มาก คนมั่งมีศรีสุขเศรษฐีกุฎุมพีอย่าเข้าใจว่าเป็นสุขนะ สู้ตาสีตาสาตามท้องนาไม่ได้ถ้าพูดถึงเรื่องความสุข พวกนี้ยุ่งที่สุด พิจารณาซิ เพราะเรื่องนี้เป็นกิเลสพาหมุนต่างหาก ถ้าธรรมพาหมุนอยู่ไหนสบายเลย ยิ่งมีธรรมมากๆ แล้วอยู่ร่มไม้ร่มเดียวอยู่สบายทั้งวันทั้งคืน สบาย นั่นละธรรมพาอยู่ที่ไหนสบายที่นั่น กิเลสพาอยู่ที่ไหนร้อนทั้งนั้นแหละ เอาละพอ
เวลานี้ทางวิทยุก็ออกดูเหมือนทั่วประเทศไทยแล้วนะ กระจายออกไป ธรรมะกระจาย นี่ละเราคิดไว้ผิดไหม ที่เราได้ร้องโก้กที่บ้านเมืองชาติไทยเรานี้จะล่มจม ถึงขนาดนี้เชียวเหรอ เอา จะช่วย พอว่าจะช่วยบ้านเมืองคนก็จะเล็งถึงด้านวัตถุมาก คือช่วยเงินช่วยทองขวนขวายหาเข้ามา แล้วประหยัดมัธยัสถ์ไม่ต้องให้รั่วไหลแตกซึมไปไหนมากยิ่งกว่าเข้าๆ นี่หมายถึงว่าการช่วยชาติบ้านเมือง ทางด้านวัตถุรู้กันทั่วโลก แต่การช่วยชาติบ้านเมืองทางด้านจิตใจไม่มีใครคิดนะ เราคิดเต็มหัวใจแล้ว คราวนี้ละคราวที่จะธรรมะจะออกสู่หัวใจของประชาชน เป็นไปกับการช่วยชาติคราวนี้
เวลานี้เห็นไหมล่ะ การช่วยชาติบ้านเมืองทางด้านวัตถุก็เบาลงๆ จนกระทั่งแทบจะไม่มีเหลือ ยุติ แต่ทางด้านธรรมะกระจายเวลานี้ วิทยุออกทั่วประเทศไทย นี่ละที่นี่เมื่อธรรมเข้าสู่จิตใจแล้วจะค่อยรู้เนื้อรู้ตัวคนเรา ถ้าไม่มีธรรมเข้าสู่จิตใจตายทิ้งเปล่าๆ ไม่เกิดประโยชน์อะไร ไม่รู้เนื้อรู้ตัวเลย ถ้ามีธรรมเข้าสู่จิตใจจะรู้ ยังไงก็ต้องรู้ ใจนี้เป็นนักรู้ รู้แท้ๆ รู้ดีรู้ชั่วนะ
ผู้กำกับ ท่านพิชิต คำแฝง ลูกศิษย์ท่านหลวงตาครับผม แจ้งมาว่าวันเสาร์ที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙ เวลาประมาณ ๐๘.๓๐ น.คณะผู้พิพากษาหัวหน้าศาลที่จะออกไปดำรงตำแหน่งหัวหน้าศาลทั่วประเทศไทย ในวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๔๙ นี้ นำโดยคุณพิชิต คำแฝง (ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา) จำนวนประมาณ ๑๐๐ คน จะมาขอกราบรับฟังธรรมะ เพื่อนำไปเป็นหลักในการปฏิบัติหน้าที่ในการดำรงตำแหน่งต่อไป หรือจะเป็นเวลาอื่นสุดแล้วแต่หลวงตาพิจารณาเห็นสมควรครับผม
หลวงตา คุณพิชิต คำแฝง นี้เป็นลูกศิษย์มาดั้งเดิมนะ ตั้งแต่อยู่ธรรมศาสตร์เด็กคนนี้มีนิสัยอยู่ เป็นคู่กันแต่คู่กันลูกแฝด พอดีประสบอุบัติเหตุตายเสีย ออกจากธรรมศาสตร์ก็มาหาที่เราไปวัดบวรฯ มาหาเรื่อย ฉลาดอยู่นะ เราได้ชมอยู่ตั้งแต่แรกมาหาเรา เออ เด็กคนนี้ฉลาดอยู่นะ ต่อไปนี้มันจะได้เป็นใหญ่เป็นโตอยู่นะเราก็ว่างั้น มันฉลาดอยู่นะ ไอ้เขาก็มาชมเราอีกละ อยากให้ท่านอาจารย์เป็นผู้พิพากษา ไหวพริบปัญญานี้แหมตอบโต้เร็วเหลือเกิน กลับมาชมเราอีก ท่านอาจารย์นี่ฉลาด เราก็ชมแกว่าฉลาดอยู่ พอดีต่างคนต่างชมกัน ได้แต่ลูกยอ ตัวเองจะเป็นแค่ไหนไม่รู้ละ ได้แต่ลูกยอ ลูกศิษย์ก็ยออาจารย์ อาจารย์ก็ยอลูกศิษย์ แกดีอยู่ คุณพิชิต คำแฝง ฉลาดนะ มาพบเรานานจนได้จับนิสัยทุกอย่างได้ ฉลาด ต่อไปนี้จะเป็นผู้ใหญ่ได้อยู่นะ สักเดี๋ยวก็เข้ามาทางทนายความพิพากษาขึ้นเลย เรื่อยมา แกฉลาดอยู่ ที่ว่าเป็นหัวหน้าคณะสมเหตุสมผล แกเป็นคนฉลาดอยู่นะ
รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th
และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร
FM 103.25 MHz |