กลัวย้อนหลัง
วันที่ 12 มกราคม 2549 เวลา 8:50 น. ความยาว 23.23 นาที
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๑๒ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๔๙

กลัวย้อนหลัง

ก่อนจังหัน

พระแก่เวลาบิณฑบาตให้ไปหน้าวัดกับท่าน... องค์แก่ไปลำบากในหมู่บ้าน ให้บิณฑบาตกับพระที่หน้าวัดนี้ ผู้ที่ยังหนุ่มน้อยแต่ไม่มีกิจธุระอะไรจำเป็นก็ให้เข้าไปในบ้านตามเดิม พระแก่ให้บิณฑบาตหน้าวัดนี้

ครูบาอาจารย์อยู่หรือไม่อยู่ไม่สำคัญนะ สำคัญที่หลักธรรมหลักวินัย นี่คือองค์ศาสดาอยู่กับทุกองค์ เคารพหลักธรรมหลักวินัยทุกอย่างแล้วก็เป็นศาสดาครอบหัวเราอยู่นั้น พระพุทธเจ้านิพพานนั่นพระสรีระต่างหาก ธรรมและวินัยนั้นแลจะเป็นศาสดาของเธอทั้งหลายเมื่อเราล่วงไปแล้ว นั่นท่านบอกไว้ชัดเจน ให้เคารพธรรมวินัย

ข้อวัตรปฏิบัติใครเคยทำยังไงให้ทำ สิ่งเหล่านั้นเป็นเรื่องเคารพธรรมที่อยู่ในตัวของเรา เคารพเราเคารพธรรมอยู่ในตัวของเรา อย่าไปเห็นว่าใกล้ว่าไกล ว่าในว่านอก ว่าที่ลับที่แจ้ง ไม่ถูกทั้งนั้น ดีชั่วอยู่กับตัวของเราทุกคน ให้พากันสำรวมระวังในตัวของเราเอง มองคนอื่นคนใดสู้มองตัวเองไม่ได้ มองคนอื่นมักจะยกโทษยกกรณ์กัน เป็นโทษเป็นกรรม นี่กิเลสให้มองนอก ถ้าธรรมให้มองข้างในมองดูตัวเอง พระพุทธเจ้าท่านสอนให้มองตัวเอง เฉพาะอย่างยิ่งมองดูหัวใจ

ศาสนาพุทธเราไม่เหมือนศาสนาใดๆ แหละ ให้มองดูหัวใจ มหาเหตุอยู่ที่หัวใจ ลงที่ใจทั้งหมด มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา มโนเสฏฺฐา มโนมยา ลงใจทั้งหมด ใจเป็นตัวคึกตัวคะนอง ใจเป็นตัวดีดตัวดิ้น เพราะกิเลสตัวดีดดิ้นมันอยู่ในใจ ธรรมออกมายาก เวลายังล้มลุกคลุกคลานอยู่ธรรมออกยาก แต่เวลาธรรมได้รับการบำรุงรักษาอยู่เสมอก็มีกำลังขึ้นมาๆ แล้วก็ชำระสะสางสิ่งสกปรกทั้งหลายที่เรียกว่ากิเลสออกจากใจๆ ได้

กิเลสอยู่กับใจ ธรรมอยู่กับใจ ไม่อยู่ที่ไหน อย่าไปหาดินฟ้าอากาศ อย่าไปหาที่ลับที่แจ้งที่ไหน อยู่ในหัวใจของเรานั้นแหละ ให้ดูตรงนี้ ถ้าดูตรงนี้แล้วจะทั่วถึง ถ้าดูที่อื่นไม่ได้เรื่อง ยิ่งอยู่ด้วยกันเป็นหมู่เป็นคณะแล้วมักจะมองแต่ข้างนอกนะ คนนั้นเป็นยังไง คนนี้เป็นยังไง ตัวเป็นยังไงไม่ดู เสียตรงนี้ ให้ดูตัวเอง ตัวมันคึกตัวมันคะนอง ธรรมท่านสอนอย่างนี้ เรื่องกิเลสสอนให้ดูแต่ข้างนอก ไปเที่ยวหาชมข้างนอก หาติข้างนอก เป็นเรื่องติตัวเองโดยลำดับลำดานั่นแหละ ทุกคนให้ตั้งใจดูตัวเอง

ไม่มีอะไรที่จะเลิศยิ่งกว่าศาสนธรรมของพระพุทธเจ้านี้แล้ว อันนี้เป็นศาสดาเอกโดยแท้ สอนธรรมเป็นธรรมชั้นเอกๆ ตลอดมาตั้งแต่พื้นๆ จนถึงนิพพาน เป็นธรรมชั้นเอกจากศาสดาองค์เอก เพราะผู้สอนธรรมเป็นผู้บริสุทธิ์เรียบร้อยแล้ว สอนออกมาอันใดจะไม่มีพิษมีภัยสำหรับท่านผู้มีจิตบริสุทธิ์แล้ว กิริยาท่าทางภายนอกอาจแสดงผิดความหมายหรือความสำคัญของคนอื่นคนใดก็ได้แต่ไม่ผิดธรรม บริสุทธิ์ตลอด นั่นคือท่านผู้บริสุทธิ์ จะมีกิริยาอะไรออกไปก็เป็นเรื่องกิริยาภายนอกสมมุติ ส่วนภายในนี้เป็นธรรมชาติที่บริสุทธิ์ ไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อผู้ใดในบรรดากิริยาของท่านผู้บริสุทธิ์ แต่ถ้ามีกิเลสอยู่ในนั้นมันคอยที่จะเป็นพิษเป็นภัย

การภาวนาได้สอนพระแล้ว ประชาชนก็มีหัวใจด้วยกัน เราเน้นหนักลงที่สติ ใครตั้งสติดีคนนั้นมีความเพียร ถ้าไม่มีสติเหลวไหลทั้งนั้น ขึ้นต้นต้องสติ จนกระทั่งสุดยอดก็เพิ่มมหาสติมหาปัญญาขึ้นไปเลย นี่ละฆ่ากิเลสมีสติเป็นพื้นฐาน

ให้เคารพตัวเอง การทำข้อวัตรปฏิบัติทำเพื่อตัวเองนะไม่ได้ทำเพื่อใคร ให้เคารพตัวเอง ทำดีไม่ดีขึ้นอยู่กับตัวเอง ผลดีอยู่กับตัวเองถ้าทำดี ทำไม่ดี ผลเลวอยู่กับตัวของเรา ไม่ได้อยู่กับที่ครูบาอาจารย์อยู่ หรือมีที่ลับที่แจ้ง อันนั้นเป็นเรื่องโลกๆ เรื่องกิเลส เรื่องธรรมแท้อยู่กับตัวด้วยกันทุกคน ไม่มีที่ลับที่แจ้ง เคารพธรรมต้องเคารพการประพฤติปฏิบัติ การระมัดระวังรักษาของตัวเอง นี่สำคัญมาก

ผมเองก็ไม่ค่อยได้อยู่ ไปนั้นไปนี้ ดิ้นไปตามโลกสมมุติไปอย่างนั้น ดีดไปนู้นดิ้นไปนี้ สำหรับเราเองเราพูดตรงๆ เราไม่มีอะไรแล้วในโลกนี้ หมด จะใช้กิริยาอาการอะไรออกมาก็เป็นแต่สักกิริยาของสมมุติเฉยๆ ธรรมชาติที่บริสุทธิ์นั้นไม่เป็นภัยต่อผู้ใดเลย มันรู้เองถ้าลงจิตบริสุทธิ์ หมด ไม่มีสมมุติในโลกนี้จะเข้าไปเกี่ยวข้องว่าผิดถูกชั่วดีประการใด ไม่มี เข้าไม่ถึงเลย นั่นท่านว่าท่านผู้บริสุทธิ์ ผู้ตั้งใจปฏิบัติตนให้เป็นผู้บริสุทธิ์ ต้องมีความพากความเพียร มีสติสตัง

การทำข้อวัตรปฏิบัติทำเพื่อเรานะ อยู่เป็นส่วนรวมก็ทำเพื่อตัวเองๆ ดูตัวเอง ทำไม่ดีก็ตัวเองทำไม่ดี ทำดีก็ตัวของเราเอง อยู่ที่เราๆ ทั้งนั้น ไม่ได้อยู่ที่อื่นที่ใด เรื่องกิเลสอยู่ข้างนอกข้างใน อยู่ที่ลับที่แจ้ง เรื่องธรรมไม่มี นตฺถิ โลเก รโห นาม ขึ้นชื่อว่าที่ลับแล้วย่อมไม่มีในโลก นี่ละธรรมแท้ท่านว่างั้น ไม่มีที่ลับที่แจ้ง อยู่กับตัวของเราเอง วันนี้พูดเพียงเท่านี้ละ ต่อไปนี้ให้พร ฉันจังหันแล้วน่าจะไม่ได้พูดอะไรมากนักละ ให้พากันตั้งอกตั้งใจ การประพฤติปฏิบัติธรรมวินัยของพระเณรให้สมบูรณ์แบบนะ

หลังจังหัน

ผู้กำกับ   ลูกศิษย์หลวงพ่อแนนนิมนต์ครับ (หลวงพ่อแนนที่เคยไปเทศน์เหรอ นิมนต์อะไร) กราบเรียนอย่างนี้นะครับ

วัดถ้ำขามถ้ำยาว บ้านดงเย็น อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น วันที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๔๙

เรื่อง   กราบอาราธนาแสดงธรรมและรับผ้าป่าสงเคราะห์โลก

กราบเรียนพระเดชพระคุณ พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)

เนื่องในงานทำบุญวางศิลาฤกษ์สร้างเจดีย์อนุสรณ์ถวายหลวงพ่อแนน สุภัทโท อดีตเจ้าอาวาสวัดถ้ำขามถ้ำยาว อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น ในวันที่ ๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ ณ.วัดถ้ำขามถ้ำยาว อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น จึงขอกราบอาราธนาพระเดชพระคุณ พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน) มาแสดงธรรมและรับผ้าป่าสงเคราะห์โลก รับทองคำตามเจตนารมณ์ของหลวงพ่อแนน ที่ได้พาคณะศิษย์ดำเนินมาโดยตลอด เพื่อโปรดศรัทธาญาติโยมชาวขอนแก่นตลอดจนใกล้เคียง ในวันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๔๙ เวลา ๑๔.๐๐ น. แล้วแต่จะเมตตาตามสมควร

จึงกราบเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา

กราบเรียนมาด้วยความเคารพอย่างสูง

ลงชื่อ พระโกศล จิตฺตปาโล

เจ้าอาวาสวัดถ้ำขามถ้ำยาว ครับ

หลวงตา  เรารับทราบไว้เท่านั้น ยังอีกนาน.....นี่เราจะเตรียมตัวไปแล้ว วันนี้ไม่ได้พูดอะไรมากนัก บรรดาศรัทธาทั้งหลายเคยปฏิบัติความดีงามให้ปฏิบัติตามเดิม ความดีอยู่กับตัวของเราไม่ได้อยู่กับครูบาอาจารย์ และไม่อยู่กับพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ที่ไหน พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์อยู่ที่นี่ทั้งหมด ใจเป็นผู้รับรอง ไม่มีสิ่งใดรับ พุทธ ธรรม สงฆ์ คือความดีทั้งหลายได้นอกจากใจ สำคัญอยู่ที่ใจนะ ใจคือตัวรู้ๆ นี่ละ พอพูดถึงตัวรู้ๆ นี้มันก็ทำให้คิดประหวัดนะ ว่าจะไม่พูดมันหากมีสาเหตุให้พูด

ใจนี้ที่เรียกว่านักท่องเที่ยว คือใจดวงนี้ละเป็นนักท่องเที่ยว มีอวิชชาเป็นตัวจูง นอกจากนั้นก็ยังมีความดี ความชั่ว ถ้าไปทางดีอวิชชาก็ดึงไปทางนั้นละ อวิชชาอยู่ใต้อำนาจของกรรมอีกนะ ถ้าทำดีมันก็ไปดี ทำชั่วไปชั่ว อวิชชาเป็นแต่พาให้เกิดๆ แต่เกิดดีเกิดชั่วนั้นอยู่กับความดีความชั่วของผู้ทำ แล้วก็ติดอยู่ที่ใจ เวลาพิจารณาย้อนหลัง เปิดเสียมันจวนจะตายแล้ว เวลามันจ้าออกมาแล้วมันพิจารณาดูร่องรอยของตัวเอง ร่องรอยคือจิตดวงนี้มันมายุติที่ตรงนี้แล้ว พูดให้มันชัดนะ อวิชชาขาดสะบั้นลงไปจากใจแล้ว จิตจึงเรียกว่าหลุดออกในสมมุติคือวัฏวน

ดีดออกไปแล้วลองพิจารณาร่องรอยของจิตดวงนี้ซิว่าเป็นมามายังไงๆ แหมพิลึกพิลั่นนะ ร่องรอยของจิตดวงนี้มันไม่ได้ตาย ไม่มีคำว่าตาย ตกนรกหมกไหม้กี่กัปกี่กัลป์ยอมรับว่าทุกข์ แต่ไม่ยอมฉิบหายคือจิตดวงนี้ อยู่ในโลกอันนี้มันเป็นโลกอนิจจัง ถึงจะตกนรกหมกไหม้กี่กัปกี่กัลป์ก็ยังมีการเปลี่ยนแปลง สิ้นสุดยุติเรื่องกรรมทั้งหลายลงไปได้ หากช้า แต่ก็ไม่พ้นอนิจจัง เวลามันผ่านขึ้นมาแล้วมันพิจารณาร่องรอยของตัวเอง ที่มันเกิดมันตายมายังไง มันเล็งปั๊บย้อนหลังท่านเรียกว่า ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ระลึกชาติย้อนหลัง ก็ดูตามร่องรอยของตัวเอง ไปที่ไหนมันก็เป็นร่องรอยไปจิตดวงนี้ ไปภพนั้นภพนี้เกิดที่นั่นที่นี่ ไปที่ไหนมันก็เห็น ร่องรอยของจิตมันไปสัมผัสสัมพันธ์กับอะไรๆ ภพชาติไหนต่อชาติไหนๆ เกิดเป็นสัตว์เป็นบุคคล เกิดเป็นเปรตเป็นผีเป็นอะไรเป็นสัตว์เดียรัจฉานเป็นได้ทั้งนั้นอันนี้จิตดวงนี้ เพราะอำนาจแห่งกรรมดีกรรมชั่วพาให้เป็น

เวลาดูร่องรอยมันนี้ โหย สลดสังเวชนะ โถ เป็นขนาดนั้นเชียวนา ไม่รู้ ทีนี้เวลารู้แล้ว มันไปตกนรกหมกไหม้ไปที่ไหน ทีนี้เรียกว่ากลัวตามหลัง มันบ้าเข้าใจไหม พิจารณามาแล้วเรื่องของความทุกข์ของเจ้าของเป็นมายังไงๆ มันกลัวตามหลังๆ ทั้งๆ ที่เรื่องนั้นผ่านมาแล้ว ตกนรกก็ตกมาแล้ว ได้รับความทุกข์ความทรมานขนาดไหนก็ตกมาแล้วผ่านมาแล้ว เวลามารู้ย้อนหลังเรียกว่า โอ๊ย เสียดายกลัวว่างั้นละพูดง่ายๆ มันไปกลัวย้อนหลัง ทั้งๆ ที่ผ่านมาแล้วมันก็กลัวเรื่องเจ้าของเป็นมา นี่ละวิถีของจิต เวลามันเปิดแล้วมันรู้ตามไปหมด

ที่ว่าพระพุทธเจ้าเกิดเท่านั้นชาติเท่านี้ชาติ ก็คือร่องรอยแห่งจิตดวงนี้มันไปเที่ยวภพนั้นภพนี้ ไปเกิดที่ไหนก็เรียกว่าภพนั้นชาตินี้ๆ ห้าร้อยชาติๆ พระพุทธเจ้าที่ว่าห้าร้อยชาติ ก็คือจิตดวงนี้ละร่องรอย ตามร่องรอยย้อนหลัง ท่านว่าปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ระลึกชาติย้อนหลัง คือตามร่องรอยของตัวเองมาเป็นยังไงๆ เวลาดูไปๆ มันมีดีมีชั่วผ่านมาเรื่อยๆ เป็นขวากเป็นหนามเป็นหลุมเป็นบ่อมาเรื่อย เป็นที่ราบรื่นดีงามมาอย่างนั้นละภพอันนี้

ใครให้ระวังนะจิตดวงนี้ จิตดวงนี้ละมันจะไปของมันตลอด วัฏวนมันจะไปของมันตลอด เพราะฉะนั้นจึงสร้างความดีให้ได้ไปทางที่ดีๆ ถ้าไม่อย่างนั้นจะพาเจ้าของให้จมไปเรื่อยๆ ความชั่วเจ้าของชอบทำนั้นละ เวลาเกิดผลขึ้นมาไม่ชอบเป็นทุกข์ จำอันนี้ให้ดี มันอยากทำอะไรก็อย่าทำ ถ้าหากว่าเป็นสิ่งไม่ดีแล้วอย่าทำ ทำก็คือทำลายเจ้าของเองนั่นละไม่ใช่ใคร เอาละทีนี้จะให้พร

 

รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร

FM 103.25 MHz


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก