เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๓ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๔๙
สมบัติมงคล
ก่อนจังหัน
พระมาเป็นจำนวนมากในวัดนี้ ให้พากันตั้งอกตั้งใจตั้งหน้าตั้งตาศึกษา ตา หู ใจ ได้เห็นได้ยินนำมาคิดอ่านไตร่ตรอง อย่าสักแต่ว่ามาอยู่นะ วัดป่าบ้านตาดเป็นตลาดขายพระนะ ออกจากวัดป่าบ้านตาด โห ของง่ายเหรอ เอาไปขายกินน่ะ ไม่เป็นหน้าเป็นหลังอะไร แล้ววัดนี้เป็นวัดขายกินเหรอ วัดสั่งสมอรรถธรรม ทั้งเป็นคติตัวอย่างแก่บรรดาพระเณรทั้งหลายที่ได้ตั้งหน้าตั้งตาศึกษาตำรับตำรากับครูบาอาจารย์มา ก็ได้แนะนำสั่งสอนเต็มสติกำลังความสามารถทุกด้านทุกทาง เพราะฉะนั้นผู้ที่มาศึกษาให้ดูแบบดูฉบับ ดูครูดูอาจารย์ นำไปคิดไปอ่านและไปปฏิบัติ เฉพาะอย่างยิ่งด้านภาวนา
ท่านทั้งหลายอยากตั้งรากตั้งฐานได้ สติเป็นสำคัญ พื้นฐานที่จะตั้งรากตั้งฐานจนกระทั่งถึงมรรคผลนิพพาน พ้นสติไปไม่ได้นะ นี่เฉพาะปัจจุบัน นี่ได้ผ่านมาหมดแล้ว เพราะฉะนั้นจึงนำมาสอนเพื่อนฝูงอย่างกล้าหาญชาญชัย เพราะได้ผลเป็นที่พอใจมาแล้วจากวิธีที่กล่าวนี้ สติเป็นสำคัญ สติในวงความเพียรโดยเฉพาะจ่อเข้าไปในจิต อย่าให้มันเผลอไผลไปไหน
จิตนี้ตัวคึกตัวคะนองที่สุด ไม่มีอะไรเกินจิต ลิงร้อยตัวสู้จิตดวงเดียวของคนๆ เดียวไม่ได้ เร็วที่สุดจิตนี่ หลุกหลิกๆ สิ่งที่จะทำให้มันหลุกหลิกคืออะไร คือตัวกิเลสตัวหลุกหลิกใหญ่ กองทัพใหญ่มันอยู่ที่นั่นมันดันออกมาๆ ให้อยากคิดอยากรู้อยากเห็นอยากทุกอย่าง ขึ้นชื่อว่ากิเลสความพอไม่มี มีแต่อยากตลอดเวลา ท่านว่าตัณหาคือความอยาก ความทะเยอทะยานไม่มีเมืองพอ คือกิเลส เอาแม่น้ำมหาสมุทรมาเทียบ นตฺถิ ตณฺหาสมา นที สู้ไม่ได้ แปลออกแล้ว สู้แม่น้ำตัณหาไม่ได้ แม่น้ำมหาสมุทรทะเลหลวงยังมีฝั่ง สำหรับตัณหาในหัวใจของสัตว์โลกแต่ละดวงๆ นี้ไม่มีฝั่งเลย ครอบจักรวาล ครอบแห่งวัฏจักร นี้เป็นอาณาเขตบริเวณที่กิเลสเรืองอำนาจทั้งนั้น
เพราะฉะนั้นเวลาตั้งความเพียรให้ตั้งลงที่จิต มหาภัยมหาคุณอยู่ที่จิต เวลานี้มหาคุณยังไม่ปรากฏ มีแต่มหาภัยอยู่ภายในจิตใจของทุกคนๆ ท่านทั้งหลายอยากเห็นมรรคผลนิพพาน อย่าหนีจากความเพียรนะ ความเพียรเดินตามแนวทางของศาสดาจะถึงไม่สงสัย ธรรมสั่งสอนนี้สอนเพื่อมรรคผลนิพพาน ตั้งแต่พื้นๆ จนกระทั่งมรรคผลนิพพานไม่มีอะไรบกบาง นอกจากผู้นำมาปฏิบัติเท่านั้นเองจะบกบางๆ บกพร่องๆ จนกลายเป็นความเหลวไหลไป
ผมเป็นห่วงเป็นใยหมู่เพื่อนมาก วัดนี้ก็ไม่เคยบกพร่องละพระ ไม่ขาด มาจากที่ต่างๆ มาศึกษาปรารภอรรถธรรม เอาให้จริงให้จังอย่าเหลาะๆ แหละๆ ศาสนาของพระพุทธเจ้าไม่ใช่ศาสนาเหลาะแหละ องค์ศาสดาไม่ใช่องค์ศาสดาเหลาะแหละ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ ของพวกเราเป็นแบบฉบับที่เลิศเลอทั้งนั้น ไม่มีสรณะใดที่เหลาะแหละๆ พอที่เราจะยึดเอามาเป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้ตัวเองด้วยอำนาจของกิเลสเผาธรรม นำเข้ามากิเลสเอาไปเผาเสียๆ ให้พากันตั้งใจปฏิบัตินะ
งานการผมไม่ค่อยให้มีในวัดนี้ ผมรักสงวนหมู่เพื่อนมาก รักสงวนเพื่ออรรถเพื่อธรรมเพื่อมรรคผลนิพพาน ซึ่งรอที่จะเปิดเผยอยู่ภายในจิตใจของเรา ด้วยอำนาจแห่งความเพียรชำระกิเลสตัวมืดบอดออกให้หมดโดยสิ้นเชิง จ้าขึ้นที่นั่นละจิต จำเอาตรงนั้นนะ ไม่มีอะไรที่จะครึจะล้าสมัยธรรมพระพุทธเจ้า ล้ำยุคล้ำสมัย ฟาดกิเลสขาดสะบั้นลงไปทุกประเภทของกิเลส ไม่มีกิเลสประเภทใดเหนือธรรมไปได้ ขอให้นำธรรมมาปฏิบัติ
สติธรรมเป็นสำคัญมาก ปัญญาธรรมแทรกกันไปๆ วิริยธรรม ความอุตส่าห์พยายาม ขันติธรรม ความอดความทน ไม่มีใครที่จะอดทนยิ่งกว่าเพศสมณะ คือเพศของพระ เพศของพระนี้เป็นเพศที่ใคร่ครวญ เป็นเพศที่พินิจพิจารณา เป็นเพศที่สุขุมมาก คือเพศของพระ สุขุมมาจากภายในใจ เพราะสติปัญญาอยู่ภายในใจ นั้นละคลังแห่งธรรมทั้งหลายจะอยู่ในนั้น แสดงออกมาก็เป็นธรรมทั้งนั้นๆ
ผมสงวนมากพระเณรในวัดนี้ไม่ให้ทำงานทำการอะไร ดูซิเขตแดนมาแค่บริเวณนี้ไม่ให้เข้าไป เป็นเขตสำหรับบำเพ็ญของพระเณรเราทั้งนั้น ผมรักผมสงวนพระเณรเรา เราเคยปฏิบัติมาตามกำลังของเราเช่นไร เราก็ปฏิบัติอย่างนั้นต่อหมู่ต่อเพื่อน เฉพาะอย่างยิ่งสถานที่ทำความเพียรไม่ให้ใครไปยุ่งกวน ให้ตั้งหน้าตั้งตาประพฤติปฏิบัติ ท่านทั้งหลายจะได้เห็นธรรมที่เลิศเลอของพระพุทธเจ้า จากหัวใจที่มีความพากเพียรเป็นเครื่องสนับสนุน หรือว่าชะล้างสิ่งเลวร้ายทั้งหลายออกเป็นลำดับลำดาไป ความสง่างาม ความสว่างจ้าจะขึ้นที่ใจ โลกนี้ไม่มีอะไรเหนือใจที่ทรงอรรถทรงธรรมเต็มภูมิไปได้ ครอบโลกธาตุเลย ธรรมครอบโลกธาตุ อยู่ที่หัวใจของผู้ปฏิบัติ
เวลานี้มีแต่กิเลสเหยียบอรรถเหยียบธรรม เหยียบหัวใจคน ธรรมไม่ปรากฏนะเวลานี้ ไปที่ไหนมีแต่กิเลสออกหน้าๆ ไม่ว่าทางวัดทางวาทางพระทางเณร ทางฆราวาสญาติโยม โลกทั้งหลายมีแต่กิเลสเหยียบหัวทั้งนั้นแหละ พูดให้ชัดเจน นี่ภาษาของธรรม ไม่ได้หยาบได้โลนอะไร พูดให้ถึงใจ กิเลสมันหนักแน่นมากทีเดียว เราจะทำอ่อนแอไม่ได้ ต้องเอากันให้หนัก เรียกว่าฟัดกันให้เต็มเหนี่ยวเลย
ตั้งใจปฏิบัตินะ วันหนึ่งๆ ไม่มีงานอะไร ตั้งแต่นี้ถึงวันพรุ่งนี้ ก็มีแต่จิตกับสติปัญญาฟัดกันอยู่ตรงนั้น แล้วกิเลสมันจะหนาแน่นมาจากภูเขาลูกไหน มันจะเหนือธรรมพระพุทธเจ้าไปได้ พังไม่สงสัย ธรรมพระพุทธเจ้านี้เด็ดขาด ไม่มีธรรมของใครจะเด็ดขาดยิ่งกว่าธรรมของศาสดาองค์เอก พระองค์ได้เป็นศาสดาองค์เอกมาเพราะธรรมนั่นเอง ดังที่สอนแล้ว ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา นี่พละ ๕ หรือ อินทรีย์ ๕ ความเป็นใหญ่ในการปราบกิเลสด้วยธรรมเหล่านี้ ใหญ่สุดยอด เอาไปปราบนะ ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติให้จริงให้จัง อย่าเหลาะๆ แหละๆ
มองเห็นพระเห็นเณรอย่าให้ขวางตาเลยนะ ถ้าจิตมันขวางตัวของมันแล้วแสดงมากิริยาภายนอกมันจะขวางตลอด ถ้าจิตผู้มีธรรมในใจ สติปัญญาภายในใจแล้วจะรู้ชัดเจนๆ มันออกมาแง่ไหนรู้ทันที ไม่มีอะไรละเอียดยิ่งกว่าธรรม ธรรมมองดูโลกดูกิเลสนี้มองดูได้อย่างง่ายดาย ขอให้เปิดใจนี้ออกเถอะ เวลานี้มันมองเห็นอะไรไม่ได้ มีแต่หลับตามอง หลับตามองคืออะไร คือไม่มีสติปัญญา ให้กิเลสครอบตลอดเวลา เรียกว่าหลับตามอง จึงหาความเฉลียวฉลาดไม่ได้ เอาละที่นี่ จะให้พร
หลังจังหัน
สรุปทองคำที่หลอมแล้วและยังไม่ได้หลอมถึงวันที่ ๒ มกรา ได้ทองคำ ๒๑๕ กิโล ๕๔ บาท ๗๔ สตางค์ นี่ทองคำประเภทน้ำไหลซึม ถ้ารวมกับทองคำ ๓๗ กิโลครึ่งที่มอบแล้วนั้นเข้าด้วยก็เป็นทองคำ ๑๑ ตัน กับ ๒๕๓ กิโล ๒๑ บาท ๘๕ สตางค์ ทองคำที่เราได้ช่วยชาติ บรรดาพี่น้องทั้งหลายรวมกันร่วมกันช่วยชาตินี้ ทองคำเราได้ทั้งหมดเป็น ๑๑ ตันกับ ๒๕๓ กิโล ๒๑ บาท ๘๕ สตางค์ สำหรับทองคำประเภทน้ำไหลซึม ค่อยซึมเข้าๆ เพื่อหนุนคลังหลวงของเราซึ่งเวลานี้ยังบกพร่องอยู่มาก
วันจะมาละ วันที่ ๓๑ ออกเดินทาง วันที่ ๓๐ หม่อมอุ๋ยก็มาหาเราตอนเลิกงานหมดเรียบร้อยแล้ว เลิกประชุม การเทศนาว่าการผ่านไปเรียบร้อยแล้ว ๓ ทุ่ม หม่อมอุ๋ย ผู้ว่าการธนาคารชาติ ซึ่งรวมหมดบรรดาสมบัติทั้งหลาย เป็นผู้รับทราบตลอดทั่วถึงคือหม่อมอุ๋ย เรื่องเงินในคลังหลวง ทองคำอะไรๆ วันนั้นมาหาเรา มาเงียบๆ นะ ก่อนที่จะมาก็โทรมาบอกแล้วว่าจะมาหาเรื่องกิจเฉพาะ ถามว่าประมาณ ๓ ทุ่มท่านจะว่างไหม มาได้ เราบอกเลย ว่างไม่ว่างเราไม่บอก บอกว่ามาได้ ๓ ทุ่ม
คือ ๒ ทุ่มก็เลิกกัน เทศนาว่าการทุกค่ำๆ ที่อยู่สวนแสงธรรม แล้วทางโน้นโทรมาถามถึงเรื่องเวล่ำเวลา เราบอกให้มาได้เลย ก็มาตามเวลา มาเล่าเรื่องทุกสิ่งทุกอย่าง การเงินการทองทุกอย่าง เล่าให้ฟัง เราก็พอใจ แล้วการรักษาก็เข้มงวดกวดขันดี บางทีรู้สึกว่าจะร้อนใจ พอได้ยินเราขู่ทางรัฐบาล ขู่ทางไหนเกี่ยวกับการเงินการทองเอาไปถลุงที่ไหนอีก พอดีหม่อมอุ๋ยได้ยินกลัวเราจะไปขนาบพวกนั้น เลยรีบโทรมาบอกเรา ว่าเขาไม่ไปแตะแหละ หลวงตาขู่ไปก็เหมาะดีอยู่แล้ว ขู่ไว้ เขาไม่เข้าไปแตะละว่างั้น เขาเอาอยู่ข้างนอก สำหรับในคลังหลวงทุกสิ่งทุกอย่างที่ธนาคารชาติรับผิดชอบทั้งหมดไม่มีใครไปแตะต้อง เข้าไปหา พูดกันทุกอย่างๆ เรียบร้อย ขอให้ท่านอาจารย์สะดวกสบายใจก็แล้วกัน หากว่ามีอะไรๆ แล้วจะรีบมาโดยด่วน หรือโทรมาโดยด่วน โทรเฉพาะโดยด่วน บอกไม่มีอะไร
ว่าเป็นที่ภูมิใจ บอกตรงๆ เลยว่าการช่วยชาติคราวนี้แหม เป็นประวัติแห่งชาติไทยของเราอย่างยิ่งทุกอย่างๆ พูดจะเป็นการยอเราหรือยอพี่น้องทั้งหลายเราก็ไม่ทราบได้แหละ หากทราบอยู่ลึกๆ ที่จะออกข้างนอกไม่ค่อยทราบได้แหละ บอกว่าสมบัติทั้งหลายที่เข้าสู่คลังหลวงคราวนี้รู้สึกว่าเป็นมงคลอย่างมากทีเดียว เป็นฤทธิ์เป็นเดช ทองคำเข้าสู่คลังหลวง ดอลลาร์เข้าสู่คลังหลวง เหล่านี้หนุนเข้าไปรู้สึกทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างชุ่มเย็นไปหมดเลย ว่างั้นนะ ในคลังหลวงของเรารู้สึกว่าชุ่มเย็น เงินก็ไหลมาๆ เข้าสู่คลังหลวง ก็ไม่เคยเห็นแต่ก่อน อันนี้ไม่ทราบมาแง่ไหนๆ หากไหลเข้ามาเรื่อยๆ ตั้งแต่สมบัติที่หลวงตาพาพี่น้องทั้งหลายเอาเข้าสู่คลังหลวงแล้ว บริษัทบริวารนี้ไหลมาๆ พูดยากว่างั้นนะ หากเป็นที่อัศจรรย์ มันไหลเข้ามาเรื่อยๆ แล้วเข้ามาอยู่นั้นอบอุ่น สุดท้ายรวมลงแล้วเรียกว่าสมบัติของหลวงตา ที่พาพี่น้องทั้งหลายนำเข้าไปสู่คลังหลวง รู้สึกว่าให้ความอบอุ่นแก่คลังหลวงมากมายที่สุดเลย ชุ่มเย็นไปหมด แล้วใครไม่มาแตะต้องได้พอว่าหลวงตาบัวเท่านั้น อันนี้เขาก็พูดเหมือนกัน ใครไม่อาจมาแตะได้ละ บอกว่าหลวงตาบัวเท่านั้นหยุดหมดเลย ก็ขบขันดีนะ
อ้าว เราเอาจริงๆ นะ คือเราปฏิบัติโดยความเป็นธรรมทุกอย่าง เราจึงบอกว่ากิริยาของเราที่แสดงออกต่อพี่น้องทั้งหลายหรือทั่วโลก เราไม่มีพิษมีภัยออกจากหัวใจของเรา ที่จะเป็นพิษเป็นภัยต่อพี่น้องทั้งหลายโดยการสั่งเสียอย่างนั้น หรือขู่เข็ญดุด่าว่ากล่าวประเภทใด เป็นธรรมล้วนๆ เลย เราไม่มีในหัวใจเราที่ว่าเป็นกิเลส เป็นเสี้ยนเป็นหนามที่จะสอดแทรกไปตามคำสั่งคำเสียคำดุด่าว่ากล่าวนี้เราไม่มี มีแต่เรื่องธรรมล้วนๆ เราพูดได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยด้วยความบริสุทธิ์ใจเรา
การช่วยชาติเราก็ทุ่มลงหมดความสามารถของเราเลย คิดดูพี่น้องทั้งหลายเคยมีที่ไหน ว่าสมบัติเงินทองที่พี่น้องทั้งหลายนำมา นับแต่ทองคำ ๑๑ ตัน ๓๗ กิโลครึ่งที่มอบเข้าคลังหลวงแล้ว และดอลลาร์ ๑๐ ล้าน ๘ แสนเท่าไรลืมแล้ว ส่วนเงินสดไม่ได้มอบนะ ก็มีแต่เอาไปซื้อทองคำเข้าคลังหลวง สองพันกว่าล้านเท่านั้นแหละ นอกนั้นไม่ได้เข้านะเงินสดเรา ออกช่วยพี่น้องทั้งหลายทั่วประเทศไทย รวมทั้งหมดแล้วบาทเดียวเราไม่เคยมีเจตนาแฝงนิดหนึ่ง เรียกว่าบาทหนึ่งไม่มีเลย ขนาดนั้นละเราบริสุทธิ์ การที่จะสั่งเสียอะไรต่ออะไรนี้เราจะพิจารณาของเราให้เรียบร้อยก่อน พิจารณาเรียบร้อยแล้วออก ช่องแคบช่องกว้างช่องไหนๆ เราจะสั่งไปตามนี้ๆ
อะไรที่มันแย็บขึ้นมาที่จะเป็นความผิดนี้มันจะปัดของมันทันทีอันนี้น่ะ หลักธรรมชาตินี้ นี่เรียกว่าเป็นหลักธรรมชาติ บริสุทธิ์โดยหลักธรรมชาติ อะไรผ่านเข้ามามันจะปัดของมันเองโดยอัตโนมัติ เพราะฉะนั้นเรื่องมัวหมองอะไรที่จะมีต่อพี่น้องทั้งหลายเพราะเราเป็นผู้นำนี้ เรียกว่าไม่มีเลย เพราะเอาอันนี้เป็นเกณฑ์ ความบริสุทธิ์เป็นอย่างนั้นนะ บริสุทธิ์สุดส่วนจริงๆ เพียงแย็บเข้ามาในใจนี่มันจะปัดของมันออกทันที ไม่ให้เข้ามาใกล้ชิดได้เลย ด้วยเหตุนี้เองการจับจ่ายทุกอย่างๆ เพื่อพี่น้องทั้งหลายทั่วประเทศไทยเราเราจึงพอใจ บริสุทธิ์ทุกอย่าง จะจ่ายมากจ่ายน้อยเป็นไปด้วยเหตุด้วยผลๆ เท่าไรจ่ายไปเป็นด้วยเหตุด้วยผล เรียกว่าชอบธรรมๆ เราทำอย่างนั้นตลอดมา
ที่จะมีงุบงิบ บอกว่ามีไม่ได้ในหัวใจดวงนี้ มันเปิดเผยตลอดเวลา นี่ละเงินพี่น้องทั้งหลายทราบในการเป็นผู้นำพี่น้องทั้งหลายคราวนี้ เราได้นำสุดหัวใจของเราทุกด้านทุกทาง ทางด้านวัตถุก็ดังที่เป็นมานี้มาโดยลำดับ ทางด้านจิตใจเวลานี้ธรรมเทศนาก็เป็นไปตามที่เราคิดไว้เรียบร้อยผิดที่ไหนล่ะ บอก เอ้า จะเป็นผู้นำคราวนี้ หลังจากร้องโก้กขึ้นแล้ว คิดดูซิร้องโก้ก เป็นภาพพจน์ขึ้นมาเหมือนว่าพี่น้องชาวไทยเราทั้งประเทศไทย ตลอดหมูหมาเป็ดไก่อะไรหัวจ่อลงไปทะเลแห่งความล่มจมด้วยกันหมด แล้วจะทำยังไง พิจารณาหาเหตุหาผล มันเป็นยังไงเมืองไทยเรา ตั้งแต่ปู่ย่าตายายพาถ่อพาพายมาจนกระทั่งป่านนี้ ก็มาด้วยความสงบร่มเย็นจนลืมตัวก็ได้ เพราะมาด้วยความสงบร่มเย็นสมบูรณ์พูนผลตลอดมา แล้วมาคราวนี้ทำไมจะล่มจมกันทั้งประเทศ ไม่ยกเว้นหมูหมาเป็ดไก่ เจ้าของไปมันก็ไปกับเจ้าของใช่ไหม เจ้าของจมมันก็จมด้วยซิหมูหมาเป็ดไก่ เฉพาะอย่างยิ่งหมาวิ่งตามเลย
ก็ไม่เคยมีมาตั้งแต่ตั้งเมืองไทยมานี้ มันเป็นยังไงเป็นอย่างนี้ แล้วก็พิจารณาค้นคว้าหาเหตุผล ที่เป็นอย่างนี้เพราะเหตุไร จะว่าบ้านใดเมืองใดประเทศใด ประเทศใหญ่โตรโหฐานขนาดไหนก็ตาม ที่จะเข้ามาบีบบี้สีไฟทำเมืองไทยเราให้ล่มจมไม่มี แล้วมันมีที่ไหน ไล่ไปไล่มาก็มีแต่พวกเราเต็มอยู่นี้ เป็นผู้ฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมลืมเนื้อลืมตัวทุกสิ่ง การจับจ่ายใช้สอยไม่มีประมาณ เป็นน้ำล้นฝั่งๆ มันก็กดคนทั้งชาติลงไป เพราะคนทั้งชาติเป็นผู้กดเอง ไม่มีใครเป็นคนทำให้เสียหาย ก็มีเมืองไทยเราเท่านั้น
เพราะฉะนั้นจึงว่าไม่มีใครเป็นความผิด ชาติไทยของเราเป็นผู้ผิดเอง เอ้า ให้ฟื้นตัวใหม่ นี่ก็บอก การอยู่การกินการใช้การสอยให้รู้จักประมาณทุกอย่างๆ สิ่งเหล่านี้เป็นเพชฌฆาตสังหารชาติไทยเราทั้งชาติให้จม ให้ฟื้นอันนี้กลับคืน แล้วชาติไทยเราจะฟื้นขึ้นมาๆ การแนะนำสั่งสอนก็ไปด้วยกันๆ แล้วนำทางด้านวัตถุก็นำดังที่ได้เห็นมาแล้วนั้นละ ทองคำตั้ง ๑๑ ตันของเล่นเมื่อไร ไปหาได้ที่ไหนหาได้ง่ายๆ หรือ ทองคำน้ำหนักถึง ๑๑ ตัน ๓๗ กิโลครึ่ง แล้วยังทองคำ ๒๕๓ กิโลอีก เศษจาก ๑๑ ตันไปนะ เป็น ๒๕๓ กิโล ๒๑ บาท ๘๕ สตางค์ เราไปหาได้ที่ไหน เข้าสู่คลังหลวงเรียบร้อยแล้ว ๑๑ ตัน ๓๗ กิโลครึ่ง สมบูรณ์พูนผลขึ้นเป็นลำดับ
อันนี้หม่อมอุ๋ยพูดให้ฟัง ทองคำท่านอาจารย์เข้าไปนั้นเหมือนว่าสง่างามครอบไปหมดเลย เย็นไปหมดเลย ดอลลาร์ที่เข้าก็เหมือนกัน เหมือนกับว่าเป็นอะไรพูดยาก เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรเป็นอะไรครอบหมดเลย โหย เงินธรรมเงินศาสนาไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยนะ เย็นไปหมด ว่างั้นนะ เงินเราขนเข้าไปเท่าไรๆ ก็ไม่เห็นมีความหมาย พออันนี้เข้าไปมันครอบไว้หมดเลย แล้วชุ่มเย็นไปตามๆ กันหมด นอกจากนั้นยังไหลเข้ามาๆ ตามเข้ามา อัศจรรย์เหมือนกันนะ การที่หลวงตาได้นำชาติคราวนี้รู้สึกว่าเด่นมาก เฉพาะคลังหลวงนี้เด่นที่สุด ชุ่มเย็นไปหมดเลย นี่หม่อมอุ๋ยมาพูดเอง
จึงว่าตายใจเลยกับเรา ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าทองคำ ดอลลาร์ เงินสดมา ไม่ไปไหนเลย ไปไม่ได้หัวใจดวงนี้ไม่พาให้ไป สมมุติว่าความผิดมันแย็บเข้ามาปั๊บนี้ปัดทันทีเลยไม่ให้เข้า จะมีแต่ความถูกต้องดีงามเป็นธรรมล้วนๆ เวลาสั่งออกจะสั่งออกตามนี้เลย ความผิดออกไม่ได้ นี่ละเราเชื่อเราที่ได้นำพี่น้องทั้งหลาย เชื่อขนาดนั้นนะ จึงว่าเป็นประวัติการณ์อันหนึ่งเหมือนกันในชาติไทยของเราที่ได้ช่วยชาติคราวนี้ ช่วยชาติในทางด้านวัตถุมาแล้ว เวลานี้ธรรมกำลังออก ตั้งแต่เริ่มเทศนาว่าการไปกับการประกาศธรรมสอนโลก หรือว่าการนำพี่น้องทั้งหลายด้วยทางด้านวัตถุและนามธรรมนี้ไปด้วยกัน
ธรรมเวลานี้กว้างขวางมากนะ วัตถุเราก็ค่อยยุติลงตามส่วนของมันนั่นแหละ แต่ธรรมนี้กระจายออก ไม่ได้ยุตินะธรรม กระจายออกไปหมด ที่ไหนๆ มีแต่ตั้งวิทยุๆ ทั่วประเทศไทย เดี๋ยวนี้ทั่วแล้ว ภาคไหนๆ มีเหมือนกันหมด นอกจากนั้นยังออกไปทางเมืองนอกอินเตอร์เน็ตเตอแหน็ด เกิดมาแต่โคตรพ่อโคตรแม่หลวงตาบัวก็ไม่เคยเห็นอินเตอร์เน็ตเตอแหน็ด เขาโกหกอย่างไรเราก็มาโม้กับเขา เขาพาโม้เราก็โม้ซิ
อินเตอร์เน็ตทางเมืองนอกเขาว่าไม่ได้ฟังเขาอยู่ไม่ได้ บางคนติดจริงๆ เขาบอก มันกล่อมอยู่ในหัวใจ มันติดอยู่ในใจ ชุ่มเย็น ถ้าได้ฟังเทศน์ปั๊บนี่มันซึ้งเลย อย่างนั้นละธรรม นี่ละธรรมออกมากกว่าวัตถุนะ เวลานี้ออกทั่วโลก เราอยากจะพูดว่าธรรมะเหล่านี้รู้สึกจะมีแต่เราเป็นผู้นำหน้าๆ ครูบาอาจารย์อะไรท่านช่วยสนับสนุนเล็กๆ น้อยๆ แต่ที่ออกหน้าออกตาจริงๆ ก็คือเรา ออกไปทั่วแหละเวลานี้ เราก็พอใจที่ได้สอนพี่น้องทั้งหลาย โดยเราไม่หวังอะไรเป็นเครื่องตอบแทน เราหวังแต่หัวใจของพี่น้องชาวพุทธเราเท่านั้นเป็นเครื่องตอบแทนธรรม บูชาธรรม เราต้องการเท่านั้น นอกนั้นเราไม่ต้องการอะไร
วัตถุเงินทองที่ได้มาเหล่านี้เราไม่ยุ่งนะทั้งๆ ที่เราดิ้นอยู่นี้ ได้มาแล้วจัดการด้วยเหตุด้วยผลทุกอย่างๆ เฉลี่ยทั่วถึงกันหมด เป็นอย่างนั้นนะ คราวที่ไปกรุงเทพคราวนี้ก็เห็นได้ชัด ไปที่สวนแสงธรรม ก็มีคนตาบอดมาสองครอบครัว ที่พี่น้องทั้งหลายในสวนแสงธรรมเห็นได้ชัดเลย แต่ทางนี้จะได้ยินทั่วถึงกันทั่วประเทศ คือเขามาขอความช่วยเหลือ ขอความเมตตาช่วยเหลือ แล้วตัวพยานตาบอดมาพร้อมๆ มีครอบครัวเมียติดตามมาๆ มาเล่าให้ฟังถึงเรื่องความตาบอด ไม่มีที่พึ่งก็วิ่งเข้ามาหาหลวงตา เวลาจะผ่าตัดทางหมอเขาจะเอาสามหมื่นห้า แต่ไม่มีเงินไม่มีอะไรเลย จึงได้วิ่งเข้ามาขอความเมตตานี้แหละ
เราก็ถามดู เวลาผ่าแล้วมันจะเห็นไหม เขาบอกว่าเห็น เออ ยอมรับ รายที่สองก็แบบเดียวกัน ตกลงก็เลยให้ รายนี้เขาก็เอา ๓๕,๐๐๐ รายนั้นก็ ๓๕,๐๐๐ เหมือนกัน นี่เราก็ให้เป็น ๔๕,๐๐๐ ทั้งสองรายคือ หมื่นหนึ่งเพื่อเขาจับจ่ายใช้สอยเวลาจำเป็น ส่วนอีก ๓๕,๐๐๐ นั้นก็เพื่อให้ค่าหมอเขา อย่างนี้ละ อันนี้คนก็ได้ยินทั่วประเทศ คือตกลงกันอยู่ในวงอันนั้น แต่เห็นๆ เฉพาะในวงสวนแสงธรรม ได้ยินจะได้ยินทั่วไปหมด เพราะเราพูดนี้สนทนากันถึงเรื่องการเงินการทองเกี่ยวกับเรื่องการผ่าตัดอะไรนี้ ก็อย่างนั้นละไป
นี่ละเงินเพื่อพี่น้องทั้งหลายอย่างนี้เอง ไปไหนจำเป็นที่ไหนให้เลยๆ เราไม่ได้ว่าเพื่อหมู่นั้นพรรคนี้พวกนั้น ไม่มีสำหรับเรา สพฺเพ สตฺตา อันว่าสัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันหมดทั้งสิ้นครอบหมดเลย ใครจำเป็นเอาเข้ามา พอช่วยเหลือได้ช่วยเหลือทันทีๆ เลย เราเป็นอย่างนั้น นี่เรียกว่าเมตตาธรรมมันครอบโลกธาตุนี่ของง่ายเมื่อไร เราได้อุตส่าห์พยายาม ไปกรุงเทพฯคราวนี้ก็ไม่ได้หยุดได้อยู่ละ หากมีธุระนั้นธุระนี้ แต่การเทศน์นี่ตั้งแต่วันไปถึงเลย วันที่ ๗ ตอนเย็นก็เทศน์และตอนกลางคืน แล้วทุกคืนๆ จนกระทั่งถึงวันที่ ๓๐ เทศน์ทุกคืนๆ ออกทางวิทยุกระจายเสียง
นอกจากนั้นเขานิมนต์ไปเทศน์ที่ไหนๆ แทนที่จะไม่ออกทางวิทยุ ออกเหมือนกันหมดนะ เขาติดตาม เครื่องอันนี้ละมันติดตาม พอเทศน์ทางนู้นมันก็ขึ้นมาบ้านตาดนี้แหละ หลังจากอยู่ที่นี่ มานี้ปั๊บมันขึ้นทันทีในขณะนั้นละเทศน์ ไปคราวนี้ที่ไปเทศน์ต่างจังหวัดก็มีเมืองชลฯ แล้วเพชรบุรี สองแห่ง เทศน์ที่ไหนมันก็ออกเหมือนกัน ออกเหมือนกันหมดเลย วันนี้ก็พูดให้ฟังเท่านี้ละ นี้ก็เป็นการเทศน์อันหนึ่งให้ท่านทั้งหลายฟัง ที่จะเทศนาว่าการอะไรต่อไปอีกมันหมดกำลังนะ เราก็มีธุระของเราจำเป็นอีกทางหนึ่งๆ เหมือนกัน
ให้พากันตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติ ปีใหม่ปีเก่าอยู่กับเราคนเดียวเป็นผู้รับรอง ความดีความชั่วเราเป็นผู้ทำ ไม่มีใครทำ เราเป็นผู้ทำเอง แล้วผลแห่งความดีความชั่วมันจะมาติดตัวของเรา ถ้าเป็นความดีก็ส่งเสริมขึ้นหนุนขึ้น ถ้าเป็นความชั่วก็จะกดเราลง ปีใหม่ปีเก่ามีแต่มืดกับแจ้งไม่สำคัญ สำคัญที่ตัวของเราจะรับเคราะห์จากการทำชั่วของตัวเอง พ้นไปไม่ได้ แล้วจะได้รับสมบัติอันดีงามเข้าสู่ตัวเพราะการทำความดีของเรา ให้ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติตัวให้เป็นคนดี คำว่าดีไม่เฟ้อนะ แต่คำว่าชั่วนี้เฟ้อ ยกตัวอย่างเช่นนักเลงโตมันเข้าไปในบ้าน คนทั้งบ้านนอนไม่หลับนะนั่น ต่างคนต่างรักษาสมบัติสิ่งของเงินทอง ชีวิตจิตใจของตนทั่วบ้านนั่นเลย นี่ละคนชั่วเข้าไปเฟ้อหรือไม่เฟ้อ เป็นภัยมหาภัยไม่ใช่เหรอ คนดีมีเท่าไรอยู่ด้วยกันเป็นผาสุกๆ ต่างกันนะ เท่านั้นละจะให้พร
เอ้อ เราไปกรุงเทพฯคราวนี้ได้ทองคำเท่าไร ผู้กำกับว่าไง (ได้ ๒๕ กิโล) นู่นน่ะไม่ใช่เล่นนะได้ทองคำ เราไปรวมทั้งหมด ๒๕ วันละมั้ง ก็ได้ถึง ๒๕ กิโลเฉลี่ยแล้ว ไปกรุงเทพฯคราวนี้ได้ ๒๕ กิโล ๒ บาท ๒๔ สตางค์ ได้วันละกิโลเลยเห็นไหมล่ะ มาบ้านตาดนี้มันได้สักกี่บาทล่ะ สู้กรุงเทพฯไม่ได้มันยังไงกัน.เรื่องทุกอย่างมันมาอยู่นี้หมดนะ อย่างเจดีย์นี้ก็เราแบก ไปกรุงเทพฯคราวนี้ได้ไปมอบให้เจดีย์ตั้ง ๗ ล้านกว่า ไปมอบเงินสดให้ทางวัดอโศการามตั้ง ๗ ล้านกว่า ไปทีแรกดูเหมือนได้ ๕ ล้านกว่า ครั้งที่สองจวนจะกลับมานี้เอาไปมอบอีก จาก ๕ ล้านกว่ากับ ๑ ล้านกว่า มันก็เลยกลายเป็น ๗ ล้านกว่า นี่ละช่วยเจดีย์ ไปสองหนวัดอโศการาม ไปมอบทีแรก ๕ ล้านกว่า จวนจะมานี้ไปมอบอีกล้านกว่า อย่างนั้นละ ช่วยทุกแห่งทุกหน
รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th
และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร
FM 103.25 MHz |