ทุกอย่างให้มีความพอเพียง
วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2544 เวลา 8:00 น. ความยาว 44.28 นาที
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)

ค้นหา :
 

                          เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

                        เมื่อวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๔๔

ทุกอย่างให้มีความพอเพียง

          สรุปทองคำ ดอลลาร์ วันที่ ๑๒ เมื่อวานนี้ทองคำได้ ๔ บาท ๗ สตางค์ ดอลลาร์ ๑๐๕ ดอลล์ รวมทองคำทั้งหมดที่ได้แล้ว ๒,๓๐๘ กิโล งานบุญข้าวเปลือกบ้านศาลา อ.หนองหาน ข้าวเปลือกได้ ๑,๐๘๙ กระสอบ งานประทายข้าวเราวันที่ ๑๑ ข้าวเปลือกรวมทั้งข้าวเหนียวข้าวเจ้าได้ ๔,๕๗๓ กระสอบ รวมทั้งหมด ๕,๖๖๒ กระสอบ

มันจะค่อยเป็นไปอย่างนี้ละ เราจะพยายามเต็มกำลังในฐานะว่าเป็นผู้นำของพี่น้องชาวไทยเราซึ่งเป็นชาวพุทธในเมืองไทย ศาสนาซึ่งเป็นหัวใจของพี่น้องชาวไทยเรา เป็นสิ่งที่ชาวไทยเราฝังใจลึก เมื่อเป็นอย่างนั้นความฝังใจลึกในศาสนากับความเชื่อฟังศาสนาก็ต้องเป็นคู่เคียงกันไป ถ้าฟังเสียงศาสนาตามที่เราเป็นลูกชาวพุทธมาดั้งเดิมแล้ว ชาติไทยเรา-เราชี้นิ้วได้เลยว่าขึ้นได้ ฟังให้ดีคำนี้ไม่ได้มาพูดเล่น ๆ นะ ถ้าขืนปีนเกลียวแล้วล่อแหลมมาก เวลานี้ล่อแหลม ๆ ตลอด เราถึงเตือนตลอดให้ระวังตลอดบอกอยู่ตลอดเวลานะ

นี่พิจารณาแล้วทุกอย่าง เพราะฉะนั้นจึงมาพูดได้ทุกถ้อยทุกคำอย่างอาจหาญชาญชัย ถ้าตรงไหนเตือนแล้วให้ระวัง บอก ตรงไหนช่องจะแคบจะกว้าง เอ้า ออกช่องนี้ พุ่งเลย ๆ ถ้าตรงไหนให้ระวังก็ให้ระวัง นี่คือศาสนา ได้เตือนพี่น้องชาวไทยเราที่จะรวมกำลังกันเข้าสู่พุทธศาสนาซึ่งเป็นหัวใจของพี่น้องชาวไทยเรา ด้วยความพร้อมเพรียงสามัคคี อันนี้ฟังให้ดีด้วยนะ แล้วก็ฟังเสียงศาสนา ศาสนาจะมีผู้นำออกมาดังที่นำออกมานี้ให้ฟัง เราแน่ใจ จะขึ้นช้าก็ตามเร็วก็ตามขึ้นได้ไม่สงสัย ขอให้ฟังเสียงศาสนา เสียงกิเลส เมืองไทยเรากำลังจะล่มจะจมอยู่ในระยะสองสามปีมานี้ โห หวุดหวิด ๆ นะฟังซิ จึงค่อยมาตื่นเนื้อตื่นตัวกัน ริบรวมกำลังวังชาทุกอย่าง ความรู้โทษของมันในเรื่องของกิเลสความกินไม่พอ จะเอาให้ถล่มทั้งชาติเลย จะไม่มีเหลือ ฟังซิ นี่ละกิเลสกินมนุษย์เรา

ทีนี้ธรรมกินกิเลสตีกิเลสก็ตีแบบนี้ละ แบบที่ว่านี่ ให้เชื่อเสียงธรรม ธรรมนี้ไม่เคยให้ความล่มจมแก่ผู้ใดสัตว์ตัวใดเลย ฟังคำนี้ให้ดีอีกด้วย แต่กิเลสไม่ว่าอะไรออกมานี้เป็นภัยทั้งนั้น ๆ ตั้งแต่เล็ก ๆ น้อย ๆ ถึงมากที่สุด กำลังของกิเลสมีแต่กำลังทำลายทั้งนั้น หลอกสัตวโลกหลอกเป็นประจำ สัตวโลกก็เชื่อเป็นประจำมา จึงได้รับความทุกข์ความร้อนไปตลอดเวลามาอย่างนี้ เพราะโทษแห่งการเชื่อกิเลสซึ่งเป็นตัวทำลายนั่นเอง ถ้าเชื่อธรรมมากน้อยแล้วก็จะฟื้นตัว ค่อยฟื้นตัว ถ้าเชื่อธรรมแล้วแก้ไขสิ่งที่บกพร่องซึ่งเป็นของไม่ดี แก้ไขมาแล้วความดีก็สอดแทรกเข้าไป ๆ ก็ดีขึ้น ๆ

นี่เราได้เปิดอกมาตลอดนะทุกอย่าง ที่ได้มานำพี่น้องชาวไทยเราซึ่งธรรมเหล่านี้เราไม่เคยได้พูดเราพูดจริง ๆ ผ่านมาได้ ๕๑ ปีนี้แล้ว การแนะนำสั่งสอนบรรดาผู้ที่มาเกี่ยวข้องหนักเบามากน้อยเราจะสอนตามระยะ ๆ พอทุ่มลงให้ก็ทุ่มลงให้ไปเลยเฉพาะ ๆ แต่สำหรับที่จะบอกสถานที่เวล่ำเวลาดังนี้นั้นรู้สึกจะมีน้อยมาก สำหรับผู้ที่ใกล้ชิดสนิทจริง ๆ ที่ใกล้ชิดติดพันกับเราอยู่ตลอดเวลานี้ เวลาเป็นพิเศษก็เล่าไปธรรมดา อันนี้อาจได้ยินบ้างเป็นบางราย ๆ แต่เวลามานำพี่น้องทั้งหลายนี้ออกทั่วประเทศไทย มิหนำซ้ำยังออกไปถึงโลกนอกอีกด้วย ประกาศปูมหลังของเจ้าของที่อุตส่าห์พยายามเต็มกำลังความสามารถ เรียกว่าเอาชีวิตเข้าแลกเลย

ในชีวิตเรานี้เราได้มอบกับธรรม พูดง่าย ๆ ก็อรหันต์ว่างั้นเลย เราพูดให้เต็มยศ เมื่อได้ฟังอรรถธรรมจากพ่อแม่ครูจารย์มั่นถึงใจแล้ว แต่ก่อนมันแบกความสงสัยไปทั้ง ๆ ที่เรียนหนังสือคัมภีร์พระไตรปิฎกผ่านทั้งนั้น พระไตรปิฎกทั้งสามพระไตรปิฎกเราผ่านทั้งนั้นเราพูดเต็มหัวใจ ที่เราจะผ่านทั้งนั้นคือเราจะอ่านดูพระไตรปิฎก เอาหลักคติธรรม ๆ ที่สำคัญ ๆ ออกมา ควรฟุ๊ตโน๊ต-ฟุ๊ตโน๊ต ควรคัด-คัด ควรลอก-ลอกมา เป็นประจำ ๆ อ่านไปเล่มไหน ๆ ผ่านไป ๆ อ่านเพื่อจะนำมาบรรจุเข้าที่หัวใจ เวลาออกปฏิบัตินี้จะไม่มีเล่มใดติดตัว มีปาฏิโมกข์เล่มเดียวพกติดย่ามเท่านั้นเอง นอกนั้นเราไม่ติดให้เข้าติดในหัวใจหมด

ปาฏิโมกข์นี่เป็นพระวินัยของพระจึงต้องติดตัวของเราไปด้วย เราถึงได้เรียน ถึงเรียกว่าผ่าน ใครจะมาโกหกไม่ได้ง่าย ๆ ยังบอกแล้ว ออกทางไหนก็ซัดเลย ๆ ก็เพราะผ่านมาแล้วเหมือนกัน นี่ละที่เราเรียนเราก็เรียนจริง ๆ มันก็ไม่พ้นความสงสัยนะ ผ่านพระไตรปิฎกมาเต็มกำลังความสามารถ แล้วก็แบกความสงสัยหรือบาปบุญนรกสวรรค์พรหมโลกนิพพานมาอยู่ในหัวใจเรา มีทุกสิ่งทุกอย่าง ขึ้นชื่อว่าธรรมบอกเป็นของจริงอะไร กิเลสจะแทรกเข้าเป็นความสงสัยแล้วลบไป ๆ ก็มี แต่ส่วนมากเราไม่ค่อยปรากฏที่ว่าลบนะ มีเพียงสงสัย เพราะความมุ่งมั่นต่อมรรคผลนิพพานนี้มีมาก อันนี้เลยมีอำนาจไม่อาจที่จะไปลบบาปบุญนรกสวรรค์ได้เลย แต่มีสงสัยนี่แหละ แบกความสงสัยไปจากคัมภีร์ที่เราเรียนจำมา

พอไปถึงพ่อแม่ครูจารย์มั่นเท่านั้น เปิดผางออกเลย โถ เราไม่ลืมนะ สด ๆ ร้อน ๆ ไปนี่เหมือนว่าท่านเอาเรดาร์จับไว้เลยเทียว แล้วไปก็ไปอย่างเต็มหัวอกเสียด้วย ไปหาพ่อแม่ครูจารย์มั่นนี้ ไปได้ผลบวกตั้งแต่เริ่มต้นเลย นี่ก็เล่าให้ฟังอีกนะ ทีแรกออกพรรษาแล้วเราก็เคยพูดแล้วว่าเราแพ้ผู้หญิง ผู้หญิงเขาดัดสันดาน เขาเอาผ้าสังฆาฏิเราเข้าไปในบ้าน เขาจะให้เราอยู่เสียก่อนรอรับกฐิน ไอ้เราออกพรรษาเราจะเร่งมาหาพ่อแม่ครูจารย์มั่นความหมายของเราน่ะ เราบอกเราจะไม่รับเราจะไม่อยู่ มาเถียงกันเสีย โธ้ ผู้หญิงคนนี้มันก็เก่งเหมือนกันนะ เป็นเมียนายจ่า ลูกตัวเล็ก ๆ น่ารักมาก ตอนเย็น ๆ แม่จะเอากาแฟให้ลูกส่งมาหาเรา เพราะฉะนั้นถึงสนิทกันเข้าใจไหม ผัวเขาเป็นนายจ่า จ่าสิบโทหรือจ่าสิบเอกเราลืมแล้ว ชื่อจ่าเบ้า แม่เขาชื่อแฉ่ง ลูกชายเขาตัวเล็ก ๆ ที่น่ารักชื่อเจริญ ก็มันติดพันกันขนาดนั้น

ทีนี้พอออกพรรษาเราก็เตรียมจะรีบมาหาพ่อแม่ครูจารย์มั่นเรา เขาก็รีบมาขอให้รอทอดกฐินเสียก่อน เขากำหนดกฐินวันนั้น ๆ เราก็บอกเรารอไม่ได้ ไม่ได้แกก็เอาใหญ่เลย มาร้องไห้ต่อหน้านี่ซิ ที่มันดัดกันสุดท้ายแพ้ผู้หญิง ไปที่ไหนแพ้แต่ผู้หญิงนะเราเป็นยังไงไม่ทราบ ซัดกันอยู่นี้มันร้องไห้ต่อหน้าเรา เราก็เฉยไม่สนใจ แต่เราเผลอซี ผ้าสังฆาฏิเราไปบิณฑบาตซ้อนผ้ามาแล้วก็มาพับวางไว้ต้นเสาข้างหลัง แกก็นั่งซัดกันกับเราอยู่นี่ พอเสร็จแล้วเราก็ไปจัดอาหารแจกกันตอนฉันจังหัน แกก็ด้อมมาข้างหลังเอาผ้าสังฆาฏินี้ไป แล้วแกก็ไปเฉยเลย พอจะลงศาลาปั๊บหันหน้ามา ท่านจะไปอุดรฯ ก็ไปเสีย แล้วมีลักษณะยิ้ม ๆ นะ โอ้โห มันร้องไห้ตะกี้นี้ มันลงไปมาพูดท้าทายเรา ท่านจะไปอุดรฯ ก็ไปเสียนะ มียิ้ม ๆ นิดหนึ่ง เราก็เฉย

ทีนี้พระเลยมาสะกิด ไม่ใช่เขาเอาหมัดเด็ดใส่แล้วเหรอ หมัดเด็ดอะไร ก็เห็นเขายิ้ม ๆ ไม่ใช่เขาเอาผ้าสังฆาฏิไปแล้วเหรอ กูตาย ไปแล้ว นี่ซิยอมเขา เขาเอาไปแล้วยังไม่แล้ว เขายังมาสืบหากับพระอีก เอาผ้าสังฆาฏิพระท่านไปนี้ผิดพระวินัยข้อไหน ๆ พระท่านก็ชี้แจงให้ทราบตามหลักพระวินัย ออกพรรษานี้ปราศจากไตรจีวรผืนใดผืนหนึ่งก็ได้ คือไม่ต้องอยู่ครบ ธรรมดาผ้าจีวรต้องมีอยู่ครบตลอดคืน ส่วนกลางวันไม่ได้กำหนดนะ แต่เวลาออกพรรษาแล้วนี้อานิสงส์พรรษาครอบไปได้ ๑ เดือน จึงปราศจากผ้าไตรจีวร เช่น สังฆาฏิ สบง จีวร ผืนใดผืนหนึ่ง ปราศจากได้ เขาเอาไปแล้วก็เรียกว่าปราศจากแล้วใช่ไหม เขาเอาไปผืนหนึ่งแล้ว เขามาสืบถามพระ ได้ความแล้วเขายิ่งมั่นนะ ท่านจะไปเมื่อไรล่ะอุดรฯ มาใส่เรานะ ท่านจะไปอุดรฯ เมื่อไรล่ะ เราโมโหพอแล้วแพ้เขาอย่างหลุดลุ่ย นี่ละเรื่องมันน่ะ เลยต้องรอ

พอรับกฐินแล้วก็บึ่งเลยเทียวนะ บึ่งมาไม่ทัน ท่านไปได้ ๓ วันแล้ว เราเลยไปหนองคายเรื่องมันนะ เริ่มเป็นผลบวกมาที่เราแบกความสงสัยเรื่องมรรคผลนิพพาน พอไปก็ไปเจอเอาพระองค์นี้ละ เมื่อมีเหตุการณ์แล้วจะจำได้ทุกแง่ทุกมุม พระองค์นี้ชื่อพระสีนวล ท่านมาจากพ่อแม่ครูจารย์มั่น ที่บ้านนามน พอดีเราไปพักอยู่กับท่านอาจารย์กู่ที่หนองคาย ท่านก็มาจากบ้านนามน แล้วท่านเล่าเอง ผมพึ่งมาจากสกล ฯ มาจากวัดไหนเราว่างั้น บอกว่าวัดพ่อแม่ครูจารย์มั่น หือ ขึ้นทันทีเลย ไหนว่าอีกน่ะ มาจากพ่อแม่ครูจารย์มั่น ท่านอยู่ไหน อยู่บ้านนามน เวลานี้มีพระจำนวนมากเท่าไร ดูเหมือนมี ๘ องค์ ๙ องค์ ส่วนมากท่านไม่รับพระมาก นี้ก็เรียกว่ามากที่สุดแล้ว ๘ องค์ ๙ องค์ ว่างั้น

จากนั้นเราก็ถามว่า ได้ทราบว่าท่านดุด่าว่ากล่าวเก่งมากใช่ไหม โอ๋ย เรื่องดุด่าไม่ต้องพูด พอขับท่านขับเลย ฟังคำไหนมันเป็นผลบวกทั้งนั้นนะ ว่าเรื่องดุด่าไม่ต้องพูด ควรขับไล่ท่านจะขับไล่ทันทีเลย ทางนี้ถึงใจเลยนะ แทนที่จะกลัวไม่นะ มันเข้าทันที ครูบาอาจารย์ขนาดนี้ ชื่อเสียงท่านโด่งดังมาตั้งแต่เราเป็นเด็กหัวเท่ากำปั้น ท่านจะดุด่าว่ากล่าวหรือขับหนีตีส่งใครก็ตามโดยหาเหตุหาผลไม่ได้นี้เป็นไปไม่ได้ นี้คืออาจารย์ของเราขึ้นแล้วนะ เราจะไปเอง ท่านดุด่าว่ากล่าวประการใดเราจะฟังเอง ขับไล่เราจะฟังเอง หรือโดนเรา-เราก็จะเป็นผู้ฟังเอง ไปก็เปรี้ยงเลย อู๊ย มีแต่ผลบวกนะ เราไม่ลืมนะมันราบรื่นอย่างนั้นนะไปหาครูบาอาจารย์ เรื่องศาสนาเป็นมาตั้งแต่เริ่มบวชนั่นละ เรื่องบวชผึงทันทีเลย โล่งหมดเลย มันเป็นมาอย่างนี้ จะไปหาพ่อแม่ครูจารย์มั่นก็แบบเดียวกันเป็นผลบวกโดยลำดับ ๆ

พอทราบแล้ว ๓ วันเท่านั้นนะ เตรียมของเลยไปเลย ไปก็ไปโดนเอาจริง ๆ นี่ละมันมีแต่ผลบวกนะ พอไปก็ไปพักอยู่สุทธาวาส ๒ คืน พอฉันจังหันแล้วสาย ๆ ก็ออกเดินทาง ไปถึงบ้านโคกมืดแล้ว บุกไปอย่างนั้นละกลางคืนมืด ถนนไม่ต้องถามละไม่มี ไปตามทางล้อทางเกวียนธรรมดา พอไปเขาก็บอก ไปถึงบ้านโคกมันมืดแล้ว วัดป่าบ้านโคกอยู่ที่ไหน แล้วท่านอาจารย์มั่นท่านอยู่ที่นี่ใช่ไหม อยู่ ท่านพึ่งย้ายมาจากบ้านนามน ท่านจะมาพักจำพรรษาที่นี่ในปีนี้ ไหนวัดไปทางไหน เขาก็เลยพาไป ไปผมจะพาไป ออกไปนี้พอไปถึงกลางบ้านเขาก็ชี้ทาง นี่ละทางเส้นนี้ ให้เดินตามทางนี้ มันเป็นทางแคบ ๆ เพราะท่านพึ่งมาอยู่ใหม่ ทางก็แคบ ๆ บุกไปอย่างนั้นแหละ ให้ตามทางนี้อย่าปล่อยทางนี้แล้วจะเข้าถึงวัดเลย

เราก็ไป นั่นละที่ว่าไปเจอศาลา ไปยืนเถ่อมองศาลา รำพึงรำพันถึงเรื่องศาลา ศาลาหลังนี้ถ้าเป็นศาลาก็รู้สึกจะเล็กไปสักหน่อยสำหรับกรรมฐาน ถ้าเป็นกุฏิก็รู้สึกจะใหญ่ไปสักหน่อย เรากำลังรำพึง ท่านยืนอยู่นี้ ท่านเดินจงกรมนะเราไม่เห็นท่านซิกลางคืน ท่านเดินจงกรมอยู่ข้าง ๆ ห่างกันวาเดียว ดีที่เราไม่ไปโดนท่าน มีแต่เซ่อดู แล้วสักเดี๋ยวท่านก็ว่า ใครมานี่ ทางนี้ก็ กระผมซิ ขึ้นเลยนะ ใครมานี่ กระผม พอว่ากระผมเท่านั้น โอ๊ย ใส่เปรี้ยงเลยนะ อันผม ๆ ตั้งแต่คนหัวล้านมันก็มีผมตรงที่มันไม่ล้านฟังซิน่ะ ตั้งแต่คนหัวล้านมันก็มีผมตรงที่มันไม่ล้าน ขัดแย้งที่ไหน ถ้าว่าหัวล้านมันก็มีผมยังไม่ชัด ตรงที่มันไม่ล้านย้ำเข้าอีก โถ ทำไมถึงใจเอานักหนา เปรี้ยง ๆ

เสียงท่านลั่นขึ้นเลยนะ ทีนี้พระเณรเดินจงกรมอยู่ตามเหล่านั้น เงียบนะ ธรรมดาเงียบ มากันเลย ปุ๊บปั๊บ ๆ มา มาก็เปรี้ยงเลยที่นี่นะ เหอ ท่านมาหามรรคผลนิพพานที่ไหน ขึ้นเลยนะ เหมือนเรดาร์จับไว้ตลอดเลย เปรี้ยง ๆ ไม่ใช่ธรรมดานะ ชี้ไปหมดต้นไม้ภูเขา ฟ้าแดดดินลม ท้องฟ้ามหาสมุทรทะเลหลวง ทั่วไตรโลกธาตุนี้ไม่ใช่กิเลส ไม่ใช่ธรรม นั่นฟังซิ ธรรมแท้ กิเลสแท้อยู่ที่ใจ คือปัดหมด เหล่านั้นปัดหมด ไม่ใช่กิเลส ไม่ใช่ธรรม ธรรมแท้กิเลสแท้อยู่ที่ใจ ให้ท่านพิจารณาที่ใจให้ดี ท่านจะได้เห็นทุกสิ่งทุกอย่างทั้งกิเลสทั้งธรรม นั่นฟังซิ เอา พิจารณาเร่งเข้านะ ๆ ท่านก็ซัดลงเต็มเหนี่ยว ๆ เราก็ถึงใจ ๆ เป็นลำดับ

พอสุดท้ายท่านก็มาอนุโลมบ้าง หรือว่าแนะตามความเป็นจริงนั้นแหละ เพราะท่านทราบว่าเราเป็นมหาอยู่แล้ว นี่ท่านมหาก็นับว่าเรียนมากมาพอสมควร พอท่านสอนหมดแล้วนะ เน้นหนักลงที่จิต อย่าไปยุ่งกับอะไรนะ อย่าไปยุ่งกับอดีตอนาคต จับต้นไม้ภูเขาดินฟ้าอากาศว่าจะเป็นกิเลส จะเป็นธรรม ไม่ใช่กิเลส ไม่ใช่ธรรมทั้งนั้น อยู่ที่หัวใจของท่านคือกิเลสกับธรรมอยู่ที่นี่ ให้เน้นหนักทางด้านจิตตภาวนา ท่านอย่ายุ่งกับอะไร ๆ ให้เร่งทางด้านจิตตภาวนาให้จิตสงบ ธรรมจะเกิดขึ้นในฐานเดียวกันกับกิเลสนี้แล

แล้วจากนั้นท่านก็อนุโลมว่า ท่านมหาก็เรียนมามากพอสมควรถึงขนาดเป็นมหา อย่าว่าผมตำหนิธรรมพระพุทธเจ้านะ เวลานี้ธรรมที่ท่านเรียนมามากน้อยยังไม่เกิดประโยชน์ ขอให้ยกบูชาไว้เสียก่อนอย่าด่วนไปยุ่ง ปริยัติที่ท่านเรียนมากับภาคปฏิบัติ จะเข้ามาก้าวก่ายเตะถีบกันแล้วจะก้าวเดินลำบาก มันจะเป็นสัญญาอารมณ์ จะอดเทียบเคียงกันไม่ได้ระหว่างปริยัติกับปฏิบัติ เพราะฉะนั้นเพื่อความสะดวกให้ท่านตัดออกให้หมดปริยัติที่ท่านเรียนมามากน้อย ให้อยู่กับธรรมที่ท่านภาวนาอย่างเดียวเพื่อความสงบ ท่านก็สอนภาวนาให้ ให้อยู่ตรงนี้อย่างเดียว อย่าด่วนยุ่งนะ เมื่อถึงเวลาปริยัติกับปฏิบัติจะวิ่งเข้าถึงกันแล้วเอาไว้ไม่อยู่ นี่อันหนึ่งนะเราจับไว้หมด

คือเวลานี้ไม่ให้ยุ่งทางด้านปริยัติจะมาก้าวก่ายกันเป็นสัญญาอารมณ์ จะก้าวเดินทางด้านจิตตภาวนาไม่สะดวก ท่านจึงบอกให้บูชาไว้ก่อน เราก็เป็นนิสัยอย่างนี้ด้วย มันก็พุ่งใส่อันนี้ไม่ยุ่งเลย ทีนี้พอถึงขั้นที่ว่าปริยัติกับปฏิบัติจะวิ่งถึงกัน ปฏิบัติคือความรู้จริง ๆ เห็นจริง ๆ จากภาคปฏิบัติของเรากับปริยัติที่ท่านบอกไว้ในแบบแปลนแผนผัง มันเข้ากันได้ยังไงไม่ได้ยังไง นั่นละที่นี่วิ่งถึงกัน ๆ เอาไว้ไม่อยู่จริง ๆ นะ พอถึงขั้นปัญญาอัตโนมัติแล้วนี้มันวิ่งถึงกันตลอดเวลา ทางนี้ก็ค้นคว้ารู้มาเห็นมาหาสักขีพยานมายืนยันกัน สงสัยตรงไหนวิ่งใส่ปริยัติ แล้วได้เหตุผลขึ้นมายังไงวิ่งใส่ปริยัติมาประสานกัน ๆ นี่เรียกว่าเอาไว้ไม่อยู่ ธรรมขั้นนี้ขั้นเอาไว้ไม่อยู่ สติปัญญาจะวิ่งประสานกันทันที ๆ ท่านพูดผิดที่ตรงไหน

ต้องการเวลาสงบท่านก็บอกไม่ให้ยุ่งกับอะไร ให้ทำจิตใจให้สงบอย่างเต็มที่ท่านว่า พอถึงขั้นสติปัญญาจะออกประสานกันระหว่างปริยัติกับปฏิบัตินั้น จะออกประสานกันเอาไว้ไม่อยู่ เมื่อถึงขั้นนี้มันก็ยอมรับ ๆ มันเป็นจริง ๆ เอาไว้ไม่อยู่จริง ๆ มันไม่สนใจจะอยู่มีแต่จะพุ่ง เทียบเคียงเหตุผลทุกสัดทุกส่วนทุกสิ่งทุกอย่าง นี่ละที่พูดถึงเรื่องไปหาพ่อแม่ครูจารย์มั่น เราพูดถึงเรื่องเราสละเป็นสละตายพี่น้องทั้งหลายทราบนะ พอออกมาจากท่านแล้ว ความสงสัยที่เราเรียนมาในพระไตรปิฎกต่าง ๆ ล้มไปหมดเลย ทั้ง ๆ ที่เราก็มีกิเลส แต่ความสงสัยเหล่านี้ล้มหมดเลยไม่มีเหลือ หายหน้าไปหมดเลย

เหลือตั้งแต่จะเอาละที่นี่ แน่ละที่นี่ หายสงสัยเรื่องมรรคผลนิพพาน พอออกมาจากท่านนี้ก็มาถามตัวเอง เอ้าที่นี่เราสงสัยมรรคผลนิพพานมาเป็นเวลานาน แล้วเวลานี้มาถึงของจริงของแท้จากพ่อแม่ครูจารย์มั่นแล้ว หายสงสัยทุกอย่างแล้ว เราจะจริงไหมที่นี่ โหย ทางนี้ขึ้นรับกันทันที ต้องจริง ไม่จริงต้องตายเท่านั้นฟังซิน่ะ อย่าให้หนักศาสนาเลย ตั้งแต่บัดนั้นมาที่เราหนักมากนะ พอตัดสินใจปึ๋งลงแล้วมันก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ หนักมากที่สุดเรื่องการภาวนาเพื่อมรรคเพื่อผล สำคัญอย่างยิ่งก็คืออรหัตภูมิต้องให้ได้ ไม่ได้ต้องตาย มันก็เน้นหนักอยู่ในจุดนั้น

ความยากความลำบากขนาดไหนมันไม่ได้สนใจ มันพุ่ง ๆ ใส่เป้าหมายที่จะเอานั้นน่ะ นั่นละจึงว่าหนักมาก ๆ จนกระทั่งเปิดไปเลยว่า ถึงจุดนั้นเรียบร้อยโดยสมบูรณ์แล้วดังที่กล่าวแล้วว่าวันที่เวลาสถานที่ได้บอกแล้ว นั่นละเป็นวันที่ความมุ่งหมายของเราได้ถึงจุดหมายปลายทางเต็มหัวใจ ไม่ต้องทูลถามพระพุทธเจ้า แม้ประทับอยู่ข้างหน้าก็ไม่ทูลถาม ตั้งแต่บัดนั้นมาแล้วก็แนะนำสั่งสอนหมู่เพื่อน

ธรรมประเภทที่กล่าวนี้เราก็ไม่เคยได้บอกนะ ดังที่ว่าสถานที่เวล่ำเวลาไม่เคย แต่แง่หนักเบาของธรรมที่ผู้มาเกี่ยวข้องมากน้อยเพียงไรนั้น มันจะออกของมันทันที ๆ สงเคราะห์ตามภูมิของบุคคลที่มาปฏิบัติ ควรจะได้รับผลจากธรรมไปแง่ไหน ธรรมจะสงเคราะห์เป็นแง่ ๆ แต่ไม่เคยเปิด ปีที่ออกมาช่วยพี่น้องชาวไทยเรานี้เริ่มเปิดปูมหลังให้พี่น้องชาวไทยได้ทราบว่า ผู้นำพี่น้องทั้งหลายมามาด้วยเหตุผลกลไกอะไร นั่นละถึงได้เปิดออกมา เมื่อเปิดออกมาแล้วใครจะเชื่อไม่เชื่อก็ตาม เราก็ก้าวเดินตามเรื่องของเรา เพราะฉะนั้นธรรมะเหล่านี้จึงได้เปิดเผยออกมาได้ ๓ ปีนี้แล้ว หมดตับหมดปอดเราไม่มีเหลือนะ

การช่วยพี่น้องทั้งหลายเราช่วยด้วยความเมตตาอย่างยิ่ง ไม่มีอะไรที่จะเป็นเศษเป็นเดนที่เราจะเก็บมาเป็นสมบัติของเรานี้เราไม่มี เราพอทุกอย่างแล้ว ช่วยด้วยความเมตตาล้วน ๆ เพราะฉะนั้นจึงขอให้พี่น้องทั้งหลายได้ตั้งอกตั้งใจ เอาศาสนาเข้ามาเป็นผู้นำ ให้มีความกลมกลืนสามัคคี ให้รักกัน ชาติไทยเป็นอันหนึ่งแล้วคนทั่วประเทศไทย ๖๒ ล้านคน นี้คือคนไทยด้วยกัน เป็นอวัยวะเดียวกันแห่งประเทศไทยของเรา จึงให้มีความกลมกลืนสามัคคี ให้มีความรักกัน อย่าดูถูกเหยียดหยาม ชั้นนั้นวรรณะนี้ อย่าให้มีในเมืองไทยของเราซึ่งเป็นเมืองชาวพุทธ

พระพุทธเจ้าไม่เคยให้ถือชาติชั้นวรรณะเลย ให้ปัดออกหมด นี่ศาสนานะ คือปัดออกหมด ชาตินั้นชั้นนี้วรรณะนั้นวรรณะนี้ พระพุทธเจ้าปัดออกหมด สิ่งเหล่านี้ไม่เป็นบาปเป็นบุญ ถ้าคนทำให้เป็นบาปมันก็จะเป็น ทำตนให้เป็นบุญเป็นกุศลก็เป็น ไอ้เรื่องชาติชั้นวรรณะนั้นเกิดมาเป็นเครื่องหมายของกรรม ฟังซิน่ะ กรรมดีกรรมชั่วที่จะพาให้เกิดในสถานที่ใดย่อมไปเกิดตามอำนาจแห่งกรรม ทีนี้เมื่อเกิดมาแล้ว ใครอยู่ในขั้นใดภูมิใดก็ให้ยินดีตามกรรมดีกรรมชั่วหนักเบาของตนเอง อย่าไปดูถูกเหยียดหยามซึ่งกันและกัน แม้ที่สุดสัตว์เดรัจฉานก็ห้ามไม่ให้ดูถูกเขา นั่นฟังซิน่ะ เขาก็มาเสวยกรรมตามวาระของเขา เขาเป็นสัตว์ เวลานี้เขาเสวยกรรมเป็นสัตว์ เขาพ้นความเป็นสัตว์เขาขึ้นสวรรค์พรหมโลกก็ได้ ดียิ่งกว่าเราที่ทะนงตนอยู่นี้เป็นไหน ๆ ทะนงตนเพียงชาติชั้นวรรณะเฉย ๆ ไม่เกิดประโยชน์ นี่ธรรมท่านสอน

เพราะฉะนั้นจึงว่าให้มีความรักกัน มีความสม่ำเสมอ มีความเห็นแก่ใจกัน ให้อภัยกันเสมอ นี้ลูกชาวไทยซึ่งเป็นลูกชาวพุทธ ให้มีความเสมอกันหมด เขากับเราให้ถือเสมอภาคว่าเป็นคนด้วยกัน เป็นคนไทยด้วยกัน ย่นเข้ามา ๆ ต่างคนต่างให้อภัยซึ่งกันและกัน อย่าถือสีถือสากันอย่างง่ายดาย นั้นเป็นทางแห่งความแตกร้าวไม่ใช่ทางดีเลย ทางไหนที่จะเป็นความดิบความดี คือความเห็นอกเห็นใจ ความให้อภัยกัน ความไม่ดูถูกเหยียดหยามกัน ความกลมกลืนสามัคคีกัน ความรักกัน นี้คือความประสานพลังทั้งหลายให้เข้าสู่จุดอันแน่นหนามั่นคงขึ้นมาได้ ให้พี่น้องทั้งหลายจำอันนี้ให้ดีนะ อันนี้เป็นหลักใหญ่

เฉพาะอย่างยิ่งเวลานี้เรากำลังจะช่วยชาติไทยของเรา ด้วยความรักชาติเป็นอันดับหนึ่ง ความเสียสละซึ่งมาตามความรักชาตินี้เป็นอันดับที่สองต่อไป เนื่องมาจากเราเป็นลูกชาวพุทธ นี้เป็นอันดับใหญ่มากทีเดียว ให้เชื่อฟังเสียงอรรถเสียงธรรมเราเป็นลูกชาวพุทธ คอยฟังเสียงอรรถเสียงธรรม ให้ก้าวดำเนินตามนั้น แล้วเมืองไทยของเรานี้ถึงค่อนข้างจะล่มจมก็ตาม ก็ชาติไทยของเราเองเป็นผู้ทำให้ล่มจม ทีนี้ชาติไทยของเราเมื่อรู้เนื้อรู้ตัวแล้ว ให้ต่างคนต่างพยายามปรับปรุงแก้ไขทุกคน การอยู่การกินการใช้การสอยให้ประหยัดมัธยัสถ์ อย่าลืมเนื้อลืมตัวเหมือนครั้งก่อนที่เป็นมาถึงค่อนข้างจะล่มจม ทั้งเขาก็ทำลาย เราก็ทำลาย ด้วยความฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม มันก็เริ่มจะล่มจมลงได้

ทีนี้เรารู้เนื้อรู้ตัวแล้วให้ต่างคนต่างแก้ไขดัดแปลงตนเอง การอยู่ก็ให้อยู่พอดี เรียกว่าอยู่แบบพอเพียงไม่ให้ล้นฝั่ง อยู่พอเพียง กินพอเพียง ใช้พอเพียง ทุกอย่าง ๆ ให้มีความพอเพียง ๆ แนบไปอยู่เสมอคนเราจะไม่ลืมตัว นี้เป็นเครื่องประหยัดได้ จำไว้ให้ดี ไม่ว่าการอยู่การกินการใช้การสอยการค้าการขายเมืองนอกเมืองใน ให้เราใช้ความพินิจพิจารณาและความคิดพอเพียงติดตัวของเราเสมอ อย่าฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม เป็นข้าศึกต่อธรรมประเภทนี้ แล้วเมืองไทยของเราก็จะค่อยขึ้นไปเป็นลำดับ

นี่เราก็เริ่มได้นายก เรียกว่าเป็นผู้นำ เพราะเรื่องผู้นำเป็นสำคัญมาก แม้แต่สัตว์ก็มีผู้นำไม่ใช่ว่าจะปราศจากผู้นำได้ สัตว์ก็มีผู้นำ มนุษย์ยิ่งเป็นความจำเป็นต้องหาผู้นำ แม้แต่ผู้นำชาติแล้วยังเป็นผู้นำในวงการต่าง ๆ จนกระทั่งถึงครอบครัวเหย้าเรือน มีผู้นำ ๆ ตลอดเวลา ผู้นำจึงปราศจากไม่ได้ เพราะฉะนั้นจึงขอให้เชื่อผู้นำ คอยฟังเสียงผู้นำ ผู้นำทางโลก ผู้นำทางธรรม ผู้นำดีหรือไม่ดีให้พิจารณาสังเกตไปทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าไม่ดีตรงไหนให้เตือนกัน อย่าไปเตือนด้วยการถีบการเตะการยันให้ล้มละลายไปใช้ไม่ได้ เตือนเพื่อพยุงกันนี้ถูกต้อง ทางด้านธรรมะให้คอยฟังเสียงธรรม ท่านว่ายังไง ๆ ให้ต่างคนต่างเดิน ทางบ้านเมืองเขาก็เดินตามเรื่องของบ้านเมือง ทางศาสนาก็เดินตามศาสนา

เราเป็นคนของชาติของศาสนา เราก็เดินตามทั้งทางบ้านเมือง เดินตามทั้งทางศาสนา เพื่อรวมตัวกันเข้าเป็นกำลังแห่งชาติไทยของเรา ต่างคนต่างขวนขวาย แล้วชาติไทยของเราจะค่อยฟื้นตัวขึ้นมา ๆ เป็นลำดับลำดา แม้จะช้าก็ตาม ช้าด้วยการก้าวขึ้นอยู่เสมอจะขึ้นถึงได้ตามจุดหมายปลายทางที่เราต้องการ อย่าให้เป็นคนใจร้อนนักหนา เช่น ได้ผู้นำคนนี้มา ผู้นำคนนี้เขาก็ตั้งหน้าตั้งตาที่จะทำหน้าที่เต็มกำลังความสามารถต่อชาติบ้านเมืองของเรา ตักเตือนกันได้ เขายอมรับฟังคำตักเตือนจากพี่น้องชาวไทย เพราะเขาได้เป็นผู้นำมานี้เพราะกำลังความเชื่อถือ ความไว้วางใจของพี่น้องชาวไทยทั้งหลายหนุนเขา เมื่อเป็นเช่นนั้นเขาก็ต้องเห็นใจคนทั้งชาติ เขาจะพยายามปฏิบัติหน้าที่ของตนเต็มกำลังความสามารถ

เมื่อบกพร่องตรงไหนให้เตือนกัน เตือนเพื่อจะแก้ไขดัดแปลงขึ้นไปเรื่อย ๆ ไม่ใช่เตือนเพื่อเหยียบย่ำทำลาย แล้วเขาจะมีแก่ใจในการดำเนินงานต่อไป เอา หากว่ามีความจำเป็นดังที่กฎข้อบังคับในชาติของเราก็มีชาติไหนก็มี ถึงคราวที่หมดเขตหมดสมัย เช่น นายกคนนี้มีเวลาเท่าไรปี แล้วนายกคนนี้เป็นผู้นำด้วยความราบรื่นดีงาม แม้จะช้าก็ช้าด้วยความราบรื่นดีงาม หากหมดเขตหมดสมัยแล้วให้คนไทยของเราทั้งประเทศนี้ รวมหัวกันยกบัตรให้เลย บัตรนี้เป็นบัตรเด็ดขาด บัตรเรียกว่าดาบสองคม เราตัดออกเสียดาบสองคมที่จะมาประหารชาติไทยของเรา ด้วยการหย่อนบัตรชุ่ย ๆ ไม่มีเหตุมีผล นี้คือดาบที่จะมาตัดคอของเราและตัดคอของคนทั้งชาติให้จมไปเลย เราปัดออกบัตรประเภทนี้

บัตรประเภทที่จะส่งเสริมชาติไทยของเรา ให้เป็นบ้านเมืองที่ร่มเย็นคือว่าเราจะหย่อนบัตรลงให้ผู้ที่สามารถที่จะนำเราไป สำหรับคนไทยทั้งชาตินี้เท่านั้น แล้วมีเท่าไรเอ้าทุ่มกันลง บัตรนี้มีเท่าไรเป็นบัตรเด็ดขาดเป็นบัตรอำนาจเป็นบัตรอุ้มชาติไทยของเราได้โดยไม่ต้องสงสัย ให้ต่างคนต่างหย่อนบัตรลงในพรรคนี้จุดนี้ที่เราตายใจได้แล้ว แล้วอันนี้ก็จะขึ้นทันทีเป็นนายกขึ้นมาอีก เอา ทำงานต่อไปอีก งานเขาที่ทำมาแล้วยังไม่เสร็จเขาก็สานต่อไปอีก แล้วเขาก็มีความคล่องตัวในการงานของเขาหนึ่ง แล้วมีกำลังใจหนึ่งที่จะยกชาติไทยของเรา

ทีนี้ทางศาสนาเราก็ต่างคนต่างขวนขวายหามา ทางศาสนาก็จะคอยแนะอยู่เสมอ การวิ่งเต้นขวนขวายเพื่อบำรุงหรือเพื่อส่งเสริมชาติไทยของเราด้วยสมบัติที่จะเข้าสู่คลังหลวงเป็นจุดสำคัญ ทางศาสนาก็จะเตือนให้ต่างคนต่างหมุนเข้ามา ทางชาติก็หมุนเข้ามา ทางศาสนาก็หมุนเข้ามา รวมแล้วเป็นจุดรวมของสมบัติที่จะเข้าสู่คลังหลวง คลังหลวงก็จะค่อยกระเตื้องขึ้นมา ๆ นี้เรียกว่าผ่านได้นะ จะช้าก็ตามจะเร็วก็ตาม ให้จำอุบายนี้ไว้ แล้วยังไงชาติไทยเราขึ้นได้ไม่สงสัย ถ้าพลิกแพลงเปลี่ยนแปลงจากอันนี้ไปแล้วกลายเป็นเรื่องกิเลสบ้านเมืองจมเร็วที่สุดด้วยนะ ไม่ใช่จะช้านะ การล่มจมนี้รวดเร็วที่สุด ให้ระมัดระวังอันนี้ให้ดี

ถ้าสมมุติว่าเราขัดแย้งกับผู้นำเสียอย่างนี้ ประชาชนพอคนหนึ่งฮือขึ้น ๆ ทำลายผู้นำของเรา ไอ้ที่เป็นพิษเป็นภัยมหาภัยมันคอยโอกาสอยู่แล้ว มันจะแทรกเข้ามาเวลานั้น ตัดทางนี้ขาดสะบั้น มันจะทำงานเพื่อการกินการกลืนการรีดการไถ เมืองไทยจมได้ไม่กี่วันละนะ ให้จำให้ดี อย่าให้พวกนี้มีโอกาสเข้ามากินตับกินปอดเราดังที่เคยเป็นมาและเป็นอยู่เวลานี้ได้นะ วันนี้พูดเพียงเท่านี้ให้พี่น้องทั้งหลายเป็นข้อเตือนใจ ให้พากันคิดกันอ่านทุกคน ๆ พากันเข้าใจมิใช่เหรอที่พูดวันนี้ ให้ฟังอย่างถึงใจ นี้เป็นธรรมของศาสนาถอดออกมาจากหัวใจนี้มาสอนพี่น้องทั้งหลาย เพื่อรื้อฟื้นชาติไทยของเราขึ้นด้วยความตื่นเนื้อตื่นตัวของเรา อย่าขัดอย่าแย้งศาสนา ให้ฟังให้ดี เอาละให้พร

 

เปิดดูข้อมูล วันต่อวัน ทันต่อเหตุการณ์ หลวงตาเทศน์ถึงเรื่องอะไร

www.luangta.com


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก