เทศน์อบรมฆราวาส ณ ศาลาใหญ่วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๔๙
เลือกเฟ้นกรรมของตนเวลามีชีวิตอยู่
เมื่อวานนี้ก่อนจะออกจากสวนแสงธรรม ต้องได้เทศน์อบรมก่อน ไม่มากก็ได้อบรมเมื่อวานนี้ก่อนออกเดินทางแก่ผู้มาขอพรปีใหม่ มันคงจะล่มจมมาจากพรปีเก่าเท่าไรเราก็ไม่ทราบ มาขอแต่พรปีใหม่ แสดงว่าปีเก่าไม่มีพรเลย มาขอเมื่อวาน มีแต่พรปีใหม่ๆ ปีใหม่ปีเก่าให้พึงทราบว่าอยู่กับตัวของเราเองจะรับผิดชอบตัวเองทั้งดีและชั่วทุกคน การประพฤติตัวเป็นคนชั่วเป็นการทำลายตัวเองทั้งปีใหม่ปีเก่า มาลงในเจ้าของเองเป็นผู้รับเคราะห์รับกรรมแห่งกรรมชั่วของตัวเอง การประพฤติปฏิบัติตัวให้เป็นคนดี ปีใหม่ปีเก่าเราเป็นผู้ทรงความดีไว้ทั้งนั้น ให้พากันจดจำเอา หลักพุทธศาสนาท่านสอนอย่างนั้น ท่านไม่สอนเป็นแบบลมๆ แล้งๆ
หาแต่พรปีใหม่ ไม่ทราบปีใหม่อยู่ที่ไหน ใครก็หาพรปีใหม่ๆ ลมๆ แล้งๆ ไม่ได้หลักได้เกณฑ์ จึงสอนว่าพรปีใหม่ปีเก่าอยู่กับตัวของเราเอง จะรับดีรับชั่วจากการกระทำดีกระทำชั่วของตัวเอง ท่านสอนไว้อย่างนั้น ให้พากันตั้งใจปฏิบัติตัวให้เป็นคนดี คิดดูอย่างพระท่าน พระนี้หมายถึงพระที่ตั้งหน้าบวชมาเพื่อบุญเพื่อกุศล เพื่อมรรคผลนิพพานจริงๆ ท่านไม่มีเวล่ำเวลาใดที่จะให้เผลอเนื้อเผลอตัวไปทำความชั่ว หรือไปทำความชั่วแบบหิริโอตตัปปะไม่มีในใจ ท่านไม่มี ท่านตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติ ความเคลื่อนไหวไปมาทุกแง่ทุกมุม ท่านเอาตัวท่านเป็นประกันไม่ให้ผิดพลาดๆ อยู่อย่างนั้นตลอดจนกระทั่งหลับ
ตื่นขึ้นมาก็รักษาความดีงามสำหรับตัวเองตลอดไป นี่เรียกว่ารักษาความดี ท่านก็เป็นพระสมบูรณ์แบบทั้งปีใหม่ปีเก่า วันใหม่วันเก่า เดือนใหม่เดือนเก่า ท่านเป็นพระดีอยู่ตลอดเวลา ถ้าเราปฏิบัติตัวให้เป็นคนดีก็ต้องเป็นคนดีอยู่ตลอดเวลาเช่นเดียวกัน ให้ท่านทั้งหลายจำเอาไว้ พรปีใหม่ปีเก่าท่านมากระตุกให้เรารู้เนื้อรู้ตัว ถ้าเคยประมาทมาแล้วก็ให้รีบกลับตัวเสีย ถ้าดีอยู่แล้วก็ให้รีบส่งเสริมตัวให้ดีมากขึ้น ท่านสอนว่าอย่างนั้น
พรปีใหม่อย่างในกรุงเทพ ซัดกันที่สนามหลวงแหลกหมด มีแต่สะแตกเหล้าทั้งนั้น นี่พรปีใหม่ของเขาเขาฟาดเหล้าลงไป ลูกศิษย์ลูกหาวัดบวรฯ เขาก็ไปเล่นปีใหม่ปีเก่ากับเขา ตอนเช้าถึงโผล่หน้ามายั้วเยี้ยๆ เข้ามาพวกนักเรียน มันเป็นยังไงมานี่ ไปพรปีใหม่ ไปรับปีใหม่ที่ไหนล่ะ สนามหลวงว่างั้น โอ๋ มอมแมมหมดเลย นี่ละพรปีใหม่ของเขา มีแต่ความชั่วความลืมเนื้อลืมตัว นี่ก็มาเป็นคติสอนพวกเรา ปีใหม่เช่นนั้นเป็นปีจม จมทั้งคนนั่นละ
ทำความดีงามซิ อย่างที่พูดตะกี้นี้ยกตัวอย่างอย่างที่ว่าพระท่านตั้งใจปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเพื่ออรรถเพื่อธรรม เพื่อมรรคผลนิพพานจริงๆ ท่านจ่ออยู่ในตัวของท่าน ความเคลื่อนไหวไปมาผิดถูกชั่วดีท่านจะรับผิดชอบตลอดเวลา หลับตื่นตลอดอยู่อย่างนั้น ท่านก็เป็นมงคลแก่ตัวเอง สุดท้ายท่านก็ทรงมรรคผลนิพพานได้เต็มหัวใจ นี่คือผู้รักษาความดี คือรักษาตัวของเราเอง อย่าไปรักษาต้นไม้ภูเขาดินฟ้าอากาศ พวกนั้นเขาไม่ได้ทำดีทำชั่ว ไม่ตกนรกขึ้นสวรรค์ได้เหมือนมนุษย์เรา
มนุษย์เรานี้ตัวคึกตัวคะนอง ไปที่ไหนมีแต่ลิงเต็มตัวๆ คึกคะนองหาความชั่วช้าลามก การทำความชั่วเร็วยิ่งกว่าลิง แต่การทำความดีนี้อืดอาดเนือยนาย ใช้ไม่ได้นะ ให้ตั้งหน้าตั้งตา ดีชั่วอยู่กับเราเป็นผู้รับเคราะห์รับกรรมแห่งกรรมดีกรรมชั่วของตัวเอง ให้ระมัดระวัง คนเราถ้าทำตัวให้เป็นคนดี ไปที่ไหนก็เย็น ถ้าทำตัวไม่ดีแล้วไปที่ไหนก็ร้อนๆ หาความเย็นไม่ได้ อยู่ในป่าในบ้านในเรือนที่ไหนก็ตาม ระเวียงระวังตลอดกลัวเขาจะจับมัดเข้าใส่คุกใส่ตะรางเพราะไปทำความชั่วมาแล้ว คนอื่นไม่เห็น เจ้าของเป็นผู้เห็น เจ้าของเป็นผู้ทำเอง เจ้าของก็ร้อน อยู่ที่ไหนก็ร้อน ระเวียงระวังตลอดเวลา สุดท้ายเขาก็มัดเข้าใส่คุกจนได้นั่นแหละคนชั่วน่ะ
คุกเมืองมนุษย์ก็มี คุกเมืองผีก็มี คุกเมืองผีท่านให้ชื่อว่านรก นั่นละคือคุกเมืองผี ตะรางเมืองผี ติดคุกติดตะรางได้เสวยกรรมมากน้อย โห ท่านพูดไว้ในพระไตรปิฎกน่าสลดสังเวชนะ นี่คือความรู้แจ้งเห็นจริงของพระพุทธเจ้าท่านแสดงเอาไว้ น่าสลดสังเวชนะ หมายถึงความสามารถของพระพุทธเจ้า ที่สัตว์ไปตกนรกอยู่นี้ท่านทราบหมดกรรมของเขา แต่ละรายๆ นี้ทำอะไรๆ มา ผลของกรรมจึงได้ไสไปลงนรกอย่างนี้ ท่านทรงทราบตลอดเลย ทีนี้ผู้ทำความดีก็เหมือนกัน ทำดีมามากน้อยเพียงไร พระองค์ก็ทรงทราบหมด ไปสวรรค์ชั้นนั้นชั้นนี้ เพราะอำนาจแห่งความดีที่ทำอย่างนั้นๆ จนกระทั่งถึงนิพพาน มีแต่ความดีรวมตัวแล้วส่งเข้าถึงนิพพาน เป็นอย่างนั้นนะ ความชั่วนี้ส่งลงไปนรกอเวจี ติดคุกเมืองผีตะรางเมืองผีไป ถ้าอยู่เมืองคนบ้านเรือนมีอยู่ ปลูกบ้านปลูกเรือนให้อยู่ ครอบครัวเหย้าเรือนก็มีเหมือนโลกทั่วๆ ไป มันแหวกเข้าไปอยู่ในเรือนจำติดคุกติดตะราง มีเยอะนะ ไปดูเอาเรือนจำเมืองอุดรนี่
พูดถึงเรื่องเรือนจำเมืองอุดรหรือเมืองไหนก็ตาม เราช่วยมากมายนะ นั่นละคนจนตรอกจนมุม เป็นกรรมของสัตว์ เราก็ได้ช่วย ช่วยเยอะนะ อุดร หนองบัวลำภู บึงกาฬ สว่างแดนดิน ทางโน้นก็อำเภอพล ช่วยพวกเรือนจำไม่ใช้น้อยๆ นะช่วยแต่ละแห่งๆ เป็นล้านๆ ทั้งนั้นแหละเราช่วย ช่วยตลอด เช่นอย่างเรือนจำลาดยาวนี่ก็เราพูดเฉพาะส่วนใหญ่เท่านั้น ตึกสองหลังสามชั้น ๔๙ ล้าน นี่ก็ไปช่วยคนทุกข์คนจนที่อยู่ข้างใน อย่างอื่นเราช่วยมาแล้ว ช่วยมาเป็นลำดับ แต่ส่วนใหญ่ก็ช่วยอันนี้แหละ นี้คือช่วยโลกที่จำเป็นจนตรอกจนมุมหาทางออกไม่ได้
อย่าไปแหวกแนว ปลูกบ้านไว้เพื่ออยู่เพื่อหลับเพื่อนอนเป็นความสะดวกสบาย เรือนจำเป็นที่ดัดสันดานอย่าแหวกเข้าไป อย่าดื้ออย่าด้านหาญธรรม เรือนจำเป็นที่กักขังของคนทำชั่วช้าลามก บ้านเรือนไม่ได้อยู่ละ ปลูกบ้านหลังละเท่าไรก็ไปติดคุกติดตะราง เพราะทำแต่ของไสเข้าไปในคุก ให้ระมัดระวังนะ บ้านเรือนมีทุกคนพวกนักโทษในเรือนจำ แต่ทำไมมันแหวกเข้าไปติดอยู่ในคุกในตะราง ให้เขาทรมานทรกรรมทุกอย่างอยู่ในนั้น ใครอยากจะไปเป็นอย่างนั้น นี่ละความชั่วมันดันเข้าไปจนได้ บ้านเรือนมีอยู่ไม่อยู่ โดดเข้าไปในเรือนจำ เรียกว่านรกของมนุษย์เราก็คือเรือนจำ ให้พากันระมัดระวัง
การประพฤติตัวดีนี้โลกไม่อยากทำกัน เพราะฉะนั้นโลกจึงไปสู่แต่สถานที่ชั่วที่ได้รับความทุกข์ความทรมานมากต่อมากทีเดียว ผู้ที่จะไปสู่ความดิบความดี สุคโต อยู่ดีกินดีไปดี ไปเกิดที่ไหนก็ดีนี้มีน้อยมาก เพราะผู้ทำความดีมีน้อย ผู้ทำความชั่วมีมาก ความชั่วความดีอันนี้เป็นธรรมประเภทหนึ่ง เรียกว่าธรรมเหมือนกัน คือไปตรงกลาง ไม่เอียงโน้นเอียงนี้ ใครทำผิดทำถูกประการใด เจ้าของเป็นผู้ทำเอง ประกาศในตัวเองว่าเราได้ทำดีทำชั่วไปแล้ว ถึงจะเป็นที่ลับที่แจ้งไม่มีความหมาย มีความหมายอยู่กับผู้ทำ ทำดีที่ไหนก็คือเจ้าของเป็นผู้ทำ เปิดจ้าอยู่กับเจ้าของผู้ทำเอง กรรมเกิดจากการกระทำ การกระทำของใคร กรรมดีกรรมชั่วก็เป็นของคนนั้น ไม่ใช่ของคนอื่นคนใดที่จะมาแบ่งสันปันส่วนได้ อำนาจของกรรมเป็นผู้จัดแจงแบ่งไปเองทีเดียว
กมฺมํ สตฺเต วิภชติ กรรมย่อมจำแนกแจกสัตว์ให้มีความประณีตเลวทรามต่างกัน นั่นละกรรมเป็นเครื่องจำแนก เรามีอำนาจทำกรรมทำตามความอยากของเรา แต่กรรมก็มีอำนาจที่จะบังคับบัญชาเรา ทางดีก็ส่งไปในทางที่ดี ทางชั่วก็ส่งไปทางที่ชั่ว ท่านจึงสอนให้ระมัดระวัง ใครจะมีความรักตนสงวนตนยิ่งกว่าสัตว์ทั้งหลาย ไม่ต้องไปศึกษาเล่าเรียนจากโรงร่ำโรงเรียนใดแหละ เรื่องความตายความทุกข์ความลำบากนี้สัตว์กลัวกันทั้งนั้น เราเป็นมนุษย์ชั้นสูงกว่าบรรดาสัตว์ ที่โลกยอมรับกันว่าเป็นมนุษย์ชั้นสูง อย่าให้เป็นมนุษย์ชั้นต่ำที่สุดด้วยความเลวทรามของจิตใจ จิตใจต่ำทรามทำคนให้ชั่วช้าลามกตกนรกหมกไหม้ได้ พากันจดจำเอานะบรรดาพี่น้องทั้งหลาย
เราก็เหนื่อย ไปที่ไหนเทศนาว่าการตลอดนะ ไปกรุงเทพตั้งแต่วันไปถึงตอนกลางคืนเทศน์ทุกคืน ตั้งแต่วันที่ ๗ ไปจนกระทั่งถึงวันที่ ๓๐ นี่เทศน์ทุกคืนๆ เฉพาะสวนแสงธรรม ตอนเช้าก็เทศน์ แต่ตอนเช้าไม่ค่อยแน่นอนนัก มันหากมีเรื่องไม่แน่นอนมาผ่านนั่นแหละ เทศน์สะเปะสะปะเพราะเรื่องมันสะเปะสะปะเข้ามา เทศน์ก็สะเปะสะปะรับกัน ถ้าเงียบๆ เรียบๆ เทศน์ก็เรียบๆ ไป ส่วนมากกลางคืนที่สวนแสงธรรมมักจะเทศน์เรียบๆ ธรรมดาเป็นหลักเป็นเกณฑ์ แต่ตอนเช้าไม่ว่าที่อุดร ไม่ว่าที่ไหน อย่างสวนแสงธรรมก็เหมือนกัน มีสะเปะสะปะอยู่ในนั้นละ เทศน์ก็เป็นสะเปะสะปะไปตามๆ กันจึงเอาแน่นอนไม่ได้ ที่เอาแน่นอนได้คือตอนค่ำสำหรับสวนแสงธรรม และไปเทศน์ในงานต่างๆ เอาแน่นอนได้
เทศน์ที่ไหนออกวิทยุทั้งนั้น นี่เครื่องวิทยุรับอยู่นี้ อยู่ข้างๆ นั่น พอเทศน์นี้ปั๊บออกทางวิทยุแล้วๆ ทั้งนั้น ทุกวันนี้เป็นความสะดวกสบาย กิเลสเป็นความสะดวกของมัน เราก็แยกมาเป็นส่วนธรรมก็เป็นความสะดวกของการได้ยินได้ฟังอรรถธรรมเข้าสู่ใจ จากวิทยุ จากเครื่องบันทึกเสียงต่างๆ เหล่านี้ เราแยกมาเป็นธรรมก็เป็นธรรมแก่เรา ถ้าแยกไปทางฝ่ายกิเลสความเพลิดความเพลินความเสียหาย ก็เป็นไปทางความเสียหายเสีย นี่เราก็แยก กายของเรานี้เหมือนกัน พร้อมเสมอที่จะทำดีทำชั่วจากเจ้าของผู้บัญชาคือใจ ถ้าใจเป็นผู้บังคับบัญชาให้ไปทางดีก็ไปดี ร่างกายนี้เป็นเครื่องมือ ตายแล้วไม่ไปลงนรกนะร่างกาย มีใจนี้แหละจะไปตกนรกได้ ร่างกายตายแล้วก็สลายตัวลงไปเป็นธาตุเดิมของเขาคือ ดิน น้ำ ลมไฟ ส่วนธาตุเดิมแท้ของจิตใจนี้ไม่มีตายไม่มีฉิบหาย ตกนรกหมกไหม้กี่กัปกี่กัลป์ก็ยอมรับทุกข์ทั้งหลาย ที่ตนทำแล้วมากน้อยยอมรับทั้งนั้น แต่ไม่ยอมฉิบหายคือใจ
เมื่อผ่านพ้นจากกฎ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา ในแดนนรกนั้นเปลี่ยนช้า แล้วเปลี่ยนขึ้นมาๆ รู้เนื้อรู้ตัวแล้วก็เปลี่ยนขึ้นมาทางดี บำเพ็ญคุณงามความดีจนกระทั่งถึงที่สุดวิมุตติพระนิพพาน คือใจดวงที่เคยตกนรกนี้แหละ แต่เขาไม่ฉิบหาย ทีนี้พลิกตัวได้แล้วกลับมาปฏิบัติตัวดีจนถึงมรรคผลนิพพาน ก็เป็นธรรมธาตุไปเสียไม่มีฉิบหายคือใจดวงนี้เอง ท่านเรียกว่าธรรมธาตุ เมื่อถึงพ้นความพ้นทุกข์พ้นสมมุติโดยประการทั้งปวงแล้วนั้นเรียกว่าธรรมธาตุ จิตดวงนี้ละทำได้ด้วยกันเป็นได้ด้วยกันทุกคน จะลงนรกอเวจีก็จิตดวงนี้แหละเป็นผู้คึกคะนองทำตามความชอบใจ ส่วนมากเป็นความชั่วและพาเจ้าของให้จม ถ้าเป็นทางดีก็มีอรรถมีธรรมเป็นเครื่องกระตุ้นเตือนใจให้สร้างความดีงามเสมอ แล้วความดีงามสั่งสมตัวเข้าสู่ใจ ตายแล้วก็ความดีนี้ละเป็นมิตรเป็นสหายเป็นผู้พึ่งเป็นพึ่งตายได้คือความดีงามของเรา
ตายแล้วไปส่งเสียกันทางไหนอย่างใด เมรุหนึ่งๆ นี้คนไปส่งเสียกันเผาศพเผาเมรุน้อยเมื่อไร เต็ม ไม่มีใครสามารถที่จะส่งคนนั้นให้ไปสวรรค์นิพพานได้เลย มีบุญของเขาแต่ละคนๆ เท่านั้นเป็นผู้ที่จะพาไป ให้เราทราบเอาไว้นะ เห็นคนไปในงานศพมาก โอ้ ดีนะเขามีบุญวาสนามีคนไปงานศพมาก บุญหรือบาปก็ไม่รู้อยู่ในหัวใจของคนคนนั้น เช่นคนคดโกงรีดไถนี้ตัวสำคัญมากทีเดียว สร้างไฟนรกสุมภายในหัวใจทั้งๆ ที่กิเลสมันยกยอปอปั้นว่าคนนี้เขามั่งมีดีเด่น เขามียศถาบรรดาศักดิ์สูง เหมือนว่าธรรมชาตินี้จะพาพวกนี้ไปสวรรค์ ไปทางดิบทางดีกันหมด ความจริงลงนรกกันทั้งนั้น พวกคดพวกโกงพวกรีดพวกไถ เอาของเขามาเป็นเนื้อหนังของตนมันก็เป็นเนื้อหนังกาฝาก
กาฝากเป็นยังไง เกาะอยู่ตามต้นไม้ ต้นไหนที่มีกาฝากมากต้นนั้นก็อับเฉาลงไปโดยลำดับ สุดท้ายต้นไม้ที่มีกาฝากมากๆ ก็ตาย นี่ความชั่วช้าลามกที่เราเอามาเป็นกาฝากให้เป็นเนื้อเป็นหนังของเรา โดยไปคดโกงรีดไถจากผู้อื่นมา ซึ่งเป็นเนื้อหนังของเขา แล้วมาทำให้เป็นเนื้อหนังของตนมันก็เป็นเนื้อหนังกาฝาก เวลามันเกาะเข้าไปในจิตนี้เผาจิตๆ เรื่อย ตายนี้จมลงนรกเลย นี่ละสมบัติกาฝากที่ไปคดโกงรีดไถจากผู้ใดมาก็ตาม ธรรมท่านไม่ลำเอียง ทำชั่วเป็นชั่ว ทำดีเป็นดี แล้วเอาสมบัติของเขากว้านเอามาเป็นสมบัติของตน ให้เป็นเนื้อหนังของตน มันไม่เป็น มันเป็นสมบัติกาฝากคอยกัดเจ้าของๆ สุดท้ายจมไปด้วยสมบัติกาฝากที่เจ้าของภูมิใจว่าเจ้าของมั่งมีดีเด่นนั้นแหละ อย่าพากันไปทำนะ
ให้หามาด้วยความสุจริตทุกสิ่งทุกอย่างจะเป็นมงคล และเป็นสมบัติอันแท้จริงแก่ตัวเอง เวลาตายแล้วความดีงามทั้งหลายที่เราทำไว้สำหรับเรา ก็จะหนุนเราให้ไปสู่สุคติโลกสวรรค์ สถานที่เหล่านี้เป็นสถานที่อยู่ของสัตว์ทั้งหลาย เป็นที่เสวยสุขๆ แดนนรกเสวยทุกข์ แดนสวรรค์ไปถึงนิพพานเป็นบรมสุขเสวยสุขทั้งนั้น ต่างกันที่ทำดีทำชั่วเท่านั้นเอง ให้พากันเลือกเฟ้นในกรรมของเจ้าของเสียเวลายังมีชีวิตอยู่ ตายแล้วเลือกเฟ้นไม่ได้
แดนนรกสวรรค์นี้ใครไปอุตริไปลบไปล้างแดนนรกสวรรค์ พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ไม่มีเว้นแม้พระองค์เดียวที่จะปฏิเสธว่า บาปไม่มี บุญไม่มี นรกไม่มี สวรรค์ไม่มี นิพพานไม่มี ยอมรับเป็นเสียงเดียวกันหมด เพราะเหตุใด เพราะทรงรู้ทรงเห็นความจริงมาดั้งเดิมนี้ด้วยกัน ความจริงมาดั้งเดิมนี้ก็คือแดนนรก สวรรค์ พรหมโลก นิพพาน ตลอดถึงเปรตผีประเภทต่างๆ นี้มีมาดั้งเดิม เวลาตรัสรู้ขึ้นมาก็มาเจอสิ่งเหล่านี้ ทั้งฝ่ายชั่วฝ่ายดี แล้วนำมาสั่งสอนสัตว์ เช่นนรก สัตว์ไปตกนรกเพราะอะไร ไปตกนรกเพราะทำชั่ว ท่านก็สอนอย่าทำชั่วแล้วมันจะลงนรกนี้ ส่วนแดนสวรรค์ถึงนิพพานก็เป็นสถานที่รื่นเริงเป็นลำดับจนกระทั่งถึงความพ้นทุกข์ นี้มาจากการทำดี นี่เสวยแต่ความสุขความเจริญทั้งนั้นๆ
ให้พากันสร้างความดีงามทั้งหลาย ท่านก็สอนตามนี้ ส่วนทำเป็นเรื่องของเรา ถ้าใครหน้าด้านไม่ยอมทำตามท่านก็หน้าด้านลงนรก เขาไปสวรรค์นิพพานกันเต็มโลกเต็มสงสาร ไอ้เราแหวกลงนรก นี่คือคนหน้าด้านหาญทำแต่ความชั่วช้าลามกไม่เป็นของดีเลย จึงขอให้พี่น้องทั้งหลายได้พากันเลือกเฟ้นตนเอง นี่เป็นวันปีใหม่วันนี้แล้ว ให้เลือกสันปันส่วนการกระทำของเรา ที่เห็นว่าไม่ดีตรงไหนให้รีบแก้ไขดัดแปลงเสียตั้งแต่บัดนี้ ความทุกข์ที่จะตามแผดเผาเพราะการทำความชั่วนั้นจะเบาบางลงไปและไม่มี ถ้าอุตส่าห์พยายามทำตั้งแต่ความดี ความดีจะพอกพูนขึ้นโดยลำดับ ไปที่ไหนไปเถอะคนที่ว่ามีความดีแล้วไม่จำเป็นให้ใครจะไปตามส่งเสียที่ป่าช้าหรือเมรุก็ตาม ไม่จำเป็น บุญกุศลเต็มหัวใจแล้วดีดทีเดียวผึงเลย พากันเข้าใจเอานะ วันนี้เทศน์เพียงเท่านี้ละ ขอความสวัสดีปีใหม่จงเป็นสมบัติของพี่น้องทั้งหลายโดยทั่วกันเทอญ
รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th
และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร
FM 103.25 MHz |