เทศน์อบรมฆราวาส ณ ศาลาสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ
เมื่อเช้าวันที่ ๒๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘
ท่านอาจารย์ฝั้นกับเราแยกกันไม่ออก
เจดีย์(วัดอโศฯ) ก็อยู่ในหัวอกเราของเล่นเมื่อไร มารวมอยู่นี้หมดนะ ที่สำคัญๆ มารวมอยู่นี้หมด เราเป็นคนอุ้มทีเดียว อย่างท่านอาจารย์ฝั้นนี่หมดเลยนะ ๑๒ ล้านเจดีย์ ไม่มีเงินสักสตางค์หนึ่ง เราก็บอกตั้งแต่ทีแรกแล้ว เราไม่ไหวแล้ว ไม่เป็นประธานให้ เราบอกอย่างนั้น เราก็ไปประชุมเป็นประธาน ยกใครขึ้นเป็นประธานก็กัดกันแหลกเลย เอาเอายกคนนี้ขึ้นเป็นประธานก็กัดกันแหลกเลย ไม่เลือกพระเลือกโยม กัดกันแหลกเลย สุดท้ายสามปีเจดีย์หลวงปู่ฝั้นนะ ของเล่นเมื่อไร คือเราบอกแต่ต้นแล้วบอกเราไม่รับ อย่าให้รับ เหนื่อยมากแล้ว ให้ใครเป็นประธานก็แล้วแต่เถอะ
ประชุมกันถึงสามปี ปีที่สามนี้ไปหมดเลย ยกขบวนเลยไป มันสุดสิ้นแล้ว พอปีที่สามคณะกรรมการเจดีย์นี้ไปประชุมเพียงห้าคน หมด หมดหวัง ประชุมกันใหญ่เลยทีนี้ทางสกลนคร อุดมสมพร ประชุมกันใหญ่เลย ยกทัพมาทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้กำกับการจังหวัด และประชาชนในนั้น ยกขบวนใหญ่มาเลยเชียวเข้าวัดป่าบ้านตาด บอกความสุดสิ้นให้ฟังทุกอย่าง เรากับครูจารย์ฝั้นนี้แยกกันไม่ออกแล้วทำอย่างไรแต่ไหนแต่ไรมา พูดถึงเรื่องความสุดๆ สิ้นๆ ให้ฟัง เราก็ฟัง ถ้าเราไม่รับก็จะหมดจริงๆ ครูบาอาจารย์ทั้งองค์ แล้วเป็นเพชรน้ำหนึ่งเสียด้วย นี้จะทำอย่างไร
ก็ไปตั้งแต่ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้กำกับการตำรวจ และพ่อค้าประชาชนเต็มไปหมดเลย ยกขบวนไปหาเรา ไปบอกชัดเจนเลยว่าความสุดสิ้น หมดเท่านี้ ถ้าไม่ท่านอาจารย์แล้วก็หมด ได้ประชุมกันหมดแล้ว สามปี คราวนี้มีคณะกรรมการมาประชุมเพียงห้าคน ประชุมกันทางนู้นอีก จะทำยังไง ตกลงก็ยกขบวนมาหาเรา เราฟังเหตุฟังผลแล้ว นี่อย่างไรกัน ตกลงเราก็รับ นั่นละเห็นไหมล่ะ พอรับแล้วก็ประกาศลั่น ไม่มีเงินสักสตางค์นะเจดีย์ ๑๒ ล้าน ตกลงเราก็รับให้ เห็นแก่ครูบาอาจารย์ เพราะท่านอาจารย์ฝั้นกับเรานี้แยกกันไม่ออก ว่าอย่างนั้นเลย เราเคารพท่าน เทิดทูนท่านตลอดมา ท่านก็เมตตาเราตลอดเหมือนกัน
แต่ส่วนมากเป็นฝ่ายเรานี่โจมตีท่าน น่าโจมตีนะ ท่าน เหอๆ ใส่เปรี้ยงๆ เรากับท่านพันกันอย่างนั้นละ ท่านมีแต่ เหอๆ ไอ้เราก็จะตีตั้งแต่อยู่ด้วยกัน ทีนี้เวลามรณภาพ นี่ก็อัศจรรย์เหมือนกันนะ พูดถึงเรื่องท่านอาจารย์ฝั้น เราอยู่วัดดงศรีชมพู ท่านไปทำรั้วให้วัดดงศรีชมพู หมูอยู่ในนั้นเต็มเลย ถ้าไม่มีรั้วไม่ไหวละ เขาจะฆ่าหมูหมด ตกลงเราก็ไปทำรั้วให้ พอดีดูเหมือนวันที่ ๒๐ ตอนกลางคืน ฝนกระหน่ำเอาอย่างหนัก ไม่ใช่ธรรมดานะ ตามท้องนานี่ วันที่ ๒๐ ธันวา น้ำเต็มหมดเลยตามท้องนา จนกระทั่งรถไปมาไม่ได้เลย
นี่ละที่มันแปลกประหลาดอยู่นะ อำนาจจิตของท่าน พอตอนเช้าท่านทุยไปทำงานเอง ตอนเช้าเราจะกลับอุดร รถจะมารับเราก็เป็นรถเก๋ง มาทีนี้มันเข้าไม่ได้ซี น้ำท่วมหมดตามท้องนา ท่านทุยตื่นเต้นแต่เช้า ไปหาโยมอุปัฏฐากท่าน นี่มันกลับตาลปัตรอย่างนี้นะ มันแปลกเหลือเกิน กำลังใจของท่านอาจารย์ฝั้น พลังจิตของท่านเก่งมาก เครื่องบินขึ้นบนฟ้าก็มาเถอะน่ะถ้าท่านเพ่งตกเลย ฟังซิน่ะ อำนาจจิตของท่าน
ไปก็ไปสั่งเสียโยมอุปัฏฐากท่านนั่นแหละ บ้านนาขาม ไปก็ไปสั่ง ก็ท่านเป็นคนสั่งเอง นี่นะจะพูดให้ฟังชัดเจน วันนี้ตอนเช้าท่านอาจารย์ฉันจังหันเสร็จที่วัดดงศรีชมพูแล้วนั้นท่านจะออกเดินทางกลับอุดร เพราะเรามีธุระที่อุดร คือรถที่จะมารับท่านจะเป็นรถเก๋งไปไม่ได้ ให้เอารถที่บ้านของเรานี่ โยมอุปัฏฐากมีรถอยู่สองคันให้เอารถที่บ้านของเรานี่ไปรับท่านมาจากนู้นแล้วมาที่นี่ รถเก๋งมาก็มารอที่นี่ ขึ้นรถเก๋งกลับ สั่งเสียเรียบร้อย ท่านทุยนะมาสั่งเอง มันกลับตาลปัตรอย่างนี้นะ
พอมาสั่งเสร็จเรียบร้อยแล้วกลับไปวัด รถเก๋งมาถึงนั้นแล้ว โยมอุปัฏฐากนั้นน่ะที่ว่าให้เอารถไปรับเรา บอกว่าท่านอาจารย์ทุยท่านสั่งว่ารถเก๋งมาถึงที่นี่แล้วให้รอที่นี่ ท่านอาจารย์จะเดินทางมาเองมาขึ้นรถเก๋ง ฟังซิน่ะ เขาก็ เอ๊ อย่างไรถึงว่าอย่างนั้นน้า คนขึ้นรถเก๋งมาเขาก็เดินสะเปะสะปะไปจนกระทั่งถึงวัด ไปดูทาง มันก็มาไม่ได้จริงๆ เพราะน้ำเต็มไปหมด พอไปถึงเรา อ้าว มาอย่างไรล่ะ รถมันมาไม่ได้ แล้วท่านทุยก็นั่งรออยู่นั่น ท่านทุยว่า ไหนว่าอย่างไร ในบ้านเขาสั่งว่ารถเก๋งมาถึงที่นี่แล้วให้จอดอยู่ที่นี่ ท่านอาจารย์จะเดินทางมาขึ้นรถคันนี้ไปเองกลับอุดรเอง ที่บอกว่าให้รถไปรับเรามาขึ้นรถเก๋งไม่พูดเลยนะ
พอท่านทุยได้ยิน ตายขึ้นทันทีเลย ท่านก็บึ่งเลย จีวรครองหรือไม่ครองไม่ทราบ ปลิวไปเลยทีเดียว ทำไมจึงเป็นอย่างนั้น ท่านทุยบึ่งเลยทันที ก็เราสั่งอย่างนั้นๆ ทำไมเป็นอย่างนี้ได้ พอดีไปถึงบ้านนาขาม รถเจ็ดคัน เราก็เลยไม่ลืม ถ้าไม่มีเหตุไม่ลืมนะ รถตั้งเจ็ดคันไม่มีรถสักคันเดียว ไปรออยู่นั้นตั้งสองชั่วโมง ท่านทุยไปรออยู่ คันไหนมาก็จะจับไปเลย ว่าอย่างนั้นเถอะ แต่รถไม่มีเลย รออยู่ตั้งสองชั่วโมงเห็นรถสองแถวคันหนึ่งแคร็กๆ มาก็เลยจับรถสองแถวนี้เข้าไปเลย พอไปถึงเราแล้วก็เตรียมของขึ้นรถ
พอเตรียมของขึ้นรถแล้วติดเครื่อง รถคันนี้ก็เป็นธรรมดาๆ นะ พอเตรียมของขึ้นรถแล้วติดเครื่อง ติดเครื่องแล้วดับ ติดเครื่องแล้วดับอยู่อย่างนั้น ไม่ยอมไปรถคันนี้นะ อยู่วัดดงศรีชมพู มันกระเทือนใจ ถึงครั้งที่สาม ทางนี้ก็โพล่งออกเลย วันนี้จะต้องมีเหตุการณ์อะไรแน่นอนเกิดขึ้น คอยดูก็แล้วกัน เกิดแน่ๆ วันนี้มี คอยฟัง รถคันนี้เป็นเหตุ บอกแล้ว สักเดี๋ยวเห็นท่านเอียนไปจากกรุงเทพฯนี้ไปฉันจังหันที่บ้านตังล้งอุดร ไปได้ข่าวท่านอาจารย์ฝั้นมรณภาพ ท่านมรณภาพเมื่อคืนนี้ที่วัดอุดมสมพร ท่านได้ข่าวอันนี้มาเลยต้องรอข่าวอันนี้ เข้าใจไหมล่ะ
รถอย่างไรก็ไม่ติดๆ อยู่งั้น ถึงเวลาควรจะไป ไปไม่ได้ พอดีรถท่านเอียนก็ออกไปจากอุดร รอข่าวอันนี้เอง ให้รอ พอรถท่านเอียนจอดปั๊บ ท่านเอียนก็วิ่งปุ๊บมานี้เลย มาก็บอกว่าท่านอาจารย์ฝั้นท่านมรณภาพแล้วเมื่อคืนนี้ตอนหกโมงห้าสิบนาที เราไม่ลืมนะ พอว่าอย่างนั้น เออ เอาละได้ความที่นี่ รถติดเครื่องไม่ติดเครื่องมันจะไปเอง ทีนี้ได้ความแล้ว นี่เหตุการณ์ พอติดเครื่องบึ่งเลย ออกจากนั้นเราก็บึ่งไปที่วัดอุดมสมพร แทนที่จะกลับอุดรไม่ได้กลับนะ บึ่งไปถึงนู้นเลย นี่ละเรื่องเป็นอย่างนี้ ท่านอาจารย์ฝั้นนะนั่น นี่ละอำนาจของท่านเป็นอย่างนั้นบังคับไว้ทุกอย่าง
ถ้าสั่งนี้ก็กลับตาลปัตร ท่านทุยเป็นคนสั่งให้เอารถไปรับเรามาขึ้นรถเก๋ง ก็บอกว่าท่านอาจารย์จะเดินทางมาเอง ดูซิน่ะ เป็นอย่างนั้นละกลับตาลปัตรอย่างนี้ จนท่านทุย โอ๋ย หัวเสียไปละวันนั้น มันทำไมพวกนี้รับกันมาพอแล้ว คำพูดภาษาเดียวกันมันเป็นอย่างไรๆ วิ่งมารถไม่มีสักคันเดียว จะมาเอาไม่ได้ พอท่านเอียนมาบอกนี่รถบึ่งถึงเลย นี่ละท่านอาจารย์ฝั้นเป็นอย่างนั้นละเกี่ยวข้องกับเรา ให้ไปทางนู้นเสียก่อน ความหมายว่าอย่างนั้น เราบึ่งก็ถึงเลย
ทีนี้ก็มาเข้าถึงเรื่องเจดีย์นะ แบบเดียวกันอีก เราก็บอกตั้งแต่ต้นแล้วอย่าให้เราเป็นประธานเลย เราเหนื่อยมากตั้งแต่พิพิธภัณฑ์พ่อแม่ครูจารย์มั่น เราก็ทำเต็มกำลังแล้ว คราวนี้ขอให้ผู้อื่นองค์ใดก็ตามเป็นประธาน ให้เราพักสักหน่อยเถอะ นี่ก็ประชุมกันถึงสามปี พระกับโยมทะเลาะกัน เอาใครเป็นกรรมการก็กัดกันแหลก ไม่เลือกพระไม่เลือกโยม กัดกันแหลก สุดท้ายถึงสามปี ไม่ได้แล้ว จึงยกทัพไปหาเรา เรื่องราว
ไปพูดถึงเรื่องความสุดๆ สิ้นๆ ให้ฟังแล้ว เราก็ เอ๊ ทำอย่างไร เราเคารพเทิดทูนท่านมากทีเดียว ตกลงเราถึงรับให้ พอรับแล้วทางนั้นเงินสตางค์หนึ่งไม่มี เจดีย์ ๑๒ ล้าน เรียกว่าเราละเป็นคนหาเงิน สุดท้ายก็เอาเลย เอา เอารับให้ ทีนี้คณะพวกก่อสร้างเขาก็ไปหา เขาก็พูดว่าเขาตกลงจะก่อสร้างแล้ว เอ้อ การก่อสร้างก็ยอมรับว่าก่อสร้าง แต่เวลานี้เขามาเสกสรรปั้นยอให้หลวงตาเป็นประธาน แล้วหลวงตาไม่มีเงินสักบาทเลย เราก็บอกว่าสักบาทเลยจะสร้างเจดีย์นี้น่ะ
ตั้งแต่บวชมาหลวงตาจะได้ติดคุกติดตะรางคราวนี้ เมื่อลูกศิษย์สร้างเจดีย์เรียบร้อยแล้วไม่มีเงินให้ลูกศิษย์ หลวงตาต้องยอมติดคุก เราว่าอย่างนั้น ทางนั้นก็ขึ้นทันทีเลย หัวหน้าการก่อสร้างเขา บริษัทเนาวรัตน์ โอ๊ย ถ้าลงท่านอาจารย์จะติดคุกแล้ว เจดีย์หลังนี้ผมจะไม่เอาสักสตางค์เลย ผมจะสร้างให้เสร็จเรียบร้อยเลย ขอให้ท่านอาจารย์เย็นใจ ไม่ต้องติดคุก พวกผมจะสร้างให้ด้วยความพอใจเต็มเหนี่ยวเลย เอาถ้าอย่างนั้นก็ตกลงกัน เขาก็สร้างเลย เงินมันก็มาเรื่อยๆ
ทีนี้ก็ไปถึงจุด นี่ละกรรมดีแก้กรรมดี ตอบรับกัน พอไปถึงกลางปี ปูนขาดตลาดทันทีเลย ปูนหาที่ไหนก็ไม่ได้ หมด การก่อสร้างหยุดชะงัก ทีนี้เซ็นสัญญากันในระยะไหนๆ แล้วมันจะเลยสัญญาไปเขาจะปรับ ทางนี้หยุดไปตั้งสองเดือนไม่ได้สร้างเลย เพราะปูนไม่มี ทีนี้เขาก็วิ่งมาหาเราอีกละ แล้วทำอย่างไรท่านอาจารย์ เจดีย์นี้หยุดชะงักแล้วปูนไม่มี ขาดมาสองเดือนนี้แล้ว อย่างไรก็ต้องถูกปรับแน่นอน เพราะกว่าจะได้ปูนมานี่สร้างนี้กว่าจะเสร็จนี้ต้องเลยสัญญาไป
เอาอย่างนี้ก็แล้วกันนะ ปูนที่หมดไปหรือไม่หมดไปใครก็เห็นกันทั่วโลกทั่วสงสาร ทุกคนก็เห็นกัน เอา เอาสร้างไปเลย มาเมื่อไรก็สร้างไป ไอ้เรื่องสัญญานี่น่ะถ้าหลวงตาซึ่งเป็นประธานไม่ปรับเสียคนเดียว ไม่มีใครปรับได้ในโลก เอาเลย สุดท้ายก็เลยสร้างเลย ข้ามหัวสัญญาเงียบไปเลย เสร็จเรียบร้อย นี่มันเป็นอย่างนั้นนะ มันแปลกอยู่ ตกลงเลยสัญญาไม่สนใจ ก็เราเป็นประธานการเซ็นสัญญงสัญญานี่ ก็เราไม่ปรับเสียอย่างเดียวใครจะปรับ เอาเลยสร้างไปเลย เขาก็สร้างจนเสร็จ เสร็จแล้วเหยียบหัวสัญญาไปเลยตลอด จนกระทั่งทุกวันนี้
แล้วเงินก็มาพร้อมปึ๊บเสร็จเลย เหลือเงินแปดแสนกว่าบาท เรายังยกเงินเหลือจากเจดีย์แปดแสนบาท มอบให้ทางวัดอุดมสมพร เพราะวัดนี้รับเป็นรับตายรับทุกสิ่งทุกอย่าง หากว่าเศษเหลืออะไรวัดนี้เป็นวัดที่ควรจะได้เงินจำนวนที่เศษเหลือนี้ จึงมอบให้วัดนี้ทั้งหมดที่เศษจากเจดีย์ ๑๒ ล้านไปแล้วนะ เอ้า คณะกรรมการว่าอย่างไร ใครก็สาธุด้วยกัน จึงยกเงินแปดแสนกว่าบาทมอบให้วัดอุดมสมพร ๑๒ ล้านบาทสมบูรณ์แบบเรียบเลย อย่างนี้เรื่องท่านอาจารย์ฝั้นกับเรา มันหากมีกันอยู่อย่างนั้นแปลกอยู่ ขบขันทุกอย่างละครูจารย์ฝั้นนี่ เพราะอำนาจของจิตท่านเก่งมากนะท่านอาจารย์ฝั้น พลังจิตเพ่งตรงไหนหยุดเลย รถเพ่งไม่ให้ไปก็ไม่ไป
นั่นน่ะดูซิกำลังของจิตพลังของจิต ท่านอาจารย์ลีองค์หนึ่ง พลังของจิต ท่านอาจารย์ลี-ท่านอาจารย์ฝั้นเหมือนกัน ฤทธิ์เป็นคนละทางๆ อำนาจของจิต แต่สำหรับฤทธิ์ของเรานี้มันพิสดาร ถ้าโลกเขาไม่ประสงค์ตรงไหนฤทธิ์ของเราจะเข้าตรงนั้น ถ้าเป็นกล้วยหอมกล้วยไข่มันเห็นหมดนะไอ้ฤทธิ์ของอีตาบัวนี่ เข้าใจไหม ถ้าฤทธิ์จะเป็นชิ้นเป็นอันเป็นเนื้อเป็นหนังมันไม่ค่อยได้เรื่อง ถ้าเป็นกล้วยหอมกล้วยไข่หรือลูกสาลี่หรือลูกอะไรอยู่ที่ไหนตามันจับเลย ตาดี ฤทธิ์ดี เรามันดีไปคนละทาง จำเอานะ นี่เก่งทางหนึ่ง ทางนั้นเก่งทางหนึ่ง เราเก่งทางหนึ่ง เข้าใจไหม ยอมรับหรือยังนี่ มันเก่งคนละทาง
วันนี้ประชาชนก็มากันมาก สร้างบุญสร้างกุศลศีลทานเข้าสู่จิตใจอันเป็นเรื่องสำคัญ เป็นธรรมชาติที่แน่นหนามั่นคงในภพชาติของเรา อยู่กับบุญกับกุศลนะ ขอให้พี่น้องทั้งหลายทราบ บุญกุศลจะเป็นเครื่องพยุงจิตใจเรา นอกจากนั้นไม่พยุง ใครอยู่ที่ไหนก็อยู่ อาศัยสิ่งเหล่านั้นละ แต่เวลาจะพยุงจิตใจให้ไปสู่สถานที่ดีคติที่เหมาะสมมีบุญมีกุศลนี้เท่านั้น ไม่อย่างอื่น มีเท่านั้น นอกนั้นช่วยไม่ได้เลย
ให้พยายามสร้างความดีงามเข้าสู่จิตใจของตน ส่วนเหล่านี้เราก็ได้อาศัยด้วยกันทั่วหน้าทั่วโลกทั่วสงสาร ที่อยู่ที่อาศัย แต่ใจนี้ขาดที่พึ่งเยอะนะ โลกนี้ขาดมากทีเดียว ไม่ใช่ธรรมดา หากจะมีเป็นหย่อมๆ อยู่บ้าง ก็โลกชาวพุทธได้สร้างฐานะอันสำคัญๆ คือบุญกุศลเข้าสู่ใจ รวมทางด้านจิตตภาวนาด้วย อันนี้เป็นหลักใหญ่ของใจ นอกนั้นล้มละลาย พอลมหายใจขาดก็ขาดไปตามๆ กัน ไม่มีความหมายอะไร ส่วนบุญส่วนกุศลของเรานี้ไม่ขาด ติดกับจิต พยุงกันไปเลย พากันจำคำนี้ไว้ให้ดี เอาละเทศน์เพียงเท่านี้วันนี้ ต่อไปนี้จะให้พร
รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th
และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร
FM 103.25 MHz
|