คนมีกิเลสที่มีธรรมครองใจ
วันที่ 10 ธันวาคม 2548 เวลา 8:20 น.
สถานที่ : ศาลา สวนแสงธรรม กรุงเทพฯ
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   ข้อมูลเสียงแบบ(MP3)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ ศาลาสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ

เมื่อเช้าวันที่ ๑๐ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘

คนมีกิเลสที่มีธรรมครองใจ

วันนี้เป็นวันเสาร์เป็นวันว่างสำหรับการงานทั้งหลาย แล้วก็ให้หมุนใจเข้าสู่ศีลสู่ธรรมในวันว่างเช่นนี้ ศีลธรรมนั้นละเข้าสู่ใจ เมื่อศีลธรรมเข้าสู่ใจแล้วใจจะเยือกเย็น การแสดงออกในกิริยาต่างๆ ออกจากใจ จะเป็นสิ่งที่สมัครสมานนุ่มนวลต่อกัน ถ้าปล่อยให้กิเลสออกแสดงแล้วมีแต่ฟืนแต่ไฟ ดีดดิ้นกันอยู่ตลอดเวลาหาความสงบสุขไม่ได้ เพราะฉะนั้นท่านจึงให้ว่างในวันใดวันหนึ่ง

         สำหรับทางศาสนาต่างๆ เขาก็มีวันว่างเช่นวันเสาร์-วันอาทิตย์ สำหรับพุทธศาสนาเราก็มีวันว่าง คือวันพระวันโกน ๗ ค่ำ ๘ ค่ำ ๑๔-๑๕ ค่ำ เป็นวันว่างสำหรับพุทธศาสนา ทีนี้เมื่อว่างแล้ววันเสาร์-วันอาทิตย์เราก็มีโอกาสที่จะสร้างความดีได้  เช่นเดียวกับศาสนาอื่นๆ ให้พากันมีศีลธรรมภายในใจบ้างนะ ถ้าไม่มีศีลธรรมนี้ไขว่คว้าทั้งนั้นละจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นจิตใจของผู้ใด ชาติชั้นวรรณะใดก็ตาม ไม่มีสาระอะไรเลย ถ้าไม่มีธรรมเข้าเป็นหลักใจ ถ้ามีธรรมเป็นหลักใจไม่ว่าเด็กผู้ใหญ่ พระและฆราวาส มีศีลธรรมไปตามขั้นภูมิของตน ตามเพศของตนแล้วก่อให้เกิดความสงบร่มเย็น

         ธรรมไม่เคยเป็นข้าศึกต่อผู้ใดแต่ไหนแต่ไรมา มีแต่คุณล้วนๆๆ กิเลสนั้นเป็นสิ่งเพลิดเพลิน และเป็นข้าศึก เป็นฟืนเป็นไฟแทรกไปกับความเพลิดเพลิน นั่นคือกิเลส ความเพลิดเพลินเป็นเหยื่อล่อ ความทุกข์ที่เป็นผลจากความเพลิดเพลินนั้นมันกลับมาเผาหัวใจเรา นี่คือกิเลส กิเลสกับธรรมอยู่ในใจดวงเดียวกัน ถ้ามีธรรมเข้าไปแทรกกิเลสก็จะสงบตัว ไม่ดีดไม่ดิ้นจนเกินเหตุเกินผล เกินเนื้อเกินตัว ถ้าไม่มีธรรมเข้าแทรกแล้วเตลิดเปิดเปิงหาหลักเกณฑ์ไม่ได้ สมบัติอะไรๆ จะมีมากน้อยก็เป็นแต่เพียงความคาดความหมาย เป็นอารมณ์ของใจ แต่หลักจริงๆ ที่จะให้ใจได้ยึดเหนี่ยวเป็นที่อบอุ่นนั้นคือธรรม แล้วไม่มีในใจก็ร้อนคนเรา ถ้ามีธรรมภายในใจแล้วจะเยือกเย็น

         เพราะฉะนั้นสมบัติภายนอกกับสมบัติภายใน คือธรรม ได้แก่ความดีงามทั้งหลายนี้เป็นคู่กัน สมบัติภายนอกคือเงินทองข้าวของศฤงคารบริวารต่างๆ เรียกว่าสมบัติภายนอก เราต้องได้อาศัยเขาเป็นความจำเป็นทั่วโลกดินแดน สมบัติภายในนี้โลกไม่ค่อยได้สนใจ เพราะฉะนั้นโลกถึงจะมีอะไรมากมายเต็มแผ่นดินก็ตาม จึงหาความสุขไม่ค่อยได้กันและหาไม่ได้ ไปที่ไหนมีแต่ความรุ่มร้อนๆ ว่าบ้านนั้นเจริญบ้านนี้เจริญ มันเจริญด้วยสิ่งก่อสร้างอิฐปูนหินทราย ถนนหนทาง สินค้านานาชนิด พอเป็นเครื่องหลอกใจเท่านั้นเอง ก็เพลินไปตามสิ่งนั้นเสีย หาความสุขเป็นหลักใจไม่มีเลยถ้าไม่มีธรรมในใจ ถ้ามีธรรมในใจแล้วอยู่ที่ไหนสบายๆ

         ธรรมเป็นของเลิศเลอ เป็นธรรมชาติที่เหมาะสมกับใจอย่างยิ่งทีเดียว ขอให้พากันน้อมธรรมเข้าสู่ใจ ถ้ามีธรรมในใจจะมีการยับยั้งได้คนเรา ถ้าไม่มีธรรมแล้วเตลิดเปิดเปิง เหยียบแต่คันเร่ง ตกเหวตกบ่อไม่รู้ตัวๆ ถ้ามีธรรมแล้วก็มีเบรกห้ามล้อ ไม่ให้มันเตลิดเปิดเปิง หักห้ามกันไว้พอสมควร เราก็มีส่วนดีที่เป็นชิ้นเหลืออยู่ภายในตัวของเรา

         ธรรมนี้จอมปราชญ์ทั้งหลายมีมาตั้งกัปตั้งกัลป์ พระพุทธเจ้าตรัสรู้ในโลกนี้ไม่ได้น้อยๆ นะ มากที่สุดเลย ก็คือธรรมสอนโลกนั่นเอง สำหรับพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์นั้น ท่านเสวยบรมสุขตลอดมา แล้วนำธรรมที่เลิศเลอนั้นมาสั่งสอนสัตว์โลก แม้ไม่ยึดได้อย่างท่านก็ตาม ก็ขอให้ยึดแบบลูกศิษย์มีครู เดินตามครูตามอาจารย์ มีอรรถมีธรรมเป็นเครื่องยับยั้งชั่งตัว แล้วเราก็จะมีความสุขความเย็นใจ ที่สำคัญที่สุดในโลกนี้มีอะไร ส่วนมากโลกจะมองเห็นตั้งแต่วัตถุต่างๆ เต็มท้องฟ้ามหาสมุทร ทั่วโลกดินแดนมีแต่วัตถุที่เป็นอารมณ์ของใจ ไม่ใช่ธรรม

         เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้จึงเป็นอารมณ์ที่ให้เป็นไปเพื่อความรุ่มร้อน ให้ดีดให้ดิ้นไม่หยุดไม่ถอย แต่อารมณ์ของธรรมภายในใจนี้จะไม่ดีด มีมากมีน้อยรู้เท่าทัน ไม่หลงเพลินจนลืมเนื้อลืมตัวตกเหวตกบ่อไป คนมีธรรมย่อมยับยั้งตัวไว้ได้ดี ธรรมคือความเลิศเลอนั้นแหละ ไม่ได้มากก็ให้เข้ามายึดภายในจิตใจเรา วันหนึ่งๆ ควรจะได้ระลึกถึงธรรมไม่มากก็ให้ได้น้อย ให้เป็นเครื่องระลึกในวันหนึ่งๆ อันนี้มีแต่กิเลสเอาไปถลุงเสียหมด กิริยาของจิตที่คิดออกในแง่ใดมุมใดมีแต่เรื่องของกิเลสเอาไปถลุงๆ เราขาดทุนไปเรื่อยๆ ไม่มีกำไรบ้างเลย

         คำว่ากำไรไม่อยากจะพูดว่ามี มีแต่ความล่มจมไปเรื่อยๆ ทั้งที่ตัวเองก็เพลิดเพลินรื่นเริงบันเทิง ทั้งเขาทั้งเราตื่นโลกตื่นสงสารว่าบ้านนั้นเจริญเมืองนี้เจริญ ไปดูตั้งแต่วัตถุภายนอก หัวใจเป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้อยู่ในหัวอกทุกคนไม่ได้ดู ธรรมท่านดูหมด ท่านรู้หมดอะไรร้อนอะไรเย็น สิ่งที่กิเลสผลิตขึ้นมานั้นละพาให้รุ่มร้อน สิ่งที่ธรรมผลิตขึ้นมาภายในใจพาให้ร่มเย็น ให้พากันจำเอาไว้ ธรรมเป็นของจำเป็นมากเฉพาะชาวพุทธเรา อย่าห่างเหินนะ ถ้าห่างเหินจากธรรม สำคัญตนถึงขนาดที่ว่าจะเหาะเหินเดินฟ้าก็จมทั้งนั้นละถ้าไม่มีธรรม มีธรรมแล้วอยู่ที่ไหนสบายๆ

         นี่เราก็เคยยกตัวอย่างให้พี่น้องทั้งหลายทราบ ตั้งแต่ครั้งพุทธกาลมาจนกระทั่งปัจจุบัน ผู้ที่หาความสุขเจอคือใคร คือผู้บำเพ็ญธรรม คำว่าบำเพ็ญธรรมมีหลายขั้นหลายตอน ผู้บำเพ็ญธรรมให้ถึงความเลิศเลอของธรรมจริงๆ อย่างสาวกของพระพุทธเจ้าท่านอยู่ที่ไหนท่านสงบสบาย นั่นละบรมสุขอยู่ที่ใจของท่าน พระพุทธเจ้าพระสาวกทั้งหลายเป็นบรมสุข โลกทั้งหลายมีแต่มหันตทุกข์เต็มตัวๆ เต็มหัวใจทุกคน แต่ท่านเป็นบรมสุขภายในจิตใจ นั่นคือธรรมครองใจ ใจกับธรรมเป็นอันเดียวกันแล้วเป็นสุขตลอดเวลา

         ย่นเข้ามาผู้เสาะแสวงหาธรรมประเภทนั้น ส่วนมากถ้าเป็นพระก็ชอบจะอยู่ในป่าในเขาตามถ้ำเงื้อมผา ที่สะดวกสบายในการบำเพ็ญธรรม กำจัดกิเลสที่เป็นฟืนเป็นไฟ พาให้คึกให้คะนองภายในจิตใจ  ให้กระจายออกไปๆ ธรรมขึ้นครองใจมีความสงบเย็น ท่านอยู่ในป่าในเขาท่านก็เย็น นั่นละผู้หาความสุขเจอความสุข ตั้งแต่พื้นๆ ถึงความสุขที่เป็นบรมสุข ส่วนมากมักจะอยู่ในที่สงบสงัด นี่คือท่านผู้ตั้งหน้าทำหน้าที่การงานเพื่อความสงบใจ เพื่ออรรถเพื่อธรรม เพื่อมรรคผลนิพพานในใจจริงๆ แล้วท่านก็เป็นนักบวชด้วย เป็นผู้นำหน้าในการเสาะแสวงหาความสุข และการปราบปรามกิเลสทั้งหลายที่เป็นตัวภัยต่อหัวใจแต่ละรายๆ ท่านพยายามอยู่ในป่าในเขา

         วันหนึ่งๆ ใจกับธรรมอยู่ด้วยกันๆ มีแต่ความสุขความรื่นเริงบันเทิงในธรรม ไม่มีทางเสียหาย เหมือนความรื่นเริงบันเทิงไปตามกิเลส ซึ่งนำความเสียหายติดตามเรามาเรื่อยๆ ไปเรื่อยๆ อย่างนั้นละ นี่ท่านอยู่ในป่า เวลาเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเราเห็นได้ชัดตามตำรับตำราซึ่งเป็นหลักความจริง องค์นี้สำเร็จพระโสดา องค์นี้สำเร็จเป็นพระสกิทาคา องค์นี้สำเร็จเป็นพระอนาคา องค์นี้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ เป็นขั้นๆ ขึ้นไปแห่งธรรมและเป็นขั้นๆ แห่งความสุขความเจริญภายในใจของท่าน จนกระทั่งถึงวิมุตติหลุดพ้น เรียกว่าอรหันต์นั่นละ อนาคาแล้วก็อรหันต์ กิเลสสิ้นไปจากใจ นั่นท่านเสาะแสวงหาความสุขภายในจิตใจ แล้วนำธรรมนั้นมาสอนโลก

         ดังสาวกทั้งหลายท่านสอนโลก เราได้กราบไหว้บูชาท่านอยู่ทุกวันๆ นี้คือ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ พระสงฆ์เหล่านี้เป็นพระสงฆ์ที่เป็นเนื้อนาบุญของโลกโดยสมบูรณ์ ปุญฺญกฺเขตตํ โลกสฺส ไม่มีเนื้อนาบุญอื่นใดที่จะเสมอเหมือนเนื้อนาบุญของท่านผู้สิ้นกิเลสแล้ว ท่านเสาะแสวงหาได้แล้วก็มาสอนพวกเรา เราเข้าป่าเข้าเขาบำเพ็ญตนเหมือนท่านไม่ได้ ก็ให้อยู่แบบลูกศิษยมีครูมีอาจารย์ คอยฟังเสียงอรรถเสียงธรรมจากท่านนำไปปฏิบัติ คอยบังคับจิตใจของตัวเอง จิตใจนี้มันคึกคะนองที่สุด ไม่ว่าชาติชั้นวรรณะใด ใจถูกกิเลสครอบงำอยู่แล้ว จะไม่มีชั้นมีภูมิว่าสูงว่าต่ำ ที่ว่าสูงว่าต่ำก็ว่าเสกสรรกันไป ก็กิเลสแหละเสกสรร ไม่ใช่ธรรมเสกสรร

         ธรรมเสกสรรท่านไม่ตื่นตัว ถ้ากิเลสเสกสรรแล้วตื่นตัว เช่นพระเรานี้บวชเข้ามาแล้ว พอออกจากโบสถ์มาก็เป็นสมุห์ ใบฎีกา กิเลสเสกสรรแล้วได้ชั้นแล้ว จากนั้นเป็นพระครูพระคัน เป็นเจ้าคุณ ขึ้นเป็นสมเด็จ นี่คือความเสกสรรปั้นยอ แต่ตัวเองซึ่งเป็นตัวประธานหลักเกณฑ์แห่งชื่อเสียงเหล่านี้ไม่มีความหมาย เพราะไม่มีธรรมภายในใจ มีแต่ความดีดความดิ้น สิ่งเหล่านั้นก็มายกยอขอนซุงทั้งท่อน ที่ไม่เกิดประโยชน์อะไรนั้นแหละ

         ขอนซุงคือจิตใจไม่มีค่าไม่มีราคา มีแต่เอาเครื่องประดับเข้าไปเป็นยศนั้นยศนี้  ไม่ใช่ของจริงอย่างนี้ เป็นเครื่องหลอกลวงโลก ถ้าผู้หลงตามมันแล้วติดได้จมได้ไม่สงสัย แต่ท่านผู้ทรงธรรมท่านไม่หลง ท่านไม่ตื่น ไม่มียศอันใดที่จะเลิศเลอยิ่งกว่าคุณธรรมภายในใจของท่านที่บำเพ็ญอยู่เป็นประจำ อยู่ที่ไหนท่านก็มีศีลมีธรรมสมบูรณ์พูนผลอยู่ภายในจิตใจ ไปที่ไหนนี้เรียกว่ายศในหลักธรรมชาติ ความดีในหลักธรรมชาติ คุณธรรมในหลักธรรมชาติติดตัวไปเลย ไปที่ไหนติดตัวไป ท่านผู้นี้ไม่ต้องหายศหาลาภที่ไหน ให้ดีดให้ดิ้นจนเกินเหตุเกินผล จนไม่น่าดู

         อย่างพระเราทุกวันนี้น่าสลดสังเวช มันน่าดูเมื่อไร หาแต่ยศแต่แย็ดอะไรก็ไม่รู้ละ วุ่นไปหมด ศีลธรรมภายในจิตใจซึ่งเป็นธรรมชาติที่เลิศเลอมันไม่สนใจ มันสนใจไปในกองมูตรกองคูถไปอย่างนั้น ได้มาก็เอามูตรคูถติดหัวให้แมลงวันตอม ก็โห ของนี่มีอะไรมาตอม มันเหม็นแมลงวันตอม สิ่งที่หอมไม่มีในหัวใจ ก็มีแต่แมลงวันที่ชอบของสกปรกไปตอมเอา ยศถาบรรดาศักดิ์เป็นสิ่งสกปรก สำหรับผู้ที่ต้องการคุณธรรมที่สูงส่งขึ้นไปตามหลักธรรมพระพุทธเจ้าแล้วท่านไม่หลง ท่านไม่ตื่นเต้น อยู่ที่ไหนคุณธรรมสมบูรณ์แบบอยู่แล้ว นี่คือยศของท่านที่เลิศเลอ คุณธรรมที่เลิศเลออยู่นี้ ไปที่ไหนสบายไปเลย สบายไปเลย ไม่มีการพลัดพรากจากกัน นี่คือคุณธรรม สมบัติประจำตน นอกนั้นเป็นเครื่องเสกสรรปั้นยอกันไปตามสมมุตินิยมไปอย่างนั้นแหละ อย่าพากันตื่น ถ้าใครตื่นแล้วจมได้ๆ 

         คุณธรรมมีอยู่กับตัว เราอยู่ในครอบครัวเหย้าเรือน  ผัวกับเมียพูดกันรู้เรื่องรู้ราว เพราะต่างคนต่างมีอรรถมีธรรมด้วยกัน ซื่อสัตย์สุจริต ฝากเป็นฝากตายกันได้ อยู่ด้วยกันเป็นผาสุก นี่วิมานของมนุษย์ที่มีศีลธรรมในครอบครัว แดนมนุษย์เรานี้แหละ เราจะไปหาความสุขความเจริญจากที่ไหน ที่ไม่มีศีลธรรมไปไหนก็ไปเถอะจมทั้งนั้นแหละ ถ้ามีศีลธรรมแม้อยู่ในครอบครัวผัวเมียอบอุ่นต่อกันนะ ลูกเต้าหลานเหลนเกิดขึ้นมาอยู่กับพ่อกับแม่ เห็นพ่อเห็นแม่มีความยิ้มแย้มแจ่มใสต่อกัน พูดเป็นความสัตย์ความจริง พูดไพเราะเพราะพริ้งต่อกันด้วยเหตุด้วยผล ด้วยอรรถด้วยธรรม ลูกเล็กเด็กแดงที่ฟังพ่อฟังแม่เขายิ้มแย้มแจ่มใสไปตาม เด็กก็มีความรื่นเริง เมื่อพ่อแม่ต่างคนต่างมีศีลมีธรรม ปฏิบัติต่อกัน ลูกเต้าหลานเหลนที่เกิดมาเอาพ่อแม่เป็นแบบพิมพ์ เขาก็ยิ้มแย้มแจ่มใสไปตาม

         นี่ละศีลธรรมอยู่ในผัวในเมีย ผัวก็เป็นผัวดี เมียก็เป็นเมียดี ลูกเกิดขึ้นมาก็ได้ยินได้ฟังอรรถธรรมจากพ่อจากแม่ก็เป็นเด็กดี แล้วก็ถ่ายทอดกันไปเป็นคนดีไปเรื่อยๆ นี่ละของดีถ่ายทอดกันได้ เช่นเดียวกับของชั่ว ของชั่วก็ถ่ายทอดกันได้เช่นเดียวกัน ให้พากันนำธรรมไปปฏิบัติ วันหนึ่งๆ เราขอบิณฑบาตจากบรรดาพี่น้องทั้งหลาย เราเป็นลูกชาวพุทธให้ดูจิตใจบ้างในเวลาจะนอน เช่นนั่งดูใจเจ้าของ เราดูตั้งแต่สิ่งภายนอก ตาก็เพื่อดูสิ่งภายนอก หูก็เพื่อฟังสิ่งภายนอก จมูก กายเพื่อสัมผัสสัมพันธ์กับสิ่งภายนอกไปเสียทั้งหมด ไม่ได้มาดูหัวใจตัวเอง ฟังเสียงเรื่องราวของตัวเอง ที่มันกระเทือนอยู่ภายในจิตใจ

         ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดจากใจนี้ทั้งนั้น เอาสติจับเข้าไป เอาพุทโธติดแนบเข้าไปในนั้น ให้ฟังเสียงพุทโธ ฟังเสียงอรรถเสียงธรรมอยู่ในใจของเรา จะปรากฏสะเทือนขึ้นมาเช่นเดียวกับกิเลสมันสะเทือนโลกและเผาหัวใจโลกนั้นแล ไม่ผิดกัน เมื่อธรรมได้ปรากฏขึ้นในใจแล้วธรรมก็จะกระเทือนหัวใจของผู้บำเพ็ญของผู้เป็นขึ้นมา จากนั้นก็แผ่กระจายออกไปกระเทือนโลกได้ดังพระพุทธเจ้าของเรา ซึ่งตรัสรู้เพียงพระองค์เดียว แล้วธรรมจากศาสดาพระองค์เดียวเท่านั้นกระเทือนโลกไปหมด ให้กระเทือนหัวใจของเราบ้างซิ

         เราเป็นลูกชาวพุทธ ตั้งแต่เกิดมาเคยระลึกถึงพุทโธ ธัมโม สังโฆ บ้างไหม หรือระลึกตั้งแต่ความโลภความโกรธ ราคะตัณหาทั้งวันทั้งคืน เผาตัวเองตลอดเวลานั้นเหรอ มันไม่น่าดูนะ เหล่านี้เป็นสิ่งหลอกลวงมาตั้งกัปตั้งกัลป์ ธรรมเป็นเครื่องฉุดลากเป็นเครื่องกระตุกเราให้รู้เนื้อรู้ตัว กลับตัวเป็นคนดี ถ้าหากว่าเพลินเกินไปก็อย่าเพลินเกินไป ให้อยู่ในความพอดิบพอดีของคนมีกิเลสที่มีธรรมครองใจ ถ้ามีแต่กิเลสไม่มีธรรมครองใจแล้วร้อนทั้งนั้น เป็นฟืนเป็นไฟ หาหลักยึดไม่ได้เลย ตายแล้วก็ลอยลมไปเลย

         เราอย่าเป็นมนุษย์ที่เป็นชาวพุทธ กลายเป็นคนลอยลมอย่างนั้น ให้เป็นมนุษย์ที่มีศีลธรรม เรามีหลักภายในใจแล้ว เป็นอยู่ก็สงบร่มเย็น ตายไปก็อำนาจแห่งความดีนี้แลจะสนับสนุนเราให้เป็นความดีขึ้นไป ให้ยึดไว้ให้ดีนะ ธรรมที่พุทธศาสนาที่เราทั้งหลายยึดถือนี้เป็นธรรมที่เลิศเลอสุดยอดแล้ว เราหาที่ไหนไม่ได้เลยในสามแดนโลกธาตุ จะหาได้จากธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้แห่งเดียวนี้เท่านั้น แห่งอื่นแห่งใดไม่มี มีพุทธะเท่านั้นที่แผ่กระจายออกไปให้สัตว์ทั้งหลายได้รับความสุขความเจริญ ที่ว่าตรัสรู้ธรรม พอรู้ธรรมแล้วก็แผ่กระจายธรรมออกไปสอนโลก โลกก็ได้รับความสุขความเจริญ

         นี่ละให้เรายึดธรรมอันนี้ไว้ในใจ สิ่งนั้นเป็นสิ่งอาศัยธรรมดา ไม่ได้เลิศเลออะไรแหละ สิ่งที่เลิศเลอจริงๆ คือธรรม ขอให้เราได้ดูใจตัวเองด้วยบทภาวนา เช่นพุทโธ หรือธัมโม หรือสังโฆ บทใดตามแต่จริตชอบ มีสติกำกับอยู่นั้นทุกวันทุกเวลาจะหลับนอน แล้วเราจะปรากฏเป็นสิ่งแปลกประหลาดขึ้นที่ใจของเรา นั่นแหละท่านว่าธรรมเกิด จะเกิดที่นั่น ถ้าเสาะแสวงหาธรรม ธรรมจะเกิด เสาะแสวงหากิเลส กิเลสจะเกิด เกิดจนกระทั่งเผาตัวนั่นแหละ ให้นอนไม่หลับ คิดเรื่องกิเลสทำให้นอนไม่หลับ มีแต่ความจะล่มจม

         แต่คิดเรื่องของธรรมนอนไม่หลับก็มี เวลาเพลินในธรรมทั้งหลายนี้นอนไม่หลับ แต่นอนไม่หลับเพื่อความหลุดพ้น ไม่ได้เพื่อความล่มจม มันต่างกัน ธรรมเมื่อมีในใจเต็มที่แล้วเพลิน เพลินถึงขนาดนอนไม่หลับก็มี มีแต่ความเพลินที่จะหลุดจะพ้น จะหลุดจะพ้น เหมือนหนึ่งว่านิพพานอยู่ชั่วเอื้อมๆๆ นี่คือจิตได้สัมผัสธรรมที่เลิศเลอโดยลำดับขึ้นไปแล้วก็คว้าแต่นิพพานเป็นธรรมสุดยอด ประหนึ่งว่านิพพานอยู่ชั่วเอื้อมๆ นี้เพราะความเพลินในธรรม ความเพลินอันนี้ไม่ได้พาสัตว์โลกให้ล่มจม แต่จะพาสัตว์โลกให้หลุดพ้น ไม่ได้เหมือนความเพลินไปตามกิเลส เพลินเท่าไรยิ่งพาคนให้ล่มจม ไม่รู้เนื้อรู้ตัว ตายลอยลมไปเลย

         ให้ท่านทั้งหลายจำเอานะ วันนี้พูดเพียงเท่านี้แหละ ต่อไปนี้จะให้พรย่อๆ ให้พากันจำทุกคน เข้ามาในวัดในวา การให้ทานเราก็ได้บุญประเภทหนึ่งแล้วไม่สงสัย การฟังอรรถฟังธรรมที่จะเป็นคุณธรรมสำคัญเข้าสู่ใจ ก็ขอให้ได้ยินได้ฟังแล้วนำไปประพฤติปฏิบัติ อานิสงส์แห่งการทำบุญให้ทาน ภาวนาหรือฟังอรรถฟังธรรมนี้จะเป็นประโยชน์เพิ่มพูนขึ้นไปโดยลำดับ เอาละต่อไปนี้จะให้พร

        

รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน

FM 103.25 MHz

 


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก