อย่าเหยียบย่ำทำลายวาสนาของตน
วันที่ 29 พฤศจิกายน 2548 เวลา 8:30 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๔๘

อย่าเหยียบย่ำทำลายวาสนาของตน

         เราแบกทุกด้านนะไม่ใช่ธรรมดา วัดอโศการามก็ต้องมาหาเรา สุดท้ายเราก็เลยแบกทั้งหมด เช่นอย่างสั่งไปว่างานห้ามไม่ให้หยุดชะงัก ให้ทะลุเลยถึงเสร็จเรียบร้อยของเจดีย์ เงินขาดเท่าไรเราจะขวนขวายหาหนุนให้ๆ แต่ละครั้งนี้ไม่ต่ำกว่า ๓ ล้าน เราส่งเงินของเราไปนี้ ๑๒ ล้านแล้ว ๔ หน สามสี่สิบสองล้าน แล้วมีกว่าด้วยนะ เราทำนี้เราเบิกทางให้บรรดาพี่น้องลูกหลานไทยเราชาวพุทธ ให้ได้ดำเนินตามนั้น จะเป็นความราบรื่นดีงามในอนาคตแห่งภพชาติของตน

เจดีย์วัดอโศการามนี่เราจะเป็นภาระอันหนึ่งเหมือนกัน ที่จะไปอาราธนาอัฐิธาตุที่กลายเป็นพระธาตุเรียบร้อยแล้วของครูบาอาจารย์แต่ละองค์ๆ  มารวมอยู่ในเจดีย์วัดอโศการาม ไว้ให้พี่น้องลูกหลานไทยเราได้กราบไหว้บูชา เพราะเป็นสาวกปัจจุบันนี้ อัฐิของท่านกลายเป็นพระธาตุๆ แล้วเราจะอาราธนามาที่วัดอโศการาม เจ้าคุณอาจารย์ลีท่านอุตส่าห์พยายามทำเจดีย์ธุดงค์ ๑๓

ธุดงค์ ๑๓ นี่คือมีข้อปฏิบัติในอรรถธรรม ธุดงค์ ๑๓ ข้อนี่ประจำพระเราที่ปฏิบัติ เช่น อยู่ในป่า อยู่ในป่าช้า รุกขมูลร่มไม้ อยู่ในธุดงค์ ๑๓ ท่านทำเป็นเครื่องหมายเอาไว้ เจดีย์ ๑๓ ยอดนั่น ท่านล่วงไปแล้วเจดีย์นี้ก็ชำรุดทรุดโทรม เลยฟื้นทำใหม่ รื้อออกอันไหนควรจะรื้อ รื้อออก เจดีย์ที่กำลังทำอยู่นี้ ไม่ใช่ ๗๐ กว่าล้านเหรอ ดูเหมือน ๗๐ กว่าล้าน นี่ก็ไม่พ้นที่เราจะต้องเข้าเกี่ยวข้อง เพราะเราเคารพครูบาอาจารย์ และเป็นห่วงลูกหลานไทยเรา ให้ได้สรณะภายในบุญกุศลคุณธรรมเข้าสู่ใจ เบิกทางกว้างออกไปเพื่อภพชาติของตน ถ้าไม่มีผู้นำแล้วก็จะจมๆ มนุษย์เราจะว่าฉลาดยังไง มันไม่ได้ฉลาด

ถ้าพูดถึงเรื่องสัตว์พอรู้จักเดียงสาภาวะเรานี้แล้ว มนุษย์โง่กว่าสัตว์ โง่ที่สุด ให้มันชัดๆ ในหัวใจเรา นี่คืออำนาจแห่งความหนาของกิเลสมันปิดบังหุ้มห่อไว้หมด จะไปเรียนมาจากทิศใดแดนใด มีแต่ทิศแต่แดนของกิเลส คลังกิเลสทั้งนั้น ไปกอบโกยเอามาก็มาเย่อหยิ่งจองหองว่าเรียนชั้นนั้นชั้นนี้ เป็นนักนั้นนักนี้ นักวิชาการ นักกฎหมายกฎหมอยอะไรก็ไม่รู้ นี่ละเรื่องของกิเลส ไปเอามาก็มาพอกหัวตัวเอง เอาขี้มาพอกหัวมันหอมเหรอ กิเลสอยู่ทั่วๆ ไปไปหากว้านเอามาๆ มาประดับตน บ้าต่อบ้ามันก็รับกันได้ มาก็ โฮ้ อัศจรรย์เขา เขาไปเรียนสำเร็จจากเมืองนอกเมืองนามา ได้ขั้นดอกเตอร์ดอกแต้ ได้ขั้นกฎหมายกฎหมอยกฎหมากฎหมัดมา มาบีบชาติไทยของเราทุกวันนี้ นี้มีแต่วิชาของกิเลสทั้งนั้น พูดให้มันชัดๆ เราเอาความจริงมาพูด เหล่านี้เทียบกับสายธรรมเข้ากันไม่ได้เลยจะว่าไง

พระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว พอเป็นศาสดาโดยสมบูรณ์แล้วท้อพระทัยที่จะสั่งสอนสัตว์โลก พิจารณาซิ มันห่างกันขนาดไหน เบื้องต้นก็ตั้งความปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าขึ้นมา สร้างพระบารมีมา ๓ ชั้น ๑๖ อสงไขยบ้าง ๘ อสงไขยบ้าง ๔ อสงไขยบ้างกว่าจะได้มาเป็นพระพุทธเจ้าทำความปรารถนามา ตอนนั้นก็เป็นความคาดความหมายว่าจะเป็นพระพุทธเจ้าสั่งสอนสัตว์โลก เพราะยังไม่เจอความจริง พอพระบารมีเต็มเปี่ยมแล้วได้สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าขึ้นมา ยกตัวอย่างพระพุทธเจ้าของเราองค์ปัจจุบันใครก็เห็นไม่ใช่เหรอ ทรงท้อพระทัยจะมาสั่งสอนสัตว์ เวลาเจอความจริงเข้าไปแล้ว เลวกับเลิศมันต่างกันขนาดนั้น

เลิศก็คือความบริสุทธิ์แห่งพระทัยของท่าน บริสุทธิ์สุดส่วนแล้วนี่ไม่ต้องคาดต้องหมาย เป็นบริสุทธิ์ล้วนๆ แล้ว ทีนี้สัตว์โลกที่มันหนาแน่นสกปรกรกรุงรังหรือเป็นฟืนเป็นไฟจนกระทั่งดูไม่ได้ว่างั้นพูดง่ายๆ ธรรมชาติที่เลิศเลอนี้ก็เหมือนกัน เลิศเลอจนทรงท้อพระทัยที่จะเอานั้นเข้ามาเกี่ยวข้อง พิจารณาให้ดีนะ มันโง่ขนาดไหนมนุษย์เรา เราพูดให้เต็มปากนี้เลย สัตว์ที่รู้จักเดียงสาภาวะอยู่ก็คือมนุษย์เรา เพราะฉะนั้นจึงยกให้มนุษย์เรานี้โง่ที่สุด สิ่งที่ควรจะได้ตามวิสัยของมนุษย์ที่ฉลาดมันกลับไม่ได้ เช่น ธรรมเป็นของที่เลิศเลอสุดยอดแล้ว เป็นวิสัยของพวกมนุษย์ เทวดาอินทร์พรหมได้ นอกนั้นไม่ได้นะธรรมประเภทนี้

มนุษย์เรายิ่งมากเท่าไรยิ่งหนาแน่นไปด้วยกิเลส แล้วหยิ่งเจ้าของนะว่าไปเรียนเมืองนั้นเมืองนี้มา สำเร็จจากเมืองนั้นสำเร็จจากเมืองนี้ เมืองไหนก็คือคลังกิเลส อาจารย์ก็คลังกิเลส ลูกศิษย์ก็คลังกิเลส ไปรับกันมา มันก็มีแต่กองกิเลส กองกิเลสมันชอบยอตัว ใครไปดูถูกหรือไปตำหนิมันไม่ได้นะกิเลส โห แผ่พังพานขึ้นมาเลยกิเลส ถ้ายอแล้วพอใจ ชอบยอที่สุดคือกิเลส ไม่มีอะไรเกินกิเลส ใครจะไปตำหนิไม่ได้ คือกิเลสนั้นแหละมันชอบยอที่สุด เวลาไปเรียนเมืองนั้นเมืองนี้มาก็กอบโกยเอากิเลสแหละมาพอกหัวตัวเอง คนอื่นมาพวกคลังกิเลสด้วยกันก็อัศจรรย์กัน โอ๊ย เขาเลิศเขาเลอ เขาไปเรียนเมืองนอกเมืองนามาได้ขั้นดอกเตอร์ดอกแต้ ขั้นกฎหมายกฎหมอยมา ธรรมฟาดเข้าไปเห็นอย่างนั้นจะให้ว่าไง พูดให้มันชัดๆ

คือมันแทบดูไม่ได้ความเย่อหยิ่งจองหองของกิเลส ซึ่งเป็นเหมือนกองมูตรกองคูถ เทียบกับธรรมแล้ว ในสายตาของธรรม กิเลสคือกองมูตรกองคูถ ธรรมเป็นธรรมชาติที่เลิศเลอเหนือกันขนาดไหน แล้วมาพองตัวอยู่ด้วยมูตรคูถของตัวเองต่อธรรมดูได้ยังไง จอมปราชญ์ท่านดูไม่ได้ ดูไม่ได้ท่านก็ไม่ดูเสีย ท่านไม่ได้เป็นเหมือนกิเลสนะ ท่านดูไม่ได้ท่านก็ไม่ดูเสีย สอนไม่ได้ท่านก็ไม่สอนเสีย ก็มีเท่านั้นเรื่องธรรม นี่ละพระพุทธเจ้าท้อพระทัย มันโง่ที่สุดแล้วสัตว์โลก

เทวดาอินทร์พรหมมามีอุปนิสัยปัจจัยที่จะบรรลุธรรม บรรลุได้ๆ มนุษย์เราผู้ที่มีนิสัยปัจจัยที่ได้สร้างมามากน้อยพอสมควรแล้วก็บรรลุได้ๆ ประเภทนี้ประเภทที่ควรแก่ธรรมทั้งหลาย ประเภทที่ไม่ควรเลยมี คือไม่ยอมรับฟังบุญฟังบาปเลย ประเภทนี้สุดวิสัยตายทั้งเป็น มีเยอะนะเมืองไทยเรา ตายทั้งเป็นมีเยอะ ส่วนมากก็ตัวเป้งๆ ออกมาแสดงความชั่วช้าของตัวเอง แล้วพวกกิเลสมันก็กระหยิ่มยิ้มย่องต่อกัน แต่ธรรมะสลดสังเวช ดูไม่ได้ว่าไง

นี่ละที่ว่าอุตส่าห์พยายามเพื่อลูกเพื่อหลานของเรา ได้สืบทอดจากพ่อแม่ปู่ย่าตายายต่อไป เพื่อเป็นมรดกสมบัติอันล้นค่าเข้าสู่ใจๆ ได้เห็นท่านเช่นพระธาตุ พอเห็นจิตใจจะรู้สึกทันทีในทางดีเรื่อยๆ เห็นทางชั่วจิตใจก็ลงทางชั่วทันทีๆ เห็นสิ่งที่ดีใจก็พลิกขึ้นทางดี นี่เป็นของดีของเลิศ ท่านเอาธุดงควัตร ๑๓ ข้อมาวางไว้ กำลังสร้างจวนจะเสร็จละ เดือนอะไรนะ เราก็สั่งไปว่าอย่าให้งานหยุดชะงัก ให้ก้าวไปเรื่อยๆ ผมจะช่วยเต็มกำลังความสามารถ ได้ออกปากพูดแล้วกับท่านทอง ขาดเหลือเท่าไรๆ เราจะพยายามขวนขวายเต็มกำลังของเรา เพราะเราเทิดทูนครูบาอาจารย์ทั้งหลายที่จะถูกอาราธนามาประดิษฐานอยู่ที่เจดีย์ ๑๓ องค์นี้ จึงบอกให้ทำไม่ให้หยุดชะงัก เราบอกเลย พอทำเสร็จแล้วก็ได้เข้าไปกราบไหว้บูชา นั่นละเป็นขวัญตาขวัญใจตลอดไปเลย ผู้ที่ได้ไปกราบไหว้บูชาเป็นมงคลๆ ตลอด ลูกหลานไทยเรามีน้อยเมื่อไรจะเข้าไปกราบที่นั่นทั่วประเทศไทยไม่รายใดก็รายหนึ่งเข้าออกๆ กราบไหว้บูชาท่านขนบุญกุศลเข้าสู่ใจของตัวเองเรื่อยๆ ไป

ท่านอาจารย์ลีท่านก็คิดถูกอยู่ ก็ต้องมีผู้สืบทอดมรดกท่านอีก ชำรุดทรุดโทรม เอา แก้ไขซ่อมแซมขึ้นมาใหม่ อย่างสร้างเจดีย์ใหม่ขึ้นมานี้ ทีนี้เน้นหนักกว่าแต่ก่อนมาก คือจะให้ได้อัฐิของครูบาอาจารย์ทั้งหลายที่กลายเป็นพระธาตุๆ เรียบร้อยแล้ว คำว่าอัฐิกลายเป็นพระธาตุนั้นตีตราอยู่ นั้นคือพระอรหันต์แต่ละองค์ๆ ลงอัฐิกลายเป็นพระธาตุก็ตีตราแล้วนั่น แน่นอนไม่สงสัย นี่ที่จะได้ถูกอาราธนาเข้ามาประดิษฐานอยู่ที่เจดีย์ใหญ่วัดอโศการาม เหล่านี้ก็มีแต่ครูบาอาจารย์ของเราที่เคยกราบไหว้บูชาท่านมาแล้วแทบทั้งนั้น ที่ว่าแทบทั้งนั้นก็เพราะยังมีองค์ที่เราไม่เห็น เช่นอย่างหลวงปู่เสาร์เราไม่เคยเห็นท่าน อัฐิของท่านก็กลายเป็นพระธาตุมาเรียบร้อยแล้ว นอกนั้นเราก็เห็น เช่นอย่างหลวงปู่มั่นอย่างนี้เราก็เห็น ถูกสับถูกเขกแหลกหมด เราจึงว่าแทบทั้งนั้น

เราจะอาราธนาท่านมาไว้ที่นั่นทั้งหมด เรียกว่าเราเป็นหัวหน้าก็ถูก การเสาะแสวงหาครูบาอาจารย์คือพระธาตุที่เป็นเพชรน้ำหนึ่งๆ เข้ามาประดิษฐานอยู่ที่เจดีย์ใหญ่แห่งนี้ นั่นเป็นจุดศูนย์กลางทั่วประเทศไทยเลย เพราะอยู่ในภาคกลาง ใครมาก็จะเข้าไปกราบไหว้บูชาๆ ที่นั่น นี่ละที่เราอุตส่าห์พยายาม เราคิดถึงกุลบุตรสุดท้ายภายหลังเรามันจะไม่ได้อะไรติดเนื้อติดตัว จะได้แต่มูตรแต่คูถคือกองบาปกองกรรมทั้งหลายทับหัวมันลงในนรกๆ มันว่านรกไม่มีๆ มันหลับตาพูดนี่นะ

พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ท่านลืมตาดู พวกเรามันหลับตาดู ต่างกันยังไงพิจารณาซิ ที่พระพุทธเจ้าสั่งสอนไว้นี้ท่านจ้าหมดแล้วเห็นชัดเจนทุกอย่าง แต่ท่านไม่ได้พูดความละเอียด อันนี้เราไม่เห็นในตำราแต่รู้ภายในใจจะให้ว่าไง ว่าแน่นอนถ้าพระพุทธเจ้าจะทรงพรรณนา สัตว์นรกแต่ละรายๆ ที่มาเสวยกรรมอยู่ในนรก ตั้งแต่มหานรกอเวจี นั่นเป็นที่หนึ่ง เป็นกรรมที่หนักมากที่สุดในแดนสมมุติ แต่ละรายๆ ไปทำกรรมอะไรมาบ้างท่านทราบหมดตลอด รายดีรายนี้ทำกรรมอันนั้นมาๆ สายเหตุต่อเข้ามาๆ หมด

มาตามสายเหตุ ไม่ได้มาอย่างลอยๆ ตกนรกอย่างลอยๆ ไปสวรรค์ชั้นพรหมไปนิพพานอย่างลอยๆ ไม่มี มีสายทางมาทั้งนั้น สายทางไปทั้งนั้น สายทางขึ้นสายทางลง คือต้นเหตุได้แก่การกระทำ ทำดีทำชั่วนี่เป็นสายทางแล้วนั่น ทำชั่วก็สายทางลง ทำดีก็สายทางขึ้น ลบล้างไม่ได้ ใครจะมาลบล้างก็ตาม คนหูหนวกตาบอดลบล้างคนตาดีคือ โลกวิทู ดังพระพุทธเจ้าของเราแสดงไว้นี้ ไม่มีคลาดเคลื่อนแม้เม็ดหินเม็ดทรายเลย จึงเรียกว่าสวากขาตธรรม สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ชอบแล้วทุกอย่าง ไม่มีการแก้ไขดัดแปลงหรือเพิ่มเติม สมบูรณ์แบบพระวาจาที่รับสั่งออกมา นี่ละท่านผู้ทรงโลกวิทู พูดอะไรออกมาไม่คลาดเคลื่อนตั้งแต่ไหนๆ ลงจนกระทั่งถึงนรกอเวจี จะพรรณนาถึงสาเหตุของสัตว์ที่มาตกนรกนี้ สัตว์รายนี้ๆ ทำกรรมอะไรๆ ไว้ พระองค์ทราบหมดตลอด แต่ท่านไม่มาพูด มันเหลือเฟือเกินไป

พวกมนุษย์ขี้ขลาดหวาดกลัวต่อบุญต่อกุศล กล้าหาญต่อบาปต่อกรรมนี้มันไม่ยอมฟังไม่ยอมเชื่อ ไม่แสดงไว้ ให้กรรมบอกมันเอง เจอเข้าแล้วเชื่อหรือไม่เชื่อก็รู้ตัวเองเท่านั้นแหละ มันสุดวิสัยที่ท่านจะแสดงบอก ตั้งแต่บอกอย่าทำบาปเท่านี้ก็เป็นประโยคหนักแล้ว ทำบาปก็คือทำลายตัวเองจะเป็นอะไร ให้ทำบุญกุศล นี้สนับสนุนตนเอง ท่านบอกไว้แล้วต้นเหตุ สัตว์ตัวใดก็ตามปั๊บนี่รู้ทันที อดีตชาติเป็นมายังไงๆ พระองค์ทราบตลอด ขนาดนั้นนะจึงมาเป็นศาสดาสอนโลกได้

ถึงได้ท้อพระทัย คือสัตว์โลกมีแต่สัตว์ตาบอด มันไม่ลืมหูลืมตา ถึงอย่างนั้นผู้ที่ยังมีอุปนิสัยปัจจัยยังมีอยู่มาก ในจำนวนสัตว์โลกที่มากแสนมากนั่นแหละ ผู้มีอุปนิสัยปัจจัยยังมีอยู่ ธรรมประเภทต่างๆ ที่สอนไว้เพื่อให้สัตว์โลกทั้งหลายรู้  ท่านทั้งหลายถ้ายังเห็นว่าตัวเป็นคนสำคัญแล้ว เราก็รับรองตัวมาตลอดตั้งแต่วันเกิด รับรองเรา เราเป็นผู้รับดีรับชั่วในตัวของเราเองที่ทำขึ้นมา ไม่มีใครที่จะมารับแทนได้ ให้เชื่อจุดนี้แล้วพยายามนะ อย่าดีดอย่าดิ้นไปตามกิเลสตัณหาซึ่งมันหลอกลวงทั้งนั้น กิเลสคือตัวหลอกลวง เราบอกว่าทั้งนั้นเลย ธรรมเป็นธรรมชาติที่จริงแน่นอนเช่นเดียวกัน เสมอกันเลย ธรรมจริงล้วนๆ กิเลสปลอมล้วนๆ ทีนี้ธรรมออกมาชะล้างสิ่งที่จอมปลอมให้เห็นของจริงขึ้นมา ผู้นี้จะพึ่งตัวเองได้แล้วเพราะกรรมดีของตัวเองพาให้เป็นที่พึ่ง ก็เป็นไปได้เลย

ขอให้ท่านทั้งหลายได้พิจารณานะ เรานี้กราบพระพุทธเจ้าอย่างราบมาแล้วได้ ๕๕ ปี เราไม่เคยคาดเคยเห็นเคยคิดว่ามันจะรู้จะเห็นขึ้นมา เวลามันผางขึ้นมานี่ กิเลสเท่านั้นมันปิดไว้ หนาบางมากน้อยมันจะปิดไว้ไม่ให้เห็น ถ้าบางลงไปก็เป็นมัวๆ พอจ้าขึ้นมาแล้วหมดเลย กิเลสขาดสะบั้นลงไปหมด จิตจ้าขึ้นไปนี้กราบพระพุทธเจ้าทันทีเลย พระองค์แสดงไว้ตั้งแต่เมื่อไร ที่เรามารู้มาเห็นก็มาตามสายทางสายธรรมที่ท่านสอนไว้แล้ว เราจึงได้มารู้มาเห็นอย่างนี้ เพราะเราปฏิบัติตามทางท่านมาก็มาถึงที่จุดนี้ ถึงจุดที่ควรมันจะรู้รู้เต็มภูมิ ใครประมาทกันไม่ได้นะ ไม่ว่าหญิงว่าชาย

จิตใจนี้ไม่มีเพศมีวัย นิสัยวาสนาบุญกรรมอยู่ที่หัวใจ ไม่อยู่กับคำว่าเพศหญิงเพศชาย อยู่กับหัวใจ ตกนรกหมกไหม้ได้ทั้งหญิงทั้งชายถ้าทำชั่วลงไป ทำดีก็ขึ้นสวรรค์ชั้นพรหม พ้นจากทุกข์ไปได้เหมือนกันหมดทั้งหญิงทั้งชาย เพราะจิตนี้ไม่มีเพศ เป็นธรรมชาติที่ไม่ตายไม่ฉิบหาย ออกจากภพนี้เข้าภพนั้น ท่านจึงว่าจิตนี้คือนักท่องเที่ยว ท่องเที่ยวอยู่ไม่หยุดไม่ถอย ท่องเที่ยวแบบหลับหูหลับตาไป

เราเกิดมาได้พบพุทธศาสนา เรียกว่าเลิศเลอสุดยอดแล้วนะ อย่าเหยียบย่ำทำลายวาสนาของตนที่มีมามากน้อย ให้สร้างให้สั่งสมขึ้น ส่งเสริมขึ้นให้ดี นี้เรายอมรับพระพุทธเจ้าแล้ว ยอมรับทุกอย่างเลยหาที่ค้านไม่ได้ เวลาปฏิบัติภายในใจถึงเวลาที่รู้แล้วอะไรปิดไม่อยู่ มีกิเลสเท่านั้นปิด พอกิเลสขาดสะบั้นลงไปมันจ้าเต็มภูมิของตัวเอง เต็มนิสัยวาสนาของตัวเองที่จะควรรู้หนักเบามากน้อยเพียงไร กว้างขวางลึกซึ้งขนาดไหนจะเต็มภูมิของตัวเองแต่ละรายๆ ปิดไม่อยู่ สุดท้ายก็รวมมาเป็นพยานพระพุทธเจ้าได้อย่างร้อยเปอร์เซ็นต์

นี่ก็ได้ยอมรับทุกอย่างเต็มหัวใจโดยไม่คาดไม่ฝัน ที่พระพุทธเจ้าว่าบาปบุญนรกสวรรค์พรหมโลกนิพพาน ตลอดถึงเปรตผีประเภทต่างๆ มี พระพุทธเจ้าว่ามี ยอมราบเลย แล้วจะมาพูดให้โลกเห็น โลกตาบอดก็ยิ่งจะเพิ่มความตาบอดของมันเข้าไป จึงยังไม่บอกอันนั้น บอกแต่ส่วนใหญ่ไว้ว่า บาปบุญ นรกสวรรค์ นิพพาน มี เอาเพียงเท่านั้น ให้มันดำเนินเข้าไป ดำเนินตามทางพระพุทธเจ้าที่ทรงสอนเอาไว้ ก็ค่อยรู้ค่อยเห็นแล้วลงเอง พอรู้ตรงไหนยอมรับๆ รู้เองเห็นเองตามธรรมพระพุทธเจ้าสอนนี้ มันจะลงในตัวของมันเอง ยอมรับๆ จ้าขึ้นมายอมรับหมดเลย ไม่ต้องมีใครมาบอกบังคับ จ้าขึ้นมารู้เลย

นี่ละธรรม พุทธศาสนาเป็นศาสนาชั้นเอก ในสามแดนโลกธาตุมีศาสนาเดียว พูดให้มันชัดๆ เราจวนจะตายแล้ว นอกนั้นไม่เป็นศาสนา คำสอนของธรรมก็มี คำสอนของกิเลสก็มี คนที่มีกิเลสเป็นหัวหน้าขึ้นมาหรือเป็นเจ้าของศาสนา ก็คือเจ้าของคลังกิเลส นั่น ไม่ใช่เจ้าของคลังแห่งธรรม ก็สอนไปตามแถวแนวของกิเลส ผู้ดำเนินก็ดำเนินไปตามแถวของกิเลส ก็ผิดๆ พลาดๆ ล้มลุกคลุกคลานตกหลุมตกบ่อไปเช่นเดียวกันไปหมด แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามพุทธศาสนา ขอให้ปฏิบัติตามนี้แล้วจะดีดขึ้นๆ เพราะเป็นทางที่ถูกต้องแม่นยำ สายทางสายนี้ตรงแน่วไปนี้ ถ้าเราไม่คลาดเคลื่อนจากทางนี้แล้วตรงแน่วถึงที่สุด

เช่นอย่างมาวัดป่าบ้านตาด ใครจะมาจากที่ไหนก็มา ให้มาตามสายทาง เดินเข้ามาถึงวัดป่าบ้านตาด เพราะสายทางเป็นสิ่งแน่นอนที่จะนำผู้ดำเนินตามทางนี้ให้ถึงจุดที่หมาย นี้สายธรรมพระพุทธเจ้าที่สอนไว้แล้วก็เป็นสายธรรมที่ถูกต้องแม่นยำ ให้ดำเนินตามนี้ เมื่อเดินตามนี้ เห็นไม่เห็นก็ตามนรกสวรรค์ อันนี้จะพาไปเอง จ้าไปเรื่อยๆ สายทางถึงที่สุดวิมุตติ ใครเกิดมาตั้งแต่สาวกทั้งหลาย ท่านเคยเห็นนิพพานที่ไหน แต่ทำไมเวลาสิ้นกิเลสแล้วเป็นสาวกในหลักธรรมชาติที่เลิศเลอขึ้นภายในตัวเอง ไม่ต้องอาศัยอะไรมาเสกสรรปั้นยอ นั่นละบริสุทธิ์ ผางเท่านั้นยอมรับพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ให้พากันจำเอา

นี่เราจวนจะตายแล้วจึงรีบสอนเสียแต่บัดนี้ ใครจะว่าเราโอ้อวดอะไร นั้นปากอมขี้เราไม่สนใจ ถ้าปากอมธรรม พูดกันเป็นอรรถเป็นธรรม สอนก็สอนเป็นอรรถเป็นธรรม ผู้ฟังฟังเป็นอรรถเป็นธรรม สนทนากันเรื่องอรรถเรื่องธรรม ที่จะปลดเปลื้องความไม่ดีทั้งหลายออกจากตนๆ นี้เรียกว่าปากอมธรรม ใจอมธรรมแล้วปากอมธรรม ใจอมมูตรอมคูถปากก็อมมูตรอมคูถ ออกมาเลอะเทอะไปหมดทั่วโลกดินแดน ให้จำเอา พุทธศาสนาเลิศเลอสุดยอดแล้ว นี้ได้พิจารณาเต็มกำลังความสามารถ เอาเวทีตรงกลางหัวใจนี่จากจิตตภาวนา เวลามันกระจายออกไม่มีอะไรจะมาคาดได้ คาดไม่ได้ ผางขึ้นมาเท่านั้น หลักธรรมชาติเป็นยังไง รู้อย่างนั้นๆ แล้วไม่มีอะไรที่จะคาดได้เลย พากันจดจำเอา

เวลานี้กำลังกิเลสมีอำนาจ ถ้าว่าประกาศศักดาของมันก็ว่ามีอำนาจวาสนามากกิเลส วาสนาจะพาคนให้จม มีมากขึ้นทุกวันๆ เรื่องอรรถเรื่องธรรมจะไม่มีนะเวลานี้ แทบจะไม่มี ในวัดในวาก็เป็นส้วมเป็นถานไปหมดเวลานี้พูดให้ชัดเจน ฟังว่าวัดวา สิ่งที่อยู่ภายในวัดเป็นวัตถุที่เป็นอรรถเป็นธรรมล้วนๆ ผู้ที่อยู่ในนั้นก็คือพระเจ้าพระสงฆ์ เป็นสุปฏิปนฺโน อุชุ ญาย สามีจิปฏิปนฺโน จนกระทั่ง เอส ภควโต สาวกสงฺโฆ อยู่ในวัดนั้น นั่นเป็นวัดอย่างนั้น ถ้าผู้ปฏิบัติอยู่ในนั้นไม่เกี่ยวข้องกับศีลกับธรรม นอกจากไขว่คว้าหากิเลสตัณหาซึ่งเป็นฟืนเป็นไฟ เป็นมูตรเป็นคูถภายในวัดเสียทั้งหมด กว้านเข้ามาหาหัวใจ หัวใจดวงนี้เลยกลายเป็นมูตรเป็นคูถ อยู่ในวัดวัดก็เป็นส้วมเป็นถานบรรจุมูตรคูถไว้เต็มเอี๊ยดๆ ในวัดหนึ่งๆ พระเณรมีจำนวนมากเท่าไร นั้นละก้อนมูตรก้อนคูถเต็มอยู่ในนั้นหมด เพราะการปฏิบัติเหลวแหลกแหวกแนว ไม่ดำเนินตามทางของศาสดา

มีแต่ผ้าเหลืองเฉยๆ หัวโล้นเฉยๆ ใครโกนก็ได้ใครหามาห่มก็ได้ แต่มันมีแต่เครื่องหมายเฉยๆ ตัวผู้ที่ดำเนินในทางดีทางชอบทั้งหลายไม่สนใจความดีงาม สนใจตั้งแต่ความชั่วช้าลามกซึ่งเป็นเรื่องส้วมเรื่องถาน ก็เป็นมูตรเป็นคูถขึ้นมาในพระองค์นั้นเณรองค์นั้น ทีนี้อยู่ในวัดนั้นวัดนั้นก็เลยกลายเป็นส้วมเป็นถาน พระเณรก็กลายเป็นมูตรเป็นคูถบรรจุเต็มอยู่ในส้วมในถานเต็มไปหมดเวลานี้ เอาเวลานี้ละ เวลานี้ศาสนาเรา ผู้ทรงศาสนากำลังทำตัวเป็นพระเป็นเณรที่เลอะเทอะเปรอะเปื้อนไปหมด พูดอะไรฟังไม่ได้ มีแต่เรื่องกิเลสเข้าไปตีตลาดอยู่ในวัดในวา จนกลายเป็นส้วมถานสนามของมูตรของคูถอยู่ในนั้นหมด ไม่มีอะไรเหลือยังดีเลยละ

นี่พูดถึงความชั่วช้าลามกที่มันเข้าแทรกเป็นกาฝาก ทีนี้กาฝากมันเลยเป็นตัวของมันเหยียบแหลก หลักธรรมชาติคือต้นไม้ต้นใดถ้ากาฝากมีมากๆ นั่นละมหาภัยของต้นไม้ต้นนั้นคือกาฝาก แล้วทำต้นไม้ต้นนั้นให้ฉิบหายวายปวงไปหมด ตายไม่มีเหลือ อันนี้กาฝากคือกิเลสที่เป็นภัยของจิตใจแห่งโลกทั้งหลายนี้ เวลามีมากเข้าๆ มันก็ทำลายคนนั้นๆ ไม่มีเหลือชิ้นดีติดตัวเลย พากันจำ นี่เราก็อุตส่าห์พยายามความเมตตานี่ละที่ทำให้อุตส่าห์ แล้วเทศน์อย่างนี้ก็ไม่เคยสะทกสะท้านว่าจะผิดไป เพราะไม่ผิด มันแน่ออกจากหัวใจที่ได้พิจารณาเต็มสัดเต็มส่วนแล้ว ไม่สงสัยว่าจะผิดไป

พระพุทธเจ้าสอนโลกไม่ต้องหาใครมาเป็นพยาน สอนโลกทั้งสามโลก กามโลก รูปโลก อรูปโลก ไม่ต้องมีใครมาเป็นสักขีพยาน มาเป็นผู้นำของพระพุทธเจ้าเพื่อสอนโลกไม่มี ศาสดาเพียงองค์เดียวเท่านั้นพอแล้ว อันนี้พอธรรมจ้าขึ้นมาภายในใจก็แบบเดียวกัน เต็มภูมิของผู้นั้น ตามนิสัยวาสนาของผู้บรรจุธรรมนั้นได้เต็มภูมิ สอนเต็มเหนี่ยวโดยไม่ต้องไปถามใครว่า เอ๊ะ ตรงนี้ผิดหรือตรงนั้นถูกไม่มี นี่เราก็พูดให้ตรงๆ อยู่ปัจจุบันนี้ละ เราไม่เคยไปถามใครการสอนโลก ผิดถูกดีชั่วอะไรจะรู้ภายในใจๆ ก้าวออกตามนั้นๆ เลย ไม่เคยผิดพลาด เพราะแน่ใจว่าไม่ผิดพลาดแล้วตั้งแต่เริ่มแสดงออกไป แล้วจะเอาความผิดพลาดมาจากไหน หัวใจไม่ผิดพลาด หัวใจบริสุทธิ์เต็มเหนี่ยว อะไรที่จะมาเป็นมลทิน ให้สอนโลกด้วยความมัวหมอง สอนแบบด้นๆ เดาๆ ไม่มีในหัวใจดวงบริสุทธิ์แล้ว สอนตรงไหนแน่วตรงนั้นๆ ผิดถูกดีชั่วว่าไปตามหลักตามเกณฑ์ของความมีความเป็นทั้งดีทั้งชั่ว การสอนโลกเราก็สอนอย่างนั้นทุกวันนี้

เราพูดจริงๆ เราไม่โอ้ไม่อวดเต็มหัวใจแล้วทุกอย่าง อย่างนำพี่น้องทั้งหลายนี้เรานำด้วยอรรถด้วยธรรม สมบัติเงินทองข้าวของที่พี่น้องทั้งหลายนำมาบริจาคให้เราเป็นผู้รับผิดชอบแต่ผู้เดียว นับแต่ทองคำลงมาจนกระทั่งเงินสด ทุกสิ่งทุกอย่างเรานำมาด้วยความชอบธรรมทุกอย่าง เพราะเหตุไร เพราะจิตนี้เป็นธรรมล้วนๆ แล้ว มลทินที่จะเข้าแทรกนิดหนึ่งไม่ได้ จิตที่บริสุทธิ์นี้มันจะปัดของมันออกทันที ความคิดที่ไม่ดีไม่งามกิริยาที่ไม่ดีไม่งาม ที่จะนำสมบัติของพี่น้องทั้งหลายให้ไปทำเป็นความเหลวแหลกแหวกแนวไม่มี ตรงแน่วเลย

มีเท่าไรมาเท่าไรจัดแจงออกไปที่จะสงเคราะห์ต่อโลกโดยธรรมๆ ทั้งนั้น มากน้อยเป็นธรรมทั้งหมด ที่จะเป็นมลทินเข้ามาหาเรา ให้เราเอาสมบัติของพี่น้องทั้งหลายมาเป็นมลทิน แบบเอาไปเที่ยวหาถลุง เราบอกรับรองร้อยเปอร์เซ็นต์เราไม่มี นี่ละเรานำโลกเราก็นำด้วยความบริสุทธิ์ใจ เพราะฉะนั้นเราจึงชี้ได้เลยว่า แม้บาทเดียวเราไม่เคยแตะ สมบัติเงินทองพี่น้องทั้งหลายที่นำมาบริจาค คำว่าไม่แตะ คือเอาไปแบบทุจริตแบบมลทินเราไม่มี มีมากมีน้อยจะจ่ายมากจ่ายน้อยด้วยเหตุด้วยผลบังคับให้จ่ายด้วยความถูกต้องทั้งนั้น

เราจึงภูมิใจในการนำพี่น้องชาวไทย ทางด้านวัตถุเราก็ภูมิใจ ว่าได้ทำเต็มเม็ดเต็มหน่วย มีเมตตาธรรมครอบอยู่ในหัวใจตลอดเวลา การจ่ายออกด้วยความถูกต้องของธรรมเป็นมงคลไปทั้งหมดเลย ทีนี้พูดถึงธรรมนี้เราก็เริ่มคิดไว้แล้วแต่ต้นผิดไปไหนล่ะ ว่าจะช่วยชาติ เอ้า จะเป็นผู้นำพี่น้องทั้งหลายช่วยชาติคราวนี้ มันจะล่มจมทั้งประเทศไทยเรา หมู หมา เป็ด ไก่ไม่เว้น มันจะจมไปกับเจ้าของนั่นแหละ เอ้า ฟื้นขึ้นมา การล่มจมของชาติไทยเราไม่มีใครมาเป็นโจรเป็นมารเป็นมหาภัย ที่จะมาทำลายชาติไทยของเราให้จม ก็คือคนไทยเราทั้งประเทศนั้นแหละ นั่น ต่างคนต่างเป็นโจรเป็นมารฉกลักปล้นจี้ตัวเองนั้นแหละ เงินมีเท่าไรอยู่ในกระเป๋าไปปล้นไปจี้ออกมาหมดๆ แล้วสุดท้ายเมืองไทยเราก็จะจม ก็คือพวกเราเป็นมหาภัยเสียเอง

ทีนี้ฟื้นให้เป็นมหาคุณขึ้นมาจากคนไทยของเราแต่ละคนๆ เอ้า พากันทำ นี่วัตถุออกแล้วที่นี่นะ ช่วยชาติบ้านเมืองเห็นไหมล่ะ ทองคำได้ตั้ง ๑๑ ตันจะเข้า ๒๐๐ กิโลแล้ว ๑๑ ตันกับ ๒๐๐ กิโล ถ้าบวกกับ ๓๗ กิโลครึ่งนี้ออกเป็น ๒๐๐ กิโลแล้ว ๑๑ ตันหาได้ที่ไหน ทองคำตั้ง ๑๑ ตันกับเดี๋ยวนี้ ๒๐๐ กิโลแล้ว นี่หาได้ที่ไหน ได้จากหัวใจของพี่น้องชาวไทยที่เชื่อฟังอรรถธรรมครูอาจารย์ แล้วนำเข้ามาๆ จนได้ขนาดนี้ ทั้งดอลลาร์ทั้งเงินไทยหนุนพี่น้องชาวไทยเราทั่วประเทศ เงินเหล่านี้ออกทุกภาคนะที่เรานำไปช่วยนี่ ออกทุกภาคเป็นแต่ว่ามากกับน้อยเท่านั้น ออกทุกภาคเลย ไม่มีภาคใดจะปฏิเสธได้ว่า ภาคนี้ไม่ได้รับการช่วยเหลืออนุเคราะห์จากเงินก้อนใหญ่ของคนไทยทั้งชาติ อย่างนี้ไม่มี ช่วยไปหมดนั่นละ นี่เราก็ไม่มีที่ต้องติเรา

ส่วนใหญ่ที่เราคิดไว้เรียบร้อยแล้ว สมบัติเงินทองนี่ คำว่าช่วยชาติใครก็จะเพ่งต่อสมบัตินี้ เด่นไปหมดว่าช่วยชาติก็ช่วยด้วยวัตถุสมบัติเงินทองข้าวของ แต่ธรรมคนเขาไม่ได้คิด เราคิดเรียบร้อยแล้ว คราวนี้คราวธรรมที่จะได้ออกสู่โลก วัตถุนี้เป็นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนธรรมที่จะออกกระจายทั่วโลกให้เข้าถึงใจ ธรรมเข้าถึงใจแล้วจะฟื้นฟูตัวได้ พลิกตัวให้เป็นคนดีได้ คราวนี้ธรรมจะออกไปพร้อมกันในการเทศนาว่าการ ไปกับการรับบริจาคของพี่น้องทั้งหลาย คนนั้นนิมนต์ไปที่นั่นนิมนต์ไปเทศน์ที่นี่ เขาทอดผ้าป่าๆ พวกผ้าป่านี้เข้าส่วนด้านวัตถุ ส่วนธรรมเข้าสู่จิตใจของคน แล้วคราวนี้เป็นคราวธรรมที่ได้ออกสู่โลก ผิดไหมล่ะพิจารณาซิเราเทศน์

การช่วยชาติบ้านเมืองนี้ตั้งแต่เริ่มแรกมาจนกระทั่ง ๖-๗ ปีนี้ เราก็บอกว่ายุติแล้ว แล้วการทำอย่างนั้นก็ยุติ จะมีบ้างเล็กน้อยก็คือทองคำประเภทน้ำไหลซึม ซึมซาบเข้ามานี้เท่านั้น ส่วนใหญ่เรางดหมดแล้ว ก็งดอย่างนั้นจริงๆ ส่วนธรรมนี้ไม่มีงด ธรรมนี้จะออกกว้างขวางเรื่อย มากมายก่ายกองที่โลกไม่เคยคิดแต่เราคิดเต็มหัวใจ คราวนี้เป็นคราวธรรมที่จะออกสู่โลก แล้วเป็นยังไงเวลานี้ มันมีแต่เสียงหลวงตาบัวไม่ใช่หรือเทศน์ทั่วประเทศไทย ออกทางวิทยุ ออกทางอินเตอร์เน็ตที่ไหน ออกมาจากธรรมของหลวงตาบัวทั้งนั้น กว้างไหมกับด้านวัตถุเทียบกันได้เมื่อไร ธรรมนี้กว้างขวางมาก นี่เข้ากับจุดที่เราพิจารณาแล้วผิดที่ตรงไหนล่ะ พิจารณาซิพี่น้องทั้งหลาย นี่ละด้วยธรรมที่พิจารณาแล้ว

เพราะฉะนั้นเราจะทำอะไร พูดหนักเบามากน้อย เราจะพูดด้วยความเป็นธรรมๆ ไม่มีผิดพลาดไปเลย ให้ท่านทั้งหลายฟังก็แล้วกัน อย่างเราตำหนิติเตียนก็คืออะไรไม่ดีก็ตำหนิเพื่อจะแก้ไขดัดแปลง ไม่ใช่ตำหนิเพื่อเหยียบย่ำทำลาย เพื่อส่งเสริมแก้ไขดัดแปลงให้ดีขึ้นๆ เราช่วยโลกเราก็ช่วยมาอย่างนี้ นี่มันก็จวนจะตายแล้วจึงเป็นห่วงพี่น้องชาวไทยทั้งหลาย ให้พากันระลึกความดีงามไว้ให้ดีนะ อันนี้เป็นสมบัติแท้ที่จะเข้าสู่ใจ ส่วนเหล่านั้นตายแล้วขาดสะบั้นไปหมดเลย เราจะไปนอนตายอยู่บนกองเงินกองทอง มันก็เป็นศพอยู่บนกองเงินกองทอง ไม่ได้เป็นความดีงามอะไรเลย แต่คุณงามความดีที่เราสร้างนี้ละจะเป็นของเรา จะนอนจมอยู่ในหลุมในบ่ออันนี้ก็เลิศเลออยู่ในนั้น แต่ผู้ไม่มีความดีงามมีแต่ความชั่วไปนอนอยู่กองสมบัตเงินทอง ที่เย่อหยิ่งจองหองว่าตัวมีเงินมีทองมาก มันก็เป็นศพเน่าเฟะอยู่บนกองเงินกองทองเป็นประโยชน์อะไร ให้พากันคิดเสียนะตั้งแต่บัดนี้ เอาละพอ

ผู้กำกับ การ์ตูนครับ จากเดลินิวส์ ภาพที่หนึ่งบอกว่า “อำนาจรัฐแพ้อำนาจอะไรรู้ไหม” ตอบว่า “แพ้อำนาจวัด” (เราอยากให้พี่น้องทั้งหลายซึ่งเป็นคลังกิเลสๆ นี้ แพ้วัดคือธรรมเข้าใจไหม ถ้าแพ้วัดอย่างนี้แล้วเจริญรุ่งเรืองทั่วหน้ากัน ไอ้ชนะแบบกิเลสชนะจมกันทั้งนั้น เอาละเขาพูดนี้ถูกต้อง การ์ตูนนี้นะเข้าใจหรือ เอ้า อ่านอีกทีหนึ่งฟัง) “อำนาจรัฐแพ้อำนาจอะไรรู้ไหม” นี่เขาตอบว่า “แพ้อำนาจวัด” นี่รถถังมาจ่อประตูวัด นี่วัดป่า แล้วบอกถ่ายทอดสดเมืองไทยสัญจร (เอ้อ เอาละๆ ยอมรับ จำเอานะ ให้กิเลสแพ้วัดละเจริญรุ่งเรือง ถ้าวัดแพ้กิเลสจมเข้าใจไหม ถ้าวัดแพ้กิเลสคือธรรมแพ้กิเลสจม วัดหมายถึงธรรม กิเลสหมายถึงนรกอเวจีฟืนไฟเข้าใจแล้วเหรอ)

เบื้องหลังครับเบื้องหลัง เบื้องหลังดาวพุธถอย ภาพที่หนึ่งมีคนหน้าเหลี่ยมเดินมากับเทวดาดาวพุธ เขาบอกว่า “ดวงฉันดีเพราะมีดาวพุธนำคลอตลอด” มาคู่กันเลยเทวดากับคนหน้าเหลี่ยม ก็เดินมาเรื่อยๆ ครับ พอถึงรูปนี้ ดาวพุธก็เลยทิ้งให้คนหน้าเหลี่ยมเดินไปคนเดียว “ดาวพุธทำไมไม่เดินคู่กับผมเหมือนเคย” เทวดาก็ตอบมาบอก “ไม่กล้าเสี่ยงกลัวลูกหลง” แล้วบอก “นายกำลังจะถูกประชาทัณฑ์” เทวดาดาวพุธตอบมา

(ทำไมถึงจะถูกล่ะ เป็นเพราะอะไร) ก็คงจะมีอะไรไม่ถูกต้องละฮะ ประชาชนเขาไม่ชอบ (อันนี้ก็กลัวลูกหลงหรือถึงตอบไม่ได้ น่าฟังอยู่ อะไรแพ้วัด อ่านอีกทีหนึ่ง) “อำนาจรัฐแพ้อำนาจอะไรรู้ไหม” บอกว่า “แพ้อำนาจวัด” แล้วอันนี้บอกว่า ถ่ายทอดสดเมืองไทยสัญจร แล้วก็หน้าประตูวัดก็มีรถถังอยู่ เนี่ยฮะรถถัง (ไม่ใช่ถังขยะหรือ วัดเรามันมีแต่ถังขยะ มีแต่ขยะเต็มอยู่ ถ่ายเทออกไปจากนี้ก็เป็นถังขยะอยู่นั้น เข้าใจไหมล่ะ)

หลวงตา ทองคำได้เท่าไรเมื่อกี้นี้ (๖ บาท ๗๖ สตางค์ครับผม) นั่นของเล่นเมื่อไรตั้ง ๖ บาท (เก็บไว้ก็เป็นห่วงครับ ไม่มีประโยชน์อะไรครับผม) เอ้อ นั่นละอันนี้ถูกต้องแล้วเอามาเถอะ เอ้าจริงๆ เอามาเถอะเข้าคลังหลวงเรา เป็นมงคลหนาแน่นๆ เราเองก็เหมือนกัน เก็บไว้ไม่เกิดประโยชน์ มีเท่าไรเราเอาเข้าคลังหลวงหมด เราจะเผาด้วยไฟ ไม่เอาอะไร นี่เราเขียนไว้แล้วนะพินัยกรรม วางไว้ในตู้เรา เราบอกแล้วเวลาเราตายให้เอาพินัยกรรมมาอ่านเลย ซึ่งเป็นตัวของเราประกาศออกมาในเวลานั้นเลย

เวลาเราตายนี้ท่านพี่น้องทั้งหลายที่จะมาเผาศพเรา เอาเงินมาบริจาคมากน้อยแล้ว ให้ตั้งกรรมการเก็บรักษาให้หมด ไม่ให้เอาเงินอันนี้ไปฟู่ฟ่าฟุ่มเฟือย ประดับนั้นประดับนี้ประดับศพคนตาย สร้างโลงอะไรต่ออะไรหรูหราฟู่ฟ่าเพื่อเผาหลวงตาบัวคนตายแล้วใช้ไม่ได้ ตัดออกเพื่อไม่ให้ยุ่งเหล่านั้น สมบัติเงินทองมีมากน้อยเท่าไรให้ขนเข้ามา แล้วตั้งกรรมการเก็บรักษาเรียบร้อย เสร็จแล้วเอาเข้าสู่คลังหลวงทั้งหมดเลย เราจะเผาด้วยไฟ สมควรแก่ไฟ สมบัติเงินทองสมควรแก่ผู้ยังมีชีวิตอยู่จึงเอาเข้าคลังหลวงต่อไป นี่เราเขียนพินัยกรรมเรียบร้อยแล้วอยู่ในตู้ของเรา เวลาเราตายให้งัดออกมาอ่านเลยนะ เราจะประกาศป้างๆ ขึ้นมาในพินัยกรรมนั่นละ เราไม่เอาอะไร เราสละเพื่อลูกหลานไทยเราทั่วประเทศเขตแดนตลอดมา มีอะไรไม่เอา เป็นห่วงลูกหลานไทยของเรา เราตายไปลูกหลานยังไม่ตายจะได้อาศัยอะไร ก็ต้องอาศัยอันนี้ซิ

อะไรรัฐแพ้อะไร เขาว่า (อำนาจรัฐแพ้อำนาจวัด) อันนี้เป็นมงคลที่ว่า อำนาจรัฐแพ้วัด อำนาจรัฐแพ้วัดคือยอมรับวัด ยอมรับธรรมกราบไหว้บูชาแล้วปฏิบัติตาม แพ้อย่างนี้เป็นมงคลอย่างสูงสุด แพ้อย่างนี้เรียกว่าแพ้เป็นมงคล เรียกว่าแพ้เป็นพระ ชนะเป็นมาร เข้าใจไหม เขาแพ้แบบนี้เขาแพ้แบบพระ เราอยากฟังอย่างนี้ถูกต้องแล้ว รัฐเป็นลูกศิษย์มีครู ต้องฟังเสียงครูคือธรรม คำพูดนี้เป็นมงคล หมดแล้วนะ (ต้องแล้วแต่ละวัด วัดมีศีลมีธรรมก็แพ้ก็ดี วัดโกโรโกโสก็ไม่ไหว) เอ้า ก็พูดแล้วนี่ วัดเป็นส้วมเป็นถาน พระเณรเป็นมูตรเป็นคูถก็พูดแล้ว อันนั้นเราไม่เอามาพูด เขาก็ไม่ได้ลงใจในประเภทนั้นใช่ไหม เขาลงใจในวัดแท้ พระแท้ ธรรมแท้ สงฆ์แท้นั่นต่างหาก

 

รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร

FM 103.25 MHz



** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก