เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๔๘
ไม่เชื่อพระพุทธเจ้าจมจริงๆ
ก่อนจังหัน
ให้จำขนบประเพณีอันดีงามของพวกเราไว้ชาวไทยเรา วันพระวันโกน แล้วก็เพิ่มวันเสาร์ อาทิตย์ เข้ามาเพื่อเป็นวันงานอันดีงามของเรา คืองานขวนขวายหาอรรถหาธรรมความดีงามเข้าสู่ใจ นอกจากนั้นก็ขวนขวายเพื่อธาตุเพื่อขันธ์ความเป็นอยู่ปูวายมันบกพร่องด้วยกัน แต่อะไรบกพร่องก็ตามสู้ใจบกพร่องไม่ได้ ใจบกพร่องนี้จะมีเงินกองเท่าภูเขาก็ไม่มีความหมาย ถ้าใจได้บกพร่องเสียอย่างเดียวตูมลงนรกเลย กองเงินกองทองช่วยไม่ได้เลย นี่ละถ้าใจได้บกพร่องแล้วสมบัติเงินทองข้าวของมีมากมีน้อย ตลอดยศถาบรรดาศักดิ์ไม่มีความหมายทั้งนั้นแหละ พอลมหายใจขาด ตูมเลย อำนาจแห่งกรรมหนักกรรมเบาทั้งดีทั้งชั่ว ถ้าทางชั่วก็ลงได้อย่างรวดเร็ว ถ้าทางดีก็ขึ้นอย่างรวดเร็ว
ไม่มีใครเกินพระศาสดาของเราที่สอน สิ่งที่ติดแนบกับจิตคือกรรม กรรมดีกรรมชั่ว คนทำดีได้ดี คนทำชั่วได้ชั่ว ไม่ว่าที่ลับที่แจ้งที่ไหน ขอให้ทำลงไป ตัวเปิดเผยในตัวเองทั้งการทำดีทำชั่วอยู่ตลอดเวลา มืดแจ้งไม่ได้มีอำนาจอะไร มันมีอำนาจอยู่กับการกระทำของตน ทำในที่มืดทำในที่แจ้งเป็นผลดีผลชั่วเหมือนกัน สมบัติเงินทองข้าวของเราก็ทราบว่าเป็นความจำเป็นสำหรับธาตุขันธ์ของเรา ความเป็นอยู่ปูวาย ทั่วโลกอาศัยอย่างนี้ แต่ทางด้านจิตใจโลกไม่ได้มอง โลกบกพร่องมากที่สุดทางด้านจิตใจ ได้แก่ความดีงาม
การทำบุญให้ทานนี่เรียกว่าการสร้างความดี เรียกว่าธรรมๆ ให้จำเอานะ อันนี้เป็นสมบัติของใจล้วนๆ ไม่มีใครรู้ได้ ทั่วโลกธาตุนี้เป็นโลกตาบอด พระพุทธเจ้าเป็นโลกวิทู รู้แจ้งโลกทั้งภายนอกภายในตลอดทั่วถึง ตั้งแต่นรกอเวจีถึงนิพพาน ไม่มีใครรู้ได้อย่างพระพุทธเจ้า พระองค์ทรงแทงทะลุหมด แล้วเอาธรรมที่ทรงรู้แจ้งแทงทะลุมาสอนโลก ทีนี้โลกก็เป็นโลกตาบอดไม่สนใจจะฟัง บทเวลามันไปจมแล้วสายแล้ว แก้ไม่ได้แล้ว พอไปเจอเข้าก็สายเสียแล้วๆ สายเกินแก้ หมดทาง เวลานี้เป็นเวลาที่เราจะแก้ไขดัดแปลงส่งเสริมความดีงามของเราได้ อันใดไม่ดีก็แก้ไขได้ ดัดแปลงให้ดี
ตัวเรานี้ตัวสำคัญ ตัวรับรองนรกอเวจี สวรรค์ชั้นพรหม คือตัวเราเอง สมบัติเงินทองไม่ใช่ของมารับรองเรานะ ยศถาบรรดาศักดิ์สมบัติเงินทองข้าวของมีมากมีน้อยไม่ใช่เป็นตัวประกันเราที่จะไม่ให้ไปตกชั่วและส่งเราให้ไปความดี ตัวของเราเองได้แก่ใจ เป็นผู้ทำลงไปทั้งดีทั้งชั่ว นี้เป็นตัวประกันเลย ทางชั่วก็แน่นอน ทางดีก็แน่นอนในทางจะไปทางดี ทางชั่วก็แน่นอน ไม่มีใครเกินศาสดานะ
เวลานี้กิเลสมันเหยียบหัวธรรม ธรรมอยู่ในใจของเรานั่นแหละ กิเลสก็อยู่ในใจของเรามันเหยียบหัวเรา เหยียบหัวใจเรานั่นแหละให้จมๆ เราพูดจริงๆ เราพูดด้วยความสลดสังเวช แต่ก่อนก็ไม่เคยเป็นจิตดวงนี้น่ะ เวลาปฏิบัติตามทางของศาสดา ปฏิบัติออกๆ กว้างออกๆ ทีนี้ก็ค่อยแจ่มแจ้งขึ้นมา พอมันจ้าขึ้นมาเท่านั้นสงสัยอะไร เท่านั้นพอ ไม่จำเป็นจะต้องไปหาใครมาเป็นสักขีพยาน ความรู้ความเห็นเต็มอยู่ในหัวใจ เพราะใจเป็นนักรู้แล้ว นั่น รู้อยู่ตรงนี้ ไม่ว่าดีว่าชั่ว นรกสวรรค์ พรหมโลก ไม่ถามใครเลย ตัวนี้รับทราบได้ตลอด
นี้ละศาสดาองค์เอก รู้แจ้งแทงทะลุทั่วถึงหมดในสามแดนโลกธาตุ จนกระทั่งถึงนิพพาน ฟังซิ นรกก็มหานรก รู้ทั่วถึงหมดเลย อย่าว่าแต่สัตว์นรกตกนรกรู้ทั่วถึง แล้วสัตว์แต่ละตัวๆ นี้ทำกรรมอะไรไว้ๆ จึงได้มาตกนรกหลุมนี้ๆ ทรงทราบหมดนะ และหลุมสัตว์ขึ้นมาทำกรรมอะไร ทรงทราบจนกระทั่งกรรมของสัตว์แต่ละรายๆ ของเล่นเมื่อไรเรื่องศาสดาองค์เอก ผู้ที่มาตกนรกๆ มาจากอะไร สัตว์ตัวนี้ทำกรรมอะไรๆ รู้ไว้หมดแล้ว ลงตรงนั้นๆ ผู้ที่ไปทำความดีงามก็เหมือนกัน พระองค์ทราบตลอดทั่วถึง ถึงสวรรค์ชั้นพรหมตลอดนิพพาน นี่คือความดีงามของเรา เราทราบหรือไม่ทราบก็ตาม ความดีงามของเราเป็นเครื่องวัดเครื่องตวง เป็นเครื่องหนุนเราให้ไปได้ไม่สงสัย
ไม่ต้องไปถามหาละทางไปสวรรค์ไปที่ไหน ไปนิพพานไปที่ไหน ไปแยกไหนทางสามแพร่งสี่แพร่งที่ไหนไม่มี อำนาจแห่งบุญนี้ดีดผึงเดียวถึงเลย ลงชั่วก็เหมือนกัน เราเกิดมาเราไม่เคยเห็นทางนรก และแดนนรกก็ไม่เคยเห็น ทำกรรมลงไปนะ นั่นละกรรมจะพาไปเอง ตูมทีเดียวเลย ท่านทั้งหลายจำเอานะ
เวลานี้เมืองไทยเราหนาแน่นไปด้วยกิเลสตัณหามืดบอด แล้วพากันส่งเสริมและชมเชยกันเสียด้วยไม่ใช่ธรรมดา ส่วนอรรถส่วนธรรมเวลานี้แทบจะไม่มีใครเหลียวแล ไม่เหลียวแลธรรมก็คือไม่เหลียวแลตัวเองนั่นเอง เหยียบย่ำทำลายตัวเองไปตลอด น่าทุเรศนะ อะไรจะเลิศยิ่งกว่าธรรม ฟังแต่ว่าธรรมๆ เหนือโลกตลอด ท่านเรียกว่าโลกุตรธรรม เป็นธรรมเหนือโลกตลอดเลย ให้ต่ำกว่าโลกไม่มี นั่นละธรรมมาสอนโลก แต่เวลานี้กิเลสกำลังเหยียบธรรมอยู่ในหัวใจของเรา เหยียบธรรมในหัวใจของเราก็เหยียบเราด้วยในขณะเดียวกัน ให้พากันตั้งอกตั้งใจปฏิบัติ
โถ เราพูดจริงๆ มันสลดสังเวช พระพุทธเจ้าตรัสรู้ผางขึ้นมานี้ท้อพระทัย นั่นฟังซิ มันเป็นยังไงสัตว์โลกมันหนาขนาดไหน ทรงทำความปรารถนามา ๑๖ อสงไขยบ้าง ๘ อสงไขยบ้าง ๔ อสงไขยบ้าง ล้วนแล้วแต่ท่านผู้ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า เวลาตรัสรู้แล้วอำนาจวาสนาบุญญาภิสมภารต่างกัน ขนสัตว์โลกให้พ้นจากทุกข์ได้มากน้อยต่างกัน พอมาตรัสรู้แล้วท้อพระทัย ฟังซิน่ะ เวลาปรารถนามายังไม่เคยเห็นของจริง พอตรัสรู้ปึ๋งขึ้นมาเท่านั้นเห็นของจริงหมดแล้ว เลยท้อพระทัยที่จะสั่งสอนสัตว์โลก จะขนไปได้ยังไง เหมือนกับว่าไปแบกภูเขาทั้งลูก แบกได้ยังไง เท่านั้นเอง สัตว์โลกมันมืดมันบอดมันหนักเหมือนภูเขาทั้งลูก แล้วจะแบกได้ยังไง ทรงท้อพระทัยๆ
ท้าวมหาพรหมท่านจึงมาอาราธนา พฺรหฺมา จ โลกาธิปตี สหมฺปติ นั่นละท้าวมหาพรหมมาทูลอาราธนาพระพุทธเจ้าให้ทรงแสดงธรรมแก่สัตว์โลก แม้จะมืดหนาก็ตามโลกนี้ แต่ผู้ที่มีมลทินเบาบาง มีนิสัยวาสนาสมควรแก่อรรถแก่ธรรมยังมีอยู่มาก นี่ท้าวมหาพรหมมาทูลอาราธนา สำหรับพระองค์เองทราบกว่าท้าวมหาพรหมอีกเป็นไหนๆ อันนี้เป็นพยานอันหนึ่ง ท้อพระทัยนะ แต่ก่อนตั้งความปรารถนานึกว่าตรัสรู้แล้วจะสอนโลกไปได้สะดวกสบายๆ ที่ไหนได้พอตรัสรู้แล้วท้อพระทัยจะไม่สั่งสอนโลก จนกระทั่งท้าวมหาพรหมมาอาราธนา และพระญาณหยั่งทราบหมดแล้วในภูมิของศาสดาเอง นี่ละฟังซิ
พอตรัสรู้แล้วเท่านั้นท้อพระทัยไม่อยากสอนโลกแล้ว นี่ละหนักไหมโลกอันนี้ พิจารณาซิ เราชั่งตัวของเราน้ำหนักได้เท่านั้นกิโลเท่านี้กิโล ๕๐-๖๐ กิโลน้ำหนักของคนแต่ละคน แต่กิโลของกรรมหนักกว่านั้นก็มีเยอะ กิโลของกรรมเรียกว่ากิโลคอมพิวเตอร์ หนักเท่าไร คนนี้สร้างบาปสร้างกรรมมาเท่าไร มีน้ำหนักเท่าไรบาปกรรมในตัวคนนี้ ตัวเราก็ ๔๐-๕๐-๖๐ เหมือนโลกทั่วๆ ไป แต่กรรมของเรามันต่างกันนะ ตัวเท่าหนูก็ตามแต่มันสร้างกรรมเอาไว้หนักยิ่งกว่าตัวของมันไปอีก ให้พากันระมัดระวัง
ถ้าไม่เชื่อพระพุทธเจ้าจมจริงๆ อย่าว่าไม่บอก บอกแล้วนะเดี๋ยวนี้ บอกแล้ว จำเอา ให้พร
หลังจังหัน
วัดเราช่วยโลกมานานแล้วนะ ช่วยโรงพยาบาล จนกระทั่งทราบกันหมดแหละ ไม่ว่าใกล้หรือไกลทราบกันหมด เวลาเขามีความจำเป็นเขาก็มาขอจากเรา ทางนี้ก็ทราบเอง พอเห็นรถโรงพยาบาลเข้ามาปุ๊บ ให้พระเวรศาลากับเหล่านั้นรับผิดชอบด้วยกันทั้งหมด พอเห็นรถโรงพยาบาลเข้ามาท่านจะออกไปรับกันเลย ให้เต็มรถๆ ถ้าเป็นโรงพยาบาลพิเศษรู้สึกจะแน่นนะ เวลาจะกลับก็เติมน้ำมันให้ทุกคันรถเลย เติมน้ำมันให้เต็มถังๆ เห็นเขาขนน้ำมันมานี่วันหนึ่ง มันสะดุดตา ถังน้ำมันเต็มเลย
โห มันถังอะไรใหญ่โตนัก เราว่างั้น เขาว่าถังน้ำมัน น้ำมันอะไร น้ำมันรถ เราเลยสะดุดใจถามอีกว่า เราก็ไม่เคยถามแต่ก่อน วันนั้นวันถาม เออ เดือนหนึ่งหมดค่าน้ำมันสำหรับเติมรถนี้ประมาณเท่าไร นี้นานมาแล้วนะ ๕ แสนกว่าเดือนหนึ่ง เดี๋ยวนี้น้ำมันขึ้นมันต้องเหยียบล้านเดือนหนึ่งนะ เราก็มีปั๊มน้ำมันปั๊มหนึ่งของเราสำหรับให้รถๆ เราช่วยอยู่ตลอด ของในโกดังไม่ให้บกพร่อง ผู้ที่ดูแลมีประจำ เราจะอยู่ไม่อยู่ไม่สำคัญ ผู้ดูแลเป็นสำคัญ อะไรบกพร่องก็สั่งเข้ามาเต็มๆ อย่างนี้
เมื่อเทียบกันแล้วทางธรรมเดินเพื่อประโยชน์แก่โลก กับทางบ้านเมืองมีรัฐบาลเป็นต้น เขาก้าวเดินเพื่อประโยชน์แก่โลกเหมือนกัน แต่ของเรานี้ไม่มีที่ต้องติ คิดดูซิว่าสมบัติเงินทองที่พี่น้องทั้งหลายมาบริจาคมากเท่าไร ทองคำเวลานี้ที่เข้าคลังหลวงแล้ว ๑๑ ตันกับ ๓๗ กิโลครึ่ง เวลานี้กำลังได้อีกเกือบสองร้อยกิโลแล้ว ประเภทน้ำไหลซึม นี่เข้าหมด ดอลลาร์เหมือนกัน ดอลลาร์เข้าได้เพียง ๑๐ ล้าน ๘ แสนดอลล์ ถ้าเราจะแยกตรงไหนเราบอกไว้เลย เราก็ปฏิบัติตามนั้น เราไม่มีเล่ห์เหลี่ยมหลายสันพันคมเหมือนกิเลสนะ ธรรมตรงไปตรงมา ว่าแยกเราก็แยก ตั้งแต่นั้นมาดอลลาร์ไม่ได้เข้าคลังหลวงมาแปรสภาพเป็นเงินไทยออกช่วยโลก เพราะเงินไทยไม่พอ
ตอนที่เราเทศนาว่าการสั่งสอนประชาชนอยู่นั้น จตุปัจจัยได้มาอันนี้ออกช่วยโลก เวลานี้เราหยุดแล้วเงินอย่างนั้นก็ไม่มี แต่ความจนตรอกจนมุมของคนที่มาขอ ขออยู่ตลอดเวลาไม่เคยลด เราจึงเอาดอลลาร์มาแปรสภาพเป็นเงินไทยทุกวันนี้ สมบัติทั้งหมดนี้เราพูดอย่างเปิดหัวอกเลย พูดด้วยความบริสุทธิ์ใจของเรา เราพูดจากหลักใหญ่คือหัวใจ หัวใจนี้เมื่อบริสุทธิ์เต็มที่แล้ว มลทินจะเข้ามาแตะไม่ได้ มลทินเข้ามาไม่ได้เลย
พูดตรงๆ ใจดวงนี้ละ ดวงที่พูดอยู่เวลานี้ มันเต็มที่ของมันแล้ว ถ้าว่าบริสุทธิ์ก็เต็มที่ อะไรก็เต็มที่แล้ว ทีนี้อะไรที่เศร้าหมองเข้ามาปั๊บมันปัดทันทีเลยนะ ไม่เล่นด้วยเลย ไม่เอา นี่ละไม่มีที่ลับที่แจ้ง อันนี้รู้เอง พอสิ่งที่จะเป็นมลทินแพล็บเข้ามานี้ปัดออกโดยหลักธรรมชาติอัตโนมัติ ไม่ต้องบังคับ ไม่ต้องคิดว่าเอาหรือไม่เอา เราไม่มี เพราะฉะนั้นสมบัติทั้งหลายตั้งแต่ทองคำ ดอลลาร์ เงินสด ที่ได้ช่วยโลกนี้ บาทหนึ่งเราไม่เคยแตะเลย ฟังซิน่ะ ด้วยความบริสุทธิ์ของใจดวงนี้ พูดง่ายๆ อย่างนี้ละ อะไรเข้าไปเป็นมลทินไม่ได้มันจะปัดของมันทันทีๆ เลย ด้วยเหตุนั้นเวลาแสดงออกต่อโลก จึงมีตั้งแต่ความบริสุทธิ์ล้วนๆ ไม่มีมลทิน เราเปิดได้เต็มอกของเราที่เราช่วยโลก ช่วยอย่างนั้น
แต่ทีนี้โลกช่วยโลก ยกตัวอย่างเช่นรัฐบาล นี่เขาก็ประกาศลั่นอยู่เห็นไหมความเสียหายของคนไทยทั้งชาติ ตับปอดพี่น้องชาวไทยเราเข้าไปในวงรัฐบาล เข้าไปได้แล้วมันเป็นกองกลืนกองกินกองทุกอย่างอยู่นั้นหมด เราจึงเรียกว่ารัฐบาลเมาหมัด หมัดคือความโลภ เป็นหมัดอันใหญ่หลวง ได้เท่าไรไม่พอๆ กินตลอดเวลา กินตับกินปอดของประชาชนจนแหลกเหลวไปหมด มันกินขนาดไหน เพราะความโลภหมัดใหญ่นะมันต่อยหัวรัฐบาล รัฐบาลเมาหมัด ความโลภ ความโกรธ ความเคียดแค้น ใครแย็บออกมาไม่ได้ ไปวิพากษ์วิจารณ์เรื่องรัฐบาลไม่ได้ พอเก็บเก็บ พอฆ่าฆ่า จะได้วิธีไหน กลั่นแกล้งทุกแบบทุกฉบับ หาเรื่องฟ้องนั้นฟ้องนี้ พอฆ่าฆ่า จะเอาแบบไหนเอาๆ
เพราะฉะนั้นจึงพูดให้ตรงตัวเลย ที่คุณสนธิมาพักอยู่นี้ ได้ทราบว่าทางอุบลเขาจะมาเอาตัวของคุณสนธิไป คุณสนธิอยู่ในความรับผิดชอบของเรา จะต้องประกาศกันลั่นทีเดียวว่ารับรองเต็มยันที่จะมาเอาตัวคุณสนธิไปอุบลราชธานีนี้ ต้องมายืนยันกับเรา รับรองความบริสุทธิ์ทั้งไปทั้งกลับเรียบร้อยทุกอย่าง เราถึงจะยอมให้ไป ไปเราก็ไม่ให้คนนอกเข้ามาเกี่ยวข้อง เราจะให้คนของเราติดตามไปเลย รักษาเข้มงวดกวดขันทั้งๆ ที่ยืนยันรับรองความปลอดภัยกันแล้ว นู่นเห็นไหมเราทำอย่างนั้นนะ ไม่งั้นมันเอาจริงๆ พวกนี้
พวกโกรธพวกเคียดแค้น หาเรื่องกลั่นแกล้งทุกแบบทุกฉบับ คนดีๆ ก็หาเรื่องฟ้อง อย่างคุณสนธิก็ถูกฟ้องอยู่เวลานี้เห็นไหมล่ะ คุณสนธิทำประโยชน์ให้โลก นี้มันขัดต่อมหาโจรมหาภัยอยู่ในวงรัฐบาล พูดให้มันชัดอย่างนี้เลย มันทำมันทำไมทำได้ การพูดถึงเรื่องความได้ความเสียผิดถูกชั่วดีตามผู้ทำนั้นทำไมจะพูดไม่ได้วะ ประชาชนคนทั้งประเทศเขามีหัวใจทุกคน สมบัติของเขาเอาออกมาจากตับจากปอดใครจะไม่เสียดาย ต้องสละให้เป็นภาษีอากรทุกอย่างเข้าสู่ส่วนรวมมีวงรัฐบาลเป็นต้น เป็นที่รับส่วนรวม แล้วมันรั่วไหลแตกซึมไปไหนๆ ที่คุณสนธิมาชี้แจงให้ท่านทั้งทราบอยู่เวลานี้ มันรั่วไหลแตกซึมไปไหน
นี้คุณสนธิก็เป็นภัยอย่างมากทีเดียว ไม่ใช่เล่นนะ ก็พวกเปรตพวกนี้ละ พวกหมัดใหญ่ๆ ที่ว่าหมัดความโลภ ออกจากนั้นก็หมัดความโกรธ มีแต่หมัดใหญ่ๆ ตีหัวรัฐบาล รัฐบาลหัวเสียไปละเข้าใจไหมล่ะ หมัดใหญ่ๆ นั้นได้แก่ ความโลภกินไม่พอ มีเท่าไรกินหมดๆ ทั่วประเทศไทยมันกินได้ทั้งนั้นว่างั้นเถอะ ความโกรธใครมาวิพากษ์วิจารณ์ในทางความไม่ดีของมันไม่ได้ มันโกรธมันเคียดมันแค้นหาอุบายวิธีการต่างๆ ที่จะกลั่นแกล้งทำทุกอย่าง ควรฆ่าที่แจ้งที่ลับที่ไหนมันเอาทั้งนั้น ไม่งั้นหาเรื่องใส่ๆ นี่ซิประชาชนจึงเข้ารัฐบาลไม่ติด เข้าไม่ติดเพราะเหตุใด ก็พิจารณาซิพี่น้องทั้งหลาย ก็ฟังทุกคนรู้ทุกคนนี่นะ
เราพูดนี้เราพูดโดยอรรถโดยธรรมไม่ได้กลั่นแกล้งกับผู้ใด เราไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับพี่น้องชาวไทยเรา มีแต่ความเมตตาล้วนๆ ที่ให้ลงไปๆ คิดดูบาทหนึ่งเราไม่เคยแตะฟังซิน่ะ ความบริสุทธิ์ของเราขนาดไหน กับความสกปรกโสมมที่โลกทั้งหลายปกครองกัน มันรีดมันไถมันกินมันกลืนกัน มีแต่หมัดใหญ่ๆ เพราะฉะนั้นรัฐบาลจึงว่าเมาหมัด มัวเมาในการกินการกลืนเข้าใจไหมเมาหมัดน่ะ มันมัวเมาในการกินการกลืนการรีดการไถ แล้วก็โกรธก็แค้นฆ่าไปทุกแบบทุกฉบับ กลั่นแกล้งทุกแบบทุกฉบับ ใครไปแตะไม่ได้รัฐบาล นี่ไม่เรียกว่ารัฐบาลเป็นมหาภัยจะเรียกว่ายังไง เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วเขาก็เรียกได้ซิ ตัวเองเป็นตัวประธานที่ทำความชั่วช้าลามกทุกแบบทุกฉบับอยู่นั้นแล้ว ทำไมเขาจะพูดไม่ได้ตามหลักความจริงนั้น มันเป็นอย่างนี้นะ เราจึงบอกรัฐบาลเมาหมัด มันมัวมันเมาเข้าใจไหมล่ะ มีแต่จะกินจะกลืนท่าเดียว นี่เมาหมัดเข้าใจไหม หมัดใหญ่เสียด้วยนะ มันน่าทุเรศเหลือเกิน
เรานี้บริสุทธิ์เต็มที่สำหรับช่วยโลก คราวนี้ไม่มีที่ไหนที่จะต้องติเตียนเรา ว่าสมบัติพี่น้องทั้งหลายบริจาคมาทั่วแผ่นดินไทย ตั้งแต่ทองคำลงมา ดอลลาร์ เงินสด ออกกระจายลงไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ มีความเมตตาสงสารครอบตลอดไปเลย เพราะฉะนั้นจึงว่าบาทเดียวเราไม่เคยมี ในหัวใจของเราสะอาดเต็มที่อย่างนั้นละ อะไรที่เป็นมลทินเข้ามาเฉียดไม่ได้นะมันปัดทันทีๆ เพราะฉะนั้นการแสดงออกของเราจึงมีแต่ความบริสุทธิ์ต่อโลกต่อสงสาร เราสรุปเลยว่ากิริยาของเราที่แสดงออกนี้ไม่มีภัยต่อผู้ใดเป็นคุณทั้งนั้น ถึงจะเด็ดเดี่ยวเฉียบขาดขนาดไหน เด็ดเดี่ยวเฉียบขาดด้วยอรรถด้วยธรรม รสของธรรมน้ำหนักของธรรมทั้งนั้น ไม่ใช่เป็นน้ำหนักของกิเลสตัณหา น้ำหนักของความเคียดความแค้นความโกรธไม่มี
โกรธเราก็ไม่มี ความเคียดความแค้นก็ไม่มี ความโกรธเป็นกิเลส ความเคียดความแค้นเป็นกิเลส หมดแล้วไปจากหัวใจนี้ จะหนักเบามากน้อยเพียงไรเป็นธรรมล้วนๆ ออกทำงาน เพราะฉะนั้นกิริยาท่าทางของเราที่แสดงออกมานี้ จึงไม่มีภัยต่อบรรดาโลกทั้งหลาย สามโลกธาตุไม่มี จะแสดงกิริยาท่าใดเป็นธรรมล้วนๆ ออกทั้งนั้น ที่จะให้มีอย่างโลกเขาเป็นเรามีไม่ได้ในหัวใจของเราเราพูดจริงๆ นี่ละการปฏิบัติต่อพี่น้องทั้งหลาย เราปฏิบัติด้วยความบริสุทธิ์ใจเต็มเหนี่ยวอย่างนี้ละ แล้วก็ไม่เคยได้ยินว่าใครมาตำหนิติเตียนว่าเราทำอย่างนั้นผิดอย่างนี้ หรือเอาเงินไปกินเท่านั้นเท่านี้ไม่เห็นมีมาที่ไหน ก็มันไม่มีจากเราแล้วมันจะมีมาจากไหน
ถึงมันมาหาเรื่องข้างนอกมันก็เห่าว้อกๆ อยู่ข้างนอก ปากอมขี้ไม่ใช่ปากอมธรรม นี้ปากอมธรรม พูดออกไปตรงไหนตรงแน่วๆ เลยไม่มีโกหกหลอกลวง ไอ้ปากอมขี้นี้เห่าว้อๆ ออกมามีแต่ขี้พ่นออกมาเหม็นคลุ้งไปหมด นี่ละคนสกปรกกิริยาสกปรก ปากออกมาก็เป็นปากสกปรก ไม่ได้มีความสะอาดสะอ้านเป็นที่ตายใจได้เลยเหมือนธรรม ธรรมนี้ตายใจได้เลย ขอให้นำธรรมออกไปปฏิบัติเถอะ โลกนี้ตายใจได้ด้วยกันทั้งนั้นแหละ ไม่ว่าชาติชั้นวรรณะใด เห็นไหมเราอยู่ด้วยกันในศาลานี่ มาจากบ้านไหนเมืองใดชาติชั้นวรรณะใดเต็มผสมอยู่นี้ ตายใจกันได้ด้วยธรรมเป็นเครื่องประสานหมดนั่นเห็นไหมล่ะ อะไรจะตายใจได้ยิ่งกว่าธรรมไม่มีในโลกอันนี้
กิเลสมีแต่ความปลิ้นปล้อนหลอกลวงร้อยสันพันคม ไว้ใจกันไม่ได้ แม้ที่สุดผัวเมียก็ไว้ใจกันไม่ได้ ถ้าลงมีร้อยสันพันคมอยู่ในหัวใจของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเท่านั้นหรือทั้งสองฝ่ายแตกกันเลย ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็ร้าวรานแล้วแตกกัน สามีภรรยาไม่ยินดีในของมีอยู่ของตน อัปปิจฉตา ผัวเดียวมีเดียว ไปกว้านเอาสี่ผัวห้าผัวร้อยผัวพันผัวร้อยเมียพันเมียมาแล้วพังเลยละครอบครัวนั้น นี่ละกิเลสมันร้อยสันพันคมไว้ใจกันไม่ได้ นอนติดกันอยู่กลางคืน เวลาออกมาแล้วไปแล้วร้อยสันพันคมไปแล้ว นี่เห็นไหมกิเลสเชื่อมันได้ยังไง ถ้าเรื่องธรรมเชื่อได้เลยฝังตายเลยเชียว ให้พากันจำเอานะ เรื่องธรรมเป็นอย่างนั้น
เราปฏิบัติต่อโลกปฏิบัติเต็มเม็ดเต็มหน่วยไม่มีอะไร เพราะฉะนั้นกิริยาของเราที่แสดงออกทุกแง่ทุกมุม รับรองได้เลยยืนยันได้เลยว่าบริสุทธิ์สุดส่วนไม่เป็นภัยต่อผู้ใดทั้งนั้น ต่อโลกไม่มี ถึงจะแสดงหนักเบามากน้อยก็เป็นน้ำหนักของธรรมที่แสดงออก ควรเด็ด เด็ด ควรดุ ดุ ควรด่า ด่า ควรเบา เบาเป็นธรรมดา เป็นไปด้วยธรรมทั้งนั้น เราจึงกล้าพูดละซิ เห็นความสกปรกโสมมประกาศลั่นโลก มีแต่เรื่องมูตรเรื่องคูถกระจายทั่วประเทศไทย คนไทยเราเลยจะไม่มีตับมีปอด ถูกกินถูกกลืนถูกทุกแบบทุกฉบับ พูดออกมาไม่ได้จะเก็บจะฆ่า ฟังซิน่ะ เอาอำนาจป่าเถื่อนมาจากไหนนักหนามาปกครองเมืองไทยเราไม่เคยมีอย่างนี้ มันน่าทุเรศจริงๆ
อันนี้ตายใจเลยว่างั้นละ ไปที่ไหนๆ ไปด้วยความตายใจเจ้าของบริสุทธิ์สุดส่วนไม่มีอะไรเลย อย่างที่พูดอยู่เวลานี้ถ้าเป็นโลกเขาก็เอาหลวงตาบัวไปฆ่าแล้วนะ เป็นแบบโลกๆ น่ะ เขาเอาหลวงตาบัวไปฆ่า เพราะไปขัดไปขวางกับการกินการกลืนของเขา เราไม่กินไม่กลืน เราทำประโยชน์เพื่อโลกเราก็พูดตามหลักความจริงซิ เขาไม่พอใจเขาจะเอาไปฆ่าได้ หลวงตานี้ไม่เคยสนใจกับเรื่องเป็นเรื่องตาย เรียนจบมาแล้วความเกิดความตายเป็นสังขารอันเดียวกันนี้ ไม่ได้ออกไปที่ไหนนะ เรียนจบหมดแล้วเราจึงไม่หวั่น กล้าเราก็ไม่มี กลัวเราก็ไม่มี เรื่องการเกิดการตายเรื่องอันตรายอะไร เราไม่มี เราเรียนจบหมดแล้วเรียนโลกก็จบ เรื่องของกิเลสเราจบหมดแล้ว เรื่องธรรมเราก็เต็มภูมิของเรา เราไม่มีอะไรขัดข้อง เพราะฉะนั้นการแสดงออกจึงมีแต่ธรรมล้วนๆ แสดงออกต่อโลก
ใครจะเอาไปฆ่าฆ่าซิ เขาไม่ฆ่ามันก็ตายอยู่แล้ว แน่ะ เกิดมาความเกิดความตายมันติดกันมาแล้วนั่น เป็นแต่เพียงว่าตายก่อนตายหลังเท่านั้น ไม่เห็นมีปัญหาอะไร เราจึงไม่เคยหวั่น เราพูดจริงๆ เราไม่เคยหวั่น ใครจะว่าอะไรเราไม่เคยสนใจ โลกอันนี้เป็นโลกสมมุติ นั้นเป็นโลกวิมุตติ ถ้าว่าโลกก็เป็นวิมุตติแล้วเข้ากันได้ยังไง ความกล้าความกลัวเป็นสมมุติทั้งนั้น ธรรมชาตินั้นไม่มีคำว่ากล้าว่ากลัว มีแต่ธรรมล้วนๆ พูดไปตามธรรม กิริยาการแสดงออกเป็นธรรมล้วนๆ ไปเลย วันนี้พูดเรื่องอะไรถึงเข้ามานี้ เราก็ลืมไปแล้วละพูดไปพูดมาหลง เราก็เมาหมัดเหมือนกัน พูดไปพูดมาหลง เมาหมัดเราก็ดี เอาละพูดเท่านี้ละ
ผู้กำกับ การ์ตูนครับ (เอ้อว่าไปซิ) อันนี้ของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ประจำวันอาทิตย์นี้ละครับ เขาว่า ผิดหรือไม่ ตามรูปดังต่อไปนี้นะครับ รูปที่หนึ่งเขาบอกว่า ถ้าป้าอุจะเอาวัดไปอยู่ในห้างสรรพสินค้า ไม่ผิดถ้าป้าอุ อุนี้ก็อุไรวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เขาจะเอาวัดไปอยู่ในห้างสรรพสินค้า เขาบอกว่าตอนนี้ในห้างนี้เยาวชนมาเดินเที่ยวเตร่กันมาก แต่ไม่มีธรรมะประจำใจหรือไปทางเสียซะมาก อยากจะให้หนุ่มๆ สาวๆ มาด้านธรรมะบ้าง ก็เลยว่าจะเอาวัดไปใกล้ๆ เขา (โอ๋ ถ้างั้นก็จะยากอะไร เขาเดินผ่านเข้ามานั้นก็เอาบัตรติดหัวเขาติดหน้าเขา นี่บัตรธรรมะๆ ว่าแจกไปเรื่อยซิ ยากอะไร มันไม่ยาก มาร้องทุกข์ให้ขายตัวเองทำไม)
เขาบอกไม่ผิดถ้าป้าอุจะเอาวัดไปอยู่ในห้าง แล้วนี่ก็วาดเป็นรูปพระกับป้าอุ บอกว่า หวังว่าอาตมาคงไม่ต้องตอกบัตรนะโยม ตอกบัตรทำงานน่ะครับ (ไม่ได้ตอกแล้วเพราะเอาบัตรติดหน้าผากมันแล้ว ตอกหาอะไรเข้าใจไหม เอ้า ว่าไป) ภาพที่สองนะครับ นี่เขาบอก ไม่ผิดถ้าประชาชนจะฝากความหวังไว้ เรื่องการตรวจสอบรัฐบาลทุกวันศุกร์ ทุกวันศุกร์ก็ที่คุณสนธิเขาพูดเนี่ยครับ แล้วต่อไปเขาบอก ไม่ผิดถ้าการทำบุญประเทศ ทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ ในวัดพระแก้วนะครับ สนธิบอกว่าที่แก้ตัวมานี้ เท่ากับเอาสีข้างเข้าถู แล้วบอก สีข้างหนาซะอย่าง สีข้างหนา เอาสีข้างเข้าถู ที่เขาแก้ตัวมาละครับ
(เรายังไม่เข้าใจนะ) ก็แก้ตัวมาบอกว่าได้รับอนุญาตเรียบร้อยแล้ว แต่วันที่มันค้านกันอยู่ ไปทำพิธีวันที่ ๑๐ คนเซ็นเซ็นวันที่ ๑๑ ครับ มันค้านกันอยู่ (เอ้อ ไปทำก่อนแล้วถึงเซ็น เอ้อ อย่างนั้นไม่ผิด เข้าใจไหม เขาเองเขาแก้ตัวเขาก็บอกว่าไม่ผิดเข้าใจไหม แต่นี่มันผิดวันยังค่ำ เอ้า ว่าไป) นี่เขาบอก ไม่ผิดถ้าสนธิจะอยู่วัด นี่วาดเป็ดวัด แล้วก็รถถังมาอยู่หน้าวัด แล้วเขาบอกว่า แน่จริงออกมาซิ (บอกใครล่ะแน่จริงให้ออกมา) การ์ตูนครับ ต่อไปนะครับ บอกว่า ไม่ผิดถ้าวัดป่าจะถ่ายทอดสด (เอ้อ ก็ถ่ายไปแล้วผิดไม่ผิดก็ถ่ายไปแล้ว มาหางมเงาอะไรเขาถ่ายไปแล้ว เอ้าว่าไป) อันนี้บอกว่า ผิดถ้าดึงฟ้า ศาสนา เพื่อประโยชน์ของตนเอง สร้างความแตกแยกในสังคม อันนี้ผิด (หมายความว่าไงว่าไปซิ) ก็ผิดถ้าไปดึงฟ้า ดึงศาสนา มาเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง อันนี้ก็ผิด ไม่ถูกต้อง
ทีนี้พ่อกับลูกนั่งอยู่ด้วยกันนะครับ ลูกก็ถามพ่อว่า กรุงศรีอยุธยาแตกคราวนั้นเพราะอะไรครับคุณพ่อ พ่อก็ตอบว่า เพราะคนในชาติขาดความสามัคคี เอาแต่ทะเลาะกันเอง (เอ้อ นั่นละอย่าแตกสามัคคีนะ อย่าทะเลาะกันนะ มันจะซ้ำรอยกรุงศรีอยุธยา จำเอาไว้ ให้ฟังเสียงหัวหน้า อย่าบืนไปนู้นบืนมานี้ อวดดีแล้วจมนะ มีเท่านั้นแหละ) ภาพนี้แผ่นที่สองบอกว่า วาดเป็นรูปคนหน้าเหลี่ยมๆ แล้วบอกว่า จุ๊ๆๆ เงียบๆ หน่อย นายกฯท่านทำงานหนัก เดี๋ยวท่านจะหงุดหงิด ว่างานหนักฮะตีกอล์ฟ (แล้วอะไรมันเบาล่ะ) อย่างที่หลวงตาเคยพูดนั่นล่ะ (เราอยากถาม ถ้าตอบตรงนี้มันสะเทือนหมดนะ มันออกรับกันแล้ว หากไม่ออก)
ภาพนี้วาดเป็นรูปฝูงเครื่องบินไอพ่น มาทั้งฝูงเลย แล้วก็มีคนไปโบกมือห้ามไว้ บอก หยุด...ยกเลิกการบิน วันเกิดคุณหญิงปีนี้นายกอยากให้เรียบง่าย ไม่เอาไอพ่นแปรรูปอวยพร (โอ๊ย มันเจ็บพอแล้วแหละ เราไม่พูดไม่เสริม ก็มันเจ็บพอแล้วนี่ จะเสริมอะไร) อันนี้เป็นสองภาพ อันนี้ภาพจากเดิมที่ว่าเคย เอาสั้นๆ นะฮะ เคยเอาสุนัขอยู่ในกรง แล้วไปปล่อยมันออกมา มันเลยกัดเอาเหวอะหวะทั้งหน้าตาแขนขา แต่นี้อันนี้รัฐมนตรีเกษตร ชื่อเล่นชื่อหน่อย ชื่อจริงก็ สุดารัตน์ นั่นละครับ ทีนี้มีเรื่องกับแอ๊ดนักร้องเพลงชีวิต แล้วเขาว่า หน่อย เธอว่าเธอโดนนายแอ๊ด ฝูงไก่รุมจิก ฝูงไก่รุมจิก ก็ไปโต้เถียงกันเรื่องวัคซีนจะมาฉีดไก่ ที่ว่าไข้หวัดนกนี่ละครับ แอ๊ดบอกให้เอาวัคซีนฉีด คุณหน่อยบอก อย่าฉีด ถ้าฉีดแล้วเดี๋ยวโรคมันเกิดแล้วไม่รู้ เขาเถียงกัน เลยการ์ตูนเอามาล้อเลียนครับ
หน่อย เธอว่าเธอโดนนายแอ๊ดกับฝูงไก่รุมจิก ว่าแย่แล้วใช่ไหม แลกกับโดนเจ้าสนธิไหม ถ้าเปรียบเทียบเหมือนกับคุณสนธิกัดเขาเหวอะหวะทุกวันศุกร์ คนนี้เขาก็เลยมาแลกกับ (เขาไปทำผิดอะไรถึงได้กัดเขาล่ะ อยู่ๆ ไปกัดเขามันก็หมาบ้าละซิใช่ไหม นี่เป็นยังไงอยู่ๆ แล้วไปกัดเขาเป็นยังไงว่าเหตุผลมา เพราะเหตุไรจึงกัด) โอ้ย ก็นั่นล่ะครับ งบประมาณเยอะๆ นั่นละครับ ( นั่นล่ะ เอาละพอ เอาเท่านั้นพอ พูดสนุก การ์ตูนมันสนุกเราก็สนุกด้วยซิ การ์ตูนเล่นเราก็เล่นว่าไง เขาพาเล่นจะจริงไม่ได้นะ หมดแล้วนะ แล้วมีอะไรอีกล่ะ โอ้ ปากมอมปากแมมเราก็ดี มีอะไรอีกล่ะ)
อันนี้ก็เข้ากับเหตุการณ์นะครับ มีหลวงตาเกี่ยวข้อง ภาพที่หนึ่งนะครับ วาดเป็นรูปพระ แล้วก็มีคนมาไหว้พระเยอะๆ นะครับ ทำไมทักษิณไม่ยอมมาพบหลวงตา แล้วภาพต่อไปบอกว่า ส่งจดหมายไปเชิญไม่ได้ผลหรอกครับ แล้วจะให้ทำยังไง จุดธูปแค่ดอกเดียวก็พอแล้วครับ (หมายความว่าไงจุดธูปดอกเดียวก็พอ) หมายความว่าเขาก็ตายทั้งเป็นละครับ (โอ๋ ตายทั้งเป็นนะ เท่านั้นละนะ เราเขียนจดหมายไปถึงนายกฯ กับคุณสนธิให้มาทั้งสอง ก็พอดีคุณสนธิมา นายกฯไม่ได้มา มาไม่มาเราก็ไม่มีได้มีเสียอะไรนี่ ประกาศให้โลกได้ทราบด้วยซ้ำในจดหมายของเราเป็นเรื่องเล็กน้อยเมื่อไร มีเท่านั้นเหรอ หมดแล้วนะ
รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th
และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร
FM 103.25 MHz |