ห่วงชาติบ้านเมืองมากทีเดียว
วันที่ 19 พฤศจิกายน 2548 เวลา 8:40 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๔๘

ห่วงชาติบ้านเมืองมากทีเดียว

ก่อนจังหัน

วันเสาร์ วันอาทิตย์ วันพระ วันโกน เป็นวันว่าง เป็นวันที่ขวนขวายความดีทั้งหลายเข้าสู่ใจ เช่นท่านทั้งหลายมาบำเพ็ญธรรมในวันนี้เป็นวันเสาร์ เป็นวันว่างทางกิจการทางโลกทางขันธ์ หมุนใจเข้ามาสู่อรรถสู่ธรรม เพื่อให้ได้ความดีงามเข้าสู่ใจ ใจถ้ามีธรรมแล้วสงบร่มเย็น ถ้าไม่มีธรรมแล้วใครจะเก่งขนาดไหนเป็นไฟทั้งนั้นแหละ เขาว่าชิงดีชิงเด่น มันชิงชั่วช้าลามกกัน นำแต่ฟืนแต่ไฟมาเผากัน ผู้แพ้ก็เป็นไฟ ผู้ชนะก็เป็นไฟ ถ้าเรื่องของกิเลสแล้วไม่มีคำว่าชุ่มเย็น ความสงบสุขไม่มีในกิเลส ถ้าเป็นธรรมแล้วมีทันทีเลย

ผู้ใหญ่ผู้น้อยปกครองกัน มีธรรมเข้าปกครองย่อมมีความสงบร่มเย็น ถ้าไม่มีธรรมแล้วใครจะเก่งกล้าสามารถขนาดไหน ก็เก่งเพื่อจะจม เพื่อจะเป็นฟืนเป็นไฟเผาตัวเองและส่วนรวมทั้งนั้นแหละ เพราะฉะนั้นธรรมจึงเป็นของจำเป็นมาก ถ้าไม่มีธรรมแล้วใครอย่าอวดเก่งว่าดิบว่าดี มีแต่ชื่อแต่นาม มีแต่ความสำคัญเท่านั้นว่าตัวดีๆ ความชั่วเต็มหัวใจ ความชั่วกับไฟมันอันเดียวกัน เผากันเข้าไป มันไม่ดีนะ

อดออมกัน เก็บความรู้สึกไว้ มีความอดออมซึ่งกันและกัน อดกลั้นขันตี หากมีความจำเป็นอะไรให้มาระบายต่อกันตามเหตุตามผล ผู้ฟังก็ฟังมีเหตุมีผล ยอมรับกันได้ เป็นผลเป็นประโยชน์ต่อไป ถ้ามีแต่ทิฐิมานะอวดเบ่งอวดดิบอวดดี อวดก้าม อวดอำนาจป่าๆ เถื่อนๆ อย่างนั้นเอาไฟมาเผากันละ ตัวนั้นละตัวก่อฟืนก่อไฟ ตัวอำนาจเก่งๆ ด้วยความสำคัญตนนั่น นั่นละผู้เอาไฟเผาหัวอกตนเองและเผาส่วนรวมคือผู้นั้น

ใครจะอวดเก่งกว่าธรรมนี้ไม่ได้ ธรรมนี้เหนือโลกมานมนานเป็นกัปเป็นกัลป์ โลกยอมรับกันเรื่องธรรม กิเลสเป็นภัย นี้พระพุทธเจ้าและจอมปราชญ์ทั้งหลายทรงตำหนิมาแบบเดียวกัน สอนโลกให้ชำระสิ่งเลวร้ายทั้งหลายเพื่อความสงบร่มเย็นจะเข้าสู่ตัวเองและสังคม ถ้าไม่มีธรรมแล้วใครจะว่าเก่งขนาดไหน มันก็เก่งแบบหมากัดกัน ตัวแพ้ตัวชนะมันเจ็บด้วยกัน

หมากัดกันอย่าเข้าใจว่าตัวชนะไม่เจ็บ มันเจ็บทั้งตัวแพ้ตัวชนะ นักมวยขึ้นต่อยกันเหมือนกัน ผู้แพ้ผู้ชนะเจ็บด้วยกัน ดีไม่ดีผู้ชนะนั้นเจ็บมากกว่าผู้แพ้เสียอีกก็มี นี่ละเรื่องโทษแห่งความกระทบกระเทือนกัน อย่างนักมวยนี้เขาตั้งหน้าขึ้นไปเป็นกีฬาเป็นเครื่องเล่น ไม่โกรธไม่แค้น ไม่ถือสีถือสากัน เป็นกีฬาอันหนึ่ง แต่เรื่องของกิเลสที่เป็นอยู่ในหลักธรรมชาติของใจแสดงออก ให้ได้ตามความชอบใจของตนนี้เป็นไฟทั้งนั้นแหละ ให้เป็นอื่นไปไม่ได้ ไม่ได้เหมือนนักมวยเขานะ นักมวยเวลาเขาต่อยกันลงเวทีแล้วเขาก็กอดกัน ไม่มีภัยต่อกัน นี้เป็นกีฬาเป็นเครื่องเล่น

แต่เรื่องกิเลสที่ออกแสดงต่อโลกนี้ไม่ใช่กีฬานะ ท่านทั้งหลายทราบเอาไว้ กิเลสไม่เคยเป็นกีฬาเป็นเครื่องเล่นแหละ เป็นไฟทั้งนั้น ถึงแยกออกไปเป็นกีฬาก็กีฬากองไฟอยู่บนเวทีนั่นน่ะจะเป็นอะไรไป ขอให้ท่านทั้งหลายมีอรรถมีธรรมเถอะ พระพุทธเจ้าเป็นจอมปราชญ์สอนโลกมานานแสนนาน ไม่มีผู้ใดที่จะไปตกนรกหมกไหม้เพราะปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า นอกจากที่ว่าการ์ตูนมันแฉลบ การ์ตูนคือกิเลสมันแฉลบ

หลวงปู่ท่านอยู่บนศาลพระภูมิ มีผู้ชายคนหนึ่งเขาไปจุดธูปเทียน ปู่อยู่บนศาลพระภูมิถามลงมาว่า เป็นอะไรหลานถึงมาจุดธูปเทียน เป็นทุกข์ครับหลวงปู่ เป็นทุกข์เพราะอะไร เพราะปฏิบัติตามหลวงปู่ หลวงปู่สอนอย่างไร แล้วเราปฏิบัติอย่างไร หลวงปู่สอนให้มีความปรารถนาน้อย แล้วเราปฏิบัติยังไง ไปมีเมียน้อย ฟังซิน่ะ ปู่สอนให้ทำความปรารถนาน้อย มันแฉลบไปมีเมียน้อย นี่ละกิเลสมันแฉลบให้พากันเข้าใจเอานะ เราพูดเป็นข้อเปรียบเทียบอย่างนี้ละ กิเลสมันคอยแฉลบๆ ให้มีความปรารถนาน้อยแล้วไปมีเมียน้อย ปู่ก็ไม่ทราบว่าจะตอบว่ายังไง มีแต่ เฮอะ เท่านั้น หมดท่า หลานกูนี่ดื้อจริงคงว่างั้น ให้พากันจำเอานะ อย่าไปแฉลบ

พระพุทธเจ้าท่านสอนอย่างหนึ่ง พวกเรามันมีแต่พวกแฉลบไปมีเมียน้อยทั้งนั้น พระพุทธเจ้าสอนอย่างนั้นๆ มันก็แฉลบไปทางนี้ ส่วนที่ปฏิบัติตามพระพุทธเจ้าจริงๆ แล้วไม่มีรายใดที่จะได้รับความทุกข์เพราะการปฏิบัติธรรมตามพระพุทธเจ้า  นอกจากปฏิบัติตามความทะเยอทะยานของกิเลสเท่านั้น พากันจำเอา

เวลานี้เมืองไทยเรารู้สึกว่าร้อนมากทีเดียวเท่าที่ฟัง หูฟังๆ เป็นธรรม ใจคิดเป็นธรรม เราเป็นจุดศูนย์กลางคือทรงธรรม ไม่เข้าข้างใดออกข้างใด เวลานี้เมืองไทยเรารู้สึกว่าร้อนมากๆ ส่วนมากก็คือถือทิฐิมานะไปตามกิเลส เอากิเลสมาปกครองบ้านเมือง ไม่ได้เอาธรรมมาปกครองนั้นแล มันถึงเกิดความเดือดร้อน มีอยู่ทุกแห่งทุกหนในเมืองไทยเวลานี้กำลัง เหมือนว่าตั้งค่ายจะรบกันอย่างนั้นแหละ ถ้าไม่ยอมรับกันโดยธรรมแล้วยังไงต้องเป็นไฟแน่นอน

จะให้กิเลสพาสร้างหอปราสาทราชมณเฑียร ให้พวกไม่ลงรอยกันด้วยอำนาจทิฐิมานะนี้ ไปอยู่สวรรค์ชั้นพรหมชั้นสะดวกสบายไม่มี อย่าพากันอุตริคิดนะจะพากันจมทั้งชาติไทยของเรานั่นแหละ ผู้ใหญ่ปกครองบ้านเมืองก็อย่าถือทิฐิมานะของตนว่าใหญ่ว่าโตยิ่งกว่าคนทั้งหลาย เราคนหนึ่ง เขาคนทั่วประเทศไทยมีหัวใจด้วยกัน ต้องเฉลี่ยจิตใจความสุขความทุกข์ให้ถึงกัน แบ่งเบาซึ่งกันและกันแล้วเฉลี่ยกันด้วยธรรม อยู่กันได้นะ ถ้าตัวก็เบ่ง ตัวนี้เก่งๆ ตัวเก่งๆ นั่นละตัวมันก่อฟืนก่อไฟเผาตัวเอง นอกจากนั้นจะเผาส่วนรวมไปไม่มีสิ้นสุด ให้พากันจำเอานะ

ไม่มีอะไรเกินธรรมๆ ไปได้ ธรรมของพระพุทธเจ้ากับกรรมนี้เป็นอันเดียวกัน นตฺถิ กมฺมสมํ พลํ ไม่มีอานุภาพใดจะยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าอานุภาพแห่งกรรมไปได้ เราทำอะไรจะว่าเหนือกรรมไม่เหนือนะ มีวันจมจนได้ กรรมต้องให้ผลแน่นอน ทำชั่วลงไป ความชั่วทั้งหลายถูกลบล้างหมดมีแต่ความดีเด่นขึ้นมาเพราะการทำชั่วนี้ไม่มี ถ้าทำชั่วต้องเป็นชั่ว ทำดีต้องเป็นดี ไม่มีที่ลับที่แจ้ง กรรมจึงเรียกว่า ไม่ลำเอียง ที่ลับที่แจ้ง ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เหมือนกันหมดเลย ให้พากันระมัดระวังกรรม

อย่างที่เป็นอยู่เวลานี้ รู้สึกจุดใหญ่อยู่ในวงรัฐบาล ธรรมดารัฐบาล เหตุที่จะเป็นรัฐบาลขึ้นมาก็คือพี่น้องชาวไทยทั้งประเทศไปหย่อนบัตรให้ เพื่อหาคนดีมาปกครองบ้านเมือง มาฉุดมาลากบ้านเมือง เรียกว่า นายกๆ แปลว่าผู้นำ นี่เป็นภาษาบาลีเขาแยกมาเป็นภาษาไทย แปลว่าผู้นำ ให้นำโลกนำชาติของตนเป็นไปเพื่อความสงบร่มเย็น ผู้นำเป็นสำคัญ ถ้านำไปในทางที่ผิดก็จมไปได้

อย่างประชาชนเขาไปหย่อนบัตรให้ หย่อนบัตรเพื่อหาคนดี หย่อนบัตรเข้าไปแล้วยกให้เป็นคนดี มันกลายเป็นยักษ์เป็นผีเป็นโจรเป็นมารเป็นมหาภัยต่อชาติบ้านเมืองเป็นได้ดังที่เห็นอยู่เวลานี้ เราพูดอย่างชัดเจน รัฐบาลเราเวลานี้กำลังเป็นไม้เบื่อไม้เมากับคนทั่วประเทศไทยเลย นี้ละธรรมพูดไม่ได้ลำเอียงทางโน้นทางนี้

รัฐบาลเราขอให้สมตามที่เจตนาเขายกย่องให้เป็นผู้ใหญ่ๆ ขอให้นำชาติบ้านเมืองไปด้วยความราบรื่นดีงามโดยความเป็นธรรม นำประชาชนทั้งหลายด้วยความเป็นธรรม อย่าอวดก้าม อย่าอวดอำนาจที่เขายกให้เป็นอำนาจ ไม่ใช่อำนาจไปสังหารประชาชน อำนาจนี้อำนาจเพื่อสั่งสมในสิ่งที่ถูกให้มีกำลังเพิ่มขึ้น อำนาจปราบสิ่งที่ชั่วช้าคนชั่วช้าทั้งหลายลงต่างหาก นี่เป็นอำนาจของผู้ใหญ่ปกครองบ้านเมือง ท่านจึงเรียกว่ามีทั้งพระเดชมีทั้งพระคุณ

พระเดชก็คืออำนาจนั่นละ ควรจะเด็ดเดี่ยวเฉียบขาดโดยความเป็นธรรมแล้วเด็ด พระคุณก็เป็นบุญเป็นคุณต่อโลกต่อสงสาร ตัวเองเป็นผู้ทรงอรรถทรงธรรม ไปที่ไหนไม่ว่าผู้ใหญ่ผู้น้อยเขากราบไหว้บูชาเคารพนับถือทั่วหน้ากันไปหมด ถ้าเป็นผู้ชั่วแล้วไปที่ไหนเขาแตกฮือๆ แตกไปแล้วกิริยาท่าทางเขากลัว แต่ใจเขาไม่ได้กลัว คนเราบังคับใจกันไม่ได้นะ บังคับได้แต่กำลังวังชา แต่ใจบังคับไม่ได้ มันหมอบมันกราบ ร่างกายของมันกราบ ยอมแล้วๆ แต่หัวใจมันไม่ยอม มึงจะตายวันหนึ่งแน่นอน เข้าใจไหมล่ะ หัวใจมันไม่ลง มึงจะตายด้วยฝีมือกูวันหนึ่งแน่นอน มึงอย่าเก่ง นี่ละใจมันไม่ลงเสียอย่างเดียว

ท่านจึงได้สอนไว้ว่า น หิ เวเรน เวรานิ สมฺมนฺตีธ กุทาจนํ ผู้แพ้ผู้ชนะมีความทุกข์ด้วยกัน แล้วก่อกรรมก่อเวรต่อกันหาที่สิ้นสุดยุติไม่ได้ แต่ถ้ายอมรับความผิดถูกชั่วดี เห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกันแล้วไม่ก่อกรรมก่อเวร เป็นความสุขความสงบเย็นใจทั่วหน้ากัน นี่คือธรรมของพระพุทธเจ้าท่านสอนไว้อย่างนี้

เราอย่าเหนือธรรมนะ อย่าอวดตนว่าเก่งกว่าธรรมมันจะจม ไม่มีอะไรเหนือธรรมเหนือกรรมไปได้ เก่งเท่าไรถ้าเก่งทางชั่วจมเท่านั้นๆ นี่เราเป็นแต่ความสำคัญเอาเฉยๆ ว่าเวลานี้เรามีอำนาจมาก เราจะสั่งบังคับบัญชาอะไรๆ ก็ได้ สั่งได้ แต่ว่าถ้าเป็นไปในทางที่ผิดแล้ว เราสั่งกรรมไม่ให้บีบหัวตัวเองตัวผู้สั่งนั้นได้ไหม ไม่ให้บีบไม่ได้นะ กรรมต้องบีบเราจนได้นั่นแหละ ให้พากันระมัดระวัง ให้พรย่อๆ

หลังจังหัน

ผู้กำกับ พระบรมราโชวาทนี้หลวงตาเมตตาให้อ่านได้ทราบโดยทั่วกันครับ

จากข่าวในพระราชสำนัก สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ เมื่อวันที่ ๑๗ ที่ผ่านมา

เมื่อเวลา 17.32 . วานนี้ วังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประกอบพิธีประดับยศแก่นายทหาร-ตำรวจ ชั้นนายพล ประกอบด้วยนายทหารจากสังกัดกระทรวงกลาโหม กองบัญชาการทหารสูงสุด กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งได้รับพระราชทานยศ ชั้นพลตรี พลเรือตรี และพลอากาศตรี 390 ราย และนายตำรวจซึ่งได้รับพระราชทานยศพลตำรวจตรี 66 ราย

โอกาสนี้ ได้มีพระบรมราโชวาทเพื่อเป็นแนวทางการปฏิบัติหน้าที่ ดังนี้

"การที่ผู้ได้รับการประดับยศนายพล นายพลเรือ นายพลอากาศ และ นายพลตำรวจ ถือว่า เป็นการได้รับเกียรติและน่ายินดีที่การเลื่อนยศนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีสำหรับแต่ละคน และก็ถือว่า เป็นภาระที่หนักเพราะต้องรักษาเกียรติของยศที่สูงขึ้น ท่านที่ได้รับยศนายพลเอก นายพลโทแล้ว ก็เข้าใจดีว่าหมายความว่าอย่างไร เพราะว่า ผู้ที่ได้รับยศสูงจะต้องรักษาเกียรติ ถ้าหากรับยศสูงแล้วและไม่รักษาเกียรติ ไม่รักษาความรับผิดชอบของยศสูงก็ไม่เป็นของดี

ฉะนั้น ก็เชื่อว่า ท่านที่ได้รับยศก็จะตระหนักในความรับผิดชอบที่ได้รับ ก็ขอให้ท่านสำนึกในความรับผิดชอบที่ท่านมีโดยเฉพาะในระยะปัจจุบันนี้จะมีหน้าที่อย่างไรก็ตาม มีหน้าที่ในแนวรบ หรือแนวปฏิบัติการทางต่อสู้ หรือในหน้าที่ราชการอย่างอื่นซึ่งไม่ใช่การต่อสู้ แต่จะต้องทำดีที่สุด เพราะว่า ผู้ที่มียศย่อมต้องปฏิบัติให้สมเกียรติของยศเพราะว่า ผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาจะมองดู จะต้องจ้องมองดูเสมอว่า นายเป็นยังไง จะเป็นอยู่ในสนาม จะเป็นอยู่ในห้องทำงานเราต้องมีผู้ใต้บังคับบัญชาเสมอ และผู้ใต้บังคับบัญชาก็จะต้องจ้องมองว่า นายทำอะไรถ้านายทำดี มีความสามารถเขาก็ชื่นชม และไม่ใช่ว่า จะเขาชื่นชมเท่านั้นเอง เขามีกำลังใจที่จะทำหน้าที่ให้ดี แล้วต่อไปเขาหวังว่า ต่อไปเขาจะได้ยศสูงเหมือนกัน

ฉะนั้น ท่านที่ได้รับยศสูงขึ้นมามีความรับผิดชอบอย่างยิ่ง โดยเฉพาะแก่ตัวเองที่จะต้องรักษาความดีเอาไว้ไม่ให้เขาตำหนิติเตียนได้ว่านายของเราเป็นคนที่ไม่ดี ถ้านายของเราคนดีๆ ตั้งแถว หมายความว่า ตั้งแต่ผู้ใต้บังคับบัญชาตลอดจนผู้ที่เป็นผู้น้อยก็จะไม่ดีไปด้วย และถ้าเป็นอย่างนั้น ถ้านายทหารหรือนายตำรวจ แต่ทำตัวอย่างที่ไม่ดีก็ทำให้เสียหายอย่างมากๆ ถ้าทำดีก็มีความดีอย่างมากๆเช่นกันเพราะว่า บ้านเมืองจะเจริญได้ บ้านเมืองจะปลอดภัยได้ เราเป็นทหารเป็นตำรวจก็เพื่อจะรักษาความดีของกองทัพ รักษาความดีของสถาบัน ฉะนั้นก็ขอให้ท่านได้สำนึกในความรับผิดชอบที่มีในการทำให้ดี

ไม่ว่าจะมีหน้าที่อะไรก็ตาม จะต้องทำให้ดีเพื่อให้กิจการของตน คือ หมายความว่า ให้กองทัพ ให้ผู้ใต้บังคับบัญชาดีและมีความสามารถ ถ้ากองทัพและสถาบันมีความดี ก็มีหวังว่า ราชการและประเทศชาติจะรอดพ้นจากอันตราย ซึ่งทุกวันนี้ มีตลอดมีอยู่เรื่อย ฉะนั้นท่านก็รับผิดชอบในความปลอดภัยของประเทศชาติ ถ้าประเทศชาติปลอดภัยได้ไม่ใช่กองทัพและสถาบันน่าจะดีนั่นเองประชาชนทั่วไปทั้งหมด ก็จะชื่นชมและไม่ใช่แค่ชื่นชมแต่จะมีความสบายใจว่า เมืองไทยมีคนที่ดี มีคนที่รับผิดชอบ ฉะนั้นก็ขอให้ท่านสำนึกในความรับผิดชอบ อาจจะเป็นผู้ใหญ่มากผู้ใหญ่น้อยก็มีความรับผิดชอบทั้งนั้นยิ่งผู้ใหญ่มากยิ่งสูงก็ยิ่งมีความรับผิดชอบมาก

ฉะนั้น ก็ขอให้ท่านสามารถปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ และมีความสามารถ และมีความมีประสิทธิภาพมีประสิทธิภาพสูง หมู่นี้เขาก็สงสัยว่าจะอยู่ได้หรือไม่ ข้าพเจ้าก็เชื่อว่าได้ เพราะว่า ท่านตั้งใจ ท่านไม่ตั้งใจก็มีหวังจะล้มเหลวได้ เพราะฉะนั้นขอให้ท่านมีหน้าที่ที่เหมาะสม

ขอให้ท่านมีกำลังกายกำลังใจ หน้าที่ที่ท่านมีอยู่ไม่ใช่ง่ายๆ สามารถปฏิบัติหน้าที่ในความเคร่งครัด และความสามารถ มีกำลังกายกำลังใจสมบูรณ์ทุกอย่าง เพื่อที่จะปฏิบัติหน้าที่ได้และเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ให้ประเทศชาติรอดพ้นจากอันตรายที่จะมีอยู่ เพราะว่าหมู่นี้ก็มีอันตรายมากแต่ผ่านพ้นได้ก็ขอให้ท่านประสบความรุ่งเรืองความสำเร็จทุกประการ และมีร่างกายแข็งแรงจิตใจเข้มแข็งตลอดต่อไป

หลวงตา นี่เป็นพระบรมราโชวาทของในหลวงประทานให้ผู้ได้รับประดับยศนายพล เมื่อวันที่ ๑๗ พ.ย.๔๘

ผู้กำกับ ขอกราบเรียน “โซ่ธรรมโซ่ทองคล้องใจ” ครับ

                                                   วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง อุดรธานี

                                  วันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๔๘

เรื่อง            ขอเชิญพบเพื่อความสงบสุขของบ้านเมือง

เจริญพร       พณฯท่าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

         หลวงตาได้รับทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างพณฯท่าน กับคุณสนธิ ลิ้มทองกุล จะก่อให้เกิดความเป็นเวรเป็นภัยต่อกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เกิดความแตกสามัคคี ความเดือดร้อนเสียหายย่อมตกอยู่กับแผ่นดินไทย อันเป็นที่ประดิษฐานพระบวรพุทธศาสนา ซึ่งคณะสงฆ์และคนไทยทุกคนไม่ประสงค์ที่จะให้บังเกิดขึ้น หลวงตาขอบิณฑบาตพณฯท่านได้สละเวลาไปพบหลวงตาพร้อมกับคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ในวันพฤหัสบดีที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๔๘ เวลา ๑๕.๐๐ น. ณ วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี เพื่อยังความผาสุกร่มเย็นแก่ชาติบ้านเมืองสืบไป

                                                   หลวงตาเมตตาธรรมมาพร้อมหนังสือนี้

                                                   ขอเจริญพร

                                                            หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

หลวงตา เราส่งจดหมายถึงนายก เชิญท่านให้มาที่นี่ ท่านจะมาหรือไม่มาก็พิจารณาอีกทีหนึ่ง

ผู้กำกับ อีกฉบับหนึ่งถึงคุณสนธิครับ

                                                   วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง อุดรธานี

                                  วันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๔๘

เรื่อง            ขอเชิญพบเพื่อความสงบสุขของบ้านเมือง

เจริญพร       คุณสนธิ ลิ้มทองกุล

                 หลวงตาได้รับทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างคุณสนธิ ลิ้มทองกุล กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะก่อให้เกิดความเป็นเวรเป็นภัยต่อกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เกิดความแตกสามัคคี ความเดือดร้อนเสียหายย่อมตกอยู่กับแผ่นดินไทย อันเป็นที่ประดิษฐานพระบวรพุทธศาสนา ซึ่งคณะสงฆ์และคนไทยทุกคนไม่ประสงค์ที่จะให้บังเกิดขึ้น หลวงตาขอบิณฑบาตคุณสนธิ ได้สละเวลาไปพบหลวงตาพร้อมกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในวันพฤหัสบดีที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๔๘ เวลา ๑๕.๐๐ น. ณ วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี เพื่อยังความผาสุกร่มเย็นแก่ชาติบ้านเมืองสืบไป

                                                   หลวงตาเมตตาธรรมมาพร้อมหนังสือนี้

                                                   ขอเจริญพร

                                                   หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

หลวงตา ฉบับนี้ส่งไปถึงคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ฉบับก่อนส่งถึงนายกฯ วันนี้อาจจะถึงแล้วมั้ง (ถึงแล้วครับ) คงถึงแล้ว จดหมายไปตั้งแต่วานนี้แล้ว

เราเป็นห่วงชาติบ้านเมืองมากทีเดียว สำหรับเราเองเราพูดจริงๆ เราไม่มีอะไรห่วงในโลกทั้งสามโลกธาตุ โลกวัฏวนนี้เราผ่านไปหมดแล้ว พูดชัดๆ อย่างนี้เลย ก็มีแต่ความเมตตาสงสารที่สงเคราะห์โลกมาโดยลำดับ จนกระทั่งออกช่วยชาติบ้านเมือง สิ่งของเงินทองสมบัติเพื่อชาติก็ได้มาโดยสมบูรณ์พูนผล ไม่เรี่ยราดสาดกระจายไปที่ไหนเลย เพราะเราเป็นผู้รับผิดชอบแต่ผู้เดียว ขอเรียนให้พี่น้องชาวไทยทั้งหลายได้ทราบทั่วหน้ากันว่า ความบริสุทธิ์ของเราเอาใจของเรานี้เป็นที่ตั้งเลย อะไรที่จะเข้ามาแปดเปื้อนพับมันจะสลัดปัดออกทันทีเลย มีแต่ธรรมล้วนๆ

นี่ละเวลาแสดงออกแก่พี่น้องทั้งหลาย เราก็เอาธรรมล้วนๆ นี้ออกแสดง ไม่ว่าการติการชม ติด้วยความเป็นธรรม ชมด้วยความเป็นธรรมทั้งนั้น เราไม่มีข้างนั้นข้างนี้ ฝ่ายนั้นฝ่ายนี้ ธรรมครอบโลกธาตุหมดแล้ว นำธรรมนั้นละมาสั่งสอนโลกด้วยความเมตตา เห็นบ้านเมืองของเราระส่ำระสายเวลานี้ ดีไม่ดีจะเกิดสงครามกลางบ้านกลางเมืองขึ้น ซึ่งไม่เคยมีในเมืองไทยเรา ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์มาจนกระทั่งบัดนี้ไม่เคยเห็น แต่บัดนี้รู้สึกว่าระส่ำระสายวุ่นวายไปด้วยฟืนด้วยไฟ ทั้งทางศาสนา ทั้งทางบ้านเมือง ก็เลยเป็นอันเดียวกัน เราวิตกวิจารณ์ ไม่สมเจตนา

เพราะฉะนั้นจึงอยากให้สมเจตนาที่เราช่วยโลกด้วยความเมตตาล้วนๆ นี้ ได้สำเร็จผลประโยชน์ เพื่อจะเป็นประโยชน์อันใหญ่หลวงต่อชาติไทยของเรา เราได้อุตส่าห์พยายามเต็มเม็ดเต็มหน่วยตั้งแต่ปี ๒๕๔๑ มาจนกระทั่งบัดนี้ ที่ออกกระจายอยู่ตลอดเวลา ก็เพราะความเมตตาสงสารนั่นแหละ ทุกสิ่งทุกอย่างที่พี่น้องทั้งหลายบริจาคมา แม้บาทเดียวเราไม่เคยแตะเลยเงินจำนวนนี้ เราถือใจของเรานี้เป็นประธาน เป็นหลักเกณฑ์อันใหญ่หลวงทีเดียวไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย ถ้าใจนี้ว่าไม่ควร ปัดทันทีๆ เราจะไม่มีความลี้ลับอะไรภายในจิตใจของเรา เปิดเผยไปด้วยความเมตตาธรรมล้วนๆ จากใจที่บริสุทธิ์สุดส่วนแล้วนี้ว่างั้นเลย เราพูดตรงๆ

เราช่วยพี่น้องทั้งหลายก็ช่วยในชาตินี้เท่านั้น เราบอกตรงๆ ว่า ต่อไปนี้เราจะไม่กลับมาเกิดอีกแล้ว ชัดเจนมาแล้วตั้งแต่ปี ๒๔๙๓ ประกาศป้างขึ้นบนหลังเขาวัดดอยธรรมเจดีย์ เวลา ๕ ทุ่ม บอกชัดเจนเลย เหมือนว่าโลกธาตุหวั่นไหว กิเลสขาดสะบั้นออกไปจากใจเท่านั้น เกิดความรู้ใหม่เป็นใหม่ขึ้นมา จ้าเลยครอบโลกธาตุ เกิดความท้อใจที่จะสั่งสอนโลกต่อไป ว่าจะไม่มีใครสามารถรู้ได้เห็นได้ในธรรมประเภทนี้ ถึงขนาดธรรมะมากระตุ้นหัวใจอย่างรุนแรง ว่าธรรมขนาดนี้แล้วใครจะไปรู้ได้เห็นได้ เราอยู่ไปกินไปเท่านั้นก็พอแล้ว ไปสอนใครเขาก็จะหาว่าบ้ากันทั้งประเทศชาติบ้านเมือง โลกสงสารจะเห็นเป็นเสียงเดียวกัน พูดเป็นเสียงเดียวกันหมด  สอนไปหาประโยชน์อะไร

เราอยู่คนเดียวๆ เท่านี้วันหนึ่งพอแล้ว เพราะธรรมประเภทนี้ไม่มีใครจะสามารถรู้ได้แล้ว ถึงขนาดนั้น ท้อใจที่จะสั่งสอนโลกต่อไป เพียงจะอยู่ไปวันหนึ่งๆ ก็อยู่ตามภูเขานั่นแหละ ให้อยู่ที่อื่นไม่อยู่แหละ พอถึงวันเวลาแล้วก็ไปเสียเท่านั้น สะดวกสบายดีกว่าที่จะไปสั่งสอนโลกให้เขาโจมตีแล้วก็เป็นภัยต่อเขาอีก

พอคิดดำริอย่างนี้แล้ว จะทอดอาลัยแล้ว ธรรมะอันหนึ่งก็เตือนขึ้นมาอย่างหนักทีเดียวว่า ถ้าธรรมประเภทนี้ที่พระพุทธเจ้าทรงรู้ทรงเห็นมานาน ท่านสอนโลกมานาน และรู้ตามธรรมเหล่านี้มามากมายก่ายกอง แล้วทำไมเราจึงจะว่าธรรมเหล่านี้ไม่ใช่วิสัยของโลกจะรู้ได้เห็นได้ เราเป็นเทวบุตรเทวดามาจากไหน ก็เป็นมนุษย์เหมือนกันกับโลกเขาทำไมรู้ได้ นี่เขาก็มนุษย์เหมือนกันทำไมเขาจะรู้ไม่ได้ เมื่อเหตุผลกลไกมีอยู่ที่จะทำให้รู้ให้เห็น

รู้เห็นเพราะเหตุใด นี่ละสำคัญมาก ความรู้อันนี้รู้มาเพราะเหตุใด คำว่ารู้เพราะเหตุใดก็เป็นสายทางเข้ามา สายทางแห่งคุณงามความดีที่สร้างมา เรียกว่าบารมี นั่นละเป็นสายทางหนุนเข้ามาๆ จนกระทั่งถึงจุดหมายปลายทาง นี่มีสายทางเข้ามาอย่างนี้ โลกทำไมเขาจะรู้ไม่ได้ เรารู้ได้เพราะเหตุใด ก็เพราะสายทางนี้เองมา พอว่าเท่านั้นจิตใจก็ลงทันที อ๋อ รู้ได้ ไม่มากก็ได้ นั่นยอมรับที่จะเกี่ยวข้องกับใครต่อใครต่อไป ทีแรกจะไม่เกี่ยวข้องเลย เสร็จแล้วจะอยู่ในป่าในเขา บิณฑบาตกับประชาชนไปวันหนึ่งๆ  พอถึงกาลแล้วก็ดีดผึงเท่านั้นเอง

ความรู้เบื้องต้นพอถูกธรรมกระตุกเข้ามาถึงเรื่องว่า รู้ได้เพราะเหตุใด เราเป็นเทวดามาจากไหนเราถึงรู้ได้ รู้ได้เพราะเหตุใด นี่ละยอมรับ มนุษย์มนาเขาก็มีเหมือนกันกับเรา ต่างคนต่างสร้างคุณงามความดี บารมีซึ่งเป็นสายทางเดินมาเพื่อธรรมจุดนี้ ทำไมจะปฏิเสธว่าจะไม่มีใครรู้ได้เห็นได้ ตรงนี้ละใจลงทันทีเลย ยอมรับทันที อ๋อ รู้ได้ไม่มากก็ได้ เพราะเหตุใด คือสายทาง ได้แก่สายบารมีที่สร้างมามากน้อยหนุนเข้าๆ ก็ถึง ความหมายว่าอย่างนั้น

เราจึงได้อุตส่าห์พยายามสอนโลกมา การสอนโลกนี้เราไม่มีอะไรกับโลก จะมีอิจฉาพยาบาทต่อผู้ใด หรือพรรคนั้นฝ่ายนี้เราไม่มี เราเป็นกลางๆ ไปเลยสอนโลก สพฺเพ สตฺตา อันว่าสัตว์ทั้งหลาย สอนแบบเดียวกันหมดเลย เราจึงไม่เป็นภัยต่อผู้ใดการสั่งสอนโลก จะตำหนิก็ตำหนิเพื่อแก้ไขดัดแปลงเสียใหม่อันไหนที่ไม่ดี ที่ชมก็ส่งเสริมสิ่งที่ดีนั้นให้มากมูนขึ้นไปเป็นลำดับ มีเท่านั้นเรื่องธรรม ที่จะไปอาฆาตจองเวรกับผู้ใดไม่มี ในหัวใจนี้ไม่มีกับสิ่งใดในโลกอันนี้ เราก็ได้พยายามเต็มกำลังความสามารถ

เพราะฉะนั้นเห็นบ้านเมืองเราระส่ำระสายไปอย่างนี้ ก็ไม่สมเจตนาที่เราหวังความสงบร่มเย็นแก่บ้านเมืองของเรา ด้วยความอุตส่าห์พยายามเต็มเม็ดเต็มหน่วยเรื่อยมาอย่างนี้ เราจึงอยากขอบิณฑบาตกับบรรดาประชาชนพี่น้องชาวไทยเรา นับแต่รัฐบาลลงมา ให้มีความเชื่อมโยงกัน ผิดก็ให้ยอมรับว่าผิด ถูกยอมรับว่าถูก แล้วประสานงานเข้าหากันเพื่อความถูกต้องดีงาม แล้วโลกทั้งหลายนี้จะค่อยสงบร่มเย็นไป ถ้าต่างคนต่างดันทุรัง ใครก็ว่าใครเก่งๆ เมื่อเก่งเข้ามามากๆ มันก็กลายเป็นวิชาหมากัดกันเข้าไป ผู้ใหญ่กับผู้น้อยก็เลยกลายเป็นหมากัดกัน เป็นผู้จองกรรมจองเวรกันไปเสีย ไม่ได้เป็นผู้ใหญ่เพื่อให้ความสงบร่มเย็นแก่ผู้น้อย แล้วผู้ใหญ่ก็บีบบี้สีไฟผู้น้อย ผู้น้อยมีหัวใจก็ต้องดีดดิ้นด้วยกัน ต่อไปก็มีการเอากันแหละ

ถ้าต่างคนต่างเอาทิฐิมานะใส่กันอย่างนี้ เมืองไทยของเราจะเป็นเถ้าเป็นถ่านโดยไม่อาจสงสัยแหละ เพราะฉะนั้นเราจึงขอบิณฑบาต ไม่อยากพบอยากเห็นเรื่องอย่างนี้ ตั้งแต่ร่างกายของเราเจ็บปวดแสบร้อนตรงไหนก็หาความสบายไม่ได้ เจ็บท้องเป็นทุกข์แล้วนั่น ปวดศีรษะเป็นทุกข์แล้ว แม้เสี้ยนหนามถูกนิดหน่อยเท่านั้นก็เป็นทุกข์แล้ว ไหนประเทศไทยของเราจะพังกันทั้งประเทศมันน่าดูที่ไหน ดูไม่ได้เลย เราจึงขอบิณฑบาตระหว่างผู้ใหญ่กับผู้น้อยให้มีความปรองดองกันด้วยเหตุด้วยผลลงรอยกัน เพื่อความสงบร่มเย็นแก่ชาติอันเป็นส่วนใหญ่ที่สุด ยิ่งกว่าเรา ๒-๓ คนจะมาเบ่งตัวว่าดิบว่าดีแล้วก็เอาไฟเผากันนี้ใช้ไม่ได้เลย เราไม่อยากพบอยากเห็น เราจึงขอบิณฑบาต

นี่ก็อยู่ไม่ได้นะเราถึงขนาดเขียนจดหมายถึงนายกฯ แล้วนายสนธิ ลิ้มทองกุล เพื่อได้มาพินิจพิจารณากัน ทั้งนี้ก็เพื่อชาติบ้านเมืองของเราจะได้รับความสงบร่มเย็น สิ่งที่เป็นอยู่นี้ไม่ใช่เป็นสิ่งที่ชาติไทยของเราปรารถนากันเลย ใครก็กลัวทั้งนั้น แม้แต่ดอกไฟกระเด็นเข้ามาหาตัวของเรายังรีบปัดปุ๊บๆ ไหนโลกทั้งโลกจะเป็นไฟด้วยกันทั้งกองเสียเลย เป็นเถ้าเป็นถ่านไปนี้ดูไม่ได้เลย เราจึงขอบิณฑบาตกับบรรดาพี่น้องชาวไทยนับแต่วงรัฐบาลลงมา ขอให้มีความรู้สึกสมานซึ่งกันและกัน ผู้ใหญ่ก็เพื่อผู้น้อย ผู้น้อยก็เพื่อผู้ใหญ่ ต่างคนต่างเพื่อกันและกัน ให้เป็นความสงบร่มเย็นแก่ชาติไทยของเรา ไม่สมควรที่เอาฟืนเอาไฟมาเผากันด้วยการอวดดีอวดเบ่งต่างๆ ใช้ไม่ได้เลย จะเป็นความเสียหายชาติอย่างใหญ่หลวง เราไม่อยากพบอยากเห็น

เมืองนอกเมืองนาเขาจะดูถูกเหยียดหยามชี้เข้ามาหาเมืองไทยเรา แม้แต่หมาก็จะถูกชี้ หมานี้ก็หมาเมืองไทย หมาตัวเอาฟืนเอาไฟเผากันนั้นแหละเขาจะว่าอย่างนั้น สุดท้ายหมาก็อยู่ไม่สบายอย่าว่าแต่คนเลย ถูกเขาชี้หน้าเอา เราเป็นคนไทยทั้งชาติทีเดียว แล้วเป็นเมืองพุทธศาสนา สมควรอย่างยิ่งที่จะลงรอยกันได้ด้วยอรรถด้วยธรรม จึงขอให้ธรรมมาเป็นแบบฉบับ ใครผิดก็ยอมรับว่าผิดไปไม่ถือโทษถือกรรมซึ่งกันและกัน ใครถูกก็ยอมรับว่าถูกให้เป็นคติตัวอย่างแก่กันต่อไป นี่เป็นความปรารถนาของธรรม เราจึงขอนำธรรมเหล่านี้ออกบิณฑบาตเพื่อพี่น้องทั้งหลาย ให้ลงรอยกันด้วยเหตุด้วยผลด้วยอรรถด้วยธรรม ถ้าด้วยกิเลสแล้วจะเป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้ตลอดไป จนกระทั่งเป็นเถ้าเป็นถ่านหมดทั้งเมืองไทยเราได้ไม่สงสัย ถ้าเอาธรรมเข้าไปเป็นน้ำดับไฟแล้วจะสงบลงด้วยดี

ขอให้นำธรรมนี้เข้าไปเป็นน้ำดับไฟ มันจะลุกขนาดไหนไฟสู้น้ำไม่ได้ น้ำสาดลงไปเท่านั้นดับลงไป นี่ละธรรมความดีงามความมีเหตุมีผลต่อกันประสานกันได้เป็นความสงบร่มเย็นแก่ชาติไทยของเรา จึงขอให้บรรดาพี่น้องทั้งหลาย ทั้งผู้ใหญ่ผู้น้อยนับแต่รัฐบาลลงมา อย่าถือดีถือเด่นทั้งๆ ที่มันชั่วนั้นน่ะว่ามันดิบมันดี มันไม่ดี อย่าถือสิ่งเหล่านี้มาเป็นประมาณแล้วเผากัน ให้ถือความดีทั้งหลายคือธรรมเข้ามาประสานกันแล้ว ชาติไทยของเราเคยอยู่สงบร่มเย็นมานานเท่าไรด้วยอรรถด้วยธรรม และเป็นลูกชาวพุทธ พุทธศาสนาของเรานี้ด้วย ทำไมจะไม่สงบ ต้องสงบแน่นอน ขอให้เอาธรรมนี้เข้ามาระงับดับเถอะ ถ้าเอากิเลสเข้ามาระงับนี้จะเป็นเถ้าเป็นถ่านโดยไม่อาจสงสัย ขอให้พี่น้องทั้งหลายจำธรรม ๒ ข้อนี้ไว้ให้ดี ข้อที่กล่าวเมื่อสักครู่นี้นะ บ้านเมืองของเราจะสงบร่มเย็น

วันนี้ก็พูดเพียงเท่านี้ เพื่อเป็นการเตือนพี่น้องชาวไทยเรา ให้สมกับเจตนาที่หลวงตาบัวได้อุตส่าห์พยายามมาเสียสละต่อพี่น้องทั้งหลาย แม้บาทเดียวเราไม่เคยแตะ เอาเป็นประวัติศาสตร์ได้เลย เรื่องเรานำพี่น้องทั้งหลายนี้จะมีความมัวหมองตรงไหนไม่มี เราบริสุทธิ์เต็มส่วนของเรา ถึงจะถูกโจมตีอะไร ดีกับชั่วมันมีอยู่ด้วยกัน มีตำหนิแล้วก็มีชมเป็นธรรมดา เราไม่ถือเป็นประมาณ เราจะเอาประมาณแห่งความชอบธรรมนี้มาดำเนิน เพื่อพี่น้องทั้งหลายโดยถ่ายเดียวเท่านั้น เพราะการดำเนินอย่างนี้เราเคยดำเนินมาแล้ว เป็นความชอบธรรม ถึงได้ความบริสุทธิ์ในหัวใจมา แล้วนำธรรมมาสั่งสอนพี่น้องทั้งหลายด้วยความถูกต้องดีงามมาตลอด เพราะการปฏิบัติของเราถูกต้องดีงามมาตลอด จึงได้ธรรมประเภทนี้มาสอนโลก

จึงขอให้พี่น้องทั้งหลายได้ยึดธรรมนี้เป็นแง่คิดแง่ปฏิบัติตามไป ทุกผู้ทุกคนหัวใจมีด้วยกัน ถ้าหัวใจมีความใฝ่ธรรมแล้วโลกนี้จะสงบด้วยกันตั้งแต่ผู้ใหญ่ผู้น้อยลงมา เหนือธรรมไปไม่ได้ วันนี้ก็พูดเพียงเท่านี้ และขอความสวัสดีจงมีแก่พี่น้องชาติไทยของเราทั้งประเทศเขตแดน นับแต่ผู้ใหญ่ผู้น้อยลงมาโดยทั่วหน้ากัน เทอญ เอาละพูดเท่านั้นพอ

ทางหน้าศาลาบอกแล้วนะ ๔ โมงให้หยุดทั้งหมด ที่รับบริจาคเขามาถวายนั่น พอ ๔ โมงให้เลิก ให้มีกฎมีระเบียบ เราไม่ถือเงินเป็นสำคัญยิ่งกว่าธรรมนะ ธรรมเป็นสำคัญมากทีเดียว อะไรมาลงเข้าหาธรรมเราก็อนุโลมรับได้ แต่ไม่ให้เลยเวล่ำเวลา อย่างที่หน้าศาลานั้น ๔ โมงเย็นให้เลิก ให้มีความสงบภายในวัด พอ ๔ โมงล่วงไปแล้วให้ต่างคนต่างอย่ามาเพ่นพ่านๆ เราออกมาตอนเย็นนึกว่าคนหมดแล้ว มายังเพ่นพ่านนั่นละเอาละ ถ้าเราเจอเองถนัดมาก ใส่เปรี้ยงเลย ไม่ได้มีชาติชั้นวรรณะ พอเห็นมาอะไรนั่นไล่เข้าละ เรามาเจอเองผิดเวลา ถามเหตุถามผลไม่ได้เรื่อง มาเที่ยวเพ่นพ่านไล่เดี๋ยวนั้นเลย

ทั้งฝรั่งมังค่าทั้งเมียฝรั่งมาใส่ทั้งผัวทั้งเมียแตกกันไปเลย เอาขนาดนั้นนะ ทั้งผัวมันก็มาเซ่อๆ ซ่าๆ เมียมันละตัวสำคัญ มาก็ใส่เมียมันเลย ไป มายุ่งอะไร เราเป็นลูกชาวพุทธไม่รู้พุทธรู้อะไรเราว่า ไปเดี๋ยวนี้ เผ่น ป่านนี้มันหยุดเผ่นหรือยังไม่รู้นะ มันเผ่น เอาจริงๆ นี่เราไม่ได้เหมือนใคร ถ้าดูขัดกับอรรถกับธรรมขวางธรรมแล้วไม่ได้นะนี่ เพราะเราปฏิบัติธรรมมาตลอด พวกใดมาก็ให้มาส่งเสริมธรรม อย่ามาเหยียบย่ำทำลายธรรม ถ้าเหยียบย่ำทำลายธรรมอย่างแบบเพ่นพ่านๆ ไม่มีเวล่ำเวลานี้ไม่ได้เรา เอาจริงๆ เอาละไปละนะ

 

รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร

FM 103.25 MHz

 


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก