โรคหัวใจ
วันที่ 9 พฤศจิกายน 2548 เวลา 8:15 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๙ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๔๘

โรคหัวใจ

ก่อนจังหัน

ออกพรรษาพระในวัดนี้ลากันไปเที่ยวเยอะ ถามองค์ไหนว่าจะไปที่ไหนๆ ตอบได้เหมาะสมๆ แต่เวลาไปจะเป็นยังไงไม่รู้นะ ถามว่าจะไปทางไหนๆ ตอบว่าจะไปทางนั้นๆ มีแต่ทางที่เหมาะสมๆ แต่เวลาไปแล้วจะเป็นยังไง คือตอนลาไปเที่ยวนี้สำหรับพระวัดป่าบ้านตาดนี้ ลาไปเที่ยวจะไปที่ไหนทางใด เราจะต้องถามทุกรายเรื่องไปที่นั่นที่นี่ มีแต่ว่าจะไปที่นั่นที่นี่ เช่น ภาคเหนือบ้าง ภาคกลางไปทางราชบุรีอะไรบ้าง มีแต่เหมาะๆ นะเวลาตอบ ถ้าทางสกลนครก็บอกไปทางถ้ำพระภูวัว มีแต่เหมาะๆ พระวัดนี้เวลาเราถามตอบอย่างนี้ละ องค์ใดที่จะว่าจะไปตลาดกลางบ้าน ตลาดเมืองใหญ่ ตลาดกระดูกหมูกระดูกวัวชุมๆ ที่จังหวัดนั้นจังหวัดนี้ไม่มีนะวัดนี้ มีแต่บอกไปที่เหมาะๆ

ที่เหมาะๆ นี้เป็นที่พระพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญและตรัสรู้ บรรดาสาวกทั้งหลายท่านอยู่อย่างนี้แหละ ที่จะเข้ามาในตลาดตเลไม่มีสำหรับพระนะ ในคัมภีร์ไม่ปรากฏ ในวัดนี้ถามดูก็ไม่ปรากฏ ว่าจะไปตลาดนั้นตลาดนี้ กระดูกหมูกระดูกวัวชุมๆ ไม่มี แต่เวลาไปแล้วเรากลัวจะเอาหลวงตาบัวไปเป็นปลาเน่าประกาศขายกิน เอาไปประดับตัวละซิ นี่มาจากวัดป่าบ้านตาดนะ กำลังฟิตมาอย่างเต็มที่ ลูกศิษย์อาจารย์มหาบัวรู้ไหม กำลังฟิตมาเต็มที่ ใครอยากให้ทดลองเครื่องก็มา อาตมามาจากสำนักท่านอาจารย์มหาบัว จะไปอย่างนี้ละออกไป

ไม่มีองค์ไหนพูด ความประพฤติโลเลด้วยโลกามิสต่างๆ ซึ่งเป็นเหมือนมูตรเหมือนคูถ เทียบกับธรรมพระพุทธเจ้าแล้วเป็นอย่างนั้น ออกไปมันก็ไปหาเถลไถลอย่างนี้นะ อย่างที่พระเราเป็นบ้ากันอยู่ทั่วประเทศไทย เป็นบ้ากับเรื่องอรรถเรื่องธรรมเรื่องมรรคผลนิพพานที่ไหนไม่เห็นมี เป็นบ้ายศบ้าลาภบ้าอำนาจ นี่ละพวกกระดูกหมูกระดูกวัว มันไปเสียอย่างนี้ อันนี้ละที่มาทำลายศาสนาเวลานี้ ทำลายพวกเดียวกันซึ่งตั้งหน้าตั้งตาต่อมรรคผลนิพพาน ตั้งใจปฏิบัติดี มันมาเป็นข้าศึกต่อท่านเหล่านี้แหละ เราจึงถาม ออกจากนี้ไปแล้วจะไปไหนๆ ถามเรื่อยๆ นะ ว่าไปที่นั่นที่นี่ มีแต่ที่ดีๆ ทั้งนั้น

พระวัดเรานี้ไปอยู่เรื่อยๆ นะ เวลานี้กำลังลาออกไปๆ เที่ยว ส่วนที่พระวัดอื่นมาเรายังไม่ค่อยได้ยินเสียงว่ามาจากป่าไหนเขาลูกไหน ยังไม่เคยมี และออกมาจากตลาดใหญ่ตลาดน้อยตลาดกระดูกหมูตลาดกระดูกวัว ก็ยังไม่มี แต่เวลามันออกมันแหวกได้เร็วนะ พระเหล่านี้จำให้ดี การปฏิบัติไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย สิ่งเหล่านี้ที่ไหนก็มีไม่อดไม่อยาก แต่อรรถแต่ธรรมนั้นลำบากมากนะที่จะได้มาครองหัวใจ เรื่องธรรมที่ครองหัวใจนี่เป็นสถานที่ ดังพระพุทธเจ้าสอนไว้แล้ว ทุกองค์ได้รับ รุกฺขมูลเสนาสนํ พระทุกองค์ทั่วประเทศไทยได้รับกันทั้งนั้น รับพระโอวาทข้อนี้ คือเป็นพระโอวาทที่เฉียบขาดเด็ดขาด หลีกเลี่ยงไม่ได้เลย เป็นพระโอวาทที่สำคัญ เพื่อพระผู้บวชแล้วจะได้รับมรรคผลนิพพานตามใจหวัง

รุกฺขมูลเสนาสนํ นิสฺสาย ปพฺพชฺชา ตตฺถ เต ยาวชีวํ อุสฺสาโห กรณีโย เป็นพระโอวาทเฉียบขาดของพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์มาจนกระทั่งปัจจุบันนี้ แปลว่า บรรพชาอุปสมบทแล้ว ให้ท่านทั้งหลายไปอยู่ตามรุกขมูลคือร่มไม้ ในป่าในเขา ตามถ้ำเงื้อมผา ป่าช้าป่ารกชัฏ หรือที่แจ้งอัพโภกาสที่ไหนเป็นที่เหมาะสม ไม่เป็นสถานที่รบกวน เป็นสถานที่เหมาะสมกับการประกอบความพากเพียร ให้ท่านทั้งหลายพยายามอยู่และบำเพ็ญในสถานที่เช่นนั้นตลอดชีวิตเถิด นี่เป็นพระโอวาทของพระพุทธเจ้าทรงประทานให้เวลาบวชแล้วใหม่ๆ

นอกจากพระที่แหวกแนวนั้นอาจจะไม่รับก็ได้ เช่น อุปัชฌาย์ก็เป็นอุปัชฌาย์แหวกแนว บวชแล้วไม่สอนกุลบุตรในข้อนี้ ถ้าหลักธรรมดาแล้วผิดมากทีเดียว แต่ผิดเท่าไรมันก็ไม่กลัว อุปัชฌาย์หน้าด้านเป็นได้นะ ไม่สอนลูกศิษย์ลูกหา แต่มันอาจจะสอนผู้บวชอุปสมบทแล้วให้ไปอยู่ในตลาดนั้นตลาดนี้ ตรงนั้นกระดูกหมูชุมๆ กระดูกหมาชุม กระดูกวัวชุม ให้ไปอยู่ในสถานที่เช่นนั้น เป็นสถานที่แมลงวันชุม เหมาะกันละ แล้วให้ไปกางกลดไว้แถวนั้นและบำเพ็ญอย่างแบบหลักครอกๆ อุตส่าห์บำเพ็ญอย่างนั้นนะ อยู่และบำเพ็ญในสถานที่เช่นนั้นตลอดชีวิตเถิด มันอาจจะเอาโอวาทแบบนี้เข้าไปถ้าเป็นอุปัชฌาย์หน้าด้าน

ถ้าอุปัชฌาย์ลูกศิษย์ตถาคตนี้จะสอนธรรมะดังที่ว่านี่ คือ รุกฺขมูลเสนาสนํ อย่างเด็ดขาดๆ เพราะเป็นคำสอนที่เด็ดขาด เป็นคำสอนที่เว้นไม่ได้ ที่พระทั้งหลายไปบวชแล้วจะไม่ได้ยินได้ฟัง ทีนี้บวชมาแล้วเป็นพระแก่ขึ้น ไม่ทราบมันแก่แบบไหน แก่หมอกแก่แดดหรือแก่กระดูกหมูกระดูกวัว แก่เรื่องบ้าลาภบ้ายศบ้าสรรเสริญ อย่างนี้ก็ไม่ทราบ หรือมันแก่แบบไหน ถ้ามันแก่แบบนั้นแล้ว ยังไงมันก็ไม่เอาละโอวาทอันนี้มาสอนโลก มันจะเอาแต่โอวาทกลางตลาดตเลนั้นมาสอนโลก ตัวมันเองก็สกปรกมอมแมมพอแล้ว เอาผ้าเหลืองพระพุทธเจ้ามาครอบไว้เป็นเครื่องประดับตัว แต่ภายในเป็นส้วมเป็นถานไปหมด ถ้าเป็นอย่างนี้แล้ว โอวาทข้อนี้แม้เป็นอุปัชฌาย์แล้วก็ไม่สอนใคร สอนตนเองก็จะไม่สอน สอนอย่างที่ว่านี่

ท่านทั้งหลายที่บวชมาหัวโล้นๆ นั่งอยู่ด้วยกันนี้ได้ยินแล้วยัง โอวาทข้อนี้ที่เรานำมา ไอ้เราหัวโล้นๆ เราก็สอนอย่างนี้ ผู้ที่ฟังฟังอย่างไรบ้าง ให้ตั้งใจปฏิบัติ หรือว่าดุว่าด่า ดุด่าอะไร ความสกปรกมันเต็มหัวใจทุกคน นี่กำลังชำระล้างสิ่งสกปรกนี้ด้วยอรรถด้วยธรรมนะ ให้พากันจำเอา พูดออกมาไม่ได้กิเลสมันดอดรับๆ ปัดออกๆ ให้มีแต่มูตรแต่คูถเต็มเนื้อเต็มตัว คำสอนพระพุทธเจ้า ธรรมพระพุทธเจ้าจะไม่มีในโลกนี้เวลานี้ มีแต่พวกกิเลสตัณหาเต็มบ้านเต็มเมือง ไปที่ไหนเต็มด้วยอันนี้แหละ จำให้ดีนะพระเรา ให้พร

หลังจังหัน

หนองหาน บ้านศาลา เราก็เคยไปเทศน์ ดูจะเป็นสร้างวัดใหม่ พื้นที่ราบเรียบเป็นป่าเหมาะสม เราไปเทศน์ที่บริเวณวัดนั้น จึงเห็นสถานที่เหมาะสม เขาถวายอะไร (ถวายน้ำตาล ๕๐ กิโล น้ำปลา ๖ ลัง มาม่า ๕ กล่องครับ) ...สำหรับโรคหัวใจเราเคยแล้วเคยเป็น เผาศพท่านอาจารย์กงมา วัดดอยธรรมเจดีย์ นั่นละไปเป็นอยู่ที่นั่น ปี ๒๕๐๖ วัดดอยธรรมเจดีย์แต่ก่อนพระไม่ได้มากเหมือนทุกวันนี้ พระเป็นพัน ประชาชนเต็ม เราเทศน์หนักไปทางพระ เพราะพระที่มานี้มีแต่พระกรรมฐานทั้งนั้น เราก็เทศน์หนักไปทางพระ เทศน์กำลังเร่งเครื่องนะ ธรรมะหมุนติ้วๆ กึ๊กทีเดียวเลย เลยเหมือนกับตายไปแล้ว แต่มีรู้สึกอยู่มันอะไรเราก็บอกไม่ถูก

เทศน์กำลังเร่งๆๆ กึ๊กทีเดียวเลย เหมือนว่าตาย แต่ความรู้สึกยังมีในใจ เอ๊ะ ทำไมจึงเป็นอย่างนี้ นั่นละเป็นครั้งแรก เจ้าของไม่รู้ว่าเป็นโรคอะไร คือธรรมะที่กำลังเทศน์ พลังของธรรมออกพุ่งๆๆ มันกระแทกเข้าไปภายในหัวใจ มันเป็นอย่างรุนแรง กึ๊กทีเดียวเลย กำลังเทศน์ๆ หยุดกึ๊กเลย คนเต็มภูเขาก็คงจะงงกัน พระเต็มภูเขา ประชาชนก็เหมือนกันเต็ม หยุดกึ๊กเลย ตอนนั้นมันเหมือนกับตายนะ นั่งอยู่นั้นละเหมือนกับตาย แต่มันมีความรู้สึกอยู่ในตัว ความรู้สึกนี่ละที่ว่าไม่ตาย อาการต่างๆ มันหยุดทำงานหมดเลย ประมาณสักสิบนาทีของเล่นเมื่อไร ที่ว่าตายไประยะนั้น เรียกว่าสลบไปก็ได้ แต่ความรู้มันไม่เปลี่ยนแปลง เหล่านี้ไม่ทำงานเลย หมดเลย

ทีนี้พอมันคลี่คลายออกมา ก็คิด เอ๊ ทำไมเราเป็นอย่างนี้น้า นึกเจ้าของ มันเหมือนตายหมดเหล่านี้ แต่มันคิดได้อยู่ อะไรๆ กระดุกกระดิกไม่ได้เลย ร่างกายตายหมด นั่นเป็นครั้งแรกโรคหัวใจ ทีนี้พอมันคลี่คลายออกมาๆ พอกระดิกพลิกแพลงอะไรได้ ก็ลองกระดิกทุกสิ่งทุกอย่างทดลองได้แล้วลงธรรมาสน์ไปเลย กำลังเทศน์พุ่งๆๆ ลงธรรมาสน์ไปเลย ตั้งแต่บัดนั้นมาเลยเป็นคนใหม่พระใหม่ หยุดเทศน์เลย หยุดกึ๊ก รับแขกไม่ได้เลย เป็นแรงมากทีเดียว เราเป็นเองจึงชัดเจน เรื่องของเราเป็นเป็นอยู่บนธรรมาสน์

ตั้งแต่วันนั้นมา จำได้ว่า ปี ๒๕๐๖ เผาศพท่านอาจารย์กงมา ปี ๐๖-๑๐ สี่ห้าปีนี้รับแขกรับใครไม่ได้เลย ต้องอยู่คนเดียว พูดก็เหนื่อย พอพูดออกมานี้เหนื่อยทันทีเลย พูดไม่ได้ จนกระทั่ง ๒๕๑๒ มีพูดได้บ้างเล็กน้อย ๒๕๑๔-๒๕๑๕ ค่อยคลี่คลายออกหน่อย ไปถึง ๒๕๒๐ พอเทศน์ได้พอประมาณตามที่เทศน์สอนคุณเพาฯ ได้หนังสือสองเล่ม ศาสนาอยู่ที่ไหน กับธรรมชุดเตรียมพร้อม เทศน์ติดกันทุกคืนแต่เทศน์เรียบๆ นะ เทศน์หนักกว่านั้นไม่ได้ นี่ละเริ่มเทศน์ได้ จากนั้นมาก็เรื่อยๆ เราจึงได้เห็นโทษของมันโรคหัวใจ สำหรับเราโลกเขาต้องว่าสลบไป แต่ความรู้ของเราไม่ได้เปลี่ยนแปลง อาการเหล่านี้เป็นเหมือนคนตาย ถึง ๒๕๒๐ ก็เริ่มเทศน์เรื่อยมา เทศน์ไประวังไปเรื่อย

ต้องระวังนะตอนนั้นยังอยู่ในเกณฑ์ระวัง ไปหาหลบซ่อนทางจังหวัดชลฯ ไปอยู่ในสวนมะพร้าวเขาเขตพัทยา แต่อยู่ลึกๆ อยู่ในสวนมะพร้าวเขา ไปอยู่โน้นคนก็มาเยอะนะ เราก็บอกเลยเราเทศน์อะไรไม่ได้ นี่เรามาหลบซ่อนตัวอยู่หาความสะดวกสบายต่างหาก คนกรุงเทพแหละไปจังหัน เต็มหมดตอนเช้าแต่เราไม่เทศน์ไม่พูด พอเสร็จแล้วก็บอกให้กลับเลย

ที่พูดนี้พูดถึงเรื่องโรคหัวใจรุนแรง เกิดกับเราเอง ทางโลกเขาก็ต้องว่าสลบไป แต่เรานี้เรียกว่าตายไป ยังเหลือแต่ความรู้ ความรู้ไม่ได้เปลี่ยนแปลง สติสตังอะไรไม่เปลี่ยนแปลง ตั้งแต่นั้นมาถึง ๒๕๒๐ เราก็เริ่มเทศน์เรื่อยๆ มาจนกระทั่งทุกวันนี้ โรคเลยค่อยเบาไปๆ ทุกวันนี้ยังมีอยู่นะเป็นแต่เพียงว่าไม่ค่อยแสดงง่ายๆ ถ้าหนักเข้าไปมันก็ยิบแย็บ พอมันยิบแย็บหยุดทันทีนะ เทศน์หยุดเลย พอยิบแย็บถ้าฝืนแล้วขึ้นเลย ทุกวันนี้ก็เป็น หยุดไปตั้งแต่ ๒๕๐๖ ก็สิบกว่าปี ๒๕๒๐ เริ่มเทศน์ หยุดไป ๑๓-๑๔ ปีไม่ได้เทศน์ จากนั้นไปเทศน์เรื่อยจนกระทั่งทุกวันนี้ มันสงบของมันนะไม่ได้หาย มีอยู่อย่างลึกๆ วันนี้ไม่เทศน์อะไรละ เทศน์มากต่อมากแล้ว พักเครื่องบ้างเถอะ เหนื่อย

ผู้กำกับ ณ.หนูแก้ว สองวันเลยครับ วันอังคารกับวันพุธ

จากนสพ.พิมพ์ไทย คอลัมน์วิจารณธรรม วันอังคาร หัวข้อเรื่องว่า

จับโกหกแถลงการณ์

การออกแถลงการณ์สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องการแต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช แต่เดิมก็ยังไม่มีใครทราบว่าเป็นความคิดของใคร และแล้วเพียงข้ามวัน “คุณวิษณุ  เครืองาม” รองนายกฯ ผู้เกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งผู้ปฏิบัติหน้าที่ฯและคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชโดยตรงก็ออกมายอมรับ ว่าเป็นผู้คิดออกแถลงการณ์ฉบับนี้เอง

เมื่อเป็นดังนี้ “คุณวิษณุ” ก็ต้องมีหน้าที่คอยรับฟังความเห็นของมหาชนทั้งหลายบ้างว่าเขาคิดกันอย่างไรต่อการมาออกแถลงการณ์ฉบับนี้ และใครก็ตามอย่าโยนเรื่องนี้ไปที่ “หลวงตาพระมหาบัว” เป็นอันขาด เพราะเรื่องนี้หลวงตาท่านไม่ได้นำมาเป็นประเด็นเทศน์นานเกือบปีมาแล้ว ซึ่งกัณฑ์เทศน์ของหลวงตาทุกกัณฑ์จะถูกบันทึกเทปโทรทัศน์ไว้ตลอด

สามารถพิสูจน์ได้

พิสูจน์ได้ว่า หลวงตาท่านไม่เคยเทศน์พาดพิงไปถึงเรื่องการแต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชอีกเลย นับตั้งแต่มีหนังสือตอบจากสำนักพระราชวังมาถึงว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาทราบความทั้งหมดแล้ว

เมื่อ “คุณวิษณุ” ชงเรื่องนี้ขึ้นมาอีกก็ควรต้องรับฟังเสียงของมหาชนบ้าง เสียงของมหาชนนั้นเขาวิพากษ์วิจารณ์กันว่าเป็นเรื่อง “โกหก” หลอกลวง บิดเบือน และผิดไปจากความเป็นจริง โดยเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2548 ประชาชนหลายจังหวัดจากภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคเหนือ จำนวนกว่า 1 หมื่นคนที่แห่กันเข้าลงชื่อมอบอำนาจเป็นโจทก์ยื่นฟ้องคดี “คุณวิษณุ” ฐานดูหมิ่น หมิ่นประมาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่โรงแรมเจริญโฮเต็ล ต่างก็ได้รับเอกสาร “เปิดหลักฐานจับโกหก แถลงการณ์สำนักนายกฯ แอบอ้างสมเด็จพระสังฆราช” ด้วยกันทุกคน

ใบแทรกของเอกสารฉบับนั้น เป็นสำเนาหนังสือบันทึกข้อราชการ ขอรับพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช ที่ พศ. 0006/3 วันที่ 15 มกราคม 2547 ออกโดย สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ด้วยเอกสารทางราชการฉบับนี้เองทำให้ประชาชนทั้งหมดเชื่อโดยสนิทใจว่า แถลงการณ์ของสำนักนายกฯ เป็นการโกหกโดยสิ้นเชิง

ที่ว่าโกหกก็เนื่องจากในแถลงการณ์ฉบับนั้นมีข้อความเน้นว่า “ 3.เดิมทีมหาเถรสมาคมได้มีมติเห็นควรให้แต่งตั้งสมเด็จพระราชาคณะรูปหนึ่ง เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งก็ได้ทรงมีพระบัญชาว่า “ทราบและเห็นชอบ” เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2547 ต่อมาการแต่งตั้งนั้นได้สิ้นสุดลงเพราะครบระยะเวลาที่กำหนด....”

ตรงนี้แหละครับที่ “โกหกชัดที่สุด” โกหกประชาชนแบบจับได้คาหนังคาเขาเลยทีเดียว เรื่องนี้ “ณ. หนูแก้ว” ขอยืนยันว่า การนำหนังสือบันทึกข้อราชการฉบับนั้นไปให้สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ ลงพระนาม เมื่อวันที่ 26 ม.ค. 47 ได้มีการบันทึกเทปโทรทัศน์เอาไว้ด้วย ทุกอิริยาบถของผู้ที่นำหนังสือไปขืนพระทัยให้พระองค์ท่านลงพระนาม โดยที่พระองค์ท่านไม่ยินยอม ก็ได้ปรากฏภาพและเสียงที่ชัดเจนอยู่ในการบันทึกเทปนั้นแล้วทั้งหมด

พระเทพสารเวที พระเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ได้พูดจาขอร้องผู้ที่ขืนพระทัยในทำนองว่า “วันนี้พระองค์ท่านยังเซ็นไม่ได้ ขอรับหนังสือไว้กับอาตมาก่อน เมื่อพระองค์ท่านแจ่มใสขึ้นอาตมาจะนำให้พระองค์ท่านเซ็นเองแล้วค่อยมารับ”

ผู้ที่เป็นหัวหน้าทีมในวันนั้นได้ใช้วาจาค่อนข้างจะแข็งกร้าวว่า “ต้องเซ็นวันนี้ เดี๋ยวนี้ ถ้าเซ็นไม่ได้ก็ให้รู้ในวันนี้ไปเลย”

ด้วยคำพูดที่ส่อถึงการข่มขู่บังคับนี้เอง จึงทำให้พระองค์ท่านขีดฆ่าคำว่า “สด.” ที่พระองค์ท่านจรดปากกาเซ็นไปก่อนทิ้ง (ดังภาพที่เห็น) จากนั้นพระองค์ท่านก็นิ่งไม่ยอมแสดงพระกิริยาใดๆ ออกมาอีกเลย ในเวลาต่อมาพระเทพสารเวทีจึงเขียนบันทึกต่อไปว่า “เจริญพร ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ขอให้ดำเนินการต่อไป ขออำนวยพร” พระเทพสารเวที 26 ม.ค.47

ถ้าจะถามว่า “ณ. หนูแก้ว” ไปเห็นเหตุการณ์นั้นทั้งหมดหรือ ขอปฏิเสธว่าไม่เห็น แต่กรรมการมหาเถรสมาคมทุกรูปต่างก็เห็นพร้อมๆ กันทั้งหมด เพราะเทปโทรทัศน์นั้นได้ถูกนำไปเปิดให้ได้ชมจะจะ ในที่ประชุมมหาเถรสมาคม

“เห็นไหมครับๆ พระองค์ท่านทรงงานไม่ได้แล้ว ลงนามอะไรก็ไม่ได้แล้ว” ชายหัวเกรียนคนหนึ่งกล่าวเยาะเย้ยถากถางต่อที่ประชุมมหาเถรสมาคม

“คุณวิษณุ” จะกล้านำเทปโทรทัศน์นั้นมาฉายให้ประชาชนทั้งประเทศได้ชมพร้อมๆ กันทางหน้าจอโทรทัศน์ ไหมครับ ??

                                                            ณ. หนูแก้ว

ต่อไปเป็น วิจารณธรรม วันพุธ ครับ

ประเด็นมาจากแถลงการณ์

ท่านผู้ชมผู้มีใจเป็นธรรมทั้งหลายครับ แถลงการณ์สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องการแต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ประกาศแถลงการณ์ทางสื่อของรัฐบาล เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2548 มีข้อความตอนหนึ่งว่า

“...ต่อมาได้มีการแก้ไขกฎหมายคณะสงฆ์ มหาเถรสมาคมจึงอาศัยอำนาจตามมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2547 มหาเถรสมาคมมีมติเป็นเอกฉันท์ในการประชุมลับเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2547 ให้แต่งตั้งผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราชเป็นคณะบุคคลเพื่อแบ่งเบาภาระ และเพื่อเป็นการรักษาพระเกียรติอีกสถานหนึ่งด้วย มิให้ผู้ใดนำพระลิขิต พระนาม หรือพระดำรัสไปแอบอ้างจนเกิดความเสื่อมเสียต่อพระเกียรติยศ ดังที่เคยมีผู้กระทำมาแล้วและกำลังอยู่ระหว่างการดำเนินคดี คณะผู้ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว ประกอบด้วยพระราชาคณะ รวม 7 รูป จากพระอาราม 7 วัด โดยมีสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ ในฐานะมีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ทำหน้าที่ประธาน ซึ่งเรื่องนี้เป็นการพิจารณาของคณะสงฆ์โดยแท้ รัฐบาลมิได้เป็นผู้เสนอแต่อย่างใด....”

เมื่อพิจารณาข้อความตามแถลงการณ์ฉบับนี้แล้ว ก็จะเห็นความผิดปรกติในแถลงการณ์คือ สาเหตุที่จำเป็นต้องมีการแต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เพราะ เพื่อรักษาพระเกียรติ ป้องกันมิให้ผู้ใดนำพระลิขิตไปแอบอ้างจนเกิดความเสื่อมเสียต่อพระเกียรติดังที่เคยมีผู้กระทำมาแล้ว และกำลังอยู่ระหว่างการดำเนินคดี

ใครเล่าครับที่แอบอ้างพระลิขิตและกำลังถูกดำเนินคดี ?

ท่านผู้ชมคงนึกออกว่า ก่อนที่จะมีการแต่งตั้งผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช (ไม่ใช่ปฏิบัติหน้าที่แทนเพราะไม่มีคำว่าแทน) ที่ลงนามแต่งตั้งโดย “นายวิษณุ  เครืองาม” รองนายกรัฐมนตรี ก่อนหน้านั้น สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงมีพระบัญชาให้ท่านเจ้าคุณชั้นราชรูปหนึ่งดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการมหาเถรสมาคมแทนตำแหน่งที่ว่าง ในพระบัญชานั้นสมเด็จพระสังฆราช ทรงลงพระนามไว้อย่างชัดเจน

ท่านเจ้าคุณรูปนี้แหละครับที่ถูกกลุ่มปล้นพระอำนาจสั่งให้ดำเนินคดี !

สมเด็จพระสังฆราช ทรงมีพระบัญชาแต่งตั้งท่านเจ้าคุณรูปนั้นโดยชอบด้วยกฎหมาย (ดูได้จาก พรบ.คณะสงฆ์ ฉบับปัจจุบัน) และพระธรรมวินัย แต่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับประเพณีปฏิบัติ เนื่องจากการแต่งตั้งกรรมการมหาเถรสมาคมที่ผ่านมาจะต้องเป็นพระราชาคณะชั้นธรรมขึ้นไปเท่านั้น ต่ำกว่าชั้นธรรมยังไม่เคยมี ประกอบกับท่านเจ้าคุณชั้นราชที่ได้รับพระบัญชาแต่งตั้งรูปนี้ เป็นพระอุปัฏฐากรับใช้ใกล้ชิดกับสมเด็จพระสังฆราช เป็นที่ไว้วางพระทัยรูปหนึ่ง ดังนั้นพระเถระชั้นใหญ่จึงเห็นว่าไม่สมควรจะให้ดำรงตำแหน่งกรรมการมหาเถรสมาคม จึงมีการพูดคุยกันภายในต่างๆ นานา เพื่อให้ท่านเจ้าคุณชั้นราชรูปนั้น ยินยอมที่จะไม่รับตำแหน่งกรรมการมหาเถรสมาคม แล้วต่อมาท่านเจ้าคุณชั้นราชรูปนั้นก็ให้ความยินยอม

เรียกว่ายินยอมแต่โดยดี

พระบัญชาฉบับนั้น เป็นฉบับจริง เป็นลายพระหัตถ์จริงๆ ของสมเด็จพระสังฆราช เพราะได้มีการพิสูจน์กันแล้วในที่ประชุมมหาเถรสมาคม กรรมการมหาเถรทุกรูปยอมรับว่าเป็นลายพระหัตถ์จริง แต่ถ้าจะถามว่าสมเด็จพระสังฆราชทรงมีพระประสงค์ดังพระบัญชาจริงหรือไม่ เรื่องนี้ได้มีการถกเถียงในที่ประชุมมหาเถรสมาคมว่า ควรนำขึ้นกราบทูลถามตรงๆ ต่อสมเด็จพระสังฆราช กรรมการอีกหลายรูปก็ขัดขึ้นว่า หากพระองค์รับว่าเป็นพระประสงค์จริงๆ ล่ะจะว่าอย่างไร หากไม่สนองตามพระประสงค์ก็เท่ากับกระทำขัดต่อพระบัญชา อาจมีโทษทั้งทางกฎหมายและพระธรรมวินัย

นี่แหละคือที่มาของข้ออ้าง เพื่อให้มีการแต่งตั้งผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช และคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชในเวลาต่อมา และแถลงการณ์สำนักนายกรัฐมนตรีฉบับนี้ก็นำความนี้มาเป็นข้ออ้าง ว่ากำลังดำเนินคดีเรื่องการแอบอ้างพระลิขิต

ช่างน่าสงสารตำรวจไทยเสียเหลือเกิน กับอีแค่ความผิดแอบอ้างพระลิขิต กับอีแค่การดำเนินคดีกับพระภิกษุเพียงรูปหนึ่ง ปั่นสำนวนคดีกันมาเกือบจะครบ 3 ปีเข้านี่แล้ว คดีก็ยังปล่อยให้คาราคาซัง ไม่สามารถสรุปสำนวนสั่งขึ้นฟ้องศาลได้

ท่านผู้ชมที่เคารพครับ การปั้นคดีที่ไม่มีมูลมันจึงไม่สามารถสรุปสำนวนคดีได้ ถึงจะส่งขึ้นไปถึงอัยการก็ไม่มีน้ำหนักพอที่จะสั่งฟ้องศาล

ใครก็ไม่รู้ริยำจริง ดันจับพระเอามาเป็นแพะบูชายันต์ !!

                                                            ณ. หนูแก้ว

หลวงตา เขามียังไงบ้าง ที่หยิบออกมาพูดเอาเฉพาะเนื้อความๆ

ผู้กำกับ เหตุที่มีการแต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช ก็ว่าเป็นการป้องกันพระเกียรติยศของพระองค์ท่าน สมเด็จพระสังฆราชนะฮะ เพราะว่ามีการแต่งตั้งท่านเจ้าคุณชั้นราชมาเป็นกรรมการมหาเถรสมาคม ซึ่งอันนั้นพิสูจน์แล้วว่าเป็นลายพระหัตถ์ของสมเด็จพระสังฆราชจริง แต่ว่าไม่ถูกต้องเกี่ยวกับประเพณีปฏิบัติ แล้วก็คงไม่ถูกใจในกรรมการมหาเถรสมาคมหลายๆ องค์ ก็เลยมีการว่าสมควรจะแต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราชขึ้นมา แล้วก็การดำเนินการโดยการมีพระเอกพระรองตามเนื้อเรื่องนะฮะ วิษณุเป็นพระเอก ไอ้เจ้าหัวเกรียนนั่นที่ว่าอุดม เจริญ

หลวงตา ฟังๆ ไอ้ว่าพระเอกนี้มันมีสองแง่นะ พระเอกที่เขาว่าหนึ่งไม่มีสอง เขายกยอกันให้เป็นพระเอก อันหนึ่งพระเอกมีนัยน์ตาข้างเดียว ถ้าตาข้างนี้บอดแล้วเสร็จเลยพระเอกผู้นั้นไม่มีเข้าใจหรือ ก็เท่านั้นตลก พระเอก ว่าเอกๆ ก็จะว่าดีรึ เอกตาข้างเดียวนี้ กับพระเอกนี้ เอกแบบนี้ดี เอกแบบนี้ใครอยากเอกวะ ถ้าบอดอีกแล้วเสร็จเลย (ก็เอกอย่างหลวงตาว่าละครับ เอกอย่างหลวงตาว่าละครับ ตอนนี้ก็ใกล้บอดแล้วครับ)มีนัยน์ตาข้างเดียวใช่ไหม ต้องอย่างนั้น มันใกล้จะบอดแล้วใช่ไหม มีนัยน์ตาข้างเดียว ใครอยากเป็นพระเอกอย่างนั้นไหม เอาละพอ เรื่องเหล่านี้ก็เคยพูดกันมาแล้ว พูดกันมาแหลกเหลวหมดแล้ว แต่พวกหน้าด้านก็ด้านมาตลอดจะให้ว่าไง พระท่านประชุมกันแง่ใดมุมใด ท่านเอาแต่เนื้อเรื่องที่ถูกต้องแม่นยำมาพูดทั้งนั้นมันไม่ยอมฟัง มีแต่บึกบึนด้วยความหน้าด้านทั้งนั้นๆ เลย จึงน่าอิดหนาระอาใจ

ผู้กำกับ ขอประทานกราบเรียนนะครับ ที่ ณ หนูแก้วเขาบอกว่า เขาเขียนในนี้นะฮะ เขาบอกคุณวิษณุจะกล้านำเทปโทรทัศน์นั้นมาฉายให้ประชาชนทั้งประเทศได้ชมพร้อมๆ กันทางหน้าโทรทัศน์ไหมครับ เทปโทรทัศน์ที่มีชายหัวเกรียนเข้าไปข่มขู่ข่มขืนพระทัยสมเด็จพระสังฆราชให้ลงพระนามล่ะครับ เขาพูดมาในคอลัมน์นี้ครับ เพราะว่าผมเคยอ่านเจอการสัมภาษณ์ของคุณวิษณุว่า เขาพร้อมที่จะออกโทรทัศน์ว่าจะชี้แจงต่างๆ (เขาพร้อมเฉยๆ แต่เขาไม่ออกเข้าใจไหม มีแต่พร้อมเฉยๆ แต่ไม่ออก ก็ว่างั้นซิ) นึกว่าเขาพูดจริงทำจริงลูกผู้ชาย (ใครลูกผู้ชาย) ก็วิษณุนี่ละครับเขาให้ข่าวฮะ นึกว่าพูดจริงทำจริง

หลวงตา หลวงตาบัวที่ฟังอยู่นี้ก็ลูกผู้ชายเปิดหำให้ดูเดี๋ยวก็ได้ เอ้าจริงๆ นะ มันต้องอย่างนั้นมันจึงถึงกัน แล้วนี่จะว่าเป็นอะไรเอาพยานมาซิ เอาวิษณุมาเปิดหำออกมาทางนี้ก็จะเปิดหำรับกันเข้าใจไหม มันต้องถึงกันอย่างนั้นซิ สนุกไหม (เดี๋ยวเขาก็ไม่รู้เรื่องอีก ยังงี้เดี๋ยว หลวงตาเอาน้ำหนักเข้าเป็นหลักเป็นเกณฑ์ เดี๋ยวเขาก็ไม่รู้เรื่อง แต่เดี๋ยวเขาก็หาว่าหลวงตาพูดหยาบอีก) ก็อย่างนั้นละ ไม่อย่างงั้นจะเรียกว่ามันเอกตาเดียวหรือ มันต้องอย่างนั้นจึงเรียกว่าเอกตาข้างเดียว เราพูดอย่างนี้ก็อย่างที่ว่า เราไม่เคยว่าหยาบโลนอะไร อันนี้เอาความจริงเอาน้ำหนักยันกันเข้าใจไหม จะว่าให้สมลูกผู้ชาย ทางนี้เป็นลูกใคร เปิดหำออกดูนี่ชายหรือหญิงนั่นเข้าใจไหม เอาความจริงใส่กันต่างหากไม่ได้เอาความหยาบโลนมา เข้าใจหรือที่พูด ไอ้พวกเปรตพวกมันสกปรกมันก็ดึงเข้าหาส้วมหาถานตลอด ตำหนิชำระล้างเท่าไรมันไม่ยอมรับ แล้วมีอะไรอีก เท่านี้ละพอ นี่เขาก็เห็นแล้ว ออกทางโทรทัศน์แล้ว มันเลวมาตลอดจะว่าไง

คำว่ามหาเถรสมาคมนี้สังคมของท่านผู้ดี คือทรงศีลทรงธรรมท่านบอกท่านปัดแล้วนี่ ฟังซิ ท่านไม่ยอมรับ สังคมนี้เวลานี้กลายเป็นสังคมมหาโจรไปแล้ว ท่านไม่ใช่มหาโจรท่านจะรับมายังไง สั่งมาท่านก็ไม่ปฏิบัติตาม ก็ให้เขาเป็นพวกมหาโจรเขาสั่งเขาเองซิ พวกทรงศีลทรงธรรมไม่เล่นด้วย ก็เท่านั้นก็พูดแล้วมิใช่เหรอ เรายืนยันอย่างนี้ละตัวพิษตัวภัยมันมาอยู่ในมหาเถรสมาคม แล้วจะไว้ใจได้ยังไง เมื่อไว้ใจไม่ได้จะยอมรับกันหาอะไร นั่น พูดมีเหตุมีผลซิ เอาละเท่านั้นล่ะพออันนี้นะ แล้วมีอะไรอีกล่ะ จะให้พูดอะไร หรือถึงขนาดจะต้องให้เปิดหำดูจริงๆ เหรอเดี๋ยวนี้ ก็ทางโน้นเขายังไม่เปิดเราจะเปิดยังไงใช่ไหม ต้องให้เขาเปิดออกมาเสียก่อนซิ เราถึงจะเปิดรับกัน ก็เท่านั้นเองจะให้ว่า

(มีนิดเดียว มีข้อสงสัยนิดๆ ที่คุณสนธิเขามาบอกให้ประชาชนทราบว่าปีนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทอดกฐินวัดบวรฯ วัดสุทัศน์ฯ วัดเทพฯ วัดอะไรต่างๆ นะฮะ ยกเว้นวัดสระเกศ ก็เลยสงสัยว่าวัดสระเกศสูงไปท่านไม่อยากขึ้นหรือไงก็เลยไม่ไป) อันนี้เราไม่ทราบ แต่วัดป่าหลวงตาบัวนี้ ท่านทรงส่งผ้าไตรจีวรมาถวายวัดนี้ จะสูงหรือต่ำไม่ทราบ แต่ท่านก็มา เราก็บอกว่ามาใช่ไหม นี่เหมือนว่าเปิดหำออกดูละ จริงไหมนี่ลูกผู้ชายไม่ว่างั้นเข้าใจไหม เอ้อ ก็เท่านั้นเอง อู๊ย พูดตลกๆ ไปได้นะนี่มันไม่มีอะไร ว่าอะไรว่าได้ทั้งนั้น แต่โลกมันเป็นบ้ากันนะ ที่พูดอย่างนี้โลกเป็นบ้าขยี้ขยำ เราเฉยไปเลยหายเงียบไม่มีอะไร ก็เท่านั้นเอง

รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร

FM 103.25 MHz


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก