กาฝากในใจเรา
วันที่ 7 พฤศจิกายน 2548 เวลา 8:15 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๔๘

กาฝากในใจเรา

         เห็นไหมล่ะแจกของไปทางเวียงจันทน์วันที่ ๓ (เป็นทานบารมีใหญ่ทั่วลาวเลยค่ะ) อย่างนั้นละทำเรื่อยแหละ ประมาณสักสิบปีล่วงไปแล้วไปช่วยทางด้านโน้นทางบึงกาฬ ข้ามนั้นก็เข้าเลย อันนั้นก็ไม่น้อยเหมือนกัน อย่างนี้ละแบบเดียวกัน คือเอารถสิบล้อๆ ไปเลย แจกแล้วมาบอกเราไม่บอกเราไม่สำคัญ ขอให้สม่ำเสมอแจกให้ทั่วถึงกันไปตามสิ่งที่มีเท่านั้นละ ไปทางบึงกาฬก็เหมือนกัน ดูจะสิบปีมาแล้ว ช่วยเยอะข้ามบึงกาฬไป อันนั้นดูเหมือนสร้างตึกพยาบาลให้สามหลัง แล้วก็เอกซเรย์ เท่าที่จำได้นะ รถพยาบาล นอกจากนั้นจำไม่ได้แต่มาก สำหรับอาหารก็สิบล้อๆ ไปเลยเทียว ติดต่อบอกกับเขาทางโน้น เขาก็บอกให้ข้ามไปเลยขึ้นเลย เขาก็เตรียมพร้อม ทางนี้พอข้ามไปปั๊บก็ขึ้นเลย ของเทในโกดังเลย รถเราไม่ใช่น้อยๆ นะ สิบล้อๆ ไปแต่ละที ห่างไปดูเหมือนสิบปี พึ่งได้มาช่วยอีกคราวนี้ สพฺเพ สตฺตา อันว่าสัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันหมดทั้งสิ้นครอบโลกธาตุ ธรรมพระพุทธเจ้ากระจายทั่วถึงหมด

เครื่องมือแพทย์ถ้ามาก็มาที่นี่แหละ คือการจ่ายเงิน บิลมาที่นี่ ดูจะยังไม่หมดทางเวียงจันทน์ ทางโรงพยาบาลศูนย์อุดร มาเรื่อยๆ เครื่องมือที่ตกมาไม่ได้มาพร้อมกัน มีที่ไหนก็สั่งที่นั่นๆ แล้วแต่จะได้บริษัทใด บางทีออกสั่งนอกไปเลยก็มี ตกมาเมื่อไรเมื่อหมอเขาตรวจคุณภาพของเครื่องมือเรียบร้อยแล้ว เสร็จแล้วเขาก็ส่งบิลมา คือเราไม่ต้องดู ทีแรกเขานิมนต์เราไปดู ไม่ไปเราสู้หมอไม่ได้ หมอต้องตรวจดูคุณภาพของเครื่องมือแพทย์ หมอรับรองแล้วให้ส่งบิลมาเลย บิลมาจากบริษัทใดๆ เราก็ส่งเงินไปบริษัทนั้นๆ เลยเทียว ก็ไม่เคยมีขัดข้องนะ ถูกต้องๆ

ที่มาวันนั้นรถสิบล้อ ๓ คันมาจากเวียงจันทน์ สำหรับทางเมืองไทยเราเองเรียกว่าแจกตลอด แจกเงินด้วยการสร้างนั้นสร้างนี้อยู่ตลอด เวลาโรงพยาบาลกำลังอยู่สามตึกที่ยังไม่เสร็จ ตึกหนึ่ง ๒๒ ล้าน ที่กำลังสร้างเวลานี้ อีกสองตึกเท่าไรไม่รู้ ช่วยอยู่อย่างนั้น แล้วเครื่องไม้เครื่องมือแพทย์ช่วยตลอด สำหรับเงินวัดป่าบ้านตาดนี้เรียกว่าเงินเพื่อโลกเลยไม่ผิด ที่จะแยกไปอะไรๆ รอบๆ วัดนี้ก็อย่างนี้ นอกนั้นออกช่วยโลกทั้งนั้น จึงว่าเงินวัดป่าบ้านตาดเรียกว่าเงินเพื่อโลก ออกกระจายไปหมดอย่างนี้แหละ ไม่มีเพื่อวัด ไม่เห็นมีอะไร อะไรก็เหลือเฟือๆ ในวัด จะให้มันท่วมมันตายได้เหมือนกันพระ ท่วมมากๆ มันตาย

ต้นไม้สูงๆ น้ำท่วมข้างล่าง ท่วมรากมันมันยังตายได้ สิ่งเหล่านี้มันท่วมได้ตายได้ พระไม่รู้จักประมาณเห็นแก่ความโลภโลเล ตะกละตะกลาม ตายได้ ตายจากอรรถจากธรรม ตายจากศาสนา ยังเหลือแต่หัวโล้นๆ ใช้ไม่ได้เลย ต้องเอาอย่างนั้นซิ ลูกศิษย์ตถาคตมีที่ต้องติที่ตรงไหน ถ้าดำเนินตามศาสนธรรมที่พระองค์สอนไว้ ไม่มีใครที่จะสวยงามยิ่งกว่าเพศสมณะ เพศของพระ กิริยาอาการเคลื่อนไหวไปมาจะไม่เป็นภัยต่อผู้ใด แต่เป็นคุณประโยชน์แก่ผู้ได้เห็นได้ยินทั้งนั้น นี่ละผู้เป็นลูกศากยบุตรเป็นอย่างนั้น

ที่มันแสลงหูแสลงตาจนเกิดความกระทบกระเทือนเหล่านี้ นี่มันพระแฝงพระ เรียกว่าพระกาฝาก กาฝากเกาะไม้ต้นใดตายๆ คือมันเกาะกิ่งไม้ต้นนั้น แต่มันเอาไม้ต้นนั้นเป็นเนื้อเป็นหนังของมันของกาฝาก เพราะฉะนั้นกาฝากเกาะไม้ต้นใดมากเท่าไรตายง่ายๆ อันนี้ก็เหมือนกันพระกาฝาก เกาะอยู่ในศาสนานี้ก็ทำให้ศาสนาเสื่อมลงๆ สุดท้ายศาสนาเลยกลายเป็นปุ๋ยของพวกนี้ ของพวกกาฝากไปหมดเลย นี่เราพูดตามธรรมต้องพูดอย่างตรงไปตรงมา ประเภทนี้ท่านเรียกว่าประเภทกาฝาก เป็นพระก็พระกาฝาก หาคุณค่าไม่ได้ มีแต่พิษแต่ภัย ถ้าเป็นพระลูกศิษย์ตถาคต สมณานญฺจ ทสฺสนํ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ การได้เห็นสมณะผู้สงบกายวาจาใจจากบาปกรรมทั้งหลาย เป็นมงคลสูงสุด นั่น นี่ละที่ว่าเห็นสมณะเป็นมงคลสูงสุด เป็นอย่างนั้น

อย่างใครได้เห็นพระพุทธเจ้าแต่ละครั้งๆ เวลาเสด็จออกบิณฑบาต ดังที่ท่านพูดไว้ในพระบาลีว่า ปุพฺพเณฺห ปิณฺฑปาตญฺจ ตอนเช้าเสด็จออกบิณฑบาต มนุษย์มนาเทวดาทั้งข้างบนทั้งข้างล่างอนุโมทนาสาธุการ ด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใสทั่วหน้ากัน เขาได้เห็นขณะหนึ่งตาเขาก็เป็นมงคล เป็นสิริมงคล ใจเขาก็ยิ้มแย้มแจ่มใส หูได้ยินตาได้เห็นเป็นมงคลๆ ทั้งนั้น นั่นท่านผู้เป็นมงคลไปไหนเป็นมงคลหมด ผู้เสนียดจัญไรไปไหนเป็นฟืนเป็นไฟไปหมด ต่างกันนะ

เพราะฉะนั้นจึงให้พากันตื่นเนื้อตื่นตัว ทางประชาชนก็เหมือนกัน ทางพระก็ให้ตื่นเนื้อตื่นตัว ระมัดระวังตัวเสมอ ทางด้านของพระก็มีภัยรอบด้านเหมือนกัน ทางด้านประชาชนก็มีภัยรอบด้าน ทางด้านทางโลกก็มีภัยรอบด้าน ต้องได้ระมัดระวัง เราเป็นเจ้าของของชาติ เป็นเจ้าของของศาสนา ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบท่านระมัดระวัง อะไรไม่ดีท่านปัดออกๆ ท่านไม่ให้เข้ามายุ่ง นี่ละที่ว่าสังฆเภทเป็นขึ้นมาในเมืองไทยแล้วใครรู้หรือไม่ล่ะ

สังฆเภทนี้เป็นกรรมที่หนักมากที่สุด ในอนันตริยกรรม ๕ ประการ กรรมนี้ท่านยังย้ำเข้าอีกว่า ถ้ายังมีสติระลึกได้อยู่อย่าทำเป็นอันขาด ฟังซิน่ะ คือกรรมนี้หนักมากที่สุด ตกนรกก็เป็นหลุมอันดับหนึ่ง ท่านบอกไว้ชัดเจน อนันตริยะนี่หมายถึงว่า กรรมนี้เวลาเป็นโทษขึ้นมาแล้วนี้ เสวยกรรมอย่างหนักแสนสาหัสแต่ไม่ยอมให้ตาย จิตนี้ตายไม่เป็น ลงนรกกี่กัปกี่กัลป์ หลุมไหนก็ยอมรับเคราะห์กรรมของตัวที่ทำลงไป จะมีความสุขดั่งผู้ที่ตกนรกหลุมอนันตริยกรรมนี้ จะมีความสุขชั่วฟ้าแลบเท่านั้นไม่มี ท่านเรียกว่าอนันตริยะ ไม่มีระหว่างเลย เป็นพืดไปเลยตั้งแต่วันตก แต่ใจนี้ไม่เคยตาย ทรมานอยู่อย่างนั้นตลอดจนกระทั่งสิ้นกรรมของมัน

ท่านจึงย้ำเข้าอีกว่า ถ้ายังพอมีสติอยู่ อย่าทำเป็นอันขาด ฟังซิน่ะ ฆ่ามารดา หนึ่ง ฆ่าบิดา หนึ่ง ฆ่าพระอรหันต์ หนึ่ง ฆ่าพระพุทธเจ้าแม้ไม่ตายก็ตาม หนึ่ง สังฆเภท ยุยงให้สงฆ์ที่มีความพร้อมเพรียงสามัคคีกันด้วยศีลด้วยธรรมให้แตกแยกจากกัน กลายเป็นคนละฝั่งละฝาไป นี่เรียกว่าสังฆเภท แตกแยกจากกัน เวลานี้เมืองไทยเรานี้ก็กำลังเป็นสังฆเภทแล้ว ท่านตั้งชื่อเอาไว้ว่าสังฆเภท คือทำสงฆ์ให้แตกจากกัน ทีนี้สงฆ์แตกจากกันก็เห็นกันอยู่อย่างนี้ละ นี่กำลัง พวกฝ่ายดีก็รังเกียจฝ่ายชั่ว คนหนึ่งสะอาด คนหนึ่งสกปรก โดดลงไปในมูตรในคูถแล้วจะขึ้นมาคลุกเคล้าหรือคละเคล้ากับพวกที่สะอาด จะคละเคล้าได้ยังไง มันเข้าไม่ได้อย่างนี้ละ

ท่านผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ท่านรักท่านสงวนหลักธรรมหลักวินัยเต็มเม็ดเต็มหน่วย เรียกว่าเอาชีวิตเข้าแลกเลย ด้วยการรักษาหลักธรรมหลักวินัยไม่ให้คลาดเคลื่อน นี้คือท่านผู้สะอาด ทีนี้อีกพวกหนึ่งไม่มีหิริโอตตัปปะ เป็นอลัชชีหายางอายไม่ได้ ตะกละตะกลาม ควรจะได้ยังไงๆ ตามอำนาจของกิเลสนั่นละ อยากให้เขายกยอปอปั้นว่าเป็นคนดี ดีอะไรมันชั่วอย่างนั้น ความหยาบของกิเลสนี้เป็นประเภทที่หยาบโลนเป็นลำดับ ความหยาบของกิเลสเมื่อแทรกเข้าในพระก็เป็นพระหยาบโลนไป ทีนี้พระหยาบโลนกับพระสกปรกจมมูตรจมคูถ จะโดดขึ้นไปเกี่ยวเกาะคลุกเคล้ากันกับพระที่ดีมันเข้ากันไม่ได้ เมื่อเป็นอย่างนั้นแล้วต้องแยกกัน แตกกัน นี่เรียกว่าสังฆเภท

เวลานี้ในเมืองไทยเราก็กำลังแสดงฤทธิ์แสดงเดชทางฝ่ายชั่วช้าลามก ฝ่ายตะกละตะกลาม นี่ละพวกประเภทที่จะทำลายศาสนา ทำลายผู้ทรงศีลทรงธรรมที่ดี ให้ได้รับความเดือดร้อนกระทบกระเทือนกันดังที่เห็นนี่ละ สังฆเภทกำลังเกิดแล้วในท่ามกลางสงฆ์แห่งประเทศไทยเรา เดี๋ยวนี้เลยไม่มีอะไรเป็นหลักเป็นเกณฑ์ สกปรกไปหมดด้วยความประพฤติ โดยที่เหยียบหัวพระพุทธเจ้าไป หัวพระพุทธเจ้าคืออะไร คือธรรมวินัย รวมแล้วเรียกว่าศาสนา ก้าวออกไปก้าวไหนก็เหยียบหัวพระพุทธเจ้า กิริยาอาการแสดงออกเหยียบหัวพระพุทธเจ้าตลอดเวลา นี่ละพวกอลัชชิตา หาความละอายบาปไม่ได้

ทีนี้ผู้รักษาผู้เทิดทูนพระพุทธเจ้าด้วยการประพฤติปฏิบัติเต็มหัวใจอยู่แล้ว ก็เข้ากันไม่ได้ ทีนี้ฝ่ายสะอาดกับฝ่ายสกปรกเข้ากันไม่ได้ ก็แยกกันเป็นคนละฝั่งไปแล้ว อย่างเตือนกันสอนกันฝ่ายศีลฝ่ายธรรม สอนกันไม่ยอมรับ ไม่ยอมรับก็ปัดออกเลย ที่จะไปบังคับบัญชาเขาบังคับไม่ได้ เราก็รักษาตัวของเราไว้ ฝ่ายของเราเอาไว้ อย่างนั้นละ นี่ละเป็นสังฆเภท มันแตกแยกจากกันให้เห็นชัดๆ ในเมืองไทยของเราจะไปหาที่ไหน หาที่พวกชั่วช้าลามกกับพวกที่มีความสะอาดด้วยศีลด้วยธรรม สะอาดกับสกปรกมองดูก็รู้ แตกแยกกันไป จากนั้นก็ประชาชน ทางฝ่ายโลภก็เต็มไปด้วยความตะกละตะกลาม บ้ายศบ้าลาภ บ้าสรรเสริญเยินยอ บ้าอยากเป็นใหญ่เป็นโตเลยเมฆเลยหมอก เลยจรวดดาวเทียมไป

ทีนี้พวกนี้มันก็อยู่กับมนุษย์ที่มีศีลธรรม มีความสงบงามตาตามประเภทของมนุษย์ที่อยู่ร่วมกันเป็นผาสุก เพราะความรู้ความเห็นความเป็นไม่กระทบกระเทือนกัน ก็อยู่กันเป็นผาสุก ทีนี้กิริยาของความสกปรกนี้มันเข้าไปตรงไหนกระทบกระเทือน อย่างในเมืองไทยของเรานี้ก็ถือรัฐบาลเป็นที่ตั้ง รัฐบาลเป็นจุดศูนย์กลางที่จะให้ความร่มเย็นแก่ประชาชนทั่วๆ ไป แล้วมากลับกลายเป็นรัฐบาลเป็นเพชฌฆาต เป็นผู้สังหารชาติบ้านเมืองแล้วมันจะเข้ากันได้ยังไง สุดท้ายประชาชนเขาเป็นคนก็ต้องเคลื่อนไหวดังที่เห็น เมื่อวานนี้ก็เห็น นี่ละพวกคนดีเขาทนดูไม่ได้ คนชั่วออกลวดลายของตนจนกระทั่งลืมคิดไปว่า ทั้งประเทศไทยเรานี้คือคนไม่ใช่หมา หมาก็อยู่กับคนแต่คนเป็นใหญ่ แล้วก็รู้ซิคน คนดูคนฟังคน พูดผิดพูดถูกดีชั่วก็รู้กัน เมื่อทนไม่ไหวแล้วก็แสดงอาการตอบรับกัน ก็เป็นอย่างนั้นแหละ

ทางพระสงฆ์ก็เหมือนกัน เมื่อไม่ไหวแล้วก็แสดงอาการตอบรับกัน เช่น ประชุมกันชี้แจงเหตุผลด้วยศีลด้วยธรรมที่ถูกต้องดีงาม ไม่ยอมรับกันก็แยกกันไป อย่างที่เขาว่ามหาเถรสมาคมทุกวันนี้ ในครั้งพุทธกาลไม่มีมหาเถรสมาคม แต่ก่อนพระก็มากเหมือนกัน แต่พระมากมากด้วยศีลด้วยธรรม ไม่เฟ้อไม่กระทบกระเทือนกัน แต่พระทุกวันนี้มากด้วยกาฝากมหาภัย กัดศาสนาแหลกไปหมด กัดพวกเดียวกันให้แหลกไปหมด มันก็ต้องมีตักมีเตือนกัน เมื่อตักเตือนไม่อยู่แล้วทีนี้ก็แยกกันเป็นคนละฝักละฝ่าย ฝ่ายเขาฝ่ายเรา

ดังมหาเถรสมาคมทุกวันนี้แต่ก่อนไม่เคยมี สงฆ์เท่านั้นพอ เอาสงฆ์เป็นใหญ่เลย สงฆ์เหล่านั้นมีแต่สงฆ์ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ไม่ใช่สงฆ์กาฝากอย่างสมัยปัจจุบันนี้ ท่านไม่มี มหาเถรสมาคมไม่มี เจ้าคณะนั้นเจ้าคณะนี้ก็ไม่มี มีแต่พระสงฆ์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ องค์ไหนที่ไม่ดีเตือนกัน เมื่อเตือนกันไม่อยู่ เอาไว้ไม่อยู่แล้วก็อัปเปหิ ขับออกๆ อย่างนั้นละ ทุกวันนี้ก็มีมาทุกแบบ แฝงเข้ามา ถ้าแฝงเข้ามาพอเป็นเครื่องส่งเสริมศาสนา ส่งเสริมสังคมให้มีความสงบร่มเย็นก็อนุโลมกันมาๆ ทีนี้เมื่อมันเป็นภัยแล้ว ที่ว่าจุดที่จะส่งเสริมส่วนรวมให้มีความสงบร่มเย็น มันกลายเป็นฟืนเป็นไฟแล้ว ก็ต้องมีกระทบกระเทือนกันแล้วก็โต้ตอบ จากนั้นก็ประชุมกันละ แล้วแต่ที่จะชี้แจงอย่างไร เมื่อไม่ฟังแล้วก็แยก

อย่างมหาเถรสมาคมเวลานี้เราเองก็เคยได้พูดมาแล้ว ไม่สะทกสะท้าน เพราะเอาหลักธรรมหลักวินัยมาพูด ไม่ได้เอาความจอมปลอมมาพูด ตั้งเป็นมหาเถรสมาคม มหาเถรสมาคมต้องเป็นอรรถเป็นธรรม มีแต่คนดิบคนดีเป็นตัวอย่าง เข้าไปเป็นมหาเถระก็คือว่าพระผู้ใหญ่ๆ ควรจะเป็นที่ไว้วางใจให้ความร่มเย็นเป็นสุขแก่ผู้น้อยนั่นเอง จึงตั้งเป็นมหาเถรสมาคม ทีนี้มหาเถรสมาคมมันก็มีคนชั่วช้าลามกเข้าไปอยู่ในวงมหาเถรสมาคม หัวหน้ามหาเถรสมาคมก็เป็นหัวหน้าโจร เมื่อเป็นเช่นนั้นมันก็เข้ากันไม่ได้ ปัดอย่างนี้ละ

อย่างที่ออกประกาศ ทางพระสงฆ์ผู้ทรงศีลทรงธรรมท่านไม่ยอมรับ มหาเถรสมาคมเป็นมหาโจรรับได้ยังไง เอ้าค้านมาว่ามหาโจรยังไง ก็จะไล่เบี้ยกันเข้าไป เมื่อบอกยังไงก็ไม่ฟังก็ตัดกันออกเป็นคนละฝักละฝ่ายไป นี่ละสังฆเภทแยกกันอย่างนี้ จำเป็นอะไรจะต้องประกาศสังฆเภทคะแพด มันเป็นอยู่ในตัวของมันเองแล้ว

นี่ละอะไรถ้าปีนเกลียวออกไปจากศีลจากธรรม จากความดีงามแล้ว พระเราไม่น่าดูเลย พวกเดียวกันก็ดูกันไม่ได้ ประชาชนทั่วๆ ไปเขาก็ดูไม่ได้เพราะมันปลอม ถ้าเป็นของดิบของดี ธนบัตรใบละบาท ห้าบาท สิบบาท ร้อยบาท พันบาท จริงทั้งนั้น ใช้ได้ทั้งหมด คุณภาพของมันรับรองๆ ไปตามคุณภาพของตัวเอง รับรองตัวเองไป ห้าบาทรับรองห้าบาท หนึ่งบาทรับรองคุณภาพหนึ่งบาท เป็นร้อยเป็นพันบาทรับรองไปหมดเลย นี่เป็นของจริง

ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมากเท่าไรก็ไม่มีคำว่าเฟ้อ ถ้าเป็นของปลอมเข้าไปนี้ ใบละร้อยละพันเท่าไรก็ตามเถอะ กองเท่าภูเขาก็เฟ้อทั้งนั้น ปลอมทั้งนั้น ใช้ไม่ได้เลย นี่ละพระที่ใช้ไม่ได้น่าดูไหม พวกที่ใช้ได้พวกที่เป็นพระดีก็รังเกียจกัน เมื่อรังเกียจกันแล้วก็แตกก็แยกกันเป็นคนละฝักละฝ่ายอย่างนั้นเอง เรื่องของโลกของธรรมเวลานี้กำลังชุลมุนวุ่นวายในเมืองไทยของเรา ทางโลกก็อย่างที่เห็นนั่นแหละเป็นยังไง ทางธรรมก็ดังที่เห็น ทีนี้ผู้ที่เป็นคนดีพระดีก็อยู่ลำบากเพราะคละเคล้ากัน กระทบกระเทือนกันตลอดเวลา ส่วนมากคนที่ดีนั้นมักเสียเปรียบๆ คนชั่วเสมอ คนชั่วมันมีแต่จะเอาเปรียบๆ คำว่าแพ้ใครไม่มีคนชั่ว มีแต่จะเอาชนะตลอดเวลา คนชั่วพระชั่วเป็นอย่างนั้น คนดีก็เดือดร้อนละซิ พากันเข้าใจเสียเรื่องศาสนา

อย่างที่ตั้งมหาเถรสมาคมเวลานี้มีความหมายอะไร บอกชัดๆ เลย บอกว่าพระท่านผู้ทรงศีลทรงธรรมท่านไม่รับรองมหาเถรสมาคม เพราะมีมหาโจรอยู่ในนั้น และหัวหน้าก็เป็นมหาโจรอีก แล้วจะเอามาเป็นที่เคารพนับถือได้ยังไง ท่านปัดท่านไม่ยอมรับ สั่งอะไรมาท่านก็ไม่ปฏิบัติตาม เรียกว่าท่านไม่ยอมรับ ไม่ปฏิบัติตาม ถ้าหลักใหญ่คือมหาเถรสมาคมดีอยู่ สั่งอะไรมาปฏิบัติตามหัวหน้าๆ เพราะสั่งด้วยความชอบธรรม ไม่ชอบธรรมแล้วไม่ปฏิบัติตาม เป็นอย่างนั้นนะ จะว่าอะไร หัวหน้าวัดก็เหมือนกัน หัวหน้าวัดต้องเป็นแบบฉบับที่ดี จะสั่งสอนอะไรได้ทั้งนั้นในวงวัดของตัวเองเพราะเป็นผู้ดี ใครขัดคำสั่ง คำสั่งเป็นธรรมมาแล้ว ใครขัดเป็นความผิดแล้ว เตือน ออกจากเตือนเอาไว้ไม่อยู่ อัปเปหิ ขับๆ เป็นอย่างนั้น

ถ้าหากหัวหน้าวัดเป็นคนโกโรโกโสเลวทราม ใครเขาก็ไม่ฟังเสียง ไม่ว่าผู้ใดพระในวัดไม่ฟังเสียงไม่ปฏิบัติตาม เพราะคำสั่งไม่ชอบธรรม ถ้าคำสั่งชอบธรรมแล้วใครขัดความชอบธรรมผู้นั้นเป็นคนผิด ตักเตือนสั่งสอน จากนั้นเอาไว้ไม่อยู่ขับหนี นั่น อยู่ด้วยกันก็ต้องมีระเบียบอันดีงามต่อกัน ถ้าต่างคนต่างขัด ต่างคนต่างปฏิบัติเอาตามชอบใจนี้ไม่ได้ สำหรับพระแล้วไม่ได้นะ ขัดกันอย่างนั้นละ

ทีนี้ย่นเข้ามาหาตัวของเราทุกคนๆ อันนี้พูดกระจายออกไปภายนอก รวมเข้ามาสู่ภายในคือตัวของเราแต่ละคนๆ มันมีกาฝากมหาภัยอยู่ในใจทุกคนนั่นแหละ เราคิดจะทำความดิบความดี ความชั่วมันเข้ามาแล้ว มาทำความกีดกันหรือกีดขวางไม่ให้ทำ ถ้าเป็นทางชั่วแล้วมันเปิดทางให้ทำๆ นี่ตัวมหาภัยคือกาฝากมหาภัย มันอยู่ในใจของทุกคน เราเสียเพราะกาฝากนี้ละทุกคน ทำความดีไม่ได้เพราะกาฝากมีกำลังมากกว่า มันบีบบังคับคนให้ทำดีไม่ได้ ต้องทำชั่วไปตามมัน สุดท้ายก็มีแต่คนชั่ว เขาก็ชั่วเราก็ชั่ว มีจำนวนเท่าไรชั่วด้วยกันหมดหาความหมายไม่ได้ทั้งประเทศ

เพราะฉะนั้นจึงต้องปฏิบัติให้เป็นคนดี อยู่คนเดียวก็สงบเย็นใจ ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ สำหรับฆราวาสก็เหมือนกัน อยู่ในครอบครัวผัวเมียยอมฟังเสียงกัน เมียก็ตามผัวก็ตามเอาหลักความจริงเป็นเกณฑ์ ไม่ว่าผัวเป็นใหญ่เมียเป็นใหญ่ เอาความถูกต้องดีงามเอาเหตุเอาผล เอาอรรถเอาธรรมเป็นหลักเกณฑ์เป็นใหญ่ เมื่อต่างคนต่างน้อมเข้าสู่อรรถสู่ธรรมแล้ว ผัวกับเมียก็ไม่ทะเลาะกัน ไม่ปีนเกลียวกัน ผัวก็ยอมรับในทางที่ถูกที่ดี เมียก็ยอมรับ ใครพูดผิดพูดถูกยอมรับกัน เมื่อต่างคนต่างยอมรับแล้วอยู่กันได้ตลอดวันตาย ลูกเต้าหลานเหลนก็ถือพ่อแม่ซึ่งเป็นแบบพิมพ์นั้นเป็นคติตัวอย่างได้ดี แล้วก็เป็นลูกหลานเหลนที่ดีต่อไป

ถ้าพ่อแม่โกโรโกโส ลูกก็เป็นทุกข์ มิหนำซ้ำยังโกโรโกโส ความโกโรโกโสของพ่อของแม่นั้น ยังเป็นความสกปรกเปรอะเปื้อนไปถึงลูกหลานเหลนไปหมด เลยกลายเป็นลูกหลานเลวทรามไป ให้พากันจำ น้อมเข้ามาสอนตนให้สอนอย่างนี้ อย่าว่าแต่คนนั้นไม่ดีคนนี้ไม่ดี ตัวของเจ้าของไม่ดีไม่ถูก แล้วไม่ดูเลยดูเจ้าของ ดูแต่คนอื่น ก็เลวไปตลอดคนประเภทนั้น หาดูแต่โทษของเขาโทษของตัวเต็มหัวใจ เต็มกิริยาอาการทุกอย่างไม่ดู อย่างนี้ผิด ดูเขาก็ดูเพื่อเป็นคติ ดูเราก็ดูเป็นคติตลอดไป พากันจำเอานะ ดูนอกดูในดูให้เป็นประโยชน์

การปฏิบัติถ้าถูกตามหลักธรรมหลักวินัยแล้วเย็นทั่วกันหมด พระในวัดนี้มีกี่องค์เป็นแบบพิมพ์อันเดียวกัน เดินไปตามร่องรอยของศีลของธรรมของวินัยอย่างเดียวกันแล้วราบรื่นดีงาม พบกันสนิทสนมตายใจกันได้ทันทีๆ ถ้ามีสิ่งเคลือบแฝงเช่นกาฝากความเป็นภัยแฝงเข้ามาแล้ว คนนั้นไม่มีใครสนิท พระท่านก็ไม่สนิทผู้เช่นนั้น ไม่อยากคบค้าสมาคม จากนั้นก็กระเทือนออกไปถึงตักเตือนกันแล้วขับไล่กันออกไป ให้ยังเหลือแต่ความดีคนดีอยู่ด้วยกัน ให้พากันปฏิบัติเอานะ เวลานี้เรายุ่งอยู่นี้ก็เพราะความชั่วกาฝากอยู่ในใจของเรา มันพาให้ดีดให้ดิ้นอยู่ตลอดเวลา ให้ชำระอันนี้ออกให้อยู่ในความพอดีคือธรรมเราจะสงบใจ เอาละวันนี้เทศน์เพียงเท่านั้นละ

วันหนึ่งๆ ถ้าเป็นวันราชการวันเปิดราชการเรามักไม่ได้อยู่ ไปช่วยโรงพยาบาลโรงนั้นโรงนี้ ส่วนโกดังนี้ก็เปิดไว้เลยเต็มโกดัง โรงพยาบาลโรงไหนจะมามารับไปได้เลย มีสองประเภท ประเภทธรรมดา ประเภทให้เป็นพิเศษก็มี ถ้าไกลให้เป็นพิเศษ นี่เราก็บอกขอบเขตไว้ อุบลฯ โคราช อุตรดิตถ์ เหล่านี้ให้เป็นพิเศษทั้งนั้น ไม่ว่าโรงไหนมาให้เป็นพิเศษ พิเศษนี้จะเพิ่มสิ่งของที่ให้นั้นจำนวนเท่านั้นๆ เสมอกันหมดพิเศษ แล้วให้ธรรมดาก็ให้เสมอกันหมด นี่เป็นปรกติของวัดนี้ที่ปฏิบัติต่อโลกอยู่เวลานี้ โกดังเหล่านี้เปิดตลอดเวลา โรงพยาบาลไหนมาได้ทั้งนั้นๆ ถ้าเป็นธรรมดาก็ให้เป็นธรรมดา มาต้องทราบว่ามาจากจังหวัดไหน ถ้าใกล้ก็ให้ธรรมดา ถ้าไกลแล้วมาเท่าไร กี่โรงก็ตามในเขตจังหวัดนั้นให้พิเศษทั้งหมด

เมื่อวานนี้ก็ดูว่าทางจังหวัดตากเขาก็มา อำเภอแม่ระมาดหรืออะไรเขามานี้ เมื่อวานนี้ดูมีโรงเดียวมา เลยถาม แม่ระมาดอยู่จังหวัดตาก แล้วได้ให้พิเศษไหมล่ะเราถาม ให้ นั่น ถ้าว่าไม่ได้ให้แล้วจะเอาละนะกับพระ ก็จังหวัดตากกับอุตรดิตถ์เหล่านี้มันไกลกว่ากันขนาดไหนยังจะให้เป็นธรรมดาแล้ว พระองค์นี้จะถูกขนาบเข้าใจไหม ทีนี้ว่าให้พิเศษ เอ้อ เอาละผ่าน คือเราสั่งไว้หมดทุกอย่าง จริงจังทุกอย่างด้วย เราไม่ได้ทำเหลาะๆ แหละๆ อะไรๆ จริงหมด ถ้าลงได้สั่งแล้วให้ถือเป็นความจริงทุกอย่าง อย่างที่เราว่าโรงพยาบาลธรรมดาโรงพยาบาลพิเศษนี่บอกไว้หมดเลย

เช่นอย่างชัยภูมินี้ให้พิเศษเพียงสองโรง อะไร (เทพสถิตกับภักดีชุมพลครับ) เออ ภักดีชุมพล เทพสถิต อันนี้ไกล เราไปเราตั้งเข็มไมล์ไปเลย จนกระทั่งถึงโรงพยาบาลเทพสถิต ๓๓๔ กิโล เทียบจากนี้ไปโคราช ผ่านโคราชไปถึงอำเภอสูงเนิน ๓๓๔ กิโล ที่เราไปเทพสถิตเท่ากับผ่านโคราชไปถึงอำเภอสูงเนิน ไกล สองโรงนี้ใกล้กว่ากัน ๑๐ กิโล ภักดีชุมพลใกล้กว่ากัน ๑๐ กิโล เทพสถิตนี้ ๓๓๔ อันนี้ให้เป็นพิเศษสำหรับโรงพยาบาลในเขตจังหวัดชัยภูมิ ให้สองโรงนี้เป็นพิเศษ นอกนั้นให้เสมอกันหมด สั่งยังไงเป็นยังงั้น ถ้าโรงพยาบาลเหล่านี้มาพระต้องให้เป็นพิเศษ เราสั่งไว้ตายตัว ไม่เคลื่อนคลาด ถ้าลงได้สั่งอะไรแล้วแม่นยำๆ เคลื่อนไม่ได้ พระองค์ไหนทำให้เคลื่อนองค์นั้นละ

เอาจริงเอาจังนะ ใครเคลื่อนก็เอาแบบนั้น เราเคลื่อนก็แบบเดียวกัน อย่าว่าแต่ว่าคนอื่นเคลื่อน ถ้าเราเคลื่อนเราผิดเราก็ยอมรับทันที จะยกตัวอย่างให้ท่านทั้งหลายฟังคงจะไม่ได้ยินกันละมัง ผู้ได้ยินซ้ำๆ ซากๆ ก็มี มีวันหนึ่งเราเป็นบ้า บ้าของเราขึ้น เราทำอะไรอยู่ก็ไม่รู้เรามองดูนาฬิกา เข้าใจว่าเป็น ๔ โมง ๒๐ นาทีแล้วเข้าใจว่างั้น มองดู โถ ตาย โดดลงไป คือแต่ก่อนทำข้อวัตรปฏิบัติเสมอพระเณร ดีไม่ดีไม่ทันเราการทำ ทีนี้พอมองดูนาฬิกา โอ้ นี่มันปาเข้าไป ๔ โมง ๒๐ นาที ก็โดดผึงลงไปก็ได้คว้าได้ไม้ตาดกวาดไม้ตาดออกมาๆ พอออกมาถึงศาลาไม่เห็นพระเณรปัดกวาดเลย

ตามธรรมดาออกมานี้พระเณรจะเต็มแล้วกวาดออกมารวมกัน วันนั้นไม่เห็นพระเณรสักองค์ แล้วมีเณรหนึ่งเณรจรวดมันอยู่นี้แหละมันก็ลูกพระไอ้นี่ มันเป็นเณรอยู่นี้ ไปก็เณร เณร มันเป็นยังไงนี่ถึงเวล่ำเวลาปัดกวาด ทำไมถึงไม่เห็นใครมาปัดกวาด พระทั้งวัดนี้มันตายกันหมดแล้วเหรอ แล้วใครจะไปกุสลาใครเมื่อมันตายหมดแล้ว ว่างั้นนะ ถึงเวลาแล้วทำไมไม่เห็นปัดกวาดมันยังไงกัน เณรคงจะรำคาญตาเห็นเรากวาดออกมานั่น เณรก็เลยเอาไม้ตาดไปกวาด แกคงรำคาญตาแก แล้วก็ขู่เณรอีกนะ จากนั้นก็ไล่เบี้ยหาเณร มันเป็นยังไงถึงเวลาแล้วจึงไม่ปัดกวาด

เณรบอกว่า พึ่งได้ ๓ โมง ๒๐ นาที เราคิดว่าเดี๋ยวนี้มัน ๔ โมง ๒๐ นาทีแล้ว บ้าของเรามันออกแบบนั้น แล้วก็เอาเจ้าของเป็นบ้าออกมา ปัดกวาดออกมา พอมาถึงนี้เห็นพระเณรเงียบ ขึ้นละนะที่นี่ เหอ เณรเป็นยังไงขึ้นเต็มเหนี่ยวเลย พระวัดนี้มันตายกันหมดแล้วหรือ แล้วใครจะไปกุสลาใคร ไล่เบี้ยเณร เณรแกรำคาญแกก็เลยบอกว่า คือแกออกมาปัดกวาดเห็นเรากวาดออกไป มันพึ่งได้บ่าย ๓ โมง ๒๐ นาที เหอๆ ขึ้นเลยนะที่นี่ เอาอีกละนะ เอาว่าอีกทีน่ะ มันพึ่งบ่ายโมง ๒๐ นาทีเท่านั้น หือ ถ้างั้นสั่งพระให้หยุดหมดนั่นเห็นไหมเด็ดเหมือนกัน ต้องสั่งพระให้หยุดหมด เดี๋ยวไม่งั้นมันจะเป็นบ้าไปด้วยกันทั้งวัด เราจะไปแก้บ้าของเรา เราก็กลับเลย นี่ก็อย่างนั้นแล้ว

นี่เรียกว่าธรรมเข้าใจไหม ใส่เปรี้ยงๆ กับลูก พอเห็นเจ้าของผิดแล้วก็หยุดๆ ก็เปรี้ยงแบบเดียวกัน พอเสร็จแล้วให้หยุดมันจะมาเป็นบ้ากันทั้งวัด เราจะไปแก้บ้าของเราก็ปึ๋ง เณรแกคงอดหัวเราะไม่ได้ คงจะเล่าให้พระเณรฟัง วันนี้อาจารย์เป็นบ้า มาเปรี้ยงๆ เราฟ่อๆ ทราบเรื่องราวแล้วก็บอกให้พระหยุดทั้งวัดอย่างเด็ดขาด ท่านบอกว่าท่านจะไปแก้บ้าของท่าน แล้วไปเลย นี่เป็นธรรมเข้าใจไหม เรื่องธรรมต้องเป็นอย่างนั้น พอโดนเจ้าของเข้าเจ้าของก็ต้องเป็นแบบเดียวกัน ธรรมเสมอเป็นอย่างนั้นแหละ นี่เรียกว่าธรรม ไม่เข้าใครออกใคร ใครผิดบอกว่าผิดทันทีๆ เลย จะมาถือว่าเราเป็นใหญ่อย่างนั้นไม่ได้ ผิด ใหญ่ก็จริงแต่ชื่อแต่ความผิดนั่นน่ะ ใครผิดล่ะ ก็ผู้ใหญ่น่ะผิดจะเป็นใครผิด ไอ้ปุ๊กกี้มันไม่ได้ผิด จะไปหาเรื่องไอ้ปุ๊กกี้ได้ยังไง มันก็เป็นไอ้ปุ๊กกี้ของมันอยู่อย่างนั้นแหละ เข้าใจหรือปุ๊กกี้ มีหมาตัวหนึ่งอยู่นี้ชื่อมันไอ้ปุ๊กกี้

เมื่อวานนี้เห็นการ์ตูนเขามาเมื่อวาน เรายังถามหาอยู่นะนั่น การ์ตูนที่เขาเอามาออก เขาเขียนว่า หลวงตา แต่เขาไม่ทำรูปเหมือนเรา ความจริงก็คือเรานั่นละ คำว่าหลวงตาเขาทำรูปมีศีรษะแหลมๆ หน่อย เพื่อให้ผิดจากสภาพเดิม อันนี้ควรเขียนเพิ่มเข้าอีกข้างล่าง เอามาเขียนอีกมันบกพร่อง บกพร่องยังไง คือเขาเขียนการ์ตูนเป็นการ์ตูนตลก การ์ตูนตลกนี้เราก็เป็นตัวตลกเหมือนกันใช่ไหม มันบกพร่องตรงนี้ให้เขียนข้างล่างนี้ไว้ เอาว่ามาผู้กำกับ เอาไปประหารเอาว่า

(เสียงต้องแบบเปาบุ้นจิ้นถึงจะขลังครับ เสียงต้องห้าวๆ แบบเปาบุ้นจิ้น นี่หลวงตานะฮะ เอาไปประหาร แล้วชี้มานี่เลย เพชฌฆาตก็มาเอาไอ้เจ้าวิษณุไปเลย เจ้าวิษณุแหกปากร้องชี้มือมาที่หน้าสี่เหลี่ยมนี่ บอกว่าประหารผมคนเดียวแล้วหมอนั่นล่ะ ชี้มาหน้าสี่เหลี่ยม) ประหารผมคนเดียว หมอนั่นน่ะทำไมไม่ประหาร เราเลยต่อให้อีก เอาไว้วันพรุ่งนี้ เข้าใจหรือเราต่อการ์ตูนนี้ เอาไว้วันพรุ่งนี้ เขียนนี้ไว้ด้วยนะ เอาไว้วันพรุ่งนี้ตรงนี้ เราก็นักตลกเหมือนกัน จึงต้องตลก ตลกอันนี้เขาบกพร่องตรงนี้เราเสริมให้ เอาไว้วันพรุ่งนี้ รอวันพรุ่งนี้ มันขบขันดี เอาเท่านั้นละนะ จะให้พร

 

รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร

FM 103.25 MHz

 


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก