เราไม่ได้ติดใจกับนายกฯ
วันที่ 3 พฤศจิกายน 2548 เวลา 8:20 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๔๘

เราไม่ได้ติดใจกับนายกฯ

ก่อนจังหัน

พวกที่มาอยู่ในวัดมักจะเป็นนักปราชญ์นักเปรตนะ นักปราชญ์กับนักเปรตมันต่างกัน นักปราชญ์มีน้อยมาก นักเปรตนี้มีเยอะอยู่ข้างใน เดี๋ยวมีเรื่องนั้นออกมา เดี๋ยวมีเรื่องนี้ออกมา ดีไม่ดีมากระทบกระเทือนกับพระ หาเรื่องว่าพระเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ มันเก่งพวกนักเปรตนี่น่ะ เดี๋ยวจะถูกไล่หนีหมดนะ เราปกครองพระเณรเรามานานสักเท่าไรไม่เคยมีเรื่องมีราว ไอ้พวกนักเปรตเข้ามานี่มีนะ เดี๋ยวสอดเดี๋ยวแทรกเป็นจอมปราชญ์ทั้งๆ ที่มันเป็นจอมเปรตอยู่ในนั้น ตำหนิคนนั้น ตำหนิคนนี้ สุดท้ายเข้ามาตำหนิพระในวัดเราที่เราปกครองมาสักกี่ปี ๕๐ ปีแล้ววัดนี้ นี่มันพึ่งเกิดมากี่ปีมายกตัวเป็นนักปราชญ์ ความจริงมันเป็นนักเปรต มันกำลังจะมีเรื่องนะ

พวกนี้เร็วนะ เรื่องราวอะไรนี้เร็วมาก เข้ามาในวัดนี้ก็จะมาเป็นนักปราชญ์ละซิ มันเป็นนักเปรตรู้ไหมล่ะ มันยุทางนั้นแหย่เข้ามาทางนี้ อวดรู้อวดฉลาดเข้ามา ตำหนิติเตียนพระเข้ามา พระเหล่านี้เราดูอยู่ตลอดเวลา ไม่จำเป็นจะต้องให้ใครเข้ามาช่วยเราแหละ เราดูตลอดเวลา มันมีแล้วเดี๋ยวนี้แทรกเข้ามา แต่เราแบบหูหนวกตาบอด จับแล้วฟังแล้ว อ่านดูแล้วๆ เราเก็บ เพราะเราเป็นผู้ปกครองเอง พวกนี้ไม่ใช่ผู้ปกครอง หาแต่เรื่องแต่ราวใส่พระ มีนะอยู่ข้างใน เราดูเรื่องราวที่ฟ้องร้องก็ไม่เห็นมีอะไร มันเป็นนิสัยสันดานของมันเอง ไม่ได้พูดปากเปราะปากบอนยุแหย่อยู่ไม่ได้พวกนี้น่ะ ระวังให้ดีนะ

มันเป็นยังไงพวกนี้น่ะ พระท่านปกครองกันมาสักเท่าไรๆ ท่านตั้งหน้าตั้งตาประพฤติปฏิบัติ ทำไมมันเก่งกว่าพระเอานักหนา ไปสอดไปแทรกเรื่องนั้นเรื่องนี้ ดูแล้วมันสลดสังเวชนะเรา แทนที่จะยกให้เป็นผู้ดีมันกลับเป็นเปรตต่อหน้าพระ โอ๋ย เราดูจริงๆ ดูคนเราไม่ธรรมดานะ ดูภายในจิตใจ ไม่ได้ปากเปราะออกมาทีเดียว ให้พร

หลังจังหัน

ผู้กำกับ จากหนังสือพิมพ์ พิมพ์ไทยรายวัน ประจำวันจันทร์ครับ หัวข้อเรื่อง

ไม่เห็นธรรมของครูบาอาจารย์

เรื่องของกรรมพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านได้จำแนกไว้อย่างลึกซึ้ง และแบ่งเป็นหลายประเภทด้วยกัน คือ กรรม 2 ได้แก่ 1.กรรมชั่ว หรือกรรมที่เป็นอกุศล (อกุศลกรรม) 2. กรรมดีหรือกรรมที่เป็นกุศล (กุศลกรรม) กรรม 3 ได้แก่ 1.การกระทำทางกาย (กายกรรม)  2. การกระทำทางวาจา (วจีกรรม) 3. การกระทำทางใจ (มโนกรรม) กรรม 12 ได้แก่ อนันตริยกรรม 5 คือกรรมหนัก 5 ประการซึ่งถือว่าบาปที่สุด ซึ่งให้ผลทันทีได้แก่  1. ฆ่ามารดา (มาตุฆาต)  2. ฆ่าบิดา (ปิตุฆาต)  3. ฆ่าพระอรหันต์ (อรหันตฆาต)  4. ทำร้ายพระพุทธเจ้าจนห้อพระโลหิต (โลหิตุปบาท)  5. ทำให้สงฆ์แตกกัน (สังฆเภท)

เมื่อครั้งที่นายกรัฐมนตรี “พ.ต.ท. ทักษิณ  ชินวัตร” เดินทางไปประชุมครม.สัญจรที่จังหวัดอุดรธานี ในตอนค่ำก่อนวันประชุมได้เข้าพักค้างคืนที่วัดป่าบ้านตาด พร้อมกับถือโอกาสเข้ากราบสนทนาธรรมกับหลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ผู้เป็นครูอาจารย์ โดยตั้งข้อปุจฉาขึ้นว่า “หลวงตาครับ อนันตริยกรรม คืออะไร และผู้ที่ก่อกรรมจนทำให้เกิดอนันตริยกรรมจะได้รับผลอย่างไรบ้างครับ” คำถามของศิษย์รักคนโตนี้ ได้ทราบมาว่าหลวงตาท่านได้มีเมตตาธรรมสั่งสอนผู้ศิษย์จนกระจ่างแจ้งแล้วทั้งหมด

กรณีที่เกิดมีการแต่งตั้งสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) ให้เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีโดยทั่วไปว่าเป็นการแต่งตั้งที่ผิดทั้งกฎหมาย ผิดพระธรรมวินัย และผิดต่อจารีตประเพณี ทางหลวงตามหาบัวท่านได้ออกแสดงพระธรรมเทศนาสั่งสอนให้ผู้เกี่ยวข้องกับการกระทำนั้น ได้ละเว้นการกระทำนั้นเสียโดยพลัน เพราะจะทำให้เกิดสังฆราชีขึ้นในหมู่สงฆ์และอาจลุกลามไปถึงขั้นทำให้สงฆ์แตกหรือเกิดสังฆเภทตามมาได้

แต่ก็ไม่มีผู้ที่เกี่ยวข้องคนใดสนใจที่จะปฏิบัติตาม ขอร้องดีๆ ก็แล้ว ดุด่าว่ากล่าวด้วยถ้อยคำรุนแรงก็แล้ว ซึ่งหลวงตาท่านถือว่า ท่านสอนด้วยธรรมของพระพุทธเจ้า สอนด้วยเมตตาธรรมล้วนๆ และสอนกันตรงๆ โดยไม่ต้องอ้อมค้อม แต่ศิษย์ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบต่อเรื่องนี้โดยตรง ก็ไม่เคยสนใจในคำร้องขอของหลวงตาผู้เป็นครูบาอาจารย์

ท่านผู้ชมทั้งหลายคงจำกันได้ว่า เหล่าศิษยานุศิษย์ของหลวงตาจำนวนมากเคยเดินขบวนนำหนังสือไปกราบเรียนนายกรัฐมนตรีถึงหน้าทำเนียบรัฐบาล หลายครั้งหลายหน และในครั้งสุดท้ายถึงกับมีการตั้งขบวนแห่กันยาวเหยียด เดินแห่กันไปตามถนนราชดำเนิน จากท้องสนามหลวงจนถึงหน้าทำเนียบรัฐบาล โดยขนรายชื่อประชาชนนับเป็นล้านๆ รายชื่อ ยื่นเสนอให้รัฐบาลถวายคืนพระราชอำนาจในการจะถวายการปฏิบัติใดๆ ต่อสมเด็จพระสังฆราช ให้เป็นพระราชอำนาจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพียงพระองค์เดียวดังเช่นที่เคยปฏิบัติกันมาแต่โบราณกาล

ถึงขั้นนี้แล้วลูกศิษย์คนโตก็ยังไม่ให้ความสนใจ

นอกจากคณะศิษย์ฝ่ายฆราวาสจะออกมาเรียกร้องต่อทางรัฐบาลแล้ว ทางศิษย์ฝ่ายพระสงฆ์เองก็เคยเข้ายื่นหนังสือถึงมหาเถรสมาคม เพื่อพิจารณาในเรื่องนี้หลายครั้ง จนครั้งหลังสุดถึงกับมีการก่อม็อบล้อมกรอบพระลูกศิษย์ของหลวงตาให้ติดอยู่ในที่แคบๆ ภายในสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ แล้วพากันกลุ้มรุมทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ

มหาเถรสมาคมจึงถูกคณะสงฆ์สายลูกศิษย์ของหลวงตามหาบัวมองไปว่า ยอมตนให้ฆราวาสเข้าครอบงำ และให้ความสำคัญต่อกฎหมายเหนือกว่าธรรมกว่าพระวินัยของพระพุทธเจ้า จนถึงขั้นมีสังฆามติโดยหมู่สงฆ์ 9,000 รูปว่า...

ไม่ยอมรับมหาเถรสมาคมคณะนี้อีกต่อไป

เมื่อมาถึงขั้นนี้ก็เข้าถึงขั้น “สงฆ์แตก” เข้าขั้นก่อ “อนันตริยกรรม” สำเร็จ เมื่อใครเป็นผู้ก่อกรรมอันนี้ เขาคนนั้นก็ต้องก้มหน้ารับเอากรรมหนักที่สุดนี้ไป

มหานรกทั้ง 8 ขุมมีอยู่ขุมหนึ่งซึ่งเป็นขุมลึกที่สุดมีชื่อว่า “มหาอเวจีนรก” บางทีก็เรียกว่า “อวีจินรก” อันเป็นที่อยู่ของสัตว์ที่ต้องถูกตรึงอยู่ด้วยหลาวเหล็กอันร้อนแดงทั้ง 4 ด้าน และต้องถูกไฟนรกแผดเผาอยู่ตลอดเวลา ครั้นเมื่อสัตว์นรกได้เสวยทุกข์อยู่ในมหาอเวจีนรกตามควรแก่กรรมนั้นแล้ว ก็ยังไม่พ้นจากขุมนรกอยู่ดี ยังต้องมาเสวยทุกข์ใน “อุสสทะนรก” หรือจูฬนรก คือนรกขุมย่อยๆ ต่อไปอีกหลายขุมจนกว่าจะหมดกรรม

                                                            ณ. หนูแก้ว

หลวงตา นี่เราก็เคยพูดไว้แล้ว เราพูดเอง มหาเถรสมาคมทุกวันนี้คือมหาโจร เราบอก พระสงฆ์ที่ท่านทรงศีลทรงธรรมท่านไม่ยอมรับมหาโจร ว่าเป็นมหาเถรสมาคมมันเป็นมหาโจร โดยเอามหาโจรเข้าไปอยู่ในนั้น พระดีก็เลยเลอะเทอะไปตามมหาเถรสมาคม พระดีมีอยู่ในนั้น แต่อำนาจสู้มหาโจรไม่ได้ เราพูดอย่างนี้ละ เอาคนเลวๆ เข้ามา เอาคนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์เข้ามาในนั้น ตามรู้มาตลอด มันออกแง่ไหนมุมใด เราจึงพูดได้เต็มปากเลย อะไรเลวๆ เอาเข้าไปตรงนั้น อะไรเลวๆ เข้าไปตรงนั้นให้ผู้ดีท่านยอมรับ ใครจะยอมรับได้ล่ะ จึงบอกว่าพระสงฆ์ผู้ทรงศีลทรงธรรมในประเทศไทยไม่ยอมรับ บอกตรงๆ เลย จะรับได้ยังไงรับมหาโจร พูดให้มันชัดเจนอย่างนี้ละ

ก็มีเราเท่านั้นพูดให้ประชาชนทั้งหลายตลอดพระเจ้าพระสงฆ์ทราบ ท่านเหล่านั้นรู้เหมือนกันแต่ท่านไม่กล้าพูด ก็หลักเกณฑ์มีอยู่ หลักธรรมหลักวินัย ความถูกต้องดีงามที่เป็นแบบเป็นฉบับมีอยู่แต่มันไม่ยอมรับ มันปีนเกลียวเหยียบหัวพระพุทธเจ้าไปเลย ผู้เป็นลูกพระพุทธเจ้ามันรักพ่อก็เอากันบ้างละ เข้าใจไหม จึงบอกไม่ยอมรับ ว่างั้นเลย อ้างข้อไหนมาอ้างไม่ได้เพราะมันเป็นความผิด อ้างมาก็เลวตลอดเลย นี้เอาความถูกต้อง เช่น ธนบัตรปลอมเอามากองเท่าภูเขาก็ตาม ธนบัตรจริงเพียงใบเดียวยอมรับกันทั่วประเทศ อันนั้นไม่มีใครยอมรับ เหมือนเป็นอย่างนี้เอง แต่นี้มันจอมปลอมจะให้ยอมรับยังไง ท่านผู้ทรงศีลทรงธรรมท่านทรงอยู่นี่ ท่านรักษากราบไหว้บูชาพระพุทธเจ้า ตามเสด็จพระพุทธเจ้าด้วยการปฏิบัติธรรมและวินัยโดยถูกต้อง นั่นท่านรักษา แล้วมาทำลายหาอะไร

คัมภีร์ใบลานมีอยู่ แบบฉบับมีอยู่ ฝืนทำไมถ้าไม่ใช่หน้าด้านทำลาย เดี๋ยวนี้กำลังเป็นสังฆราชี สังฆราชีคือความร้าวรานแห่งสงฆ์ ยังไม่ถึงขั้นแตก ถ้าเป็นสังฆเภทเรียกว่าแตกแล้วนั่น สังฆราชีเป็นการร้าวรานยังไม่แตก นี่มันก็มีอยู่ ในหลักธรรมหลักวินัยก็มีอยู่อย่างนั้น นี้เอามาพูดเอามาจากหลักธรรมหลักวินัย สังฆเภท สังฆราชี ท่านก็บอกไว้สองประเภท สังฆราชีกำลังทำความร้าวรานเวลานี้ จากนั้นก็แตกเป็นสังฆเภท ถ้าปฏิบัติตามหลักกฎหมายบ้านเมืองหรือตามหลักศีลธรรมจริงๆ แล้วก็ไม่มีอะไรจะมาพูดกัน อันนี้มันปีนเกลียวทั้งนั้น กฎหมายมันก็พลิกเป็นกฎหมอยไปจะว่าไง เอากฎอำนาจบาตรหลวงมาใส่เข้าไป ผู้มีศีลมีธรรมคนดีมีอยู่มากในประเทศไทยฟังได้ยังไง นั่น

ที่ยุ่งกันอยู่เวลานี้ก็คือพวกนี้ละเข้าไปทำลายจะเป็นใครไป อย่างตั้งผู้ทำหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราชมีที่ไหน พระพุทธเจ้าศาสดาองค์เอก ใครมาปฏิบัติหน้าที่แทนพระพุทธเจ้า ก็มีแต่พระสงฆ์โดยไม่เสกสรรค์ เป็นที่พระพุทธเจ้าประทานเอง มอบให้สงฆ์เป็นใหญ่ นั่น สงฆ์ไม่ใช่สงฆ์แบบเทวทัต สงฆ์สังฆราชี สงฆ์สังฆเภทอย่างนี้นะ พระสงฆ์เป็น สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ จริงๆ  มีแบบมีฉบับอยู่อย่างนี้จะให้ว่าไง นี่พูดตามแบบตามฉบับนะ เหล่านั้นมันจอมปลอมทั้งนั้น เรียกว่ากาฝากมหาภัย มันเกาะศาสนา มันทำลายศาสนา ทำลายหัวใจคนทั้งประเทศเขตแดนบรรดาผู้เป็นชาวพุทธ ทำลายไปหมดเลย เป็นของดีแล้วเหรอ ก็พูดเพียงเท่านั้นแหละตอบเรื่องของหนังสือพิมพ์นี้

ผู้กำกับ ปัญหาธรรมะจากเว็บไซต์หลวงตาครับ

หลวงตา เอ้าว่ามา เราอยากฟังอยู่ปัญหาธรรมะ ไอ้ปัญหาขี้หมูขี้หมามันเหม็นคลุ้ง เราก็ไปขยี้ขยำกับเขาจนได้จะว่าไง

ผู้กำกับ คนที่ ๑ กราบนมัสการพระอาจารย์ผู้มีธรรมอันบริสุทธิ์  กระผมมีปัญหาอยากให้ท่านพระอาจารย์โปรดชี้แนะตามแต่ท่านพระอาจารย์จะเห็นควร

         ในช่วงที่ผมปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัด ตามศรัทธาที่มีในคำสอนของพระอาจารย์  จิตของกระผมดำเนินมาถึงขั้นที่เมื่อนั่งภาวนาแล้วเกิดทุกขเวทนาอย่างมหันต์  แล้วอาศัยการพิจารณาในความเป็นไปในกายแล้วเวทนาของตนเอง จนเห็นความเป็นไปของมันแล้ว จึงเห็นกายเป็นกองหนึ่ง เวทนาเป็นกองหนึ่ง และจิตเป็นอีกกองหนึ่ง เกิดเพียงแต่ตัวรู้ว่าทั้งหลายทั้งปวงนั้นไม่ใช่ของเรา ความเจ็บหรือไม่เจ็บหรือเป็นกลางๆ ไม่ได้รู้สึกแล้ว  แต่มันไม่มีอะไร  เพราะเห็นเวทนามันกองอยู่ตรงนั้น  กายมันกองอยู่ตรงนั้น จิตมันหมุนอยู่ตรงนี้ จากนั้นก็ละทิ้งการปฏิบัติไปเสียเฉยๆ

หลวงตา ปฏิบัติอะไร

ผู้กำกับ เขาเลิกปฏิบัติครับ

หลวงตา คำว่าเลิกปฏิบัติคือว่ามันปล่อยหมดแล้ว จิตมันลงแล้วนั่น ถึงจะมีอะไรๆ ก็เหมือนไม่มี เข้าใจ เราผ่านมาหมดเหล่านี้นะ เอ้าว่าไป

ผู้กำกับ จึงขอเรียนถามท่านพระอาจารย์ว่า มีอุบายใดที่จะกำจัดนิสัยจับจดไม่จริงจังนี้ให้พินาศไปได้ (จาก จักรพรรดิ ผลบุญ)

หลวงตา ไหนกำจัดอะไรอีก

ผู้กำกับ กำจัดนิสัยจับจดไม่จริงจัง คือตามที่กราบเรียนมา แล้วเขาเลิกปฏิบัติไปเสียเฉยๆ

หลวงตา ถ้าอย่างนั้นมันเป็นบ้าละคนนี้ พูดทีแรกน่าฟังนะ น่าฟังยังไง พิจารณาทุกขเวทนานี้เวลา... เราพูดตรงๆ เรานั่งสมาธิภาวนาซัดกันนี้ ตัวเรานั่งนี่เหมือนหัวตอ ไฟคือทุกขเวทนาเผาหัวตอ เป็นอย่างนั้นนะ เต็มเหนี่ยวเลย แต่สติปัญญามันไม่ถอย หนักเข้าเท่าไรสติปัญญานี้หมุนติ้วๆ เพื่อหาทางออกและให้รู้ตามหลักความเป็นจริง จากนั้นมันแยกออกเลย มันมีสองอย่าง คือแยกออกแล้วแน่วอยู่ในจิต ทุกขเวทนาอยู่ข้างนอกเข้าไม่ถึงจิตเลย นี่อันหนึ่ง อันที่สอง ดับหมด พรึบหมดเลยโดยสิ้นเชิง เหลือสักแต่ว่า คำว่าสักแต่ว่าคือธรรมชาติที่เลิศเลอ จะพูดอะไรอีกไม่ตรงกับธรรมชาตินั้น จึงว่าสักแต่ว่า สักแต่ว่าปรากฏเป็นความอัศจรรย์นั้นเอง มันหมด กายก็หมดเวลามันพิจารณารอบหมดแล้ว กายหมดแล้วรู้เท่าทันกัน ใจเป็นเกาะ เรื่องทุกขเวทนาทั้งหลายอยู่ข้างนอกไม่เข้าถึงเลย หนึ่ง อันที่สอง ดับไปหมด ภายนอกดับหมด มีแต่ธรรมชาติที่อัศจรรย์ สักแต่ว่า นี่เป็นอย่างนั้นปฏิบัติมา นี่หยุดเอาเฉยๆ มันเป็นบ้าแล้วนะ เราไม่เห็นด้วย

การพิจารณาก็น่าฟังอยู่ แยกนั้นแยกนี้ แทนที่จะลงในจุดนี้ไม่ลง ทิ้งเอาเฉยๆ มันจะเป็นบ้าเอานะ ทิ้งเอาเฉยๆ ก็คือแกจะพูดตามภาษาของแก ความจริงมันไม่ทิ้งเอาเฉยๆ  แต่แกไม่ทราบจะเอาคำไหนมาพูดเลยบอกว่าทิ้งเอาเฉยๆ ให้คนทั้งหลายฟังมันงงไปหมดนะอันนี้ ความจริงไม่ได้เป็นอย่างนั้น ถ้ามันลงรอบหมดแล้วมันจะปล่อยของมัน และตัวเองก็ไม่พิจารณาตลอดมานี้ ไม่เอา ไม่ถูก มันพิจารณาของมันเวลานั้น ปล่อยหมดเลย มีเท่าไรก็ไม่เข้าถึงกัน จากนั้นจิตก็ถอนออกมา ก็มีเท่านั้น เขาปล่อยทิ้งไปเฉยๆ ไม่มีปี่มีขลุ่ยอะไรเลย อันนี้มันพูดผิด แต่ที่มันไม่พิจารณาเลยมันจะผิดจริงๆ คนๆ นี้ มีอันหนึ่งที่จะทำเข้าไปให้เป็นความผิดอีกนะ เอา ว่าไป

         ผู้กำกับ คนที่ ๒

         หนูนั่งสมาธิ โดยใช้เวลาไม่นานก็จะเข้าได้โดยรู้สึกเบาสบาย จมูกโล่งๆ ตัวลอยๆ หลังจากนั้นจะเริ่มพิจารณาเกี่ยวกับผม ขน เล็บ ฟัน หนัง พิจารณาอสุภะ แต่พิจารณาอย่างไรก็ไม่ก้าวหน้า แต่พอใช้การพิจารณาว่าร่างกายเราเป็นเพียงสมมุติ ประกอบด้วย ดิน น้ำ ลม ไฟ ไม่มีอะไรเลย ปรากฏว่าสุดท้ายร่างกายก็หายไปหมด  เหลือแต่กองดิน  1 กอง  หลับตามองศพในโลง  ก็จะเป็นกองดินไปหมดเลย  บางวันนั่งประชุมอยู่ในห้อง หลับตาทุกคนจะเป็นกองดินไปหมดเลย หนูใช้วิธีนี้และจะทำต่อไปเรื่อยๆ  ถูกต้องหรือไม่ (จาก ก้อนดิน)

หลวงตา ถูกต้อง เอา พิจารณากระจายออกไปเรื่องกองดินมันจะแปรสภาพอีก จากความรู้สึกนะ ความรู้สึกคือใจมันจะพิจารณาของมันแยกของมันไปอีก อยู่ในระยะนี้ก็อยู่นี้ก่อน ถูกต้องแล้ว แล้วมีอะไรอีกล่ะ

ผู้กำกับ คนที่ ๓ ครับ

วันที่ ๖ นี้ เราจะไปรวมพลังกำจัดคนบาป (วิษณุ) เอาหัวใจที่เป็นธรรมของท่านนายกกลับมา ขอบารมีหลวงตาและพลังของพวกเราให้สำเร็จด้วยขอรับ (จาก นายเด็ดตัดคนบาป)

หลวงตา  เอ้อ ก็เห็นถูกต้อง เราไม่เคยติดใจกับนายกฯนะเราพูดจริงๆ เพราะนายกฯจริงๆ แล้วจิตใจเป็นธรรมทุกอย่าง เมืองไทยเราตั้งตัวได้เพราะใคร เพราะนายกฯนั่นเอง เศรษฐกิจจะจมๆ นายกฯฟื้นคืนมา ติดหนี้ติดสินเท่าไรนายกฯเราใช้หมดเลยเข้าใจไหม เหล่านี้ฝังลึกมาก เพราะฉะนั้นเราจึงไม่ได้ติดใจกับนายกฯเรานะเราพูดจริงๆ นอกจากนั้นติดใจกับใครให้ไปเอาเข้าใจไหม สำหรับนายกฯเราเราไม่ติดใจแต่ไหนแต่ไรมา ถือเป็นลูกศิษย์มาตลอด ถึงจะมีอะไรๆ เราก็คิดว่ามันมีสิ่งบังคับๆ เป็นเครื่องมือของอำนาจป่าเถื่อนบีบบังคับๆ ให้นายกฯเราแปรไปต่างๆ นานา จนผิดสังเกตของประชาชน สำหรับเราไม่ผิดเข้าใจไหมล่ะ

นายกฯนี้จิตใจเป็นธรรมมาตลอด ลูกก็ลูกชาวพุทธสำคัญเสียด้วยนะ แล้วฟื้นฟูเศรษฐกิจของชาติไทยเราซึ่งกำลังจะจมอยู่ขึ้นมาอย่างเด่นชัด จนกระทั่งประสานกับโลกภายนอกได้เป็นอย่างดีๆ คือนายกฯเราคนนี้ ไปไหนประสานกันได้หมดๆ จนกระทั่งประเทศไทยเรากระเตื้องขึ้นมาๆ เยอะ เป็นอย่างนั้นนะ ก็เพราะนายกฯคนนี้แหละ เราไม่ได้ติดใจกับนายกฯเรา ว่าอะไร หากว่าจะควรจะตีเอาบ้างก็ลูกศิษย์กับอาจารย์ตีกันบ้าง จับเข่าตีนายกฯบ้าง แต่ตีฐานลูกศิษย์กับอาจารย์ไม่ได้ตีเป็นแบบข้าศึกกันเข้าใจไหม นี่ก็ตีเอาบ้างเป็นธรรมดา ก็มีเท่านั้นละ เอ้อ จะเอานายกฯกลับคืนเราไม่ว่า เอานายกฯเรากลับคืน นายกฯคนนี้หาได้ที่ไหนวะ ประเทศไทยเรากำลังจะจมเห็นอยู่ทั่วประเทศใครเป็นคนฟื้นขึ้นมา ก็นายกฯเป็นคนฟื้นขึ้นมาเศรษฐกิจจะจม ทีนี้ติดต่อกับประเทศต่างๆ ใครเก่งยิ่งกว่านายกฯมีไหม เราไม่เห็นมี เป็นอย่างนี้ละเรื่องราว

เพราะฉะนั้นจะเรียกนายกฯกลับคืนมา เอ้า เรียกมาเราไม่ว่าเข้าใจไหม ขับของไม่ดีคนไม่ดี ใครจะขับหรือไม่ขับขับไปเถอะ เราจะขับของไม่ดีอยู่ในหัวใจของเรา อะไรไม่ดีในหัวใจของเราเราจะขับออกหมด ให้ยังเหลือแต่จ้าอยู่อย่างนั้นพอ แล้วมีอะไรอีกล่ะหมดแล้วเหรอ

(ย่อๆ นะครับ ทางอำเภอบัวเชด ของสุรินทร์นี้เขาตั้งสถานีวิทยุ เขาก็ยกถวายเป็นของฝ่ายสงฆ์ ค่าใช้จ่ายต่างๆ เขารับภาระ) มีเท่านั้นนะ เอ้อ รับไปเถอะจะให้ว่ายังไง ก็มีแต่ว่ารับไปเถอะ เอาละพอ ทีนี้มีอะไรอีกล่ะ รถเตรียมแล้วยัง พอเสร็จจากนี้ พอเลิกจากนี้แล้วก็จะไปขนของกันขึ้นรถนะ...แล้วมีอะไรอีกล่ะ จากนี้ไปพวกเราช่วยกันขนของขึ้นรถนะ ดูดายไม่ได้เวลานี้ของมากต้องไปช่วยกัน ขนขึ้นให้เต็มรถไปได้เลย เราถึงจะเลิกการช่วยเหลือ ทางนี้ต้องไปช่วยกัน เราไปดูแต่เช้าหนหนึ่งแล้ว จึงได้บอกให้เขาเปิดประตูออกอีกประตูนี้ไม่พอ ให้เปิดประตูให้กว้างออกอีก ใครอยู่ตรงไหนให้เข้าออกได้ตรงนั้นๆ เมื่อเช้านี้ไปแต่เช้าไปดู เอ้อ รถเตรียมตัวได้ ต่อไปนี้จะให้พร

มาจากทางไหนบ้าง เวียงจันทน์บ่ ของข้อยเต็มอยู่นี้เจ้าจะเอาไปไหวบ่ล่ะ (โดย บารมีหลวงตา ข้าน้อยยังไงก็ต้องไหว) ของเต็มอยู่ศาลา กะว่ารถสามคันมันจะหมดบ่ (เอาของหลวงตาไปแจก บารมีหลวงตา) บุญบารมีพวกเจ้านั่นละ ครั้นไม่มีบุญไม่ได้ดอก (สาธุ) คนบ่มีบุญใผจะไปให้ ต้องเป็นคนมีบุญถึงมีผู้ให้เข้าใจบ่ บุญบารมีพวกเจ้านั่นละเข้าใจตั้ว (โดยข้าน้อย)

(มีผู้ถวายแหวนเพชรสามวง ลูกศิษย์ทางนี้จะส่งไปให้ลูกศิษย์ทางกรุงเทพที่พร้อมจะสู้ราคาตีราคา แล้วถวายเป็นเงินสดกลับคืนมา ลูกศิษย์ทางอุดรเลยคิดจะมีส่วนในการแบ่งบุญบ้างโดยเป็นเจ้าของถวายวงใดวงหนึ่งในสามวงนั้น) เอะอะก็จะมาแบ่งกันแล้ว นี่ยังไม่เคลื่อนที่ทางนู้นก็จะแบ่งกันแล้วๆ มันจะเข้านิทานที่ว่านะ นิทานมีในชาดก อาจารย์เป็นพระอรหันต์เสียด้วย รู้วาระจิตของใครต่อใครด้วย ท่านนั่งอยู่นั้น พระองค์นั้นก็เอาพัดพัดท่าน ทางจิตใจก็เหม่อลอยคิดไป พัดไปเรื่อยทางจิตก็คิดไปเรื่อย นี่ถ้าเราอยู่ไม่ได้ เวลาเราสึกไปเราจะไปหาเมียสักคน พอได้ลูกมาแล้วก็จะพาไปเยี่ยมปู่เยี่ยมย่า ทีนี้เวลาไปกลางทางลูกทะเลาะกันเราจะตีลูกเรา ทะเลาะกันหาอะไร กำลังพัดอยู่นั้นก็เลยเอาพัดฟาดหัวพระเถระผู้เป็นอาจารย์ มันเคลื่อนขนาดนั้น ความจริงเขาคิดว่าจะตีลูก อย่าทะเลาะกัน กลับเอาพัดฟาดใส่หัวพระเถระ อ้าว เธอคิดจะสึกไปหาเมีย ได้ลูกแล้วจะพาลูกไปเยี่ยมปู่ย่าตายาย แล้วลูกทะเลาะกันในล้อในเกวียนเลยตีลูก ก็เราไม่ใช่ลูกของเธอมาตีหาอะไร เผ่นเลย พระองค์นั้นอาย เผ่นไปเลย เอาแค่นั้น เอามาพอย่อๆ นี่ยังไม่ถึงไหนแบ่งกันแล้วๆ เดี๋ยวจะเอาพัดตีกันละนะ เอาละนะพอ

 

รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร

FM 103.25 MHz

 


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก